เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]  (อ่าน 3283330 ครั้ง)

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
ทางออกมันอยู่ตรงไหน

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

แปลกดีนะ

ตอนที่เค้าไปเรียนต่อแล้วตามไปส่งไม่ทัน
แล้วก็ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นหลอกว่าเป็นคู่หมั้น---ถ้าจำไม่ผิดน่ะนะ

ตอนนั้นเสียใจมากเลยไม่ใช่เหรอ


แล้วตอนนี้เค้าต้องการให้มาอยู่ข้างๆ
คอยเป็นกำลังใจให้ในยามที่เค้าสู้กับปัญหา---แล้วทำไม...

ถ้ามาอยู่ด้วยแล้วทำไมต้องทิ้งแม่กับพี่ชาย
เค้ารวยจะตาย---ต่อไปแม่จะได้สบาย---เลิกขายโจ๊กซะที---พี่ก็จะได้ทำงานอย่างเดียวไม่ต้องช่วยแม่อีก
(จำไม่ได้ว่าเเม่เลิกขายโจ๊กยัง---ถ้าผิดก็ขออภัยด้วยนะ)

แล้วมาอยู่กับเค้าก็ใช่ว่าเราจะทำตัวเป็นคุณนาย---นั่งกินนอนกินซะเมื่อไหร่---ก็หาอะไรทำไปสิ
เค้าไม่ให้ไปทำงานนอกบ้านเหรอ---แค่งานบ้านอย่างเดียวก็ทำแทบไม่หวาดไม่ไหวแล้ว

เค้ามีคนรับใช้แล้ว---ใช่---แต่คุณก็ปรนนิบัติผัวตัวเองสิ
ทำกับข้าวให้ผัวกินเอง---เตรียมเสื้อผ้าให้ว่าวันนี้ใส่ชุดไหน

พอผัวไปทำงานถ้าขยันก็ไปปลูกต้นไม้---ตัดแต่งกิ่ง---รดน้ำต้นไม้---อะไรก็ว่าไป
เค้ามีคนสวนอยู่แล้ว---ก็ไปช่วยเค้าทำ---จะเป็นอะไรไป---ดีซะอีกจะได้สนิทกัน

เบื่อนักก็ซื้อหมา---แมวมาเลื้ยงให้อยู่บ้านเป็นเพื่อนตอนผัวไปทำงาน

บอกแม่ให้เลิกทำงานได้แล้ว---แก่แล้ว---เหนื่อยมามากแล้ว---มาอยู่ด้วยกันดีกว่า
ไม่ได้ให้มาอยู่เฉยๆซะเมื่อไหร่---มีอะไรทำก็ทำไปสิ---แก่ขนาดนั้นไปเข้าวัดเข้าวาก็ได้




กลัวคนอื่นๆมองว่าถ้ามาอยู่กับเค้าแล้วจะกลายเป็นมาเกาะเค้าเหรอ
ถ้าอย่างนั้นถามว่าแคร์อะไร---แคร์ใคร---แคร์ทำไม
ขอข้าวใครกินรึเปล่า---ขอเงินใครใช้รึเปล่า
คำตอบคือ---เปล่าเลย
แล้วจะแคร์เพื่อ ???

คนที่สมควรจะแคร์ที่สุดมีแค่สามคนกับอีกหนึ่งกลุ่ม
คนแรก---ผัว
คนที่สอง---แม่
คนสุดท้าย---พี่ชาย
อีกกลุ่มคือ---เพื่อนสนิททั้งรุ่นเดียวกัน---รุ่นพี่---รุ่นน้อง---แค่นี้---จบ


แคร์สังคมเหรอว่าเค้าจะมองยังไง
แคร์ผัวดีกว่าไหม

ตอนนี้เค้าเครียดกับปัญหามากมายจนหัวจะแตกตายอยู่แล้ว
แทนที่จะช่วยให้เค้าสบายใจเมื่ออยู่กับเรา
เค้าจะได้มีกำลังใจออกไปต่อสู้กับปัญหาได้ต่อ
นี่ทำตัวเรื่องมากมีปัญหา---คิดนู่น---คิดนี่

เพื่ออะไร---ศักดิ์ศรีเหรอ


ถ้าคนที่รักกันจริงน่ะนะ
เค้าไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้หรอก
บางอย่าง---ใช่---เราต้องมีศักดิ์ศรีของเรา
แต่บางครั้งมันก็มีข้อยกเว้น---เช่นในกรณีนี้

ตอนเค้าไม่อยู่จะเป็นจะตาย
แต่พอเค้าขอให้มาอยู่ด้วยกลับทำตัวเรื่องมาก
ในตอนที่เค้าต้องการกำลังใจไปสู้กับปัญหารอบด้าน
แทนที่กลับมาบ้านจะได้ผ่อนคลายบ้าง---กับกลายเป็นว่าต้องมาเจอปัญหาที่บ้านอีก


คนอื่นอาจจะคิดว่า---เราจะต้องไม่เสียตัวตนของเราไป
แต่เราคิดว่า---สำหรับความรักแล้วไม่มีได้---ไม่มีเสียหรอก

มีแค่คุณทำดีที่สุดแล้วหรือยัง---ทำเต็มที่แล้วหรือยัง
คนอื่นจะคิดยังไง---ช่างเขา---เราย่อมรู้ตัวของเราดีที่สุด
คนอื่นอาจจะมองว่าเราโง่---บ้า---ตาบอด
แต่พวกเค้าไม่มีทางรู้ดีไปกว่าเราแน่ว่า---อะไรคืออะไร

เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็รีบๆทำซะ
ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้คุณจะยังมีเค้าอยู่หรือเปล่า
อย่าปล่อยให้สายเกินไป---เพราะเวลามันย้อนกลับมาไม่ได้
เหมือนสายน้ำที่ไม่ไหลกลับ---กว่าจะรู้ค่าของมันก็ต่อเมื่อเสียมันไปแล้ว

อย่าทิฐิ---อย่าคิดแทนคนอื่น---อย่าคิดมาก---และสุดท้าย---อย่าเยอะ---จบมั๊ย


ปล. ไม่ได้ว่าคนแต่งนะคะ---แค่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องน่ะค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2012 13:26:42 โดย AGALIGO »

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
ความรู้สึกตอนนี้คืออึดอัดทรมาน
อยากจะบีบคอเขย่าคนเขียนแล้วถามว่า...

"เรื่องนี้จบแฮปปี้เอ็นดิ้งใช่ไหม?"

ถ้าไม่ใช่เราจะหยิกคนเขียนให้เนื้อเขียวเลย!

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ทำไมตอนนี้มันอึดอัดจังเลย

ออฟไลน์ pannuna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 449
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่นตอนนี้แล้วแบบคลุมเครือมาก

สงสารทั้งสอง :fire:

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
ความสนุกที่เคยได้รับหายไป

มาม่า วนเวียน ไปมา ไม่จบสิ้น


แทนที่ ตี๋จะโต จากที่เป็นคนไม่แคร์อะไรมาก กลายเป็นคน ที่ย่ำอยู่กับที่ ทุกอย่างหมุนรอบตัวเอง

ไม่รู้ๆ เลิกไปเหอะ หาคนใหม่ คนที่มันทำให้ตี๋มีศักดิ์ศรี เลี้ยงแม่กับพี่ได้


เพราะถ้าเลือกพี่หมอก ตี๋ต้องทิ้งทุกอย่าง พี่หมอกไม่ต้องเสียอะไรเลย ตี๋ทิ้งพี่เค้าไปเถอะ



เป็นคนชอบอ่าน ดราม่านะ แต่ถ้าพยายามยัดมากไป ก็ชักไม่สนุกแล้วซิ (จากใจ)

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
มันทั้งเศร้าและอึดอัดมากๆ

พี่หมอกเอาแต่ใจเกินไปนะ


ออฟไลน์ white choc~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-0
เกิดอาการหน่วงขึ้นในหัวใจ

มองท้องฟ้าก็ไม่สดใส

บรรยากาศรอบกายเป็นสีเทา

อร๊ายยยยยยยยย พี่หมอก น้องตี๋ เค้าอึดอัดอ่ะ  :sad4:

ออฟไลน์ AgotoZ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
 :m15: :m15: :m15:

น้ำตาไหลกะตอนนี้  ไม่ไหวแล้ว สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ  บีบคั้นหัวใจได้อีก....



ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
B.N.24



ข้างเตียง สิ่งที่วางไว้ คือกล่องสีที่ผมคุ้นตา กับสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่

อาหารเช้าในถาดวางอยู่ถัดไป ถึงจะไม่อยากกิน แต่ท้องร้องไม่หยุด กินไปได้แค่ครึ่งหนึ่ง ก็ต้องวางชามลง ยอมแพ้

ห้องเงียบเชียบ ไม่ใช่แค่ห้องนี้เท่านั้น แต่เป็นทั้งบ้านที่เงียบกริบ ผมไม่เห็นแม้แต่แม่บ้านที่ยังไม่เคยทักทาย

เอามือผลักหน้าต่างที่บันไดเบาๆ จังหวะที่คิดว่าคงถูกล็อคไว้ บานหน้าต่างก็เปิดออก ลมจากข้างนอกพัดเข้ามา ผมตื่นสาย แดดจึงแรงแสบตา มีไอร้อนเข้ามาด้วย

เดินลงบันได ประตูทางออกอยู่ห่างอีกแค่ไม่กี่ก้าว

ยืนมอง คิดว่าอาจจะเปิดออกไปได้ แต่ก็ตัดใจแค่นั้น หมุนตัวเดินกลับขึ้นไป

ดินสอยังไม่ถูกเหลา หยิบขึ้นมา เหลาด้วยกบเหลาดินสอ น่าแปลกที่ไม่ใช่คัทเตอร์ เปิดหน้าสมุดออก วางลงกับเตียง ไม่ได้จับดินสอแบบนี้มาสักพักใหญ่ นึกถึงสิ่งที่อยากวาดออก แต่ยังไม่ชัดเจนพอที่จะร่างเส้นลงไปได้

ร่างเร็วๆแค่สิบนาที ก็วาดเต็มแผ่นแรก วางดินสอ นั่งมองซักพักก็ฉีกกระดาษออกมา หน้ากระดาษใหม่ว่างเปล่า ร่างภาพเดิมทับลงไป แต่เปลี่ยนมุมมอง รู้สึกเหมือนยังไม่เข้าใกล้ภาพที่คิดไว้สักนิด

ฉีกแผ่นแล้วแผ่นเล่า บางทีก็นึกเสียดายว่าน่าจะลองวาดด้านหลังดู สมุดมีแค่เล่มเดียว เผลอๆก็เที่ยง มีแต่กระดาษเต็มพื้น

วาดไม่ออก

ไอ้เรื่องแบบนี้เคยเป็นมาก่อน จะรู้สึกเหมือนตกนรกถ้าใกล้วันเดตไลน์ แต่นี่ ทั้งๆที่มีภาพที่อยากวาดคิดอยู่ในหัวแล้ว แต่พอวาดไปได้ส่วนหนึ่ง ก็ไม่รู้สึกอยากวาดต่อ

ยื่นดินสอออกไป นอนแผ่กับเตียง ปิดตาลงหนึ่งข้าง วัดระยะด้วยดินสอแท่งนั้น

ทั้งๆที่วาดรูปมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยคิดว่าได้วาดสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆลงไปเสียที ได้แต่วาดตามสิ่งที่ต้องทำ วาดตามสิ่งที่ควรเป็น

แล้วจริงๆที่ผมอยากจะวาดลงไป คืออะไรกันแน่?

เส้นดินสอที่ถูกลากยาว หยุดลง วาดเส้นขมุกขมุยเหมือนยังตัดสินใจไม่ได้ลงไปแทน

ฟุบหน้าลงกับกระดาษ ได้กลิ่นเฉพาะตัวของกระดาษวาดรูปออกมา คิดถึง เหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน

ถ้าให้สารภาพตามตรง ผมคงต้องยอมรับว่าผมวาดรูปไม่เก่งเลยสักนิด ที่เอาตัวรอดมาได้ อาจคงเป็นเพราะไอเดีย กับเส้นบูดๆเบี้ยวๆ ผสมด้วยโชคนิดหน่อย

หลับตาลงสักพัก ก็ลืมตาขึ้น คว้าสมุด ดินสอลงไปที่ชั้นล่าง ทะเลอยู่แค่ข้างหน้านี้ แต่ผมไม่ได้เปิดประตูออกไป มองดูตอนนี้ มั่นใจแล้วว่ามันไม่ถูกล็อคเหมือนวันอื่น ลากเก้าอี้ เลื่อนจนแทบติดกับกระจก นั่งลง ยกเท้าสองข้างขึ้นมาบนเก้าอี้ วางสมุดพิงกับหัวเข่า

เส้นทับกันจนกลายเป็นสีดำ เส้นเล็กๆหลายเส้น สร้างรูปร่างขึ้นมา

ภาพทะเลเหมือนจะซ้อนทับเข้าไปในหัว ผมมองรูปที่ตัวเองวาด มันไม่ใช่ภาพวิวที่มองอยู่ แต่กลับเป็นภาพที่ดูไม่ออกว่าคืออะไร เป็นแบบนี้ซ้ำไปมาอยู่หลายแผ่น ผมฉีกหน้ากระดาษออก ปล่อยมันทิ้งลงกับพื้น แล้ววาดรูปใหม่ลงไป

ท้องฟ้าสีเข้มขึ้น

แม่บ้านเข้ามาตอนกลางวัน ช่วงเวลาสั้นๆที่ผมไม่ได้สนใจ เข้ามาเตรียมอาหารกลางวันแล้วออกไป เธอไม่แม้แต่จะสบตาผม แต่นั่นไม่สำคัญ เมื่อทั้งหมดที่ผมสนใจคือภาพที่วาดอยู่ ภาพที่ไม่รู้จะสื่ออะไรออกมา มันยุ่งเหยิง ไม่เป็นรูปทรง นั่งมองแล้วก็ต้องฉีกทิ้ง กระดาษแผ่นสุดท้าย ปลิวออกจากมือของผม ลงไปทับกระดาษแผ่นอื่น

เวลาผ่านไป จนถึงตอนนี้ต่อให้เพ่งสายตามองดู ก็ไม่เห็นทะเลแล้ว

ด้านนอกมืดสนิท ไม่มีแสงไฟใดๆที่ชายหาด มีเพียงโคมไฟรอบสวนที่ติดขึ้นอัตโนมัติ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ได้ยินเสียงประตูเปิด

พี่หมอกย่นหัวคิ้วทันทีที่เห็นหน้าผม ปิดประตูลง ทำหน้าเหมือนกำลังสับสนกับความคิดตัวเอง มองกระดาษที่อยู่รอบตัวผม น่าจะเดาได้ว่านั่งอยู่ตรงนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง เหวี่ยงกระเป๋าถือลงกับโซฟา แล้วทิ้งตัวลงนั่งตาม ผมนั่งมองเงียบๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปในเวลานี้หรือเปล่า

พี่หมอกยกมือขึ้นปิดหน้า ไม่เห็นว่าทำสีหน้าแบบไหนอยู่ ก้มลงมองกระดาษที่ปลายเท้าตัวเอง พิงหน้าเข้ากับเข่าอีกข้าง เขี่ยกระดาษเบาๆ ส่งเสียงไม่ให้ที่แห่งนี้เงียบเกินไป

“…กูคิดว่ากลับมา คงไม่ได้เห็นมึงแล้ว แต่มึงก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้…”

“ทำไม…”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ตอบได้แค่นั้นจริงๆ

อาหารเย็น เย็นชืดสมชื่อ ไม่รู้ผ่านไปเท่าไหร่ ผมกับพี่หมอกนั่งอยู่ที่ตำแหน่งของตัวเอง จ้องมองไปคนละทาง

หลับตาลง เปลี่ยนตำแหน่งที่แก้มพิงอยู่ รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ ผมลืมตามอง เพราะก้มหน้าอยู่ เลยเห็นกระจกสะท้อนแค่ส่วนเดียว พี่หมอกยืนอยู่ข้างหลัง ยื่นมือออกมา คิดว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ปลายนิ้วนั่นอาจสัมผัสที่ต้นคอผม

เสียงออดดังขึ้น โดยที่ไม่มีใครคิด

มือนั่นลดลง พี่หมอกถอยเท้าไป ผมเงยหน้าขึ้น หันไปมองตอบเงียบ

อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา หมุนตัว เดินไปตามเสียงออดที่กดรัวๆ

ได้ยินเสียงโวยวายที่หน้าบ้าน ลุกขึ้นช้าๆ ปวดขาไปเสียหมด คงเพราะนั่งหดขาอยู่ท่าเดิมทั้งวัน ประตูเปิดอยู่ ผมเดินผ่านออกไป

อากาศข้างนอก ลมแรงกว่าที่คิด เดินผ่านสวน เท้าเปล่า รู้สึกถึงความเย็นของก้อนหินที่เหยียบผ่าน

ได้ยินเสียงที่คุ้นหู เร่งเท้าออกไป

ท่าทางที่ยืนหลังโก่งๆ ทรงผมไม่คุ้นตา สีน้ำตาลอ่อน ซอยสั้น หูที่ยังเต็มไปด้วยต่างหูเล็กใหญ่นั่น แต่งตัวโดดเด่นกว่าชาวบ้าน ดูแค่นี้ก็รู้ว่าใคร

“พี่ฟิน?”

“นั่นใคร กูไม่รู้จัก”

พี่ฟินหันไปถามพี่หมอกที่ยืนอยู่ข้างประตูรั้ว ดูเหมือนคนฟังไม่คิดจะตอบคำถาม

“พี่มาทำอะไรที่นี่วะ?”

“…กูมารับมึงกลับบ้าน”

“…..เฮียบอกให้พี่มารับผมหรอ?”

“ไม่ใช่เฮียมึงหรอก” มีรอยสักรอบข้อมือเพิ่ม ตอนนี้พี่ฟินดูโตขึ้น ผมไม่ได้เห็นหน้าพี่เขามาเกือบสองปี ได้เจอในเวลานี้ เหนือความคาดหมายของผมไปเยอะ “คนนั้นต่างหาก ที่เรียกกูมารับมึง”

“…..”

พี่หมอกหลบสายตาไปทางอื่น

“ถ้ามึงไม่รีบ อาจพลาดรถเที่ยวสุดท้ายของคืนนี้นะ”

“…..”

หันไปมองพี่หมอก รอคำพูดอะไรสักอย่างให้หลุดออกมา แต่ก็ไม่มี ตอบผมด้วยไฟแช็คที่จุดขึ้นในความมืด บุหรี่ปล่อยควันลอยขึ้นไปในอากาศ แผ่วบาง แต่กลิ่นชัดเจนจนผมแทบสำลักออกมา บางที อาจมีแค่ผมคนเดียว ที่รู้สึกแบบนั้น

“กูออกไปสูบบุหรี่ก่อนแล้วกัน”

ไม่ใช่พี่หมอก เป็นพี่ฟินที่พูดออกมา

ปล่อยทิ้งเหลือแต่ความเงียบ

พี่หมอกเดินออกไป ผมหันมองตาม ยืนมองจนแผ่นหลังนั้นหายไปกับความมืดของสวน ประตูรั้วอยู่ห่างจากผมไม่ไกลนัก แต่กลับรู้สึกเหมือนผมมีแรงไม่มากพอที่จะเดินไปถึงที่ตรงนั้น

ขมวดคิ้ว มองเท้าตัวเอง ลมพัดแรงจนผมปลิววุ่นวาย ได้กลิ่นเกลือของทะเลที่ยังไม่เคยได้ลงไปเล่นน้ำ

พี่หมอกเดินกลับมาอีกครั้ง

ในมือถือรองเท้าคู่หนึ่งออกมา เดินเข้ามาใกล้ ควันบุหรี่ถูกพัดไปในทางเดียวกับที่เส้นผมนั่นปลิวตาม

ย่อตัวลงตรงหน้า วางรองเท้าคู่นั้นไว้กับพื้น ดึงข้อเท้าของผมที่ยังยื้ออยู่ สอดลงไปในรองเท้า เป็นรองเท้าของผมที่ใส่มา ดูใหม่ขึ้น อาจเป็นเพราะถูกขัดมาแล้ว ผมไม่สนว่าใครจะทำ เพราะมันไม่ได้สำคัญเลย

มือที่จับอยู่ที่ข้อเท้าผม ใช้เวลานาน ก่อนจะปล่อยออกไป เลื่อนไปที่ข้อเท้าอีกข้าง สวมรองเท้าให้เหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ดีที่พี่หมอกก้มอยู่ หยดน้ำร่วงจากตาผม ลงบนรองเท้า ห่างจากมือพี่หมอกไม่มาก ได้ยินเสียงพูดเบาๆ

“ฝนตกหรือไง…”

อีกหยด ที่ไม่ได้มาจากตัวผม ร่วงลงไม่ห่างกัน ไหลรวมเป็นหยดน้ำเล็กๆ กลิ้งตัวไปตามผิวรองเท้า

“ตกสิ ตกแรงด้วย”

ฝนคงพัดกระหน่ำ เสียจนพวกผมโงหน้ากันไม่ขึ้น

“บ้านหลังนี้ เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่แม่ได้จากพ่อ กูรู้ มึงชอบทะเล กูถึงพามาที่นี่ คิดว่ามันอาจจะทำให้เรื่องดีขึ้น”

มันไม่ได้เป็นแบบนั้น

เราทั้งคู่รู้ดี

“คิดว่าคงจะเปลี่ยนความคิดมึงได้ แต่มึงก็ยังเป็นมึง ต่อให้กูจะเข้มแข็งแค่ไหน ก็ไม่มีวันชนะมึงได้”

พูดแบบนั้นโดยที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา

“ถ้ายังฝืน บางทีทั้งกู ทั้งมึง อาจจะก้าวไปข้างหน้าไม่ได้จริงๆ”

“….มันแปลว่าเลิกกันหรอ?”

“มึงต้องการแบบนั้นหรือเปล่า”

 “ผมแค่อยากให้พี่มีความสุข…ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดี”

เสียงถอนหายใจยาว ควันสีเทาลอยออกมา คล้ายความหนักใจถูกปล่อยตามลม

“…มึงนี่มันไม่เคยเข้าใจอะไรเลยสินะ”

เพราะผมไม่เข้าใจอะไรเลย เลยหวัง อยากให้พี่อธิบายให้ผมฟัง

แม้แต่ในเวลาแบบนี้ ก็ยังไม่ยอมบอกเรื่องทั้งหมดออกมา เก็บไว้แค่คนเดียว ถ้าผมอยู่ต่อไป สักวัน ปัญหาที่อยู่บนบ่าพี่หมอกคงจะหนักจนแบกรับไว้ไม่ไหว

เสียงผมออกไปแค่คำเดียว ก็ถูกเสียงอื่นแทรก

“ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ..”

หันไปมองพี่ฟิน เห็นรอยยิ้มที่อยู่บนหน้านั้น เหมือนยิ้มปลอบใจ

“ไปกันเถอะ”

พูดแค่นั้นแล้วเดินไป หลังของพี่ฟิน มองจากช่องว่างประตูรั้วตรงนี้ ไม่เห็นแล้ว ขาแข็งเสียจนคิดว่าจะเดินก้าวต่อไปไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่คิดแบบนี้ ก็จะเข้าใกล้ประตูบานนั้นมากขึ้นหนึ่งก้าว

ไม่เห็นหน้า

พี่หมอกก้มหน้าต่ำ หยดน้ำอีกหยด ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ร่วงหล่น ดูคล้ายกับฝนจริงๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ไม่มีดาว แม้แต่พระจันทร์ยังมาแค่เสี้ยวเดียว ฝนอาจจะตกจริงๆก็ได้ แก้มถึงได้เปียกขนาดนี้ตอนเงยหน้าขึ้น

มือพี่หมอกผลักขาผม มือนั้นสั่น ผมรู้สึกได้

“ไปสิ”

เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน





…………………………………..
…………………………..


.............................
.......................................






“ตี๋ เอาถาดนี้ไปอบให้หน่อย”

“ครับๆ”

“อ่ะ เดี๋ยว เอาจานนี้ไปด้วย”

“ครับ ครับ”

ยกจานที่เหลือแต่ฟรอยด์เข้าไปหลังร้าน ที่ตรงนั้น มีพี่กิ๊ฟ พี่สาวพี่กวางอยู่อีกคน ผมยกถาดให้ พี่เขาก็ยิ้ม แล้วยื่นมือมารับถาดไป

“เดี๋ยวผมเอาจานไปล้างก่อนนะ”

“ขยันเกินไปหรือเปล่า?”

“ไม่หรอก ผมว่าง”

ได้ยินเสียงหัวเราะตามมา

ร้านเบเกอรี่ร้านเล็กๆ แต่อยู่ติดถนนใหญ่ มีลูกค้าไม่ขาด แต่ที่คิดว่าขาดจริงๆอาจเป็นพนักงาน ผมเลยกลายเป็นหนุ่มฮ็อตของร้านไปทันที

“อ้าว พี่โก้ มาอีกแล้ว งานการไม่ทำหรอครับ?”

“แหม คุณตี๋ครับ พูดจาสุภาพกับลูกค้าจังนะครับ”

ไอ้พี่โก้เซ็ตผมซะเป็นหัวเกาลัด ดูเหมือนทุกคนยังถนอมน้ำใจพี่โก้อยู่มากโขจนไม่กล้าพูดออกไปว่ามันไม่ได้เหมาะเลย พักเที่ยงก็ลงมาหา ถัดไปไม่ไกลมีออฟฟิศของพี่โก้อยู่  มองผมได้ซักสามนาที ก็หันไปมองพี่กวางต่อ

“กวาง วันนี้เราหิวจังเลย ไปกินข้าวกลางวันกับเรานะ คืนนี้เราต้องทำงานเลิกดึก เราคิดถึง”

ก่อนหน้านี้เห็นแทนตัวเองว่าผม ไม่รู้ทำไมตอนนี้กลายเป็นคำว่าเรา ดูสยองพิลึก

“ไม่ได้หรอก ต้องอยู่ทำงานสิ ถ้าอยากกินอะไร ก็ออกไปซื้อกินเองแล้วกัน”

“ใจร้ายจังเบย”

ทำปากยื่น ผมเห็นแบบนั้นก็อดแซวไม่ได้ “เบยพ่อง! ฮะฮ่าฮ่า”

พี่กวางเดินวกกลับไปที่หลังร้าน พี่โก้ยืนขวางแคชเชียร์เลยโดนลูกค้าสะกิด ผมทำหน้าที่ตั้งแต่เก็บเงิน เสริฟ เก็บจาน ล้างจาน ถ้าว่าง ก็จะมีโอกาสได้อบเค้ก แต่นอกจากนั้น ทำไม่เป็นซักกะอย่าง พี่กวางบอกเสาร์นี้จะสอนทำมาการูน ผมจ้องไอ้ขนมชิ้นเล็กๆที่อยู่ในตู้ ตอนกินมันง่าย แต่ไอ้ทำน่ะ ไม่ได้เหมือนอย่างที่เห็นสักนิด

“ขอบคุณครับ”

ยิ้มให้ลูกค้า เธอเป็นสาวออฟฟิศแถวนี้ อายุสี่สิบกว่าแล้ว ยังไม่ได้แต่งงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังแต่งตัวสวยทุกวัน จะมาที่ร้านทุกวันพุธ เจอประจำ

“ยิ้มหวานเชียวนะ”

“ผมอัธยาศัยดีต่างหาก”

“….ยิ้มก็ดีแล้วล่ะ”

ไอ้พี่โก้ยิ้มมุมปาก พิงตู้โชว์เค้ก คิดว่าเท่ แต่พอตู้เลื่อน ก็รีบเด้งตัวออกมา ดึงตู้ มองซ้ายขวา กลัวเมียจนตัวสั่น ผมเอามือช่วยดัน

“ผมไม่เป็นไรหรอก”

“เป็นแบบนั้นก็ดี”

ครึ่งปีที่แล้ว พี่กวางคิดจะเปิดร้านเบเกอรี่ แน่นอน ว่าพี่โก้สนับสนุนเต็มที่ มีพี่สาวมาช่วย แต่คนก็ยังน้อยเกินไป

พี่โก้ขับรถมาชวนผมถึงบ้าน ไอ้เรื่องตอนนั้นน่ะช่างมันเถอะ แต่อย่างน้อย ก็เปิดโอกาสให้ผมได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ผมคิดว่ามันสนุกเป็นบ้า ถึงตอนนี้ผมก็ยังวาดรูปอยู่ แต่แนวอาจเปลี่ยนไปบ้าง จากห้อง ตึก บ้าน เปลี่ยนเป็นโปสการ์ดใบเล็กๆ มันไม่ใช่ความคิดผมตอนแรก เป็นพี่กิ๊ฟท์ที่เห็นผมนั่งวาดรูปเค้กอยู่ เลยออกปากชวน

“มีข่าวมาบอกน่ะ”

“ข่าว? ข่าวบันเทิง? ข่าวกีฬา? หรือข่าวพระราชสำนัก”

“ข่าวไอ้หมอก”

“…….”

“ตอนนี้น่ะ มันปลดพวกคณะกรรมการเก่าๆที่อยู่มานานออกไปหลายคน ได้ยินมาว่าจะปรับโครงสร้างบริษัท แต่ทำแบบนี้ เผลอๆจะโดนพวกตาแก่ที่เหลือล็อบบี้ ถอดออกจากตำแหน่งเอา ถึงจะกว้านซื้อหุ้นมาก่อนหน้านี้แล้วก็เถอะ”

“…อืม”

“เห็นว่าที่ผ่านมาก็พยายามจะขุดเรื่องพวกที่โดนเด้งมาตลอด ไอ้แท็บเล็ตตัวก่อนหน้านี้ที่ภาพหลุดออกไปก่อน ก็มาจากพวกนี้ทั้งนั้น พวกนั้นเป็นตัวร้ายก็จริง แต่ในโลกเรา ก็ใช่ว่าพระเอกจะอยู่ได้จนจบ”

“พี่ แป็ปนะ เดี๋ยวค่อยคุยต่อ สวัสดีครับ”

เดินออกมาข้างหน้าเคาน์เตอร์ ยิ้มให้กับเด็กที่จูงมือแม่มา “ไปเลือกเค้กก่อนไหม?” “ครับ!” แม่นั่งลงกับเก้าอี้ ปล่อยให้เด็กไปกับผม สั่งสี่ก้อนติด จนคนเป็นแม่ทนไม่ไหว ต้องออกมาเลือกเองจนได้

ใกล้หมดเวลาพักของพนักงานบริษัท แต่ลูกค้าก็ยังไม่ลดลง ทำงานเต็มเวลา ผมไม่ได้เป็นแค่พนักงานในร้านนี้ เป็นเจ้าของร้านนี้ส่วนหนึ่ง เลยอยากทำให้เต็มที่

พี่กิ๊ฟถูกผู้ชายจีบอีกแล้ว ที่ไม่ค่อยมีใครมาขายผลิตภัณฑ์หุงต้มกับพี่กวางเท่าไหร่คงเป็นเพราะพี่โก้กร่างไว้เยอะ ลูกค้าบางตาลงก็ตอนบ่ายสอง พี่โก้ยังไม่ไปไหน คุยกับพี่กวางไม่หยุด ทำอย่างกับพึ่งจีบกัน

ผมเดินออกมาส่งพี่โก้ที่หน้าร้าน จะออกมาลบป้ายกระดานดำที่หน้าร้านด้วย มัฟฟิน เมนูพิเศษวันนี้ หมดตั้งแต่ครึ่งวัน ลูกค้าเข้ามาถามคงเสียเวลาเปล่า

“ตี๋”

“ครับ”

“บางที สิ่งที่ตี๋คิดตอนนั้น อาจจะถูกแล้วก็ได้”

“…เรื่องไหน?”

“ถ้ายังคบกันอยู่ หมอกอาจจะ แค่อาจจะนะ อาจจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนานจนถึงตอนนี้ แค่นี้ก็นานเกินกว่าใครทำนายไว้แล้ว”

“…..”

ที่ถนน คนเดินผ่านไปมา ไม่มีใครสนใจเราสองคนสักนิด เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ในเมืองใหญ่ๆ บทบาทเล็กๆที่เราดำเนินไป แทบไม่มีใครรู้สึก

ต่างกัน

ผมต่างกันกับคนๆนั้น  บางทีอาจจะมากเกินไปหน่อย

ผมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ถึงจะพูดแบบนั้น แต่อีกฝ่ายก็เปลี่ยน เราไม่เคยติดต่อกันอีก จนถึงทุกวันนี้ ผมก็คงอาจจะเห็นบ้าง ถ้ามีโอกาสได้ดูข่าว ยังคงเป็นคนดัง ข่าวฉาว ข่าวดี หรือไอ้เรื่องที่เป็นไอดอลของวัยรุ่นนั้นน่ะ ถ้าไม่ได้เปิดทีวีหรืออ่านหนังสือซุบซิบ ผมก็ไม่มีทางรู้เลย

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน ที่มีใครบางคนพูดชื่อของเขาออกมาชัดๆขนาดนี้กับผม

“เดี๋ยว พี่โก้ อย่าพึ่งไป”

“หืม?”

ทั้งๆที่เดินออกไปแล้ว แต่พอได้ยินเสียงผมเรียก ก็หยุดเท้า วิ่งเข้าไปในร้าน หยิบกล่องกระดาษ ตักเค้กชิ้นเล็กๆวางลงไป ใส่ถุงแล้ววิ่งกลับออกมา ยื่นถุงนั้นให้ พี่โก้เลิกคิ้ว แต่ก็รับไป

“เค้กนี้ ผมอบเองเลย”

“ไว้แต่งหน้าเค้กเองค่อยมาอวดเหอะ ไอ้เด็กน้อย”

“ล้างปากรอไว้เลย อีกไม่นานหรอก”

พี่โก้ยกถุงขึ้นชู เดินหันหลังออกไป เท่ซะไม่มีเหลือ ผมได้แต่หัวเราะ

ไอ้เคิ่ลไปแคนาดาแล้ว สัปดาห์ก่อนพึ่งส่งรูปมา เป็นรูปที่สามตั้งแต่ไปอยู่ที่นั้นที่พวกเราได้รับ ยิ้มอยู่กับสาวผมบลอนด์ ตอนแรกเข้าใจไปไกล ที่แท้ก็แค่ลูกพี่ลูกน้อง พวกผมเกือบตัวเต้นด้วยความอิจฉา

ถ้ามันจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ

ไอ้โจ๋ ขยันทำงาน ได้เลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างจากไอ้กล้วย ที่เข้าทำงานสายหวิดใบแดงมาหลายรอบ ยังทำตัวน่าหวาดเสียวแบบนี้ตั้งแต่เรียนยังทำงาน ติดลึกยิ่งกว่าสันดาน แก้ยังไงก็ไม่หาย ได้แต่พกเอาความกลุ้มใจมานั่งคุยในวงเหล้า ผลที่ได้ คือการตื่นเที่ยงในวันถัดไป

กลับไปสู่ชีวิตราบเรียบปกติ บางครั้งได้แต่หวังว่าวันพรุ่งนี้อาจมีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งมันก็มี’บ้าง’จริงๆ อย่างตอนที่ต้องวิ่งตามลูกค้าที่ลืมจ่ายเงิน  ทำจานเค้กคว่ำตอนเสริฟ หรือตอนที่แก้วน้ำตกแตก

ม๊าดูจะชอบงานใหม่ผมมากกว่า กลับบ้านเป็นเวลา ไม่มีทำงานข้ามคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เฮียก็ปลื้มที่จะได้กินเค้กฟรี อ้วนเอาอ้วนเอา จนพุงกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เห็นเฮียแล้วก็อดนึกสงสัยไม่ได้

พี่ฟินหลบหน้าเฮีย

วันนั้น พี่ฟินไม่เดินเฉียดเข้าตัวบ้าน บอกแค่ว่า “กูเข้าไปไม่ได้หรอก พระบ้านมึงแรง” แล้วก็เดินหายไปเงียบๆ จนถึงตอนนี้ ต่อให้จะพยายามติดต่อแค่ไหน ก็ไร้ประโยชน์

ร้านที่กำลังจะปิด ไฟดวงสุดท้าย อยู่เหนือโต๊ะที่กลางร้าน

โทรศัพท์ในร้านดังขึ้น พี่กวางรีบออกมารับ ผมมองพี่กวางที่มองหันซ้ายหันขวา เลยยื่นกระดาษให้ เธอคว้าปากกาจากอีกฝั่ง จดลงไป

“ค่ะ เท่าเดิม ที่เดิมนะคะ เดี๋ยวไปส่งให้ค่ะ”

วางสาย เห็นผมมองอยู่ ก็รีบอธิบายให้ฟัง

“ลูกค้าโทรมาสั่งเค้กน่ะ”

“โทรสั่งดึกจัง”

“สั่งเวลานี้เกือบทุกวันนั้นแหละ ปกติตี๋กลับเร็ว อยู่ไม่ทันลูกค้าคนนี้ พี่ก็ไม่ได้บอกให้ฟังด้วย โทษทีนะ”

ยี่สิบชิ้น สั่งทุกวัน สั่งไปเลี้ยงช้างที่ไหนวะเนี่ย?

“ตี๋ พี่วานอะไรหน่อยสิ”

แบกกระเป๋าขึ้นหลัง กำลังจะเดินออกจากร้านก็ถูกเรียกไว้

“วันนี้โก้เขาไม่วางไปส่งพร้อมพี่ ทางนั้นเป็นทางกลับบ้านตี๋ พี่ฝากไปด้วยเลยได้ไหม?”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา จดที่อยู่มาให้ผม เดี๋ยวผมไปเอง”

เธอยิ้ม แค่เห็นรอยยิ้มนี้ก็เข้าใจว่าทำไมพี่โก้ถึงเรื่องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้

ยกถุงเค้กอย่างระมัดระวัง ปากคาบกระดาษที่อยู่ไว้ กวักมือเรียกแท็กซี่ตั้งแต่หน้าร้าน ตอนกลางวันถนนแถวนี้พลุกพล่าน ตอนกลางคืนกลับเงียบกริบ ให้พี่กวางพี่กิ๊ฟท์รีบกลับบ้านน่ะดีแล้ว ดึกๆอันตราย

วางถุงเค้กเข้าไปก่อนแล้วยื่นกระดาษที่อยู่ในพี่แท็กซี่ รถขับออกไป กระดาษแผ่นนั้นไม่ได้ถูกส่งคืนให้ผม พี่แท็กพับแล้วเสียบมันไว้ตรงเกียร์

สโลนแกนร้านส่งฟรี จึงได้แต่ขอให้รถไม่ติด

โชคเข้าข้างผม แค่สิบนาทีก็ถึง เห็นตึกแล้วก็ได้แต่ยืนหน้าไปถาม “ตรงนี้จริงๆหรอครับ” ตึกสูง แต่ไฟยังเปิดสว่างจ้า ผมจำได้ที่พี่กวางบอก “ชั้นยี่สิบสี่” ปลายทางของผม

“จริงสิ อ่ะ ดูนี่”

กางกระดาษแผ่นนั้นให้ผมดู

ดีครับดี ถ้าจะบังเอิญขนาดนี้

ผมเดินลงจากแท็กซี่ เค้กอยู่ในมือสองข้าง ไม่มีทางอื่น นอกจากเดินเข้าไป

ผ่านป้ายหินอ่อนแผ่นใหญ่ที่ติดไฟสีอ่อน ดูคล้ายกับป้ายหน้าโรงแรมหรูๆสักแห่ง




‘T.K.Group’





……………………………………..
………………………..



[B.N.24 : complete]
[25.11.55]




หลุดออกมาหายใจ เฮ้ออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
แปะะะ
____________
เห้ยยยยยยยยยยยยนี่มันอะไรก๊านนนนนนนนนนนนนน
เลิกกันแล้วเหรอ ???? หรือห่าง?  ว็อทททท วายยยยย  :z3: :z3: :z3:
พี่ฟิน!!!!! โผล่มาได้เหนือความคาดหมายมาก อาร์ตตัวพ่อ
ฉากที่พี่หมอกใส่รองเท้าให้ตี๋นี่ น้ำตาจะไหลตาม ทำไมมมมมมม วายยยยยTTTTT?

ดิท
ถ้าแค่ห่างเจอกันครั้งหน้าก็คงดีๆกันได้แล้วเนอะ ???
ิอยากให้หมดช่วงอึมครึมไวๆ เห้อออออ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2012 19:30:55 โดย RGB.__ »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
สู้ๆนะเฮ่ยยย


ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
อยู่ห่างกันซักพักก็ดีนะ  เผื่อแต่ละคนจะได้ใช้เวลาทบทวนสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น  หวังว่าเรื่องนี้จะแฮปปี้เอนดิ้งเน้อออออออ  อิอิ

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
เห้ออออออออออออออออออออออออออออ
แค่ห่างกัน ??? เลิกกัน ??? :z3:
ใกล้หรือยัง ใกล้จะเจอทางออกที่มีอันน้อยนิดบ้างหรือยัง
จะไม่ไหวแล้วนะะ ฮรืออออออออออ  :sad2: :sad2:

sailordonut

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ค้างง่ะ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:  o22 o22 o22 o22 o22 o22

ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ไหวจะลุ้นแล้ว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ elfonofle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
จะเจอกันอีกแล้ววว
ดีกันนะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ minipuri

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ความสุขกำลังกลับมาใช่ม๊ายยยยยย :z2:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
สับสน งง และ สงสารรรรรรร  :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ไม่ไหวแล้ว ยิ่งตอนพี่หมอกใส่รองเท้าให้ตี๋น้ำตาจะไหลตาม  :o12:

เมื่อไรทั้งคู่จะสมหวังงงงง :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ irksome

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ห่างออกมาให้ได้ทบทวนอะไรๆก่อน
อาจจะดีกว่าฝืนดันทุรังความคิดตัวเองต่อไป

พี่หมอกมีการแอบสั่งเค้กด้วย
ยังรักกันยังไงก็แฮปปี้เอนดิ้งใช่มั้ยยยย  :z2:

pimmae12

  • บุคคลทั่วไป
ค้างงงงงงงงงงง
แอบอยากอ่านพี่ฟินกับเฮียจัง อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน

แต่ก็จริงนะ ถ้าวันนั้นตี๋ไม่เดินออกมาพี่หมอกอาจจะมาได้ไม่ไกลเท่านี้
แต่ในความคิดเรา ถ้ามาไกลแล้วไม่มีความสุข
จะทำไปเพื่ออะไรอ่า ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะทั้งคู่

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ววววววววววววววววว

ออฟไลน์ Gaem

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4

ออฟไลน์ none_ny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
โอยยยย เครียดแทน เมื่อไรคนเขียนจะมาต่ออ่ะ > <

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
จุดจบมาแล้ว และจุดเริ่มต้นก็กำลังจะมา....ใช่มั้ย :z3:

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
หมดคำจะคอนเมนท์....









จริงๆนะ  ToT

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
 o18 มาม่ากำลังจะหมดแล้วใช่ปะ........เย้เย้  :กอด1: :กอด1: :L2:
ขอดีใจล่วงหน้า :impress3:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ค่อยหายใจโล่งหน่อย
ดึงดันไปก็ไร้ประโยชน์
ต่างคนต่างอยู่ ต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป
ใจเย็นลงแล้ว สติมา ปัญญาเกิด
เจอกันคราวหน้าหวังว่าจะได้ชิมอะไรหอม ๆ หวาน ๆ บ้าง
ไหน ๆ ตี๋ก็ทำงานร้านเค็กแล้ว คงไม่เสิร์ฟมาม่าแล้วเนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2012 20:20:17 โดย malula »

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
อึดอัดสุดๆทำไมตี๋กับหมอกถึงเป็นแบบนี้ไปได้

ออฟไลน์ kitten1216

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
อ๊าก ยิ่งอ่านยิ่ง ดราม่า
ไม่ไหวค่ะ หัวใจจะวาย
ลุ้นสุดตัว
>.<

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด