เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เงินน่ะ..มีไหมวะ?! [Last/P.377/7.10.59]  (อ่าน 3283364 ครั้ง)

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ uzosou

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สนุกโครตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตตต

ชอบมากอะ คือเรารู้สึกว่ามันก็ดราม่า แต่ยังเป็นดราม่าที่มีเหตุและผลที่รับได้

เพราะเราเชื่อว่าคนแต่งจะไม่ทำร้ายเรา ยัไงพี่หมอกกบตี๋ก็จะได้คู่กัน (ขู่) ฮ่าๆๆ

ชอบคาแรคเตอร์ตี๋มาก อ่านเรื่องนี้เรารู้สึกว่าถ้าไม่ใช่ตี๋ก็คงอยู่กับพี่หมอกไม่รอด

เราว่าตี๋ใจเย็น เวลาพี่หมอกร้อน ตี๋ก็จะพูดให้ขำ ให้หายโกรธ ซึ่งแบบมันน่ารัก

เป็นเด็กผู้ชายที่มองโลกในแง่ดี ชอบมากๆ คืออ่านเรื่องนี้ทีไร พอเวลาเราโมโหใครเราจะนึกถึงตี๋อะ

แล้วจะแบบใจเย็นลงเลย ส่วนพี่หมอกน่าร้ากกกกมากกก

เสียอย่างเดียวขี้หวงไปหน่อย ฮ่าๆๆ แต่ก็เข้าใจ เพราะโลกทั้งใบของพี่หมอกคือตี๋นี่เนอะ T^T

เราชอบอ่านพวกตอนพิเศษที่แบบเป็นตัวละครอื่นบรรยายว่ามองตี๋กับพี่หมอกยังไง คือมมันน่ารักมาก

ชอบเวลาเป็นตอนพี่หมอกบรรยายด้วย มันดูเท่ห์ อบอุ่น บอกไม่ถูกอ่ะ อั่กๆๆ

เดี๋ยวจะรีบไปสั่งหนังสือเลยอ่านจบแล้ว ฮ่าๆๆ

อยากอ่านBank note ต่อไวๆ ค้างมากๆๆๆๆๆๆๆ สนุกมากกก

สู้ๆนะคนแต่ง : )

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5
B.N.25



ลมพัดวูบใหญ่ ทรงผมที่ตัดมาใหม่สั้น เป็นทรงผมที่เจ๊เจ้าของร้านคะยั้นคะยอให้ตัด บอกว่าอยากลองทรงผมเกาหลีใหม่ๆ ได้ราคาพิเศษมา หน้ามาไม่ปรกลงมา ต่อให้ลมแรงแค่ไหน ผมก็ไม่ปรกเข้าตา รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

ยกถุงเค้กสองถุง เดินขึ้นบันไดไป ยังไม่ได้เข้าไปในตัวตึก เห็นรปภ.ยืนอยู่ไม่ห่างนัก พอเห็นผมจ้อง ก็หันกลับมามอง เดินมองซ้ายมองขวาเข้าไปหา พี่แกหลบสายตา เลยแกล้งไอเบาๆ ให้ปลายสายตานั้นกลับมา

“พี่ครับ รบกวนหน่อยนะครับ คือ ผมมาส่งเค้กครับพี่—“

“งั้นเข้าไปเลย แต่ต้องแลกบัตรประชาชนนะ”

“เอ่อ ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือตอนนี้ผมรีบม้าก---มาก ฝากพี่เอาขึ้นไปส่งหน่อยได้ไหมครับ?”

“อ้าว ทำไมน้องไปขึ้นเองล่ะ พี่ก็ต้องทำงานตรงนี้เหมือนกัน”

“เดี๋ยวผมยืนเฝ้าตรงนี้ให้ แลกงานกันแป็ปนึง”

“….แต่….”

“ร้อยนึง”

“มา ส่งถุงมา”

ถึงจะเสียดายค่าส่งที่ถูกขูดรีด พยักหน้าอย่างลังเล ถุงเค้กก็ถูกดึงออกไป

“ชั้น 24 นะพี่”

พี่ยามขมวดคิ้ว จ้องมองถุงเค้กสลับกับหน้าผมรอบหนึ่ง แม้จะยังดูสงสัย แต่ก็พูดตอบกลับเบาๆ

“เออๆ ได้”

มองแผ่นหลังพี่ยามที่หายเข้าไปในประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องสักนิด

………………………………….
……………………….


“ขอโทษจริงๆนะตี๋”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”

พี่กิ๊ฟท์แขนหัก ตกบันไดเมื่อคืน สาเหตุคลุมเครือ แต่ไม่กล้าพอที่จะถามต่อ วันนี้งานส่วนที่พี่กิ๊ฟท์ทำ จึงต้องแบ่งกันระหว่างผมกับพี่กวาง

ทำงานจนดึก พร้อมปิดร้าน นั่งกันอยู่ที่โต๊ะตัวเดิม พี่กิ๊ฟท์ใช้มือซ้ายทำงาน ไม่ถนัด พี่กวางจึงเข้าไปช่วย ยกกระเป๋าผมที่วางบนเก้าอี้ตัวนั้นออก เห็นของในกระเป๋าก็หันมาถาม

“พี่เปิดดูได้ไหม?”

ยื่นหน้าจากหลังครัวออกมามอง เห็นพี่กวางชูสมุดวาดเขียน ผมพยักหน้า “แต่อาจไม่ค่อยสวยนะ ผมกำลังลองแบบใหม่อยู่”

ได้ยินเสียง “ว้าว” เบาๆ ทำเป็นไม่ได้ยิน แอบยิ้มอยู่คนเดียว ตอนดันถาดเข้าไปในตู้

“พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับ?”

“….ตี๋ไม่กลับไปเป็นสถาปัตย์ต่อแล้วหรอ?”

เงียบไปพักใหญ่ เสียงแอร์เบาๆ ไฟสีส้มอ่อน ทำให้ร้านเค้กนี้ดูอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พี่กวางไม่ใช่คนแปลกหน้า ถือว่าเป็นคนที่ผมต้องขอบคุณด้วยซ้ำ ยกเก้าอี้ขึ้นพลิกแล้ววางบนโต๊ะ เห็นเงาของสองคนนั้นผ่านกระจกร้าน ด้านนอกมืด เลยดูคล้ายกระจกสะท้อน

“ผมว่าผมก็ยังเป็นอยู่นะ แต่อาจจะแค่พักงาน ตอนนี้ผมกำลังชอบเค้กพวกนี้เลย ใครจะไปคิดว่าไอ้ที่กินอยู่ทุกวันจะทำยากแบบนี้”

พี่กวางไม่ได้ตอบอะไรกลับ ผมเดินออกไปหยิบสมุดบัญชี ยื่นให้ถึงโต๊ะ ก็เจอรอยยิ้มที่แปลความหมายไม่ออกอยู่

“อย่ายิ้มหวานให้ผมนะ เดี๋ยวผมจะกลายเป็นมือที่สามเอา”

“ถ้าเป็นตี๋ พี่อาจจะลองคิดดูนะ”

“อย่าเลยพี่ ผมกลัวพี่โก้ตะปบเอา” ได้ยินเสียงหัวเราะจากพี่กิ๊ฟท์ หัวเราะคิกคัก พี่กวางรีบพูดต่อ

“พี่กิ๊ฟท์ก็ยังว่างนะ”

“ครับ?”

“กวาง ไม่เอาน่า”

ไม่เข้าใจว่าสาวๆเล่นอะไรกัน ได้แต่ทำหน้างง เอาขยะออกไปทิ้ง กลับเข้ามาก็เห็นพี่กวางรับโทรศัพท์อยู่ ในเวลาแบบนี้ มองนาฬิกาไม้ที่พอเที่ยงวันจะมีนกบินออกมาจากเหนือแป้นนาฬิกานั่น สี่ทุ่มครึ่ง เดาปลายสายได้

“ตี๋ ไปส่งให้พี่หน่อยสิ”

“เจ้าเดิม?”

“ใช่ จำได้ใช่ไหม?”

เงียบไปสักพักจนพี่กวางเอียงคอมอง เลยได้แต่พยักหน้าช้าๆ

“คืนนี้พี่คงต้องไปนอนดูแลพี่กิ๊ฟท์….เฮ้อ ซุ่มซ่ามแบบนี้รีบๆหาคนมาดูแลสักทีเถอะ”

“เงียบไปเลยกวาง!”

“กวางแค่พูดเล่นเฉยๆเอง พี่กิ๊ฟท์จะร้อนตัวทำไม?”

เห็นพี่กิ๊ฟท์อมลมจนแก้มป่อง คิดจะแซวอะไรออกไป ก็ถูกพี่กวางดึงแขนเสื้อ มาช่วยหยิบเค้กใส่ถุง

“ลูกค้าได้บอกชื่อไว้หรือเปล่าพี่ ผมอยากรู้จริง ใครมันจะสั่งดึกขนาดนี้ ไม่อ้วนตายหรือไง?”

“พี่ว่าไม่น่าใช่ เป็นเสียงผู้หญิง ออกสำเนียงภาษาอังกฤษชัดสุดๆ ตอนแรกนึกว่าฝรั่ง” ผมนึก ใครกันวะ ไม่เห็นจะมีในตัวเลือกสักคน บางทีอาจจะไม่ใช่คนที่รู้จัก ไม่น่าใช่อยู่แล้ว “สั่งเยอะขนาดนี้คงกินกันทั้งแผนก” แต่ละวัน จะสั่งแตกต่างเมนูกันไป แต่ที่ยังไม่เปลี่ยนคือเค้ก Double chocolate cake ที่ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งชิ้น

นึกถึง….ไม่ ผมไม่ได้นึกถึงใคร พี่กวางสะกิดแขน ผมยื่นมือไปรับถุงเค้กใหญ่ๆนั่น

“ฝากไปส่งด้วยนะจ๊ะ”

เห็นรอยยิ้มนั้นแล้ว ผมก็กลืนน้ำลายที่ฝืดคอลงไป


…………………………….
………………………..


ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่สิบแล้วที่ผมมาส่งเค้ก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ยามส่ายหัวตอบ

“ไม่ได้หรอกน้อง หัวหน้าพี่บ่นแล้ว”

“อีกครั้งเดียวเอง จริงๆ”

“เมื่อวานน้องก็พูดแบบนี้ ขึ้นไปเลย เดี๋ยวพี่ไปส่งพี่ลิฟท์”

เดินตามเข้าไป รู้สึกเหมือนขึ้นเขียง

ผมไม่เคยเข้ามาในตึกนี้ เห็นบางครั้งตอนนั่งรถเมล์ผ่าน ได้แต่แหงนคอมองดูยอดตึก ถึงภาพลักษณ์จะหรูหรา แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันก็จะมีมนุษย์เงินเดือนเดินหิวโหย พุ่งมาร้านยำรถเข็นสุดฮิต ถัดออกไปอีกสองบล็อกถนน มีตลาดนัดไซส์มินิอยู่ แน่นหนาตลอด จึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าในตึกนี้จะมีอุณหภูมิที่แสนจะหนาวเหน็บ พ่นแอร์ชนิดที่ว่าไม่รู้จักวิกฤตการณ์โลกร้อน พื้นหินอ่อน แต่แข็งโป้กจนได้ยินเสียงพื้นรองเท้าส้นสูงของสาวๆที่เดินหน้าเซ็ง ดึกแบบนี้ยังต้องทำงาน ไม่ว่าใครก็คงจะเบื่อ

ในลิฟท์ กระจกสามด้าน ประตูลิฟท์ถ้าขัดมันกว่านี้ คงจะกลายเป็นกระจกสี่มุม กล้องวงจรปิดที่ผนังบนซ้าย เงยหน้าขึ้นมอง นึกถึงหน้าคนที่กำลังมองตอบอีกฝาก คงจะเป็นหัวหน้ายามที่ถูกพูดถึง

ชั้น 24 ไม่ใช่ชั้นสูงสุด เสียงดังกิ๊ง ประตูลิฟท์เปิด ทางเดินยาว ตรงไปที่ห้องสุดปลายทางเดิน สองข้างทางเป็นห้องประชุม ถ้าให้ผมเดา พี่ยามไม่ยอมออกมา ส่ายหน้า ถึงจะลากแขนก็ยังเกาะแน่น บอก “ชั้นนี้พี่ไม่เคยมา” แล้วหน้าอย่างผมพี่คิดว่าเคย? อย่าครับ อย่าปฏิเสธผม พี่ยามสลัดมือผมออกแล้วผลักผมออกมาเบาๆ ประตูลิฟท์ปิดทันที

เหมือนโดนทิ้งไว้คนเดียว

ไม่ได้ยินเสียงใคร เรียกเบาๆ “ขอโทษนะครับ” เสียงก้องไปมา ตอนนี้ใครก็ได้ ตอบผมสักคนก็ยังดี

สงสัยว่าปกติเค้กเดินทางมาถึงชั้นนี้ได้ยังไง เดินไปอีกก้าว ก้าวแล้วก้าวเล่า ก็ยังไม่ไปถึงห้องตรงปลายทางซักที ผมไม่รู้หรอกว่าห้องสุดทางเดินใช้จุดหมายของผมหรือเปล่า แต่ตอนนี้ ถ้าผมเจอใครสักคนเข้าล่ะก็ ผมจะยัดเค้กสองถุงนี้ให้อย่างไม่ลังเล

เปิดประตูกระจกสุดทางเดินเข้าไป ห้องกว้างที่มีสองโต๊ะตั้งตรงข้ามกัน กระดาษไหลลงมาจนถึงพื้น เห็นวิวพื้นข้างล่างผ่านกระจกที่สูงเกือบเท่าคนยืน ชั้นหนังสือ กรอบรูป มองดู ไม่เห็นอะไรนอกจากรูปตึกๆนี้กับโรงงานอีกสองสามแห่ง ผู้ก่อตั้งบริษัท โน๊ตบุ๊ค จอคอมพิวเตอร์อย่างต่ำสี่จอ ทำให้รู้สึกเหมือนเหยียบเข้ามาในห้องทำงานขององค์กรลับ ตบแต่งห้องที่กว้างอยู่แล้ว ให้ดูกว้างอีกจนดูวังเวง

มีประตูไม้ทึบอีกบาน ลึกไปอีก ที่ยังไม่ถูกเปิด

เริ่มระแคะระคายในระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัทนี้ คนแปลกหน้าเดินโต๋เต๋มาจนถึงห้องชั้นสูงขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีใครสนใจสักคน

หน้าห้องเขียนตำแหน่งไว้ ผมไม่ได้ยืนใกล้พอที่จะอ่านตัวอักษรสีเงินนั่นเห็น คงต้องเลือกแล้วว่าจะวางที่โต๊ะไหนสักโต๊ะ เดินเข้าไปทางโต๊ะที่ใกล้เท้ามากกว่า กองแฟ้มวางกะเทเร่ ถ้าลองวางอะไรผิดแรงทางฟิสิกส์ลงไปอีกชิ้น คงได้ล้มโครม

“ขอโทษครับ”

“ครับ?”

“อ้าว”

แค่นั้นที่หลุดออกมา

“ผ..ผมเอาเค้กมาส่งนะครับ”

พี่แพน ใช่ ผมจำได้ ทำหน้าไม่ถูกตอนที่เห็นผมอยู่ที่นี่ มองถุงเค้กที่ถืออยู่ “อ่อ”

ไม่มีคำพูดอะไรออกมาอีก ไม่มีคำทักทาย กลายเป็นแค่คนไม่รู้จักกัน

“งั้นผมไปแล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ”

“…..”

แทบจะวิ่งออกจากตรงนั้น

กดลิฟท์ รอไม่นาน เหมือนมีลิฟท์ส่วนตัวของชั้นนี้ วิ่งลงไปถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว

หัวใจแทบจะระเบิดออกมา

นี้ไม่ใช่แม้แต่เขาคนนั้นด้วยซ้ำ แค่เห็นสถานที่ที่เขาต้องมาทำงานทุกวัน คนที่อยู่รอบๆตัว แค่นี้  ก็เล่นเอาตัวสั่น นึกไม่ออกว่าถ้าเจอกันตรงๆ ผมจะทำตัวยังไง หัวตอนนั้นคงจะว่างเปล่า หยุดการทำงานลงดื้อๆ

ประตูลิฟท์เปิดที่ชั้นล่างสุด มองซ้ายขวา เห็นพี่ยามที่ยังยืนรออย่างเป็นห่วง “ไง โอเคไหม?”

“โอเค?”

“ไม่เจอใช่ไหม? พายุบนนั้นนะ”

“พายุ?”

“ท่านประธานไง ใครๆก็รู้ เวลาทำงาน ถ้ารักตัวกลัวตายอย่าเฉียดเข้าไปใกล้”

“…ผมไม่เจอ”

ถอนหายใจ ยิ้มแล้วตบไหล่ให้ผม “ดีแล้วๆ โชคดีชะมัด ปกติจะฝากพี่คนสวยคนนั้นไป แต่วันก่อน..เฮ้อ ช่างมันเถอะ เป็นแค่ยามก็โดนสาวออฟฟิศอกหักอย่างนี้แหละ”

ตบไหล่คืน “ไม่เป็นไรพี่ ผมเข้าใจ” หรอ เข้าใจหรอ? พยักหน้าตอบกลับอีก “ผมกลับแล้วนะ” ออกมายืนโบกมือลาจนถึงตอนที่ผมเดินไปป้ายรถเมล์ มองจากข้างนอกแบบนี้ จะเห็นว่าไฟบางชั้นปิดไปแล้ว แต่ชั้นที่นับลงมาจากบนสุดสองชั้น ยังเปิดไฟสว่าง และคิดว่าคงจะเปิดแบบนี้ทั้งคืน

รถเมล์ เปิดเพลงลูกทุ่งอกหักเสียงดังลั่นจนกระเป๋ารถเมล์ต้องตะโกนคุยกับคนขับ รถเอียงไปมา เอาเท้ายันพื้นไม้ไว้ ดูไม่น่าไว้ใจจนเหมือนจะหักลงไป แทบไม่มีคนบนนี้ นานๆทีจะมีคนโบกขึ้นมา

มองเห็นแค่ปลายผมตัวเองในบานกระจกที่ดึงลงมาไม่ได้


……………………………….
………………………


“ตี๋”

“ไม่ ไม่ครับ อย่ามาอ้อน”

“นะ”

“พี่ให้พี่โก้ขับไปส่งดิ”

“โก้คืนนี้มีติดเลี้ยงลูกค้า”

เป็นวิศวะมีงานเลี้ยงลูกค้าอะไรกันวะ? ขมวดคิ้วนึก นึกไม่ออก พี่กวางเขย่าแขนผม มองนาฬิกา เวลาเดิมเป๊ะ

“นะ นะ ตี๋นะ”

“ผมไม่อยากไป”

“ทำไม? บอกมาสิ ถ้าฟังขึ้นค่อยว่ากัน”

“ตี๋ยังทำงานไม่เสร็จ”

“งานอะไร?”

ดึงสมุดวาดรูปออกมาจากกระเป๋า พี่กวางยังดูงงๆ เลยอธิบายต่อ

“ผมเรียนวาดรูปกับรุ่นพี่อยู่”

“แล้ว…”

“ต้องทำงานไปส่งทุกวันเสาร์ แต่ช่วงนี้งานเยอะขึ้นเพราะพี่กิ๊ฟท์แขนยังไม่หายดี ผมเลยไม่มีเวลาวาด ฟังขึ้นไหมครับ?”

“แต่ก็แค่ไปส่งแป็ปเดียวเอง”

“….”

อย่ามาทำสายตาแบบนั้นกับผม

พี่ก็แค่ตาโต น่ารัก ริมฝีปากสีชมพูบลิ้งค์ๆ เพราะฉะนั้น ใช้กับผมไม่ได้หรอก

“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ”

“ได้เลย คราวหน้าเดี๋ยวพี่กับโก้ไปเอง”

เป็นเหมือนหนังฉายซ้ำ ลิฟท์เปิดที่ชั้นเดิม เวลาเดิม เงียบวังเวงเหมือนเดิม

ผมรีบเดินเข้าไป รู้แล้วว่าต้องวางของตรงไหนยังไง บรรยากาศเงียบกริบสิงสู่ชั้นนี้ ดูเหมือนจะเป็นเวลาประชุมรอบดึก ถ้าจะขยันทำงานรับอาเซียนกันขนาดนี้ มารับถ้วยรางวัลกับผมเลยครับ

วันนี้ โต๊ะตัวที่ใช้วางของจิปาถะเป็นประจำ ดันมีของวางกองอยู่กันที่เต็มไปหมด ใช้ถุงเขี่ยกระดาษพวกนั้นไปทางซ้าย ทางขวา ให้ที่มากพอจะวางได้ ห้องนี้ผมล่ะสงสัยจริงๆ เคยมีคนมาเคลียร์ของจัดให้เป็นระเบียบบ้างหรือเปล่า มันสมควรจะเป็นระเบียบกว่านี้หน่อย ถ้าจะให้หาเอกสารอะไรได้ง่าย—

โครม

เพราะมองแต่รอบห้อง เลยไม่เห็นว่าแฟ้มที่วางสุมอยู่ทางด้านขวามือของโต๊ะล้มระนาวลงไปแล้ว ไม่ต้องสงสัย ปลายถุงเค้กยังดันแฟ้มที่เขี่ยไอ้เจ้ากองนั่นล่มสลายอยู่ชัดๆ

ปล่อยมือออกจากถุงเค้กเมื่อคิดว่ามันไม่ล้มแน่ ย่อตัวลง กวาดแฟ้มเข้าหาตัว พยายามจัดเป็นตั้งๆ ขึ้นไปวางเรียง ก่อนหน้านี้มันวางสุมลงไปได้ไงวะ พอผมจัดแฟ้มแบบนี้แล้ว ดูเป็นระเบียบขึ้นเยอะ แต่ไหงกลับทรงตัวคานน้ำหนักกันไม่อยู่ ตกลงมากันอีก ฟิสิกส์ทำDให้ม๊าดูอย่างผม จนปัญญาจะหาคำตอบ

ก้มลงเก็บรอบสอง ดึงแฟ้มที่อยู่ไกลตัวสุดเข้ามา ก็ได้ยินเสียงเท้าอยู่ข้างหลัง ผมหยุดมือ เงาของอีกฝ่ายทาบลงมา เห็นเป็นเงาอยู่ตรงพื้นข้างหน้าผม

ผมไม่ได้หันไปมอง

“ขอ ขอโทษครับ ผมมะ ไม่ได้ตั้งใจทำของตก”

“คุณเป็นใครน่ะ?”

ได้ยินเสียงผู้หญิงเลยหันไปมอง

พี่มิ้นท์…

โว้ย ผมไม่ได้อยากจำเลย เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมอีกแล้วซักนิด แต่สมองก็ยังจะจำอยู่นั่น

“…Lemme think…จำไม่ได้แล้ว ชื่ออะไรน่ะ? เหมือนเคยเจอกันมาก่อน”

ลุกขึ้นจากพื้น เธอดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย การแต่งตัวสบายๆชิคๆไม่เหมือนมาทำงาน แต่งหน้าคล้ายมาเดินแบบ แต่เพราะว่าสวย ทำอะไรก็คงไม่ผิด

“ผ ผมไปแล้วนะครับ”

“เดี๋ยวก่อนสิ”

ถูกดึงแขนไว้ หันไปมอง พี่มิ้นท์ก็ปล่อยมือออก

“คุ้นหน้ามาก…โทษทีนะ ฉันจำหน้าคนไม่เก่งเท่าไหร่”

“จำคนผิดแล้วมั้งครับ”

“ไม่ ฉันจะเสียงนี้ได้”

เธอกำลังจะพูดชื่อผมออกมา แต่ก็เปลี่ยนไปมองทางอื่น ผ่านตัวผมไป

“หมอก คนนี้ใคร ฉันนึกไม่ออก”

ตัวผมแข็งทื่อ ประสาทส่งเสียงไซเรน

“…..”

“ปากมีไว้ทำไม? พูดเป็นหรือเปล่า?”

ได้ยินเสียงเท้าเดินผ่านไป พี่มิ้นท์เดินตามเสียงนั้นไป

ผมหันไปอีกด้าน ด้านที่เป็นประตู รีบเดินออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เดี๋ยวก่อน”

เสียงเรียกนั่น แช่แข็งเท้าผมไว้ เสียงทุ้มต่ำ เย็นชา เรียบเฉย

อีกแค่ก้าวเดียว

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาส่งแล้ว”

“ทำไม? ไหนบอกจะตามใจ ทำอะไรก็ได้ แค่เค้กแค่นี้ กินไม่ได้หรือไง?”

ได้ยินเสียงผู้หญิงยังบ่นปอดแปด แต่อีกเสียงเงียบไปแล้ว

รีบวิ่งออกมา ทั้งๆที่ยังไม่เห็นหน้าของเจ้าของชื่อ”หมอก”นั่นเลยสักนิด

ประตูลิฟต์ปิดลง มองผ่านกระจกที่สะท้อนให้เห็นช่องว่างระหว่างประตูที่แคบลงเรื่อยๆ ไม่เห็นเงาใครทั้งสิ้น


………………………………………
………………………………

ออฟไลน์ cn9095

  • unidentified
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 316
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +861/-5

............................
....................



“รสชาติเป็นยังไง?”

“ก็เหมือนเดิม”

“เหมือนเดิมคืออะไรล่ะ?”

“หอม หวาน ได้กลิ่นโกโก้ชัดดี”

“หรอ? ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยหรอ”

ผมพยักหน้าตอบ พี่กวางยังดูสงสัย

“จริงหรอ?”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ลูกค้าที่ชอบโทรมาสั่งตอนดึกๆน่ะสิ ไม่ได้โทรมาอีกแล้ว”

ไม่ใช่แค่อาทิตย์กว่า แต่เป็นครึ่งเดือน ที่เสียงโทรศัพท์ตอนกลางคืนเงียบหายไป

“……”

“เขาได้พูดอะไรหรือเปล่า? ตอนไปส่งรอบสุดท้ายน่ะ”

“เปล่า เขาไม่ได้พูดอะไร”

“งั้นหรอกหรอ”

“…..”

บรรยากาศร้านเงียบเหงา

นี่พึ่งเดือนมิถุนาเองแท้ๆ ฝนกลับตก ได้ยินเสียงเพลงฝรั่งเบาๆ โต๊ะที่มีลูกค้าติดฝนอยู่ นั่งดื่มช็อคโกแลตร้อนเงียบๆคนเดียว

อยู่แบบเย่อหยิ่งแบบนั้นต่อไปเถอะ แบบนั้นล่ะ ดีแล้ว

คนนั้นเหมาะกับเสียงห้วนๆ การเชิดคางเก้าสิบองศา มากกว่าเสียงเบาๆที่ฟังแล้วรู้สึกหนักไปทั้งตัว

น้ำหยดลงบนกระดาษ รีบเอามือปาด ไม่อยากให้กระดาษวาดรูปเลอะไปมากกว่านี้ แค่นี้ ลายเส้นก็ยุ่งเกินกว่าจะทำอะไร

ถึงคนภายนอกจะยังมองว่าเป็นภาพปกติ แต่ผมรู้ตัวดี ว่าบางอย่างในรูปมันหายไป สิ่งที่ผลักดันให้อยากวิ่งไปข้างหน้าอยู่เสมอ หล่นหายระหว่างทางที่ผมพยายาม

จนถึงค่ำ ท้องฟ้าสีเทา มืดสนิท ฝนหยุดลงแล้ว แต่ทางเท้าชุ่มน้ำเลอะเทอะ ต้องออกมาถูพื้นไม่ให้เลอะไปมากกว่านี้ คนในร้านหนาตาขึ้นนิดหน่อย แถวนี้คงมีโรงเรียนอนุบาล มีเด็กส่งเสียงในร้านทุกเย็นวันธรรมดา จนในร้านมีโหลลูกอมตั้งไว้

เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้เหนือประตูดังขึ้น จัดชั้นวางเค้ก เพิ่มบลูเบอรรี่ชีสเค้กลงไป มองผ่านกระจกที่ขึ้นฝ้าเพราะความเย็นไม่ชัด เห็นแค่ลูกค้าที่ยืนอยู่หน้าตู้ เห็นนิ้วที่ชี้อยู่ในชิ้นที่พึ่งวางลงไปผ่านกระจกตู้ “ชิ้นนี้หรือครับ?” นิ้วนั้นจิ้มซ้ำ

“ทานนี่หรือจะใส่ห่อค-”

เงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มรับลูกค้าค่อยๆลดลง

“ทานนี่”

“…..”

“…ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า?”

พอถูกกระทุ้งแบบนั้น เลยต้องรีบหยิบจาน หนีบเค้กชิ้นนั้นออกจากตู้

“ส่งจานนั้นมา”

ยื่นให้ตามที่สั่ง

เหมือนจะหูฝาด บางที ตาอาจจะกำลังสร้างภาพขึ้นมาเองด้วย

เห็นเขาอยู่ตรงนี้ ได้ยินเขาพูดคำว่า’ผม’ อย่างนั้นหรอ? ฝันสินะ ยังเห็นเด็กอนุบาลกลิ้งตัวอยู่ที่พื้นเหมือนห้านาทีก่อนหน้านี้ ไม่ได้รู้สึกมีอะไรผิดเพี้ยนไป นี่คงเป็นการอินเซปชั่นความฝัน ชัวร์

เขารับจานเค้กไป ถือด้วยความสูงระดับเอว มือข้างเดียว อยู่ในร้านเค้กแบบนี้ บรรยากาศรอบตัวเขาไม่ได้ดูแปลกแยก แม้จะใส่สูท รองเท้า ราคาแพง คงเป็นเพราะพวกแม่ๆนั่น วุ่นกับการเลี้ยงลูกมากกว่าจะสนใจเรื่องอื่น แน่นอน มีคนสังเกตเห็น พวกเธอก้มหัวต่ำลง ยกมือขึ้นบังที่ปาก สุมหัวกันเหมือนชมรมแม่บ้าน

ไม่เห็นพี่กวางกับพี่กิ๊ฟท์ ใช่ ทั้งคู่ออกไปซื้ออะไรสักอย่างที่หมดพอดี อะไรกันล่ะ? ผมนึกไม่ออก ก่อนหน้านี้ยังรู้อยู่เลย พี่กวางยังบอกผมด้วยซ้ำ ออกไปแล้วนะ จะไปซื้อ…. นั่นแหละ ผมลืมไปเสียสนิท

“ขอโทษนะคะ”

