อั่งเปามือเล็กๆกำปากกาเมจิกไว้แน่น เห็นรอยยิ้มบนใบหน้านั่น แก้มแดงๆ เหมือนสีเสื้อที่ใส่อยู่ เสื้อที่นอกจากจะสีซีดแล้วยังมีคราบน้ำมูกน้ำลายที่เด็กยกเช็ดตรงคอเสื้ออยู่ พี่ชายเด็กคนนั้นเห็นทีไร ก็กอดอกบ่นทุกที
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าให้ไปสั่งน้ำมูกที่ก็อกน้ำหน่ะ แล้วดูสิ เป็นคราบ กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่าตี๋น้ำมูกยืด”
“ก็ตี๋..ซู้ดด.. เป็นหวัดนี่น่า”
“อี๋ ตี๋กินน้ำมูกตัวเอง”
“ตี๋ไม่ได้กิน!!”
“กินซิ ซู้ดเข้าไปเบ้อเริ่มอย่างนั่น”
“ตี๋ไม่ได้กินซักหน่อย เฮียมั่ว”
“เฮียเปล่า ม๊าคร้าบ ตี๋กินน้ำมูก”
หญิงวัยกลางคนเดินยกจานกับข้าวออกมาจากห้องครัว เด็กตัวเล็กๆสองคนเห็นก็รีบวิ่งไปหา คนพี่ดึงชายเสื้อ ชี้ไปทางน้องเล็กที่วิ่งตามมาทีหลัง ฟ้องแม่ใหญ่ “ตี๋กินน้ำมูก ตี๋กินน้ำมูก”
“ตี๋เปล่า!!”
ตามมาด้วยเสียงซู้ดยาว คนเป็นแม่หัวเราะ วางจานกับข้าวลงบนโต๊ะ เดินไปหยิบทิชชู่มาเช็ดให้กับลูกชายคนเล็ก ได้ยินเสียงเพลงเบาๆลอยล่องอยู่ในบ้าน ไม่รู้ดังมาจากทางไหน อาจจะเป็นข้างบ้าน เด็กตัวเล็กคิดในขณะที่หัวเอนไปเอนมาจากแรงผ่านกระดาษทิชชู่แผ่นบาง
“ไม่น่าเป็นหวัดช่วงนี้เลยนะ โซ่ยตี๋”
“คนไหนเป็นหวัดอดแต๊ะเอี๊ย”
“ไม่เอานะม๊า ตี๋อยากได้”
“จะเอาไปทำอะไรหืม?”
“ตี๋…ตี๋ไม่บอก” แล้วก็หัวเราะอยู่กับตัวเองจนตาหยี มองตามแม่ที่ลุกขึ้นยืนตามความสูงอีกครั้ง แอบเดินตามไป เอามือทาบลงบนหัวแล้วเทียบกับความสูงของหญิงข้างหน้า ยังแค่สะโพกเองเท่านั้น พี่ชายสูงเลยสะดือแม่ไปนิ้วหนึ่งแล้ว ได้แต่มองด้วยความหงุดหงิด อยากสูงเร็วๆ
“ม๊าฮะ ทำไม่ต้องเป็นคำว่าแต๊ะเอียอ่ะ ฮ้งอยากรู้”
“มาจากคำว่าแต๊ะโต๋เอีย แปลว่าเด็กโตเร็ว สุขภาพแข็งแรง แต่คนไทยเรียกแค่แต๊ะเอีย”
“อ่อ…”
“อาฮ้งออกไปข้างนอกก่อนนะ ม๊าจะผัดกับข้าว”
ได้กลิ่นธูป เด็กตัวเล็กกว่าเดินถอยหลังออกไปหน่อย เงยหน้าขึ้นมอง หน้ารูปบนหิ้งที่ยังดูใหม่มีธูปปักอยู่ หญิงคนนั้นบอกกับเด็กๆของเธอว่าจุดเพื่อเรียกให้ป๊ามาฉลองปีใหม่ด้วยกัน ตี๋ สี่ห้าขวบ พูดจาบางคำยังไม่ชัด แต่ก็ชอบพูด เลียนแบบพี่ เลียนแบบแม่ เอียงคอสงสัยว่าทำไมต้องฉลองปีใหม่ตั้งสองครั้ง บ้านแถวนี้ส่วนมากก็ฉลองแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ยกเว้นอาอี๊ที่ทอดเกี๋ยวกรอบขายอยู่ปากซอย เห็นไปซื้อของไหว้กับแม่มาเมื่อวาน
ฮ้ง คนพี่ หกขวบ กำลังซ่าพอดี เดินออกมา ใช้เท้ายันสีข้างเบาๆจนต้องเขยิบจากเก้าอี้ให้นั่ง ตี๋น้ำมูกไหลย้อยจนเกือบถึงปาก ใช้หลังมือปาดก็เลอะไปถึงแก้ม
“ตี๋อย่าเล่นน้ำมูกตัวเองนะ เฮียหยะแหยง”
ตี๋หันไปทำปากยื่นใส่ฮ้ง ก็ถูกบิดแก้มโยกหัวไปมาเหมือนเล่นตุ๊กตา เพราะตัวเล็กกว่า แขนสั้นกว่า ถึงต้องยอมตลอด โดนจี้เอวนิดหน่อยก็ตัวงอเป็นกุ้ง มือฮ้งเหมือนหนวดหมึกในสายตาน้องเล็ก พอดิ้นมากๆ ก็ตกจากเก้าอี้ หัวกระแทกขอบโต๊ะไม้ที่อยู่ใกล้ๆ โชคดีไม่ได้เป็นมุมแหลมอะไร แต่ก็แรงจนหัวโน นั่งแปะกับพื้น ร้องไห้เสียงดังจนคนเป็นแม่รีบวิ่งออกมาจากห้องครัว ปิดแก๊สแทบไม่ทัน
“อาตี๋!”
พออุ้มลูกคนเล็กขึ้นมาในอ้อมแขน ก็มองลูกอีกคนที่ยังอึ้งอยู่บนเก้าอี้ “อาฮ้ง..ทำอะไรน้อง”
“ฮ้งแค่จี้เอวตี๋เอง”
“..อาตี๋ เจ็บมากไหม”
ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงร้องไห้ ซุกหน้าลงเช็ดกับเสื้อตรงไหล่เธอจนเปียกไปหมด เสียงร้องไห้ดัง ดูท่าจะไม่หยุดร้องไห้ง่ายๆ เธอต้องโยกตัวลูกชายไปมา ปลอบ “อาตี๋ ร้องไห้นานเจ็บตาหมดนะ วันนี้วันตรุษจีน วันดี อย่าร้องไห้แต่ต้นปีซิอาตี๋”
พูดไม่เป็นคำว่าเจ็บ “อาฮ้ง…” พอพูดแค่นี้ ฮ้งก็กอดอก มองไปทางอื่น พูดชัด “ฮ้งไม่ผิด”
“แต่ยังไงก็ควรจะพูด เพราะเราเป็นต้นเหตุ”
“ก็ถ้าตี๋มันไม่ดิ้น มันก็ไม่ตกลงไปหรอก”
หัวรั้นไม่มีใครเกิน ได้แต่ถอนหายใจ ลูกชายคนโตหัวดี แต่บางครั้งก็มีทิฐิมากเกินไป
อุ้มลูกชายคนเล็กไปด้วย ทำอาหารด้วยความลำบากที่มากขึ้น เสียงสะอื้นยังดังอยู่ติดหู รู้สึกหัวไหล่เปียก ไม่ได้รังเกียจ ความรู้สึกของคนเป็นแม่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะสนใจเรื่องแค่นี้ เป็นห่วงแต่ว่าจะหายใจไม่ออกก็เท่านั้น
อาหารอย่างสุดท้ายทำเสร็จแล้ว เธอยกออกมา มองไปไม่เห็นฮ้ง เลยวางเด็กขี้แยลงกับเก้าอี้ บอก “ไปหาอาเฮียเขาหน่อยไป บอกว่ากับข้าวเสร็จแล้ว รีบมากินจะได้ไปไหว้เจ้ากันต่อ นะอาตี๋”
“..ฮะ”
ตอบทั้งๆที่ยังตาชื้น หลังมือเช็ดน้ำตา แก้มที่แดงแล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ ลูกชายคนเล็กตาโต ไม่เหมือนพี่ชายที่จะตาเล็กกว่าหน่อย ผิวขาวแล้วบางจนเห็นสีเลือด น่ารักจนหลายๆคนชอบขออุ้ม เวลาพาออกนอกบ้าน
เดินออกไปนอกบ้าน ตี๋ไม่เคยฝึกเดิน พอยืนได้ก็ฝึกวิ่ง ข้ามขั้นตอนไปเสียหน่อย ตอนสามขวบเลยปวดหัวหนัก มุมโต๊ะต้องติดกระดาษ ผ้าเพิ่ม กันลูกชายแสนซนวิ่งชน
เดินต้วมเตี้ยมออกไป สูดน้ำมูกไปตามทาง เห็นหลังพี่ชายอยู่ที่สวน ใช้มือเล็กนั่นขุดดินขึ้นมา ใต้ต้นวาสนาที่ยังไม่โตมากนัก พอเดินเข้าไปใกล้ พี่ชายก็รีบกลบดินกลับที่เดิม เลยถาม
“อะไรอ่ะ”
“ไม่มีอะไร”
“เฮียฮ้ง ม๊าบอกกินข้าว”
พี่ชายพยักหน้าตอบ แต่ยังไม่ลุกไปไหน คนน้องเลยไม่ได้เดินไปไหนด้วย ฮ้งก้มลงมองดูที่เท้าน้องชาย ไม่มีรองเท้าอยู่ เลยถอดของตัวเองออก กัดฟัน คิดว่าจะใส่ให้ แต่เพราะยังโกรธน้องอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรก็เถอะ เลยไม่ยอมใส่ให้สักที
ถึงไม่ใส่รองเท้าให้ตี๋ แต่ก็ไม่ได้ใส่ให้ตัวเองด้วย เท้าเปล่าเป็นเพื่อนน้อง
“…เฮียไม่ชอบตี๋”
เห็นตี๋ทำตาโต เลยรีบพูดต่อให้จบ
“ตั้งแต่ตี๋มา ม๊าก็โอ๋แต่ตี๋ตลอด”
เด็กน้อยไม่พูดอะไร ตาหลุบต่ำ เห็นแต่ขนตา
“ตี๋ขอโทษ..”
“..ฮึ่ย..ทำไมต้องขอโทษเฮียด้วย ตี๋ไม่ผิดสักหน่อย”
“ก็เฮียไม่ชอบตี๋”
“มันก็ไม่ใช่ความผิดของตี๋”
“หรอ?”
สงสัยอีกแล้ว เวลาสงสัยชอบเลิกคิ้วทำตาโตมองอย่างกับจะหาคำตอบ
เลยหันกลับไปที่กองดินนั่น เอาเท้าเขี่ยๆหน่อย หยิบของที่ถูกฝังไว้ใต้ดินออกมา
“ไพ่ของตี๋!”
“เฮียเอามาเอง”
“เฮียฝังทำไม? เป็นปุ๋ยได้หรอ?”
“เออ เป็นได้”
“ตี๋หาตั้งนาน”
“….”
“ขอบคุณคร้าบเฮีย”
ประกบมืออูมๆยกไหว้ตามที่แม่สอนทุกอย่าง พี่ชายขมวดคิ้ว รู้สึกผิดขึ้นมาในใจอย่างควบคุมไม่ได้ พูดส่งๆ “เออ เคารพเฮียให้มากๆหล่ะ”
“ครับ!!”
“ไปกินข้าวกัน”
ยื่นมือไปทั้งๆที่ยังมองทางอื่น มือนั่นก็ยื่นมาจับ อุ่น อุ่นจนยิ้ม ยิ้มทั้งๆที่กลั้นยิ้มนั่นแหละ “หิวจนท้องร้องหมดแล้ว”
“..ตี๋ก็หิว”
“งั้นก็รีบๆเดินสิ”
น้องชายยังหันไปมองกองดินนั่น แต่ก็เดินไปตามแรงของพี่ชายด้วย ชิ้นิ้วตะโกน “อ๊า นั่นรถแข่งตี๋นี่น่ะ”
“เดี๋ยวค่อยมาเอาก็ได้หน่า!!”
พี่ชายทำหน้ามุ่ย ปีนี้ได้แต๊ะเอียเท่าปีที่แล้ว ห้าสิบบาท แม่บอกว่าเป็นเด็กไม่ต้องใช้เงินเยอะ ก็เข้าใจ แต่ก็อยากได้ของเล่นใหม่ๆ จะได้เอามาแทนของเล่นที่เก่าเลอะดินนั่น
จะได้เอามาเล่นพร้อมๆกัน ไม่มีการเอาไปซ่อนอีก
นอกจากอั่งเปา ข้าวเช้ากลางวันเย็นที่แสนอร่อยแล้ว ตรุษจีนปีนี้รู้สึกเหมือนได้อะไรมากกว่านั้น
“ตี๋ให้”
“ไหนบอกอยากได้แต๊ะเอียไง”
“ตี๋อยากให้เฮียมากกว่า”
เปิดซองมา ในนั่นว่างเปล่า ไม่มีแบงค์ห้าสิบอยู่ เงยหน้ามองน้องชายตัวดีที่ยิ้มแป้น ตาหายไปเป็นแค่ขีดเล็กๆ
“ให้ซองเปล่าเฮียทำไม”
“ความรักเต็มซอง”
ไม่รู้ไปจำจากหนังเรื่องไหนมา แต่คนฟังก็ยิ้ม ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน กอดคอน้องชายคนเล็กหัวเราะเสียงดัง คลอไปกับเพลงจีนที่เปิดต้อนรับวันปีใหม่
ในซองอั่งเปาสีแดงเล็กๆนั่น คำอวยพรที่เปี่ยมด้วยความรักแทบจะล้นออกมา..
……………………….
…………………
[อั่งเปา:complete]
[22.01.55]
ไช่เหยียนก้วงจิ่ง เจียวฉายจิ้งเป่า
(เงินทองไหลมาเทมา) พิมพ์จีนไม่ได้

ภาษาคาราโอเกะแล้วกัน 555
ไม่ได้มานาน ขออภัย ตะลุย Season of test อยู่ เลยมาให้หายคิดถึง
