Extraวิธีการเลือกคณะอย่างชาญฉลาดโดยนายอธิษฐาน1.ในเมื่อมันยากนัก กว่าจะรู้ว่าชอบอะไร งั้นหาที่เกลียดขึ้นมาแทน
ยกตัวอย่าง..
เลข อู้ยย เกิดมาเพื่อเบียดเบียนกันแท้ๆ เพราะฉะนั้น บายบ้าย วิศวะ บัญชี
อังกฤษ หนูแร้ทแคทแมว ไอแอมตี๋ น้อทตี่ โอเค ชัดเจน ไม่ได้ทำบุญร่วมกันมา
วิทยาศาสตร์ เอิ่ม สายันต์สวัสดิ์ ฉะนั้น สายวิทย์ก็แยกทางเดินกันตรงนี้ได้เลย
2.ถามผู้มีประสบการณ์ รุ่นพี่ รุ่นป้า รุ่นแม่ ยันรุ่นเดอะเก๋า ว่าอาชีพไหนเป็นยังไง
"อะไร อาตี๋ แกจะต่อมหาลัยด้วยเหรอ" เจ๊แดงครับ มันแปลว่าไรวะครับ
"เรียนแบบอาฮ้งสิ ง่ายดี ไม่ต้องคิด" ป้าเสริม...ผู้แสนครีเอทีฟ
วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับผม
3.หาข้อดีในตัวเอง
นอนเก่ง ชอบปีนต้นไม้ ว่ายน้ำในคลองตั้งแต่แปดขวบ วิ่งร้อยเมตรเจ็ดจุดสองวินาที
ไม่ดิๆ เอาอะไรที่เป็นสาระหน่อย..
เต้นท่ากากๆ?
เอ่อ ไม่ไหววะ
4.สุ่ม
ง่ายๆครับ เอาไอ้คณะที่ยังรอดจากสามข้อข้างบนนั้น เขียนลงแผ่นเดียวกัน ฉีกเป็นแผ่นเล็กๆ เทลงแก้วเขย่า หลับตา แล้วอธิษฐาน..
ศิลปกรรม สถาปัตย์ มนุษย์ นิเทศ
แล้วแต่ชะตาฟ้ากำหนด ล้วงมือหยิบครับ..
เย็นบ่ายๆอันแสนศักดิ์สิทธิ มีเสียงเฮียกรนเป็นซาวด์แทร็กประกอบวินาทีระทึก
ผมเปิดกระดาษออกช้าๆ ใจเต้น
ส.เสือปรากฏขึ้นบนเสี้ยวกระดาษที่แง้มดู ผมรีบยัดกลับลงแก้วทั้งๆที่ยังไม่เปิดดู
"ส...สถาปัตย์ ถาปัตย์หว่ะเฮีย ไอ้เฮีย!!!"
วันปฐมนิเทศ....
ติดแบบฟลุ๊คๆมึนๆ ได้ทุนซะด้วย
ม้าดีใจใหญ่ ไม่กล้าบอกเลยว่าไม่ได้อ่านหนังสือไปด้วยซ้ำ
คนพลุกพล่าน คณะอยู่ทางไหนก็ไม่รู้ แถมเลือกที่นี่เพราะใกล้บ้าน ไม่คิดว่าจะติดเพราะมหาลัยดังพอควร เดินคลำทางไปเรื่อยๆตั้งแต่ประตูรั้ว คนเยอะมาก เสียงดังไปหมด ผมเดินลัดสวนมา เห็นป้ายห้ามลัดสนามแต่มองซ้ายขวาไม่เห็นคนสนใจเลยลองซะหน่อย ข้ามมาก็เป็นม้านั่งหิน หน้าตึกที่เขียนชัดว่า"คณะวิทยาศาสตร์"
ตรงนี้เงียบลงกว่าเดิม ร่มเงาจากต้นไม้สูงกับลมเย็นๆน่าแอบงีบ มองไปรอบๆมีแต่รุ่นพี่นั่งอ่านหนังสือกันเป็นกลุ่ม มีอยู่โต๊ะนึงครับที่นั่งอยู่แค่คนเดียว เป็นพี่ผู้ชาย นั่งหันข้างให้ผมอยู่ ผมเลยลองเดินเข้าไปถามดู
"เอ่อ พี่ครับ สถาปัตย์อยู่ทางไหนครับ?"
"...."
เมื่อกี้ผมพูดภาษาไทยใช่หรือเปล่าวะ จ้องหน้ากูแบบนี้หมายความว่ายังไง? แหน่ะ สะบัดหน้าหนีอีก
ถึงเอ็งจะหน้าตาดีแบบดารา แต่กระป๋องก็เปิดรอเอ็งโดดลงไปอยู่หน่ะ โคตรไร้มนุษย์สัมพันธ์ ผมเดินหันหลังให้มันแล้วครับ แม่ง น่าหงุดหงิดวะ ขอให้เป็นปมด้อยเดียวของมหาลัยนี้แล้วกัน
"พี่ครับ ขอโทษนะครับ? ตึกถาปัตย์อยู่ไหนครับ?"
ผมเห็นพี่อีกคนนึงเดินผ่านเลยเรียกดักไว้ ใส่แว่น ดูเท่ๆ ใส่เสื้อช็อป เขาดูเหมือนจะทักคนที่อยู่ข้างหลังผมไปอีก แต่ผมดันพูดคั่นไว้
"ตรงนู้นเลยน้อง เห็นตึกนู้นไหม เลยถัดไปจากตึกที่มีศาลาอยู่ข้างหน้าไปอีก"
"อ่อ ขอบคุณครับ" ผมโค้งหัวให้ ในมือม้วนใบกำหนดการจนกางออกไม่ได้แล้วครับ ผมเดินสวนกับพี่คนเมื่อกี้ไป ได้ยินเสียงไล่หลังมา "ไป ไอ้หมอก ไปส่องเด็กกัน" ผมหันหลังกลับไปมองแวบหนึ่ง ก็เห็นไอ้พี่คนที่ผมเข้าไปทักคนแรกปรายตามองมาเหมือนกัน
สายตานั้นเย็นเฉียบ แต่ผมไม่สนใจ
คิดแค่ว่าดีแล้วที่ไม่ได้อยู่คณะเดียวกัน..
เอาวะ คงเจอกันแค่ครั้งเดียว แอบแลบลิ้นใส่ ไม่เห็นหรอก
"คนแบบนั้นคงไม่โคจรมาเจอกันอีก สบายใจได้ไอ้ตี๋" บอกตัวเองแล้วก็รู้สึกสบายใจ
ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังปลายทางของผมโดยไม่หันกลับไปมองอีก..
[Extra]
[10.12.54]
ปล. ถ้าเป็นพี่หมอกคงใส่กระดาษสามเเผ่นที่เขียนว่า "วิศวะ วิศวะ วิศวะ" 