“คะ..ครับ”

รีบเดินออกไปหาคุณแม่ยังสาวที่ตรงนั้น แขนข้างนึงดึงตัวลูกชายไว้ “เมื่อกี้บอกว่าจะกินอะไรนะครับ?” หันไปคุยกับลูกชาย เด็กยกนิ้วขึ้นอม ส่ายหัวไปมา อ้าว “แต่เมื่อกี้หนูบอกนิ ว่าอยากกินเค้กอีก” ดูท่าจะดีดดิ้นกันอีกนาน หันไปมองโต๊ะที่อยู่ถัดออกไปหน่อย เขาไม่ได้มองมาทางผม แต่มองเบี่ยงออกไปนอกหน้าต่างแทน

เค้กที่อยู่ตรงนั้น ยังไม่ถูกแตะ

ถึงจะยังไง ก็คงเป็นเรื่องเสียมารยาทถ้าจะไม่เข้าไปถามในฐานะผู้ให้บริการ เครื่องดื่มไหมครับ? ง่ายๆ แค่นี้ ไม่ได้พูดยากสักนิด แต่พอเดินไปใกล้อีกแค่ก้าวเดียว เท้าซ้ายก็หมุนกลับ จะพาตัวไปหลบที่อื่นอยู่เรื่อย

อีกหกก้าว ประมาณด้วยสายตา

พื้นร้านเป็นพื้นไม้ เอาจริงๆทั้งร้านนี้ก็เป็นไม้เกือบหมด เป็นไอเดียของผม เค้กที่อารมณ์เหมือนคุณแม่ทำเองจากเตา สมควรจะมีบรรยากาศร้านที่คล้ายบ้านอยู่ พอเดิน เลยเกิดเสียงดังขึ้น เท้าที่เดินหมุนไปหมุนมาทำตัวไม่ถูก เลยทำให้เขาเบนหน้ากลับมา

ยกมือขึ้นช้าๆ ไม่สูง มองทางซ้ายทางขวาแล้ว ไม่มีตัวช่วย บังคับผมให้เดินเข้าไป

“…มี มีอะไรครับ?”

“ร้านนี้ไม่มีเครื่องดื่มหรือไง?”

“อ่ะ..อ่อ มีครับ เมนูแนะนำ เป็นช็อคโกแล็ตร้อน”

เขาพยักหน้า ผมมุ่นหัวคิ้วมอง

“ครับ?”

“ช็อคโกแลตร้อน”

แล้วก็ได้แก้วทรงสูงวางอยู่ข้างจานเค้ก

มองอยู่ห่างๆจากมุมที่คล้ายปราการรบ ไม่เห็นจะแตะเค้กสักนิด มีแต่ดื่มช็อคโกแลตร้อนเป็นระยะๆ ถ้าว่างจากงานที่เริ่มหยิบมากองบนโต๊ะ เดี๋ยวก่อน ผมไม่เห็นจะมีใครมากับเขาเลยสักคน ดูเวลา ชั่วโมงกว่าผ่านไป เด็กๆหายไปหมดแล้ว สองทุ่ม เขายังไม่ไปไหน

ฝนตกลงมาอีกรอบ หลังจากส่งเสียงฮึ่มๆอยู่สักพัก

พายุเข้า จำได้จากข่าวเมื่อเช้าที่เห็นในทีวีก่อนออกจากบ้าน

เห็นผ่านกระจกนาฬิกา ลูกตุ้มหลังกระจกบานนั้นแกว่งไปมา เขากำลังเก็บงานที่กางอยู่บนโต๊ะ เค้กนั่นหายไปแค่ส่วนเดียว ลุกขึ้นยืน ทั้งร้านเหลือแค่สองคน เป็นบรรยากาศแปลกๆ เพลงแจ๊ส เสียงแซ็กโซโฟนกำลังโซโล่ ปนกับเสียงนาฬิกา ติ๊ก ติ๊ก

เดินไปถึงหน้าประตู กำลังจะผลักออกไป ยังไม่เห็นร่มสักคันที่ถูกกาง

“เดี๋ยว…”

ประตูถูกผลักออกจากบานแล้วหน่อย เขาดันตัวกลับมา ประตูปิดลงตาม

หันกลับมามองผม

ผมยาวกว่าครั้งล่าสุดที่เห็น นับครั้งที่ได้ยินแต่เสียงนั่นไม่ได้ เวลาสั้นๆ ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ

มองมือสองข้างของเขา ข้างหนึ่งมีแต่งาน หนีบไว้กับตัวแล้วซุกมือลงกระเป๋ากางเกง มืออีกข้าง ว่างเปล่า

“มีร่มหรือเปล่าครับ?”

“…ยังต้องการคำตอบอีกหรอ?”

“ผมมีร่ม รอก่อนนะ”

วิ่งเข้าไปในหลังร้าน ร่มพกสีดำสนิทในกระเป๋า พึ่งได้มาจากเฮีย ไม่ได้คิดเลยตอนนั้น ว่าคืนนี้จะกลับบ้านยังไง คิดแต่ว่า ตอนนี้ฝนแรงเกินกว่าจะฝ่าออกไป

เขายังยืนรออยู่ที่หน้าประตู หลังพิงกับบานประตู ที่คิดว่าคงไม่มีใครเปิดเข้ามาในเวลานี้ เวลาที่ฝนตกหนัก ความจริงจะรอนานกว่านี้หน่อย ฝนก็คงซาลง แต่คงมีงานต้องไปทำต่อ หยุดได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดต่อเรื่องอื่นสักหน่อย

ยื่นร่มให้

“ผมให้ยืม”

“….”

“ครั้งหน้าไว้มากินเค้กใหม่ ค่อยมาคืนแล้วกัน”

ยื่นไปอีก เขาถึงยื่นมืออกมารับ ปลดสายที่รัดรอบๆร่มออก สะบัดเบาๆให้มันกาง มาถึงจุดนี้คงเห็นคุณภาพของร่มจีนแดงชัดเจนขึ้นแล้ว เชือกห้อยที่ปลายร่มขาดออกจากกัน พึ่งซื้อมาแท้ๆ

ใช้ไหล่ขวาดันประตู จังหวะที่คิดว่าคงกางร่มแล้วเดินออกไป กลับยั้งเท้า หันหน้ามาพูด

“หวาน”

“ครับ?”

“เค้ก หวานไป”

“ก็ไม่ชอบกินหวานนิ”

“รู้ด้วยหรอ? ว่าผมชอบกินอะไร”

นั่นสินะ

ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนิน่า

“ผมเดาเอา ถูกด้วยหรอครับ”

พอเขาพยักหน้า ผมก็เผลอยิ้มออกมา รู้สึกหายใจยาก

“ช็อคโกแลตร้อน พอกินได้”

มองตรงออกไปนอกประตู ยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงกระดิ่งเหนือประตูก็ดังขึ้น ลมพัดเข้ามาแรงๆจนรู้สึกถึงน้ำฝน




ร่มสีดำเคลื่อนออกไปจากใต้กันสาด ฝนสาดแรง หนาจนมองไม่เห็นอีก



…………………………..
………………….




[B.N.25 : complete]
[30.11.55]


ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
จิ้มม
-------
เหมือนย้อนกลับมาจุดเดิมของภาคนี้เลยค่ะ
นั่นคือเหมือนเป็นคนไม่รู้จักกัน
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะวนไปวนมาอีกสักเท่าไร
เหมือนสองคนพายเรือใหอ่าง เหมือนย้อนกลับมาอ่านตอนที่พี่หมอกกลับมาจากเรียนต่อ
มมันคงต้องหาวิธีแก้ ไม่เช่นนั้นคงต้องมาย้อนไปแบบนี้ไม่มีจบสิ้นแน่
ปล่อยให้เป็นแบบนี้ก้ไม่ได้ เรื่อยๆ เหมือนไม่รู้จักกัน เพราะหัวใจยังรักเหมือนเดิม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2012 23:31:15 โดย chisarachi »

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
จะทำเป็นไม่รู้จักกันอีกกี่ตอน ;_____;

ออฟไลน์ ErosAmor

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 851
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
อ่านเเล้วหน่วงกว่าเดิมอีก ให้ตายสิ T   T

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะบ้าาาาาาาา!!!

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ทำไมต้องทำแบบนี้
กี่ปีมาแล้วที่รักกัน...ที่ฝ่าฟันอะไรมาด้วยกัน
งี่เง่าทั้งคู่!!

เป็นนักเขียนที่สุดยอดจริงๆ ทำให้เราอินจนปวดประสาทได้ขนาดนี้ ๕๕๕

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
คิดเยอะคิดแยะอะไรก๊านนนนนนนน

ไปบวชกันให้หมดเลยไป๊!!!!!!!!!! :z3:

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3
หลายครั้งที่ต้องอ่านหมอกเป็นฝ่ายเดินเข้าหาตี๋
ต้องให้หมอกพยายามอีกกี่ครั้ง กี่ครั้งถึงจะพอ
ตี๋เป็นคนที่มีความรักแปลกมาก เป็นความรักที่เห็นแก่ตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2012 07:18:42 โดย evilheart »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ srikoon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 530
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-6
มึนชา กันอีกนานไหม

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เหมือนพี่หมอกไม่มีใครอีกแล้วบนโลกอะ มีแต่งานกับงาน

Maymeme

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกใจจะขาด
อึดอัด หายใจลำบากจริงๆ
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ U_Ton

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 :เฮ้อ: เป็นการเจอกันที่เหมือนจะสดใส เเต่ทำไมกลับรู้สึกหม่นๆ... หรือฝนที่ตกจริงๆเเล้วตกเเทนน้ำตาของคนสองคนนี้กัน...

พี่หมอกที่เเทนตัวเองแบบนี้ดูเเตกต่างจากก่อน เหมือนจะอบอุ่น จริงใจ ชวนให้ทำความรู้จักกันใหม่ แต่อีกด้านรู้สึกห่างเหิน...

รอยยิ้มสุดท้ายของตี๋ ที่จำได้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบกินหวาน เเต่ทานช็อคโกเเลตร้อนได้ ก็ดูไม่เหมือนรอยยิ้มเลย

รู้สึกไปเองว่าเป็นเเบบนั้นอ่ะ มันยังอึมครึม... :z10:

คู่นี้คงทรหดกันไปอีกนาน... o22 เมื่อไหร่จะสมหวังหนอ สงสารตี๋จะเเย่ เเรงบันดาลใจในการทำงานร่างภาพ หายไปพร้อมกับ

คนที่เป็นเหมือนเเรงผลักดันให้พยายามก้าวเดินไปข้างหน้า :กอด1: สู้ๆนะตี๋ พี่หมอก

ออฟไลน์ elfonofle

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ทำเหมือนจะเริ่มจีบกันอีกรอบ
ก็ดีนะ

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
อูยย....หายใจไม่ออก o17 โอ๊ะ!..ไม่ใช่ซิ กลั้นใจอ่านช่วงสุดท้ายอ่ะ :เฮ้อ:
กว่าบรรยากาศดีๆจะกลับมาจะถึงตายมั๊ยวะกรูววว...... :sad3:
 :serius2:      :serius2:      :serius2:

Tassanee

  • บุคคลทั่วไป
ฮืออออออออออออออออออออออออออออออออ  เศร้าอ่ะ

ออฟไลน์ k_U_K_K_I_K

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รู้สึกครั้งนี้อ่านแล้วต้องเม้น 555555
 
เราว่าหมอกมีคนรักใหม่เหอะ. เพราะตี๋คงรักมากไม่พอ เพราะตี๋ไม่สามารถทำอะไรเพื่อหมอกได้ เหมือนที่หมอกทำให้ตี๋

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตี๋ทำ เป็นการทำเพื่อตัวเองมากกว่าทำเพื่อหมอกหรือเปล่า อาเมนนนน ยิ่งอ่านยิ่งเครียด 55555 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7

ออฟไลน์ maicy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +52/-0
ตี๋หมอกมาพร้อมกับบรรยากาศอึมครึมกันต่อไป...หวังว่าฉากหวานๆคงจะไม่นานเกินรอนะคะ เหนื่อยกับเรื่องที่ทำงานอยากจะหาอะไรหวานๆให้หายเครียดบ้าง บ่นบ้าง ไรบ้าง เเต่ตามอ่านทุกตอนค่ะ ชอบเรื่องนี้มากๆ ให้ความรู้สึกหลายอารมณ์
ปล.เป็นกำลังใจให้นะคะ รักษาสุขภาพค่ะ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kabung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-3
เห็นแต่หมอกที่พยายามอยู่แค่ฝ่ายเดียว ในขณะที่ตี๋มีแต่วิ่งหนี มันรักกันยังไงว่ะ

ต่อให้กลับมาคบกันใหม่ มันก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี เชียร์ให้เลิกกันไปเลย ไม่ได้ประชด นี่พูดจริงๆ สงสารหมอก

ออฟไลน์ Panehove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-0
เบื่อมาก และมันก็ย้อนกลับมาจุดเดิม พอกันที ทำไมไม่เอามีดปักอกหมอกไปเลย มันจะได้จบเสียที เราเหนื่อยกับการอ่านเรื่องนี้จัง

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้ง อย่าให้ผิดพลาด

ออฟไลน์ nutty2554

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ทำเอาเราน้ำตาซึมจริง ๆ 
ตอนที่แ้ล้วลุ้นไว้ ว่าให้เจอพี่หมอกบนนั้น แต่ก็หงายหลัง เพราะตี๋ให้พี่ยามไปส่ง และทำอย่างนั้นบ่อย
จนพี่ยามไม่ยอมแล้ว จนตี๋ไปเอง  ตอนที่เจอพี่แพน เราก็ยังใจหายใจคว่ำ คลาดกันอีกแล้ว
คิดอยู่ทุกบรรทัดที่อ่าน ว่าให้เป็นพี่หมอกที่สั่งเค้ก เพราะอย่างน้อย ถึงไม่ได้เจอหน้ากัน
แต่ก็ยังได้เห็นเค้ก ได้กินเค้กที่เป็นฝีมือตี๋ ...
แต่คนแต่งก็ทำเอาเราจุก  ตอนที่เจอมิ้นท์  อยู่กับหมอก  อยู่ด้วยกันแบบไหน ฐานะอะไร ยากจะเดา
เพราะพี่หมอกยังนิ่ง และเฉยชา โดยเฉพาะตอนที่บอกว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาส่งอีกแล้ว ..... เราน้ำตาจะไหล
มันมีอะไรมากกว่าไม่อยากให้ตี๋ขึ้นไปบนนั้นใช่หรือเปล่า  เพราะมิ้นท์อยู่ตรงนั้นหรือเปล่า
สงสารน้องตี๋ แต่ก็สงสารพี่หมอกเหมือนกัน 

ท้ายแล้วก็แทบจะโดดกอดผู้แต่ง 
ผู้ชายเฉยชา หอบงานมานั่งทำที่ร้าน สั่งเค้กและช็อคโกแลตร้อน ดูไ่ม่เข้ากัน แต่ไม่ขัดกัน เพราะหล่อ .. อุ่ย ..
แถมนั่งแช่อยู่นานสองนาน ... เพื่ออะไรคะ  เพื่ออะไร  อย่าหลอกให้เราดีใจอีกนะ
แม้จะเป็น "ผม" ก็ตามที  แต่เค้าได้เจอ ได้คุยกันแค่นี้(ก่อน .. ตอนต่อไปค่อยรออ่านต่อ) เราก็ดีใจมากแล้ว

** กอดดดด   :กอด1:

ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อยากจะบ้าตายยยยยยยยย

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
เย็นชาใส่กันอีกแล้วว คราวที่แล้วหมอกทำเป็นจำไม่ได้แต่ตี๋จำได้
แล้วนี่อะไร เล่นทำเป็นลืมทั้งคู่เลยอ่าาาา

 :serius2:

ออฟไลน์ Acacha

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-2
^
^
อ่านคอมเม้นคนอื่นไปด้วยแล้วก็รู้สึกว่าบางส่วนก็คิดเหมือนกัน เราว่าสองคนนี้ไม่ผิดนะที่จะคิดเยอะ ส่วนนึงคงด้วยนิสัยกับอีกส่วนคือปัจจัยภายนอกมันบังคับซะขนาดนั้น แต่สองคนนี้ก็คิดหนักไปตรงที่...เหมือนจะลุยฮึดสู้ แล้วก็กลับมาฝ่อ แล้วก็เหมือนจะตัดใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ตัดให้ขาดอีก ชีวิตมันไม่น่าจะเป็นอะไรที่ต้องวิ่งเข้าหาความทุกข์ขนาดนั้น จะถอยหรือจะสู้มันก็ไม่ผิดสักทางหรอก เอาแค่เดินหน้าไปหาความสุขก็โอเช แต่เพราะรั้งๆรอๆเนี่ยแหละ เลยได้เครียดกันหัวแตก สองคนนี้ต้องเป็นโรคเครียดแล้วแน่ๆแต่ไ่ม่ทันได้สังเกตตัวเอง V_V และไม่ใช่แค่ตี๋หรอกที่ตัดสินใจจากมุมของตัวเองมากกว่าอีกฝ่าย พี่หมอกก็จะดึงตี๋ไปทางตัวเองอย่างเดียวเลย แบบเนี้ยถึงคุยกันไม่รู้เรื่อง V_V 

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
ห่างเหินกันเหลือเกิน เจ็บปวดจัง เกิดอะไรขึ้นที่บ้านหลังนั้นหลังจากนั้น
พี่หมอกทนเห็นตี๋ไม่สบายไม่ได้เลยต้องยอมสินะ แต่ถึงยังไงพี่หมอกก็ไม่ยอมห่างตี๋หรอก
คอยวนเวียนอยู่รอบตัวเสมอ ไม่งั้นจะสั่งเค้กบ่อย ๆ เหรอ สงสารตี๋ที่เจียมตัวเหลือเกิน
บรรยากาศที่ร้านเป็นใจให้ได้อยู่ด้วยกัน แต่มันเงี้ยบเงียบในความรู้สึกนะ
ยิ่งพี่หมอกแทนตัวด้วยผม ๆ นี่...คนอ่านเจ็บมาก รอวันที่สองคนหาจุดที่พอดีได้

ขอบคุณค่ะ

james-ss

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมมันกลายเป็นแบบนี้อะ ไม่เอานะไม่อาววววววว  :z3:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เม้นท์ไม่ออก  อยู่ในโหมดหดหู่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด