โปรดอ่านเพื่อความบันเทิง และวางใจนายรักอ่านครับ
ตอนที่ 18เช้ามืดบาลีตื่นนอนด้วยความเคยชิน เสียงกุกกัก และแสงไฟจากห้องน้ำในตอนที่บาลีเปิดประตู ทำให้คนที่นอนพื้นปรือตาขึ้นมอง
ชั่วแวบหนึ่ง คอสเห็นเงาร่างโปร่งใสยืนยิ้มให้กับบาลีอยู่ที่หน้าห้องน้ำ แต่เมื่อขยี้ตา ร่างโปร่งใสนั้นก็หายวับไป
คอสผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที จนบาลีหันมามอง
“เป็นอะไร ฝันร้ายหรือไง”
คอสส่ายหน้า ทำตาโตมองไปรอบห้อง
“ไม่ได้ฝันร้ายแล้วทำไมทำหน้าตาอย่างนั้น”
คอสอึ้งๆ มองหน้าเจ้าของห้อง “สงสัยเมาค้าง”
“นอนไปก่อน สอบบ่ายไม่ใช่หรือไง”
หนุ่มนักศึกษาขยี้ตาอีกที แล้วล้มตัวลงนอนต่อ แต่บาลีดึงให้ขึ้นไปนอนบนเตียง
“นอนให้สบาย”
เจ้าของห้องรูปหล่อตัวโตบอกแล้วหันไปแต่งตัว แต่สายตาไปหยุดอยู่ที่คนหลับ
....ชอบพี่งั้นหรือ แล้วก้อยล่ะ การรักชอบใครสักคนมันเกิดขึ้นได้ง่ายแล้วก็หมดไปง่ายๆ เหมือนกันหรือไง
....ตอนที่ได้ยินคำพูดว่าชอบ หัวใจมันก็พองฟูคิดว่าเราจะเรียนรู้ไปด้วยกัน แต่พอเห็นเงาของตัวเองในกระจก ความเป็นจริงมันก็ย้ำเตือน
....นายรักอ่านคนนี้มีความรักไม่ได้ คนประหลาดที่มองเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น
….ขนาดแม่แท้ๆ ยังกลัวและจากไป
....หยุดเถอะ
....อย่าปล่อยให้กลิ่นหอมทำให้จิตใจไขว้เขว
....อย่าหลงทางไปกับรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะแบบนั้น
....จงถอยห่างออกมา กลับมาอยู่ในร้านหนังสือเหมือนเดิม
หันมาอีกทีเป็นหนึ่งกำลังส่ายหน้าไม่เห็นด้วยอยู่ข้างๆ
“พี่มีความรู้สึกที่ดีกับคอส แต่ให้มันหยุดแค่นี้ดีกว่าเป็นหนึ่ง ดีกว่าที่จะต้องเสียใจด้วยกันทั้งคู่”
เป็นหนึ่งยังคงส่ายหน้าอยู่เหมือนเดิม
บาลียิ้มเศร้าเดินออกมาจากห้องนอน
เปลี่ยนความคิดจากคอสกลับมาที่เป็นหนึ่ง ที่ติดตามไปทุกที่แล้วก็พอจะเข้าใจได้ว่าคอสกับเป็นหนึ่งคงใช้ชีวิตแบบไปนอนห้องเพื่อนคนนั้นคนนี้คล้ายกัน เป็นหนึ่งหายไปเป็นอาทิตย์ครอบครัวถึงได้เพิ่งแจ้งความคนหาย
แต่คอสเคยเล่าว่าอยู่หอพัก
ส่วนเป็นหนึ่งอยู่บ้านกับพ่อแม่ แล้วก็ไม่ค่อยยุ่งกับใคร แต่ใครๆ ชอบมายุ่งกับเป็นหนึ่ง
ตอนที่ปิดประตูห้องก้าวลงมาที่หน้าร้าน บาลีถึงได้หันไปมองร่างโปร่งใสที่อยู่เคียงข้าง
“พี่อยากคุยกับแม่ของเป็นหนึ่ง หรือไม่ก็เพื่อนๆ”
แต่เป็นหนึ่งขมวดคิ้วแน่น แล้วส่ายหน้า
พอเก็บห่อหนังสือพิมพ์เข้ามาในร้าน เห็นปู่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรด
“....จากไปโดยไม่ผูกพันกับอดีตมันก็ดี....”
แต่บาลีทำเหมือนคุยกับหนังสือพิมพ์ “ไม่พบศพ ยังไม่ได้ส่งวิญญาณ ก็ยังไม่ได้ไป”
“.....พบศพ ส่งวิญญาณแล้วยังไม่ยอมไปก็มี....” ปู่เถียง
“เหมือนปู่ใช่มั้ย” บาลีย้อนตรงๆ ทำให้เป็นหนึ่งหน้าตาเหรอหรา
ปู่กับหลานเลยหันมาหา
“....อย่าแปลกใจ บาลีมันชอบย้อนปู่แบบนี้เสมอแหละ...” ปู่บอกเป็นหนึ่งแล้วหันมาบอกบาลี “....มันคือภาระหน้าที่ของปู่ที่ต้องส่งหนังสือโบราณพวกนี้คืนให้เจ้าของ ไม่เหมือนพ่อแกหรอก สบายไปแล้ว...”
“หน้าที่ของเขามีผมมาทำต่อแล้วนี่ไง” บาลีเถียงไปเรื่อยแล้วหันมาชวนเป็นหนึ่ง “ไปส่งหนังสือกัน วันนี้กินกระเพาะปลามั้ย”
เป็นหนึ่งยิ้มหวาน พยักหน้าตามบาลีออกไปส่งหนังสือ
บาลีพยายามหยุดเป้าหมายในใจในตอนนี้ไว้เพียงแค่การหาศพของเป็นหนึ่งให้พบ เพื่อให้นำกลับมาประกอบทำพิธีทางศาสนาให้ถูกต้อง ส่วนเรื่องที่ใคร หรืออะไรที่คร่าชีวิตของเป็นหนึ่งไป นั่นต้องเป็นเรื่องของตำรวจแต่พอนึกต่อไปถึงสร้อยข้อมือที่คอสบอกว่าก้อยเป็นคนให้มา ที่มันกลับพาเป็นหนึ่งมาด้วย ภาพศพหนุ่มนักศึกษาในห้องเย็นที่โรงพยาบาลหวนกลับมาให้ฉุกใจคิดต่อไปว่า ถ้าเป็นหนึ่งถูกทำให้ตายด้วยวิธีเดียวกัน….
เงาร่างโปร่งใสที่อยู่ข้างๆ ส่ายหน้าแรงๆ จนบาลีต้องยกมือ
“โอเค ไม่คิดต่อแล้ว จริงๆ สัญญา”
แต่เป็นหนึ่งกำลังทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้
“จริงๆ ไม่คิดต่อแล้ว ก็แค่สงสัยนิดหน่อย”
ร่างโปร่งใสหันมองซ้ายขวา ทำท่าจะเข้าไปในตู้หนังสือที่เก็บของสะสม
“เป็นหนึ่ง พี่ขอโทษ มันก็แค่พอเริ่มคิดก็คิดไปเรื่อยเท่านั้นเอง นะไม่โกรธนะ มากินกระเพาะปลาดีกว่ามา” บาลีเทกระเพาะปลาใส่ถ้วยให้
มีเสียงหัวเราะของปู่ลอยมาให้ได้ยิน
“....ว่าร้ายนักร้ายหนา สุดท้ายมันก็ต้องมีคนที่ร้ายกว่า....”
“โธ่ปู่ แทนที่จะช่วยกัน”
“....ไม่ช่วยโว้ย เขายังไม่พร้อม แกก็จะใจร้อนทำไมไม่รู้...”
“ไม่ใช่ใจร้อน แต่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันมากองอยู่ข้างหน้านี่แล้ว”
“...แล้วแกคิดว่าอะไรทำให้คนลืมเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่น่าจำไง ก็ยังไปบังคับให้เขาจำให้ได้อยู่นั่นแหละ....”
บาลีหันไปหาเป็นหนึ่งอีกครั้ง “พี่ขอโทษ”
เป็นหนึ่งเหลือบมองปู่
“.....ไม่ต้องขอบคุณปู่หรอก ปู่เข้าใจแก มีแต่ไอ้หลานชายประหลาดนี่น่ะแหละ ที่ไม่รู้จักเข้าใจอะไรซะเลย คนนะโว้ย ไม่ใช่หนังสือ จะได้มีทุกคำตอบอยู่ในนั้น....”
ตอนที่คอสตื่นมาตอนเกือบ 7 โมงเช้าอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาจากห้อง เห็นบาลีนั่งกินอาหารเช้าอยู่คนเดียว แต่มีกระเพาะปลาวางอยู่บนโต๊ะ
“พี่”
“เออ มีโจ๊กกับกระเพาะปลา ปาท่องโก๋ กินอะไร”
คอสมองกระเพาะปลาในถ้วยที่วางอยู่ กับของที่ยังอยู่ในถุง แล้วนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เลยเดินไปเทโจ๊กใส่ถ้วยแล้วเดินมานั่งกิน
แต่พอนั่งลงบาลีก็อิ่มพอดี
“พี่วางไว้เดี๋ยวผมล้างเอง”
แต่บาลีก็ล้างเองจนเสร็จแล้วบอกให้อ่านหนังสือไปก่อนก็ได้ ยังไม่ต้องรีบลงไปที่ร้าน
คอสนั่งกินอาหารเช้าต่อไป ขณะที่เหลียวมองไปรอบห้อง กินต่อจนเสร็จแล้วมายืนมอง
“อันนี้จะเก็บไปล้างได้หรือเปล่าหว่า” เหลียวมองซ้ายขวา แล้วก็ปล่อยวางไว้ที่เดิม
ลงมาทำงานในร้านไปตามเรื่อง ถึงจะไม่มีอาการเมาค้าง แต่ท่าทางเหมือนจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนพูดอะไรไปบ้าง
....เออ แล้วนี่ไอ้นายรักอ่านคนนี้คิดบ้าอะไรมาตั้งแต่เช้าวะเนี่ย เดี๋ยวคิดเรื่องเป็นหนึ่งทั้งที่เขาไม่อยากให้คิด เดี๋ยวคิดเรื่องคอสทั้งที่เขาไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับตัวเองซักอย่าง ไอ้คนที่มันบอกว่าชอบด้วยประโยคน้อยใจแบบนั้นมันหายไปไหนแล้ววะ...
บาลีถอนหายใจหนักๆให้ตัวเอง
ทำไมพักนี้นายรักอ่านมันถึงได้ผิดฟอร์มไปมากขนาดนี้....
พอ 9 โมงเช้ากว่าๆ คอสก็หันมาถาม
“พี่ เที่ยงจะกินอะไร ผมไปซื้อมาให้”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้มันเร็วไป”
แต่คอสก็ซื้อราดหน้ากลับมาฝาก วางไว้ที่โต๊ะในห้องพักด้านหลัง แล้วออกไปมหาวิทยาลัย
นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โรงฝึกงานจนเที่ยง ไอ้เทียมเพื่อนรักถึงได้เดินเข้ามา แล้วออกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน
ใกล้เข้าห้องสอบ ก้อยถึงได้มา
มาถึงก็แยกไปนั่งเงียบไม่พูดไม่คุยกับใคร เจี๊ยบเข้าไปทักถาม ก้อยก็แค่หันมามอง แต่ไม่ตอบคำถาม ทำให้เจี๊ยบต้องเดินกลับมารวมกลุ่มกับคนอื่น
“องค์นางหยิ่งประทับ”
คอสยังคงอ่านหนังสือในมือ ทำให้เจี๊ยบตั้งข้อสังเกต “แกไม่อยากรู้ ไม่ห่วงก้อยแล้วหรือวะ”
“คงงั้น”
“เออ ก็ดี” เจี๊ยบบอก “เพราะเจอคนอื่นหรือไง”
คอสเงยหน้าจากหนังสือในมือ “ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว อะไรของมึงเนี่ย” เทียมทำเหล่ตามอง “ก่อนนี้พร่ำเพ้อ เขาดีงั้นงี้ โดนเขาเชิดใส่ยังว่าเรื่องธรรมดา แต่อยู่มาวันหนึ่ง เสือกหมด”
“ก็เออ หมดน่ะแหละ”
“อ่ะ จริง ดิ” เจี๊ยบทำตาวาว จนกลุ่มเพื่อนชายที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พากันส่งเสียงแซว
“มึงได้โอกาสละสิ”
“ห่า พวกมึงนี่” เจี๊ยบด่าเพื่อน แต่หันมายิ้มกว้างอย่างมีความหวังกับคอส
เดินออกจากห้องสอบหลังเทียม เพื่อนตัวผอมไหล่กว้างถามทันที “ไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ยังไม่รู้ว่ะ”
พอเดินผ่านคณะออกแบบนิเทศศิลป์ คอสก็หยุดเท้า
“เทียม ไปกะกูหน่อย”
“จะเช็กชื่อใครวะ”
“ฮึ่ย” คอสกระแทกเสียงในคอ “กูแค่สงสัยอะไรบางอย่าง”
2 หนุ่มอุตสาหกรรมศิลป์เดินข้ามถิ่นเข้าไปในตึกเก่า นักศึกษาบางตา เพราะหลายคนที่สอบเสร็จก็กลับไปแล้ว ส่วนที่นั่งอยู่ก็เพราะคอยเพื่อน
คอสมองหากลุ่มปี 4 แล้วเดินเข้าไปถาม
“มะตูมอยู่มั้ย”
“ไม่หรอก” เพื่อนร่วมห้องเรียนของเป็นหนึ่งตอบ “มันไม่มาตั้งแต่เปิดเทอมโน่นแล้ว”
“มันลาออกเหรอ”
“เปล่า มึงมีไรกับมัน หัวหน้าชั้นไปตามมันถึงบ้าน เห็นว่ามันออกไปเที่ยวแล้วหายไป”
คอสหันไปมองหน้าเทียม ท่าทางเต็มไปด้วยคำถามเหมือนกัน จนเพื่อนของเป็นหนึ่งต้องอธิบายเพิ่ม
“ที่บ้านก็ไปแจ้งความ ตามหากันอยู่ ตกลงมึงมีไรกับมัน”
คอสลักไก่ไปเรื่อย “ก็ที่มึงเล่ามาก็เคยได้ยิน แต่คิดว่ามันมีความคืบหน้าอะไรอีก”
เพื่อนของเป็นหนึ่งส่ายหน้า “ก็รู้เท่าที่รู้แหละ ไอ้เสกหัวหน้าชั้นเคยแวะไปหาพ่อแม่ไอ้มะตูมที่บ้าน แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าก็เลยไม่ได้ไปอีก”
“แปลกว่ะ” เทียมพูดพึมพำ
“เออ ก็คิดอยู่เหมือนกัน ถ้ามันเป็นผู้หญิง ก็ต้องคิดว่ามันหนีตามใครไปแล้ว แต่นี่มันเป็นผู้ชาย แล้วต่อให้หนีออกจากบ้าน ยังไงก็ต้องโทรศัพท์ติดต่อกันได้ หรือมาเรียน เพราะมาจนถึงเทอมสุดท้ายแล้ว” เพื่อนเป็นหนึ่งเล่าไปเรื่อยๆ แล้วหันไปเห็นชายหนุ่มผมยาวมัดรวบไว้ที่เพิ่งลงมาจากตึกเรียน “ไอ้เสกมาโน่นแล้ว มึงจะถามอะไร”
“มีไร คอส เทียม”
“กูมาถามเรื่องมะตูม”
“ยังไม่กลับบ้านเลย” เสกตอบสั้นๆ
เทียมแสดงความเห็น “ดูท่าทางมันออกเรียบร้อย มันไม่น่าเป็นคนประเภทคิดอะไรง่ายๆ เลยว่ะ”
“เออ” เสกพยักหน้าเห็นด้วย “มันไม่เที่ยวด้วย พ่อแม่มันก็พยายามถามพวกกูว่า มันสนิทกับใครบ้าง ใครแค้นมัน ต่างถิ่นต่างสถาบันไรงี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้อะไรเลย”
“ขอเบอร์บ้านมะตูมได้มั้ย” คอสบอก
“มึงมีอะไรกับมันหรือเปล่า” เพื่อนของเป็นหนึ่งยังไม่คลายข้อสงสัย แต่เสกพูดนิ่งๆ ด้วยมาดของหัวหน้าชั้นปี
“ดูไปดูมา มึงกับไอ้มะตูมนี่ก็มีอะไรที่มันคล้ายกันเหมือนกันนะ”
“กูไม่ได้มีอะไรกับมันหรอก แค่สงสัย”
“ไปเจอคนหน้าคล้ายมันหรือไง” เสกถามเหมือนมีความหวัง
“ไม่หรอก แต่กูเจอคนที่ถามถึงมัน แล้วก็มีอะไรอีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับมันน่ะ”
“อะไรวะ” เสกถาม
“กูก็ไม่รู้ ไว้กูมีคำตอบกูจะมาบอกมึงละกัน”
เสกจดเบอร์โทรศัพท์ของมะตูมทั้งมือถือ และที่บ้านให้คอส ที่รับมาแล้วก็พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เจอกับเป้งและพวกแถวหน้ามหาวิทยาลัย พยักหน้าทักทาย แล้วแยกกับเทียมกลับมาทำงานต่อที่ร้าน
บาลีกำลังเรียงหนังสือใหม่อยู่ที่ชั้น ตอนที่คอสเดินเข้ามาในร้าน เป็นหนึ่งหันไปมองแล้วหันมาหาบาลีทำท่าเหมือนอยากให้พูดจาทักทาย
“คอส มีอะไร”
คอสขมวดคิ้ว “ไร เจอหน้า ถามมีไร มันไรกัน”
บาลีอยากเขกหัวคอสสักที “ก็ทำหน้าตาเหมือนแบกโลกน่ะมันอะไร”
คอสทำปากยื่นเดินเข้ามาหา “พี่ เมื่อไหร่จะคืนสร้อย”
บาลียกยิ้มมุมปาก “บอกมาก่อน ว่าทำไมถึงอยากได้นัก”
“ก็มันของผม”
บาลีหันไปส่งยิ้มทักทายลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน แล้วกลับมาจัดหนังสือต่อเหมือนลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่คุยอะไรกัน คอสได้แต่ฮึดฮัด แล้วเดินไปหลังร้านหยิบโต๊ะพับออกมาวาง จัดสร้อยไปก็คอยหันมามองเหมือนหาโอกาสที่จะคุย
พอทุ่มเศษๆ ฟองก็มากับแตงโม คอสถึงได้นึกขึ้นได้ วิ่งไปเอาสร้อยข้อมือที่แตงโมสั่งไว้
หญิงสาวที่ชื่นชอบสร้อยข้อมือ ยกอวดคนรัก “สวยนะ”
ฟองหนุ่มผมหยิกพยักหน้าเห็นด้วย “เท่าไหร่น่ะคอส”
คอสลูบท้ายทอย ตอนที่ทำก็คิดเก็งราคาไว้ในใจอยู่หรอก แต่พอมาถึงตอนนี้กลับไม่กล้าพูด
“พันนึง” บาลีช่วยบอก
ฟองแค่ชะงักมองหน้าเพื่อน แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ คอสถึงกับทำตาโต คนแถวนี้ใช้เป็นแต่แบงค์พันจริงๆ
“เย๋ย พี่ครับไม่ถึงพันหรอกครับ”
“เออ เอาไปเหอะ” แตงโมบอกขณะที่ดึงแบงค์จากกระเป๋าฟองมาส่งให้คอส
หนุ่มนักศึกษารับเงินใส่กระเป๋าตั้งใจไว้ว่าจะทำสร้อยอีกสักชุดให้พี่ทั้ง 2 คนใส่คู่กัน
“ขอบคุณมากฮะ”
บาลีหันไปคุยกับเพื่อน ส่วนคอสก็หันมาขายสร้อยให้กับเด็กนักเรียนหญิง มีเป็นหนึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ จนกระทั่งจะได้เวลาปิดร้าน ไม่มีลูกค้าอยู่ในร้าน บาลีถึงได้หันมาชวน
“คอส ไปกินเหล้าด้วยกันมั้ย พวกไอ้ฟองรออยู่”
“ไม่อ่ะ เมื่อคืนก็ไม่ได้กลับห้อง วันนี้กลับไปทำงานต่อให้เสร็จดีกว่า”
แต่พอกลับมาถึงหอพัก คอสก็แวะเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตซื้อเบียร์และบุหรี่ขึ้นไปที่ห้อง เปิดประตูระเบียงนั่งดื่มอยู่คนเดียว
=====จบตอนที่ 18=====
ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าอะไรทำให้คุณอ่านเรื่องนี้ไ่ม่รู้เรื่อง
ตามบรรทัดแรกนะครับ โปรดอ่านเพื่อความบันเทิง ไม่มีอะไรในเรื่องนี้เป็นจริงสักอย่าง ต่อให้มีบางอย่างที่คุณรู้ได้ด้วยหัวใจคุณเองว่ามันคือความจริงก็เถอะ
ยอมรับว่าเป็นความผิดของผมเอง ที่ำทำให้คุณต้องอ่านเรื่องนี้ด้วยความหวาดระแวง ขออภัยจากส่วนลึกของหัวใจ
พักคำถามและข้อสงสัยทั้งหมดไว้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าหนังสือกับสร้อย ส่วนอื่นมันคือวิถีืทางแห่งโลกนิยาย
ขอบคุึณที่วางใจติดตามเรื่องนี้มาจนถึงครึ่งเรื่อง เหลืออีกครึ่งหนึ่งกับตอนพิเศษ ที่จะมาในอาทิตย์หน้า เพราะผมเขียนเอง ตามตารางแล้วมันจะต้องอัพวันศุกร์นี้ แต่จนถึงตอนนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งยังเป็นประโยคโดดๆอยู่เลย
แล้วพี่ไจฟ์ยังไม่ได้ตรวจ (ก็จะตรวจอะไรละเนอะ) ขอโทษครับ ส่วนตอนที่ 19 วันพฤหัสฯผมเป็นคนอัพ เพราะพี่ไจฟ์ไม่อยู่ ไปไหนไม่รุขี้เกียจถาม 
กำลังสงสัยอยู่ละสิ ว่้าไจฟ์มาไม้ไหนอีกแล้ว ไม่มีไม้ไหนจริงๆ ไม้อะไรก็ช่้างเหอะ เย็นนี้อยากกินยำไข่ปลาหมึกอ่ะ
อย่าทำให้ผมได้ใจว่าผมเขียนสมจริงจนคุณเครียด เหรอ คร๊ายยครายเครียด อยากกินฟรุ๊ตพายด้วยอ่ะ
โปรดรับคำขอโทษ และขอขอบคุณทุกความเห็นครับ กลับบ้านซื้อแตงโมมาด้วยนะ 
ไจฟ์ครับ ทีครับ