เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]  (อ่าน 3283383 ครั้ง)

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
B.N.23



ผมนอนไม่หลับ

อย่าว่าแต่ปิดตาลง จ้องมองเพดาน สลับกับนาฬิกา รอช่วงเวลาที่ร่างกายจะเหนื่อยจนหลับไปเอง

เสียงคลื่นในเวลานี้ รุนแรง น่ากลัว จินตนาการไปถึงคลื่นที่ซัดตัวอย่างบ้าคลั่ง กลืนกินทุกอย่างที่ขวางทางลงไปในความหนาวเย็นของท้องทะเล

ความคิด วนเวียน เหมือนเป็นแผนผังความคิดที่จัดการไม่เป็นระเบียบ

ไม่ว่าจะทางเลือกไหนที่เหลืออยู่ มันไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ดีเลยซักทาง

หลับตาลงในช่วงเวลาสั้นๆ ย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่มีความสุขมากกว่าตอนนี้ ช่วงเวลาที่เฝ้ารอ วันที่เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คนเรานี่ก็แปลก ตอนเด็กอยากโตเป็นผู้ใหญ่ แต่พอถึงช่วงนั้นจริง กลับอยากหนีกลับไปเป็นเหมือนเดิม

วัยที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับอะไรทั้งนั้น ใช้สิ่งที่เรียกว่า”ชีวิต”ได้คุ้มที่สุด

ผมสูญเสียมันไปแล้ว

นึกถึงคนที่ใช้ชีวิตได้แตกต่างจากคนอื่นมากที่สุดอย่างพี่ฟิน แล้วก็เดาทางไม่ได้ ว่าตอนนี้ จะอยู่ที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ กับใคร ในเวลาแบบนี้ คนๆนั้นจะให้คำปรึกษากลับมาแบบไหนนะ?

ไม่ว่ายังไง ให้เลือกในทางที่ตัวเองเป็น

ประโยคนี้ซ่อนอยู่ในทุกการกระทำของพี่ฟิน มันชัดเจน ไม่อาจทำนายล่วงหน้าได้ ผมไม่รู้ว่าพี่เขามีความสุขกับชีวิตแค่ไหน แต่เท่าที่เห็นจากเปลือกนอก รอยยิ้มยียวนจะมีอยู่บนใบหน้าเสมอ

ต้องยิ้ม ควรจะยิ้มสินะ

ยกมุมปากขึ้น รู้สึกหนักอย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่อยากอยู่ที่นี่

ในเวลานี้ เวลาที่ทุกอย่างคลุมเครือ และอึดอัดเสียจนหายใจไม่ออก เหมือนอยู่ใต้น้ำ ทุกวินาทีที่ผ่านไป ผมรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อ่อนแรงลง

ผมไม่อาจทำตามสิ่งที่พี่หมอกต้องการได้

ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็ทำไม่ได้

เสียงประตูเปิด มองนาฬิกา กำลังจะข้ามผ่านเที่ยงคืน

หลับตา นอนนิ่งไม่ขยับตัว

ได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาใกล้ กลั้นหายใจ ของบางอย่างถูกลากไปกับพื้น เสียงเท้าเงียบลง

กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ บอกให้รู้ ไม่สิ ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าใคร แต่แค่ยืนยันว่าใช่แน่นอน ผมไม่รู้ว่าพี่หมอกสูบยี่ห้อไหน เพราะมันเป็นกลิ่นที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน บรรยายไม่ถูก

เสียงฝีเท้าเงียบลง เงี่ยหูฟังเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงเพิ่มอีก

เตียงยุบลงไปฝากหนึ่ง ข้อมือถูกดึงขึ้นไป ผมรั้งไว้ พี่หมอกจ้องหน้า ถึงจะใกล้ขนาดนี้ แต่แสงก็น้อยเกินกว่าจะเห็นหน้าพี่หมอกได้ชัดเจน

“ทำไม?”

“….”

“กูกอดมึงไม่ได้หรือไง?”

“เปล่า..ไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้วเป็นแบบไหน?”

ส่ายหน้า ไม่รู้คำตอบ มืออีกข้างคว้าเสื้อผมไว้ พยายามจะถอดออก จับคอเสื้อตัวเองไว้ ยิ่งทำให้เนื้อผ้าถูกกระชากแรงขึ้น

“ตอบกูมาสิ”

“ถ้าจะทำ ก็อย่าทำด้วยอารมณ์โกรธแบบนี้”

“กูไม่ได้โกรธ”

“พี่หงุดหงิด”

“มึงรู้ด้วยหรอว่ากูหงุดหงิด?”

ทุกการเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง มีแต่คำพูด

“กูถาม ทำไมไม่ตอบ”

“คำถามพี่ไม่ต้องการคำตอบ”

“อย่ากวนกู ไอ้ตี๋”

“ผมว่าผมพูดส่วนที่ผมควรพูดไปแล้ว เมื่อไหร่พี่จะพูดส่วนของพี่บ้าง”

“…..”

“เพราะเห็นว่าผมทำอะไรไม่ได้หรอ พี่อาจจะคิดถูก ผมก็ได้แค่ฟังเท่านั่นแหละ ผมไม่มีอำนาจอะไรพอที่จะช่วยพี่ได้สักนิด”

“มึงกำลังประชดกูอยู่หรือไง?”

“ผมเปล่า”

“มึงรู้แล้วเรื่องจะเปลี่ยนไปหรือไง?”

“พี่กำลังซ่อนอะไรอยู่?”

ไม่มีคำตอบกลับมา

ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมพูดต่อ เป็นเรื่องที่ต้องลังเล คิ้วมุ่นเข้าหากัน สายตาลอยออกไปไกล ไปสู่เรื่องที่กังวลใจ ไม่ได้อยู่ที่ตัวผม

“เรื่องนั้น บอกผมไม่ได้หรือไง?”

“บอกไปมึงก็ไม่เข้าใจ”

“อย่างน้อยก็ลอง ผมไม่อยากอยู่กับบรรยากาศอึดอัดแบบนี้อีก มันเหมือนไม่ใช่..ไม่ใช่เราเลยว่ะพี่”

“….”

“หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าผู้ใหญ่งั้นหรอ?”

โลกที่เคยหลอมรวม แยกออกจากกัน

ถ้าไม่มีใครทำอะไรสักอย่าง สิ่งสุดท้ายที่เชื่อมเราไว้ คงจะขาดลงจริงๆ

“พี่ไม่ยอมให้ผม งั้นผมจะเป็นฝ่ายยอมเอง ยอมเท่าที่ทำได้…แบบนั้นหรือเปล่าที่พี่ต้องการจากผม ให้ผมทำตามโดยที่ไม่รู้อะไรเลย”

“มันอาจจะดีที่สุด”

“ถ้าพี่จะคิดแบบนั้น…” ปล่อยมือที่ยึดมือพี่หมอกไว้ออก “ผมก็คงทำอะไรไม่ได้”

เสื้อถูกดึงออก กางเกงนอน ถูกจับพลิกตัวลง นอนคว่ำ นี่จะเป็นครั้งแรก ที่ผมจะไม่ได้เห็นหน้าพี่หมอก ในทางกลับกัน นี่เป็นครั้งแรกที่พี่หมอกเลือกจะหลบหน้าผม ในช่วงเวลาแบบนี้

ไม่มีความสุขอะไรซ่อนอยู่

เป็นเพียงการเคลื่อนไหวของร่างกายไปตามสัญชาติญาณ เจ็บ กอดหมอนแน่น ไม่อยากให้ถูกเห็นว่าข้อมือที่กำแน่น ข้อต่อกลายเป็นสีขาวจาง ผมไม่รู้พี่หมอกคิดอะไรอยู่ แต่บรรยากาศรอบๆ ถ้ากลั่นสิ่งที่ล่องลอยอยู่ อาจได้น้ำตา

สองมือนั่นจับแค่ที่เอวผม แค่นั้น เหมือนรีบทำให้จบๆไป คล้ายสัตว์ติดฤดู ไม่มีความต้องการจากข้างในออกมา

ตลอดเวลาที่เจ็บ ได้แต่คิดว่า บางทีพี่หมอกกำลังเจ็บมากกว่า

เรื่องที่ผมไม่รู้ เรื่องที่ถูกปิดไว้ ผมไม่รู้หรอก และก็คิดว่าถ้าไม่ได้รู้จากพี่หมอกเอง ทั้งชีวิตก็คงไม่มีทางรู้ได้ด้วยตัวเอง

เรื่องระหว่างผมกับพี่หมอก ต่อให้เก็บเป็นความลับ ก็ได้แค่เพียงเวลาหนึ่ง ในเวลาที่เรื่องทั้งหมดถูกแพร่กระจายออกไปแล้ว การขุดคุ้ยความลับที่เหลือ เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก

มือถือพี่หมอกส่งเสียง ปนไปกับเสียงหายใจ เสียงที่ล่อแหลม

ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหว ผมหมดแรงที่จะต่อต้าน ร่างกายหยุดนิ่ง ขาดการติดต่อกับความคิด

“….รู้แล้ว”

พูดตอบกับโทรศัพท์ เสียงพี่หมอกต่ำกว่าปกติ แต่ไม่ใช่เสียงที่จะฟังแล้วรู้สึกอะไร ไม่มีอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นอยู่ในเสียงนั้น เย็นชา ก็คงพูดแบบนั้นได้อยู่ “ถ้าปิดข่าวไม่ได้ ก็ประโคมข่าวไปซะ ไม่…ไม่ได้ฟังผิดหรอก”

ขมวดคิ้วฟัง ได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเอง และเสียงจากลำคอคล้ายเสียงแมว

ไม่ได้รุนแรง แต่ร่างกายต่อต้าน ห่างหายกับเรื่องแบบนี้ไปพักใหญ่ ไม่ได้เตรียมพร้อม เป็นครั้งแรกที่เจ็บเสียจนพูดอะไรไม่ออก ถ้าเอวไม่ถูกจับไว้ เข่าก็คงไม่มีแรงพอจะหยัดตัวไว้

ดูเหมือนพี่หมอกไม่สนใจ

ความรู้สึกของอีกฝ่าย เป็นเรื่องที่เราสนใจมันน้อยลง

นั่นเป็นสัญญาณเตือนของอะไรสักอย่างหรือเปล่า? คำถามนี้ดังก้องขึ้นมา ผมยืนจ้องอย่างงุนงง สรรหาคำตอบดีๆไม่ได้

“ไม่ต้องเบลอรูปตี๋ เอาให้ทุกคนรู้ว่ามันเป็นใคร ไม่จำเป็นต้องปิด”

พลิกตัวหันมอง ก็ถูกกดไหล่ไว้ จนต้องหันหน้ากลับไป กดแน่นจนไหล่ข้างนั้นยุบลงไปในฟูก ผมดิ้นแรงขึ้น ร่างกายขยับ ส่วนที่เชื่อมต่อกันคล้ายจะหลุดออก พี่หมอกจึงดันตัวเข้ามาสุด เจ็บจนกัดกรามแน่น

“ไม่ ไม่พอ ลงรูปเฮียมัน ม๊ามันลงไปด้วย เขียนชื่อลงไปชัดๆ”

“พี่หมอก!”

มืออีกข้างยันตัวขึ้น ก็ถูกกระชากข้อมือ กดแนบที่เหนือบั้นท้าย บีบจนรู้สึกปลายนิ้วชา ขยับตัวพยายามจะดิ้นให้หลุด ก็ถูกตรึงไว้ด้วยแรงที่มากกว่า อยู่ในท่าที่ขัดขืดไม่ได้ คล้ายปลาติดอวน

“แค่นั้นแหละ”

เสียงพูดทิ้งท้าย ผมจ้องมองริมฝีปากที่พูดคำนั้นออกมา สีหน้าพี่หมอกนิ่ง ไม่รู้สึกเหมือนทำเรื่องอะไรผิดลงไป

โทรศัพท์ถูกตัดสาย พี่หมอกถือโทรศัพท์ออกห่างจากหู ไม่วางมันลง สายตาอยู่ที่ผม

เสียงหายใจแรงขึ้น ผมโมโหเสียจนคิดอะไรไม่ออก

“พี่คิดจะทำอะไร? แค่ผมคนเดียวผมไม่ว่า ทำไมต้องเอาม๊ากับเฮียมายุ่งด้วย”

“ที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ใช่ว่าข่าวไม่รู้หรอกนะว่ามึงเป็นใคร เพราะมีกูอยู่ ข่าวถึงไม่หลุดออกไป แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์แล้ว ให้รู้กันให้หมดนั่นแหละดี ว่ามึงเป็นใคร และเป็นของใคร

ปลายเสียงเบาลง พี่หมอกเงียบไป นานจนผมคิดว่าคงไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาอีก มองเห็นหัวคิ้วนั่นมุ่นเข้าหากันจนแทบเป็นเส้นตรง

“…สิ่งนี้ไม่ใช่หรอ? ที่มึงพยายามปกป้องอยู่ มึงจะได้รู้ว่าที่ผ่านมา มึงทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่มีกู”

“อย่าทำแบบนี้”

“ขอร้องสิ”

“…..”

“ขอร้องกับกู กูหยุดข่าวนั่นได้ กูทำได้ทุกอย่าง จะสร้าง หรือทำลายมึงก็ได้ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่ต้องใช้ ก็แค่เงินเท่านั้น”

คนตรงหน้า เหมือนเป็นแค่คนที่หน้าตาคล้ายกัน ชื่อเหมือนกันเท่านั้น สิ่งที่อยู่ข้างใน เวลาค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปช้าๆ

“มึงเคยบอกกู ว่าเงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ ตี๋ กูจะทำให้มึงเห็น”

“ถ้ารักกู อย่าหนีไปไหน ไม่ต้องคิดเผื่อกู กูไม่สนว่าโลกนี้จะคิดยังไง กูไม่แคร์ด้วยซ้ำ ว่าใครจะอยู่ ใครจะตาย”

“กูคงใจดีกับมึงมากเกินไป อาจทำให้มึงเข้าใจผิด กูไม่ได้โง่ ตี๋ ไม่ได้โง่มากพอที่จะให้ใครต่อต้านกูซ้ำซากอย่างที่มึงทำ”

“กูก็มีกฎของกู และมันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อใคร ต่อให้จะเป็นมึงก็ตาม”

“พูดมาสิ คำที่มึงต้องพูด”

“คำไหนล่ะ…ที่พี่อยากจะฟัง”

เงียบ

ทุกอย่างเหมือนถูกกดปุ่มหยุดนิ่งไว้ ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจด้วยซ้ำ

“คำว่ารักหรือเปล่า ที่พี่อยากฟังตอนนี้?”


……………………….
………………..


ผมเบื่อเรื่องที่จะต้องบอกให้ฟังว่าผมมีเวลาค่ำคืนที่หลับตาลงยากแค่ไหน หรือน้อยกว่าปกติเท่าไหร่ สำหรับชั่วโมงนอนของผม เบื่อที่จะต้องมาบรรยายให้ฟัง ว่าเช้านี้ เป็นเช้าที่ติดสี่อันดับเช้าที่ห่วยแตกที่สุด นับตั้งแต่เช้าที่ป๊าเสีย เช้าที่ม๊าป่วย จนพวกผมไปเรียนไม่ได้ และเช้าที่ผมวิ่งไล่ตามคนๆนึงไปถึงสนามบิน แต่กลับไม่ได้เจอ

ถ้าให้เรียงลำดับยอดแย่ เช้าวันนี้คงจะได้ที่สองไปครองอย่างแน่นอน

ไม่ใช่แค่คำว่าปวดเมื่อย แต่เป็นคำว่าเจ็บ แค่คิดจะเดินก็เหนื่อยเกินกว่าจะก้าวเท้าลงจากเตียง เตียงที่กว้าง แต่มีเพียงผมแค่คนเดียว ปลอบตัวเองในใจ น่า คนเราก็ต้องมีการมีงานทำบ้าง แถมยังตื่นสายจนนาฬิกาเกือบทำทิศ 90 องศาตั้งฉากกับระนาบ จะไปคาดหวังอะไรกับสิ่งที่เกินจริงได้ยังไง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแอบคิดเล็กๆ ในวินาทีก่อนที่จะลืมตา

เขาจะยังอยู่หรือเปล่า?

ผมไม่รู้ว่าตัวผมต้องการคำตอบแบบไหนกันแน่ แต่ถ้าถามตัวเองตอนนี้ อาจได้คำว่าโล่งอกที่เห็นอีกฝากของเตียงว่างเปล่า เอามือจับดูก็พบว่ามันเย็นเฉียบ ในใจยังตั้งคำถามอีกไม่หยุดหย่อน แต่ผมก็เหนื่อยเกินกว่าจะไล่ตอบพวกมันไหว

มันไม่ได้เป็นอาชญากรรมหรอกเรื่องเมื่อคืน ถึงยังไงผมก็เต็มใจไปเสียเกือบครึ่ง เรื่องหลังจากนั้น เป็นเรื่องชวนให้ปวดหัว คิดไปก็เหนื่อยเปล่า จนไม่อยากจะรื้อความทรงจำที่ไม่ค่อยประติดประต่อมาเพิ่มความดันในเส้นเลือดขณะที่ยืนแปรงฟันอยู่อย่างนี้ ไม่เลย

คนในกระจก วันนี้ ดูแทบไม่ได้

นั่นใครกันน่ะ คงไม่ใช่ผมหรอกใช่ไหม? ก็แหงสิ ตัวผมจะไปทำหน้าแห้งเหี่ยวซังกะตายแบบนั้นได้ยังไง แต่น่าแปลก พอผมยกมือ ไอ้หมอนี่ก็ยกตาม จับรอยแตกที่ปาก เลือดแห้งกรัง บอกให้เพิ่มเติม ผมกัดมันเองนั่นแหละ แต่ในเวลานั้นไม่คิดว่าฟันจะงับเพื่อนร่วมงานแรงถึงขนาดนี้ แล้วไอ้หน้าซอมบี้นี่เป็นใคร ถึงมีแผลที่เดียวกับผมเลย

ดวงตากระทบกับแสง เห็นว่ามีน้ำคลออยู่ ก็รีบกวักน้ำขึ้นล้างหน้า

ไม่ได้เลยนะไอ้ตี๋ ยิ่งตอนแบบนี้สิ ถึงจะเป็นบทพิสูจน์ว่าแกน่ะ แกร่งจริง ไม่ใช่เสแสร้งไปงั้นๆ

