^
^
ขอบคุณครับ 
ตอนที่ 22 กว่าคอสจะลงจากรถไฟฟ้าที่สถานีใกล้ร้านนายรักอ่าน ก็เกือบทุ่มพบกับเจ็ตเพื่อนของบาลี แถวหน้าร้านนั่นเอง คอสยกมือไหว้แล้วเดินนำเข้าไปด้านใน
เจ็ตหยุดคุยกับบาลีแถวหน้าเคาน์เตอร์ คุยกันเบาๆ เพราะมีลูกค้าในร้าน หรือเพราะว่าเป็นเรื่องลับก็ไม่รู้ คอสถอดเสื้อช็อป ใส่แต่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยผ้ากันเปื้อน แต่ก็ยังอวดรอยสักที่แขนจนเจ็ตหันมามองซ้ำ
“ว่าจะแซวซะหน่อยว่าเด็กช่างตัวขาว แต่เห็นรอยสักแล้วเกรงใจว่ะ”
คอสยิ้มกว้าง แถมด้วยอาการยักคิ้วภูมิใจ เดินถือไม้กวาดกับที่ตักผงไปกวาดหน้าร้าน มีเป็นหนึ่งตามไปยืนมอง
“เคยเห็นแล้วไม่ใช่หรือ ตอนที่ไปกินเหล้าด้วยกันน่ะ”
เจ็ตทำท่านึก “เออใช่ แต่ตอนนั้นร้านมันไม่ได้สว่างอย่างนี้ เพิ่งเห็นว่ามันอลังการมาก”
บาลีหัวเราะหึหึ นี่ดีว่าเจ็ตยังไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มคนนี้เจาะหัวนมด้วย ไม่งั้นคงยิ่งประหลาดใจ
เจ็ตพูดต่อไป “มันเรียนช่างกลหรือ”
“เปล่า เรียนมหาลัยปีสุดท้ายแล้ว มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย หลงๆ ลืมๆ” บาลีชักสงสัย
เพื่อนทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ “ก็ไว้มันเป็นสาวๆ สิกูจะไม่มีทางลืม”
บาลีทำพยักเพยิด เพื่อนคนนี้ทำท่าเหมือนคนเจ้าชู้ไปงั้นแหละ แต่เอาเข้าจริงเจ็ตมันก็บ้างานจนไม่เคยมองใคร
“แล้วเรื่องที่ให้ทำละครับคุณ”
“โห ทุกนาทีมีค่า” เจ็ตบอกแล้วส่งกระดาษสีขาวให้
เป็นหนึ่งที่หน้าประตูหันมามองแล้วหายวับไป
เสียงปู่ถอนหายใจยาวมาจากที่ไหนสักแห่ง
“ปิดเครื่องมา 2 เดือนกว่าๆ แล้ว ไม่ได้จำหน่ายจ่ายโอนไปไหน เพราะเป็นแบบเติมเงินโยนซิมทิ้งก็จบ ส่วนระบบติดตามที่ตัวเครื่องพอแบตหมดไม่ได้ชาร์ทต่อ ก็จบเหมือนกันเพราะไม่ใช่รุ่นใหม่”
บาลีกวาดตามองตารางรายงานการใช้โทรศัพท์ของเป็นหนึ่ง
เจ็ตใช้เวลาตรวจสอบอย่างยาวนานกว่าปกติ เพราะไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งใช้เครื่องรุ่นไหน ต้องเปรียบกับร่องรอยสถานที่ที่เคยโทรเข้าและออกในช่วงก่อนหน้า
“ครั้งสุดท้ายที่เปิดเครื่องแล้วมีคนโทรเข้านี่อยู่แถวหนองจอกหรือ”
“เออ แต่มันเป็นรหัสของเสาสัญญาณนะ สถานที่มันไม่เคลียร์”
บาลีอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนที่กวาดหน้าร้านเสร็จแล้ว เดินเข้ามาในร้าน ผ่านไปที่ห้องเก็บของหลังร้าน เตรียมถูพื้นต่อ
“มีอะไร”
“หนองจอกมีพวกโรงเป่าแก้วมั้ย”
เจ็ตขยับแว่นสายตา “มีสิ จะพวกโรงเรียนสอนวิชาชีพ หรือพวกมหาวิทยาลัย หรือช่างก็มี มันไม่ได้ใช้พื้นที่มากมายอะไร”
บาลีนิ่งคิด เป็นหนึ่งไม่น่าจะอยู่ในสถานที่พวกนี้
สถานที่พวกนี้คือสถานที่ทำแก้วในสายรัดข้อมือเส้นนี้ต่างหาก
เพียงแต่มันช่วยจำกัดกรอบพื้นที่ของเป็นหนึ่งในช่วงสุดท้ายได้ว่าอยู่ที่ไหน
เมื่อเพื่อนกลับไปแล้ว คอสกำลังจัดเรียงหนังสือตามชั้น ส่วนเป็นหนึ่งหายไป
คนเดียวที่จะตามเป็นหนึ่งได้ในตอนนี้กลับไม่ใช่บาลี แต่เป็นไอ้หนุ่มคนนี้ต่างหาก
“งานเร่งมากเลยหรือคอส”
“ฮะ อาจารย์จะเอาของไปขายในงานวิชาการด้วย”
“ขอโทษที่โทรไปตามทั้งที่กำลังเร่งงาน”
คอสทำหน้าตางุนงง แล้วเดินเข้ามาหา “ไม่เป็นไรหรอกฮะ พี่เรียกผมมา ผมก็ได้ตังค์ไงฮะ แต่ว่ามาแค่ 2 ชั่วโมงมันน้อยไปนิดนึง”
“เออ งั้นเดี๋ยวกินข้าวด้วยกันได้เพิ่มเวลาขึ้นมาอีกหน่อย”
“พี่เหงาหรือฮะ” คอสเอียงคอถาม “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป หาอะไรทำให้มันยุ่งๆ เข้าไว้”
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เงาร่างโปร่งใสของเป็นหนึ่งก้าวออกมาจากตู้หนังสือ ทำหน้าตาเหมือนกำลังรู้สึกผิดที่งอนพี่
“ตอนนี้ก็ยุ่งเหยิง วุ่นวายเกินระดับปกติของร้านนี้ไม่รู้กี่เท่าแล้ว”
“ทั้งอกหักทั้งเครียดเพราะเรื่องวุ่นวายมันก็คงแย่จริงแหละ ถึงผมไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะผมมันพวกช่างมันเถอะ แต่ว่า....พี่ไปกินเหล้ากับพวกผมป่ะ แถวหน้าหอน่ะ” คอสพยายามตามสไตล์เด็กศิลป์ปนช่าง
บาลีหันไปเห็นสีหน้าของเป็นหนึ่งที่มองมาอย่างเป็นกังวลชี้ไปที่อกตัวเอง
บาลีถึงกับรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ๆ พี่เป็นคนทำให้มันยุ่งเองไม่ใช่เพราะ...เอ่อ...” คนรูปหล่อหยุดพูดหันมามองคอสที่กำลังกะพริบตามอง “ไม่ใช่เพราะใครหรอก”
เด็กนักเรียนสาวผมหางม้าเรียนพิเศษเสร็จเปิดประตูร้านเข้ามาทักทาย “พี่วันนี้มีสร้อยป่ะ จะซื้อให้วันเกิดเพื่อนหนู”
“มีๆ” ไอ้หนุ่มนักขายรีบบอก วิ่งไปหยิบกระเป๋าเป้ที่หลังร้าน เอามาวางให้นักเรียนสาวเลือกซื้อ
บาลีหันมาหาเป็นหนึ่งกระซิบบอก “ไม่ใช่เพราะเป็นหนึ่งหรอก อย่าเป็นกังวล พี่คิดว่ามันถึงเวลาที่พี่ต้องทำ แม้จะรู้ว่าเป็นหนึ่งกลัวก็ตาม”
จู่ๆ เป็นหนึ่งก็จ้องมองผ่านประตูกระจกร้านออกไปที่ด้านนอก สีหน้าแววตาหวาดกลัว ขณะที่เลือนหายวับไปในทันที
“....อะไรกัน...นั่นเด็กผู้หญิงคนนั้นนี่...”
บาลีมองก้อยคนที่ยืนมองคอสกำลังคุยกับเด็กนักเรียนหญิงด้วยดวงตาที่เหมือนกำลังลุกเป็นไฟ แล้วหันมากดโทรศัพท์หาเจ็ตบอกเรื่องที่ขอให้เพื่อนช่วยเหลือแล้วกดวางสายไป
ก้อย เป็นหนึ่ง และ คอส 3 คนนี้เกี่ยวข้องกันชัดเจนจนไม่สามารถหาข้ออ้างอื่นใดมาเบี่ยงเบนได้อีก
ระหว่างที่คุยกับเพื่อน เด็กนักเรียนหญิงคนนั้นเลือกสร้อยที่ต้องการได้แล้ว ก็ส่งให้คอส ที่ถามว่าให้ห่อกล่องของขวัญให้หรือไม่ แต่ว่าของขวัญชิ้นนี้จะต้องให้กับเพื่อนในวันรุ่งขึ้น คอสก็เลยใช้กระดาษสีที่ยังมีเหลืออยู่จากการห่อของขวัญให้กับก้องเกียรติเมื่อหลายวันก่อน กับดอกไม้ประดับ
การพูดคุยระหว่างคอสกับเด็กนักเรียนหญิงในสายตาของบาลีกับปู่ ก็ดูสนุกสนานดีตามประสาคนวัยใกล้
เคียงกัน
แต่เมื่อมองออกไปที่คนที่ยืนมองอยู่ข้างนอก เหมือนเห็นหมอกควันแห่งความชั่วร้ายปกคลุมจนรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ
บาลีกระซิบบอกปู่ให้ช่วยดูก้อย ขณะที่ตัวเองไปที่ห้องพักหลังร้าน
บาลีเดินไปที่ตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด แต่ยังไม่เปิดประตูตู้
“เป็นหนึ่ง พี่รู้ว่าเป็นหนึ่งกลัวมาก พี่เองก็กลัวเหมือนกัน” ชายหนุ่มบอกเมื่อค่อยๆ เปิดประตูช้าๆ เป็นหนึ่งนั่งขดตัวอยู่ในตู้ แต่ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นมามองตามบาลีที่นั่งลงกับพื้นหน้าตู้
“แต่เราทั้งคู่ จะเอาแต่กลัวแล้วก็หลบซ่อนอยู่ในตู้ อยู่ในร้านหนังสือแบบนี้ไม่ได้ ก้อยตามคอสมา พี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
ดวงตาของเป็นหนึ่งเบิกกว้าง ผุดลุกขึ้นยืน
“ถ้าเป็นหนึ่งรู้เป็นหนึ่งต้องบอกพี่” ชายหนุ่มหยุดกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ขณะที่ลุกขึ้นยืน “พี่มีแต่ลางสังหรณ์นะเป็นหนึ่ง มีแต่ความรู้สึกว่าพี่ต้องทำอะไรสักอย่าง เรื่องหนังสือในร้านพี่เชื่อมั่นว่าพี่จัดการได้ แต่เรื่องของก้อยพี่..ไม่แน่ใจ”
“ที่พี่รู้ก็คือ คอสชอบก้อย แต่ก้อยชอบเป็นหนึ่ง แล้วเป็นหนึ่งอาจไปชอบใครคนอื่นแล้วมันทำให้ก้อยไม่พอใจ...ใช่มั้ย” บาลีพูดไปเรื่อย เดาสุ่ม ผูกเรื่องไปเรื่อยหวังว่ามันจะมีสักช่วงสักตอนที่เป็นหนึ่งจะพยักหน้า หรือตอบรับว่าใช่
แต่เป็นหนึ่งก็ยังคงทำหน้าไม่มั่นใจว่าที่บาลีพูดมามันใช่หรือเปล่า
บาลีพูดช้าๆ “ถ้าความรู้สึกที่มันหลงเหลืออยู่คือการที่เป็นหนึ่งกลัวก้อยอาจเพราะก้อยเป็นคนทำร้าย...แล้วความรู้สึกดีๆ ต่อคอสที่หลงเหลืออยู่อาจเพราะ....” บาลีหยุดพูด ทั้งที่เป็นหนึ่งกำลังส่ายหน้า แต่บาลีกลับรู้สึกถึงความหนักอึ้งในอก หมดแรงที่จะยืนตัวตรงจนต้องทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ ประสานหลังมือค้ำหน้าผากไว้ เป็นหนึ่งเข้ามาจะแตะไหล่ แตะมือของบาลีแต่ก็กลับเลยผ่าน จนต้องนั่งคุกเข่าลงข้างๆ เงยหน้าขึ้นมอง
คอสเปิดประตูห้องเข้ามา พร้อมกับกระเป๋าเป้ที่จะเอามาเก็บพอเห็นบาลีซบหน้าลงกับหลังมือก็เข้ามายืนแตะแขน
“พี่ คิดถึงไอ้มะตูมเหรอ พี่ลองโทรไปหามันหรือยัง พี่รู้จักบ้านพ่อแม่มันหรือเปล่า ไปด้วยกันมั้ย”
บาลีที่ยังก้มหน้า กดนิ้วหัวแม่มือที่หัวตา มองเป็นหนึ่งที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นเงยหน้าขึ้นมาหา
“คอสล่ะ คิดถึงเป็นหนึ่งหรือเปล่า”
คอสส่ายหน้า “มันจะรู้จักผมหรือเปล่าเหอะ”
“แต่คอสรู้จักเป็นหนึ่งใช่มั้ย”
“มันดังนะพี่ สาวๆ ชอบเยอะ พวกรุ่นพี่ผู้ชายก็ชอบล้อมัน แต่มันก็ยิ้มๆ ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับใคร”
บาลีขมวดคิ้ว “หมายถึงเป็นหนึ่งเป็นคนไม่ค่อยพูดน่ะหรือ”
คอสพยักหน้าหงึกหงัก “คงงั้นแหละ ผมเห็นมันทีไร มันก็กำลังเขียนแบบ หรือไม่ก็ทำโน่นนี่ โดนเด็กช่างเรียกตุ๊ดมันก็แค่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ แค่นี้ไอ้พวกที่ล้อก็ระทวยหมดละ แต่พวกสาวๆ จะรุมตบไอ้พวกแซว”
ลีลาการเล่าของคอสยังคงทำให้เป็นหนึ่งยิ้มกว้างได้ตามเคย เหมือนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า คอสกำลังเล่าเรื่องของตัวเองอยู่
เว้นแต่บาลี ที่ไอ้อาการหมดแรงยังคงอยู่จนต้องหายใจเข้าลึกๆ บอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง
พอเดินออกมาที่หน้าร้าน ปู่ก็เข้ามาบอก
“...ไปตั้งแต่ตอนที่คอสกำลังหาเงินทอนให้เด็กนักเรียนหญิง...หวังว่าจะไม่มีใครเป็นอะไรในคืนนี้...”
บาลีหันไปหาคอส “เราออกไปหาอะไรกินระหว่างทางที่พี่ขับรถไปส่งคอสดีกว่า”
คอสเลิกคิ้วสูง “แล้วจะปิดร้านเลยมั้ยฮะ”
“อีกสักสิบนาที ขอพี่คุยกับไอ้หมอกแป๊บ”
คอสพยักหน้า แต่พอบาลีจะกดโทรศัพท์ ก็รีบเตือน “อย่าร้องไห้นะฮะ สู้ๆ พี่ต้องพบคนที่ดีกว่า คนที่เขารักพี่คนเดียวแน่นอน”
คอสเดินไปเก็บหนังสือจากแผงนิตยสาร ในระหว่างที่บาลีคุยโทรศัพท์กับผู้กองหมอก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้กองจะออกเวรแล้ว แต่พอบาลีฝากให้ดูเรื่องเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนพิเศษตอนค่ำ ผู้กองก็รับปากแล้ววางสายไป
“พี่ผู้กองเป็นไงมั่งฮะ ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว”
“ก็เรื่อยๆ” บาลีเว้นวรรคแล้วพูดต่อ “คงมีความสุขดีกับแพท”
คอสทำท่าเหมือนจะแสดงความเห็น แล้วเปลี่ยนใจ กลับเข้าไปในห้องด้านหลัง ถอดผ้ากันเปื้อน ใส่แต่เสื้อยืดสีขาวตัวเดิม เสื้อช็อปพาดไหล่
บาลีต้องหันไปมองทางอื่น เพราะทั้งลายสักที่มองเห็นจางๆ ผ่านเสื้อยืดสีขาว กับจิวที่อกกำลังทำให้หัวใจเต้นแรงผิดปกติ
เป็นหนึ่งเข้ามายืนขวางทำหน้าตาล้อเลียน คนที่เพิ่งทำท่าเหมือนอกหัก แต่ตอนนี้กลับต้องมาระวังอาการหน้ามืดของตัวเอง
ใกล้จะถึงหอพัก บาลีเหลือบมองเป็นหนึ่งที่นั่งอยู่เบาะหลัง แต่ถามคอส “คอสเคยเจอผีมั้ย”
“เย๋ย มาถามอะไรตอนกลางคืนเนี่ย”
“ก็ถาม เพราะเห็นว่ากลัว”
“ไม่เคยอ่ะ”
“รู้มั้ยว่าเพราะอะไร”
“เพราะ ผมสวดมนต์ก่อนนอนเหรอ แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวันนะ เมาหลับก็ไม่ได้ทำละ”
บาลีโยกหัวคอสจนคลอน “ถ้าทางพระท่านว่าเพราะคอสเป็นคนจิตใจดี แต่ถ้าทางความเชื่อมันเพราะลายสักที่ตัวคอส”
“พี่เคยบอกว่าลายสักนี้คุ้มครองผม”
“เออ ดีมากที่จำได้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือการระมัดระวังตัวเอง เพราะในวันหนึ่งคอสจะรู้ว่า ที่จริงแล้วคนนี่แหละที่ร้ายกว่าผี”
เมื่อเข้าไปใกล้หอพัก บาลีบอกให้คอสหยุดงานในวันพรุ่งนี้ คอสทำหน้าเหมือนรู้ทันแต่ก็พยักหน้ารับทราบจนบาลีต้องย้ำ
“ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน ยังไงก็ให้”
บาลีจอดส่งคอสที่หน้าหอพัก เมื่อวนรถกลับมาเห็นคอสยังยืนรอลิฟต์ หันมาส่งยิ้มให้อีกครั้ง
ผู้กองหมอกวางโทรศัพท์หลังฝากเพื่อนแถวสน.ที่ตั้งของร้านนายรักอ่านแล้วหันมามองคนที่กำลังดูรายการโทรทัศน์
ดวงตาสีเข้มจ้องมองร่องรอยช้ำ ที่ต้นคอของแพท
ร่องรอยที่ไม่ได้เกิดจากผู้กองหมอกคนนี้ และไม่ได้เกิดจากบาลี เพราะเคยถามแล้วทั้งแพทและบาลีว่าทั้งคู่เคยไปพบกันหรือเปล่า แต่ทั้งคู่ตอบตรงกันว่าเปล่า
งั้นมันเกิดจากฝีมือใคร
พอคนรูปร่างสูงใหญ่เดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวเดียวกัน แพทก็ขยับเข้ามาหา เอนตัวลงพิงอกกว้าง
“มีคดีอะไรหรือครับ”
“มีผู้ต้องสงสัยตามเด็กนักเรียนน่ะ”
แพทขยับตัวมองหน้า “ผู้ต้องสงสัย”
“ผู้มีพฤติกรรมต้องสงสัย เดินตามเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนพิเศษตอนค่ำๆ น่ะ ก็เลยฝากเพื่อนดู”
แพทพยักหน้าแล้วเอนตัวพิงอกของผู้กองเหมือนเดิม
“แพท”
“ครับ”
“เจอกับพัฒนะบ้างหรือเปล่า”
“เจอครับ แต่ก็หลบๆ ไปไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง” แพทเผลอเล่าแล้วต้องหยุดปาก ลอบมองผู้กองว่ารู้เรื่องเหลวไหลที่กำลังทำอยู่หรือเปล่า แต่ผู้กองก็เลือกที่จะนิ่งเฉย
หนุ่มหน้าสวยก้มมองมือของตัวเอง “ผมแยกออกมาอยู่คอนโดฯ ตั้งแต่คุณพัฒนะแต่งงาน เพราะว่า คุณประกายพาน้องสาวมาอยู่ด้วย ถึงผมจะเป็นแบบนี้ แต่คุณประกายก็ยังไม่ค่อยไว้ใจ” แพทขยับตัวโอบเอวหนาไว้ “คุณรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้วนี่นา”
“ก็รู้ แต่ผมก็ยังอยากให้แพทเล่าเองมากกว่า”
แพทกัดริมฝีปาก “วันเสาร์นี้วันเกิดคุณประกาย มีเลี้ยงที่บ้าน คุณไปกับผมนะ”
ผู้กองเลิกคิ้วสูง แล้วพยักหน้าตอบรับ ขณะที่ในสมองกำลังคิดหลายเรื่องที่มันพันกันจนยุ่ง
=======จบตอนที่ 22=========
ตอนพิเศษยาวมาก จำเป็นต้องแก้่ไขสักเล็กน้อย คาดว่าจะมาวันอาทิตย์ แต่อย่าเพิ่งเชื่อผม เพราะอาจเปลี่ยนใจ 555
ขอบคุณที่ให้ความสนใจติดตาม และให้คำแนะนำครับ
พบกันวันศุกร์ฺครับ
ไจฟ์ครับ
อย่าไปสนใจนายรักอ่าน มีคำถามแต่ดันถามผิดคนก็งี้แหละ
ตอนพิเศษเสร็จแล้วนะตัว แต่ต้องตรวจหลายๆ รอบเพราะว่ามันควรจบโดยไม่มีคำถาม แล้วก็มีสปอล์ยเยอะนัก ถูกป่ะ
ละก็ พี่ๆ ที่ฝากอะไรป๋ามาน่ะ
ชิชะั
tea ครับ