เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]  (อ่าน 3283263 ครั้ง)

ออฟไลน์ BitterSweet~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 788
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
ผิดทั้งคู่
อ่านตอนนี้แล้วชอบมาก ๆ เลย
ถึงแม้ว่าจะมีมาม่า
แต่คนเขียน เขียนในมุมมองของแต่ละคนได้ดีมาก
มีเหตุผลกันทั้งคู่

ตอนนี้ก็รอแต่ว่าจะแก้ปัญหากันยังไงต่อ
หมอกโกรธจนควันออกหู
ตี๋ก็ไม่ยอมคุยด้วย  :เฮ้อ:

มาต่อเร็ว ๆ นะคะ

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
ตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงตอนปัจจุบัน
นับครั้งไม่ถ้วนที่ตี๋หันลังให้พี่หมอก
เข้าใจความรู้สึกพี่หมอกเลย
ตอนที่แรกที่โดนไล่ออกจากงาน กัดปากตัวเอและภาวนา
ไม่ใช่พี่หมอกที่เป็นคนทำ เพราะไม่งั้นเรื่องคงแย่กว่านี้
และก็ใช่จริงๆ
รับรู้ถึงความรักที่ทั้งคู่มีให้กันนะค่ะ
แต่วิธีการแสดงออกแตกต่างกัน
ถึงอย่างไงก็ยันยืนยันว่าชอบภาคนี้มากกว่า ฮา เพราะชอบดราม่า
รู้สึกตัวคนเขียนโตขึ้นไปพร้อมกับตัวละครด้วย การถ่ายทอดออกมาให้อินใจมาก
มันหน่วง ไม่เจ็บ น้ำตาไม่ไหล รอตอนหน้าค่ะ
ติดตามเสมอมา รอหนังสือมาส่งงงงงงตื่นเต้นอยากอ่านสเป

A_ay

  • บุคคลทั่วไป
อืมมมมมมมมมมมมมมมมมม :z10: :z10: :z10: :z10:

พูดไม่ออก
ไม่ใช่เพราะพูดกันน้อย
แต่ไม่เคยคุยกันเลยในเรื่องนี้ :เฮ้อ: :เฮ้อ:

*มันเป็นเอกลักษณ์มากจริงๆสองคนนี้เนี้ยยย :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
หมอกคงกังวลมากเพราะมีปมในสิ่งที่ตี๋เคยทำไว้ถึงทำแบบนั้น แต่หมอกถึงตี๋จะเคยทำแบบนั้น แต่ตี๋ทำไปเพราะมีเหตุผล และหมอกเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงหัวใจของตี๋ก็เป็นของหมอก เพราะฉะนั้นหมอกจึงไม่ควรทำแบบนั้นนะ ทำไมมีอะไรไม่ปรึกษาตี๋บ้าง หมอกบอกว่าตี๋เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว แล้วตัวหมอกเองไม่ได้ทำแบบเดียวกันงั้นหรือ หมอกห่วงตี๋ ตี๋เองก็ห่วงหมอกไม่แพ้กันหรอกนะ ที่ตี๋ไม่บอกหมอก หมอกเองก็คงรู้ว่าตี๋มีเหตุผล ตี๋เองก็มีอะไรทำไมไม่บอกหมอก ตี๋เองก็น่าจะรู้ว่าตี๋สำคัญกับหมอกมากขนาดไหน และก็น่าจะรู้ด้วยว่าหมอกมีปมเรื่องของตี๋แค่ไหน แล้วทำไมไม่คุยกันตี๋ทำแบบนั้น แล้วคงไ่ม่ใช่กลับไปคิดมากเองอีกนะ แต่คิดว่าหมอกคงไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกมั้ง ยังไงหมอกก็คงดูแลปกป้องตี๋สุดชีวิตอยู่แล้ว หมอกกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ แล้วพ่อหมอกจะทำอะไรตี๋หรือเปล่า ยังพี่ชายหมอกอีก

ออฟไลน์ anukul

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-6
มารอพี่หมอก&ตี๋ครับ  น่ารักๆ :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ pim_onelove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
เป็นอีกครั้งที่ตี๋เลือกที่จะเดินหันหลังให้พี่หมอก
ตี๋บอกว่านี่เป็นงานที่ตี๋รัก แล้วทุกวันนี้พี่หมอกได้ทำงานที่ตัวเองรักหรือเปล่า
แต่ที่พี่หมอกยอมสู้ขนาดนี้เพื่ออะไร และเพื่อใคร ..... ทำไมไม่คิด

ตั้งแต่ภาคที่แล้ว ตี๋ก็เลือกที่จะเดินหนีออกมาแบบนี้ เมื่อมองกลับไปกลับคิดว่าที่ตี๋ทำแบบนั้นก็เพื่อเป็นการหนีปัญหา
แล้วบอกกับตัวเองว่าดีแล้ว เพื่อพี่หมอก ทั้งๆ ที่ตี๋ยังไม่ได้สู้เลยด้วยซ้ำ คิดเองเออเอง แล้วก็ยอมแพ้เองทั้งนั้น
มาภาคนี้ตี๋สมควรโตขึ้น แต่เหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตี๋ก็ยังเป็นตี๋ที่เลือกที่จะเก็บปัญหาเอาไว้ และไม่สู้เหมือนเดิม
สิ่งที่ตี๋ควรทำคืออยู่ข้างๆ ให้กำลังใจพี่หมอก ไม่ใช่จะขึ้นไปทัดเทียมในแง่ของการงานพี่หมอก
นั่นเป็นสิ่งที่พี่หมอกต้องการเหรอ ตี๋คิดเอง เออเองอีกแล้ว คิดว่านั่นคือสิ่งที่ดี .... ถามพี่หมอกยังว่าพี่เขาต้องการหรือเปล่า เฮ้อออออออ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
เอาอีกแล้ว ปัญหาเก่า ๆ เริ่มเป็นเงาตามมาหลอกหลอน....
ครั้งนี้ โตขึ้น แต่การไม่คุยกันของทั้งสอง ทำให้ต่างคนต่างคิดแทนกัน แล้วปัญหาจะจบอย่างไร  :เฮ้อ:
+1 ให้เป็นกำลังใจ พร้อมรอความอ้างว้างของคนทั้งสองที่กำลังจะเจอ ..... :z2:

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
แค่คำว่ารักมันไม่พอสินะ  ความเชื่อใจมันสำคัญกว่า เฮ้อ!!! แล้วทั้งสองคนจะไปต่อได้เหรอ

ikin

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ปากหนักด้วยกันทั้งคู่

พี่หมอกปกติก็พูดน้อย ต่อยหนักอยู่แล้ว แต่ครั้งก็ทำเกินไป

ตี๋ดูเหมือนจะว่าง่าย แต่ก็ดื้อเงียบอยู่ใช่จะยอมง่ายๆไปทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้น่าจะคุยให้รู้เรื่องก่อนเนาะ  หนีแบบนี้จะดีเหรอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ isBelle__

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ทำไมมีอะไรไม่คุยกันดีดี ผิดทั้งคู่เลย แต่ก็มีเหตุผลทั้งสองคน ทำไปเพราะต้องการปกป้องอีกฝ่ายด้วยความรักแท้ๆเลย ตี๋ก็น่าสงสาร ต้องถูกไล่ออกจากงานที่ตัวเองรัก พี่หมอกก็น่าสงสาร เพราะเรื่องราวในอดีตทำให้พี่หมอกต้องทำแบบนี้

พี่หมอกคงจะเสียคนที่ตัวเองรักที่สุดไปไม่ได้อีกแล้ว ตี๋เข้าใจพี่หมอกด้วยเถอะนะ

ไม่ได้เจอกันตั้งนานดันมาดราม่าใส่กันอีก จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย ชีวิตตี๋เหมือนซันไช่เลยอ้ะ


สารบัญเงินน่ะ..มีไหมวะ?!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-10-2012 14:38:53 โดย isBelle__ »

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อะไรของสองคนนี้เน่ียยยยย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ dear77

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ตี่ทิ้งพี่หมอกไป 2 ครั้งแล้ว. ..พี่หมอกก็เลยกลัว ลองมาเป็นตี่โดยทิ้งบ้างละ

แต่พี่หมอกก็ผิด ทำให้ตี๋โดยไล่ออกจากงาน เป็นใครก็โกรธ. เศร้าจริง

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สงสารกันทั้งคู่เลยเนี่ย
กลัวพี่หมอกจะทำอะไรที่มันเหนือควาามคาดหมายอีก
ตอนแรกตกใจ ทำไมพี่หมอกทแบบนี้
แต่พอมาคิดดีๆ เออว่ะ ก็พี่หมอกเป็นแบบนี้ จะทำแบบนี้ก็ไม่แปลก

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
เรื่องมันก็เกิดจากความหวังดีด้วยกันทั้งคู่
คิดเองว่าทำแบบนี้แล้วมันจะดีกับอีกคน
แต่ก็ไม่ได้คุยกัน เฮ้อ :เฮ้อ:
กลับมาคุยกันเหอะนะ

ออฟไลน์ thunchanok1

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ่านแล้วไม่รู้จะสงสารใครดี ทีแรกสงสารตี๋ ไปๆมาๆทั้งคู่นั่นละ
เห้อ.. นานๆจะเห็นคู่นี้ทะเลาะกันบ้าง ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลยแฮะ

Sorghum_Ze

  • บุคคลทั่วไป
งื้ออออออ อึดอัด  :o12:

เข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่เราเข้าข้างพี่หมอก  :laugh:

ออฟไลน์ Zam_Zammy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-2
 :serius2:

มาม่าอืด ทะเลาะกันจริงจังไปนะเนี่ย หลังจากนี้จะดีกันเเล้วไม่ทะเลาะกันเเล้วใช่ป้ะ
พอแล้วนะ ไม่เอามาม่า

ออฟไลน์ AoMSiN555

  • กรูบ้า.....อย่าทักกรู
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:


ปัญหาเยอะแล้วนะเนีย ยังจะมาทะเลอะกันอีก :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Rukki

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
เรื่องเกิดจากที่ทั้งคู่ต่างหวังดีซึ่งกันและกัน
แต่ดันลืมที่จะนึกถึงจิตใจอีกฝ่ายแล้วหันหน้ามาคุยกัน
เฮ้อ ... โตแล้วนะ เป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งคู่
ตี๋มีสติหน่อยดิ่ รู้ว่าโกรธ แต่ตอนนี้พี่หมอกน่ะเครียดกว่าสิ่งที่ตี๋เผชิญอยู่อีกนะ
กลับไปนั่งให้กำลังใจพี่หมอกเถอะ สงสารพี่หมอกจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sodamint.11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วคิดเลย..ความเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญ..ไม่ว่าจะเป็นนิยาย
หรือเรื่องจริง...สนุกมากๆยิ่งอ่านยิ่งสนุก..แต่ลุ้นให้เข้าใจกันเร็วๆ o13

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
เวลาโมโหตี๋ก็ยังโมโหได้น่าเอ็นดูอยู่ดีอ่ะ ขอกอดซักทีได้มั้ยฮึ

พี่หมอกสุดที่รักยอดดวงใจของน้องคะ ถึงหนูจะรักพี่แต่หนูก็ไม่ชอบให้พี่ทำโดยพลการแบบนี้นะ
คนเรากว่าจะค้นพบตัวเองกว่าจะได้ทำในสิ่งที่ชอบมันไม่เรื่องง่ายเลย ..พี่น่าจะรู้นิ่
(อุ๊!! ดุที่รักแล้วสะเทือนใจเองซะงั้น)

 :กอด1:

ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
ใจเย็นๆกันก่อนนะจ๊ะ ทั้งคู่เลย

เหมือนจะผิดด้วยกันทั้งคู่นั้นแหละ เพราะไม่ยอมคุยกัน เข้าใจตี๋นะ แล้วก็คิดว่าพี่หมอกก็ทำเกินไปเหมือนกัน

หาเวลามานั่งคุยกันจริงๆจังๆหน่อยไหม แต่คงต้องรอให้เย็นลงหน่อย ตอนนี้ได้แต่ถอนหายใจ

อย่ามาม่านะคะ ใจเรารับไม่ค่อยไว้ ฮ่าๆๆ โดนมาหลายเรื่องติดกันแล้ว เจ็บมากกก

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ตี๋หมอก
ดีกันเร็วๆเถอะ
คนอ่านจะหัวใจวาย  :seng2ped:

ออฟไลน์ marionatte

  • Beginning is more difficult
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 794
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-5
แอบอิจฉา คนชื่อตี๋จริงๆอ่ะ

รอตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ nutjisub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
โอย เครียด อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ทนไม่ไหวไม่อยากค้างแบบเครียด ๆๆๆ แบบนี้เลย  เรื่องนี้สนุก มาก ๆๆๆๆ จริงค่ะ จบดี ๆๆ นะค่ะ ไม่เอาเศร้านะค่ะ ถือว่าสงสารคนอ่าน :m15:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
 :z3:ทุบผนังอยากทึ้งสระบัวขึ้นล้างให้หมด
โอย...พ่อไม่เข้าใจตุ้ม
ไม่ใช่ล่ะ! พี่หมอกไม่เข้าใจไม่บอกตี๋ก่อนตี๋
ซ้ำตี๋ดันวิ่งหนีพี่หมอก
ที่กว่านั้นค้างที่สองคนไม่พูดกันซะอีก
แง่มๆ อินจัด :sad4:
กดบวกปล่อยเป็ดขอบคุณ

    ปล.เพราะจ้องอยู่นานว่าตาฝาดรึเปล่า วันที่ 19.10.22 มันอัพเดทนี่หว่า
เลยเสี่ยงกดเข้ามาดู เจอเลย~เย้!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-10-2012 19:08:44 โดย puppyluv »

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
B.N.20






ตายแหง ตายแหงแก๋ ตายแน่ไม่ต้องให้ใครฟันธง

นี่ นายอธิษฐาน รู้ไหมว่ายั่วโมโหใครไป?

แน่นอน คำตอบทำให้ผมขนลุกไปทั้งตัวเลยทีเดียว

พี่หมอกไม่ค่อยได้โมโหบ่อยนัก ถึงจะมีเดือดปุปุอยู่ แต่ถึงขั้นปะทุหนักๆ คราวนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ เคยได้ยินพี่บอลเล่าให้ฟังว่า คนที่ทำให้พี่หมอกฟิวส์ขาด ถึงขั้นไปนอนโรงบาลเลยทีเดียว คนๆนั้น ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ที่แน่ใจ คือผมไม่อยากเจริญรอยตามพี่คนนั้นชัวร์ๆ

ผมมองซ้าย มองขวา ไม่เห็นรถบีเอ็มอยู่ในระยะห้าร้อยเมตร รีบเปิดปิดประตูบ้านด้วยความเร็วที่ไม่เคยทำมาก่อน ถอดรองเท้าวางเงียบๆ เดินย่องเข้าบ้านไป หวังว่าไม่มีใครเจอ

เฮียที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เห็นผม เลยเดินออกมาใหม่ แปรงฟันไปถามไป เล่นเอาผมต้องเอาผ้าเช็ดเท้ามาเช็ดคราบยาสีฟันที่เฮียพ่นออกมา

“หนีไรมาวะ ไอ้ตี๋”

“ฮะ? ฮะ? ตี๋หรอ?”

“เออ ไม่ถามมึง ถามหมาที่ไหนวะ?”

“งั้นไปถามไอ้ด่างแล้วกัน ตี๋ไปละ”

“อ้าว นี่แม่งน้องใครวะเนี่ย จับถ่วงน้ำตั้งแต่เล็กก็คงจะดี” บ่นยาวไปจนปิดประตูห้องน้ำ ผมเดินขึ้นบันไดมาแล้วยังได้ยินเสียงพึมพำอยู่

ผมทำอะไรไปวะเนี่ย?

คิดแล้วโมโห

มองกองงานที่ยังทำไม่เสร็จ อยากจะเข้าไปเตะให้กระจุย ฉีกแล้วพ่นไฟใส่ แต่ขืนทำแบบนั้นลงไป ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง เลยได้แต่นั่งคิด ทำให้สบายใจได้หน่อย

ขยี้ผมจนฟู กระจกหน้าต่างสะท้อนเงา เห็นผมตั้งขึ้นมา หน้าตาคล้ายเขาพอดี เออ วันนี้ผมจะยอมเป็นสัตว์สี่เท้ากินหญ้าซักวันนึงแล้วกัน

แต่ใจนึงก็บอกว่าดีแล้วที่กลับมาก่อน

ถ้าอยู่ตรงนั้นต่อ ผมอาจจะทนไม่ไหว เผลอต่อยพี่หมอกไปจริงๆก็ได้ เพราะฉะนั้น กลับมาตั้งสติที่บ้านน่าจะดีที่สุด

มองนาฬิกา สี่ทุ่ม ต้องรีบนอน พรุ่งนี้—

ไม่สิ ผมไม่มีงานต้องทำแล้วนิ

นอนสบายอยู่บ้าน ที่ไม่ได้ทำมาตั้งนาน จะกลิ้งจะนอนถึงเมื่อไหร่ก็ได้

ถ้าผมจะยิ้มตอนนี้ มันก็เป็นแค่การยิ้มเก๊ๆ ไม่มีประโยชน์เลย

ทิ้งตัวลงนอนกับเตียง หลับตาลง หน้าพี่หมอกที่ผมเห็นก่อนรถจะขับออกมา หรือไอ้การที่ยืนขวางถนนแบบนั้นจนได้ยินเสียงแตรดังมาถึงผม ยังเห็นภาพนี้ซ้ำๆ

เหตุผลของพี่ผมพอจะเข้าใจ แต่วิธีการแบบนี้ แค่คิดผมก็โมโหจนจะพ่นไฟออกมาแล้ว

ตั้งแต่เด็กยันโต สิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด ก็คือการได้ทำงานในสิ่งตัวเองรัก หารายได้ เก็บเงินซักก้อน ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้าน ไม่ต้องงอมืองอเท้าเกาะเฮียเกาะม๊าไปเรื่อยๆ

“โว้ยยยยยยยยยย”

“อย่าโวยวายได้ไหมวะ? เดี๋ยวม๊าก็ตื่นหรอก”

“…..”

เฮียเข้ามาตอนไหน ผมไม่ทันได้ยิน ใส่แต่กางเกงเดินในบ้าน สระผม เลยดูหัวลีบลงไปหน่อย เข้าห้องมา เฮียก็พุ่งไปที่โต๊ะหนังสือ คงจะนั่งอ่านหนังสือกองนั้นให้จบ

“เฮีย”

“มึงยังไม่ได้อาบน้ำ อย่ามานอนกลิ้งบนเตียงดิ”

“อืม…” เฮียเปิดหนังสือ ก่อนจะเข้าโลกส่วนตัว ถ้าผมไม่ทัก คงไม่มีโอกาสได้คุยกันพอดี “เฮีย ตี๋มีเรื่องจะบอกว่ะ”

“อะไรล่ะ”

“หันมามองหน้าตี๋ก่อนดิ”

เฮียขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมหันหน้ามา “ว่ามา”

“ตี๋โดนไล่ออก”

“…..ห้ะ?”

“เซ็งว่ะ”

เฮียเงียบไปสักพัก ปล่อยให้ผมหลับตา จนช่วงที่คิดว่าอาจจะหลับจริงๆ เฮียก็พูดขึ้นมา

“ไม่เป็นไรหรอก”

“หืม?”

“ตกงานน่ะ ไม่เป็นไรหรอก”

“เฮียคิดอย่างนั้นหรอ?”

“อืม” เฮียปิดโคมไฟลง เหลือแต่ไฟดวงที่อยู่บนเพดาน “ตกงาน ก็หางานใหม่ อย่าไปกลัวที่จะต้องเปลี่ยนสถานที่หรือเปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน ตอนเรียน มึงก็เปลี่ยนมาหลายที่แล้วใช่ไหมล่ะ? มันไม่ต่างกันหรอก”

พอจะนึกภาพตามได้

เพื่อนม.ต้น ยังคุยอยู่แค่ไม่กี่คน จำได้แค่ว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้น แต่กลับนึกรายละเอียดได้ไม่ชัดนัก เพื่อนม.ปลาย เพื่อนที่คิดว่าอยากให้อยู่ด้วยกันไปจนแก่ อยากไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ อยากตื่นเช้าไปลอกการบ้าน โดดเรียนด้วยกัน เป็นวัยของคำว่า”ด้วยกัน” กับเพื่อนมหาลัย ที่ให้ความรู้สึกต่างกันไป

ต้องปรับตัว

แค่คำเดียวเท่านั้น ที่เฮียจะบอก

“แต่งานมันหายาก”

“หายากก็ต้องหา กูไม่เลี้ยงเด็กโข่งแบบมึงหรอก กินก็เยอะ แถมไม่ได้โตขึ้นเลย ยังนอนเปิดพุงเหมือนตอนเด็กๆไม่เปลี่ยน”

“ผมไม่ชอบคำนี้เลยว่ะ คำว่าเด็ก”

เฮียหัวเราะเบาๆ

“หวังว่าน้องเฮียมันจะโตด้วยตัวเองซักที เฮียทั้งเลี้ยงทั้งลุ้นจนเหนื่อยแล้ว”




……………………………………………….
…………………………………



ใส่สูทที่ไม่ได้เข้ากับผมสักนิด เซ็ตผม หยิบพอร์ทที่นั่งทำเมื่อคืน เฮียเห็นหน้าผมตอนเช้า หัวเราะหึหึ ไม่พูดอะไร ม๊าบอก”โชคดีนะ อาตี๋” มายืนส่งถึงหน้าประตูบ้าน

หลังจากที่เช็คสภาพไอ้แก่แล้วเมื่อวาน มันผ่านการซ่อมมาแล้วแปดครั้ง ตอนนี้แตรเสีย แถมเวลาขับยังมีเสียงหึ่งๆ ควันดำเหมือนไฟไหม้ ถ้าใส่เสื้อขาวอาจมีการเปลี่ยนสีได้ สำหรับวันสัมภาษณ์งาน ผมเลยคิดว่า รถเมล์อาจจะปลอดภัยกว่า

ที่ที่ยื่นใบสมัคร มีรถไฟฟ้าไปถึง

ชีวิตนี้ขอบคุณมาตลอดที่ไม่ต้องสัญจรด้วยรถไฟฟ้าบ่อยนัก รถเมล์ต่อให้แย่แค่ไหน ผมว่าก็ยังสู้รถไฟฟ้าไม่ได้ ยิ่งตอนเลิกเรียนร.ด.วันไหน เราขาดกันเถอะครับ เคยผ่านช่วงนั้นมาก่อน เข้าใจทั้งหัวเกรียน ร.ด. และจมูกตัวเอง

คนเยอะ ผมยืนอยู่ตรงที่ๆจับไม่ถึงทั้งเสาและราวข้างบน คนเบียด ไอ้หนูตรงนั้น เก่งเป็นบ้า ขึ้นมาถึงก็ยืนหลับ พิงเสาโดยไม่ใช่มือจับ พอรถออกจากสถานี ตัวผมก็โน้มไปข้างหน้า ชนเข้ากับผู้หญิงข้างๆ “ขอโทษครับ” เธอกับเพื่อนกลับมองผมอย่างกับผมเป็นนักข่มขืน แล้วรีบเดินหนีไป ทิ้งผมไว้กับนักกล้ามผิวสีแทน เกิดเป็นผู้ชาย อยู่ยากชะมัด

ถึงสถานีที่ผมต้องลง คนแทบจะไม่ยอมขยับตัวให้ ถึงตัวผมจะออกมานอกรถได้ แต่กระเป๋าก็ยังโดนหนีบอยู่ จน รปภ.ที่ยืนอยู่ข้างเส้นเหลืองต้องเป่านกหวีดให้รถรอ ทั้งขบวนมองผมอย่างตำหนิ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีใครคิดจะช่วยดันกระเป๋าผมที่ติดอยู่ออกมาสักคน

เด็กคนที่คิดว่าหลับอยู่ ลืมตาขึ้น ไม่ได้ถอดหูฟังออกจากหู ยื่นมือมา ผ่านหลังนักธุรกิจที่คุยโทรศัพท์เสียงดังตั้งแต่เข้ามา ช่วยดันกระเป๋าจนขยับ ผมดึง กระเป๋าถึงหลุดออกมาได้

เสียงสัญญาณที่บอกว่าประตูจะปิดดังขึ้น ผมยิ้มขอบคุณ แต่เด็กคนนั้นก็ทำหน้าเฉย ประตูปิดเสียงดัง กึ้ง! แล้วตัวรถก็เคลื่อนออกไป

ตึกที่อยู่ห่างออกไปจากสถานีนี้ คือเป้าหมายของผม เห็นทันที่ที่เงยหน้าขึ้น

กำสายกระเป๋าแน่นขึ้น เดินก้าวไปข้างหน้า


…………………………………..
…………………………


“นี่ไปมากี่ที่แล้ววะ?”

“4”

“แล้วเป็นไง?”

ผมยักไหล่

บอกว่าจะติดต่อไป ผ่านมาเดือนกว่า ไม่เห็นมีอะไรสักนิด

วางสายจากไอ้โจ๋ ตั้งแต่วันนี้ คิดว่าจะอยู่บ้านซักพัก

ไม่ใช่งานที่จะหาได้ง่ายขนาดนั้น ระหว่างที่รอ ได้แต่ฝึกงาน ผมซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่ ใช้แยกกับเฮีย สมควรจะมีนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่ามีเรื่องฉุกเฉินที่จะต้องใช้เงิน จึงเก็บไว้

ลองฝึกในสิ่งที่ไม่เคยทำ ผมรื้องานเก่าออกมาดูทั้งหมด เห็นข้อผิดพลาดบางอย่างที่ยังทำซ้ำๆ

ไอ้กล้วยชวนไปฝึกงานด้วยกัน ผมปฏิเสธไป ตอนนี้หมกหมุ่นกับการแก้งานเสียจนไม่สนใจอะไร

คิดว่าบางที เราอาจจะต้องเริ่มจากเข้าใจปัญหาเราก่อน ถ้าผมดีจริง ต่อให้เป็นพี่หมอก พ่อพี่หมอก หรือเทพเจ้าหน้าไหน ก็คงจะเอาผมออกจากตำแหน่งนี้ไม่ได้

เอาจริงๆ การแก้แบบเข้ามากๆ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนติดกับ ขยับไปไหนไม่ได้ เมื่อเช้าม๊าเจอผมยังไง ตอนบ่ายที่ม๊ากลับมาบ้าน ก็ยังเห็นผมนั่งอยู่ที่เดิม ที่โต๊ะหน้าทีวี กระดาษเยอะขึ้นเรื่อยๆ โน้ตบุ๊คเปิดจนร้อนทุกวัน

ถ้าจะหางาน วงการนี้ต้องมีเส้นสาย

เคยได้ยินรุ่นพี่พูดคำนี้สมัยเรียน งานก่อนหน้านี้ ก็ได้การแนะนำจากพี่เพรช แต่ตอนนี้ นอกจากผมจะไม่มีเส้นสายอะไร ยังมีเจ้าพ่ออำนาจมืดกันผมออกจากงานอีก

คิดว่าพี่หมอกจะหยุด และเปลี่ยนความคิด แต่ก็ไม่ใช่

รื้องานเก่าๆตอนที่เรียนอยู่ออกมาดู เปรียบเทียบกัน งานเหมือนจะพัฒนาขึ้น เหมือนจะ ผมบอกไม่ได้ว่าตรงไหน แต่ยังรู้สึกขัดๆอยู่

ตอนเย็น ลากแตะออกไป เดินเล่นแถวๆบ้าน ออกไปเจอเพื่อนบ้านที่ไม่ได้เจอหน้านาน ผมมัวแต่ทำงาน แค่ปีเดียว แทบจะลืมบรรยากาศตอนเย็นๆแบบนี้ไปแล้ว ปกติตอนนี้คงจะต้องเบียดอยู่บนรถเมล์ เจอกลิ่นจั๊กกะแร้ที่ผมไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนให้ทำร้ายจิตใจเจ้าของน้อยที่สุด

ม๊าบอกทำงานมากไป สมองจะไม่แล่น ให้ออกมาพัก

แถวบ้านมีคลองที่ตอนเด็กๆเคยมาเล่นอยู่ น้ำสีทึบ สมัยผมก็ไม่ใส แต่น้ำไม่ได้เน่าแบบนี้ ไม่รู้ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น คนใส่ใจแม่น้ำน้อยลงหรือเปล่า อันนี้คงเป็นคำถามที่มีคำตอบอยู่ตำตา

กลุ่มสิบแปดอรหันต์ตอนนี้วงแตก เหลืออยู่แค่หกตัว เจอหน้าผมก็กระดิกหางใหญ่ ได้แต่แบมือบอก เสียใจด้วยว่ะ

ไม่ค่อยได้เห็นเด็กออกมาวิ่งเล่นเหมือนแต่ก่อน พลาดแล้ว เด็กน้อยเอ๋ย ชีวิตวิ่งเล่นน่ะ เป็นชีวิตที่เด็กทุกคนสมควรจะได้รับตอนเป็นเด็ก ไอ้เรื่องเอานิ้วจิ้มพวกหน้าจอทัชสกรีนยังมีเวลาอีกทั้งชีวิต แต่ถ้าจะวิ่งเล่น จะให้ไปวิ่งตอนวัยทำงานมันก็พูดยากอยู่

แวะนั่งเล่นที่ร้านขายของชำ พูดคุยสารทุกข์สุขดิบ คิดว่าจะจบอยู่แค่นั้น แต่กลับได้รับการอัพเดตข่าวสารหมู่บ้านฉบับย่อตลอดปีให้ฟัง บวกเวลาไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง

เป็นการออกนอกบ้าน ที่พูดจริงๆแล้วก็ทำอยู่ทุกวัน แต่ต่างกัน วันนี้กลับบ้าน ผมรู้สึกเหมือนได้ชารจ์แบต ไม่ใช่กลับมาแบบผีไร้วิญญาณ

ท้องฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินตรงท้ายซอย แต่เหนือหัวผมกลายเป็นสีดำไปแล้ว เข้าบ้านก็กลับไปหมกหมุ่นอยู่กับงานของตัวเอง

ถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าการทำตัวเป็นผู้ใหญ่คืออะไร

แต่คิดว่า อาจจะกำลังเริ่มเข้าใกล้สิ่งที่ว่านั้นทีละเล็กละน้อย


…………………………………..
………………………..

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
..............................
......................



เดินกลับเวลาเดิม ทำแบบนี้มาเกือบจะครึ่งเดือนแล้ว

เป็นครึ่งเดือน ที่ผมแทบจะไม่ได้ติดต่อกับใคร

อย่างพวกไอ้โจ๋ ไอ้กล้วย ล่าสุดก็รู้แค่ว่ายังไม่มีบริษัทไหนติดต่อผมกลับมา แต่ก็แค่นั้น มีติดต่อมาถามสารทุกข์ดิบๆสุกๆอย่างที่ทำปกติ แต่คงเห็นว่าผมกำลังหมกหมุ่นกับงานตัวเอง เลยลดจำนวนการโทรลง

และอีกคน ที่จนถึงป่านนี้ ยังไม่ได้คุยกันอีกสักคำ

จนถึงตอนนี้ ความโกรธที่โดนไล่ออกนั้นหายไปแล้ว ที่ผมยังโมโหอยู่นิดหน่อย คงเป็นเรื่องที่พี่หมอกทำอะไรไม่บอกผมก่อนสักคำ แต่ต่อให้พี่หมอกบอกผม ผมก็คงจะยังไม่เปลี่ยนความคิด สุดท้ายก็อาจจะจบลงแบบเดียวนี้เหมือนกัน

หลายๆคำของพี่หมอก ที่ผมฟังแล้วก็รู้สึกน้อยใจ โมโห เสียใจ หลายๆอารมณ์ปนๆกันไป

พอมานั่งคิดดีๆแล้ว มันทำให้ผมพบข้อบกพร่องตัวเอง

นิสัยเด็กๆที่ซ่อนไว้ ผมไม่ค่อยจะเห็นมันเท่าไหร่ กลายเป็นความชินชา ที่ทำให้ลืมมันไป ช่วงชีวิตวัยยี่สิบ ผมว่าเป็นช่วงที่สับสนสุด แค่ข้ามวัน วันที่เรียนจบ กับวันต่อมา เราก็ถูกผลักเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่โดยที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจ

วันนี้ผมอาจจะมาถึงช้ากว่าเดิมหน่อย แต่ก็ได้เห็นสุภาพสตรีลูกสี่ข้างบ้าน ปัจจุบันคุณสามีสาบสูญไปสามเดือนแล้ว และคุณภรรยา ก็ไม่ปรารถนาที่จะได้เห็นหน้าคุณสารมีอีก เห็นออกมาตากผ้าหน้าบ้าน ดูเหมือนจะดึกไปหน่อยสำหรับการซักผ้า

“เออ ตี๋ๆ”

“ครับ?”

เกือบจะเข้าบ้านไปแล้วก็ต้องโผล่หน้าออกมาใหม่ เห็นพี่แกกวักมือ ผมเลยเดินเข้าไปใกล้จนติดรั้ว กิ่งไม้สะกิดขา จั้กจี้แปลกๆ

“ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลย”

“ห้ะ? ทำไมครับ”

“ก็ตอนช่วงดึกๆน่ะสิ มีรถมาจอดแถวนี้บ่อยๆ” ผมขมวดคิ้ว ซอยนี้เป็นซอยลึก แต่เพราะข้างหน้าเป็นถนนใหญ่ จะมีเข้ามาจอดบ้างก็ไม่แปลก “บางทีก็จอดหน้าบ้านพี่ บางทีก็จอดฝั่งนั่น มาจอดแบบนี้เกือบสิบนาทีแล้วขับออกไปเกือบทุกวันเลย ตอนแรกพี่กลัวสิ ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ของไอ้บ้าผัวพี่ แต่เห็นยี่ห้อรถแล้วไม่ค่อยแน่ใจ”

“ยี่ห้อ? ยี่ห้ออะไรครับ”

พี่แกวาดนิ้วกลางอากาศ วงกลม ขีดแบ่งครึ่งซ้ายขวา แล้วขีดครึ่งบนล่างอีกที

“แบบนี้ รถมันท่าจะแพงใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่ที่คันใหญ่ๆ แล้วเลขทะเบียนสวยๆหรือเปล่าครับ?”

“อืม คันใหญ่น่ะใช่ แต่เลขทะเบียนไม่เคยเห็น พี่แค่เห็นคันนี้เลี้ยวเข้ามาก็รีบเก็บของเข้าบ้าน ปิดไฟหมดแล้ว”

“เดี๋ยวนะ พี่ ใช่สีดำหรือเปล่า”

“ใช่ๆ ตี๋รู้จักหรอ?”

“รถคันนี้เริ่มมาจอดแถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมไม่เคยได้ยินเสียงเลย”

“ตี๋คงหลับไปแล้วมั้ง ช่วงหลังๆนี้จะมาดึกหน่อย พี่น่ะยังไม่ได้นอนหรอก ดูละครอยู่ ได้ยินเสียงรถก็เลยเปิดหน้าต่างออกมาดู เจอประจำ แอบคิดว่าสายตาคนในรถมองมาทางนี้ด้วย น่ากลัว โรคจิตชะมัด”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก ผมไม่ยอมปล่อยเจ้าหนูเราหายไปไหนหรอก”

หนึ่งในสามลูกสาว น่าจะเป็นคนที่สอง เพราะก็สี่ห้าขวบแล้ว วิ่งออกมา บอก “แม่ๆ น้องทำข้าวหก”

“อะไรกัน ทำข้าวหกอีกแล้ว พึ่งซักผ้าขี้ริ้วเองนะ”

เธอพยักหน้า มองหน้าผม ผมยิ้มให้ เธอยิ้มเขินกลับ น่ารักชะมัด

ผมรีบเข้าบ้าน อาบน้ำ แบกคอมขึ้นไปทำงานชั้นสอง ปิดไฟทั้งบ้าน ม๊าไม่อยู่บ้าน เฮียท่าจะกลับดึก

ทำงานไปเรื่อยๆ พัดลมจ่ออยู่ตรงหน้าแต่ก็ร้อนเป็นบ้า เปิดหน้าต่าง มองนาฬิกา ใกล้ห้าทุ่ม แต่ยังไม่ง่วงนอนสักนิด

เสียงเครื่องยนต์ ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ผมยื่นหน้าขึ้นไปมอง พับฝาโน้ตบุ๊คลง

รถที่ขับเข้ามาช้าๆ จนความเร็วแทบจะเหมือนเข็นรถเอง สีดำ พอเจอแสงจากไฟข้างทาง ก็ดูสวยเหมือนในโฆษณา ขับเลียบฝั่งตรงข้าม จอดลงที่เดิมกับที่ที่พี่ข้างบ้านบ่นมา ผมมองนาฬิกาอีกครั้งหนึ่ง

รถดับเครื่องลง

ไม่มีใครก้าวลงมาจากรถ

เป็นใครใครก็กลัวล่ะว่ะ แบบนี้ มาจอดเฉยๆ แล้วก็ขับไป ก่อนหน้านี้ก็เคยทำแบบนี้ครั้งหนึ่ง คิดว่าตอนนั้น พี่สาวข้างบ้านคงมัวแต่ทะเลาะอยู่กับสามีในตำนานแหง ถึงไม่ได้สังเกต

ในรถก็ปิดไฟ มืดไปหมด มองไม่เห็นข้างใน

ผมอยู่ชั้นสอง หามุมที่มองเห็นข้างล่างชัดๆไม่มี แต่ก็ไม่อยากลงไปข้างล่าง ไหนๆอยากทำให้ดูเป็นความลับ ผมก็จะช่วยทำเป็นไม่รู้อีกแรง

ประตูรถเปิดออก

พี่หมอกเดินออกมาจากรถ วันนี้ใส่แต่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวที่พับแขนขึ้น กางเกงรองเท้าสีเดียวกัน รองเท้ามันขลับพอๆกับตัวกระโปรงรถ ออกมาพิงรถ สูบบุหรี่ เหมือนแค่มาชมวิวในซอยแคบที่ไม่มีอะไรเลยเฉยๆ

พอเงยหน้าขึ้นมามอง ผมก็รู้สึกเหมือนถูกจับได้ว่าแอบอยู่ รีบมุดลงใต้โต๊ะจนเก้าอี้หงายหลังลงกับพื้น ผมรีบยื่นมือไปรองไว้ ไม่มีเสียงก็จริง แต่เจ็บมือแทน ได้ยินเสียงหัวใจเต้นดังตึกๆ ยื่นเท้าออกไปปิดพัดลม อารมณ์เดียวกันกับโจรบุกบ้าน

ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน เงยหน้าขึ้นมามองที่ขอบหน้าต่าง ไม่เห็นพี่หมอกแล้ว แต่ในรถก็ไม่มี เลยยื่นหัวออกไปมองอีก

อยู่ไหนวะ?

ได้ยินแต่เสียงหมาเห่าอยู่ไกลๆ พี่หมอกคงไม่ไปเล่นกับมันหรอก หายไปเฉยๆเล่นเอาผมงง ยืนขึ้นมา มองไป ซ้าย ขวา ไม่มีพี่หมอกทั้งสองฝั่งถนน

“ไอ้ตี๋!”

“เหยย!!”

พี่หมอกอยู่หน้ารั้ว ข้างล่าง ตะโกนเรียก พอเห็นผมตกใจ ก็หลุดหัวเราะออกมา ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ก็อย่าไปจินตนาการไว้มากครับ แค่ไหล่กระตุก มุมปากยกขึ้นหน่อยๆ

พี่หมอกเอาบุหรี่ที่ถือไว้เข้าปาก พอนิ้วที่คีบบุหรี่นั้นห่างออกมา ก็มีกลุ่มควันลอยอยู่รอบๆตัวพี่หมอกแทน

มันพูดต่อ เสียงไม่ได้ดังมาก แต่เพราะแถวนี้เงียบ ผมถึงได้ยิน

“ลงมา”

“เฮ้ย วันนี้มันเสียงอะไรวะเนี่ย? น่ากลัวชะมัด หูฝาดๆ”

มองซ้าย มองขวา ไม่เห็นมีใครเลยนิหว่า ยื่นมือออกไป รีบๆปิดหน้าต่างดีกว่า คืนนี้สยองประหลาด

“กูบอกให้ลงมาไง”

“พูดแบบนี้ใครจะลงไปวะ?”

“แล้วจะให้พูดยังไง?”

ตกหลุมเต็มๆ

บางที พี่หมอกอาจจะไม่เคยขุดหลุมพรางที่ว่านั่นจริงๆ แต่เป็นผมเองเสียมากกว่า ที่เห็นเต็มๆตา ก็ยังกระโดดลงไปโง่ๆ

“พี่กลับไปเหอะว่ะ”

“….”

ไอ้หน้านิ่งๆแบบนี้

ถ้าไม่ได้เห็นชัดๆคงบอกไม่ได้ว่ามันคิดอะไรอยู่

พี่หมอกถอยหลัง ไปยืนกลางถนน แถวนี้ตอนดึกๆไม่ค่อยมีรถผ่าน มาทุกวัน คงรู้ดี

“จะลงมาดีๆหรือให้กูเข้าไป”

“ผมล็อคประตูแล้ว พี่เขามาไม่ได้หรอก”

ไม่มั่นใจหรอก ที่ผมพูดไป

พี่หมอกเลยนะ คนที่เรากำลังพูดถึงอยู่

มันคาบบุหรี่ไว้ เอามือล้วงกระเป๋า

ผมกลืนน้ำลาย เริ่มรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เสื้อชื้นเหงื่อ

เดินเข้ามาใกล้รั้วบ้านผม กำลังจะไขกุญแจบ้าน เล่นเอาผมตัวแข็งทื่อ

“พ..พี่หมอก!”

เงยหน้าขึ้นมอง ผมรีบพูด “ด..เดี๋ยวผมลงไปเอง”

“แค่นี้ก็จบ”

ผมรีบวิ่งลงไป แบบชนิดที่ว่าถ้าม๊าเห็นคงตะโกนบอก “อย่าวิ่งลงบันไดสิ เดี๋ยวก็ล้มหรอก” แต่ตอนนี้น่ะ ช่างมันก่อนเถอะ

ผมวิ่งเท้าเปล่าออกไปถึงหน้าบ้าน

ประตูยังไม่เปิด รั้วบ้านยังอยู่ดี ไม่มีร่องรอยถูกทุบ งัด หรือทำลาย

พี่หมอกอยู่อีกฟากของรั้ว

“พี่เอากุญแจบ้านผมมาจากไหน?”

“ไม่มีหรอก”

“อ้าว—“

พี่หมอกหยิบขึ้นมาให้ดูชัดๆอีกรอบ กุญแจทั้งพวงนั้น ไม่ใช่กุญแจบ้านผมสักดอก

“หลอกผมนิหว่า”

“ไม่คิดว่าจะได้ผลด้วยซ้ำ”

“….”

“ทำไมไม่ใส่รองเท้า?”

ผมก้มมองเท้าตัวเอง พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าพี่หมอกมองตามขึ้นมาเหมือนกัน

“ลืม”

“ไปใส่ซะ”

“ใส่ทำไม? เดี๋ยวผมจะเข้านอนแล้ว”

“มึงต้องไปกับกูก่อน”

“ผมไม่ไป”

“อย่าดื้อ”

“ผมไม่ได้ดื้อ ก็ผมไม่อยากไป”

“ทำไม?”

“พี่อาจจะพาผมไปทิ้งทะเลก็ได้ ใครจะอยากไป”

“หึ”

พอได้ยินพี่หมอกทำเสียงแบบนี้ ก็โมโหขึ้นมาจริงๆ

ชอบมาบังคับให้ทำนู่นทำนี่ ไม่เคยบอก หรือไม่เคยให้เหตุผลผมซักคำ

คาบบุหรี่ไว้ ไม่อยากเข้าไปใกล้ ผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ซักเท่าไหร่ เคยสูบ ผลที่ได้ น้ำตาไหลเป็นนางเอกหนังดราม่า

“บุหรี่ผมก็เกลียด รถพี่หมอกนั่งไม่สบายตูด แถมเปิดแต่เพลงร็อคอีก”

สองนิ้วที่คีบบุหรี่อยู่ กางออกจากกัน บุหรี่ที่หมดไปส่วนหนึ่ง ร่วงลงกับพื้น พี่หมอกเหยียบ ควันก็หมดไป

“กูปิดเพลงได้” ตอบนิ่งๆ เหมือนแม่ถามวันนี้ใช้เงินไปเท่าไหร่ “ชอบนั่งคันไหน?”

“ไม่ชอบซักคัน”

“เดิน”

“ผมขี้เกียจ”

“มึงจะเอาไงกันแน่? จะให้กูแบกไปหรือไง”

“ไม่เอาหรอก”

“บอกมา…” ล้วงกระเป๋า หยิบกล่องบุหรี่ขึ้นมาอย่างลืมตัว แต่เห็นว่าผมมองอยู่ ก็เปลี่ยนใจ เหวี่ยงลงถังขยะหน้าบ้านผมแทน “ต้องการอะไร?”

“ผมอยากทำงาน”

“ตอนนี้ยังไม่ได้”

“แล้วเมื่อไหร่ได้”

“ไม่รู้”

“….ผมไปนอนละ”

“อย่าคิดว่ารั้วจะช่วยอะไรมึงได้นะ”

พี่หมอกพูดแบบนั้นผมก็หยุดเท้า ห่วงรั้วเหล็กด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วน คงเป็นเพราะไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้ของพี่หมอก ไม่ชอบเลยสักนิด

“พี่ก็แบบนี้ตลอด บังคับผมทุกอย่าง หยุดสักทีเถอะ”

หยุด? มึงบอกให้กูหยุดหรอ?”

“ไม่ใช่มั้ง?”

“กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง ตี๋”

“แล้วพี่เป็นอะไร?”

“แล้วมึงจะให้กูเป็นอะไร?”

“…..”

พี่หมอกขมวดคิ้ว สถานการณ์ไม่ดี

ผมกำลังทำให้มันเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง

ไม่ได้ต้องการพูดอะไรแบบนั้นไป อยากจะชกตัวเองแรงๆสักที

มันหงุดหงิดและเริ่มโมโห

ผมรู้

พี่หมอกกำลังเสียใจอยู่

“มึงกำลังเล่นตลกอะไรอยู่ ตี๋ กูไม่ขำสักนิด-”

“ผมรักพี่”

คำพูดหลุดออกไปก่อนที่ผมจะคิดทันด้วยซ้ำ

เหมือนอยู่ดีๆก็กลายเป็นฟองอากาศที่ลอยออกไป จะห้ามไว้ ไม่ทัน และผมก็ไม่อยากทำแบบนั้น

พี่หมอกนิ่งไป จนผมไม่แน่ใจว่ามีใครไปเผลอกดสต็อปไว้หรือเปล่า

ก่อนที่จะหลุดแค่คำสั้นๆ ตอบผมมา

“…ห้ะ?”

“ผมบอกว่าผมรักพี่”

“…..”

รู้ตัวอีกที

ผมก็เห็นหน้าพี่หมอกค่อยๆแดงไล่ขึ้นมาจากคอ ทั้งๆที่สีหน้ายังนิ่งอยู่แบบนั้น แม้แต่หูยังกลายเป็นสีแดงก่ำ

จ้องหน้าผม ไม่กระพริบตา ไม่ขยับตัว เหมือนโดนแช่แข็งอยู่ตรงนั้น

น้ำแข็งคลายตัว พี่หมอกรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้า ก้มหน้าลง แต่ก็ซ่อนใบหูสองข้างไว้ไม่ได้

พูดด้วยเสียงสั่นๆ

“ก..กูไม่ได้ยิน”

เสียงแบบนั้น เล่นเอาผมอยากจะบินหนีไปไกลๆ

“ผะ ผม ว่าพี่ได้ยินแล้ว”

“ไม่ชัด”

“ก็..” ไม่น่าเชื่อ ว่าเมื่อกี้ยังทะเลาะกัน เหมือนหนังคนละม้วน “นะ นั่นแหละ”

“…บ้าเอ้ย

สบถเบาๆ แต่ขอโทษที ที่ผมได้ยิน

ผมไม่เข้าใจคำสบถนั่น เลยถามออกไป

“ทะ..ทำไม?”

พี่หมอกไม่ตอบ เลื่อนมือที่ปิดหน้าอยู่ ไปที่ตำแหน่งเดียวกันกับกระเป๋าเสื้อข้างซ้าย กำเสื้อจนยู่ยี่

กระซิบกับตัวเอง ผมไม่ได้ยิน แต่อ่านจากปากเอา

หยุดสักที

พี่อาจจะบังคับได้ทุกอย่าง ทั้งสถานการณ์รอบตัว คนรอบๆข้าง แต่สิ่งหนึ่งที่พี่เอาชนะมันไม่ได้ ควบคุมมันไม่ได้

หัวใจ

อย่างตอนนี้ ที่ผมบอกให้มันเต้นช้าๆหน่อย เดี๋ยวแกจะตายเอานะ มันก็ไม่ยอมทำตาม

ได้ยินเสียงตึกตึกตึก เหมือนมีคนมาวิ่งอยู่ในหู

รู้สึกร้อนเป็นบ้า แต่มือผมกลับเย็นเชียบ

“ผะ..ผมบอก มะ ไม่ได้ ผะ เพื่อให้พี่ ยะ หยุดโกรธ หรอกนะ”

“แล้ว..ทำไม?”

ขมวดคิ้ว มองไปทางอื่น ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา มือยังไม่ปล่อยจากเสื้อ เงาทำให้เห็นไม่ชัด

แต่ตอนนี้ แม้แต่มือพี่หมอกยังกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ

“ผม มะ..ไม่อยากให้พี่เข้าใจผิด ว่ะ ว่าที่ผมโมโห หรือไม่ติดต่อไป เพราะผม..เอ่อ ไม่ ไม่ได้ นั่นแหละ”

“กูฟังไม่รู้เรื่อง”

“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผม ผม…ผมพูดเรื่องอะไรอยู่วะเนี่ย?”

“..แต่กูเข้าใจ”

“อืม นั่นแหละ” ไม่รู้จะเอามือไปไว้ไหน เลยแกว่ง แต่ดันแกว่งไปทางเดียวกัน ข้างหน้า ข้างหลัง ดูพิลึก “ผมแค่ไม่ชอบแนวคิดพี่เฉยๆ”

พี่หมอกไม่ได้ตอบอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังฟังอยู่หรือเปล่า

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมไม่รู้ แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา กระอักกระอ่วนเหมือนเด็กมอ.ต้นที่ขนหน้าแข้งพึ่งขึ้น ได้ยินเสียงยุงบินไปมา ส่งเสียง กิ้ว กิ้ว เหมือนจะแซว

“ผ..ผมไปนอนแล้วนะ”

พี่หมอกเงยหน้าขึ้นมอง อย่าไป แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

ผมค่อยๆเดินถอยหลังทีละก้าว สองก้าว จังหวะที่กำลังจะกลับหลังหัน

“….ขอบคุณ

เสียงที่เบา เหมือนตั้งใจไม่ให้ผมได้ยิน

ผมไม่ได้หันกลับไป เดินช้าๆเข้าไปในบ้าน ปิดประตู วิ่งไปที่ตู้เย็น หยิบขวดน้ำออกมาดื่ม

มองออกไปข้างนอก เห็นแสงสว่างจากไฟหน้าของรถติดขึ้น ใช้เวลาสักพัก ก่อนจะเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ แล้วหายไปจากมุมที่ผมจะมองเห็น

เผลอปิดประตูหนีบมือตัวเองเต็มๆ




……………………………………….
…………………………….





[B.N.20 : complete]
[22.10.55]





 :z1:
กินผงชูรสจนผมร่วงกันหมดรึยัง? 555
 :z10: :z10: :z10: :z10:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2012 16:49:37 โดย cn9095 »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:


 :o8: :o8:  พี่หมอกเขินอ่าาาาาาา.   อ๊ายยยยน่ารัก :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2012 19:01:01 โดย Tiamo_jamsai »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด