เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]  (อ่าน 3283450 ครั้ง)

tomotoma

  • บุคคลทั่วไป
รอฉันรอเธออยู่  แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด...  o22 :impress2:

นิยายเรื่องนี้เราใช้เวลาวันเดียวจริงๆใจการอ่าน

ยิ่งกว่าสอบระดับชาติ :a5:

สนุกมากจริงๆค่ะ  ขอบคุณนะค่ะ ที่อุตส่าห์สละเวลา

มามอบความสุขให้  :กอด1: :L2: :3123: :pig4:

ยังไงก็อย่าลืมกันเน้ออออ :call: :call:

ออฟไลน์ anukul

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-6
มารอตอนต่อไปครับผม  มารอพี่หมอก & ตี๋ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
B.N.19





ขอเพียงแค่เชื่อ ทุกสิ่งก็จะเป็นจริง

ผมชอบคำนี้นะ มันดูหรู ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันต้องการจะสื่ออะไร แต่ไม่เห็นหรอ ว่ามันเป็นคำพูดที่เท่และชวนให้ฮึกเหิมชะมัด

แต่บางที ดูเหมือนแค่ความเชื่ออย่างเดียวคงไม่พอ

งานสองชิ้นที่ทำอยู่ ถูกแคนเซิล…อีกแล้ว

ได้กลิ่นตะหงิดๆ

ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้ว่างงานถึงขั้นนอนกระดิกเท้ารอรับเงินเดือนหรอกครับ ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ มีหลายงานที่ไม่ได้ทำแค่คนเดียว งานส่วนนั้นก็ยังยุ่งอยู่ มีเวลามากขึ้น ก็ใส่ลงไปในงานพวกนี้มากขึ้น

“ตี๋ สงสัยดวงเกิดมึงจะตกต่ำขั้นวิกฤต”

“ดวงซวยสุดขีด”

“ซวยโคตร”

“ซวยมาก”

มองหน้าไอ้โจ๋กับไอ้กล้วยที่พูดซ้ำกันไปซ้ำกันมา ถ้าทางชีวิตพวกมึงคงหนักสินะ พวกมันพูดจบ ก็กระดกแก้วขึ้น ดื่มรวดเดียวหมดเหมือนนัดกันมา ส่งเสียง”อา—“เหมือนโฆษณาน้ำอัดลม

“มึงไปทำอะไรกับใครไว้หรือเปล่าวะ?”

รวมหัวกันคิด ก็ยังไม่ได้คำตอบ

นัดเจอกันในบาร์ข้างมอ ได้เจอเด็กรุ่นใหม่ ทำท่าทางเหมือนตอนที่เราเรียนอยู่เป๊ะๆ เพี้ยนชะมัด ไม่อยากยอมรับว่าเมื่อก่อนก็คงจะเคยทำท่าแบบนี้เหมือนกัน

“แล้วพี่หมอกตอนนี้หายไปไหนวะ?”

“ล่าสุดที่ได้ยินมา อยู่ญี่ปุ่นล่ะมั้ง?”

“ทำไมถึงเป็นคำว่าล่าสุดวะ? กูนึกว่ามึงจะติดต่อเขาตลอด”

“พี่เขาโคตรยุ่งเลยนิหว่า บางครั้งโทรไปก็ไม่รับ กว่าจะโทรกลับ ตีหนึ่งตีสอง เห็นพี่แพนบอกว่าตอนนี้ใช้สองเครื่อง คงจะคุยงานเยอะล่ะมั้ง”

“อย่าให้หนีไปมีกิ๊กล่ะมึง”

“…จะมีที่ไหนล่ะวะ?”

“แต่อย่างพี่หมอกก็คงไม่คลาดสายตาจากมึงหรอกมั้ง เหมือนพวกในหนัง ที่ส่งคนมาตามดูตลอดเวลา”

อย่างกับสตอกเกอร์ เคยคิดเล่นๆ แต่หวังว่าคงไม่ทำจริงหรอก ใช่ไหม?

หันไปดูรอบๆ เห็นผู้ชายโต๊ะนั้นที่มองมา เห็นผมมองตอบก็รีบหันหน้าหนีพร้อมกัน

ไม่ใช่ม๊าง

“ก็นะ ระดับนั้นแล้ว จะมาว่างแบบพวกเราได้ไงวะ”

“คงมีมึงว่างคนเดียวว่ะกล้วย”

ไอ้เรื่องที่พี่หมอกยุ่งขนาดนั้น คงไม่เกินจริง

อย่าว่าแต่จะมีเวลาให้ผม เวลาให้ตัวเอง คงยังไม่มีด้วยซ้ำ

เสียงที่ได้ยินเมื่อสามวันก่อน ดูเหนื่อย พูดด้วยเสียงต่ำจนจับคำยาก ได้ยินเสียงพูดคุยภาษาญี่ปุ่นอยู่ข้างหลัง คุยได้ไม่นานก็ต้องวางสาย

เรื่องในบริษัท คงมีเรื่องยุ่งยากเยอะ

ตอนนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องดิ้นรนทั้งนั้น ทั้งผม ทั้งพี่หมอก

ถ้าบอกว่าไม่คิดถึงเลยคงเป็นคำโกหก แต่ก็นะ จะทำอะไรได้ซะที่ไหนล่ะ

“บินไปหาเลยดิ”

“ถ้าติดปีกแล้วบินไปได้ กูคงไปนานแล้ว แดกชาเขียวจนตัวม่วงแล้ว ส่งยังไงแม่งก็ยังไม่จับชื่อกูสักที”

“ฮะฮ่าฮ่า พูดซะกูเห็นภาพเลยว่ะ”

ได้มาเจอครบแก็งค์แบบนี้ ก็แอบรู้สึกเหมือนอายุน้อยลงไปหน่อย

ไอ้เคิ่ลจะบินกลับแคนาดาสิ้นปีนี้ ไม่รู้จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ เห็นบอกพ่อร่างกายไม่แข็งแรง ต้องกลับไปดูแล

มันก็ยังนั่งเงียบๆอย่างนั้น เรื่องข่าวนี้ก็ต้องให้ได้ยินจากปากคนอื่น ไม่คิดจะพูดเองสักนิด อย่างวันนี้ก็รออยู่ว่ามันจะพูดอะไรออกมา ก็ไม่พูดสักที เล่นนั่งเงียบเป็นรูปปั้น สงสัยจะติดเชื้อพี่หมอกดีซีส

“มึงเคยคิดป่าววะ? ว่าไอ้เรื่องที่เกิดขึ้น มันจะเกี่ยวกับไอ้โทรศัพท์พิลึกที่โทรมาหา”

“ถ้าเกี่ยวกูจะฮาให้” ยกแก้วขึ้นดื่ม ไอ้กล้วยรีบกินไปหน่อย ถึงกับติดคอ ตาเหลือก พอมันไอออกมา ก็ฮากันยกใหญ่ “ชีวิตอะไรแม่งจะบังเอิญขนาดนั้นวะ”

“ชีวิตที่ไม่มีเรื่องบังเอิญแม่งคงน่าเบื่อน่าดู สมมติว่า เป็นแผนพ่อพี่หมอกอะไรแบบนี้ มึงไม่คิดบ้างหรอวะ?”

“ถ้าทำถึงขั้นชีวิตการทำงานกูเดือดร้อน กูคงไม่อยู่เฉยๆว่ะ”

งานไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหามาได้ ถึงจะให้ลองจินตนาการว่าออกมาจากงานที่ทำอยู่ ไปลองทำสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ผลลัพธ์ก็ยังไม่แน่ว่าจะออกมาทางไหนกันแน่

เฮียก็ยังทำงานหนัก แถมเร็วๆนี้ก็จะสอบอัยการ ผมจะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องก้าวไปข้างหน้า ให้ทันเฮีย ให้ทันพี่หมอก ที่พยายามกันสุดแรง ไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้

โทรศัพท์สั่น แค่เห็นชื่อคนโทรมา ผมก็รีบเดินออกจากโต๊ะ ได้ยินเสียงตะโกนแซวจากข้างหลัง “กิ๊ว กิ๊ว”

“กิ๊วพ่อง”

ออกมาข้างนอก เงียบลง มีแค่คนสองคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ มองมาทางผมแวบเดียวก็หันไปทางอื่น ส่งเสียงกระแอมในคอสองสามครั้ง จนมั่นใจว่าคงไม่เผลอไอระหว่างคุย ก็กดรับ

“ครับ”

“…ทำไมไม่โทรมา”

“อ้าว ผมนึกว่าพี่ยุ่ง”

“ยุ่ง แต่ก็คุยได้”

“..งั้นไว้เดี๋ยวครั้งหน้าผมโทรไปหา”

“เก็บค่าโทรปลายสายซะ แล้วนี่อยู่ไหน”

“เมืองไทย”

“….”

“อยู่กับเพื่อนอ่ะ”

“เพื่อนกลุ่มไหน?”

“ไอ้โจ๋ ไอ้กล้วย ไอ้เคิ่ล”

“…ตี๋

อยู่ดีๆก็เรียกชื่อผมออกมา ทำให้สิ่งที่จะพูดต่อจากนั้น ผมต้องเงียบไว้ก่อน

“พรุ่งนี้กูกลับกรุงเทพ มาหาหน่อย”

พี่หมอกไม่ค่อยพูดแบบนี้เท่าไหร่ มาหาหน่อย อยู่ที่นี่นะ มารับหน่อย ปกติจะโผล่มาให้เห็นเอง ยิ่งกว่าหนังผีตุ๊งแช่

“แล้วให้ผมไปหาที่ไหน สนามบินหรอ?”

ถ้าขับมอไซค์ไปแล้วพี่หมอกจะกลับด้วย คงต้องให้พี่หมอกซ้อน นึกภาพยังไงก็นึกไม่ออก ยิ่งนึกหน้าบึ้งๆในหมวกกันน็อคแล้วก็ยิ่งอยากจะหัวเราะออกมา รีบเอามือปิดปากไว้ หัวเราะหึๆ ไม่อยากให้พี่หมอกได้ยิน

“มาหาที่บริษัท เดี๋ยวกูโทรไปอีกที”

“ครับ” รู้สึกแปลกๆ น้ำเสียงพี่หมอกเย็นเชียบ เล่นเอาผมที่ยืนเหงื่อซ่กเริ่มหลงฤดู “เอ่อ งั้นแค่นี้นะ”

ปลายเสียงเงียบ ไม่ตอบกลับมาอะไรหลายวินาที

ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ สายยังไม่ถูกตัดออกไป แต่พี่หมอกก็ไม่ได้กดวาง

จ้องหน้าจอที่ตัวเลขวินาทีเดินไปเรื่อยๆ เกือบอีกนาทีต่อมา ถึงถูกตัดสายออกไป



………………………………………….
………………………………..


“ทำไมตรงนี้พี่ไม่ทำสีนี้แทนวะ? ผมว่าสีนี้น่าจะดีกว่า”

“เออว่ะ”

ผมนั่งขมวดคิ้วมองภาพที่อยู่ในจอ หมุนโน้ตบุ๊คมาแล้ว ก็ยังโดนดันกลับไปอีก อยู่ในมุมที่มองเห็นภาพชัดน้อยสุด ขยับเข้าไปใกล้หน้าจอมากขึ้น ก็โดนปากกาเขกหัวกลับมา

“เด็กๆป๊าม๊าไม่บอกหรอวะ ว่าอย่าเข้าใกล้จอเกินหนึ่งเมตร”

“พี่พูดอย่างกับพี่นั่งห่างหนึ่งเมตรนั่นแหละ” บ่นอีก ก็โดนปากกาเขกหัวอีก พี่เชนดูเหมือนจะมีความสุขดีกับการแกล้งผม ไม่สิ อาจจะเป็นเรื่องสนุกที่สุดของที่นี่เลยมั้ง ที่น่าแปลกคือ ใครๆก็ชอบเห็นผมโดนแกล้ง เอ้า มีความสุข ขำกันใหญ่ เห็นผมชะเง้อคอมองภาพกลับหัวแบบนี้ ขำหรอครับ?

วันนี้ไม่เห็นพี่โต้ง คิดว่าคงจะแอบอู้งานไปสูบบุหรี่ตามเคย แต่ผิดคาดครับ เจอพี่แกวิ่งเร็วเสียจนเห็นหัวล้านที่ซ่อนมานาน วิ่งมาทางมุมที่พวกผมนั่งอยู่ ยังไม่ทันได้แซวเรื่องเหม่งที่เห็นกันทุกคน พี่โต้งก็ตะโกนออกมาเสียก่อน

“ไอ้ตี๋!”

“คะ..ครับ?”

เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ก็เหนื่อยเกินไป โค้งตัวลงไป หอบหายใจแรง

ผมรู้สึกเหมือนเห็นเทพเจ้าแห่งความซวยปรากฏร่าง กอดอก ยิ้มที่คิดว่าเท่เต็มที่อยู่ข้างๆ

“มึงไปทำอะไรไว้?!”

“ผม..ผมเปล่า เปล่าทำอะไรนิ”

“มานี่ดิ”

ดูท่าจะยังหายใจไม่ค่อยออก ยกมือกวักเรียกผมให้เดินเข้าไปใกล้

ในมือพี่โต้ง ถือกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง ผมมองกลับไป พี่เชน พี่เอ๋ คนอื่นๆ มองไม่วางตา

“มึงไปทำไรกวนๆใส่บอร์ดเขารึเปล่า?”

ผมนึก แต่นึกไม่ออก ส่ายหัวไปมา

“แน่ใจ”

ส่ายหัวเร็วขึ้น พี่โต้งยังหายใจหอบไม่หยุด ตบมือลงบนไหล่ผม เพราะไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน เลยเผลอสะดุ้ง

“มึง…”


……………………………………….
……………………………..


“ผมโดนไล่ออกโว้ยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!”

เจ็บใจเป็นบ้า

ไอ้บริษัทแบบนี้ ไม่เจริญก็เพราะผู้บริหารแบบนี้นี่ล่ะ

แบกข้าวของตัวเองที่อยู่ในลังกระดาษ มันเยอะจนผมต้องกลับมาเอาอีกรอบ แต่แค่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง พี่เชนบอกให้นั่งอยู่ต่ออีกสักพัก คิดว่าจะทำอะไรต่อ แต่ผมไม่อยู่หรอก อยู่ไปก็ไม่ได้เงินเดือนเพิ่ม

เฮงซวย!!

เตะเท้าออกไป ก็ชนเสาที่ไม่ได้มองอีก อะไรจะซวยได้ป่านนั้น ไอ้เทพเจ้าแห่งความซวยครับ ได้โปรดไปสิงสถิตคนอื่นบ้างเถอะ อยู่กับผม กินไม่อิ่ม แถมตอนนี้ตกงาน ไม่มีอะไรจะเลี้ยงท่านหรอกนะครับ ไม่ต้องรักกันมากก็ได้

เดินมาที่ป้ายรถเมล์ ยังมีคนมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ใจอยู่อีก เมื่อกี้เล่นตะโกนเสียงดังไปหน่อย เล่นเอาพี่ยามที่จะเดินเข้ามาคุยด้วยถอยหลังไปหลายก้าว แล้วรีบหายไปที่ซอกตึกแทบไม่ทัน

คิดจะไล่ใครก็ไล่หรอไงวะ? แบบนี้นี่แหละ ถึงได้เกลียดพวกนี้ชะมัด

มีเงิน คิดจะทำอะไรก็ได้สินะ

ตอนเรียนอยู่ ผมไม่ค่อยได้เห็นความแตกต่างนี้เท่าไหร่ แต่พอมาทำงานเท่านั้น ทุกอย่างชัดเสียจนน่าเกลียด โลกนี้ไม่สวยครับทุกคน เพื่อพวกคุณยังติดอยู่ในฝัน ตื่นเถิดชาวไทย

ไม่มีคำอธิบายอะไรสักคำ ถามยังไง ก็มีแต่คำตอบเดิมว่า “ข้างบนเขาตัดสินใจมาแล้ว”

ตัดสินจากอะไร? บริษัทตกต่ำจนถึงต้องจับไม้สั้นไม้ยาวออกแล้วหรอ? ผมไม่ได้ฝีมือห่วย ถึงผมไม่ได้เก่ง แต่ผมก็ขยันทำงาน แถมยังชงโอวัลตินอร่อยอีก หรือเพราะกินโอวัลตินของบริษัทเยอะไปหรอ…. บ้าชะมัด ผมคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมาได้ไง

พี่เชนอาสาจะขับรถไปส่งผม ก็ถูกเรียกประชุมงานด่วนพร้อมกันยกก๊ก ซวยกันไป ไอ้ผมจะกลับรถเมล์ แท็กซี่ หรือเรือบินก็ได้ ไม่เกี่ยงหรอกครับ

รถเมล์มา ทุกคนวิ่งกรูกันขึ้นไป สังเกตดูดีๆจะมีพวกป้าๆเยอะหน่อย ยังไม่เป็นเวลาเลิกงาน ถือของกันพะรุงพะรัง ไม่มีที่นั่ง ผมยืนโหน ว่างกล่องไว้ที่เท้า แล้วยืนหนีบไว้แทน

ที่บ้านไม่มีใครอยู่ มีกับข้าวที่ม๊าทำเผื่อไว้ ผมเอาออกมาอุ่น อุ่นไม่ได้เรื่องเลย ข้างในยังเย็นชืด เป็นกะหล่ำแช่แข็งที่รสชาติอร่อยแบบแปลกๆ

เปิดข่าวดู บอลที่เชียร์อยู่ก็โดนถล่มหางตกคาบ้าน มีทำลูกเด็ดแค่ลูกเดียว ภาพข่าวกำลังจะรีรันให้ดู ทีวีร่างทรงก็ดันสัญญาณอ่อน วิญญาณหลุดกลางอากาศ เล่นเอาผมได้แต่นั่งจ้องตัวเองนั่งอืดอยู่หน้าจอดำสนิทนั่นแทน

“ข่าวจบ ละครหลังข่าวก็มาเชียว พระเอกหล่อชะมัด”

ชี้ไปที่ตัวเองในจอ ขยิบตา หล่อบาดใจ

กล่องลังนั่น มีงานที่ผมทำไว้เต็มไปหมด มันยังไม่เสร็จ แต่คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำต่อ หลายงานผมข่มตาไม่หลับไม่นอน ไอเดียใช่ว่าจะมาง่ายๆ มาช้ายิ่งกว่า 3G เสียอีก รื้อออกมาดู ในเวลานี้ กลับเห็นข้อบกพร่องที่ไม่เคยเห็นเต็มไปหมด ตอนแรก แค่กะจะทำฆ่าเวลาเฉยๆ ไปๆมาๆ ผมนั่งใช้ดินสอ นั่นวงข้อผิดพลาด เขียนความคิดใหม่ๆเต็มไปเสียหมด

เพราะมัวแต่มุ่งไปข้างหน้าเร็วเกินไป เลยไม่เคยเห็นข้อผิดพลาดตัวเอง ผมอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้

ได้ยินเสียงรถไอติมวิ่งผ่านหน้าบ้าน รีบวิ่งออกไปซื้อ ตอนที่แกะห่อไอติมออกแล้วรับเงินทอนจากคนขาย ก็นึกถึงคำพูดของไอ้กล้วยเรื่องความบังเอิญของโลกขึ้นมา

บังเอิญว่า อยู่ดีๆผมก็ถูกแคนเซิลงานติดๆ

และก็บังเอิ้ญ บังเอิญ ที่ผมถูกไล่ออกอีก

ไอติมหยดติ๋งๆ หยุดคิด แล้วรีบกินไอติม ก่อนที่จะละลายหมดก่อน


……………………………………………
………………………………


ไปตามนัดที่นัดไว้ ทั้งๆที่ไม่อยากลุกจากเตียง

ใส่แค่กางเกงเดินป่าเก่าๆ กับเสื้อยืดคอกลม ตัวนี้เคยมีลายมิกกี้มาก่อน แต่วันนี้ผมหยิบมาใส่ ไม่รู้มิกกี้หนีไปอยู่ที่เสื้อตัวไหนแทน ทิ้งไว้แต่รอยจางๆ ที่ดูแล้ว เหมือนหนูในท่อมากกว่า

สะพายกระเป๋า พึ่งตื่น ผมเผลอหลับไปหลังจากนั่งแก้งานเก่าๆของตัวเอง รีบออกมา ผมยังไม่ได้หวีด้วยซ้ำ

หนีบแตะ เพราะบอกให้ไปเจอที่บริษัทพี่หมอก หยิบหมวกไปด้วย ผมไม่ได้ตั้งใจทำตัวให้มีพิรุธหรอกนะครับ แค่รู้สึกว่ากันไว้ก่อนก็ดี

ยังเป็นมุมที่วุ่นวายสุดๆ

บริษัทพี่หมอก ผมไม่เคยมาหรอก เคยแต่ผ่านไปมาหลายครั้ง เป็นตึกสูง ที่ถ้าจะมองชั้นบนสุด ก็ต้องเงยสุดคอ

เวลาเกือบหกโมง

“ครับ?”

หน้าจอ เป็นเบอร์พี่แพน

“ตี๋ถึงหรือยัง? ตอนนี้พี่ไม่ว่าง แต่จะมีรถขับไปส่ง จอดอยู่ข้างล่าง เห็นหรือเปล่า”

ผมมองรอบๆ มีรถเป็นร้อยคัน ทั้งที่จอดข้างทางกับจอดชั่วคราวเพราะพิษจราจรหลังเลิกงาน พี่แพนบอกทะเบียนมาด้วย ผมก็หาเจอ

เข้าไปในรถ พี่คนขับรถที่ไม่เคยเห็นหน้าก็มองผมผ่านกระจกหลัง สักพัก ก่อนจะขับออกไป

ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอคนอื่นด้วยนิหว่า ถึงได้แต่งตัวแบบนี้มา ผมคิดว่าแค่จะมาเจอพี่หมอก ก็อยากใส่ชุดที่ผมใส่แล้วสบายที่สุด ไม่ต้องแต่งตัวอะไรจริงจัง

ผมคิดผิดโคตรๆเลยครับ

รถมาจอดที่หน้าโรงแรม ไฟส่องชื่อโรงแรมที่ทำด้วยตัวอักษรสีทอง ผมถูกเดินนำเข้าไป ถอดหมวกเก็บลงกระเป๋า พยายามเดินด้วยรองเท้าแตะให้เกิดเสียงเบาสุดบนพื้นหินอ่อน

ห้องอาหารที่กว้าง แต่มีเพียงโต๊ะเดียว ที่มีคนนั่งอยู่

พี่หมอก ใส่สูทสีดำ นั่งอยู่ตรงนั้น คอเสื้อไม่มีเนกไท ใต้ไฟสีส้ม พี่หมอกดูขาวกว่าปกติ สวมแว่นกรอบดำ ที่ทำให้ทุกคนที่เห็นต้องเชื่อว่าพี่หมอกชอบสีดำจริงๆ

กำลังนั่งอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ มือหนึ่งถือแท็บเล็ต ในหูมีบลูทูธ คุยกับปลายสาย หน้าเครียด

ผมตามพนักงานที่เดินนำเข้าไป คงมีคนบอกก่อนอยู่แล้วว่าผมจะมา ไม่งั้น คงไม่ได้เข้าตั้งแต่หน้าโรงแรมด้วยการแต่งตัวแบบนี้ แอร์หนาว ใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดมาแบบนี้ ก็รู้สึกหนาวแปลกๆ

พี่หมอกไม่ได้รู้สึกตัวเลย จนกระทั่งผมเข้าไปยืนใกล้ๆ

เงยหน้าขึ้นมามองผมแว่บหนึ่ง “นั่งไปก่อน” พูดแค่นั้น แล้วก็พูดกึ่งเถียงกับปลายสายต่อ เดี๋ยวก็เงียบ แล้วคุ้ยกองแฟ้มที่วางอยู่บนเก้าอี้อีกตัว บางที ก็เลื่อนนิ้วไปบนแท็บเล็ตเร็วๆ แค่เห็นแค่นี้ผมก็หัวหมุนแล้ว

เกือบสิบนาที ผมมองวิวนอกหน้าต่าง เพราะนี้เป็นห้องอาหารที่อยู่ชั้นล่าง ผมคิดว่า ก่อนหน้านี้คงมีคนนั่งตรงที่ผมนั่งมาก่อน คุยบางอย่างกับพี่หมอก เสร็จแล้วกลับไป เพราะเหมือนพี่หมอกนั่งอยู่ก่อนสักพักแล้ว

บลูทูธถูกถอดออกจากหู วางลงกับโต๊ะ

ผมเงยหน้าขึ้นมอง พี่หมอกไม่ได้มองกลับมาทางผม หันไปมองพนักงานเสริฟที่เดินผ่าน เขาพยักหน้า แล้วเดินหายไปในครัว

“พี่หมอกงานยุ่งเนอะ”

“เพราะยังมือใหม่” พูดห้วนๆ “มีหลายเรื่องที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจอยู่ เลยต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น”

ก็คงจะเป็นแบบนั้น

พี่หมอกไม่ได้เรียนสายบริหาร แต่ต้องมาทำงานส่วนนี้ คงยากอยู่

“พี่…”

“พรุ่งนี้ย้ายมาซะ”

“ห้ะ?”

“ย้ายมาอยู่กับกู”

“เดี๋ยวดิ..พรุ่งนี้เลยหรอ?”

“มึงว่างแล้วไม่ใช่หรือไง?”

“..พี่หมายความว่าอะไร?”

“ก่อนหน้านี้มึงบอกบ้านมึงใกล้ที่ทำงานมากกว่า” อาหารถูกทยอยวางลงบนโต๊ะ ดูเหมือนจะเป็นอาหารจีน ซี่โครงหมูตรงนั้นน่ากินชะมัด แต่ผมมองมันแค่แวบเดียว “ตอนนี้ ไม่ต้องแล้วนิ”

“พี่หมอก…”

“ทำไม?”

“พี่รู้แล้วหรอ?”

“แล้วทำไมกูจะไม่รู้”

“…..”

พี่หมอกไม่ได้มองผม

ตอนนี้ก็กลับไปสนใจงานในมืออีก ทั้งๆที่อาหารวางอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมฉุย

“พรุ่งนี้ กูจะไปรับ”

พี่หมอกพูดอะไรต่อจากนั้นสองสามคำ แต่ผมไม่ได้ฟัง

ลองถามออกไป คำถามที่ไม่อยากให้คำตอบ เป็นอย่างที่ผมคิดไว้

“พี่เป็นคนทำหรอ?”

“กูไม่อยากให้พ่อกูบีบมึงไปเรื่อยๆ กูเลยตัดปัญหา”

“ตัดปัญหา…“

“ไล่มึงออก ใช่ กูให้เขาไล่มึงออก”

“……..”

“ไม่งั้นจะยิ่งมีแต่ปัญหาตามมา”

“พี่..พี่จะปล่อยให้ผมเจอกับปัญหานั้นก่อนไม่ได้งั้นหรอ?”

“ไม่” ตอบเร็วพอๆกับที่ผมพูดจบประโยค “มึงเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ไม่เคยบอกกูสักคำ”

ถอดแว่นออก พูดมาจนถึงตอนนี้ พี่หมอกยังไม่เงยหน้ามองผมสักครั้ง

“….มึงเห็นกูไม่สำคัญหรือไง”

“ไม่ใช่แบบนั้น…”

“เรื่องโทรศัพท์นั่น จนถึงตอนนี้ ผ่านมาเกือบสองอาทิตย์ มึงก็ยังไม่เคยบอกกู”

“ทำไมพี่ถึงรู้?”

“เพราะกูเป็นคนบอกให้มิ้นท์ทำเอง”

“…..”

“กูรอ คิดว่ามึงจะบอกกู แต่ก็ไม่มี ไม่มีสักสาย”

“พี่ทำแบบนี้ทำไม?”

“…….”

“พี่ไม่เชื่อใจผมหรอ?”

“ถ้ามึงเชื่อใจกู มึงก็คงจะบอกกูคนแรก”

ตอนนี้ผมงงไปหมด

ผมไม่ได้มาที่นี้ มาเจอพี่หมอกที่นี้ เพื่อเจอเรื่องแบบนี้

เร็ว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนผมไม่ทันจะตั้งตัว

พี่หมอก กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมเหมือนไม่เคยรู้จัก

“ปัญหามันอยู่ที่ตัวคุณอัษฏาเองต่างหาก”

ผมจำคำพูดนี้ได้ คำพูดที่ผมได้ยินในโทรศัพท์วันนั้น

“พี่ล้อผมเล่นหรือเปล่า?”

อีกฝ่าย เงยหน้า สบตาผมเป็นครั้งแรก

“กูไม่ได้ล้อเล่น มันไม่ใช่สิ่งที่กูคิดจะทำก็ทำ กูคิดมาหมดแล้ว”

“โดยที่ไม่ได้ถามผมสักคำ”

“มึงก็ไม่ได้บอกอะไรกูเหมือนกัน”

“ผมว่า…วันนี้ผมคงฟังพี่ไม่รู้เรื่องแหง” คว้าสายกระเป๋าสะพายผมขึ้นมา ลุกขึ้นยืน “ถึงอาหารจะน่ากินมากๆ แต่ม๊าทำอาหารไว้แล้ว ผมว่าผมกลับไปกินบ้านดีกว่า”

“ใครบอกให้มึงไป”

“เรื่องนี้ผมก็ต้องขออนุญาตจากพี่ด้วยหรือไง?”

“ถ้ากูจะตอบว่าใช่ล่ะ…”

ผมไม่ได้หลบสายตา

รู้สึกเหมือนตอนนี้ กำลังกำมือแน่น จนปลายนิ้วชา

บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกแบบไหนกันแน่

ผิดทั้งคู่ ทั้งผม ที่ไม่ได้บอกอะไร กับ พี่หมอกคนที่จัดการทุกอย่าง ไม่สนใครทั้งนั้น

ผมไม่สน เดินหมุนตัวออกมา รู้สึกปวดหัวเป็นบ้า คิดว่า อยากกลับไปนอนต่อให้เร็วที่สุด คงจะเบลอ แหงเลย เป็นเพราะนอนกลางวันแหง แบบนี้ต้องแก้ด้วยนอนกลางคืนต่อ

เสียงรองเท้า ที่ราคาแพงสูงลิ่ว เหยียบลงบนพื้นหินอ่อน เสียงดังแต่ก็ทำให้ดูน่าเกรงขาม ดังสลับกับเสียงรองเท้าแตะผม ที่แตะลงพื้นที่ ก็มีเสียงตลกๆ เหมือนพร้อมจะลื่นล้มหน้าหงายให้ผมได้อายตลอดเวลา

พี่หมอกเดินตามมา ผมรู้ ผมเดินก้าวให้เร็วขึ้น เร็วอีก พี่หมอกก้าวยาวขึ้นอีก หันไปมองข้างๆ ผนังที่เป็นหินอ่อน ดูท่าจะเย็นนิ้วถ้าจับลงไป สะท้อนให้เห็นเงาคนที่เดินตามผมมา ท่าทางรีบร้อนไม่แพ้กัน

มือพี่หมอกคว้าข้อศอกผมได้ ผมสะบัดเร็วๆก็หลุด คงไม่คิดว่าผมจะดิ้นหนี ถึงได้ก้าวหนักๆเข้ามาอีกก้าว เสียงเท้านั่นทำให้ผมรู้ว่าพี่หมอกก็โมโห ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน

ผมยังไม่อยากคุยตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่ดีเลย เวลาที่ผมใกล้จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ และผมก็ไม่คิดว่าพี่หมอกจะเป็นฝ่ายเย็นลงเพื่อรับฟังผมด้วย

ประตูอัตโนมัติ เซนเซอร์เปิดช้า ทำให้ผมต้องหยุดเท้าสักพัก พี่หมอกเข้ามาใกล้

ข้างนอก ท้องฟ้าสีดำ ภายในโรงแรมไม่ค่อยมีคน แต่ถ้ามองออกไปข้างนอก คนเยอะ เพราะแถวนี้มีสถานีรถไฟใต้ดินอยู่ แถมยังเป็นย่านการค้า

ผมรีบเร่งเท้า ถนนสั้นๆแค่นี้ ทำไมมันดูไกลจังวะ

“มึงจะไปไหน?!”

เสียงรองเท้าพี่ที่เหยียบลงบนพื้นไม่น่าฟังเลย เสียงอย่างกับพี่จะซ้อมเหยียบกระดูกใครสักคน

“ไปไกลๆจากพี่ก่อน ตอนนี้ผมกำลังโมโห พี่ไม่อยากเจอใช่ไหมล่ะ ตอนผมโมโหน่ะ น่ากลัวนะ”

นี่ผมพูดบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย? โมโหใช่ไหม? ใช่ ผมกำลังโมโหอยู่

ผมโมโหจนรู้สึกเหมือนมีควันออกมาจากหู อาจจะฟังดูเว่อร์ไปหน่อย แต่ก็รู้สึกเหมือนผมตั้งขึ้นด้วย

“หยุด ไอ้ตี๋ กูบอกให้หยุดไง”

“พี่ก็หยุดก่อนดิ แล้วผมจะหยุด”

เสียงรองเท้าพี่หมอกเงียบลง

ผมเดินต่ออีกสองสามก้าว ช้าลง แล้วก็หยุด

หันไปมอง เดินไม่ไกลหนัก แต่ก็เหนื่อยทั้งคู่

“ผมไม่ชอบวิธีการของพี่ ไม่รู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่เห็นด้วย”

“กูไม่สนว่ามึงจะคิดยังไง ในเมื่อมันเป็นทางที่ดีที่สุด”

“ดีหรอ? ฮ่ะ ดีกับพี่คนเดียวงั้นล่ะสิ? พี่ไม่เคยถามผมสักคำว่าคิดยังไง ผมรักงานของผม ผมอยากทำงานของผมต่อ มันเป็นงานที่ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณตัวเองที่เรียนด้านนี้มา มันไม่ใช่งานง่าย แต่เพราะผมรักมัน แล้วผมก็อยากทำต่อด้วย”

“ทำไมมึงไม่ลองอยู่เงียบๆแล้วฟังสิ่งที่กูพูดบ้าง แล้วมึงจะให้กูทำยังไง?”

เสียงบีบแตรจากรถข้างนอกดังเข้ามาถึงตรงนี้ อย่างน้อย ก็ไม่ทำให้มีเพียงแค่เสียงลม ผมที่เริ่มยาวปัดไปมาจนรำคาญ ไม่ได้ดูดีแบบในเอ็มวีหรอกครับ ผมรับประกัน

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ กูก็จะปกป้องมึงไม่ได้” เสียงเบาลง แต่เพราะว่าเสียงนั้นหนักแน่น ผมเลยไม่ได้รู้สึกว่ามันลดเสียงลงเลย

“กูจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบคราวที่แล้วอีก แบบที่มึงหายไป โดยที่ไม่ยอมให้กูช่วยอะไรเลย”

ความโกรธผมลดฮวบ

ถอนหายใจ รู้ว่าไอ้ที่พี่หมอกทำมันก็แรงไปหน่อย แต่พอฟังเหตุผล ก็เล่นเอาโกรธจริงๆจังๆไม่ลง

“แต่พี่ก็น่าจะคุยกับผมสักคำ”

“คุยไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มึงก็พูดว่าจัดการได้ แล้วเป็นยังไง?”

“เฮ่ย นี่พี่จะพูดดีเกินสามนาทีเป็นไหมเนี่ย?”

“ทำไม กูพูดผิดตรงไหน?”

ผมหันขวับกลับไปมอง ชนเข้ากับลุงฝรั่งพุงพลุ้ยคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบหันกลับมา ก้มหน้าก้มตาเดินต่อ ผมพึ่งสังเกตว่าเดินออกมาจากรั้วโรงแรมนั้นแล้ว ฟุตบาทริมถนนคนเยอะ เสียงพี่หมอกก็ยังอุตส่าห์ฝ่าเสียงพูดคุยรอบๆตัวมาถึงผมได้อีก

“ไอ้ตี๋ นั่นมึงจะเดินไปไหน ไหนมึงบอกจะหยุด”

“ผมไม่หยุดแล้ว ผมโคตรโมโหพี่เลย!”

“โมโหเรื่องอะไร ทำไม? มึงโมโหเรื่องอะไร บอกมาสิ”

ยังต้องบอกอีกหรอ ว่าโมโหเรื่องอะไร?

ตอนนี้ ผมหันไป เห็นพี่หมอกอยู่ท่ามกลางคน ดูหงุดหงิดจนน่ากลัวแทนคนรอบๆ แถมยังเร่งฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ จนผมต้องวิ่งอีกครั้ง

“ขอโทษครับ ขอทางหน่อยครับ ขอโทษครับ”

เด็กเงยหน้าขึ้นมามองผม สักพักก็มองพี่หมอกที่วิ่งตามมา เหมือนดูการ์ตูนหนูวิ่งไล่แมวเรื่องดัง

ต้องยื่นมือออกไปก่อน เพื่อให้คนที่ขวางอยู่รู้ตัว และขยับให้ ต่อจากนี้ คนจะเยอะขึ้น ถ้าวิ่งต่อ อาจโดนจับทัน ผมวิ่งแทรกไปเรื่อยๆ หันไป พี่หมอก อีกแค่ก้าวเดียว จะถึงตัวผม

ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ เลยเร่งเท้าขึ้นกว่าเดิม หลบออกไปทางถนนแทน มอเตอร์ไซค์เบรกรถ ตะโกนด่าผมยาว ผมได้แต่ผงกหัวขอโทษ

รถกำลังเคลื่อนตัว สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว

แท็กซี่คันหนึ่ง ป้ายไฟสีแดงสว่างว่า”ว่าง” ผมรีบโบก กระโดดขึ้นไป ไม่บอกจุดหมายปลายทาง แต่รีบพูดว่า “ออกรถเลยครับ”

แค่ปิดประตู มือสองข้างก็ตบเข้ากับหน้าต่าง เสียงดัง จนคนขับรถเหยียบเบรก รถกระตุกไปทั้งคัน

โชคดีที่คนขับรถล็อครถทันทีที่ผมขึ้นมา พี่หมอกพยายามเปิดประตู เปิดไม่ออก ทุบกระจกหน้าต่างดังจนน่ากลัว

“น้อง นี่น้องไปทำอะไรเขามาหรือเปล่าเนี่ย?”

“ปะ..เปล่าครับ”

พี่หมอกตะโกนอยู่ข้างนอก “เปิดประตู เปิดประตูสิวะ!” ทุบจนเสียวว่ากระจกจะแตกขึ้นมาจริงๆ

“พี่ ขับออกไปเลย ถ้าพี่ไม่ขับออกไปตอนนี้ ผมตายแน่ ตายเป็นผีไม่มีหลุมเลย”

“ขะ..ขนาดนั้นเลยหรอ?” พูดไปปากสั่นไป พี่คนขับรถเลื่อนมือไปที่เกียร์ “งั้นออกรถเลยนะ”

ผมพยักหน้า มองตอบพี่คนขับผ่านกระจกมองหลัง หันไปมองกระจกหลังฝั่งตรงข้ามกับที่ผมนั่ง พี่หมอกยังทุบกระจก ตะโกนไม่หยุด จนคนรอบๆเริ่มมุงดู

รถเคลื่อนออกมา พี่หมอกเดินตามสองสามก้าว ดึงประตู เขย่าไปมาจนได้ยินเสียงกึงๆ พอความเร็วเพิ่มขึ้น ถึงได้ปล่อยมือ ไม่ได้วิ่งตามมา

ผมมองผ่านกระจกหลัง ระยะทางห่างมาเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นพี่หมอกอีก

“สมัยนี้เด็กหล่อๆก็ไว้ใจไม่ได้เลยนะเนี่ย น้องไปแย่งแฟนเขามาละสิ โมโหขนาดนี้”

พี่แท็กซี่ช่างคุยอย่างคิดไม่ถึง

ผมได้แต่หัวเราะแหะๆตอบไป โทรศัพท์ ผมกำไว้ คิดว่าพี่หมอกจะโทรมา

แต่มันก็ไม่ได้สั่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว


……………………………………
…………………………….
………………………


[B.N.19 : complete]
[19.10.55]


Edit แก้ชื่อตัวละคร จำผิด = =
กับคำผิด ขอบคุณ malula คับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 20:45:02 โดย cn9095 »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ก็ต้องเหงยสุดคอ >>>เงย/แหงน
กลิ่นหอมชุย>>>ฉุย
ผมได้แต่พงกหัวขอโทษ>>>ผงก

ใจร้อนด้วยกันทั้งคู่
ที่พี่หมอกทำก็พอเข้าใจได้อยู่ ว่าอยากปกป้อง แต่ออกเผด็จการไปหน่อย
ตี๋ดื้อแต่ไหนแต่ไร ใช่ว่าจะยอมง่าย ๆ ยิ่งถูกบังคับนะ ฝันไปเลย
ต้องคุยด้วยเหตุด้วยผลอย่างเดียว
พี่หมอกงานงอกอีกแล้ว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 19:44:34 โดย malula »

ice_painful

  • บุคคลทั่วไป
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เรื่องมันมีอุปสรรค เพราะใครกันแน่เนี้ยะ lol
ดีใจที่เห็น ทะเลาะกัน บ้าง

 :beat: :beat:

เรื่องนี้เพราะ คุณอัษฎา เหรอ.........????
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 23:55:59 โดย ice_painful »

ออฟไลน์ ไอ้หัวแห้ว

  • ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน...
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +568/-5
หลังจากอ่านสองตอนนนน


ดราม่าาาาาาาาา


ดราม่านี้คืออะไรรรรรรร


 :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 21:04:05 โดย ไอ้หัวแห้ว »

ออฟไลน์ pp4

  • คนที่ 'ชอบ' ไม่ได้แปลว่าคือคนที่ 'ใช่'
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-6
อัพไม่บอกกล่าวกันเลย....แต่ก็ดีใจนะ ฮุฮิ~ #เผ่นไปอ่าน

น่านนน~ ค้างอีกตามเคย = =" #เอวัง
ไม่รู้ว่าจะสงสารใครดี งั้น...สงสารคู่นี้ละกัน 55555
พี่หมอกแค่ยังอธิบายไม่ชัดเจน ตอนนี้เฮียรอนะคะ -3-
รอเวลาก่อน ให้น้องตี๋ใจเย็นก่อนเน่อออออ -3-
รอตอนต่อไปจ้าาาาาาาา

#ตอนวิ่งตามพี่หมอกน่ากลัว = = #น้องตี๋น่ากลัวกว่าที่วิ่งหนีทัน
#ต่อจากนี้จะน่ากลัวกว่าเดิม เพราะตี๋จะโดนสำเร็จโทษ หึหึ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 19:21:27 โดย pp4 »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เล่นไล่จับกันรึไงนะสองคนนี้
งืม เดี๋ยวตี๋ก็เจอไอ้พีหมอกทำอะไรแปลกๆใส่อีกหรอก

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป

tomotoma

  • บุคคลทั่วไป
ยะฮู้ววววววววว มาแล้วเจ้าข้าเอ้ยยยย  :mc4: o13

 :impress2: :man1: o18

ขอบคุณนะคะ :pig4: :L1: :L2:

พี่หมอก  อย่าทำร้ายจิตใจกันมากนักนะ  เดี๋ยวไม่รักแล้วด้วย   :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






taiyo_sora

  • บุคคลทั่วไป

herowon

  • บุคคลทั่วไป
 o22 มาเร็วๆแบบนี้อีกนะครับ555

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
อ้าวๆๆ คนละเรื่องกับตอนที่แล้วว  :a5:

ตี๋วิ่งเร็วว่ะ พี่หมอกตามไม่ทัน ตี๋นายช่างกล้าหาญมากกกกกก   :z2: :z2:

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
เล่นอะไรกัน o22

 :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ papa_paolo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 
คิดถึงมากกกก
ขอบคุณที่มา นิดหน่อยก็ยังดี :pig4:

ออฟไลน์ mayuree

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-4
ครั้งนี้ตี๋ทำเกินไปนะ
เหตุการณ์มันแย่อยู่แล้ว ยังทำให้เลวร้ายลงไปอีกด้วยการไม่พูดจากันให้เคลียร์อีก
หมอกจะลองใจก็เข้าใจได้อยู่ในเมื่อครั้งนั้นเป็นตี๋เองที่เลือกเชื่อคนอื่นก่อนหมอก
มาครั้งนี้ก็มีอะไรไม่บอกอีก ความรักมันต้องมาพร้อมความเชื่อใจและศรัทธาจึงจะมั่นคง

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
หน่วงตลอดอ่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ beautifuldead

  • wandered lonely as a cloud..
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
อ้าวเฮ้ย คราวนี้ตี๋ไม่เย็นแล้ว เรื่องจะยังไงน่อ
เพราะที่ผ่านมามีแต่ตี๋ยอมคล้อยตามด้วย

ร้อนพอกันเลยตอนนี้ เง่อ-_-;

ออฟไลน์ tumtok

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-4
ยังอยู่ในช่วง :เฮ้อ:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2: :angry2: :angry2:

ทั้งคู่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ตี๋มีไรไม่บอกไง ไม่พูด แล้วพี่หมอกก็นะ แรงไป แต่เขาเป็นห่วงอ่ะ ซอฟท์ๆหน่อยมั้ย แต่ถ้าซอฟท์ก็ไม่ใช่พี่หมอก อืม..   :laugh:
เดี๋ยวก็เหมือนครั้งที่แล้วไง มีไรก็เก็บไม่บอก
มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะจัดการเองได้หรือไม่ได้ รักกันนี่ มีอะไรไม่บอกกันหรือไง โอ่ยยยยยย 

คุยกันดีๆเทอดดดด   o1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 19:55:13 โดย RGB.__ »

Milk

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมยิ่งอ่านมันยิ่งค้างง่ะ โอ๊ยจะบ้าตาย :serius2:

ออฟไลน์ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ไม่รู้สินะ ทำไมตี๋ไม่ฟังพี่หมอกให้จบก่อน หนีมาแบบนี้มีแต่จะยิ่งแย่ คือก็ต้องเข้าใจนิดนึงอะ ถึงพี่หมอกจะเผด็จการไปหน่อยแต่ก็ทำเพราะรักและหวังดี เพราะเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว(จากภาคแรก)มันเหมือนเป็นบทเรียน ก็เลยออกแนวระแวงกลัวว่าตี๋จะหายไปอีกไรงี้ ก็เลยต้องทำอะไรแบบนี้ -_- ฮึ๋ยยยย ขอเข้าข้างพี่หมอกละกันรอบนี้ แม้จะเข้าใจตี๋ก็เหอะว่าอยู่ๆมาโดนไล่ออกจากงานที่รักแบบนี้มันก็น่าโมโหอยู่ แต่ก็น่าจะฟังเหตุผลของอีกฝ่ายและใจเย็นกว่านี้นะ ตี๋ชอบคิดเองเออเองอ้ะ แล้วเหมือนที่หมอกบอกอะ คิดว่าจะจัดการได้ แล้วยังไง จัดการได้ไหมเล่า! คือตี๋ก็น่าจะเอาเหตุการณ์ครั้งที่แล้วมาเป็นบทเรียนเหมือนกันนะ ว่ามีอะไรให้บอกหมอกอะ จะได้ช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่เก็บเอาไว้คนเดียวแบบนี้ โอ้ยยยยย เมื่อไหร่มาม่าชามนี้จะหมดสักที เมื่อไหร่จะหวานกันสักที T___________________T
*อินจัด* 555555555555555555555555555

มาต่อเร็วๆอีกนะคะ อิอิ  :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 20:09:56 โดย Oranges »

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
แบบว่าอ่านจบความคิดตีกันยุ่งเลย เพราะก็ผิดทั้งคู่ และก็ถูกทั้งคู่ด้วยเช่นกัน
พี่หมอกลองใจตี๋เองหรอกเหรอเนี่ย ตี๋ก็เป็นอย่างที่พี่บอกจริงๆนั่นแหละ เก็บเงียบไม่บอกใคร
ที่ผ่านมาสองสัปดาห์ก็ไม่เห็นตี๋จะคิดก่อการทำอะไร แต่พี่หมอกก็ทำเกินไป เป็นเราเราก็โกรธนะ มาไล่ออกเฉ๊ย
ตี๋บอกอยากให้พี่มาคุยกันก่อน แต่ตัวเองก็กลับไม่บอกเหมือนกันนะ
แถมคาดได้เลยว่าถ้าพูดกันก็คงไปกันคนละทาง เพราะตี๋ก็คงบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนเดิมๆ
เหมือนจะว่าน้องตี๋เสียเยอะ แต่เปล่าเลยเราไม่เห็นด้วยกับวิธีของพี่หมอกเท่าไหร่หรอก

อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ทั้งคู่ผิดใจกันเลยนะ
ถ้าคนในเราเข้มแข็ง ไม่ว่าปัจจัยภายนอกจะเข้ามาเท่าไหร่ เรามั่นใจว่าสองคนนี้จะผ่านไปได้
แต่นี่ถ้าเกิดคนในไม่เข้มแข็งเสียเองแล้ว คงน่าหวั่นวิตกมาก
ต่างคนก็ต่างต้องรับแรงกดดันและต้องสู้กับหลายๆอย่าง ควรจะคุยกันเยอะๆให้เข้าใจ เป็นกำลังใจให้กันมากกว่า

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชะอุ้ย ศึกภายในบ้าน เริ่มเกิด
นี่ยังเหลือศึกนอกบ้านอีกป่ะ
รักมากไปทั้งคู่ เคลียร์กันดีดีนะ ปัญหาเดิมๆอ่ะจ้ะ

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
กลายเป็นมาผิดใจกันเองซะอย่างนั้น


ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
เห้ออออ ตี๋ เอ้ยยย ไม่รู้จะพูดอะไร กับเด็กคนนี้

ไม่ได้บอกว่าพี่หมอกไม่ผิด แต่ เพราะอะไรหล่ะ ที่พี่เค้าทำแบบนี้เพราะอะไร เพราะตัวเองตี๋เองไม่ใช่เหรอ ที่ดื้อ ที่รั้น ที่ไม่ยอมพูด แล้วสุดท้ายเป็นยังไง


บางที ตี๋ต้องคิดดูบ้างว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายไหนกันที่ปรับตัวเข้าหาอีกฝ่าย อยากจะเดินไปข้างหน้าไปด้วยกัน


 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Grouy

  • “I Will Protect You”
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
 :a5:แว๊กกกก ค้างงง พี่หมอก น้องตี๋ง่า  :serius2: คุยกันเข้าใจไวไวเน้อออ  :call:

ออฟไลน์ mkooo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เหมือนทุกคนพร้อมจะไม่เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน
เหมือนไม่พร้อมที่จะคุยกัน
เหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่พยายามจะสื่อ
อีกคนก็รู้สึกไม่ชอบที่โดนบังคับ ไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นเด็กอมมือ ต้องถูกบังคับ
ตัดขาดจากสิ่่งที่ตนเองอยากจะทำ แต่ในทางกลับกัน
ความรู้สึกของอีกคนก็อยากจะผูกมัดอีกคนไว้กับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง
เพราะกลัวว่าอดีตจะซ้ำรอย
มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ทุกคนล้วนต่างมีเหตุผลของตนเอง
ไม่ชอบการกระทำของอีกฝ่าย และไม่ชอบการกระทำในสิ่งตนเองทำ
ชอบตอนนี้มากๆเลยค่ะ เหมือนทุกตัวละครดูมีเหตุมีผลของตัวเองถึงมันจะดราม่าก็เห๊อะะะะะะะะะ
ยังไงก็จะติดตามตอนต่อไปนะค่ะ !แต่งได้บีบหัวใจสุดๆเลยยค่ะ
 :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ Gaem

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
อารมณ์จะเครียดก็เครียดไม่สุดอ่ะ 55555555555555

คล้ายกับว่าพอจะเครียดตี๋ก็บรรยายออกมา เหมือนฉากเสียงรองเท้าอ่ะ 55555555

แต่อย่าทะเลาะกันแรงนะ  เค้าชอบเห็นคนไทยรักกัน  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด