Kittenเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นดวงตากลมแป๋ว
ลูกแมวตัวเล็กสีขาว ร้องเมี้ยวๆน่ารำคาญหู หมอกขยับหนังสือเล่มหนาบนโต๊ะออกห่าง มันก็ยิ่งเดินเตาะแตะเข้ามาใกล้
“เอาออกไป รำคาญ”
“ใจมึงนี่คงแห้งแล้งเป็นทะเลทรายเลยสินะ ไอ้หมอก กูไม่เคยเห็นมึงชอบสัตว์อะไรเลย”
“เลี้ยงหมาอยู่”
“อ่อ เลยจะเป็นข้ออ้างว่าไม่ชอบแมวสินะ”
ถ้ารู้แล้วก็รีบเอาออกไปไกลๆสักที
ไม่ชอบเวลามีสายตาจ้องมองอยู่อย่างนี้ มันรู้สึกไม่สงบ เหมือนบางอย่างคอยสะกิดอยู่ตลอดเวลา
“ไอ้โก้ เดี๋ยวลูกแมวมึงก็โดนหมอกจัดแช่ให้แข็งตายหรอก รีบๆเอาออกมาดีกว่า”
ได้ยินแฟงพูดแบบนั้น โก้ถึงจะยอมช้อนตัวลูกแมวตัวนั้นด้วยมือข้างเดียวออกมา ตามันยังไม่ขยับไปไหน จ้องมองมาทางชายหนุ่มที่แสนเย็นชาอย่างสนใจ แม้แต่เจ้าของก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม
พอปล่อยลงวางกับเก้าอี้ มันก็รีบสาวเท้าเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฟากของม้านั่ง กระโดดขึ้นไปนั่งบนตัก พอถูกดึงต้นคอจับวางลงบนเก้าอี้ไม้เหมือนเดิม มันก็พยายามใหม่อีกครั้ง ไม่สิ้นสุด จนสุดท้าย ก็เป็นฝ่ายหมอกเสียเอง ที่ยอมแพ้ ปล่อยให้มันนอนดิ้นไปดิ้นมาบนตัก
เพื่อนๆมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
เห็นชัดอยู่ว่าเป็นคนหยาบกระด้าง ถึงจะมีด้านอ่อนโยนอันน้อยนิดแต่ก็ไม่ได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาบ่อยนัก เท่าที่เห็น ก็อาจจะเป็นเด็กคณะข้างๆ แค่นั้น เท่านั้นจริงๆที่เห็น
ทำไมกัน
คำถามผุดขึ้นมาเป็นป็อปอัพ ไม่ได้รับคำตอบ และไม่มีใครคิดจะถาม แหม ก็ใครบ้างจะบ้าพอ ริกระตุกหนวดเสือ ยิ่งไม่ใช่เสือในกรงธรรมดา แต่เป็นเสือเบงกอลสีขาวดุอลังการเสียขนาดนั้น คำตอบ คงไม่มีใครตอบได้ นอกจากเด็กคณะข้างๆที่ว่า
วันก่อนหน้านั้น
เด็กคณะข้างๆ ชื่อบ้านๆ ก้าวขาพ้นขอบประตูก็ฟุบลงกับพื้น นอนอยู่ที่ตรงนั้นนานเกือบสิบนาทีโดยไม่มีใครสนใจ ก่อนจะค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้น ลากกระเป๋าคู่ใจเดินห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเด็กหิ้วสมุดพกกลับบ้าน
มองไปที่โซฟา หมอกนั่งอยู่ตรงนั้น บนหน้าตักมีแล็ปท็อปวางอยู่ สายตาไม่ได้ละมามองเด็กหัวฟูที่ยืนเก้ๆกัง ๆ ด้วยอารมณ์ที่ยังขุ่นมัว จึงเดินเข้าไปในห้องเสียก่อน วางกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง
นั่งลงบนโซฟาข้างๆ ยังไร้สัญญาณตอบรับ เลยเอนตัวนอนลงกับโซฟา ผมแผ่ออก แต่ก็ยังไม่ถึงหน้าตักของอีกคน
“พี่”
ไม่มีการตอบกลับ
หมอกไม่ใช่คนที่ขานรับทันทีเมื่อโดนเรียก ไม่ค่อยจะสนใจด้วยซ้ำถ้าให้พูดตรงๆ ทำเพียงปรายตามอง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป
“งานผมโดนตีกลับอีกแล้ว รอบที่สามแล้ว”
ถึงจะไม่มีเสียงตอบ แต่ตี๋ก็รู้ ว่าหมอกฟังอยู่
“เขาหาว่างานผมไม่เป๊ะ แล้วก็เอางานของพี่ฟินมาให้ดู บอกว่านี่เรียกว่างานเนี้ยบ ตัวจริงมันเนี้ยบซะที่ไหนล่ะ เจ็บใจ”
“ครั้งหน้าก็ทำให้มันดีๆ”
“แต่ผมก็ตั้งใจแล้วนะ…สงสัยจะยังไม่พอ”
เงียบ
เงียบไปสักพักใหญ่ หมอกมองไปก็เห็นว่าตี๋หลับตาลงไปแล้ว แต่สักพักก็รู้สึกได้ว่าโซฟาขยับ ค่อยๆขยับตัวขึ้นมา พิงหัวเข้ากับเข่า คงจะนอนไม่สบาย จึงหนุนหัวขึ้นมานอนบนตัก
บ่นหงุงหงิงฟังไม่ได้ศัพท์ เขยิบแล็ปทอปออกไปอีกหน่อย รู้ว่าตี๋กำลังมองงานที่ตนทำอยู่
“พี่เคยโดนอาจารย์ตีงานกลับไหม?”
“ไม่บ่อย”
“นั่นดิ ทำงานดีก็คงไม่โดนตีกลับหรอกเนอะ”
หมุนตัวเข้ามานอนซุก ยกแขนสองข้างขึ้นกอดรอบเอวหมอกแน่น ไม่ค่อยทำบ่อยนักหรอกแบบนี้ นานๆจะเข้ามาอ้อนสักที เหมือนจะเข้ามาขอคำปลอบใจ แต่เพราะพูดไม่เก่ง เลยไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ยิ่งพูดยิ่งแย่ เลยได้แต่ปิดปากเงียบ
อดคิดไม่ได้ว่าซุกหน้าแน่นขนาดนั้นจะหายใจออกหรือเปล่า แต่เพราะได้ยินเสียงบ่นลอดออกมาเบาๆ เลยยังวางใจอยู่
“ผมก็ตั้งใจทำงานนะ เข้าเรียนก็เกือบครบ ก็รู้อยู่หรอก ว่างานมันไม่ดีจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นต้องพูดขนาดนั้นเลย”
อาจารย์คนไหน
รู้สึกโมโหลึกๆ รู้ว่าต้องคิดเรื่องผลงานเป็นอย่างแรกก่อน งานไม่ดีก็สมควรได้รับการตำหนิ แต่พอเห็นตี๋บ่นหงุงหงิงขนาดนี้ ก็เริ่มรู้สึกเหมือนมันโดนรังแกมา ไม่ดีเลย ต้องคิดเหตุผลก่อนอารมณ์ ไม่ใช่แบบนี้
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ไม่เห็นจะต้องรู้สึกร้อนใจมาก่อน
“ผมยาวแล้ว”
พูดออกไปได้แค่นั้น
อยากจะพูดว่าไม่เป็นไร ครั้งหน้าพยายามใหม่ แต่กลับพูดออกไปไม่ได้ โมโหตัวเอง
ยกมือขึ้นจากแป้นพิมพ์ วางบนผมที่นุ่มเหมือนขนแมว ตี๋ไม่ได้ตอบอะไรกลับ
ลูบผมเบาๆ ในใจรู้สึกอุ่นๆ
ผมยาวแล้วระต้นคอแบบนี้ ไม่ค่อยดี ไม่ชอบเท่าไหร่ ไม่อยากให้มันดูน่ารักไปมากกว่านี้ ไม่ชอบ
ต้นคอขาวๆนี่ ถ้ามีปลอกคอใส่ไว้ได้ก็คงจะดี
ไปไหนก็จะได้ยินเสียงกระดิ่ง รู้ตลอดว่าไปไหนมาไหน อยู่ในสายตา
“ไปตัดผมไหม?”
“หือ? วันนี้หรอ”
“อยากกินอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่อยากกิน”
“อาหารญี่ปุ่น?”
กำลังลังเล พอได้ยินชื่อร้าน ก็ยิ่งลังเลชัด เป็นคนแบบนี้ ตี๋เป็นคนที่ไม่ใส่ใจกับความผิดหวัง ไม่จมกับความเศร้า รู้สึกบ้าง แต่จะไม่อยู่กับมันนาน เป็นข้อดีที่น่าอิจฉาสำหรับหลายๆคน
ชีวิตที่หายใจอยู่กับความทุกข์ มันเจ็บปวดเกินกว่าใครจะคิดได้
ตี๋ทำมันให้เป็นเรื่องง่าย หัวเราะ เกาหัว แล้วพูด “แย่จังน้า”
เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วอยากจะยิ้ม อยากจะหัวเราะ
“เอาไอติมด้วยนะ คราวที่แล้ว อร้อยอร่อย”
ลืมไปแล้วสินะ
ลืมมันไปสักพัก มีความสุขกับชีวิตที่แสนจะสั้น
ลุกขึ้นนั่ง กำลังคิดว่าจะกินเมนูอะไร เป็นภาพที่เห็นมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เป็นเรื่องธรรมดาๆในชีวิตที่ดูไม่มีอะไรพิเศษ
มันพิเศษ พิเศษกว่าอะไรทั้งนั้น
กดจูบลงกับแก้มขวา เห็นว่าหน้าแดงขึ้นในเวลาสั้นๆ ในใจหมอกตะโกน น่ารัก น่ารัก แต่กลับปิดปากเงียบ
ตี๋ตาโตขึ้นในเวลาสั้นๆ แล้วยิ้ม ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ตาหยีลงไป หันแก้มซ้ายให้ แล้วพูด
“ข้างนี้ด้วยสิ เดี๋ยวแก้มซ้ายน้อยใจ”
ใจสั่น
พูดได้แค่นั้น
คำตอบ ที่จะไม่มีใครรู้ นอกจากสองคนนี้ในโลก
รวมถึงเรื่องที่หมอกคิดอยู่ ขณะมองลูกแมวตัวเล็กๆบนตักในเวลานี้ด้วย….
………………………………….
………………………..
[Kitten : complete]
[23.3.55]
แก้คิดถึง
รู้สึกผิด มาไม่ได้อย่างที่บอกอีกแล้ว คอมเสีย ตอนนี้เลยหนีไปซื้อโน้ตบุ๊คแทน

เจอกันค้าบบบ
