Coin 27“พี่ผ่องคร้าบ ยกมาวางตรงนี้ได้เลยครับ”
“ละมะอาวเม๊อะนู่นมะโด่ยหระ?”
ฟ..ฟังไม่รู้เรื่อง
ผมมองหน้าเฮีย แต่เฮียหันหน้าหนีซะงั้น “ช..ช่วยพูดใหม่ได้ไหมครับ?”
ประโยคเดิมแบบข้างบนเป๊ะ นึกว่าเปิดเทปซ้ำ ผมเลยรีบพยักหน้าไป กลัวพี่แกเสียความมั่นใจในการพูดภาษาไทย แล้วก็เดินตามพี่ผ่องไปที่ห้องครัว พี่คนงานคนใหม่พึ่งมาถึงเมื่อวานนี้ น้าอรเจ้าเดิมนี่แหละครับที่แนะนำมาให้
อ่อ..คงจะถามว่าไม่เอาหม้อนั้นมาด้วยหรอ ฟังตั้งนาน ผมไม่ปล่อยให้พี่เขายก รีบวิ่งเข้าไปยกเอง หม้อโจ๊กมันหนักครับ ถึงแม้พี่เขาจะเป็นคนงานแต่เขาก็เป็นผู้หญิง ไอ้เรื่องใช้แรงงานบอกหัวหน้าวิศวะกรรมกรมาเลย!
ม๊ายืนนั่งมองที่เก้าอี้ คงจะรู้สึกแปลกๆที่ไม่ได้มาช่วยงาน พวกผมกว่าจะพูดไซโคม๊าให้ยอมนั่งเฉยๆได้ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง สุดท้าย ม๊าก็หันไปคว้าหนังสือพิมพ์มาอ่านแทน
“ตี๋เสริฟ์!”
“เออๆ งานง่ายๆนี่รีบแย่งเลยนะ”
“หน้าที่ของคนเป็นพี่ ห้ามบ่น”
เหวอ! มันยกหม้อเปล่าจะเขกหัวผม รีบเผ่นเลย
ท้องฟ้ายังไม่สว่าง แต่ก็เห็นชาวบ้านบางคนเริ่มขับมอไซค์บ้างจักรยานบ้างออกมาจากหลายๆที่ ใกล้ๆนี่มีตลาด คงจะมาหาซื้อข้าวเช้ากินกัน แต่อย่างพวกอาแป๊ะอาซิ้มอีตื่นเช้าครับ ก็ออกมานั่งคุยกัน มาตั้งแต่ผมยังจัดโต๊ะไม่เสร็จ เลยต้องรีบไปยกเก้าอี้ให้ก่อนแล้วเอาน้ำชามาให้กินรอกันไป
หลายคนรู้ข่าวม๊าผมก็เข้ามาคุย ม๊ายังติดใส่ผ้ากันเปื้อนออกไป วันนี้ได้เห็นม๊านั่งคุยกับคนอื่นที่โต๊ะเป็นภาพที่แปลกตาดีครับ ปกติจะยืนอยู่หลังหม้อนู่น วันนี้กลายเป็นไอ้เฮียยืนหน้าบูดเหมือนแค้นหมูสับมาซักสิบชาติ กำลังจะเดินไปถามว่าเพราะอะไร แต่ไม่ทันแล้วครับ
“อ้าว แล้ววันนี้อาฟินอีหายไปไหน?”
ชื่อต้องห้ามถูกเอ่ยออกมาแล้ว!
ชามในมือเฮียหล่นลงกับโต๊ะ ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวเลยครับ “ตุ้ย ปู้ ฉี่ โทษครับ มือฮ้งลื่น” มันทำท่าเอามือเช็ดกับผ้ากันเปื้อน ไม่ต้องมาเนียนเลยไอ้เฮีย หน้าเฮียเหมือนคนเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อแก้ม มันมีอะไรเกิดขึ้นวะ
ผมไม่กล้าถาม เพราะกลัวเอาคอตัวเองไปวางพาดเขียงสับหมู เมื่อคืนลองแอบโทรหาไอ้พี่ฟินแล้ว แต่มันปิดเครื่องอยู่ ลองโทรหาเพื่อนมันคนอื่นๆที่พอจะรู้จักดู ไม่มีใครรู้มันหายไปไหน
ที่แพร่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ?
จากที่ยกโจ๊กมาส่งบ้างนั่งคุยบ้าง ก็กลายเป็นนั่งไม่ได้แล้วครับ ผมกับพี่สาช่วยกันเสริฟ ส่วนพี่ผ่องกับเฮียก็ช่วยกันตักโจ๊ก แถวนี้มีร้านโจ๊กร้านเดียวก็คือร้านเรา ซื้อกลับบ้าน นั่งกินนี่ มีทุกแบบ บางเจ้าสั่งทีสิบกว่าถุง นั่งขับเบนซ์มาซื้อยังมีเลย ม๊าเป็นคนเก็บเงิน ยังเหนื่อยไม่แพ้พวกผม
น่าเสียดาย เงินที่พวกเราหาได้หมดไปกับการจ่ายหนี้ที่เราไม่ได้ก่อ แต่ก็ยังมีความสุขดีกับชีวิตตอนนี้ครับ
พอตอนสายๆก็เตรียมเก็บร้าน ก็เห็นมินิคูปเปอร์สีแดงขับมาจอดที่หน้าตึก ผมจำได้ครับ น้องฝนเดินเข้ามาในร้าน ยกมือไหว้ม๊าก่อน ทักทายกันตามประสาผู้หญิง ผมมันผู้ใช้แรงงานเลยไปนั่งขัดหม้อกับเฮียที่หลังร้านแทน เห็นพี่สาพี่ผ่องคุยกัน เออ มาจากบ้านเดียวกันนี้เอง
พี่ผ่องนี่จะพิเศษกว่าพี่สาหน่อยครับ พวกผมให้เธอช่วยดูแลม๊าด้วย เพราะบางทีเปิดเทอมพวกผมยุ่ง ไม่ได้อยู่กับม๊าตลอด พวกผมไม่สบายใจ ยอมเสียเงินตรงนี้ดีกว่าให้เกิดเรื่องอะไร ตอนนี้ผมกับเฮียเลยต้องแขม่วพุงรัดเข็มขัดกันเพิ่ม
“พี่ฟินไปไหน?”
น้องฝนยื่นหน้าเข้ามามอง ไม่ได้เดินเข้ามาเพราะพื้นแฉะ ที่พื้นเลอะน้ำยาล้างจานเต็มไปหมด เฮียวางหม้อ มือยังเลอะฟองเต็มไปหมด เงยหน้าขึ้นมามอง “ไม่รู้ ถามหาทำไม”
“เปล่า ก็แค่อยากรู้ แล้วทำไมพี่ฮ้งต้องโมโห”
“ไม่ได้โมโหสักหน่อย จะไปโมโหเรื่องอะไรกัน” มันทำหน้าลอยไปลอยมา ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็เห็นชัดๆว่าโกรธ ก้มหน้าก้มตาขัดหม้อต่อ
“แล้วพี่หมอกหล่ะ?”
“ตอนฝนจะออกมาเห็นพี่หมอกเดินวนไปมาแถวรถ ไม่ขับออกมาซักที ฝนขี้เกียจรอ เลยออกมาก่อน”
ผมเห็นภาพเลยครับ หลุดยิ้มเลย มือถือก็มีทำไมไม่โทรมา ผมไม่กล้ายิงไปหาพี่หมอก เพราะพี่หมอกกดรับเร็วมากเหมือนรออยู่ เคยบอกแล้วว่าให้โทรกลับ แต่ยิงไปทีไรก็รับทุกที
“แล้วฝนมีเรื่องอะไรหรอ?”
“ฝนโทรคุยกับพ่อแล้ว พ่อไม่ยอมให้ฝนเรียน ตอนนี้ฝนก็ทำใจแล้ว เรียนแบบที่เขาต้องการไป ส่วนเรื่องวาดรูป ฝนมาเรียนเพิ่มเองก็ได้”
ผมพยักหน้า ไอ้เฮียก็ฟังอยู่แต่ไม่พูดอะไร ได้แต่หวังว่าเธอจะมีความอดทนมากพอที่จะอยู่กับสิ่งที่เธอไม่ชอบ
“ฝนจะมาขอบคุณพี่ตี๋”
“หืม?”
“ขอบคุณ ที่ทำให้ฝนกล้าตัดสินใจอะไรลงไป ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อย ฝนก็รู้สึกสบายใจขึ้น”
ผมยิ้มตอบ บอกให้เธอออกไปรอข้างนอกก่อนเพราะจะเริ่มล้างน้ำกันแล้ว เดี๋ยวเสื้อสวยๆจะเปียกหมด ไอ้พวกผมมันล้างกันแบบปกติเป็นที่ไหน เหมือนอาบน้ำใหม่ โชคดีเมื่อเช้าไม่ได้อาบน้ำมา ฮ่าๆๆ
“เอ้า ไปอาบน้ำกันมาหรอไง” ม๊าหัวเราะตอนเห็นสภาพพวกผม โทษไอ้เฮียเลย แม่งกระแทกชาม น้ำกระเด็นใส่ผมหมด ให้อยู่เฉยๆหรอ เรื่องดิ! ผมก็สาดกลับ พี่ผ่องพี่สาวิ่งหนีออกมากันหมด สุดท้ายก็ยกของขึ้นหลังรถ ให้ม๊าขับกลับบ้าน ผมกับเฮียเดินกลับเพราะเดี๋ยวรถเปียก
ซอยมันไม่ได้ลึกมากหรอกครับ แต่ก็ใช้เวลาสิบกว่านาทีเหมือนกัน น้องฝนยิ้มให้ผมก่อนที่เธอจะขับรถมินิคูปเปอร์คันนั้นออกไป ผมกับเฮียช่วยกันดึงประตูเหล็กลงมาล็อคตึก เสร็จภารกิจตอนสายๆ
“เฮีย ตี๋ถามจริงๆ ไอ้พี่ฟินมันไปไหนวะ”
“…..” ไม่ต้องมาทำสายตาเย็นชาเลย ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของไอ้พี่หมอก ผมไม่กลัวหรอก “ตอบมาดิ พี่รหัสตี๋หายไปไหน?”
“กลับบ้าน”
“ทำไมถึงกลับ ไม่ใช่ว่าไอ้พี่ฟินมันหนีออกมาหรอ”
“มันกลับไปเอง ไม่มีใครบังคับมันด้วยซ้ำ” เสียงเฮียดูจะเบาลงนิดหน่อย ผมว่าเฮียรู้สึกเสียใจ ผิดหวัง แต่เอาความรู้สึกโกรธขึ้นมาเพื่อซ่อนความรู้สึกพวกนั้นไว้
“ล..แล้ว จะกลับมาเรียนไหม?”
“เฮียไม่รู้”
“ทำไมเฮียไม่ถามอ้ะ?”
“เฮียมีสิทธิไรไปถามมัน มันตัดสินใจแล้ว จะไปห้ามมันได้ยังไง”
“….”
“มันไม่คิดอะไรบ้าๆหรอก ตี๋ไม่ต้องห่วง” หันไปมอง สายตาเฮียไม่ได้บอกว่าพูดออกมาลอยๆเพื่อปลอบใจผม มันพูดจริง
“ถ้าไม่กลับมา เฮียจะไปตามพี่ฟินไหม?”
“…ไม่รู้ดิ…”
อากาศร้อนๆ ได้ยินแต่เสียงไอ้เฮียเกาพุงแกรกๆแทนคำตอบ
……………………………………
……………………………
พี่ผ่องมาเพิ่ม ก็ได้ไปนอนห้องม๊าครับ ช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง บางทีก็นั่งคุยเป็นเพื่อนม๊าด้วย ม๊าเก่งมาก ฟังพี่ผ่องออก ผมยังฟังไม่รู้เรื่องสักที
“พี่ผ่องครับ เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแปปนึง ฝากดูแลม๊าหน่อยนะครับ”
“ดะเค่อะ”
ผมกระพริบตาปริบๆ แต่ก็พยักหน้าตอบ เดินเข้าไปหาม๊า ม๊าถามจะไปไหนผมก็เลยบอกไป ม๊าฝากบ๊ะจ่างมาด้วยสองสามอัน ผมก็เอาใส่ถุง วางไว้ที่ตะกร้าหน้าของมอไซค์
เอาวะ นาทีละสองบาท
ไม่ทันได้ยินเสียงเพลงรอสาย มันก็กดรับ “พี่อยู่ไหน”
“ทำไม”
“ผมจะไปหา”
“ไม่อยู่บ้านหรือไง” เสียงมันไม่ได้งอนตูดบิดอะไรหรอกครับ มันถามเฉยๆ สบายใจได้
“พี่ผ่องกับเฮียอยู่บ้าน ม๊าฝากบ๊ะจ่างมาให้พี่ด้วย”
“กูอยู่คอนโด”
มันไม่ชอบอยู่บ้านจริงๆสินะ พอผมไม่อยู่ด้วยก็กลับมาอยู่คนเดียวที่คอนโดอีกแล้ว
“มึงไม่ต้องขับมา เดี๋ยวกูไปรับเอง”
“ผมขับออกมาแล้ว”
“ขับกลับบ้านไป”
เซ็งหว่ะ เปลืองน้ำมันมาก ผมเลยจอดที่ร้านโชว์ห่วยของป้าเสริมที่กลางซอย แวะซื้อชาดำเย็นที่ป้าแกทำเอง แล้วขับกลับบ้าน ม๊าทำหน้างงเลยครับ “เดี๋ยวพี่หมอกมันจะมาหาเองครับ” ม๊าก็พยักหน้า
ไอ้เฮียพุ่งเข้าหาชาดำเย็น นั่งกระดิกเท้ากิน ทำตัวน่าหมั่นไส้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด ผมยื่นอีกถุงให้พี่ผ่อง
รอไม่นานก็เห็นบีเอ็มคันเดิมมาจอดหน้าบ้าน มันเดินหน้าบูดมาเลยครับ ไม่ยอมถอดแว่นกันแดด เห็นพี่ผ่องมองตามตาไม่กระพริบ ไอ้พี่หมอกก็มองกลับ สายตาบอกชัด ‘มึงเป็นใคร‘
“นี่พี่ผ่อง จะมาช่วยดูแลม๊าอะ”
“เออ”
ผมรู้สึกมันสูงขึ้นเปล่าหว่ะ? หรือผมไม่ได้สังเกตเอง ดูมันจะสูงขึ้นอีกแล้ว มันยกมือไหว้ม๊าผม ที่นั่งเหลือข้างๆไอ้เฮีย มันไม่นั่ง “ไปยัง”
“เดี๋ยวๆ กินบ๊ะจ่างก่อนเลยไหม?”
พอถามถึง ม๊าก็รีบบอก “นี่ทำเองเลย ใส่แต่ของดีๆ” คนจีนเสียเงินร้อยละ 90 ไปกับของกินครับ เชื่อผม ถือว่ายังไงก็ต้องหาของกินดีๆให้ครอบครัวตัวเอง
พี่หมอกจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้ เพราะม๊าชวนมาแล้ว มันไม่นั่งข้างเฮียแต่ไปนั่งเก้าอี้ไม้ข้างๆแทน พี่ผ่องรีบเอาน้ำมาให้
“น้ำชา”
“ห้ะ?”
“น้ำชาไปไหน ทำไมวันนี้เป็นน้ำเย็น”
มันมาบ้านผมไม่เคยกินหรอกครับ น้ำเย็น แต่พี่ผ่องไม่รู้ พี่แกก็หน้าเหวอ “ไม่เป็นไรครับพี่ เดี๋ยวแก้วนี้ผมกินเอง พี่หมอกรอแป็ป เดี๋ยวผมยกมาให้” มันก็พยักหน้า ถอดแว่นกันแดดออก พี่ผ่องนี่ไม่ยอมเดินเลยครับ มองตาเป็นมัน
ผมตามม๊าเข้าไปในครัว ช่วยยกจานกับเทน้ำชาให้พี่หมอก บ้านผมชาไม่ขม หอมมาก กินแล้วติดใจทุกราย เห็นไอ้เฮียที่นอนกินที่ทั้งโซฟาดูดชาดำเย็นแล้วจ้องหน้าพี่หมอกแบบหาเรื่อง ต่างจากไอ้พี่หมอกที่ไม่สนทั้งสายตาเฮียแล้วก็ของพี่ผ่อง มันขมวดคิ้วมองผม
“ไรพี่ อ้ะ น้ำชา”
มันยื่นมือมารับ ผมไปนั่งทับขาไอ้เฮีย เฮียฮ้งโวยวายแล้วรีบยกขาหลบ ม๊ายิ้มๆ มองจนไอ้พี่หมอกต้องตักบ๊ะจ่างเข้าปากกิน
“เป็นไงบ้าง?”
“ก็…อร่อย”
ม๊ายิ้มแป้นเลยครับ ไอ้เฮียทำเสียงเชอะขึ้นจมูก อะไรของมึงวะเนี่ย
มันก็นั่งกินเงียบๆจนหมด ยกน้ำชาขึ้นกินอีกหน่อย แล้วก็ลุกขึ้น “เดี๋ยวผมพาตี๋กลับมาส่ง” ม๊าพยักหน้า ทำไมเหมือนสองคนนี้มีความลับอะไรกับผมอยู่เลยหว่ะเนี่ย ไอ้เฮียนี่บิดตูดใส่ เลยเอาเท้ายันเข้าไปทีนึง
“พี่หมอกจะไปไหนอะ?”
เห็นมันขับออกไปคนละทางกับทางกลับคอนโด ตอนแรกนึกว่าจะกลับบ้านมัน แต่ยิ่งเห็นทางยิ่งไม่ใช่
“พามึงไปทิ้งทะเล”
“เฮ้ย!!” มันหลุดขำเบาๆ ผมตกใจครับ ตกใจที่มันเล่นมุก! เหมือนคนอารมณ์ดีมากๆ นี่มันใครวะเนี่ย ไอ้พี่หมอกหรือเปล่า เอาตัวจริงมันคืนมา ส..ส.สงสัยเป็นฝีมือนี่สินะ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ต่างดาวหน่ะ (เพ้อเจ้อหว่ะ)
“กูไม่ได้เห็นหน้ามึงมา 14 ชั่วโมง”
“พี่นั่งนับจริงดิ?”
“เปล่า กูมั่ว”
“….”
ไอ้ความประทับใจที่โผล่หัวขึ้นมาแว่บๆ มุดหายไปเลยครับ
วันนี้มันดูวิ้งๆกว่าปกติ เวลามันใส่แว่นกันแดด จะคล้ายๆกับพวกดาราที่ปลอมตัวหนีนักข่าว ไปไหนเลยมีแต่คนมอง เสื้อคอวีที่ดูบางๆ ไม่แปลกใจที่พี่ผ่องมองตาค้าง
“พี่เห็นเสื้อผมป่ะ เขียนว่า ค่ายนิติพัฒนาฯ มันเคยเป็นสีดำแต่ตอนนี้ซักจนซีด อย่าพาผมไปที่เว่อร์ๆนะพี่”
มันหันมามองแว่บหนึ่ง เห็นมันเลิกคิ้วมอง “ทำไมมึงไม่ซื้อเสื้อใหม่”
“เปลืองตัง”
“เดี๋ยวกูพาไปซื้อ”
“ไม่เอา เงินพี่ก็เงินพี่ดิ พี่เก็บไว้ใช้เองเหอะ ผมไม่เอาหรอก”
“ทำไม ก็กูจะซื้อให้”
“อย่าทำให้ผมรู้สึกแย่เลยพี่ พี่หมอก เงินที่พี่ใช้อยู่มันมาจากพ่อพี่ พ่อพี่ทำงานถึงได้มา พี่ยังหาเงินเองไม่ได้ อย่าใช้เปลืองดิ”
“….”
“เข้าใจแล้ว กรุณาส่งสัญญาณรับทราบด้วย”
“เออๆ”
พี่หมอกแวะห้างธรรมดาของพี่เขาครับ เซ็นทรัลเวิรด์! เอาเถอะ ยังพอจะกลมกลืน มันไปทางไหนก็มีแต่คนมอง บางคนมองผมด้วยครับ แต่สายตามันคนละเรื่องกันเลยหว่ะ คือหน้าตาดีเงินไม่มีนี่ไม่โอเคหรอครับ?
มันพาผมไปกินอาหารญี่ปุ่นครับ ร้านราเมง คนไม่ค่อยเยอะเลยนั่งกินกันแบบส่วนตัวได้ ผมนั่งตรงข้ามมัน นั่งรอใจจดใจจ่อ หิวมากครับ น้ำลายไหล
“ผมหิวหว่ะ ทำไมนานจัง” ชะเง้อคอมอง ลวกเส้นโปะหน้ามันนานขนาดนี้เลยหรอวะ ครัวนี่เห็นชัดเลยครับว่าลวกเส้นอยู่
“กินพริกรอไปก่อนไป นั่งลงดิ อย่าทำเหมือนกูพาเด็กมากินด้วย”
“….”
มาเสริฟ์ร้อนๆ อร่อยมาก เวลากินบะหมี่ราเมงจะลำบากหน่อย เพราะชอบคีบเส้นไม่อยู่ หล่นลงชามทีน้ำซุปก็กระเด็น เคยบอกไปหรือยังครับว่าผมปากรั่ว กินอะไรไม่เคยอยู่ ไอ้พี่หมอกแม่งจ้องด้วยสายตาที่สื่อได้ด้วยคำสามคำ
“. . .”
มันกินดูผู้ดี้ผู้ดี ผมนี้จะจับเส้นให้อยู่ในตะเกียบยังลำบาก เหมือนเอาตะเกียบคีบปลาไหล
“มึงกินลำบากหว่ะ”
“ไม่ได้ถึงขนาดนั้นซักหน่อย”
พี่พนักงานเดินผ่าน ไอ้พี่หมอกเลยเรียกดักไว้ “ขอส้อมหน่อยครับ”
พอส้อมมาอะไรๆก็ง่ายขึ้นครับ ผมกับพี่หมอกก็กินกันคนละสองชามครับ (ชามนึงนิดเดียวเอง) กินอิ่มเสร็จก็เดินเล่นกัน ผมเห็นร้านอาหารหลายๆร้านมีของอร่อยๆก็คิดจะซื้อกลับบ้าน แต่เดี๋ยวนี้ก็ต้องคิดแล้วว่าอาหารอะไรมันบ้าง หมอสั่งห้ามไว้หลายอย่าง พวกผมต้องคอยจำกัน
“หืม?”
“ทำไม กูเดินแบบนี้ไม่ได้หรอไง?”
“เปล่า ผมไม่ได้ว่าอะไร แค่ตกใจเฉยๆ” อยู่ดีๆก็เข้ามาเดินกอดคอ ก็ตกใจดิวะครับ กำลังมองสาวๆกลุ่มนู้นอยู่ หวังว่าพี่หมอกจะไม่รู้
“มองไรวะ”
“น…นู่นมีร้านการ์ตูนด้วย”
“….”
มีการหรี่ตามองผมด้วย ผมเปล่านะ ชูมือสองข้างขึ้นชูเลย ผมบริสุทธิ์คร้าบบ
ไม่ต้องหวังหรอกครับว่ามาเดินเที่ยวกับพี่หมอกแบบนี้ (ผมคิดว่าน่าจะเป็นครั้งแรกนะที่มาด้วยกันแค่สองคน) จะมีอะไรให้คนอื่นต้องอิจฉา เล่นเกมครับ ตกหล่มอยู่ในเกมเซ็นเตอร์ พี่หมอกไม่เท่าไหร่หรอก เองทีอยากเล่น มากับผู้ปกครองนี่ครับ ผมควักเองยี่สิบ ที่เหลือคนนู่นช่วย
เหลือแต่วินนิ่งที่พี่หมอกไม่เล่น พอถามทำไม ก็ได้คำตอบว่า “กาก กูเตะเองยังจะดีกว่า” เออ เชิญเหอะหว่ะพี่
“อ่อนแบบนี้มึงไปยืนดูดีกว่า”
“อ่อนไร ถ้าเมื่อกี้พี่ช่วยผมทันผมก็ไม่ตายแล้ว”
“ขนาดตัวในเกมมึงยังได้ตัวอ่อนๆให้กูช่วยเลย”
ผมเลยเอาปืนมาทำท่ายิ่งใส่มันครับ มันส่ายหน้าหนีผมอีก เซ็งหว่ะ เลยมายืนพิงตู้ดูมันยิงปืนแทน มันก็ดูสนุกดี แต่กลับทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร ผมเห็นผู้หญิงบางคนแอบเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปมันด้วย ก็ตอนที่มันถือปืนนี่ดูเท่จะตายไป
ผมยืนมองมันเล่นนานๆก็เซ็ง อยากเล่นเองบ้างหว่ะ “พี่ ขอผมเล่นหน่อยดิ”
“มึงหน่ะ ยืนดูไปเหอะ”
“นะๆ ขอหน่อย ผมยืนจนขาลีบแล้วเนี่ย”
เกิดศึกแย่งปืนครับ มันไม่ยอมปล่อย ผมก็พยายามดึง สุดท้ายเลยเกมโอเวอร์ด้วยประการฉะนี้
“ขนาดมึงไม่เล่น มึงยังพากูล่มได้เลย”
“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า ไม่อยากให้ผมเล่นเอง ความจริงนี่ผมเป็นเทพเจ้านำโชคของพี่เลยนะ เห็นไหม ผมหลุดจากเกมปุ๊ป พี่แพ้ปั๊ปเลย”
“เพราะมึงต่างหาก”
“โอ๋ๆพี่หมอก อย่าทำหน้าน้อยใจไป โอกาสหน้าไว้มาแก้ตัวกันใหม่”
มันถอนหายใจแบบปลงๆแต่ก็ยอมเดินตามผมมา เดินดูไปเรื่อยๆ พอเริ่มจะเย็นผมเลยบอกให้มันพากลับไปส่งบ้าน มันทำหน้าอิดออดเหมือนไม่ค่อยยอมแต่ก็ไม่ได้ห้าม
ขึ้นมาบนรถ มันไม่ยอมสตารท์รถ ผมหันไปมอง มันก็พูดขึ้นมา
“ตรงนี้มีอะไรเลอะวะ”
“ห้ะ ตรงไหนอ้ะ”
มันชี้ๆแถวแก้มมัน ผมเลยปัดแก้มผมดู “ไม่ๆ ตรงนี้ๆ” ตรงไหนวะเนี่ย กูไม่มีกระจกจะปัดถูกได้ไง
“เดี๋ยวกูปัดให้”
ผมเลยยื่นหน้าไปใกล้ๆให้มันปัดออกสะดวกๆ แต่สิ่งที่มาปัดไม่ใช่มือมันหรอกครับ มันกดจูบลงตรงแก้มผมแรงจนผมเอนตัว “เห้ย พี่หมอก เจ้าเล่ห์หว่ะ” หัวเราะกับมุกใหม่ของมัน เออ เข้าใจครีเอทดีหว่ะ หลอกกูสนิทซะเลย
“ไม่ได้เจ้าเล่ห์ ตรงนี้ก็มี”
แก้มอีกข้างโดนมันกดจูบลงไป ยังอยู่ในลานจอดรถ แต่ฟิลม์รถพี่หมอกก็มืดพอสมควร เลยคิดว่าคงไม่เป็นไร แถมมุมนี้ไม่ค่อยมีคนด้วย
ตอนนี้สายตาพี่หมอกไม่น่าจ้องมากครับ ผมไม่กล้าพอที่จะจ้อง ผมมองแล้วรู้สึกหัวมันว่างเปล่า ได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่ก้องหู มือไม่รู้จะไปวางไว้ไหน วางไว้ที่ขาได้หรือเปล่า หรือเกาหัวดี
“หมดยังๆ จะได้กลับบ้านสักที”
“ยัง เหลืออีกที”
“ตรงไหน?”
ริมฝีปากแนบเข้าหากันช้าๆ
เหมือนจะเก็บทุกความทรงจำไว้ให้ชัดเจนที่สุด ทุกอย่างเป็นไปอย่างไม่เร่งรีบ ริมฝีปากผมถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ลิ้นกระหวัดเข้าหากัน ผมใจเต้นแรง มือสั่น หาที่วางมือได้แล้ว คงจะต้องเป็นหลังคอพี่หมอกอีกเหมือนเคย เพราะเหมือนพี่หมอกจะสูบพลังผมได้ คงจะเป็นความสามารถพิเศษของพี่เขาสินะ
ชอบเวลาที่พี่หมอกเม้มปากผมเบาๆ อย่างน้อยมันก็ไม่เจ็บเหมือนเวลาโดนกัด แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ แบบที่น่าอายสุดๆ ผมคิดว่าผมเป็นคนเดียวที่มันทำแบบนี้ด้วย ห..หวา คำนี้ตลอดชีวิตผมก็ไม่มีทางพูดออกมาหรอก
“คืนนี้กลับไปกับกูนะ”
ไม่กล้ามอง กลัวปฏิเสธไม่ลง เสียงกระซิบแบบนี้มันดูเว้าวอนเสียจนผมไม่กล้าจะผลักตัวพี่เขาออก พิงหัวลงกับไหล่กว้างๆ ได้กลิ่นที่คุ้นเคย
“ผมจะอยู่กับม๊า ผมบอกพี่แล้ว”
“…..”
“นะๆ พี่ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว”
“เปิดเทอม..”
“ห้ะ?”
“เปิดเทอม กลับมาอยู่กับกู”
“พี่หมอก”
“อยู่กับกู อย่าทิ้งกูไปไหน”
ประโยคคำสั่ง ประโยคบอกเล่า หรือประโยคขอร้อง ?
“คืนนี้กูก็อยากให้มึงมา..”
ผมตีความไม่ถูก เพราะเสียงพี่หมอกมันดูแข็งกระด้าง แต่ความหมายของคำมันเต็มไปด้วยความเหงา
เห็นมันเม้มปาก ขมวดคิ้ว ชอบทำแบบนี้เวลาลังเลว่าจะพูดอะไรออกมา คำพูดที่บางครั้งมันไม่อยากพูดออกมาเพราะเดี๋ยวจะขัดกับสโลแกนมัน
“มึงอยู่ด้วยกูนอนไม่หลับ มึงไม่อยู่กูนอนไม่ได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มึง แบบไหนกูก็ทรมาน”มันไม่ได้มองหน้าผม แต่อยู่ใกล้แบบนี้ ใกล้เสียจนคิดว่าถ้าผมเงียบอาจจะได้ยินเสียงหัวใจพี่หมอก
“ถ้ากูจะต้องรู้สึกอึดอัดแบบนี้ มีมึงอยู่ข้างๆ..กูก็อาจจะทนไหว”ตึก ตึก ตึก
ผมเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า
ไปตรวจตอนนี้ยังทันไหม?
ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเกือบห้านาที ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเอง รู้สึกเหมือนกลั้นหายใจเป็นพักๆ
ผมสำคัญกับพี่ขนาดนั้นเลยหรอ?
พี่ไม่ได้เคยพูดอะไรแบบนี้ให้ใครฟังมาก่อนใช่ไหม? ผมจะได้ไม่ดีใจเก้อ
“คำตอบหล่ะ?”
“…พี่พูดแบบนั้น เล่นเอาผมพูดอะไรไม่ออกเลยแหะ”
มันขมวดคิ้ว เอนตัวกลับไปที่เบาะตัวเอง หันหน้าหนีออกไปหน้าต่าง เท้าแขนไว้กับประตูฝั่งมัน
แต่ผมเห็น เห็นว่ามันหูแดงแป๊ด
ข..เขินหล่ะสิ
“ไว้..ผมคิดได้แล้วโทรไปบอก พี่อย่ากดรับนะ โทรกลับด้วย”
ได้ยินเสียงถอนหายใจ มันเอามือขยี้หัวตัวเองครับ ผมถึงกับเหวอ มันหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ สตารท์รถเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์ บรรยากาศเหมือนมันลนลาน ทำอะไรไม่ถูก
ผมกลั้นยิ้มจนเมื่อยไปหมด จนต้องหันไปทางหน้าต่างแอบยิ้ม
“รีบๆโทรมา อย่าปล่อยให้กูนอนรอ”
“ครับ!!”
………………………………..
……………………..
“พี่หมอก ผมคงไปไม่ได้แล้วอ้ะ พี่ผ่องเขาเทผงซักฟอกผิดช่อง เครื่องซักผ้าฟองฟ่อดออกมาเต็มไปหมด ท่วมหลังบ้านไปหมดเลย พี่ พี่หมอก .. ฮัลโหล? ฮัลโหล?”
ตู้ด ตู้ด ตู้ด…..
………………….
………………………………
[Coin 27 : complete]
[14.12.54]
โอเค เขียนเต็มที่แล้ว ไปอ่านเต็มที่บ้างดีกว่า
เจอกันคัฟ คิดถึงง
แอบไปเจอไอ้พี่หมอกเรื่องอื่นมาแหะ น่ารักกว่าไอ้พี่หมอกเรื่องนี้อีก เอ็งตกกระป๋องแล้วไอ้พี่หมอกเอ้ย

@mur@s@ki -- อิจฉาตาร้อนแผล่บๆ
@Shabu - ไม่ได้ประจานนะฮ้าาาา 555+
@ทุกความเห็น - ขอบคุณค้าฟ
@คนอ่าน - สวัสดีคัฟ (ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ 55)