ต้องยิ้ม ยิ้มแบบที่แกทำมาตลอด ทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องหนักใจ หนึ่งเดือนที่ผ่านมา แกก็ทำมาตลอดไม่ใช่หรอ? วางลงสักพักเรื่องที่ครุ่นคิดมาตลอดจนทำให้ไม่มีที่ว่างในหัวมากพอจะปันไปให้เรื่องงาน เรื่องสำคัญของตัวเอง เรื่องที่ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชนเข้ากับทางตัน จนผมอดสงสัยไม่ได้ คำพูดที่ว่า”ทุกปัญหามีทางแก้” บางทีอาจเป็นเรื่องโกหก

ลองสมมติ ว่าผมไม่ใช่ตัวผม

เป็นบุคคลภายนอก บุคคลที่สาม ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ไม่เคยรู้จักทั้งผม และคุณอัษฎามาก่อน ไม่เคยเห็นหน้า เป็นบุคคลอายุปานกลาง ฐานะปานกลาง การศึกษายังไงก็ได้ คงไม่สำคัญ เล่าสถานการณ์ที่ผมเจอ เล่าสถานการณ์ที่คุณอัษฎาต้องรับมือ ผมสงสัยนักเชียว ว่าเขาจะให้คำตอบผมยังไง

ทิ้งไปเลยสิ ครอบครัวไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก ความรักแบบนี้น่ะ คว้าไว้ก่อน มันมีแค่หนเดียวนะ

ผมคงจะเมินเฉยต่อคำแนะนำนั้นทันที ไม่ว่ายังไง สิ่งที่สมควรจะคิดนำมาก่อนเสมอก็คือครอบครัว ถ้าไม่มีพวกเขา ผมก็คงจะไม่ได้มายืนพูดกับตัวเองอย่างเป็นตุเป็นตะขนาดนี้แน่ ต่อให้ไม่ถูกสอนมาเรื่องกตัญญูมา เราก็จะไม่มีวันทำเรื่องอย่างนั้นแน่ ม๊าลำบากเพื่อพวกผมมาก ไม่มีทาง ที่ผมจะทิ้งคนที่ทุ่มเทเพื่อให้ผมเติบโตมาได้อย่างเด็ดขาด

ถ้าลำบากขนาดนั้นก็ปล่อยมือเถอะ ยิ่งรั้งไว้เท่าไหร่ ก็มีแต่จะเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น

ผมยังไม่เหนื่อย แต่ถ้าผมจะปล่อยมือ ก็มาจากเหตุผลของผมเอง ไม่ใช่เกิดจากเหนื่อยอะไรทั้งนั้น

อย่าโกหกตัวเองเลย เหนื่อยจนแทบจะไม่ไหวแล้วไม่ใช่หรอ?

ไม่ ผมไม่ได้โกหก ผมยังทนได้อีก ผมยังเจอได้อีก ผมทำได้ทั้งนั้น ถ้ามันจะทำให้พี่หมอกก้าวไปข้างหน้า คนอย่างพี่หมอกเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเป้าหมายที่วางไว้ ผมไม่อยากเป็นตัวเกะกะ

คิดแบบนั้นน่ะ แน่ใจหรอ?

ผมไม่แน่ใจหรอก

พี่หมอกเปลี่ยนชีวิตผมไปเสียจนผมนึกชีวิตที่ไม่มีพี่หมอกไม่ออกแล้ว ใครจะอยากไปเสียใจ คิดในฐานะมนุษย์ธรรมดา ไม่ว่าใครก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว แต่ความรักก็ไม่ใช่ทุกอย่าง ผมต้องยอมรับเรื่องนั้นด้วย ไอ้เรื่องความรู้สึกของผมมันเยอะเสียจนพูดออกมายังไงก็ไม่หมดหรอก มันเหมือนผมทำผิดซ้ำซาก แต่เมื่อถึงคราวที่ผมเลือก ผมก็ต้องเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับพี่หมอก สำหรับผม ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็ได้ ถ้าไม่เดือดร้อนครอบครัวผม ตัวผมจะต้องเจออะไร หนักแค่ไหน หรือมีชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดกับความเสียใจ ผมก็โอเคกับมัน

คนอย่างพี่หมอกไม่มีวันหยุดอยู่แค่นี้หรอก ถึงมันจะเป็นตำแหน่งที่สูงสุดในบริษัท แต่ผมรู้ ว่าพี่หมอกไม่มีวันพอใจกับมัน ยิ่งพี่หมอกไปได้ไกลมากกว่าตรงที่ยืนอยู่ตรงนี้ ผมก็จะยิ่งเป็นตัวเกะกะมากขึ้น

ผมไม่รู้พี่หมอกจะเข้าใจเรื่องนี้หรือเปล่า เพราะพี่หมอกไม่สนใจใคร มีความคิดเป็นเส้นตรงโดยไม่สนว่ามันจะไปทับเข้ากับเส้นของคนอื่น นั่นทำให้ผมยิ่งทำตามใจตัวเองไม่ได้ สักวันพี่หมอกจะถูกสังคมรอบข้างบีบมากกว่านี้ จนอยู่ในจุดที่ทำอะไรไม่ได้อีก

บางทีอาจจะต้องมีสักคนยอมถอยออกมา

ผมไม่ได้อยากเลิกกับพี่หมอก ไม่เคยเลยสักวินาที จากหัวใจของผมที่คิดแบบนั้น แต่สมอง ปฏิเสธไม่ได้ ว่ามันมีตัวเลือกนั่นอยู่เสมอ ผมสับสน มีชีวิตอยู่บนความสับสนนี้นานเกินกว่าที่มันควรจะเป็น

พี่หมอกต้องเสียใจ แน่อยู่แล้ว แต่สักวันพี่หมอกก็จะหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ เราอาจจะกลายเป็นเพื่อน เพื่อนที่ดีต่อกัน บางที ผมอาจจะยิ้มให้พี่เขาได้ ในวันที่พี่เขาแต่งงานกับใครสักคน

ไม่มีทางหรอก ผมคงไม่มีวันทำแบบนั้นได้

ให้ยิ้มหรองั้นหรอ? แค่จินตนาการ ก็ยากที่จะหายใจแล้ว

ถ้าอย่างนั้น มันจะมีทางอื่นไหมนะ?

ทางที่เป็นกลาง ทางที่เราสองคน จะยังเดินไปด้วยกันได้ไกลกว่านี้

กลับลงไปนอน จมลงกับเตียง เสียงคลื่น หลับตาคิด ท้องฟ้าแดดไม่แรงแบบนี้ ถ้าได้มีโอกาสออกไปข้างนอก อาจจะดีกว่านี้หน่อย สูดหายใจให้เต็มปอด เท้าเหยียบลงกับทราย น้ำที่ถูกซัดขึ้นมา ชนกับปลายนิ้วเท้าผม

ได้แต่หลับตาคิดภาพเหล่านั้น

ถ้าอยากจะทำจริงๆ คงต้องกระโดดลงจากชั้นสอง ไม่ต้องห่วงครับ ผมยังไม่บ้าพอที่จะทำ

ข้าวเช้าอยู่บนถาดอาหาร โต๊ะข้างเตียง เห็นตั้งแต่ตอนลืมตา ผมไม่หิว ท้องส่งเสียงร้องนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากพอที่จะเอาชนะอาการเบื่ออาหารนี้ได้ ลุกพรวดขึ้นมาเพราะนึกอะไรได้บางอย่าง ก็ต้องหงายหลังลงไปใหม่ ปวดขมับ เหมือนถูกบีบ ผมหลับตาลง พยายามนึกถึงเรื่องอื่น พาตัวเองในความคิดไปยืนอยู่ริมหาด แม้แต่ในหัว ที่ๆสมควรจะเป็นของผม ก็ยังเห็นพี่หมอกยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก แต่งตัวสบายๆทำให้นึกถึงพวกนายแบบในวันหยุดพักผ่อน นั่นทำให้ยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม

ขอผมพักบ้างเถอะ

ปล่อยผมให้เป็นอิสระจากปัญหาสักวินาทีนึงก็ยังดี

เดินไปที่ห้องน้ำ เซชนโต๊ะไม้เล็กๆอีกตัวจนล้ม เสียงดังกึง ผมเดินผ่านไป ประตูห้องน้ำถูกผลักออก เกาะที่ฝาชักโครก มีแต่น้ำย่อยเท่านั้นที่ออกมา ไม่มีอาหารเหลืออยู่

ปวดหัว ปวดจนน้ำตาไหลพราก ทั้งๆที่เมื่อคืนไม่มีน้ำตาซักหยด ตอนนี้กลับมาร้องไห้ต่อหน้าชักโครก เหมือนเด็กสาวเมาหัวทิ่มในผับ คิดว่าดีขึ้น เอื้อมมือจะกดชักโครก ท้องก็ปั่นป่วนจนร้อน อาเจียนอีกรอบใหญ่จนหมดแรง

กอดชักโครกเหมือนเป็นที่พึ่งสุดท้ายในชีวิต เวลารู้สึกแย่ทีไร ก็มีแต่แกเท่านั้นแหละที่อยู่เป็นเพื่อน มันตอบรับคำพูดผมด้วยการปิดฝากระแทกหัวผมเต็มๆ

เสียงน้ำไหล มองน้ำวนเล็กๆที่ถูกดูดลงไป ลุกขึ้นยืน คว้าขอบอ่างล้างหน้าไว้ได้เมื่อเซ ยกน้ำกวักล้างหน้า รอบนี้แทบจะคลานกลับเตียง

โต๊ะที่ชนล้ม เดินเข้าไปใกล้เพื่อตั้งมันให้กลับมาอยู่ที่เดิม

หลังโต๊ะตัวนั้นไป เป็นชั้นหนังสือ ดูท่าจะอยู่มานานแล้ว บ้านนี้แม้จะดูใหม่ แต่ถ้ามองจากเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นจะบอกได้ว่าอายุมากกว่ายี่สิบปี ได้รับการดูแลอย่างดี ชั้นหนังสือ ครึ่งบนเรียงอัดแน่น สันปกหนังสือเป็นปกแข็งเขียนชื่อภาษาอังกฤษไว้เกือบทั้งหมด ครึ่งล่าง เป็นตู้ไม้ ประตูปิดอยู่ พอลองเปิดออก ก็พบว่าไม่ได้ล็อค

อัลบั้มภาพสองสามเล่มอยู่ในนั้น แทรกอยู่ในกองหนังสือที่เหมือนไม่ถูกเปิดบ่อยเท่าเล่มที่อยู่บนชั้นนั่น ผมดึงมันออกมาดู นั่งลงกับพื้น ก้มนานก็ปวดขมับตุ้บ ตุ้บ ไม่รู้จะแก้ยังไง ไม่มียา ไม่มีเฮียที่จะบ่นไปแต่ก็ยังหายามาให้ในเวลาเดียวกัน

ภาพแม่พี่หมอก ในรูปอายุไม่น่าเกินสามสิบ ดูท่าจะเป็นคนยิ้มเก่ง ส่วนมากเป็นรูปเดี่ยว ถ่ายเต็มความสูงของเธอ สถานที่ข้างหลัง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในสวนบ้าง ห้างบ้าง บางรูปดูรู้ว่าไม่ใช่เมืองไทยแต่บอกไม่ได้ว่าประเทศไหน รูปผ่านไป อายุมากขึ้น ภาพใบหนึ่ง หน้าท้องขยายโต เว้นช่วงระยะห่างจากภาพใบก่อนหน้าอยู่มาก มีวันที่อยู่ แต่ภาพก็สีซีดเสียจนมองยาก

ภาพต่อไป เด็กทารกในแขน ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้เห็นเธอใกล้ขนาดนี้ ยิ้มจนเห็นฟัน มองกล้อง เด็กในนั้นหลับตาหยี ผมเดาว่าเป็นพี่เมฆ นอนอยู่ในผ้าห่มที่พันรอบตัวดูคล้ายดักแด้ ใบหน้าตอนหลับดูสงบ

รูปต่อมา วันแรกที่พี่เมฆเข้าโรงเรียนอนุบาล หน้ายิ้ม ต่างจากเด็กคนที่อยู่ข้างหลัง ร้องไห้จนตาหยี ดึงมือพ่อจนตัวเอน เห็นภาพนี้แล้วผมก็พึ่งนึกได้ว่ายังไม่เห็นรูปพ่อพี่หมอกเลยสักรูป คงมัวแต่เป็นตากล้อง ไม่เคยปรากฏตัวหน้าเลนส์

รูปถัดมาเว้นช่วง เด็กผู้ชายคนแรก อายุซักเจ็ดแปดขวบ แต่งตัวเรียบร้อย ยืนขาประกบ ข้างๆ เป็นภาพที่ดูคล้ายกับเคยเห็นมาแล้ว แม่พี่หมอกอุ้มเด็กอีกคนในแขน แต่รอยยิ้มที่เคยเห็นเหมือนในครั้งแรก ลดลงเป็นแค่ยิ้มธรรมดา ตอนนี้ ผมของเธอสั้นลง อาจจะเหมาะกับแฟชั่นสมัยนั้น เด็กในอ้อมแขนร้องไห้งอแง ชูมือขึ้นฟ้า เหมือนจะต่อยความหงุดหงิดออกไป

หน้าถัดมาของอัลบั้มรูป เด็กที่พยายามจะลุกยืน เป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน เห็นหน้าแค่เสี้ยวเดียวแต่ก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นเกินเด็ก ดูท่านิสัยนี้คงมีมาแต่เกิด รูปใบที่ถ่ายในบ้านหลังนี้ ก็ยืนขมวดคิ้วแยกอยู่คนเดียว ในขณะที่พี่ชายกับแม่ ยืนกอดคอกันอยู่อีกฝั่ง คงจะกวักมือหลายรอบแต่ยังไม่สน ถึงได้กดชัตเตอร์โดยไม่รอให้ยืนพร้อมกันก่อน รูปเดี่ยว รูปคู่ของพี่น้อง สลับกันไป แปดในสิบรูปของพี่เมฆ มีรอยยิ้ม ดูเป็นคนยิ้มเก่ง เข้าสังคมง่าย ต่างกับคนน้อง ที่ไม่ค่อยจะเห็นยิ้มเท่าไหร่

รูปหมู่ครอบครัวเพียงรูปเดียว ในที่ที่ผมไม่รู้จัก แม่พี่หมอกนั่งตรงกลาง จับหมวกไม่ให้ปลิว สวมแว่นกันแดด การแต่งตัวดูดีขึ้นตามลำดับ นาฬิกาเรือนนั้นก็ดูแพง พ่อพี่หมอกยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ยิ้ม หรี่ตามองกล้อง คงเป็นเพราะแดดในเวลานั้น พี่หมอกทำท่าเดียวกันเหมือนถอดออกมา หน้าบึ้งสนิท จ้องมองกล้องเหมือนไม่พอใจ ผิดกับพี่เมฆที่โชคดีอยู่ในมุมร่ม ยิ้มคล้ายถอดแม่มา

รูปสุดท้าย เด็กคนนั้นกลายเป็นเด็กห้าหกขวบ ในขณะที่พี่ชายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ตัวสูงจนดูเก้งก้าง เด็กทารกอีกคนก็โผล่มา หน้าแม่พี่หมอก ไม่มีรอยยิ้มอีก

เป็นรูปที่ดูแล้วชวนให้อึดอัด อัลบั้มจบลงแค่นี้

ช่วงเวลาสั้นๆ ยี่สิบนาที ได้ทำความรู้จักกับพี่หมอกวัยเด็ก รูปเล่าเรื่องราวอย่างเงียบเชียบ

ผมหยิบรูปใบหนึ่งออกมา แล้วเก็บอัลบั้มทั้งหมดนั่นเข้าที่เดิม


………………………………….
…………………………



ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5



เวลาที่นี้ เดินช้ากว่าปกติ อาจเป็นเพราะผมว่างเกินไป

เดินรอบบ้านดู ทุกสิ่งเหมือนเดิม ไม่มีประตูหรือแม้แต่หน้าต่างบานไหนที่ไม่ถูกล็อค บางทีแม่บ้านอาจจะมีกุญแจ แต่เมื่อเห็นหน้าผม ก็เดินหลบไปอีกทาง เหมือนถูกห้ามไว้ ไม่ให้คุยกับผม

นั่งมองบรรยากาศข้างนอกผ่านกระจก ทะเลส่งเสียงเรียกอยู่ทุกวัน ชายหาดกว้าง ก็ยังไม่เคยเห็นใครยืนอยู่บนทรายนั้น สวนอยู่ห่างออกไปแค่หกก้าว แต่ถูกกั้นไว้

ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีโทรศัพท์ ที่แห่งนี้เลยดูคล้ายเกาะร้าง ผมเผลอหลับไปหลายครั้ง หูเงี่ยฟังเสียงเครื่องยนต์ BMW คันนั้นหายไป

แม่บ้านกลับออกไปในช่วงที่ผมหลับ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสี

เดินลงมาชั้นล่าง เห็นพี่หมอกเงยหน้าขึ้นมามอง ผมหยุดเดิน ยืนอยู่ที่บันได

“ทำไมไม่ยอมกินข้าว”

พูดแล้วก็หันไปทางอื่น บนโต๊ะ กับข้าวพร้อมแล้ว พี่หมอกไม่ได้แตะต้องมันสักนิด

“ผมไม่หิว”

“มานี่”

คิดจะส่ายหัวตอบ แต่กลับเปลี่ยนใจ เดินเข้าไปหาแทน

นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามอย่างที่บอก พี่หมอกเลื่อนจานเข้ามาให้

บนโต๊ะ มีกับข้าวสองสามอย่าง ผมเห็นพวกมันแล้วก็ได้แต่ก้มหน้า ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกวิ่งวนอยู่ในตัว

ของโปรดผมทั้งหมด

หยิบช้อนส้อมขึ้นมา รู้สึกว่าถูกมองอยู่ แต่ยังไม่พร้อมที่จะมองตอบ

กับข้าวถูกตักลงในจานผม คงเพราะเห็นว่าไม่ยื่นช้อนออกมาสักที

“..เยอะไปแล้ว”

“มึงไม่ยอมตักเอง”

“ก็ผมบอกแล้วว่าผม-“

“มึงบอก แต่กูไม่สน”

“…..”

เงยหน้าขึ้นมอง พี่หมอกตักกับข้าวเข้าจานตัวเองบ้าง กินเงียบๆ


ผมจ้องมองกับข้าวที่อยู่ในจาน ผมไม่ได้ดื้อหรือรู้สึกต่อต้านอะไรทั้งนั้น แค่ไม่อยากกินจริงๆ

“อย่าให้กูต้องบังคับมึงนะ ตี๋”

“ผมบอกพี่ไปแล้ว ว่าผมไม่หิว”

พี่หมอกลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาทางผม ผมเหนื่อยเกินกว่าจะลุกหนีไปไหน ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ ต่อให้น้ำท่วมหรือไฟไหม้ ผมก็คิดว่าผมคงจะนั่งตรงนี้ต่อไป ไม่คิดทำอะไร

ช้อนตักข้าวจนพูน มีหมูแปะอยู่ประหลาดๆด้านบน คงเพราะตักทีหลัง ดูไม่มั่นคงเสียจนคิดว่าน่าจะหล่นลงมาอีกไม่นาน เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ว่า ตอนที่ช้อนนั้นมาอยู่ที่ปากผม หมูยังเกาะแน่นบนนั้น

“อ้าปาก”

แค่ได้กินอาหาร ก็อยากอาเจียน ทั้งๆที่มันเป็นของโปรดผมทั้งนั้น

“มึงฟังไม่รู้เรื่องหรือไง”

อ้าปากออกช้าๆ ริมฝีปากแห้งผาก ในคอแห้งเป็นผง

อาหารเข้าไปในปาก ช้อนถูกดึงออก พี่หมอกกำลังจะตักคำต่อไป แต่ผมกลับรู้สึกแย่เสียจนทนไม่ไหว โดนจ้องเหมือนบังคับให้เคี้ยว

“อุก”

วิ่งออกไป พี่หมอกไม่ทันได้ตั้งตัวจึงจับผมไม่ทัน ดีแล้วที่เป็นแบบนั้น วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ อาเจียนอาหารออกมาหมด ไม่นาน ก็รู้สึกถึงมือที่ลูบหลังอยู่ ผมไม่ได้เงยหน้าไปมอง ไม่มีแรงพอที่จะทำอะไรแบบนั้น

เสียงน้ำดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นมา แก้วน้ำถูกยื่นมาให้ดื่ม ผมดื่มได้แค่ไม่กี่คำก็คืนไป

“ลุกไหวหรือเปล่า?”

ไม่รอคำตอบ ดึงแขนผมขึ้น เพราะผมเบาหรือพี่หมอกแรงเยอะกันแน่นะ? ถึงถูกดึงขึ้นมาง่ายๆแบบนี้

ล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า รู้สึกว่าอย่างน้อยพี่หมอกก็ดูโมโหน้อยลง

มือจับเข้าที่หน้าผากผม ไม่มีไอร้อนอะไร พี่หมอกก็ละมือไป

“มึงเดินไม่ไหวหรอก ขึ้นมาสิ”

พูดแบบนั้นแล้วก็ย่อตัวลง แผ่นหลังอยู่ข้างหน้าผม เอนตัวเข้าไปหา โอบมือไว้รอบคอนั่นหลวมๆ ขาสองข้างก็ถูกยกขึ้น ได้กลิ่นพี่หมอกที่ปนอยู่กับกลิ่นบุหรี่ชัดเจน แต่กลิ่นนั้นไม่ได้ฉุนจนต้องเบือนหน้าหนี ผมที่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ตอนนี้เริ่มชิน รู้สึกกลิ่นบุหรี่นี้เข้ากับพี่หมอกอย่างน่าแปลกใจ

ปวดหัว

นึกถึงหน้าพี่หมอกที่เห็นก่อนที่จะหันหลังแบกผมอย่างนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนต้องพูดออกมา

“พี่…”

“…..”

“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น…”

“กูทำหน้าแบบไหน?”

“….”

“บอกมาสิ”

“….ผมอยากให้พี่ยิ้มมากกว่า”

“มึงอยากให้กูยิ้ม ทั้งๆที่กูอยากร้องไห้อย่างนั้นน่ะหรอ?”

ถึงห้อง พี่หมอกจะปล่อยขาผมลง โดยที่ไม่รู้ตัว ผมกอดพี่หมอกแน่นขึ้น

ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างที่ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้าย พี่หมอกก็นั่งลงกับเตียง




ผมกอดหลังพี่หมอกที่ดูกว้างกว่าปกติในตอนนี้ไว้ แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น




………………………………………
……………………………..
……………………….




[B.N.23 : complete]
[24.11.55]



เขียนตอนนี้ไว้สองเวอร์ชั่น
อีกอันช่างมันเถอะ   :o12:

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
อึดอัดเหลือเกิน ตี๋ต้องการอะไรกันแน่
มันจะจบลงแบบไหน เลิกกันไป ตายกันไปข้่างเลยใช่ไหมเนี่ย
หรือว่าเรากำลังอ่าน Awkward อยู่ :really2:
เริ่มไม่เข้าใจตี๋ซะแล้วสิ
ต้องการให้คนอ่านโอนเงินไหมตี๋ (อันนี้ตามความรู้สึกของพี่นะ ถ้าไม่ถูกใจก็ขอโทษนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2012 17:46:44 โดย evilheart »

ออฟไลน์ kataiyai

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +170/-1
ใครทำอะไรให้หมอกโมโห


ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
ทรมาน,,,
 
3ตอนแล้ว ยังไม่ไปถึงไหนเลย

ออฟไลน์ elfonofle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อึมครึมมากๆ แต่เหมือนว่าเริ่มดีขึ้นหรือเปล่า

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
โอย เครียดกับบรรยากาศแบบนี้จัง

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
ปรึกษาแม่ตี๋ไหมทั้งสองคน เราว่าท่านต้องมีำคำแนะนำดีๆให้แน่นอน

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
ต้องเป็นแบบไหน ต้องทำยังไง
ถึงจะถูกใจคนรอบข้าง ถึงจะถูกใจสังคม
ต้องให้ทำยังไง :z3: :z3:
จะร้องไห้แล้วว แมร่งงง ได้โปรดมีทางออกที่ดีให้แก่ความรักของทั้งคู่ด้วยเถอะ

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
อึดอัดจัง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังได้เลิกกันแน่ๆอะ
ทั้งๆที่ก็รักกันนะ แต่อะไรๆก็ดูแย่ไปหมด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
พี่หมอก เฮ้อ
ตี๋ เฮ้อออ

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
 :sad2: :sad2: :sad2: ดาร์คโคตรๆอะ  อ่านแล้วสงสารจัง เฮ้อออ

ออฟไลน์ ckkk.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ตั้งแต่อ่านมาตอนนี้เป็นตอนที่พีคที่สุดดราม่าที่สุด
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนแค่เป็นคนที่ไม่รู้จักกันสองคนเท่านั้น

อึดอัด อ้างว้าง โหวงเหว่ง

สงสารทั้งสองคนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ปล.คนเขียนเป็นคนที่เขียนดราม่าได้ดราม่ามากจริงๆ
อ่านตอนที่ดราม่าๆ แล้วร้องตลอด T_____T

ชานมเย็น

  • บุคคลทั่วไป

ยังอึดอัดได้อีก หน่วงต่อไป
หายใจไม่ออกจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว ทรมานเหลือเกิน
หยุดหน่วงสักที่ได้ไหม ขอเถอะ ภาคนี้เครียดเกินไปแล้วนะข
ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ระบายความอึดอัดหน่อยเถอะ
พี่หมอกน้องตี๋ ขอตัวช่วยดีกว่าไหมคนกลางนะ

เฮ้อ เฮ้อ ก่อนที่พี่หมอกตี๋จะรู้เรื่องพัฒนาไปกว่านี้คนอ่านคงตายก่อนคนเขียนเป้นแน่แท้

สู้ต่อไปพี่หมอกน้องตี๋  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:


ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
ยังคงอึมครึมต่อไป เฮ้อ ไม่มีทางลงกันเลยหรือไงนิ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ยิ่งอ่านตอนนี้ ยิ่งเหมือนทุกอย่างอยู่กับที่ จะทางไหนก็สักทางเถอะนะ  :เฮ้อ:

justpb

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วบีบใจมากเว่ออออ TT :sad4:

ออฟไลน์ eaey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0

ออฟไลน์ JokerKaorihh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านแล้วหายใจไม่ออก... :m15:

อึดอัดมาก ไม่รู้จะพูดยังไง

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ na_near

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
เหมือนวิ่งอยู่ในเขาวงกลดที่ไร้ทางออก....
ยิ่งวิ่งยิ่งหลง.....เหนื่อย   ทรมาน.....แต่หยุดไม่ได้
หรือมันจะไม่มีทางออกจิงๆ????
หรือแค่หามันไม่เจอ????

 :เฮ้อ:
ไม่รู้เพราะอะไร.........แต่ที่รับรู้ได้จาก 3ตอนที่อ่านมาคือ
รัก....แต่เหนื่อย
หนัก....แต่จะไม่ทิ้ง และไม่เคยคิดที่จะทิ้ง
มืดมน......แต่ยังหวังว่าจะมีทางออก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
สารภาพว่าทนอ่านไม่ไหว

ออฟไลน์ boylove_yj

  • ล้มแล้วยืน คือคนที่แกร่ง!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1511
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1203/-48
    • http://www.facebook.com/pages/Chocolate-Love-Fan-Club/255241697823084
เมื่อไรจะสุขสมหวังกันซักทีหนอ...

pkmj_

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมถึงทำเหมือนคนแปลกหน้ากันแบบนี้
โอ๊ยอึดอัดมากค่ะตอนนี้ ไม่อยากให้ดราม่าแบบนี้อีกแล้วจริงๆ หวังว่าตอนต่อๆไปจะดีขึ้น
ตอนต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้นแต่ขอให้ตอนจบแฮปปี้นะคะไม่งั้นคงเฟลมากๆT________T

ออฟไลน์ bowlyngz

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นึกไม่ออกว่าทางออกจะเป็นยังไง อ่านไปเหนื่อยไป เหนื่อยแทนตี๋ เหนื่อยแทนหมอก

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
อ่านแล้วอึดอัดมาก  :z3: :beat:

ออฟไลน์ Benesmee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กว่าจะอ่านตอนนี้จบเป็นอะไรที่อึดอัดมาก สุดๆ  :เฮ้อ:

เหมือนไม่ได้อ่านหมอกตี๋ เหมือนเป็นใครก็ไม่รู้ที่บังเอิญชื่อเหมือนกันเท่านั้น
จะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ไหม ยิ่งนับวันเหมือนทางออกของคู่นี้มันยิ่งเลือนลางลงทุกที  :o12:


ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
อึดอัด หน่วง เครียด หวังว่าสองคนจะประคับประคองกันจนผ่านไปได้

มันมีอะไรอ่ะ ข้างนอกรู้เรื่องตี๋กับหมอกแล้วเหรอ หรือพี่หมอกแค่พูดขึ้นมา ไม่น่าใช่นะ ดูมีอะไรมากกว่านั้น
โลกข้างนอกเป็นไงบ้้างเนี่ยตอนนี้ ยังหาความพอดีของสองคนไม่เจอ บางทีพี่หมอกก็น่าจะพูดหรือเล่าอะไร
ให้ตี๋ฟังบ้าง ถ้าร่วมกันคิดร่วมกันแก้อาจมีแนวทางที่ดีก็ได้ แต่ตี๋ก็มีสิ่งที่คิดและตัดสินใจไว้ส่วนหนึ่งในใจแล้ว
ที่คิดว่ามันอาจจะดีกับตัวหมอก ก็ไม่รู้อีกว่าพูดไปจะลงตัวกันอีกมั้ย...ตอนสองคนมีซัมติงกัน อารมณ์พี่หมอกแบบเจ็บปวดนะ
ตี๋ก็รู้ว่ายิ่งตี๋เจ็บพี่หมอกยิ่งเจ็บกว่า  :monkeysad: ยิ่งตี๋แย่ลง ไม่สบาย กินข้าวไม่ได้ พี่หมอกนี่หมดแล้ว
ของกินก็หาที่ชอบมาให้แต่คนมันเครียดมันก็กินยากอ่ะ เข้าใจตี๋ด้วย เข้าใจสองคนเลย ร้าวมากค่ะ  :m15:
พี่หมอกปล่อยตี๋กลับบ้านเหอะนะ

ขอบคุณนะคะ มาต่อเร็ว ๆ นะคะ  เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
เริ่มรู้สึกว่า ตี๋  คิดแต่เรื่องของตัวเอง..........
กว่าหมอกจะผ่านอะไรมาได้มันยากมาก...........
เข้าใจพี่เขาซะทีซิ..

ออฟไลน์ tumtok

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-4

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มันอึ้มครึ้มมั๊กๆอะบรรยากาศ

อ่านแล้วอัดอึด แล้วก็หน่วงๆ

ขอให้จบลงแบบ แฮปปี้เอนดิ้งนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด