ตอนที่ 8เมื่อเข้าไปในห้องพัก แพทก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ บาลีถึงได้หันมาหาร่างโปร่งใสที่ยืนอยู่ใกล้กรอบหน้าต่าง ข้างๆ คือปู่ที่นั่งสบายอยู่ที่เก้าอี้ไม้
“ใกล้จะไปแล้วหรือ”
เป็นหนึ่งยิ้มเศร้า ทำให้บาลีรู้สึกหัวใจฟีบลงกว่าเดิม แต่ยังพูดให้กำลังใจ “ดีแล้ว เรื่องโหดร้าย จำไม่ได้ก็ช่างมัน เริ่มต้นใหม่กับชีวิตที่ดีกว่าเดิม กิ๊บกับเท่ห์มันเป็นคนดีทั้งคู่”
บาลีพูดถึงเพื่อนที่กำลังจะแต่งงานเพราะฝ่ายหญิงท้อง
“.....มันไม่แน่หรอก....” ปู่ท้วง “....แต่ละวินาทีมีคนเกิดคนตายอยู่ทั่วโลกไม่รู้เท่าไหร่…”
บาลีเห็นด้วยกับที่ปู่บอก แต่อีกใจก็ยังเชื่อในความคิดของตัวเอง ก็เลยถามต่อไปอีกเรื่อง
“วันนี้ หมอกมาเล่าว่าพบศพ”
เป็นหนึ่งส่ายหน้า ปู่ก็ช่วยเสริม
“......มันจะใช่ได้ยังไง....”
“ก็คิดอยู่เหมือนกัน” บาลีบอกแล้วจ้องมองเป็นหนึ่งนิ่งๆ มองเหมือนผนึกทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในความทรงจำ
ดวงตากลมใสแจ๋ว เหมือนมีชีวิต
เหมือนมีชีวิตยิ่งกว่าคนที่กำลังหายใจอยู่เสียอีก
หรือเพราะใจที่ร่ำร้องให้คนๆ นี้คือคนที่มีชีวิต อยากได้ยินเสียงพูดสักคำก็ยังดี
“ปู่ เป็นหนึ่ง ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนะ ไม่เคยกลัวอย่างนี้ ยิ่งนับวันผมยิ่งควบคุมตัวเองเวลาอยู่ใกล้คอสไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันผมก็มีความสุขแค่ได้เห็นว่าเป็นหนึ่งอยู่ใกล้ๆ”
“....ชั้นบอกแกแล้ว...”
“ปู่ ผม...รักใครไม่ได้ ไม่สามารถผูกพันหรือใช้ชีวิตคู่กับใครได้ ถ้าคอสหรือใครก็ตามรู้เรื่องร้านนี้ รู้ว่าผมทำอะไร เขาจะกลัวแล้วก็จากไป”
ยิ่งเป็นคอสยิ่งยาก เพราะเจ้าตัวแสดงออกชัดเจนว่ากลัวผี
“....เพราะย่ากับแม่แกมันใจแคบ กลัวในสิ่งที่มันไม่น่ากลัว....”
บาลีส่ายหน้า “แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะไป ยิ่งผมรู้สึกดีกับคอส ไม่ว่ามันจะเกิดจากไอ้กลิ่นนั่น หรือเพราะแรงเชียร์จากเป็นหนึ่ง ผมก็ยิ่ง...ไม่สบายใจ แต่ว่าเป็นหนึ่งเอง มาถึงตอนนี้ก็กำลังจะไปเหมือนกัน” นิ้วมือใหญ่แตะที่พวงแก้มแต่กลับแทรกผ่านอากาศ
แต่เศษเสี้ยวในหัวใจกลับรู้สึกถึงความแตกต่าง ระหว่างความรู้สึกที่ต่อคอส กับเป็นหนึ่ง
“....ทุกคนต่างก็มีวาระของตัวเอง จะคอสหรือเป็นหนึ่ง....” แต่ประโยคถัดมาของปู่คือความไม่พอใจ “......ยังไงตอนนี้เป็นหนึ่งกับคอสมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามที่แกสั่ง สนใจกับไอ้ปมที่แกผูกไว้ดีกว่า....”
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก บาลีบอกกับร่างโปร่งใสที่ยืนมองมานิ่ง ๆ
“ลงไปอยู่กับปู่ที่ร้านนะ”
พอเงาร่างโปร่งใสของเป็นหนึ่งกับปู่ลับหาย ภาพแววตาของแพทตอนที่จ้องมองคอส ตอนที่คอสตามขึ้นไปที่ชั้นลอยกลับปรากฏชัดเจนในสมอง
แม้แพทจะจ้องมองคอส แต่คนที่อยู่กลางขวางคอสอยู่คือเป็นหนึ่ง
บาลีรู้สึกถึงไฟของความโกรธที่มันพุ่งขึ้นมาจากส่วนหนึ่งของหัวใจ พยายามหรี่เปลวไฟอย่างยากเย็นด้วยภาพเลือนลางที่มองเห็นเมื่อเพ่งจากดวงตาของแพทยามที่อยู่ใกล้
บอกตัวเองว่ามันคือความหึงหวงผสานความไม่พอใจเพราะคอสเข้าไปขัดขวาง
ตอนนี้ต้องทำอะไรก่อน นายรักอ่าน เรียงลำดับให้ดี
“พี่บาลีพูดกับใครครับ” เสียงของแพทพูดซ้ำ
“เปล่าหรอก” บาลีหันมาหา “ก็บ่นโน่นบ่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนอยู่คนเดียว”
แพทปลดกระดุมแขนเสื้อ แต่ไม่ได้พับแขนขึ้น ทั้งปลดกระดุมเสื้อลงมา 2 เม็ด สายเนกไทยังถูกทิ้งชาย 2 ข้างไว้ ยั่วยวนแบบสบายๆ ไม่ว่าเจ้าตัวจะยั่วยวน หรือแสดงความเป็นกันเอง
เดินเข้ามากอดเอวไว้ แต่บาลีจับที่เอวบางรั้งไว้ ให้มีช่องว่างระหว่างกัน
แพทยื่นหน้าจูบปากแล้วซุกหน้าลงกับไหล่กว้าง “พี่มีเรื่องไม่สบายใจหรือครับ”
แรงจากมือของบาลีทำให้แพทเริ่มเป็นกังวล
“ครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก”
แพทรั้งเอวบาลีให้กลับมานั่งที่โซฟาตัวยาวแล้วขยับตัวขึ้นนั่งตักกว้าง เมื่อไม่ยอมให้กอดก็ต้องเปลี่ยนใหม่
“ผมอาจช่วยพี่แก้ปัญหาไม่ได้ แต่ผมรับฟังได้นะครับ”
บาลียิ้มอ่อนๆ “พี่อยากฟังเรื่องของแพทมากกว่า”
สีหน้าของแพทเปลี่ยนไปเพียงวูบเดียวแล้วก็กลับมายิ้มอ่อนหวานได้อีก
“เรื่องของผมไม่เห็นมีอะไร”
“ก็วันนี้วันพฤหัสฯ แต่ว่าแพทมาหาพี่ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”
“แพท...คิดถึง…”
บาลีแตะที่ข้อมือของแพท เชิงรั้งไว้ไม่ให้ขยับ ทำให้หนุ่มออฟฟิศต้องให้กำลังใจตัวเองให้มากกว่าเดิม
“พี่บาลี เบื่อแพทแล้วหรือครับ”
“หือ” มือที่กำลังออกแรงรั้งไว้ สมองที่กำลังคิดหาคำพูดหยุดชะงัก เมื่อเห็นขอบตาแดงก่ำของคนที่นั่งตักอยู่
“ใช่มั้ยครับ ครั้งก่อนที่เรามาดื่มเบียร์ที่ห้องนี้ด้วยกัน พี่ยังดีกับผมอยู่เลย แต่มาวันนี้มีเพื่อนพี่อยู่ด้วยพี่ก็แทบจะไม่ได้สนใจผมเลยสักนิด แล้วตอนนี้อีก..พี่ทำเหมือนรังเกียจผม”
“แพทคิดมากไปแล้ว”
“ก็จริงๆ นะ แพทคิดถึงพี่ จนไม่อยากรอให้ถึงวันศุกร์..”
“แต่ตอนนี้แพทก็อยู่ที่นี่แล้วไง”
แพทยิ้มหวาน ชะโงกจูบบาลีที่ริมฝีปากเร็วๆ เหมือนกระแทกริมฝีปากเพราะบาลีเบี่ยงหน้าหนีทันที
หนุ่มหน้าสวยช้อนสายตามอง
“หรือว่าที่จริงวันนี้ พี่นัดใครไว้ แต่แพทมาลัดคิว”
บาลีได้แต่เลิกคิ้วสูง “ลัดคิว เหรอ ไม่มีหรอก”
แพทยื่นหน้าจะจูบที่คางสวย แต่บาลีเบี่ยงหน้าแนบคางกับข้างหู ขณะที่ลูบหลังให้ใจเย็นลง “แพทครับ”
“ครับ”
“คือตอนนี้พี่...”
แพททิ้งตัวลงกอดซุกหน้าไว้กับไหล่กว้างเงียบๆ
...น้ำตาทำให้บาลีใจอ่อนลงก็จริง แต่มันไม่ได้ผล...
“แพท ถ้าแพทมีอะไรไม่สบายใจ หรืออยากให้พี่ช่วยเหลืออะไร”
“ไม่ครับ...แพทเพียงแต่ไม่อยากกลับไปที่ห้องคืนนี้เท่านั้น” แพทพูดสวนขึ้นก่อนที่บาลีจะพูดจบ
บาลีพยักหน้า จูงมือพาขึ้นไปที่ห้องพักชั้นบน
“อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ”
“แล้ว..พี่บาลี”
“พี่มีงานต้องทำอีกนิดนะครับ”
เจ้าของห้องเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ในตู้มาส่งให้
“ตามสบายนะครับ”
คนรูปหล่อตาสีเข้มบอกแล้วกลับลงมาที่ห้องชั้น 2 ทำความสะอาดห้องพักไปเรื่อย
จิตใจมันวนเวียนอยู่ที่กลิ่นหอมจากผิวกายของคอส เราได้กลิ่นนี้เวลาอยู่ใกล้ แล้วคนอื่นล่ะ เขาได้กลิ่นเหมือนกันหรือเปล่า แล้วจะมีอาการเดียวกันหรือเปล่า
ตกอยู่ใต้อำนาจของคอสเหมือนกันหรือเปล่า
แต่เท่าที่เห็นเหมือนคอสจะไม่เคยรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความพิเศษ
ความคิดวกวนหาทางออกไม่เจอจนต้องหายใจเข้าลึกๆ หยุดสับสนกับเรื่องของตัวเอง ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้จะต้องไปหาข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มเติมรวมถึงรอยสักที่ทำให้สติกลับคืนมา
แต่พอผ่านเรื่องคอส ภาพสายตาของแพทที่มองคอสผ่านเป็นหนึ่งแวบกลับเข้ามาอีกครั้ง ถ่านไฟแดงๆ ที่มุมหัวใจก็ลุกโชนเหมือนราดด้วยน้ำมันขึ้นมาทันที
หยุด!
ย้ำกับตัวเองอีกครั้งเวลานี้เราคือนายรักอ่าน เป็นนายรักอ่านที่ติดบ่วงของคนกลุ่มหนึ่งที่ส่งผู้ชายเข้ามาแลกกับหนังสือ
แต่พอคิดถึงหมอก เพื่อนตำรวจแสนดี คนที่คิดฝากแพทไว้
คิดถึงปู่ เป็นหนึ่ง และคอส ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับใครเขาเลย แต่กลับต้องมาถูกเกลียด
ไอ้ที่คิดไว้มันก็ต้องกลับมาทบทวนลำดับขั้นตอนกันใหม่
หมอกต้องป้องกันแพทได้
ที่สำคัญที่สุดคือนายรักอ่านต้องทำได้
จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูห้องนอน แพทที่สวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียวเดินมาเรียก
“ผมอาบน้ำเสร็จแล้ว”
“แพทอยากดื่มอะไรก่อนนอนมั้ย นมสด หรือน้ำส้ม”
อันที่จริงบาลีควรทำแสดงออกว่าหลงเสน่ห์ของแพทอีกนิด แต่มาตอนนี้ ได้แค่นี้ก็ดีถม!
แพทยิ้มกว้างจนดวงตาพราว “ไม่ละครับพี่ ชวนดื่มเบียร์ก่อนนอนค่อยน่าสนใจหน่อย”
เมื่อแพทยิ้มอ่อนหวานออดอ้อน บาลีก็หันหลังไปเดินไล่ปิดไฟในบ้าน แพทก็เดินตามไม่ได้ชวนคุยอะไร
แต่เมื่อบาลีมองผ่านหน้าต่าง ภาพที่สะท้อนในกระจก คือแพทที่กำลังให้ความสนใจกับหนังสือในตู้ และหนังสือบนโต๊ะทำงาน
คิ้วสวยของแพทขมวดมุ่น ริมฝีปากเม้มสนิท
เมื่อบาลีออกมาจากห้องน้ำ แพทยังนั่งพิงหัวเตียงดูโทรทัศน์อยู่ แล้วกดรีโมทปิดเมื่อบาลีจะล้มตัวลงนอน
“ยังไม่จบไม่ใช่หรือ ดูต่อก็ได้นะ”
“ไม่ละครับ” แพทบอกแล้วขยับเข้ามานอนหนุนแขนใหญ่ วาดแขนรอบเอว
หนุ่มหน้าสวยมองคนที่นอนหลับตาแล้วพลิกตัวขึ้นจูบ
“แพท”
“พี่บาลีครับ” แพทจูบแก้ม ขณะที่เลื่อนมือลูบไล้แผ่นอกกว้าง “พี่อาจไม่อยากกอดผมเพราะพี่เห็นว่าเพื่อนพี่มองผมอยู่ แต่พี่คือคนที่ผมมอง เป็นคนที่ผมอยากกอด ขอให้ผมทำให้พี่นะครับ”
“แพทไม่ควรทำในสิ่งที่จะทำให้ตัวเองต้องเสียใจ”
แพทยิ้มเศร้า เมื่อก้มลงจูบไซ้คอบาลี
“ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ ผมคงต้องเสียใจจนวันตาย”
บาลีดันไหล่ของแพทออก “แพท พี่บอกแล้วว่าเราคุยกันได้ พี่ช่วยแพทได้นะ”
“ครับ ตอนนี้ผมขอให้พี่ช่วยให้ผมผ่านคืนนี้ไปให้ได้ก็พอ”
แพทบอกแล้วขึ้นนั่งคร่อม ก้มลงขบฟันที่ไหล่กว้าง
บาลีดึงไหล่แพทออก ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง “แพท พี่ทำไม่ได้”
แพทอ้าปากค้าง น้ำตาไหลท่วม “ทำไม ทำไม”
“เพราะพี่ไม่ต้องการ เพราะ...ไม่รู้เหมือนกัน ต่อให้ไม่มีหมอกพี่ก็ไม่รู้สึกว่าพี่ควรทำอย่างนี้อีก”
...จะให้พี่กอดคนที่หวังร้ายกับคนของพี่น่ะนะ ไม่จับโยนเข้ากองไฟก็ดีเท่าไหร่แล้ว...
“แต่แพทต้องการพี่”
บาลีเกลี่ยแก้มเช็ดน้ำตาให้ “แพท มีอีกหลายวิธี ที่..แพทสามารถใช้พี่ได้ แต่ให้พี่ทำร้ายแพทแบบนี้ พี่ทำไม่ได้”
“แพท ไม่ได้....”
ดวงตาสีเข้มของบาลีที่เหมือนกำลังอ่านใจอยู่ทำให้แพทนึกคำพูดไม่ออก แม้แต่จะสั่งให้ตัวเองบีบน้ำตาแสดงท่าทีออดอ้อนอีกนิดก็ยังทำไม่ได้
ภาพที่มองเห็นจากแววตาของแพทไม่เหมือนเดิม จากที่เหมือนมีใครหลายคนกำลังผลักแพทลงสู่ห้วงเหวลึก กลับกลายเป็นแพทเองที่กำลังจะกระโดดลงไปในเหวนั้นพร้อมกับดึงคนเหล่านั้นลงไปด้วย
บาลีเข้าใจความหมายนั้น....และไม่ต้องการทำผิดพลาด
ไม่ว่าหมอกกับแพทหรือปู่จะคิดยังไง ถึงเวลาที่ต้องส่งแพทให้กับหมอก
เพราะไม่อย่างนั้น บาลีคงต้องเป็นคนที่ลงมือกระชากแพทลงไปในกองไฟด้วยตัวเอง!
บาลีขยับตัว จับแพทลงนอน “หลับเถอะครับ เพียงแค่หลับตาเราก็ผ่านคืนนี้ไปได้”
เมื่อแพทหลับตา เงาร่างโปร่งใสของเป็นหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของห้อง บาลีหันไปยกยิ้มมุมปาก แกล้งทำหน้าตาเหนื่อยใจ
“ชักดื้อนะเนี่ย เหมือนใครกัน”
เป็นหนึ่งทำหน้าตามีความสุขเดินเข้ามาทำมือบอกให้บาลีนอน ขณะที่นั่งลงบนเตียง
ฟ้ายังไม่สว่างบาลีลุกขึ้นจากเตียงหันไปกระชับผ้าห่มให้คนที่นอนข้าง จัดการธุระส่วนตัวแล้วลงไปเก็บหนังสือพิมพ์ที่หน้าร้าน จัดเรียงแล้วเอาออกไปส่งตามบ้าน ออฟฟิศ ร้านค้าใกล้เคียงเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
แพทลืมตาตื่นเร่งรีบจัดการธุระส่วนตัวแล้วกลายมาเป็นยืนหัวเสียอยู่ที่หน้าร้าน
...บ้าจริง...ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่บาลีจะออกไปส่งหนังสือตามบ้าน กับตามร้านค้าแถวนี้ด้วย คราวหน้า คงต้องตื่นลงมาพร้อมกันแล้วขอเป็นคนเฝ้าร้านในตอนที่เขาออกไปส่งของ
...แย่ที่สุดเพราะมัวแต่ระวัง ไม่กล้าถามเรื่องในร้านมากนักเพราะกลัวจะผิดสังเกต ทำให้เสียเวลาไปคืนหนึ่งจนได้
...เสียเวลาเรอะ ไม่หรอก...
แพทถามและตอบตัวเองในใจ ถึงเมื่อคืนนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข้อความในโทรศัพท์มือถือ ที่ผัวเมียคู่นั้นส่งมาก็ทำให้แพทยิ้มได้
คนหนึ่งย้ำเรื่องที่ให้ทำ อีกคนพร่ำเพ้อเรื่องน้ำเน่าน่ารำคาญ!
ถ้าพัฒนะรู้ว่าเขานอนกับบาลีแล้ว คงแทบคลั่ง
ขอให้คลั่งด้วยเถอะ จะได้บอกว่า ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะเมียที่รักของพี่สั่งให้ทำ
คนโลภ กับคนมักมากมาเจอกัน ไม่มีอะไรดีไปกว่าให้มันหันไปทำร้ายกันเอง!
เมื่อบาลีกลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง แพทก็ทำข้าวต้มกับมื้อเช้าเสร็จแล้ว
“อ้าว ทำเสร็จแล้วเหรอ ว่าจะมาปลุก”
“พี่ตื่นผมก็ตื่นน่ะแหละ แต่พอลงไปพี่ก็ออกไปแล้ว ก็เลยกลับมาดูว่าพอจะมีอะไรทำได้บ้าง” แพทเอียงหน้า ยิ้มหวาน “พอจะทานได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”
กินข้าวเสร็จเดินไปส่งแพทที่รถ แล้วถึงได้กลับมาเปิดร้าน เจอปู่นั่งกอดอกหน้าตามึนตึงไม่พอใจชัดเจน ทั้งบ่นว่ามีคนมายืนทำหน้าตาโมโหคนทั้งโลกที่หน้าร้าน หลังจากที่บาลีออกไปส่งหนังสือพิมพ์ได้ไม่กี่นาที
ส่วนอีกคนยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานข้างเคาน์เตอร์
“ไปกับพี่มั้ย หรืออยากอยู่กับปู่”
เป็นหนึ่งหันไปหาปู่ เหมือนขอความเห็น
ปู่ถอนหายใจเหมือนรำคาญเต็มที
“........สั่งๆมาเหอะ อย่าถามนักเลย รู้อยู่ว่ามันจำอะไรไม่ได้......”
“ปู่”
“อะไร”
“ขี้โมโหเกินไปแล้วปู่” บาลีว่าปู่ แต่ดวงตากลับมองร่างโปร่งใสที่ไม่ยอมหันมามอง
“.....เออ ขี้โมโหมีหลานไม่ได้ดั่งใจ แผนมาก บอกอย่างทำอีกอย่างตลอด....”
บาลีหันออกไปมองด้านนอกร้าน “อันที่จริงผมก็โมโหมาก”
นายรักอ่านคนปัจจุบันบอกปู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ตรงข้ามกับมือที่กำแน่น เส้นเลือดที่ขมับปูดโปน “แต่ผมมีเป้าหมายที่สำคัญเกินกว่าจะยอมให้ความโกรธเข้ามาอยู่เหนือสิ่งที่ผมกำลังจะทำ”
เสร็จจากธุระของแตงโมกับฟองที่ไปรษณีย์ บาลีถึงได้นั่งแท็กซี่ต่อไปที่นิติเวช ผู้กองหมอกเพื่อนรักนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ที่ด้านหน้า
วันนี้ผู้กองใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนซีด วิทยุสื่อสารเสียบอยู่ที่เข็มขัดค่อนไปทางด้านหลัง
เป็นหนึ่งเดินตามมาแล้วหยุดยืนที่นอกเขตหลังคาอาคาร ทำให้บาลีหยุดเดินหันมาหา แล้วอธิษฐานขอให้เป็นหนึ่งเข้าไปด้านในด้วย
ศพที่พบมีอายุใกล้เคียงกับเป็นหนึ่ง และแน่นอนว่า ใกล้กับคอสอีกคน
บาลีรู้สึกหนักๆ ในหัวใจ จนต้องหันมามองร่างโปร่งใสที่ยืนอยู่ข้างกัน
ร่างกายบนเตียงเล็กขาวซีด บาดแผลลึกที่คอและมือชี้ว่า ฆาตกรตั้งใจให้เลือดไหลช้าๆ จนตาย
โหดเหี้ยมเกินกว่าจะคาดคิด
เมื่อออกมาที่ด้านนอก บาลีชวนเพื่อนไปกินอาหารที่ร้านอาหารหน้าโรงพยาบาลก่อนกลับ หันไปมองด้านหลัง เป็นหนึ่งยังคงตามมาเงียบๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางติดใจสงสัยอะไร
“บาลี มึงรู้อะไร” ผู้กองหมอกถามในระหว่างรออาหาร
“กูมีแต่ลางสังหรณ์ กับภาพมัวๆ กูไม่รู้อะไรหรอก”
“มึงรู้ เราเป็นเพื่อนกันมานาน” นายตำรวจมองแก้วเครื่องดื่มน้ำอัดลมแล้วมองหน้าเพื่อนรัก “กี่ครั้งแล้วที่คุยๆกันอยู่ มึงก็ลุกเอาของไปวางไว้ตามโคนต้นไม้ สามแยก หรือแม้แต่เสาไฟฟ้า ก็เห็นก็รู้มาตั้งนาน แต่ไม่อยากทัก แล้วถ้าหนนี้มันสำคัญถึงขนาดที่มึงให้กูไปตามหา กูก็อยากได้ข้อมูลอีกสักนิดว่ากูกำลังทำอะไรอยู่"
บาลีมองแก้วเครื่องดื่ม ขณะที่ผู้กองพูดต่อ “มึงห้ามกูใส่เครื่องแบบเข้าร้านมึง เพราะตราแผ่นดินไล่วิญญาณในร้านมึงใช่มั้ย”
บาลีพยักหน้า
“กูเองก็คิดมาตลอดว่ามึงรู้ แต่ก็ไม่อยากทำให้มึงเสียงานเหมือนกัน”
“แล้วตกลงคราวนี้มึงรู้อะไรมา”
“ไม่รู้อะไรเลย ก็อย่างที่บอก ว่ามีแต่ลางสังหรณ์”
“’งั้นกูถามใหม่ ทำไมมึงถึงสนใจคดีเด็กคนนี้”
“กูได้สร้อยมาเส้นหนึ่ง แล้วมี...เด็กผู้ชายคนหนึ่งตามมาด้วย” บาลีมองไปที่ร่างโปร่งใสที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ
ผู้กองมองตาม คิดว่าไม่กลัว เพราะเป็นเรื่องที่คิดไว้แล้ว แต่เอาเข้าจริงก็อดขนลุกไม่ได้
“อยู่ ตรง นี้ เหรอ” ผู้กองพูดเว้นวรรคทีละคำ
“อือ” บาลีตอบรับ
“เขาขอให้มึงช่วย”
“เปล่า อันที่จริงเขาไม่อยากให้กูช่วย” บาลีหยุดพูดเมื่อพนักงานร้านเข้ามาเสิร์ฟอาหาร “เพียงแต่เมื่อวานตอนที่มึงเล่าเรื่อง กูสังหรณ์ใจว่าเรื่องมันเกี่ยวข้องกัน”
ผู้กองหมอกถามต่อ “เขาไม่ให้สืบ แต่มึงสืบไม่โดนโกรธหรือไง”
บาลีพยักหน้ายอมรับอีกครั้ง “กูโดนงอนทุกรอบที่คิดเรื่องนี้”
ผู้กองหมอกถึงกับหัวเราะร่วน
รอจนเพื่อนหยุดหัวเราะ ความเครียดผ่อนคลายลง บาลีถึงพูดในสิ่งที่คิดไว้
“กูอยากให้มึงคุยกับแพท”
ผู้กองหมอกผงะ “เมียมึง”
“ก็..ไม่เชิง”
“ไม่เชิงยังไง”
“มันไม่ใช่ความรัก ต่างคนต่างหวังบางอย่างด้วยกันทั้งเขาและกูน่ะแหละ กูพยายามให้เขาพูดแล้ว แต่ไม่สำเร็จ กูอยากให้มึงคุยกับเขา”
“ขนาดมึงนอนกับเขา เขายังไม่บอกมึงเลย แล้วกับกูเขาเอาแต่หันข้างให้”
“มึงไม่ได้ชอบเขาหรือไง”
ผู้กองรูปหล่ออึ้ง “มึงรู้ว่ากูชอบเขา”
“ใครก็รู้ว่ามึงชอบเขา เป็นหนึ่งยังรู้เลย”
“อ้อ เออใช่ เด็กคนนั้นชื่อเป็นหนึ่ง” ผู้กองนึกออก “แต่จากท่าทีแล้ว เขาแสดงออกว่าเขาเป็นคนของมึง”
“ไม่ใช่หรอกน่า...”
“งั้นเรียกว่าอะไร”
“แพท”
“เออ แพท” ผู้กองประชด
“นั่นแหละ กูอยากขอให้มึงช่วยคุย ดูแล จัดการ และป้องกันแพท”
นายตำรวจหนุ่มนวดที่หว่างคิ้ว ท่าทางมึนงง
“ห่าเอ้ย ทั้งที่รู้ว่ากูคิดไม่ซื่อกับเขา”
“แล้วมีใครคิดซื่อกับใครบ้าง จะกูหรือแพทก็เถอะ เพราะกูรู้ว่ามึงคิดอะไรกับเขา กูถึงขอให้มึงช่วย แทนที่จะรอไอ้ฟองไง”
“มึงแน่ใจนะว่า ไม่ใช่เพราะมึงเบื่อเขาเลยจะโละให้กู”
“กูเลวขนาดนั้น”
“ไม่” นายตำรวจตอบทันที “มึงเป็นมนุษย์ผู้ไม่สนใจโลก แต่มึงอาจเลวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ กูเคยเห็นมึงเลือดเย็นอย่างที่กูยังไม่เชื่อตากูเองมาแล้ว”
เปลวไฟที่ลุกท่วม เสียงกรีดร้องโหยหวน แต่ที่ต้องจดจำไปจนวันตายคือแววตาแข็งกร้าว และรอยยิ้มที่ทำให้เลือดในกายต้องเป็นน้ำแข็ง
กินอาหารเที่ยงเสร็จ กลับออกมาขึ้นรถของผู้กองกลับมาที่ร้าน บาลีย้อนกลับไปที่เรื่องที่คุยกันไว้
“ครั้งแรกที่เขาเดินเข้ามาในร้าน กูเห็นว่าเขามีพื้นฐานจิตใจดี น่าสงสารแต่มีใครหลายคนกดดันให้เขาทำต้องมาเอาหนังสือ กูก็คิดว่า ถึงวันนี้กูไม่มีใจกับเขาแต่เราก็ดีต่อกันได้ จะเกิดอะไรก็ช่างมันกูตัวคนเดียว ต่อมากูให้เป็นหนึ่งเข้าบ้านได้ แล้วเป็นหนึ่งก็ไม่เคยชอบแพทเลยทั้งที่จำอะไรไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเป็นหนึ่งพยายามปกป้องคอส แล้วพอมาเห็นว่าเขาแสดงท่าทีอาฆาตคอส ไอ้ที่กูไม่เคยยอมรับก็ต้องยอมรับ แล้วพอมามองสายตาเขาอีกทีก็เห็นว่ามันเปลี่ยนไป แต่เพราะเห็นว่ามึงชอบเขากูก็จะทำเฉย ถ้ามึงชอบเขาจริงก็จีบเอาเอง ก็อย่างที่กูบอกแตงโมว่ามันเป็นเรื่องของหัวใจ ถ้ามึงไม่ได้ชอบเขามากพอ...ถ้าเรื่องมันถึงที่สุด กูจะจัดการเอง”
“เฮ้ยบาลี! อย่านะโว้ย!” ผู้กองร้องเสียงดัง “ไม่ได้นะ!”
บาลียักไหล่ มองออกไปนอกรถ
ผู้กองหมอกพูดอย่างจริงจัง “กูไม่มีหลักฐานจับมึงเข้าคุกก็จริง แต่มึงรู้ดีแก่ใจว่าตอนนั้นมึงทำอะไร”
“กูก็พยายามอยู่นี่ไง” บาลีตอบสั้นๆ
ผู้กองหมอกพ่นลมหายใจ จนบาลีหันมายกยิ้มมุมปาก “กูรู้ตัวหรอกน่า ว่ามึง ไอ้ฟองกับแตงโม กลัวว่ากูจะทำอะไรขึ้นมาอีกถึงได้ผลัดกันมาหากูที่ร้าน”
“เฮ้ย! ไม่หรอกน่า!”
ผู้กองทำเสียงสูงปฏิเสธ ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนพูดถูก
บาลีพูดต่อไป “เพราะมึงเป็นคนดี กูถึงต้องฝากเขาไว้กับมึง เพราะขณะที่เขาแสดงท่าทีแบบนั้นกับคอส แต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างบอกกับกูว่า เขากำลังทำลายตัวเองเพื่อทำลายคนอื่น มีแต่มึงที่จะทำหน้าที่นี้ได้”
“โห ภูมิตายห่าละกู ยกกันขนาดนี้” นายตำรวจทำเป็นยืดตัวภูมิใจ
“ถ้ามึงไม่รังเกียจ...”
“กูไม่เคยรังเกียจ โดยเฉพาะการช่วยคนไม่ให้ทำความผิด”
“บอกตามตรงเขาเคยนอนกับกูแล้ว”
“แล้วไง” ผู้กองย้อน “กูแค่ดูแลเขา ส่วนเรื่องนั้นน่ะ ทั้งมึง กู หรือจะไอ้ฟอง มีใครจิ้นก่อนเจอตัวจริง แล้วจะไปตั้งข้อรังเกียจเขาด้วยเรื่องนี้ได้ยังไง”
บาลียกยิ้มมุมปาก หันไปมองเป็นหนึ่งที่เบาะหลัง
....บอกแล้วว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนดี มีจิตใจดี แพทจะต้องปลอดภัยเมื่ออยู่กับหมอก...
=======จบตอนที่ 8========
นายรักอ่านหายไปทำใจ อ๊ะไม่ใช่ วันนี้วันพุธ พี่ไจฟ์ต้องไปปฏิบัติภารกิจเพื่อเด็กน้อยตัวเล็กจิ๋วที่ไปโรงเรียนก่อนใคร ผมเรียบเรียงตอนนี้ใหม่ทั้งตอน โดยยกตอนที่ 30-32 บางช่วงมาไว้ที่นี่ เพราะมันจริงอย่างที่คุณผู้อ่านแนะนำว่า ปัญหาคือเราไม่รู้ว่านายรักอ่านคิดอะไรอยู่
ถ้าอ่านแล้วมันวกวนบอกด้วยนะครับ ผมจะแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะผมไม่ได้เขียนบาลี ใช้วิัธีก๊อปประโยคที่พี่ไจฟ์เขียนไว้แล้วเอามาแปะ แล้วก็เรียบเรียงใหม่
บาลีพูดสำนวนเดียวกับคอสหรือเปล่าหนอ 
ที่ผ่านมาผมจะเขียนตัวนายเอกกับผู้หญิง แต่เรื่องนี้เขีัยนแค่้ คอสกับเป็นหนึ่งกับเพื่อนๆคอส เพราะว่าแพทเนี่ยป๋าเขาวางไว้ว่าอยากให้เหมือนนางร้ายแบบละครเกาหลีน่ะ ผมก็ยกมือทันใด "มิสามารถ" เพราะุถ้าผมเขียนนะเรื่องนี้มันจะไม่ถึงตอนที่ 15 เนื่องจากแพทจะเล่าหมดว่าใคร อะไร ยังไง
ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณที่บอกกันอย่างตรงไปตรงมาว่าทำไมคุณถึงไม่ชอบ 
เพราะเรายังไม่เก่ง 
พบกันวันศุกร์ครับ
ไจฟ์กับทีครับ
ตอบๆๆ อยากตอบ
พี่ iforgive ครับปริศนาคลายก็จบสิครับพี่ แต่จะว่าไป บอกๆไปให้หมดเนี่ยผมถนัดมากเลยนะ 555
พี่ jeeu ครับ ตั้งแต่แตงโมมาจนถึงหมอกและปู่ยังบอกว่าไม่เคยเดาใจลุงบาลีได้สักครั้ง แล้วประสาอะไรกับเรา ปล่อยลุงแกไปเหอะ อยากทำอะไรก็ทำไปเหอะ มาเล่นเกมกับผมดีกว่า
พี่ MiSS-U บาลีน่ากลัว คนเขียนบาลีน่ากลัวกว่า เชื่อผมเหอะั แค่มองเท่านั้นเด็กน้อยเนิร์สเซอรี่หมีน่ารักเงียบกริบเข้า่แถวกันเป็นระเบียบเป๊ะๆ