อันนี้เป็นพิเศษจ้า
เป็นเรื่องของใครไปลองติดตามกันเลยอิอิ
*----------*----------*----------*
ตอนพิเศษ จอมใจจักรพรรดิ
1
ภายในวังหลวงที่เต็มไปด้วยเหล่าราชองค์รักษ์เว่อฉือจิ้งเต๋อที่กำลังสั่งการนายทหารที่ค่อยเฝ้าเวรยามอย่างเช่นที่เคยทำอยู่ทุกวัน พอเขาสั่งนายทหารสองนายเสร็จก็เดินกลับออกมายังลานหน้าของตำหนักใหญ่ และพบกับหยวนตงเฟยเข้า
“ไง....จิ้งเต๋อไปตรวจตราทหารองค์รักษ์เสร็จแล้วเหรอ”ตงเฟยเอ่ยถามบุคคลที่แสนจะเงียบขรึมที่ยังคงไม่ยอมตอบเขาเช่นทุกที
ถึงแม้เขาสองคนจะทำงานร่วมกันก็จริงแต่แทบจะไม่เคยพูดคุยกันอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เพราะจิ้งเต๋อเป็นพวกมนุษย์พูดน้อย ประกอบกับหน้าที่ของเขาและจิ้งเต๋อนั้นถูกแบ่งส่วนกันจนบางทีก็แทบไม่ได้เจอกันเลย
“ก็เหมือนเดิม ไม่มีความผิดปกติอะไร งั้นข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวก่อนวันนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน เราไปนั่งดื่มอะไรกันหน่อยมั้ยล่ะ”
ตงเฟยเอ่ยชวนคนช่างเงียบ ซึ่งจิ้งเต๋อกลับทำหน้าแปลกใจที่วันนี้คู่หูที่ทำหน้าที่เดี๋ยวกันนั้นคือราชองค์รักษ์เอกที่คอยปกป้องฮ่องเต้ ที่แทบไม่ได้คุยกันเลยจะมีพูดคุยกันบ้างตอนทำงานเท่านั้น กลับมาชวนเขาไปดื่มกัน
“ก็ได้วันนี้ข้าเองก็ไม่รู้จะไปไหน”
เมื่อจิ้งเต๋อรับคำของตงเฟยแล้วทั้งสองก็เดินทางออกจากวังหลวงและมายังในตัวเมืองซึ่งตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วย
ทั้งสองเดิมมาถึงยังโรงเตี๊ยมซึ่งตอนนี้ผู้คนแน่นโรงเตี๊ยม และเมื่อมาถึงก็เปิดห้องส่วนตัวเพื่อนั่งดื่มกัน ตงเฟยทำการสั่งอาหารและเหล้ามาหลายขวด ก่อนที่คนช่างเงียบอย่างจิ้งเต๋อจะเป็นฝ่ายถามขึ้น
“เจ้ามีเรื่องจะคุยกับข้างก็ว่ามา”
จิ้งเต๋อรินเหล้าใส่จองสองจองแล้วยื่นให้ตงเฟย เขารับจองเหล้ามากระดกเข้าปากก่อนจะมองหน้าคนถามแล้วยิ้มออกมาน้อย ๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นทำให้จิ้งเต๋อชะงักค้างไปคู่ ช่างเป็นยิ้มที่น่ามองยิ่งนัก
“ก็แค่อยากมาดื่มกับเจ้าประสาเพื่อนร่วมงาน คงไม่ว่านะก็พวกเราทำงานด้วยกันมาก็นาน แต่ไม่เคยจะได้ออกมาดื่มกันพูดคุยกันประสาเพื่อนเลย”
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ข้าแค่สงสัยเท่านั้นนึกว่าเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนหรือมีความลับที่บอกใครไม่ได้เสียอีก”
“ฮ่า ๆ อย่างข้าจะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ไงกันเล่า วัน ๆ ข้าก็ติดตามอารักขาฝ่าบาท ไม่มีเวลาไปมีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไรหรอก แค่คอยติดตามฝ่าบาทข้าก็หมดแรงแล้ว ว่าแต่เจ้าเถอะมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรก็บอกข้าได้ ข้าจะรับฟังปัญหาเจ้าทุกอย่างเลย”
คนฟังแล้วก็คิดตามถ้าจะมีก็คงจะเป็นเรื่องของคนตรงหน้านี่แหละ ช่างไม่รู้ตัวเสียเลยว่าตัวเองไม่ปล่อยแล้วยิ่งที่นี่เป็นห้องส่วนตัวแล้วด้วย
เขาแอบชอบเพื่อนร่วมงานนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันและนั้นทำให้เขาไม่อยากเข้าไปพูดคุยกับคนตรงหน้า เพราะกลัวว่าถ้าพูดคุยสนิทสนมมากนักมันอาจทำให้เขาไม่ห้ามใจได้
คนตรงเขาก็ช่างไม่รู้เสียเลยว่าการพาเขามายังสถานที่ลับตาคนเช่นนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ทั้งยังมีเหล้าที่อาจทำให้เขาขาดสติและพลั้งเผลอทำอะไรขึ้นมาก็บ้างก็ไม่รู้
“ข้าไม่มีเรื่องที่จะปรึกษาเจ้าหรอกตงเฟย วันนี้ข้าคงไม่อาจร่วมดื่มกับเจ้าได้แล้วงั้นข้าขอตัวก่อน”
“อะไรกัน จะกลับแล้วเหรอนั่งยังไม่ทันก้นร้อนเจ้าก็จะไปแล้วเชี่ยว”
“เดี๋ยวข้าจะต้องไปรักษาการในวังแล้วตรวจเวรยามอีกรอบ”
“แต่เจ้าพึ่งตรวจไปนะ แล้ววันนี้เป็นหน้าที่ของลี้หยางนี่” ลี้หยางคืนองค์รักษ์ที่คอยทำหน้าที่รองลงมาจากจิ้งเต๋อและตงเฟยมีหน้าที่รักษาและดูแลวังหลวงมิให้ใครลุกล้ำเข้ามาได้
“แต่...”
“ไม่เอาน่านั่งดื่มเป็นเพื่อนข้าก่อน ให้ข้าดื่นคนเดียวก็หมดสนุกกันพอดี มา ๆ นั่งลงก่อน”ตงเฟยตรงเข้ามาลากจิ้งเต๋อให้นั่งลงก่อนจะรินเหล้าส่งให้จิ้งเต๋อ ซึ่งเขาจำต้องรับมาแล้วกระดกเข้าปากอย่างมิอาจเลี่ยงได้
เมื่อเวลาผ่านไปเหล้าที่สั่งมาก็หมดไปทีละขวดสองขวด จนคนที่เป็นคนชวนมาเริ่มออกอาการเมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข้านะ...ข้า...ความจริงไม่ได้อยากทำงานนี้เลยเอิ๊ก...”จิ้งเต๋อฟังคนตรงหน้าที่บอกไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนเล่าจนหมดเปลือก แล้วส่ายหน้ากับอาการเมาหัวทิ่มก็พยายามแย่งจองเหล้าแล้วว่างลงบนโต๊ะ
“เจ้าเมามากแล้ว ข้าว่าวันนี้พอแค่ก่อนแล้วกันตงเฟยข้าจะพาเจ้าไปส่งบ้าน”
“ม่ายยย.... ข้าม่ายเมาอ้าวววว....ข้าจาาา....ดื่มต่ออออ...เอิ๊ก.....”
สภาพแบบนี้ไม่พ้นเขาต้องพาคนตัวเล็กไปบ้านของตัวเองแน่ เพราะเขาก็ไม่เคยถามว่าบ้านของตงเฟยนั้นอยู่ตรงไหน ตงเฟยคว้าจองเหล้ามาแล้วรินเหล้ากระดกเข้าอีกครั้ง
จิ้งเต๋อที่มัวแต่พยูงร่างคนตัวเล็กก็ไม่ทันคว้าจองเหล้าไว้ได้ทันทำให้คนตัวเล็กกระดกไปได้อีกจองสองจอง
แล้วคนตัวเล็กก็หมดสติคาโรงเตี๊ยวส่งผลให้คนที่ยังมีสติดีอย่างจิ้งเต๋อต้องแบกออกจากโรงเตี๊ยวมายังบ้านของตนเองที่อยู่ไม่ไกลนัก
จิ้งเต๋อเมื่อมาถึงบ้านก็ลากคนที่ที่ไม่ได้สติตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะว่างคนตัวเล็กลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาอ่างน้ำและผ้าเผื่อมาเช็ดตัวให้
จิ้งเต๋อกลับมาพร้อมกับอ่างที่มีน้ำเย็นพร้อมกับผ้าผืนเล็กที่ใช้เช็ดตัว ก่อนจะจุ่มผ้าแล้วบิดมาด ๆ เช็ดตัวคนไม่ได้สติ แต่แล้วมือของคนที่น่าจะหมดสติแล้วก็จับเขามือหนาที่กำลังจะลงมือเช็ดตัวให้
“จิ้งเต๋อ....”เสียงเอ่ยชื่ออย่างคนเริ่มีสติเอ่ยทำให้จิ้งเต๋อชะงักค้างก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ทำท่าสะลึมสะลือเหมือนได้สติ
“เจ้าเป็นไงบ้างตงเฟย”
“อ๊ะ...ข้าขอโทษที่ต้องลำบากเจ้า” พูดแล้วก็มือกุมหัวจากอาการเมาค้าง
“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนจะได้สร่างเมา”
“จิ้งเต๋อ....ข้ามีเรื่องต้องบอกกับเจ้า....”คนพูดเอ่ยเสียงเบาก่อนจะจับมือคนที่กำลังจะนำผ้าที่ชุบน้ำเช็ดหน้าให้
“มีอะไรก็บอกข้ามา”
“ถ้าข้าบอกกับเจ้า แล้วเจ้าจะไม่รังเกียจข้านะจิ้งเต๋อ”
คนถูกถามสงสัยมองหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้คนตรงหน้าคิดว่าเขาจะเกลียดได้ก็ในเมื่อเขานั้นแอบมองคน ๆ นี้มานานนัก
“อืม...ข้าสัญญาว่าจะไม่รังเกียจเจ้า ตกลงเจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้ากันแน่”
“ถ้าข้าบอกว่า....ข้าน่ะ....ข้า...”
ท่าทีเขินอายที่เล่นทำให้จิ้งเต๋อเกือบเผลอตัวดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดให้เสียจงได้นี่อะกัน ยิ่งคนตรงหน้าเขินอาจมากเท่าไรจิ้งเต๋อก็เริ่มหงุดหงิดตัวเองยิ่งนัก หาแม้นแต่เขาไม่อาจห้ามใจได้ล่ะจะทำเช่นไรดี?
“ถ้า....ข้าบอกว่าข้ารู้สึกดีที่อยู่กับเจ้าล่ะ ไม่สิไม่แค่ความรู้ชอบข้าต้องบอกเจ้าว่าข้ารักเจ้า”
สิ่งที่ออกมาจากปากของคนร่างบางกว่าส่งผลทำให้คนร่างสูงนิ่งไปไม่น้อย เขาพยายามคิดทบทวนตงเฟยอาจแค่เมา แล้วเพ้อออกมาโดยไม่รู้ตัวเป็นแน่ แต่ถ้าเป็นความจริงล่ะก็เขาคงดีใจไม่น้อยที่ความรู้สึกของเขาไม่ต้องหลบซ่อนอีกแล้ว
“ข้าว่าเจ้ายังคงไม่สร่างเมา ข้าจะไปต้มน้ำขิงให้แล้วกัน” ขณะที่จิ้งเต๋อกำลังจะลุกไป มือของคนร่างก็คว้าเสื้อผ้าไว้ก่อน
“ข้าไม่ได้เมานะ ตอนนี้ข้าสติครบถ้วนดีเจ้าอาจไม่เชื่อแต่ข้าคิดเช่นนั้นมานาน....นานมากเหลือเกินจิ้งเต๋อ”
“ตอนไหน?”
“เอ๋...”
“ตอนไหนที่เจ้ารู้สึกเช่นนั้นกับข้า”
“ก็...เจ้าอาจไม่เชื่อ....ความจริงข้าน่ะ...รู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าได้พบกับเจ้า”
“...”
สิ่งที่จิ้งเต๋อได้ยินกลับทำให้เขายิ่งนิ่งเงียบด้วยความตกใจ งั้นทั้งเขาและตงเฟยก็คิดตรงกันเช่นนี้มานาน แต่ต่างฝ่ายก็ไม่กล้าบอกงั้นเหรอ แล้วตงเฟยก็ต้องงงกับคนตรงหน้าที่อยู่ดี ๆ ก็หัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ข้านี่บ้าจริงเชียวทำไมนะ ทำไมพวกเราถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
“เอ๋…..”
จิ้งเต๋อไม่ได้ตอบอะไรแต่นั่งลงตรงขอบเตียงแล้วดึงตัวคนร่างบางกว่าเข้ามากอด คนถูกกอดยิ่งงงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“งั้นข้าคงไม่ต้องปิดบังแล้วสินะ”
“ปิดบังเหรอ เจ้าหมายความว่าอย่างไรจิ้งเต๋อ”
“เรียกข้าว่าอาจิ้งสิ ข้าเองก็จะเรียกเจ้าว่าอาเฟย” ตงเฟยทำอะไรไม่ถูกได้แต่หน้าแดงภายใต้อ้อมกอดคนตัวใหญ่
“อืม...อาจิ้งก็อาจิ้งแล้วตกลงเจ้าปิดบังอะไรไว้งั้นเหรออาจิ้ง”
“ปิดบังอะไรงั้นหรือ เจ้าอยากฟังมั้ยล่ะ”
“อยากสิเจ้าบอกข้ามาเถอะ”
“งั้นข้าจะบอกเจ้าพร้อมกับตอนที่เรามีความสุขร่วมกันนะ”
สิ้นความพูดจิ้งเต๋อก็ดันตงเฟยออกก่อนจะทาบทับริมฝีปากหนาลงบนริมฝีปากบางนุ่มของตงเฟยเล่นทำให้คนที่ยังไม่ทันตั้งตัวเบิกตากว้าง ก่อนจะรับความหวานที่ถูกถ่ายทอดมาให้
มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เสื้อผ้าของร่างบางลูบไล้จนคนรางบางถอยห่าง แต่คนร่างสูงกว่าก็ตามประชิดเข้าไปในที่สุดเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างสองร่างก็ถูกปลดออกจนเหลือแต่เพียงร่ายเปลือยเปล่า
“อืม...อืม...”
เสียงครางหวานของคนร่างบางส่งให้คนร่างสูงเริ่มมีอารมณ์ปรารถนาแรงขึ้นเข้าไปทุกที ทุกที คนร่างสูงละจากริมฝีปากหวานนุ่มเป็นไล่ไปที่ต้นคอขาวหอมกรุ่น แล้วเลียเอาความหอมหวานจนคนร่างบางร้องขึ้น
“อ๊า...จิ้ง...อืม...ตรงนั้น....อ๊า....รู้สึกดีมากเลย...อ๊า....อืม...”
จิ้งเต๋อไล่จากลำคอขาวมาที่แผ่นอกขาวกับยอดอกที่ชูชันของคนร่างบาง ที่ตอนนี้อยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ ก่อนจะใช้ปากดูดเค้นยอดอกยิ่งทำให้คนร่างบางเสียวส่าน
“อ๊า...อย่า...ตรงนั้น....อ๊า...”
“เจ้าไม่ชอบหรือเฟย”
“อืม...ชอบสิ...แต่ถ้าดูดแรงสิ ข้าเสียวไปหมดแล้วนะ”
“งั้นข้าจะทำให้เจ้ายิ่งเสียวยิ่งขึ้นไปอีกอาเฟย”
“อืม...อืม...”
จิ้งเต๋อละจากอกขาวนวลไล่ลงต่ำยังจุดอ่อนไหวของคนร่างบาง ก่อนจะจับรูดขึ้นลงจนคนร่างบางต้องเด้งตัวตามแรงคนร่างสูงที่ปนเปรอความสุขให้
“อ๊า...จิ้ง...ข้าไม่ไหวแล้ว”
สิ้นเสียงร่างบางน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งออกมาจนเปอะเปื้อนเต็มหน้าท้อง คนร่างบางหอบออกมาอย่างเหนื่อย แต่คนร่างสูงก็หาได้สนไม่ตรงไปยังช่องทางหวานที่อยู่ต่ำลงไปจากจุดอ่อนไหวไม่ไกลนัก
เขาสอดนิ้วเข้าไปยังช่องทางส่งผลให้คนร่างบางเด้งตัวออกห่างด้วยความเจ็บที่ถูกส่งผ่านมา
“อ๊า..เจ็บ...จิ้งไม่เอา...เอาออกไป...”
จุ๊บ คนร่างสูงจุมพิตลงบนหน้าผากมลสวยอย่างปลอมขวัญก่อนจะเอ่ยเสียงทุ่มที่ส่งให้คนร่างบางอายแทนจะนึกถึงความเจ็บที่พึ่งได้รับ
“เจ็บแค่เพียงไม่นานเท่านั้นที่รักของข้า แล้วเราจะมีความสุขกันเจ้าไม่ต้องกลัวนะ เชื่อใจข้าหรือเปล่า”
คนร่างบางพยักหน้า ทำให้คนร่างสูงยิ้มขึ้นก่อนจะทาบทับริมฝีปากแล้วชิมรสหวานจากปากบาง มือก็เริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ เมื่อคนร่างบางเริ่มชินก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองและสาม
“อืม....อืม...ฮ๊า...”
คนร่างบางมือกลับไม่อยู่เฉยเมื่อเห็นว่าจุดอ่อนไหวคนร่างสูงเริ่มแข็งขึ้นก็เอามือที่ว่างของตนนั้นรูดขึ้นลงส่งให้คนร่างสูงต้องเสียวซ่านแทน
“อ๊า...รู้สึกดีมากเลยเฟย...อา....”
ยิ่งคนร่างบางเพิ่มความเร็วคนร่างสูงดูจะยิ่งมีอารมณ์มากเท่านั้น แล้วอยู่ ๆ มือของคนร่างสูงก็ดึงมือคนร่างบางให้หยุดก่อนจะก้มกระซิบคนร่างบาง
“พร้อมแล้วนะ ข้าจะเข้าไปในตัวเจ้าแล้ว เรากำลังจะเป็นเดียวกันแล้วนะเฟย”
“อืม...ข้าพร้อมแล้ว เจ้าเข้ามาในตัวข้าเลย”
จิ้งเต๋อสอดแกนกายที่ขยายตัวเต็มที่จากการกระทำของคนร่างบางจ่อเจ้าปากช่องทางหวาน แล้วบรรจงกดลงช้า ๆ ไม่ให้คนร่างบางต้องเจ็บมากแล้วก็เข้าไปได้ในส่วนหัวของจุดอ่อนไหว
“อ๊า...มันแน่นมาก...อ๊า...เฟย...”
“จิ้ง...ข้าเจ็บ...”
“ทนหน่อยเฟยที่รักของข้า”
“อ๊า...”
แล้วจิ้งก็ดันแกนกายจนสุดด้ามและคาไว้อย่างนั้นรอให้คนร่างบางพร้อมเสียก่อนจึงค่อย ๆ ขยับเข้าออกช้า
“อือ...อือ...”
เสียงครางหวานส่งให้คนร่างสูงต้องเร่งจังหวะเร็วขึ้นอีกขั้น คนร่างบางเองก็แอ่นเอวรับคนร่างสูงที่กระแทกเข้าออกเร็วขึ้น เสียงกายและเสียงร้องแห่งห้วงอารมณ์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“อ๊า...อ๊า...อืม...จิ้งข้าจะออกอีกรอบแล้ว”
“อ๊า...เฟยข้าเองก็จะออกแล้ว พร้อมกันนะยอดรักของข้า”
แล้วทั้งสองก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา จากนั้นคนร่างสูงก็หมดแรงนอนทาบทับคนร่างบางก่อนจะล้มตัวนอนข้าง ๆ แล้วกอดคนร่างบางเอาไว้
“วันนี้ข้าช่างมีความสุขยิ่งนักอาเฟย”
“ข้าเองก็มีความสุขไม่แพ้เจ้าเช่นกันอาจิ้ง
ด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งสองก็หลับไปวันพรุ่งนี้คงเป็นวันดีของคนทั้งสองแน่ แม้นว่าไม่อาจเดาได้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นไรแต่วันนี้เขาทั้งสองก็ได้มีความสุขร่วมกันไปแล้ว
*----------*----------*---------*----------*
มีคนรีเควสว่าอยากให้หนี่เจินท้องได้
ก็น่าสนแหะ จะได้ไม่ต้องเอาลูกสนมมาเป็นลูกตัวเองด้วย 555+
ยังไรเตอร์จะรับไว้พิจารณาจ้า ไม่แน่ความคิดนี้อาจได้รับการตอบสนองอิอิ
รออ่านตอนที่ 11 ในอีกไม่นานจ้า