เวลาที่นี้ เดินช้ากว่าปกติ อาจเป็นเพราะผมว่างเกินไป
เดินรอบบ้านดู ทุกสิ่งเหมือนเดิม ไม่มีประตูหรือแม้แต่หน้าต่างบานไหนที่ไม่ถูกล็อค บางทีแม่บ้านอาจจะมีกุญแจ แต่เมื่อเห็นหน้าผม ก็เดินหลบไปอีกทาง เหมือนถูกห้ามไว้ ไม่ให้คุยกับผม
นั่งมองบรรยากาศข้างนอกผ่านกระจก ทะเลส่งเสียงเรียกอยู่ทุกวัน ชายหาดกว้าง ก็ยังไม่เคยเห็นใครยืนอยู่บนทรายนั้น สวนอยู่ห่างออกไปแค่หกก้าว แต่ถูกกั้นไว้
ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีโทรศัพท์ ที่แห่งนี้เลยดูคล้ายเกาะร้าง ผมเผลอหลับไปหลายครั้ง หูเงี่ยฟังเสียงเครื่องยนต์ BMW คันนั้นหายไป
แม่บ้านกลับออกไปในช่วงที่ผมหลับ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี
เดินลงมาชั้นล่าง เห็นพี่หมอกเงยหน้าขึ้นมามอง ผมหยุดเดิน ยืนอยู่ที่บันได
“ทำไมไม่ยอมกินข้าว”
พูดแล้วก็หันไปทางอื่น บนโต๊ะ กับข้าวพร้อมแล้ว พี่หมอกไม่ได้แตะต้องมันสักนิด
“ผมไม่หิว”
“มานี่”
คิดจะส่ายหัวตอบ แต่กลับเปลี่ยนใจ เดินเข้าไปหาแทน
นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามอย่างที่บอก พี่หมอกเลื่อนจานเข้ามาให้
บนโต๊ะ มีกับข้าวสองสามอย่าง ผมเห็นพวกมันแล้วก็ได้แต่ก้มหน้า ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกวิ่งวนอยู่ในตัว
ของโปรดผมทั้งหมด
หยิบช้อนส้อมขึ้นมา รู้สึกว่าถูกมองอยู่ แต่ยังไม่พร้อมที่จะมองตอบ
กับข้าวถูกตักลงในจานผม คงเพราะเห็นว่าไม่ยื่นช้อนออกมาสักที
“..เยอะไปแล้ว”
“มึงไม่ยอมตักเอง”
“ก็ผมบอกแล้วว่าผม-“
“มึงบอก แต่กูไม่สน”
“…..”
เงยหน้าขึ้นมอง พี่หมอกตักกับข้าวเข้าจานตัวเองบ้าง กินเงียบๆ
ผมจ้องมองกับข้าวที่อยู่ในจาน ผมไม่ได้ดื้อหรือรู้สึกต่อต้านอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากกินจริงๆ
“อย่าให้กูต้องบังคับมึงนะ ตี๋”
“ผมบอกพี่ไปแล้ว ว่าผมไม่หิว”
พี่หมอกลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาทางผม ผมเหนื่อยเกินกว่าจะลุกหนีไปไหน ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ ต่อให้น้ำท่วมหรือไฟไหม้ ผมก็คิดว่าผมคงจะนั่งตรงนี้ต่อไป ไม่คิดทำอะไร
ช้อนตักข้าวจนพูน มีหมูแปะอยู่ประหลาดๆด้านบน คงเพราะตักทีหลัง ดูไม่มั่นคงเสียจนคิดว่าน่าจะหล่นลงมาอีกไม่นาน เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ว่า ตอนที่ช้อนนั้นมาอยู่ที่ปากผม หมูยังเกาะแน่นบนนั้น
“อ้าปาก”
แค่ได้กินอาหาร ก็อยากอาเจียน ทั้งๆที่มันเป็นของโปรดผมทั้งนั้น
“มึงฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”
อ้าปากออกช้าๆ ริมฝีปากแห้งผาก ในคอแห้งเป็นผง
อาหารเข้าไปในปาก ช้อนถูกดึงออก พี่หมอกกำลังจะตักคำต่อไป แต่ผมกลับรู้สึกแย่เสียจนทนไม่ไหว โดนจ้องเหมือนบังคับให้เคี้ยว
“อุก”
วิ่งออกไป พี่หมอกไม่ทันได้ตั้งตัวจึงจับผมไม่ทัน ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ อาเจียนอาหารออกมาหมด ไม่นาน ก็รู้สึกถึงมือที่ลูบหลังอยู่ ผมไม่ได้เงยหน้าไปมอง ไม่มีแรงพอที่จะทำอะไรแบบนั้น
เสียงน้ำดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมา แก้วน้ำถูกยื่นมาให้ดื่ม ผมดื่มได้แค่ไม่กี่คำก็คืนไป
“ลุกไหวหรือเปล่า?”
ไม่รอคำตอบ ดึงแขนผมขึ้น เพราะผมเบาหรือพี่หมอกแรงเยอะกันแน่นะ? ถึงถูกดึงขึ้นมาง่ายๆแบบนี้
ล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า รู้สึกว่าอย่างน้อยพี่หมอกก็ดูโมโหน้อยลง
มือจับเข้าที่หน้าผากผม ไม่มีไอร้อนอะไร พี่หมอกก็ละมือไป
“มึงเดินไม่ไหวหรอก ขึ้นมาสิ”
พูดแบบนั้นแล้วก็ย่อตัวลง แผ่นหลังอยู่ข้างหน้าผม เอนตัวเข้าไปหา โอบมือไว้รอบคอนั่นหลวมๆ ขาสองข้างก็ถูกยกขึ้น ได้กลิ่นพี่หมอกที่ปนอยู่กับกลิ่นบุหรี่ชัดเจน แต่กลิ่นนั้นไม่ได้ฉุนจนต้องเบือนหน้าหนี ผมที่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ตอนนี้เริ่มชิน รู้สึกกลิ่นบุหรี่นี้เข้ากับพี่หมอกอย่างน่าแปลกใจ
ปวดหัว
นึกถึงหน้าพี่หมอกที่เห็นก่อนที่จะหันหลังแบกผมอย่างนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนต้องพูดออกมา
“พี่…”
“…..”
“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น…”
“กูทำหน้าแบบไหน?”
“….”
“บอกมาสิ”
“….ผมอยากให้พี่ยิ้มมากกว่า”
“มึงอยากให้กูยิ้ม ทั้งๆที่กูอยากร้องไห้อย่างนั้นน่ะหรอ?”ถึงห้อง พี่หมอกจะปล่อยขาผมลง โดยที่ไม่รู้ตัว ผมกอดพี่หมอกแน่นขึ้น
ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างที่ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้าย พี่หมอกก็นั่งลงกับเตียง
ผมกอดหลังพี่หมอกที่ดูกว้างกว่าปกติในตอนนี้ไว้ แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
………………………………………
……………………………..
……………………….
[B.N.23 : complete]
[24.11.55]
เขียนตอนนี้ไว้สองเวอร์ชั่น
อีกอันช่างมันเถอะ
