ู^
ู^
^

แถมอีกตอน
แบบว่า อาทิตย์หน้าสอบ GAT PAT แล้ว อาจจะหายไปสักพัก (ซึ่งมันก็ไม่เคยทำได้จริง

)
เจอกันคัฟ
Coin 30“เฮ้ย เอียงซ้ายนิดๆ”
“พอยังวะพี่”
“อีกนิดนึง เฮ้ยๆ พอแล้ว แม่งเลยอีกแล้ว กลับไปขวาใหม่ดี ขวาอีกนิด อีกนิดนึง อีกสามองศา วุ้ยย เลยอีกแล้ว อะไรของมึงนี่”
“แล้วอะไรของพี่ว่ะ! ไอ้พี่ฝัน ขึ้นมาทำเองเลยดีกว่า”
“ไม่ได้ดั่งใจเลยหว่ะไอ้ตี๋ ลงมาดิ ค่อยๆลงมาอ้ะมึง”
ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนยอดบันไดเลยครับ คอยจัดป้ายไม้ที่มัดลวดเหล็กไว้กับเสาแล้วให้ได้ทิศดั่งใจไอ้คุณพี่ฝันมัน แค่เนี้ยะ !แค่เนี้ยจริงๆ ทำมาจะสิบนาทีแล้ว ไอ้พี่ฝันกลางวัน ไปหลับมาสักตื่นก่อนไป๊!
ผมก็ปีนลงมาให้มันขึ้นไปทำแทน แดดกลางวันร้อนมากครับ อะไรกัน จะหมดปีแล้วทำไมมันยังร้อนตับแล่บอย่างนี้หว่ะ ยกมือขึ้นบังตาแล้วเงยหน้ามองไอ้พี่ฝันมัน ไอ้โจ๋ก็กำลังขึงลวดของป้ายอีกฝั่งอย่างเมามัน ไอ้นี่มันบ้าทำงาน อนาคตคงเจริญ
“ไอ้กล้วย มึงไม่ทำงานก็ออกมายืนตากแดดเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”
“เรื่อง เดี๋ยวผิวขาวๆของกูจะกลายเป็นสีกล้วยอบน้ำผึ้ง” ถุย ไอ้กระแดะ ผมเดินไปลากมันออกมาเลย ตอนนี้มาทำงานหน้าคณะวิศวะ สบายเลยนะพวกมึง นั่งกินข้าวมองกูทำงานเยี่ยงกรรมกร งานมึงนะเนี่ย ไม่ใช่งานกูเลย
ไอ้พี่บอลก็ออกมาเช็คงานกับพี่ต้น ผมไม่เห็นพี่หมอก พอชะเง้อคอมอง พี่ต้นก็บอกว่าไปเช็คตารางงานกับไอ้พี่โก้ เฮ้ย ตกลงเอาจริงดิ จะเอามันเป็นประชาสัมพันธ์จริงๆนะเหรอ? ไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม?
“เดี๋ยวคอยดู รับรอง เลิศ”
“เลิศหรือร่วงหว่ะพี่ ไอ้พี่หมอกบอกทางยังไม่ได้เลย”
“โธ่ๆๆ ยังไม่ได้เจอไอ้หมอกนิวลุคส์อย่าพึ่งเอ็ดไปครับน้องตี๋” อะไรของพี่ต้นหว่ะ อยากรู้ๆ
“ทำไมวะพี่ มันไปทำอะไรมา”
“อ้ะๆ รอดูเอง”
เออ จะว่าไปมันก็อีกอาทิตย์กว่าๆเอง ตอนนี้เห็นบางมอเริ่มมากันจากต่างจังหวัด นักกีฬาก็คงจะมาลองซ้อมๆสนามดูก่อน ฝ่ายกีฬานี่ก็วุ่นหัวปั่นวิ่งไปมาทั้งวันเหมือนกัน
พิธีเปิดเห็นซ้อมกันใหญ่ อะไรจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้นวะ มีวิ่งคบเพลิงด้วย ผมแอบไปดูเขาซ้อมกันมา ฮาหว่ะ ถือไม้หน้าสามวิ่งแทนคบเพลิง กร๊าก
ช่วงนี้มหาลัยรู้สึกจะครึกครื้น สาวๆสวยขึ้นผิดหูผิดตา ชอบไปยืนออกันแถวคอร์ทเทนนิสบ้าง สนามบาสบ้าง สนามฟุตซอล เต็มไปหมด
เหลืออีกแค่อาทิตย์กว่าๆ..
พี่หมอกก็ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องเล่นกีฬาสักที
เห็นรุ่นพี่หลายๆคนทาบทามมันไปเล่นฟุตบอลอยู่ แต่ก็โดนมันปฏิเสธกลับมาหมด ทั้งๆที่ตัวมันเองก็อยากเล่นแท้ๆ ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเหตุผลของมันเลย อยากเล่นก็เล่นสิ ไม่เห็นจะเป็นอะไรซักหน่อย
พวกผมติดป้ายตรงนี้เสร็จก็มีงานต้องไปทำต่อ หลายๆอย่างยังไม่สมบูรณ์ พวกเราลงมือทำแล้วก็อยากทำออกมาให้มันดีที่สุด ไม่ใช่ทำผ่านๆไป เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นหน้าตาของมหาลัย
แต่สิ่งที่อยู่เหนือกว่านั้น….
มันคือหลีดวิศวะครับ!
ความจริงเห็นซ้อมกันมาพักใหญ่แต่ผมแค่ไม่รู้เท่านั้นเองว่ามันคืออะไร โอ้แม่เจ้า อะไรจะสูงยาวเข่าดีหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้วะ เขาเป็นเกณฑ์คนหน้าตาดีขนาดนี้มาจากไหนครับ ในวิศวะมีผู้หญิงสวยๆด้วยหรือทำไมผมไม่เห็นจะเคยเห็น
ตอนเย็นๆถ้าว่างก็แอบไปนั่งส่องกันสองคนกับไอ้โจ๋มัน มีของกินอะไรก็หิ้วไปด้วยเพราะนั่งนานเหมือนปิ๊กนิกเลยครับ
ตอนช่วงบ่ายหิ้วแฟ้มเอกสารตามไอ้พวกพี่เพรชไปประชุมงาน แต่ละคณะก็นั่งถกกันถึงความคืบหน้า ผมกับไอ้เคิ่ลเข้าไปก็นั่งเนียนหลับอยู่ข้างหลังไอ้พวกพี่เพรช ลมเย็นๆกับเสียงแอร์ดังหึ่งๆต่อเนื่องมันทำให้ผมที่ทำงานแบกหามมาตลอดกลางวันหลับไปไม่รู้ตัว
บางครั้งเผลอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงคนในห้องประชุม ได้ยินเสียงท้องตัวเองร้อง แต่ไม่นานก็หลับต่อ
เอนหัวไปมา มันเป็นความรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะข้างหลังไม่ใช่กำแพงแต่ยังมีเก้าอี้ต่อไปอีกแถว บางทีเลยเผลอหงายคอไปข้างหลัง ได้ยินเสียงคอเคล็ด ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ลืมตาขึ้นมา
ได้ยินเสียงทุ้มๆที่คุ้นเคยเบาๆ ไม่รู้ดังมาจากทิศไหน คอแห้ง เจ็บคอจนต้องกลืนน้ำลายลงไป
เหมือนแรงโน้มถ่วงมันจะเอียงไปด้านขวามากหน่อย คอผมเอนตามไป เมื่อกี้ก็เกือบจะล้มลงไปกับเก้าอี้ตัวข้างๆแล้ว แต่คิดว่ายังเอนได้อีกหน่อยจึงยังไม่หยัดตัวกลับมา
หัวผมชน
ชนเข้ากับอะไรไม่รู้ แต่รู้สึกเหมือนมีมือดันตัวให้ผมกลับมานั่งตรงเหมือนเดิม มีคนนั่งลงข้างๆ ผมได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นใคร เลยไม่ได้ลืมตาขึ้นมามอง
“พิงมาสิ”
เหมือนกระซิบอยู่ติดหู คนตั้งเยอะแยะ ทำอะไรไม่อายคนเลย
ผมเอนตัวตามคำนั้น
อุ่น ตัวพี่เขาอุ่นจัง
ผมพิงหัวเข้ากับไหล่คนข้างๆ คิดว่าไม่ต้องเอนหัวไปมาสามร้อยหกสิบองศาอีกต่อไปแล้ว
เสียงพี่บอลแทรกเข้ามาในความคิดนิดหน่อย แต่ฟังแล้วจับความไม่ได้ ปล่อยให้ผ่านหูไป
หลับสนิทไปในห้องประชุม ที่เสียงต่างๆค่อยๆหายไปจากการรับรู้ของผม…
……………………………
………………………….
“ไอ้ตี๋ ตื่นได้แล้วโว้ย เขาไปกันหมดแล้ว”
“ห้ะๆ?”
โอ้ย แสบตาหว่ะ “หลับอย่างเดียวเลยนะมึง กูพามึงมาช่วยกูฟัง ทำงานไม่ครบกูโทษมึงนะเว้ย”
“อ้าว เสร็จแล้วหรอ”
พี่เพรชพยักหน้า ผมหยัดตัวขึ้นจากเก้าอี้ที่ผมนอนกินที่ไปสองตัวเต็มๆ อ้าว แล้วเมื่อกี้กูฝันไปหรอวะ
มองไปรอบๆห้อง เหลือแค่พวกผมสามคนจริงๆด้วย
ไอ้เคิ่ลดูเหมือนจะหลับไปแค่ช่วงแรกๆ เพราะมันมีกระดาษจดสรุปยื่นให้พี่เขาด้วย
“กินข้าวรึยัง”
มองนาฬิกา จะบ่ายสามแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ผมส่ายหน้า พี่เพรชก็ถอนหายใจ “โทษทีหว่ะที่กูไม่ได้ปล่อยมึงไปกินข้าว กูนึกว่ามึงกินแล้ว”
“กลางวันผมช่วยไอ้พี่ฝันติดป้ายไม้อยู่อะ”
“เออๆ รีบๆไปกินเหอะ”
แวะซื้อลูกชิ้นนั่งกินกันหน้าตึกวิศวะ ขี้เกียจเดินไปไหนไกลๆ กินให้พอหายหิวแล้วค่อยไปจัดหนักที่บ้านดีกว่าครับ ไม่ชอบกินอะไรไม่เป็นมื้อ
ไอ้เคิ่ลตามไอ้พี่เพรชไปแล้ว ผมก็นั่งกินคนเดียว กำลังคิดอยู่ว่าเหลืองานอะไรอีกบ้างที่ต้องทำ
งานนี้มันดูใหญ่กว่าที่ผมคิด น่าจะมีอะไรดีๆให้ดูเยอะ
หวังว่าไอ้พี่ฟินจะกลับมาทันนะ โทรไปหาเฮียก็ปิดมือถือ ไม่รู้จะติดต่อยังไง เป็นห่วง แต่คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร
เห็นหมาแถวๆตึกวิ่งไปมา แม่หมากับลูกวิ่งห้อยตามเป็นพรวน ดูท่าจะหิว ผมเลยผิวปากเรียกแล้วยกลูกชิ้นที่เหลือในถุงให้ แย่งกันกินทั้งแม่ทั้งลูก ไม่น่าจะกินกันอิ่มเลยกลั้นใจควักซื้อเลี้ยงไปอีกไม้ ป้าก็ใจดีแถมให้ผมสามไม้มาเลี้ยงพวกมัน อิ่มกันเลยนะเอ็ง
“ไอ้ตี๋ สร้างกองทัพหรือไงวะ”
“อ้าวพี่โก้ หวัดดีครับ”
“ตัวนี้ไอ้ขาว ไอ้น้ำตาล ไอ้ดำ ไอ้ด่าง”
“ใครตั้งชื่อให้วะพี่”
“กูเห็นเขาเรียกกันทั้งคณะแบบนี้ เรียกตามสี ง่ายดี นู่น หมาภารโรงเขา”
ไอ้พี่โก้วันนี้ดูดีกว่าทุกวัน มันเดินมานั่งข้างๆผม เห็นว่ามีใช้เจลทำผมซะตั้งเชียว ใส่ชุดลำลอง เหมือนมาจากข้างนอก “พี่ไปไหนมาอ้ะ?”
“ไม่ได้ไปไหน อยู่ในมหาลัย แต่ถ่ายรูปโปรโมทลงเพจงานมาไง”
“เขาคิดไงเอาพี่ไปถ่ายหว่ะ อั้กกก พี่อย่ารัดคอผมมม”
ไอ้พี่โก้แม่งเอามืองัดคอผม เล่นเอาเจ็บลูกกระเดือกเลย งัดซะแรง ถ้ามันปลิ้นขึ้นมารับผิดชอบเลยนะเว้ย “แล้วเพื่อนไปไหนหมด เลิกคบแล้วหรอ?”
“โหย ปากพี่โคตรมงคล มันก็ไปทำงานกัน ผมโดดมา” ยิ้มแฉ่งปิดท้าย ตอนนี้โต๊ะที่ผมกับไอ้พี่โก้นั่งอยู่นี่หมาเต็มไปหมดเลยครับ ไอ้ตัวเล็กบางตัวปีนรองเท้าผมด้วย น่ารักดีหว่ะ
“เออๆ เดี๋ยวกูไปทำงานต่อแล้ว ไอ้หมอกก็ถ่ายรูปอยู่เหมือนกัน ท่าจะอีกนานรายนั้น ทำหน้าบูดยังกะโดนมีดจ่อคอหอยให้ทำอย่างงั้นแหละ”
“พี่ ถามจริง ใครเอามันไปลงฝ่ายนี้วะเนี่ย”
“พวกไอ้ต้น ไอ้บอมบ์นั่นแหละ มันบอกไอ้หมอกน่าจะดูดคนได้เยอะ ให้มันยืนเงียบๆพอ เดี๋ยวงานอย่างอื่นพวกกูก็ทำเองไง”
ผมพยักหน้า ขืนให้มันพูดคงได้ชกกันตาย
“โชคดีหว่ะพี่”
“เออ ขอกูแซวหน่อย”
“แซวไร?”
“ในห้องประชุมเมื่อกี้ ไม่เกรงใจใครเลยนะ”
“เกรงใจ? พี่ประชุมมาด้วยหรอ”
“ก็มึงเอาแต่หลับ ซบไอ้หมอกเคลิ้มเลย”
“เคลิ้มเหี้ยไรของพี่หว่ะ ไปโทษไอ้พี่ฝันนู่นเลยไป ใช้ผมยิ่งกว่าทาส มีชีวิตรอดเซย์ไฮก็บุญแล้ว เจอแอร์เย็นๆผมก็หลับดิ พิงใครผมไม่รู้หรอก”
“ให้มันจริงเถอะ…แล้วจะไปดูไอ้หมอกไหมล่ะ?”
“เดี๋ยวผมจะไปทำงานต่อ..”
“ไม่ดูจริงดิ”
“…..”
เห็นไอ้พี่โก้ยักคิ้วแล้วกำถุงลูกชิ้นเปล่าๆแน่น แม่ง อยากต่อยหน้าพี่แกสักทีจริงๆหว่ะ
“ไปแป็ปเดียวนะ”
……………………………..
……………………..
เวทีหน้าห้องเลกเชอร์ใหญ่ๆนี้เป็นที่เดียวที่มีแสงสว่าง สปอรต์ไลท์ตัวใหญ่กระแทกตาสาดแสงใส่หน้านายแบบที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ทำหน้าตากวนโอ๊ยอยู่ อ่อ ไม่ใช่ใครหรอกครับ พี่หมอกเอง
ผมว่าตอนนี้..ระเบิดใกล้จะลงแล้วนะ
ร.ร…รีบกลับดีกว่า
“เฮ้ย กลับมาแล้วเว้ย เอ้า ไอ้ตี๋ จะไปไหน?”
ไอ้พี่โก้เฮงซวยเอ๊ย กูจะออกไปเงียบๆ จะทักให้พี่ๆทั้งหมดเขาหันมาไมวะ ไอ้พวกเดอะแก็งค์พี่หมอกก็ทักผมกันใหญ่ ทำได้แต่หัวเราะแหะๆรับไป
สายตาไอ้พี่หมอกจ้องมาน่ากลัวมากครับ
ต่อให้ผมไม่เป็นกรมอุตุฯก็ทำนายได้ว่าตอนนี้อากาศหนาวใกล้ติดลบ หมอกลงจัด น้ำค้างแข็งบนยอดหญ้า หรืออะไรก็ตามที่มันทำให้หนาวเหน็บ มีแค่พี่ผู้หญิงที่ผมไม่เคยเห็นหน้าเท่านั้นแหละครับ ยืนอยู่บนเวที เท้าเอวด่าพี่หมอกปาวๆๆ
“ยิ้มหน่อยสิหมอก แล้วอย่างนี้งานมันจะเสร็จไหม?”
“ใครบอกกูว่างานฝ่ายนี้มันสบาย”
“แล้วเชื่อเองทำไม”
พี่หมอกขมวดคิ้วทำตาแบบนั้นใครมันจะกล้ามางานนี้ว่ะ นอกจากจะไม่โปรโมทยังไล่คนกลายๆอีก พี่หมอกผมสั้นกว่าพี่โก้หน่อย เวลาเซ็ทผมเลยไม่ได้หัวแหลมเป็นลูกเกาหลัด มันตั้งๆแบบเท่ๆ ผมบรรยายไม่ถูก แต่คิดว่าต่อให้พี่หมอกเกิดเพี้ยนผีเข้าลุกขึ้นมาทำทรงเด็ดล็อคก็อาจจะกลายเป็นแฟชั่นใหม่วัยรุ่นได้ในพริบตา
มันใส่เสื้อช็อปก็จริง แต่กางเกงเด็ปวันนี้ของมันขาดวิ่นเหมือนโยนไปให้หมาร็อตไวเลอร์สิบตัวขย้ำ เออ เทรนด์สมัยนี้แปลกดี ผ้าดีๆไม่ชอบ ชอบใส่กันน้อยๆ ขาดๆ เพื่ออะไรวะ
“ไอ้ตี๋ กินเปล่า?”
“กินๆ อะไรหว่ะพี่” ไอ้พี่แฟงเอาขนมมาล่อ ผมเลยเลิกสนพี่หมอก พี่ๆที่เหลือนั่งกันอยู่ที่โต๊ะเลกเชอร์เรียงกันยาว นั่งดูไอ้พี่หมอกทำหน้าบูดเหมือนละครเวที ผมยังอดขำไม่ได้เลย มันลำบากขนาดนั้นก็เปลี่ยนคนเหอะ
ไอ้พี่หมอกมันไม่ยิ้มหรอก ถ้าไม่รู้จักวิธีดีๆ
โอ้ย พายไก่ เด็ดหว่ะ ของการบินไทยแหง ดูกล่องแล้วใช่ด้วย แม่ไอ้กล้วยเป็นแอร์ สวยใจดี ชอบเอาขนมมาฝากผมประจำ หนึ่งในของฝากยอดฮิตก็พายไก่นี่แหละ
เอ่อ แม่ไอ้กล้วยสาวซะ ดูไม่ออกหรอกว่ามีลูกแล้ว เดินข้างกันชอบมีคนทักผิดว่ามากับพี่ชายหรอ กลายเป็นไอ้กล้วยไปที่ต้องน้ำตาตก กร๊ากกก
“หมอก เราขอเหอะ ซักรูปนะ ยิ้มหน่อย”
มาอีกแล้ว ไอ้ฉีกยิ้มของพี่หมอก พวกผมนั่งดูอยู่มุมนี้ตบโต๊ะฮากลิ้ง หัวเราะดังไปหน่อยพายเลยกระเด็นออกจากปาก รีบๆปัดลงพื้น ไม่มีใครเห็นใช่ป่าววะ “สกปรกหว่ะไอ้ตี๋” ไอ้พี่บอมบ์พยานปากเอก ปากสว่างเดี๋ยวก็โดนเก็บหรอก
มันดูจะหงุดหงิดเพราะแสงด้วย ผมเห็นมันเหงื่อออกเยอะ ก็ขี้ร้อนนี่น่า แถมใส่ซะเต็มยศ ไปนั่งให้แดดส่องยังกะหมูแดดเดียว
“ตี๋ มึงไปจัดการหน่อยดิ”
“อะไรของพี่ เกี่ยวไรกับผมอะ”
“กูเห็นมันยิ้มให้มึง ที่กับเพื่อนแม่งทำหน้าตูดใส่ เพื่อนเลว” ไอ้พี่บอลไม่อยู่ ผมมองแล้วไม่เห็น เหลือแต่ไอ้พวกรวมกันไม่ถึงบาท เอาพายไก่ที่กินเหลือในมือยัดใส่ปากไอ้พี่โก้เลย
“ไปเหอะ ดูหน้ามันดิ เดี๋ยวยัยฝ้ายก็โดนตะปบกระเด็นหรอก”
เห็นพี่ๆตากล้องถอนหายใจ สตาฟ์หลายคนก็ทำงานไม่ได้เพราะมัน พี่หมอกเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่พ่อแม่พามาแคสหน้ากล้อง เอาแต่ร้องไห้ ถ่ายรูปดีๆไม่ได้สักที
ผมหยิบพายไก่ไปอีกชิ้นหนึ่ง คว้าขวดน้ำไปด้วย เดินไปหามันนี่แหละ จะปีนเวทีแต่ไม่เก๋าพอเพราะสูงแถมมือไม่ว่างอีก เลยเดินไปขึ้นบันไดข้างๆแทน มันก็มองผมแต่ไม่พูดอะไร
“อ้ะพี่ กินก่อน ทำหน้าบึ้งใช้พลังงานเยอะ”
“อะไรของมึง”
พูดแบบนั้นแต่ก็คว้าขวดน้ำไป ยื่นพายไก่ให้ แต่มันส่ายหัว
กระดกน้ำอึกๆ หายไปค่อนขวด มันส่งคืน ตอนนี้สายตามันดูอ่อนลงหน่อย
“พี่ ขอสักรูปดีๆเหอะ สตาฟเขารอพี่นานแล้ว”
“กูไม่ชอบ แม่งบังคับกู”
“งานประชาสัมพันธ์ไงพี่ ผิดตรงไหน?”
“กูไม่ชอบถ่ายรูป”
“ผมรู้ แต่ขอรูปเดียวเองพี่”
พี่สตาฟพยักหน้าหงึกๆ บางคนยังสงสัยว่าผมเป็นใคร แต่พอเห็นท่าทางไอ้พี่หมอกที่อ่อนลงเลยไม่ได้ห้ามผมไว้
เห็นพี่ฝ้ายมอง
แต่คนอื่นก็มองเหมือนกัน เลยไม่ได้คิดอะไร
“นะ จะได้กลับบ้านกัน”
“รีบๆเหอะไอ้หมอก กูสงสารเพื่อนเว้ย เล่นตัวอยู่ได้ แม่คุณเอ้ย!”
พอไอ้พี่หมอกตวัดตาไปมองเท่านั้นแหละ ไอ้เสียงวีดวิ้วเมื่อกี้เลยกลายเป็นป่าช้า
“มึงถ่ายรูปดิ๊”
“ผมถ่ายรูปไม่เป็น”
“ไอ้เต๋า ส่งกล้องมา”
พี่เต๋า ตากล้องทำหน้างงๆ แต่ก็ถอดสายคล้องออก ยื่นกล้องให้ เป็นกล้องหนักๆอันใหญ่ๆ ผมต้องถือสองมือ เหมือนกล้องพวกมือโปร
ไอ้พี่หมอกดึงแขนผมไปใกล้ๆ สอนวิธีใช้ เฮ้ย มันรู้ได้ไงวะ โปรไปแล้ว “มีมึงคนเดียวบนโลกที่ใช้ไม่เป็น” เอ่อ ขอบคุณครับที่อุตส่าห์อ่านความคิดผมออก
“เร็วๆ กูอยากกลับแล้ว”
“อือๆ”
รูปแรกเสีย ผมถ่ายมือสั่น มันก็ไม่ได้ดูยิ้มเท่าไหร่เลยด้วย พี่ๆสตาฟเริ่มมีเตะข้าวของ พี่เต๋าก็เข้ามายืนอธิบายให้ผมฟังช้าๆใหม่อีกรอบ
“อีกรูปนะพี่”
ผมว่าถ่ายรูปเป็นอะไรที่สนุกดีครับ ผมไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่เพราะว่าไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง
เหมือนมองโลกผ่านสายตาตัวเอง
ในสายตาผมผ่านเลนส์กล้องตัวนี้ พี่หมอกกำลังมองมา แม้จะไม่ชัด ผมเห็นว่ามันยิ้มอยู่ เป็นรอยยิ้มเดียวกันกับที่ยิ้มให้ผมตอนแซวมุกผม ไม่รู้ทำไมมันถึงยิ้มออกมาได้
ผมได้ยินเสียงสตาฟคุยกันข้างหลัง กดชัตเตอร์รัวเลย เอามันสักร้อยรูปในสิบวิ จะได้ไปคัดเอาเองนะพี่
ผมยื่นกล้องให้พี่เต๋า ก็เปิดภาพให้ดู จะยื่นหน้าให้ไปดูซักหน่อย แต่ยังไม่ทันไรพี่หมอกก็คว้าแขนผม ลากให้เดินไปด้วยกัน “กลับ”
“แปปดิพี่?”
“อะไรอีก”
“ผมขอไปเอาพายไก่อีกชิ้นนึง”
“งกของกินหว่ะ”
“แหะๆ”
พี่แฟงยกมาให้ผมทั้งกล่อง ยิ้มกลับมาหาพี่หมอกเลย ในมือยังมีพายไก่อีกชิ้นที่พี่หมอกไม่ได้กิน เลยกินเองซะเลย
พวกผมเดินออกมาจากห้องเลกเชอร์ แสงสว่างที่ต่างจากข้างในทำให้ต้องหยีตา
มันถอดเสื้อชอปออกมาพาดบ่ามันไว้ ใส่แว่นกันแดดอีกแล้ว สาวๆมองตามเต็มไปหมด
“ทำไมพี่ยิ้มได้อะ?”
มันหันมามองแค่แวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองทางเดินตรงข้างหน้า จะพูดต่อแต่พายไก่ก็ติดคอ เลยหยุดเดิน พี่หมอกส่งน้ำมาให้กิน พึ่งเห็นว่ามันถือขวดน้ำขวดนั้นไว้อยู่ เพราะตอนที่ผมรับกล้องมาจากพี่เต๋าผมก็ฝากมันถือไว้
มันไม่ได้เดินมาลูบหลัง แต่ก็ย่อตัวลงมาขมวดคิ้วมอง “เอาน้ำอีกไหม?” ผมกินจนหมดขวด ส่ายหน้าให้
หมดชิ้นแล้วแต่ไม่หยิบมากินอีก เข็ด กลัวติดคอ น้ำไม่มีแล้วด้วย ตายเพราะพายไก่คงเป็นการตายที่เท่น้อยที่สุดในโลกนี้ชัวร์
“กู..นึกถึงมุกกากๆของมึง”
“ห้ะ?”
“มุกที่มันไม่ได้เรื่อง ไม่ตลก ฟังแล้วก็รำคาญหู”
“แต่พี่ก็ชอบ?”
ผมหันไปยิ้ม มันก็มองกลับมา
มันไม่พูดอะไรต่อ
มันหยุดเดิน ผมเลยหยุดเดินด้วย
พี่หมอกยิ้มกลับมาแทนคำตอบที่ผมรอฟัง….
……………………………….
……………………
[Coin 30 : complete]
[17.12.54]
๑Misso พิมพ์ผิดเยอะมาก ช็อคตัวเอง

๑Shabu กลับมายังน้า?

๑คนอ่านทุกคน


ตอนนี้ได้ 30 เหรียญแล้วนะ

หยอดกระปุกๆ
นอนดีกว่า ดึกมากก
