Special : Biteได้ยินเสียงวิ่งตึกตัก ดังอยู่ในห้อง เลยหยุดเท้าไว้
ทั้งๆที่การ์ดกำลังจะเคลื่อนตัวผ่านช่องอ่านด้านหน้าประตูแล้ว แต่ก็ชะงักไว้ สักพัก จึงเลื่อนการ์ดลง
ผลักประตูเข้าไป เห็นเท้าไอ้ตี๋แว่บๆจากตรงนี้ เลยเอนตัวมอง เห็นมันรีบตะครุบอะไรบางอย่างบนโซฟา หันมายิ้มแหย แล้วพูด “กลับมาแล้วหรอพี่?”
“ทำอะไร”
“เปล๊า” ตอบเสียงสูง ผิวปาก มองซ้ายมองขวา เอนตัวคว่ำลงกับโซฟา ขาสองข้างยังอยู่พื้น ไม่ใช่ท่าที่คนทั่วไปนั่งบนโซฟา
“ลุกขึ้นมา”
“ผมกำลังสบาย พี่อย่ากวนผมดิ”
“…ซ่อนอะไรไว้?”
ไอ้ตี๋เป็นคนอ่านง่าย พอทักแบบนี้ ก็เห็นคิ้วกระตุก เสื้อมันคลุมอะไรไว้บางอย่าง ดึงเสื้อที่ยืดอยู่แล้วให้ยืดขึ้นอีก คลุมอะไรที่มันพยายามยันตัวไว้ไม่ให้ทับ
พอเดินเข้าไปใกล้ ไอ้ตี๋ก็ลุกลี้ลุกลน “พ…พี่ ไปอาบน้ำก่อนไป กลับมาเหนื่อยๆ”
“กูแค่ไปเอาของ”
“ก..ก..ก็ขับรถไง! เหนื่อยสุดๆเลยใช่ไหม พี่ไปอาบน้ำ เดี๋ยวผมหาน้ำเย็นๆมาให้กิน เป็นไง แหล่มเลยใช่ไหม?”
ดึงคอเสื้อ ตี๋หดคอ เหมือนดึงหลังคอลูกหมาขึ้นมา ได้ยินเสียงพูดเบาๆ “พี่หมอกอย่าโกรธผมนะ” ใต้เสื้อยืดๆนั้น ลูกหมาตัวเล็กๆ ขดตัวอยู่ มองตาแป๋ว
“หมาใคร”
“ข้างห้อง พี่เอเขาไม่อยู่ เลยฝากผมไว้”
“ไปรับมาทำไม”
“ผ..ผมสงสารมัน”
“สงสารมันทำไม ทำไมไม่บอกให้ไปฝากที่อื่น”
“ก็..ก็ผมก็ว่างอยู่ แล้วก็เห็นว่ามันน่ารักดีด้วย พี่หมอกก็เลี้ยงหมา เลยคิดว่าไม่น่าจะไม่ชอบ”
“ถ้าคิดอย่างงั้นแล้วจะซ่อนมันทำไม?”
“..เออว่ะ”
แล้วก็ทำหน้าเหมือนพึ่งคิดได้จริงๆ
บางครั้งก็เหนื่อยใจกับมัน ดูไม่ทันคนอื่น ซื่อ ซื่อเกินไป จะโดนหลอกเข้าเอาง่ายๆ
“เอามันไปคืน”
“พี่หมอก!”
“เอาไป ยังเห็นคนข้างห้องอยู่ รีบเอาไปคืนก่อนที่เขาจะไป”
“มันเป็นแค่ลูกหมาเอง แล้วพี่จะให้อยู่ตัวคนเดียวหรอ?”
“เออ”
มันคอตก บ่นงึมงำ ลูบหัวลูกหมา ไอ้หมานั่นก็ดูจะชอบตี๋อีก เลียมือ กระดิกหางไม่หยุด
“ถ้ามึงไม่รีบเอามันออกไป อย่าหาว่ากูใจร้าย”
“พี่…”
“อย่ามาเรียกแบบนั้น”
“อย่างมากก็…” มันหันคอไปมองนาฬิกา นับเลขไม่ออกเสียงแต่เห็นปากขยับ สาม สี่ ห้า หก “หกชั่วโมง”
“ไม่”
“นะพี่นะ” พอมันลุก ไอ้หมานั่นก็กระโจนลงจากโซฟา กระโดดกัดขากางเกงบอล ตี๋ขมวดคิ้ว จับขอบกางเกงย้วยๆไว้ หลุดลงมาจนเห็นเอว มองอยู่สักพัก จนมันจ้องกลับ เลยรู้ตัวว่าเผลอมองอยู่ แล้วดูเหมือนมันก็รู้ตัวด้วย ว่าเผลอมองอะไรอยู่
“…อิจฉาหมาอ่ะดิ”
“ใคร”
“ก็พี่อ่ะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ก็พี่มองผมตาไม่กระพริบเลยอ่ะ”
“อย่าหลงตัวเอง”
“แล้วมันถูกไหมหล่ะ? พี่กลัวผมเล่นกว่าหมามากกว่าพี่หรอ”
มันปล่อยมือออกจากขอบกางเกง ไอ้หมานั่นก็กระชากกางเกงมันไม่หยุด เลยต้องรีบไปจับขอบกางเกงไว้ให้แทน ใกล้ ใกล้เกินไป ใกล้เสียจนรู้สึกได้ ว่ากำลังจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง
ไม่มีกำลังมากพอ ที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ได้
หน้ามันก็แดง แต่ก็รู้ ว่าเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ในตัว ก็ไม่ได้เบาไปกว่าของมันเลย
หลงใหล เกินกว่าจะต้านทาน
อยู่ใกล้จนเห็นหน้าสะท้อนในตาของไอ้ตี๋ รู้ รู้แทบจะทันที ว่าคงจะรู้สึกแบบนี้กับใครไม่ได้อีก มันมากกว่าคำที่เคยบอกมันไป มันมากไปกว่าคำนั้นเยอะ ในตัว คงมีแต่คำนี้บินว่อนไปหมด
ไอ้หมานั่นเดินแทรกเข้ามาระหว่างเท้า เหยียบจนน่าเบื่อ ใช้เท้าเขี่ยตัวน่ารำคาญออก กดปากเข้าหาปากนุ่มๆ รู้สึกเหมือนกินของหวาน ไม่ชอบของหวาน แต่กลับชอบริมฝีปากนี้
เชื่องช้า ไม่ได้รุนแรงเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น ความรู้สึกมันต่างกัน
ละริมฝีปากออก คว้ามือมันไว้ ลากไปที่ห้องนอน เหลืออีกไม่กี่ก้าว แต่มันกลับดึงตัวไว้ หันไปมอง มันยิ้มแหยอีกรอบ ชี้นิ้วไปที่ไอ้หมาเวรนั่นที่วิ่งตามมา
“ช่างหัวมัน”
“มันยังเด็ก”
“แล้วไง”
“..เดี๋ยวพี่เอเขาก็มาเอาคืนแล้ว”
“นานเท่าไหร่? หกชั่วโมง คือคำว่าเดี๋ยวของมึงหรอ?”
“พี่ทนไม่ได้หรือไง”
“ทน ไม่ ได้”
พูดช้าๆ เน้นๆที่ละคำ แทนที่มันจะโมโห กลับหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร”
“เปล่าๆ”
ปล่อยแขนที่ดึงออก หงุดหงิด ถอนหายใจออกมาแรงๆ ขยี้หัวตัวเอง อะไรก็ดูเกะกะไปหมด กลับกัน บรรยากาศรอบตัวไอ้ตี๋กลับดูสบายๆ มีหมาตัวนึงมาวิ่งรอบๆให้รำคาญตาอีก
มันอุ้มลูกหมานั่นขึ้นมา กอดไว้ในแขน ในแขนของมัน ลูบหัวเบาๆ
มองตามทุกการเคลื่อนไหวนั่น
รำคาญตัวเอง อยากเห็นมันในสายตาอยู่ตลอด อยากรู้ว่ามันกำลังทำอะไร กำลังคิดอะไร เป็นไปไม่ได้ แต่ก็คิดอยู่เสมอทุกครั้ง ทุกครั้งที่มอง ในทุกๆมุม
อยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นของใคร ไม่อยากให้มันมีเพื่อน ไม่อยากให้มันต้องกลับไปหาครอบครัว อยากให้โลกของมัน ทั้งใบ ไม่ต้องมีใครเข้ามาเป็นส่วนเกิน
อยากให้ห้องๆนี้ เป็นเหมือนโลกทั้งใบ
“ผมอุ้มพี่ไม่ไหว แล้วผมก็ไม่กล้าลูบหัวพี่ด้วย”
ไม่ตอบ รอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ
ดูท่าฟันจะพึ่งขึ้น เห็นมันงับนิ้วไอ้ตี๋ แต่ดูจะไม่เจ็บอะไร
หงุดหงิดขึ้นมา มันเคยบอกว่าไม่ชอบให้กัด
“ไหนมึงบอกไม่ชอบให้กัด”
“ก็พี่กัดเจ็บ”
“…..”
“..ก…ก็..ถ้าพี่กัดผมเบาๆ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่พี่เล่นกัดจนผมห้อเลือด แบบนี้ผมก็ไม่ไหวว่ะพี่”
กำลังโดนยั่ว รู้สึกแบบนั้น
ไม่ได้ทำตาเชิญชวน หรือคำส่อไปทางนั้น ก็รู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น
หกชั่วโมง น่าขำ
ต่อให้หกนาที ก็ยังคิดว่าทนไม่ได้ด้วยซ้ำ
ไม่
ถ้าทำหน้าแบบนั้น ต่อให้หกวินาที ก็ไม่คิดจะทน
“…ตี๋ มึงทำตัวเองนะ”
“ห้ะ? ทำ?..ทำอะไร?”
ก้มหน้า แล้วมองขึ้น
ทำให้นึกถึงเวลาตอนมันเขิน ตอนมันอาย รู้สึกทนไม่ได้ที่จะยืนเฉยๆ ไม่กอดมันไว้แน่นๆ
ลูกหมาตัวนั้น สุดท้ายก็เหวี่ยงมันไปที่โซฟา ตี๋ร้องโวยวาย แต่เป็นเรื่องของมัน ไอ้หมาตัวนั้นก็ไม่ได้ดูเจ็บอะไร รีบดึงตัวมันเข้าห้อง ก่อนที่ไอ้หมาเวรนั่นจะตั้งหลักทัน ปิดประตูล็อกห้อง ได้ยินเสียงตะกรุยเท้าที่ประตู อยากจะเหวี่ยงออกไปนอกหน้าต่างด้วยซ้ำ แต่คิดว่าไอ้ตี๋มันคงไม่ยอม
ดันตัวไอ้ตี๋ติดประตู มันก็ยิ้มจางๆ เหมือนคิดไว้แล้ว ว่าเรื่องแบบนี้ คงจะต้องเกิดขึ้น ก็ดี ขี้เกียจพูดยืดยาว
เวลา ช้าลง อยากหยุดเวลาลงด้วยซ้ำ
ไม่อยากมีอนาคต ไม่อยากสนอดีต อยากอยู่แค่ปัจจุบัน ที่มีแต่มันเท่านั่น ไม่อยากทะเยอทะยาน ไม่อยากสนอะไรทั้งนั้น
อยู่บนโลกที่กฏเกณฑ์ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับตัวมัน โดยที่มันไม่รู้
โลกทั้งใบ หมุนไป มีมันเป็นจุดศูนย์กลาง
ถ้ามันไม่อยู่ โลกใบนี้ก็คงจะหมุนต่อไม่ได้ คงจะต้องพังทลายลง
อย่าไปไหนนะ
อย่าไปจากกูอยากจะพูด
แต่นั่นหมายความว่า จะต้องเป็นช่วงเวลาที่มันจากไป
จะเก็บคำพูดนี้ไว้ ไม่อยากให้วันนั้นมาถึง
ถูกปัดเป่าความวุ่นวายในใจออกไป ด้วยจูบเบาๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนลอยในอากาศ
“พี่หมอก…”
ได้ยินเสียงมันเรียกชื่อเบาๆ คิดเอาเอง ว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับมันเหมือนกัน
ความสุข
มันคือความสุข สิ่งที่อยู่ในตัวตอนนี้
ได้รู้จักกับสิ่งนี้แล้ว ก็ไม่อยากจะปล่อยมันไป อยากจะรั้งมันไว้ ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แต่ถ้า ต่อให้ยังไงก็ต้องไปสิ่งนี้ไป สิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนนี้
สิ่งที่เรียกว่า โลกทั้งใบไป
จะทำทุกอย่าง ทุกวิถีทาง ยอมแลกด้วยทุกๆสิ่ง หรือจะต้องอดทนต่อสายตาคนทั้งโลก ก็จะทำ
เพื่อให้ได้สิ่งมีค่านี้ …
กลับคืนมา…..……………………………………..
…………………………..
[Bite: complete]
[4.02.55]
อยู่ในอารมณ์หน่วง
ไม่ถึงกับสุข
ไม่ถึงกับเศร้า
สุข กับตัวเอง
เศร้ากับคนรอบข้าง
ทุกคน ตั้งใจสู้ๆนะ
ขอเวลาอีกสักพักกว่าจะมาต่อ
ปล.อยากเขียนถึงลูกหมา เพราะวันนี้ไปบ้านญาติ พึ่งได้ลูกหมาใหม่มา อยากเลี้ยงบ้าง
