BN.17แสงไฟสลัว
ลมเย็นที่ตกลงกับผิว ทำให้หนาวจนเกร็งไปทั้งหลัง
เสียงลมหายใจ ปนไปกับเสียงที่คล้ายกับเสียงกลอง เร็ว แต่ไม่เป็นจังหวะ ดัง
ตึก ตึก ตึก จนไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงหัวใจของคนแค่คนเดียว
ถูกสัมผัสอย่างแผ่วเบา เหมือนวางมือลงบนโครงกระดาษ
บรรยากาศแบบนี้..
ผมไม่ชอบสักนิด
บรรยากาศที่ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้
หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน เส้นด้ายของความรู้สึกที่ยุ่งเหยิง ถูกพันไว้ด้วยอดีต ความคิดมากมายที่ยังคงเงียบอยู่
ดวงตาคู่ที่ฟ้องความรู้สึกออกมาหมด
พี่หมอกหลุบตาลง ซ่อนไว้ไม่ให้ผมได้เห็น ในความมืดที่เห็นเพียงแสงสะท้อนจากน้ำหล่อเลี้ยงในตา
ผมพยายามที่จะยิ้ม
มุมปากยกขึ้น แต่ไร้แรงที่จะทำมากกว่านั้น ได้แค่ยกมุมปากขึ้นนิดๆ
รอยยิ้มที่ผมจะสร้างขึ้นได้ ณ ตอนนี้
ไม่แน่ใจว่าหัวใจจะยิ้มตามหรือเปล่า
ความรู้สึกที่อัดแน่นจนล้นออกมานอกร่างกายของพี่หมอก กดรอยยิ้มผมไว้
นั่งลงกับเตียง
ที่ๆร่างกายบอกว่าต้องการกันและกัน
เข็มนาฬิกา เดาวินาทีได้จากเสียงหัวใจ บางที อาจเต้นถี่กว่าการเคลื่อนที่ของเข็มด้วยซ้ำ
เวลา เลื่อนไป
เวลาที่จะทดแทนหลายๆอย่าง เวลาที่จะปล่อยให้ได้พูดคุยกันด้วยความเงียบเหล่านี้
อุ่นมือที่ยกขึ้นประครองแก้มผมไว้เบาๆ รับน้ำหนักที่ผมเอนหน้าเข้าหาไว้ ผมกุมมือนั้นไว้อีกที นิ้วสอดเข้าหากัน
จูบโดยที่ไม่ได้เปิดริมฝีปากออก
หน้าผากแนบกัน หลับตาลง ผมยกมือโอบกอดหลังพี่หมอกไว้ ทำแบบนั้นก็ถูกกอดกลับ แน่น ซุกตัวเข้ากับตัวพี่หมอก พี่หมอกดึงตัวผมเข้าไป นั่งลงกับตัก ทิ้งน้ำหนักลงไป
กอดแน่นกว่าเดิม รู้สึกได้ถึงหัวใจอีกดวงที่เต้นแนบอยู่แถวหน้าท้องผม
คิดถึง คิดถึง คิดถึง
ได้ยินเสียงนี้ดังลั่น โดยที่ไม่มีใครปริปากออกมาสักคำ
พิงแก้มเข้ากับต้นคอ ลมหายใจอุ่นของพี่หมอกรดลงบนหัวไหล่ผม รู้สึกจั้กจี้เมื่อถูกกดจูบที่นั่นเบาๆ
ถูกกล่อม
ไม่ใช่การหลับเข้าสู่ห่วงนิทรา แต่เป็นการตื่นขึ้นอย่างแผ่วเบา
ยังมีอีกหลายๆเรื่อง ที่ชีวิตยังต้องเจอ เป็นเรื่องที่เราคงหนีไม่ได้ มีแต่ต้องเดินหน้าชนเท่านั้น
ไม่มีประโยชน์กับการหลับอยู่ในฝันแสนหวาน การลืมตาอยู่ในโลกที่เจ็บปวดนั้น คือเรื่องจริง
ถูกสำรวจทุกๆที่บนร่างกาย มือลูบนำทางไปก่อน ตามด้วยริมฝีปากที่กดจูบเบาๆ
จูบกันหลายต่อหลายครั้ง ในเวลาที่คำว่า”พอ”ถูกลืมไปชั่วขณะ
ร่างกายพี่หมอกที่กำลังจะก้าวข้ามวัยรุ่น กล้ามเนื้อที่จับก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแรง โครงร่างกาย ที่ดูสูงขึ้นกว่าเดิม รวมถึงแก้มที่เหมือนเด็กๆนั่นด้วย ผอมลง แม้จะชอบแบบก่อนมากกว่า แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ กลับยิ่งทำให้พี่หมอกดูมีสเน่ห์มากขึ้น
ผ่านไปตั้งสามปี…
เวลาสามปี จะพูดว่าสั้น ก็คงจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าหากต้องรอคอยสิ่งสำคัญอะไรบางอย่างแล้ว ผมว่า มันช่างยาวนานจนดูเหมือนกินเวลาส่วนใหญ่ของชีวิตไป
เวลาที่ทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่
เวลาที่ผมรู้สึกเหมือนต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าให้ได้
พี่หมอกก็คงไม่ต่างกัน
ละมือจากผม ดึงเสื้อตัวเองออกทางศีรษะ
พี่หมอกยื่นแขนออกไป แค่ปล่อยมือออก เสื้อก็ร่วงลงกับพื้น เป็นภาพที่เหมือนจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ
เข็มขัด ดึงรวดเดียวก็ออกมา วางทิ้งลงกับเตียง กางเกงที่ถูกปลดแค่ซิปลง
เวลาที่ถูกยืดยาวเมื่อครู่ กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ก่อนจะถูกเร่ง บีบอัดเวลาให้ผ่านไปไวจนเราต้องเร่งตาม
ผมก้มหน้าลง พี่หมอกเงยหน้าขึ้น
จูบอีกครั้ง
จูบที่ผลักดันอารมณ์ บอกให้รู้ ส่งตรงความรู้สึกนั้นไปถึงจุดที่แสนจะอ่อนไหว
คล้ายกระดูกทั้งตัวถูกหลอมเหลว ร่างกายอ่อนยวบเมื่อถูกจูบนั้นมอมเมา
แค่จูบ…
ก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว
ไม่ถูกสัมผัสแบบนี้มานาน
มือผมเลื่อนขึ้นจากต้นคอพี่หมอกที่ดึงทั้งตัวผมเอาไว้ให้ทรงตัวอยู่ได้ ขึ้นไปตามแนวคอ เลื่อนไปจนอยู่ในกลุ่มเส้นผมนุ่มมือ เผลอขยำเบาๆโดยที่ไม่รู้ตัว
ริมฝีปากที่แสนจะหิวโหย
เคลื่อนตัวเข้าหากัน ละออก เลื่อนไปยังแก้ม ดวงตา หน้าผาก เหมือนกับพายุที่พัดผ่านไปรอบๆ ไม่หยุดอยู่ใดที่หนึ่ง แต่หมุนไปรอบๆ ต้องการสัมผัสในทุกๆส่วน เน้นย้ำความทรงจำที่เริ่มเลือนลาง
จูบเต็มไปด้วยความน่าหลงใหล เป่าทุกความคิดในหัวหายไปเสียหมด เหลือเพียงแต่แสงสีขาวในความคิด ที่แม้แต่หลับตาก็ยังเห็น
ละออกมา เห็นริมฝีปากที่ชุ่มอยู่ตรงหน้า เล่นเอาผมเขินจนพูดไม่ออก
ความร้อนวิ่งพล่านไปทั่ว จากที่แก้ม ไล่ลงไปถึงส่วนนั้น และคงจะส่งผ่านไปให้พี่หมอกด้วย รู้สึกถึงไอความร้อนในลมหายใจ เหงื่อเริ่มออก ทั้งๆที่ในห้อง ไม่ได้เย็นน้อยลงเลยสักนิด
มีบางครั้ง ที่รู้สึกคิดถึงจนทนไม่ไหว อารมณ์ที่ทำให้ร่างกายต้องรู้สึกร้อนผ่าว
เรื่องที่ทั้งชาตินี้ก็จะไม่ยอมรับออกมาตรงๆ ว่าผ่านปัญหาแบบนั้นมาได้ด้วยมือตัวเอง
ผมไม่ได้จอมสำนวนหรอกครับ แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ
โดนขัดจังหวะความคิดด้วยริมฝีปากที่กดเบาๆปลายคาง เลื่อนลงมาช้าๆ ถึงต้นคอ ก็กลายเป็นลิ้นแทน
พอถูกเลีย ก็เผลอจินตนาการไปถึงไอศกรีม
ตัวผมที่เริ่มละลาย ถูกเลียอย่างช้าๆ
ดูน่ากลัว แต่ก็อดคิดไม่ได้ ว่าถ้าหากถูกกินไปทั้งแบบนี้ ก็คงจะดีเหมือนกัน
ถ้าเป็นพี่หมอก..ก็คงไม่เป็นไร
จะยอมให้ถูกกินอย่างละโมบ หิวกระหาย
อยากที่จะละลายจนหมด ในความร้อนที่อารมณ์สร้างขึ้นมา
ลมหายใจถี่หอบ
“
…ตี๋”
เสียงกระซิบติดหู
เหมือนถูกเล่นงานถึงส่วนสั่งการ สมองตื้อไปชั่วขณะ
กดจูบเบาๆที่ใบหู เพราะเป็นส่วนที่บอบบาง จึงไวสัมผัสเสียจนน่าอาย ส่งสัญญาณไปถึงกลางลำตัว สั่นระริก ดีที่พี่หมอกไม่ได้สังเกต ยังคงหมกหมุ่นอยู่แถวริมฝีปาก จูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้กลิ่นเลือดจางๆในโพรงปาก
โน้มคอผมลงมา ทั้งๆที่ให้ผมนั่งคุกเข่า
รู้สึกเมื่อยได้ไม่นาน ความรู้สึกอื่นก็แทรกเข้ามา มองข้ามไหล่ไป เห็นขวดเจลที่ไม่รู้ว่าถูกหยิบออกมาเมื่อไหร่ เปิดฝาวางไว้อยู่ในรอยย่นของผ้าปูเตียง
ร่างกายต่อต้านนิ้วเปื้อนเจลนั่น แม้จะถูกกระซิบบอกให้ผ่อนคลาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
“..ขอโทษ..”
ไม่รู้ว่าจะฟังรู้เรื่องหรือเปล่า เสียงผมปนไปกับเสียงหายใจ เหงื่อหยดลงกับหลังพี่หมอก กอดแน่นกว่าเดิม เมื่อนิ้วแรกเข้าไปในตัว
“..ขอโทษเรื่องอะไร”
ไม่ได้ตอบ แต่กอดแน่นขึ้นอีก ขมวดคิ้วแน่นจนต้องหลับตาลง
ร่างกายกำลังพยายามทำความคุ้นชินใหม่ รู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรก
“อย่างน้อยมันก็ทำให้กูรู้ ว่ามึงไม่ได้มีใคร”
“จะไปมีได้ยังไงล่ะ”
ยิ้มบางๆตอบเท่าที่จะทำได้
รู้ว่าไม่ได้พูดด้วยความสงสัยข้องใจ ตั้งใจจะหยอกเล่น เลยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไร
“กูก็มีแต่มึง..”
“รู้อยู่แล้วน่า”
“มึงไม่ดีใจหรือไง? ทำไมพูดเหมือนไม่สนใจ”
“ผมดีใจนะ แต่ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่จะไม่ทำแบบนั้นกับผมไง”
พี่หมอกเงยหน้าขึ้นมองแบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกออดอ้อนอยู่เล็กๆ เลยเป็นฝ่ายเริ่มจูบเอง
จูบที่สองมือของผม รวมกับของพี่หมอก ก็คงนับไม่จำนวนไม่พอ
อยากจูบอีก ละออกมาก็คิดแบบนี้
เจลไหลลงมาตามแนวขา เย็น มือสองข้างที่เคล้นสะโพกผมไปมา ไม่คุ้นชิน อยู่ในมุมมองที่สูงกว่า เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นเท่าไหร่
“…ได้รึยัง?”
“อืม”
“ไม่เจ็บ?”
“ไม่รู้ ต้องลองก่อน”
ตอบแบบนั้นออกไป พี่หมอกก็ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากผมออกให้ ยิ้มบางๆ แค่นั้น ก็พอแล้วที่จะทำให้ผมยิ้มตาม
พี่หมอกที่ตอนนี้ เติบโตขึ้น และก้าวไปสู่ขั้นที่สูงขึ้น
ผมต้องพยายามอีกเท่าไหร่กันนะ ถึงจะดีพอ สำหรับคนๆนี้ได้
อยากเป็นคนที่เก่ง ยืนหยัดและพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่หมอกกลับได้ อย่างน้อย ก็ให้คำปรึกษาหรือมีประโยชน์มากกว่านี้
ถ้าถามออกไป คงจะถูกต่อว่ากลับมา เลยได้แต่อุบปากเงียบ
อย่างน้อย สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่คอยผลักดันผมมาตลอด
“…อึก!”
เจ็บ
ไล่ขึ้นมาจากแนวหลัง เหมือนข้อต่อแตกออก เจ็บ ร่างกายต่อต้าน ไม่คุ้นชิน
น้ำหนักที่ผมทิ้งลงไป ช่วยให้พี่หมอกเข้ามาได้ แต่ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ กว่าร่างกายจะปรับตัว
น่าแปลก
ร่างกายจดจำพี่หมอกได้
ที่ต่อต้าน เพราะห่างจากเรื่องนี้ไปนาน แต่พอเชื่อมต่อกันแล้ว ทุกอย่างก็ดูเหมือนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จดจำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งสิ่งที่ถ้าให้นึก ก็คงต้องบอกว่าลืมไปแล้ว
ยอดอกถูกดูดเม้มจนเปลี่ยนสี เบี่ยงเบนความสนใจออกจากส่วนที่ยังเจ็บอยู่ ทิ้งตัวจนต้นขาแนบอยู่กับตักพี่หมอก ถูกรั้งตัวไว้ เห็นเพียงกลุ่มผมจากมุมมองนี้
เสียงค่อยๆหลุดออกมาจากลำคอ
เหมือนฟองสบู่ที่ลอยขึ้นจากผิวน้ำ บังคับไม่ได้
เริ่มจากเสียงสั้นๆ ลมหายใจที่ดังเป็นบางจังหวะ
พี่หมอกเริ่มขยับตัว
เสียงเหล่านั้นลอยออกมาไม่หยุด เหมือนฟองสบู่ที่แตกออก หยดสบู่เล็กๆกระจายตัวออกคล้ายพลุ ที่สว่างพร่าจนต้องหลับตาลง
แรงที่ดันขึ้นมา น้ำหนักตัวผมที่กดลงไป
เสียงเนื้อที่แสนหยาบโลน วิ่งแตะที่ใบหู ความอายถูกลืมทิ้งไป ขยับตัวเข้าหากันเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ร่างกายสามารถทำได้ในเวลานี้
มือเลื่อนสัมผัสไปตามร่างกาย สำรวจทุกพื้นที่ของกันและกัน
จากต้นคอ เลื่อนมาที่แผ่นอกพี่หมอก สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อหน้าท้อง เรียงตัวสวยจนน่าอิจฉา ไล่กลับไปที่ต้นแขน ตรงนี้ก็มีกล้ามเนื้ออีก ทำได้ยังไงกันนะ
คำถามถูกดันออกไป ตัวลอยสูงขึ้นในเวลาสั้นๆ รู้สึกว่าถูกไล่ต้อนเข้ามา ลึกเข้ามาเรื่อยๆ ทุกครั้งที่สวนตัวกลับไป จุดไหวสัมผัส ถูกกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
มือที่วางอยู่บนแผ่นอกพี่หมอกถูกคว้าออกมา กุมแน่น ทั้งๆที่เป็นคนไม่ชอบกุมมือใครแท้ๆ ในเวลานี้ จับไว้แน่นเหมือนผมจะหายไป
“..ไม่ใช่..”
เสียง ได้ยินไม่ชัด
ผมเงี่ยหูฟัง สติเหลือเพียงน้อยนิด จับคำได้เป็นห้วงๆ
พี่หมอกพิงศีรษะเข้ากับผม มือข้างที่เหลือโอบเอวไว้แน่น แรงกระแทกไม่ได้ลดลง แต่เพราะสมาธิอยู่กับคำพูดนั่น จึงรู้สึกเหมือนทุกอย่างช้าลง
“..ไม่ใช่ฝัน..”
สั่นเครือ
แผ่วเบา
“ไม่ใช่ฝัน…ใช่ไหม?”หยุดนิ่ง
การเคลื่อนไหวทั้งหมด ถูกหยุดไว้
รู้สึกถึงความชื้นที่อยู่ติดกับผิวหนัง มือถูกบีบ ปลายนิ้วนั่นสั่น
“พี่หมอก…”
“ตอบกูมาสิ มึงไม่ใช่ฝันอีกใช่ไหม? กูจะต้องตื่นขึ้นมา พบว่ากูแค่ฝันไปเองอีกหรือเปล่า?”
ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง
กอดผมแน่น เหมือนเด็กตัวน้อย น่าสงสาร น่าเอ็นดูเสียจนทนไม่ไหว
“ไม่ใช่ฝันสิ..” รู้สึกหายใจไม่ออก ที่ตา ร้อนไปหมด “ต่อให้ฝันเก่งขนาดไหน ก็ฝันให้หล่อเท่าผมตัวจริงไม่ได้หรอก..”
“..หึ”
วางมือลงกับผมพี่หมอกช้าๆ ลูบช้าๆ
ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน พี่หมอกไม่เคยแสดงด้านอ่อนแอออกมาให้เห็น ต่อให้รู้สึกเจ็บแค่ไหน ก็จะแค่ขมวดคิ้ว สื่อผ่านสายตาเท่านั้น
เสียงลมหายใจไม่สม่ำเสมอนั่นลดลง หยดน้ำไหลลงจากหน้าท้องผม ลงต่ำ
ในใจลึกๆ ดีใจ ที่ได้เห็นพี่หมอกมุมนี้ มุมที่ไม่เคยมีใครได้เห็น
จะอ่อนแอก็ได้
เหนื่อยจะหยุดพักหรือร้องไห้บ้างก็ดี
เพราะผมก็อยากที่จะปกป้องพี่เหมือนกัน
“อย่าบอกนะ..ว่าพี่ฝันถึงผมทุกคืน”
“…มึงมันเหมือนหนังผี”
“ห๊ะ?”
“เห็นครั้งนึง ก็ติดตาไปตลอด แม้แต่ฝัน ก็ยังตามไป”
ไม่รู้จะตอบคำพูดแบบไหนดี
งง แล้วก็รู้สึกแปลกๆ จะเขินก็ไม่เชิง
“พี่ไม่ได้กลัวผีนิ”
“กูเปรียบเทียบ”
ยอมเงยหน้าขึ้นมา ผมยกมือปาดรอยน้ำจางๆรอบตาให้ กดจูบลงไปเบาๆที่เปลือกตา ละออกไป พี่หมอกก็พูด
“ตรงนี้ด้วย”
ชี้ที่ริมฝีปาก ผมก็กดจูบลงไป ตอบสนองอย่างเร่าร้อน บอกให้รู้ว่ากำลังจะต่อในสิ่งที่ค้างคาอยู่ พี่หมอกดันตัวขึ้นมา ลิ้นไล่ต้อนลิ้น จนผมเสียการทรงตัว
“เหวอ!”
เอนตัวล้มลงไปกับเตียง ตกใจจนเผลอกอดพี่หมอกไว้แน่น
มือข้างนั่นยังไม่ถูกปล่อยออก วางอยู่เหนือหัวผม เหงื่อชุ่มจนลื่นไปหมด
เท้ายื่นเลยออกไปจากขอบเตียง หดกลับเข้ามา พี่หมอกอยู่กลางระหว่างหัวเข่าสองข้าง เริ่มขยับตัว เหมือนนอนอยู่บนเตียงที่เกิดแผ่นดินไหว ภาพขึ้นลง คล้ายดูหนังจากกล้องในมือที่ถ่ายเอง ในโฟกัสเบลอนั่นๆ มีเพียงพี่หมอก ที่ชัดเจน
หยดน้ำหล่นมาจากข้างบน
ไม่ใช่น้ำตา เป็นแค่เหงื่อ
เงยขึ้นมองตา ถูกเข้าใจว่าเป็นการอ้อนว้อน ริมฝีปากประกบเข้าหากันอีก
เสียงชุ่มชื้น ไม่รู้ดังจากการจูบ หรือเป็นสิ่งที่อยู่ข้างล่างนั่น
“อือ..อึก…อื้อ!”
มีแต่เสียงแบบนี้หลุดออกมาจากลำคอ ทุกครั้งที่กักเสียงไว้ พี่หมอกก็จะเพิ่มแรง จนต้องเผลอเปล่งเสียงออกมา
ได้ยินเสียงครางต่ำๆจากพี่หมอก
ดีใจ ที่ไม่ได้มีแต่ผม ที่รู้สึกดีแทบบ้าไปแบบนี้แค่คนเดียว
ดี ดีเป็นบ้า
เป็นการเมคเลิฟที่คิดว่าอีกสิบปีต่อจากนี้ไป ก็ยังจะจำได้
ทั้งแรง หรือสติ ถูกกร่อนออกไปช้าๆ
มีแต่อารมณ์ที่ควบคุมทั้งร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะ สอดคล้องกัน
สิ่งที่เห็นได้ด้วยตา กับสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจ หลอมรวมกันช้าๆ
สุดท้ายก็เป็นผม ที่ทนไม่ไหว ไปถึงปลายทางก่อน
ตัวสั่น แรงเฮือกสุดท้ายถูกสูบออกไป มองหน้าท้องที่เปียกชื้นของตัวเอง ของเหลวที่ไม่ไหลไปไหน สีขุ่นราวกับน้ำนม
ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว
ร่างกายบอกไม่ไหว แค่นี้ก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลมเสียให้ได้
พี่หมอกขมวดคิ้ว ดึงมือผมขึ้นไป กดริมฝีปากลงข้อนิ้วชี้ ก่อนจะฝังรอยฟันลงไปช้าๆ เร่งจังหวะกระแทกเข้ามาอีกสองสามที ก็หยุดลง
ลมหายใจที่แรงเหมือนไปวิ่งรอบใหญ่ๆมาสักรอบ ดังสอดประสานกันไปอีกสักพัก แล้วค่อยๆเบาลง
ถอนตัวออกช้าๆ
เหนื่อยและอิ่มเกินกว่าจะทำติดกันสองรอบ โดยที่ไม่หยุดพัก
หน้าผาก แก้ม จมูก ริมฝีปาก พี่หมอกกดริมฝีปากเน้นๆ
อยากจะจูบกลับ
แต่ตอนนี้คงต้องขอนอนสักรอบก่อน ตื่นเมื่อไหร่ จะจูบหรือจะทำอะไร ก็จะปล่อยให้ทำเต็มที่
ผมหลับตาลง
แสงสีขาวหลังเปลือกตา สีดำค่อยๆกลืนลง ไม่ได้เหน็บหนาว ร่างกาย ถูกโอบกอดไว้แน่น ความนุ่มของเนื้อผ้า ที่ห่มคลุมเราทั้งคู่ ผมรู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้
“ตี๋ อย่าพึ่งหลับ..กูยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกมึง”
อะไรกันนะ เรื่องที่จะบอก
ประครองสติไว้ สาบานได้ ว่าผมพยายามแล้ว
“..คิ..ถึง…”ฟังไม่ได้เป็นคำ
เสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ดูห่างไกลจากผม ทั้งๆที่ผมอยู่ในอ้อมแขนนี้
รู้น่าว่าพูดอะไร ไม่ต้องพ่นลมหายใจหงุดหงิดแบบนั้นก็ได้
ผมยังไม่ได้หลับสักหน่อยตอนที่พี่พูด แค่เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัวหรือลืมตาขึ้นมาเท่านั้นเอง
ผมก็คิดถึงพี่มากเหมือนกันคิดถึงจนถึงขั้นที่ว่า ถ้าพี่รู้ พี่คงจะต้องตกใจ
ผมยิ้มออกไป ยิ้มทั้งๆที่หลับตา และกำลังจะหลับแบบนี้
ใช้เวลาสั้นๆ สติที่เหลือก็หลุดออกไป
…………………………………
…………………………….
[B.N.17 : complete]
[16.6.55]
ฮัลโหล
ยังมีใครจำป๋มได้อยู่หรือไม่

หายไปเหมือนหลบภัยอยู่นอกประเทศ
ยังไงก็ขอฝากไว้ ถ้าไม่ดี ก็คงจะไม่ได้แก้แล้ว ตอนนี้ เท่าที่สังเกตดู จะไม่ว่างไปอีกสักพักใหญ่ๆ อย่างเร็วก็อาทิตย์สองอาทิตย์ต่อตอน TT ว้ากกก แข่งกีฬาทำไมเยอะแยะขนาดนี้ TT เวลาพักไม่มี เรียน ทำงาน ว้ากกกกกกกก
ตอนนี้ขอลาไปนอนแล้วล่ะท่าน กราบขอประทานอภัยทุกท่านที่ปล่อยให้รอนาน TT งานก็ไม่แน่ใจว่าดีที่สุดด้วยหรือเปล่า ตรงไหนข้องใจอะไร ขอโทษ ณ ที่นี่เลยนะคับ TT