มาแล้วครับ 
ตอนที่ 21มีเสียงคล้ายกระเบื้อง และแก้วแตกเปรื่องจากโรงฝึกงานที่ก่อด้วยอิฐสีแดงใกล้รั้วหลังบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวท่าทางไว้ตัว เหยียดริมฝีปากเมื่อเดินเข้าไปใกล้
เมื่อเปิดประตูไม้ ถึงได้เห็นว่าด้านในคือห้องโล่งกว้าง แบบโรงฝึกงาน เตาเผา และโต๊ะใหญ่ ชิ้นงานทั้งที่เสร็จแล้ว และที่ยังไม่เสร็จถูกทิ้งค้างไว้ อุปกรณ์ในการปั้นดินเผา และเป่าแก้ววางอยู่ที่ชั้นวางของและบนโต๊ะ ริมฝาผนังมีซากแจกันดินเผา และแก้วแตกเกลื่อน
หญิงสาวตวัดหางตามองเศษซากความเสียหาย ขณะที่เข้ามายืนพิงโต๊ะ
“ยังหามันไม่เจอ...”
ชายวัยอายุกว่า 40 ปีกำมือแน่น
“มันอยู่กับผัวมันไง”
“ก้อย!”
แม้เสียงนั้นจะดังก้อง แต่ก้อยก็ไม่ได้สนใจ
“นี่ยังคิดว่ามันบริสุทธิ์อยู่หรือไง”
“แพทไม่ได้เป็นอย่างที่ก้อยเข้าใจ”
ก้อยทำเสียงขึ้นจมูก สีหน้าดูหมิ่นชัดเจน “โง่ ดูไม่ออกหรือไงว่าอย่างมันน่ะมีผัวมากี่คนแล้ว คุณพี่น่ะมัวแต่ทนุถนอมมัน สุดท้ายมันก็ไปร่านกับคนอื่น”
พัฒนะอ้าปากเหมือนกอบอากาศหายใจ สิ่งที่ก้อยกำลังพูดตรงกับที่กำลังคิดอยู่ แต่ไม่อยากยอมรับ
ก้อยผลักแบบแจกันดินเผาที่วางอยู่ใกล้ ปล่อยให้ตกลงพื้นแล้วแตกกระจาย
“เครียดนัก ก็ไปหาของเล่นกันดีกว่ามั้ย”
พัฒนะชะงักค้าง
“ของเล่น ตอนนี้คงไม่เหมาะ”
ก้อยยกยิ้มที่มุมปาก ชวนให้คิดถึงปีศาจร้าย “จะมาไม่อะไรกันตอนนี้ หรือว่าอยากให้ชั้นออกไปหาเอง”
พัฒนะจ้องมองเศษซากสิ่งของที่แตกหัก นับตั้งแต่แต่งงานกับประกายแล้ว ประกายให้แพทย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ โดยอ้างว่า เพราะประกายมีน้องสาวที่ต้องรับมาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่า แพทจะมีท่าทางออกสาวอย่างชัดเจนก็ตาม แต่นั่นกลายเป็นการทำให้โอกาสที่จะได้พบกับแพทน้อยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะที่ทำงานนานๆ ครั้งถึงจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่อย่างน้อยเวลาที่แพทมาที่บ้านใหญ่ ก็จะต้องได้พบกัน โทรหาแพทก็จะรับสาย
เมื่อคิดลำดับเวลาอีกครั้งก็พบว่า นับตั้งแต่วันที่ไปร้านนายรักอ่านแพทก็หายไป รู้ว่าแพทยังมาทำงานแต่ไม่เคยได้เจอ หาทางหลบเลี่ยงไปได้เสมอ ไปดักรอที่คอนโดฯ ก็ไม่เคยได้พบ โทรหาไม่เคยรับสาย
มีแต่คำพูดของคนนั้นคนนี้ว่าแพทไม่ได้ไปไหน ทั้งดูมีความสุขมากกว่าเดิม
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เหตุผลเดียวคือไอ้ตำรวจคนนั้น
ทั้งที่กำลังอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้า แต่พอรู้ว่าแพทกำลังอยู่ในห้องทำงานของประกาย พัฒนะก็รีบไปหา เห็นแพทกำลังรับแฟ้มงานที่ประกายเซ็นเสร็จแล้ว แต่พอพัฒนะเข้ามาในห้อง แพทก็เตรียมพร้อมที่จะออกไปจากห้องนี้
“เอางานมาส่งประกายหรือ”
“ครับ”
“แพทไม่ได้อยู่ที่คอนโดฯ แล้วหรือไง” พัฒนะซักถามแพท ลืมไปว่าประกายอยู่ในห้องด้วย
ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางก้มหน้า "มันเกินเวลาที่คุณประกายให้เวลาผมไปเอาหนังสือเก่าจากร้านนายรักอ่าน และผมจะต้องย้ายไปทำงานที่ใต้ ผมก็เลยเก็บของออกมาและเตรียมตัวย้ายไปใต้น่ะครับ" แพททำน้ำเสียงถ่อมตัวได้สมจริงจนแม้แต่ตัวเองยังแปลกใจ
"ไม่ พี่ไม่ให้แพทไป" พัฒนะคว้าแขนของแพทไว้แน่น
ประกายผุดลุกขึ้นมากระชากมือของพัฒนะออก
"คุณพี่!" ประกายตวาดสามีดังลั่นห้องทำงาน
แพทเพียงแค่ก้าวถอยหลัง ไปยืนอยู่ข้างหลังประกาย
"อะ เอ่อ ประกาย จะให้แพทไปใต้ได้ยังไง เรื่องคอนโดฯ หรืออะไร มันก็เป็นสิทธิ์ที่แพทควรจะได้อยู่แล้ว"
"แต่มันคือเงื่อนไขที่ประกายบอกกับน้องรักของคุณพี่นะคะ ในเมื่อมันทำไม่ได้ มันก็เตรียมตัว ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง" ประกายยิ่งพูดยิ่งจ้องมองพัฒนะด้วยดวงตาที่เหมือนปีศาจร้ายไม่ต่างจากน้องสาว
พัฒนะกลืนก้อนน้ำลายลงคอ พูดข้ามไหล่ประกายไปหาแพท "แพทไปอยู่ที่ไหน"
"อยู่แฟลตครับ"
"อยู่กับใคร"
แพทก้มหน้า แต่เหลือบตามองประกายเหมือนจะขอความช่วยเหลือ
ประกายเห็นท่าทีนั้น เพราะพอรู้อยู่บ้างจากที่ก้อยเล่าให้ฟัง ก็เลยเชิดหน้าขึ้นสูง จนเหมือนใช้หางตามองสามี "มันจะอยู่กับใครก็เรื่องของมัน ชีวิตของมัน คุณพี่เกี่ยวอะไร"
"แต่แพทเป็นน้องผม"
"น้องของคุณพี่แล้วไง คนที่ทำงานไม่สำเร็จ มันคือคนไร้ค่า"
"แต่แพทเป็นน้องของผม เขาไม่ใช่คนในบริษัท ไม่ใช่คนงานในบ้าน ที่ประกายจะเอาเกณฑ์การทำงานมาตัดสิน ประเมินคุณภาพ"
"แล้วมันต่างกับคนอื่นตรงไหน" สีหน้าท่าทางของประกายคาดคั้นต้องการคำตอบจากสามี จนพัฒนะต้องหยุด หญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าทั้งสามี และแพท ยังคงพูดต่อไป "เพราะตอนนี้ประกายให้มันทำงาน แต่มันทำไม่ได้ จะให้ยกเว้นงั้นหรือคะ แล้วต่อไปประกายจะบริหารงานบริษัทนี้ได้ยังไง"
เมื่อสามีไม่พยายามพูดเพื่อปกป้องน้องชาย ประกายก็หันมาหาแพท
"ที่แกยอมรับว่าด้อยความสามารถมันก็ใช่ แต่ว่าชั้นจะต้องไปที่ร้านนั้นอีกแน่ ใจน่ะอยากกลับไปซะตั้งแต่วันนั้นหรือวันถัดมา แต่ที่รั้งรออยู่ก็เพราะกลัวว่ามันจะระแวง ชั้นก็เลยต้องเตรียมพร้อมให้ดี ถ้าคราวนี้ยังไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีการเด็ดขาด"
ประกายเน้นคำพูดหนักๆ กับแพท "และแกก็คือคนที่จะต้องเป็นคนลงมือในขั้นตอนสุดท้ายของชั้น"
เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงานของประกาย แพทค่อยคลี่ยิ้มกว้างใจอยากกรีดร้องตะโกนให้ทุกคนได้รู้
ไม่มีอะไรที่จะทำให้มีความสุขได้เท่ากับเห็นคน 2 คนนี้ขัดแย้งกันได้อีกแล้ว
ช่างบาลี ช่างหมอก หรือจะใครก็ตามที่ผ่านเข้ามา ทั้งหมดก็แค่บันไดที่ทำให้แพทมาถึงวันนี้
ใครก็ได้ อะไรก็ได้ ขอเพียงแค่ให้คนพวกนี้มันขัดแย้งกันเองก็พอ!
ก้มหน้าก้มตาทำงานที่โรงฝึกงานในมหาวิทยาลัยจนหัวหน้าชั้นเรียนขานเวลาว่า 4 โมงเย็นแล้วใครที่มีภาระต้องไปทำงาน ไปค้าขาย หรือมีนัดขอให้เร่งมือ คอสถึงได้เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา แล้วกดโทรศัพท์ไปบอกเจ้าของร้านว่าวันนี้คงไปร้านตอนเย็นหรืออาจไม่ได้ไปเพราะว่างานยังไม่เสร็จ คุณเจ้าของร้านก็ใจดีเหลือใจบอกว่า มาเมื่อไหร่ก็ปิดร้านเมื่อนั้น
"อะไรของเค้าวะ สั่งแบบนี้มันแปลว่ายังไงกูก็ต้องไปใช่มั้ยวะเนี่ย" คอสบ่นอุบ เดินกลับเข้าไปในโรงฝึก
เจี๊ยบเดินเข้ามาหา "คอสวันนี้ไปร้านหนังสือป่ะ"
"ไปดิ"
เจี๊ยบทำหน้าตาผิดหวัง จนไอ้โมทย์เพื่อนร่วมก๊วนต้องกระทุ้งศอกคอส "เฮ้ย ไม่มีเวลาให้เพื่อนฝูงเลยนะมึง"
"ก็กูต้องทำงาน"
"อย่า อย่าเอางานมาอ้าง น้ำหน้าอย่างมึงกลับบ้านไปทำโรงงานเองยังได้ บอกมาเลยมีอะไรที่ร้าน" คราวนี้ไอ้เทียมเพื่อนคู่หู นำเสียงแซว
คอสหันมามองเจี๊ยบ แต่ในกรอบสายตายังเห็นว่าก้อยหันมามอง แสดงความสนใจเหมือนกัน
"เพราะ...เด็กมัธยมที่มากวดวิชามั๊ง น่ารักอ่ะ"
เสียงโห่ดังก้องโรงฝึกงาน จนอาจารย์ต้องเปิดหน้าต่างตะโกนเตือนลงมาให้แต่ละคนเบาเสียงลง
"ใกล้จบซ่านักนะพวกมึงน่ะ"
เกือบ 5 โมงเย็นคอสถึงได้เอางานไปส่งแล้วกลับลงมา ม้วนเสื้อนักศึกษาใส่กระเป๋าเป้หลังกับหนังสือเรียน ปิดล็อกเกอร์ ร้องตะโกนบอกเพื่อนว่าไปแล้วนะ แล้วก็เดินกึ่งวิ่งออกมา
ก้อยเดินตามเข้ามาอยู่ข้างๆ "จะไปร้านหรือคอส"
"อือ" คอสบอกขณะที่ดูนาฬิกาข้อมือ ไม่ได้ลดฝีเท้าลง จนก้อยต้องดึงข้อมือให้หยุดเดิน
"คอส"
"อะไร ผมรีบนะก้อย"
"ชั้นมีเรื่องจะคุยกับคอส"
"อะไรล่ะ" คอสท่าทางร้อนรนมองข้ามก้อย ไกลไปถึงประตูมหาวิทยาลัย
"ไม่ไปงานวันเกิดพี่สาวชั้นหรือ"
"ไม่หรอก มันไม่ใช่วันเกิดก้อยนี่"
"งั้น...ถ้าชั้นชวนคอสไปเที่ยวล่ะ"
คอสตอบทันที "คงไม่ได้หรอก ผมมีเรื่องให้ต้องทำเยอะแยะ"
"คอส!" ก้อยเสียงดังมาก แววตาของก้อยดุจนคอสต้องขมวดคิ้วมอง
“ทำไมผมต้องไปงานวันเกิดพี่สาวของก้อย ทำไมผมต้องไปเที่ยวกับก้อย” คอสย้อนให้
ที่ผ่านมาคอสไม่เคยพูดกับก้อยแบบนี้ ออกไปทางเชื่อฟังคำสั่งตามประสาคนที่หลงรัก แต่วันนี้คอสกลับพูดกับก้อยเหมือนเพื่อนผู้ชายในห้องเรียนเดียวกัน
ขณะที่เพื่อนๆ ที่ได้ยินบทสนทนากำลังแปลกใจ แต่ก้อยกำลังโมโห
...มันกล้าดียังไงถึงทำน้ำเสียงแบบนี้กับชั้น มองข้ามชั้นไปที่อื่น...เหมือนมัน...ได้...มันจะต้องพบกับจุดจบแบบเดียวกัน!
“คอส นี่คอสไปหลงชอบเด็กนักเรียนมัธยมแถวร้านหนังสือจนลืมชั้นจริงๆ หรือเนี่ย”
คอสอ้าปากค้าง นึกถึงที่พูดกับเพื่อนๆ ในโรงฝึกงาน
“ผมจะชอบใครมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมนะก้อย”
“เพราะอกหักจากชั้นน่ะหรือ” ก้อยยกยิ้มมุมปาก
“ผมแค่รักคนที่ผมควรจะรักเท่านั้นแหละก้อย”
คอสตอบแล้วเดินสวนออกมาจากมหาวิทยาลัย
ทำเป็นพูดเท่ ไอ้คนที่เราชอบเขา เขาก็ดันไปชอบคนอื่น คอสได้แต่ส่ายหน้าให้กับตัวเอง
เพราะว่าแพทคืนรถให้ประกายไปแล้ว ก็เลยต้องโหนรถเมล์กลับมาที่แฟล็ต พอลงจากรถที่หน้าปากซอยก็แวะซื้ออาหารเย็นกลับเข้าบ้าน แต่ตอนที่กำลังยืนคิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี หมอกก็โทรเข้ามาหาบอกว่า คืนนี้ไม่กลับมากินข้าวเย็นที่บ้านเพราะมีงานด่วน แพทก็เลยแวะกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารเพียงคนเดียว แล้วถึงต่อรถมอเตอร์ไซค์กลับเข้ามาที่แฟล็ต
แต่ตอนที่เข้าห้องน้ำล้างมือ ถึงได้ส่องกระจกสังเกตุเห็นรอยที่คอที่ผู้กองทำไว้เริ่มจางหายจนมองไม่เห็นแล้ว
ร่องรอยที่เป็นที่มาของเรื่องซุบซิบนินทาเกินจริงในที่ทำงาน
ร่องรอยที่ทำให้ประกายมองด้วยสายตาเหยียดๆ
และคือร่องรอยที่ทำให้พัฒนะพยายามหาโอกาสที่จะคุยด้วย แต่ไม่เคยสำเร็จ
แต่ถ้าร่องรอยนี้หายไปจะเกิดอะไรขึ้น ประกายคงสะใจ ส่วนพัฒนะคงดีใจที่เขาไปไหนไม่รอด
ต้องทำอะไรสักอย่าง...
แพทนึกถึงวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้ได้รอยจูบนั่นมา
ใช้อะไรสักอย่างกดให้เป็นรอยมันก็คงไม่เหมือนสักเท่าไหร่
แต่ถ้าให้ใครสักคนมาดูดที่คอจริงๆ เพื่อให้ร่องรอยนั้นสมจริง
เรื่องนินทาพวกนั้นยังคงอยู่
แต่ถ้าผู้กองหมอกรู้เข้าก็คงดูถูก เขาจะเชื่อหรือว่าก็แค่ดูดคอ
มันมีวิธีอย่างอื่นอีกมั้ยที่ทำให้รอยดูดที่คอมันเหมือนจริงน่ะ
แพทเดินวนอยู่ในบ้าน เพราะแทบไม่มีเพื่อน เพราะได้รู้จักใครที่นอกเหนือไปจากที่ทำงาน โลกใบเล็กๆ ที่พัฒนะกำหนดพื้นที่ไว้ให้ ทำให้แพทนึกหาหนทางอื่นไม่เจอ
...ครั้งเดียว ขอแค่ให้เอาตัวรอดไปได้เท่านั้นก็พอ
แพทตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปข้างนอกในตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว
=======จบตอนที่ 21======
ไหนว่าเรื่องนี้เดายาก คุณหลายคนทายถูกแล้วนี่นา ตอนต่อไปมาวันพุธครับ
ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ขอบคุณจากหัวใจ
สุขสันต์เทศกาลแห่งความสุขครับ
ไจฟ์กับทีครับ