ตอนที่ 30 จูบนุ่มๆ ที่แก้มทำให้คนที่หลับสนิทแค่พลิกหน้าหนี แต่ยังหลับต่อ คนรูปหล่อตาเข้มก้มลงกดจูบที่ริมฝีปาก คนที่หลับสบายถึงกับตาโต ขยับตัวหนียกมือปิดปากทันที
“ไปเรียนกี่โมง”
คอสหันมองนาฬิกา ตอบพี่ทั้งที่ยังปิดปากอยู่ “เรียน 8 โมง”
ดวงตาโตกลับมาหยุดนิ่งที่กุหลาบแดงก้านยาว ในฐานะคนค้าขายราคาไอ้ดอกนี้ไม่ต่ำกว่าร้อย ถึงจะไม่ได้ชอบดอกไม้อะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ว่า....
“ของผมป่ะ”
บาลีพยักหน้า
คอสหัวเราะคิกคัก “ขอบคุณฮะ”
“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว” พี่บอกแต่แขนแข็งแรงยังคร่อมอยู่ที่เดิม
คอสดันมือพี่ แต่มันยังอยู่ที่เดิม “ไอ้เนี่ย เอาออกไปดิ”
“อ้อ ลืม” บาลีลุกขึ้นนั่ง
คอสก็รีบพุ่งตัวออกจากที่นอน แต่กลับฟุบอยู่ที่เดิม “อ๊าก เจ็บก้น” น้ำตาร่วงทันที มือขาวๆ กดอยู่ที่ก้นกบ แต่รีบปัดมือใหญ่ที่จะช่วยนวดให้ กุหลาบสวยยังอยู่ในมือ
“อ้าว ก็บอกว่าเจ็บ”
“เดี๋ยวก็หาย” คอสบอกขณะที่ค่อยๆ หมุนตัว แล้วนั่งอยู่ที่ข้างเตียง หันซ้ายหันขวาวางดอกไม้ไว้ที่หัวเตียงก่อน
“ไหวมั้ยเนี่ย” บาลีบอกยิ้มๆ
“เหอะ จะเท่าไหร่กันเชียว คนอื่นเขายังไม่เห็นเป็นไรเลย” คอสบ่นๆ แล้วลุกขึ้นยืนแต่ขายังไม่มีแรงจนบาลีต้องตามเข้ามาคว้ากอดเอวไว้
“หยุดเรียนมั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า” คอสบอกแล้วตีแขนที่กอดเอวอยู่ “พี่ลงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมตามไป”
ตอนที่เดินลงมาที่ชั้น 2 คอสยังเดินขัด จนเป็นหนึ่งยังอมยิ้มขำ ส่วนบาลีโดนมือขาวๆ ชี้ดักให้หยุดตั้งแต่แถวโต๊ะกินข้าว
“หยุด ไม่ต้องเดินมา ไม่ต้องถาม วันนี้จะไปเรียน”
“งั้นมากินข้าวแล้วกินยา”
“เมื่อคืนก็กินแล้ว ต้องกินอีกเหรอ แล้วคนอื่นเขาต้องกินมั้ย”
“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืนมันเกิน 4 ชั่วโมงแล้ว ที่ให้กินอีกต้องกันไว้ก่อน ส่วนคนอื่นกินมั้ยไม่รู้เพราะร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน” บาลีบอกขณะที่เทโจ๊กใส่ถ้วย เลื่อนให้
กุหลาบก้านยาวอยู่ในแจกันแก้วใสบนโต๊ะ แค่เห็นก็ทำให้คอสหน้าแดงได้ ขัดกับท่าทางตอนที่กำลังนั่งเก้าอี้แบบไม่ค่อยถนัด “ผมว่า เพราะผมระแวงมันแหละ ที่จริงมันก็ไม่เท่าไหร่แล้ว” พูดแล้วก็เหลือบตามองบาลี หน้าใสๆ ยิ่งแดงไปถึงหู “แล้วผมจะบอกพี่หมดทุกเรื่องทำไมวะเนี่ย”
“ก็ดีแล้วนี่ ดีกว่าเก็บไปคิดวุ่นวายอยู่คนเดียว”
“ใครที่ไหนคิดวุ่นวาย” คอสบ่นพึม มีเป็นหนึ่งนั่งเท้าคางยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ
บาลีเดินไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักหยิบกุญแจมาส่งให้
“ถ้ามาแล้วไม่เจอ จะได้ไม่ต้องนั่งตากแดดอยู่หน้าร้าน”
คอสมองกุญแจ แต่ไม่รับมาบาลีก็เลยเอาวางไว้บนโต๊ะ
“วันนี้พี่ไม่อยู่เหรอ”
“ใช่”
“ไป....ตามหามะตูมอีกเหรอ”
บาลีหันมามองแล้วชี้ไปที่ถ้วยโจ๊ก “กินให้เสร็จก่อน”
“เกี่ยวไร”
“เกี่ยวสิ เราไม่พูดถึงคนตายต่อหน้าพระแม่โพสพ”
คอสรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบ มือที่ถือช้อนค้าง “ตายเหรอ”
“กินซะก่อน”
คอสมองโจ๊กในถ้วย รู้สึกถึงไออุ่นผ่านปลายผมและไหล่ แต่ไม่ได้คิดจะถามทัก ก้มหน้ากินโจ๊กจนหมดก็เก็บถ้วยไปล้าง เสร็จแล้วก็กินยา เดินมาหาพี่ที่ลุกจากโต๊ะทำงาน รวบกอดไว้หลวมๆ คอสก้มหน้าลงที่ไหล่พี่ ถึงจะไม่ได้สนิทกับมะตูม แต่ก็อยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แล้วช่วงหลายเดือนมานี้ก็เหมือนมีเงาของมะตูมอยู่ในทุกที่ที่ไป
“พี่รู้ได้ไงว่ามันตายแล้ว”
“มะตูมตายแล้ว และพี่กำลังตามหาว่าพวกเขาเอามะตูมไปไว้ที่ไหน”
เป็นหนึ่งก้าวเข้ามายืนข้างๆ ยกมือจะลูบผมคอส บาลีซ้อนมือเป็นหนึ่งลูบผมของคอสแผ่วเบา
“ไม่น่าเชื่อเลย” คอสพูดกับไหล่พี่ “พี่เสียใจมากเลยใช่มั้ย”
บาลีมองร่างโปร่งใสที่อยู่ข้างหลังคอส “ไม่ใช่เสียใจหรอก”
คอสเงยหน้าขึ้นมองเพราะคำตอบของบาลีผิดไปจากที่คิดไว้มาก
“ไม่เสียใจเหรอ”
“ไม่หรอก การพบหรือการจากกันมันไม่ได้ทำให้เราต้องเสียใจเสมอไป”
“ถ้ามะตูมยังอยู่ เมื่อคืนพี่จะ.....”
บาลีดันคางคอสให้เงยขึ้น ขณะที่เป็นหนึ่งยืนเท้าเอวขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ
“พูดอะไร มันไปถึงเรื่องนั้นได้ยังไง คอสก็คือคอส เป็นหนึ่งก็คือเป็นหนึ่ง”
คอสทำหน้ายุ่ง “ผมหมายความว่า พี่รักมะตูม”
“แต่ไม่ใช่แบบที่อยากกอดอยากจูบแบบที่พี่อยากกอดอยากจูบคอส”
หน้าใสแดงไปทั้งหน้า “พี่แมร่ง”
“อ้าว ตอบตรงขนาดนี้ยังไม่พอใจอีก จะต้องให้พูดยังไงเนี่ย”
เป็นหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของบาลี
บาลีมองเป็นหนึ่งแล้วหันมาหาคอส “ความรู้สึกของพี่ต่อเป็นหนึ่งตั้งแต่แรกอาจเป็นความรัก ความเสียดายว่าทำไมเขาต้องจากไปเพราะเรื่องเลวร้าย แล้วพี่ก็อยากลงโทษคนที่ทำแบบนั้น”
“แล้ว...ผมล่ะ...”
ถามไปแล้ว แต่บาลีกลับนิ่งเฉย ยิ่งเงียบคนรอคำตอบก็ยิ่งใจเสีย
บาลีคลายแขนออก หันหลังให้ เป็นหนึ่งเข้าไปขวางไว้ทันที ชี้ให้หันกลับไปมองคนที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างหลัง
“เป็นไร”
“ไม่รุ” เหมือนขอบตามันจะร้อนผ่าว
“อยากรู้คำตอบใช่มั้ย”
“ฮื่อ” คอสใช้หลังมือปาดน้ำตา
“ไปเอาเสื้อนอน กับชุดที่ใส่มาเมื่อวานออกจากกระเป๋า”
“เกี่ยวไร”
บาลีแค่ยกยิ้มที่มุมปาก พยักหน้าไปที่กระเป๋า คอสได้แต่เดินไปที่กระเป๋าหยิบเสื้อผ้าออกมา “เอาออกมาแล้วไง”
“วางไว้”
“วาง...ตรงไหน”
“ที่เก้าอี้นั่นก็ได้” บาลีชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆ คอสก็ทำตาม
“แล้วไง”
“ไปเรียนได้”
“แล้วไหนล่ะคำตอบอ่ะ”
“คืนนี้”
“คืนนี้” คอสทวนคำพูดของบาลี ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรสักอย่าง
บาลีเดินนำออกไปจากห้อง แล้วพูดโดยที่ไม่ได้หันมามอง “อย่าลืมกุญแจ”
คอสรีบกลับไปหยิบกุญแจบนโต๊ะมาใส่กระเป๋าเป้หลัง แล้วเดินตามลงมา ถึงหน้าร้าน บาลีถึงได้หันมาย้ำ
“ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ต้องกลับบ้าน”
“บ้าน..พี่หมายถึง...” คอสชี้ไปที่ชั้น 2
บาลีพยักหน้า “แล้วคิดว่าบ้านไหนล่ะ”
“บ้านผม ห้องผมดิ”
“ถ้าไม่อยากรู้คำตอบก็ตามใจ”
คอสเตะเข้าที่น่องของบาลี “จะมีสักเรื่องมั้ยเนี่ย ที่ไม่โยกโย้อ่ะ”
“เฮ้ย! ไอ้คนนี้” บาลีหันมาล็อกคอ “ถ้าไม่กลับมา ก็ไม่บอกเข้าใจมั้ย”
คอสสลัดแขนใหญ่ออก หน้างอหงิก ขณะกดที่ก้นกบ “ตลอดๆ สั่งตลอด ไม่ใช่ร้านก๋วยเตี๋ยวนะจะได้สั่งๆๆๆๆ เนี่ย”
“ให้พี่ไปส่งมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก” คอสหันมามอง “ไปเรียนละนะ”
บาลีมองตามหลังคอสจนกระทั่งเลี้ยวไปทางสถานีรถไฟถึงได้หันมาเปิดประตูร้าน ปู่ส่ายหน้าอยู่ที่เก้าอี้ ส่วนเป็นหนึ่งยิ้มร่าเริง ถ้ากระโดดกอดคอได้คงทำไปแล้ว
“ดีใจอะไรขนาดนั้น”
“....เพี้ยนทั้งหลานทั้งเหลน....” ปู่บ่น
8 โมงครึ่งบาลีปิดร้านอีกครั้ง ขับรถมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล
ส่วนคอสถึงกับอึ้งไปชั่ววูบ เมื่อเดินเข้ามาที่คณะแล้วเจี๊ยบเข้ามาบอกว่า ก้อยโดนจับฐานร่วมกับพี่เขยก่อเหตุพยายามฆ่า
ขณะที่ฟังเรื่องราวที่ค่อนไปทางไม่น่าเชื่อว่าก้อยจะทำอะไรแบบนั้นได้ สลับกับความแปลกของก้อย คอสหันไปมองทางทิศที่ตั้งของคณะออกแบบนิเทศที่มะตูมเรียนอยู่ ปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง แล้ววนกลับไปที่คำสั่งของพี่ที่ให้กลับบ้าน
คอสกดโทรศัพท์หาพี่ “ผมรู้เรื่องก้อยแล้ว” ปลายสายเงียบฟัง “พี่รู้ตั้งแต่เมื่อวานใช่มั้ย แล้วทำไมไม่บอกผม”
“กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่ามั้ย พี่ไม่ชอบคุยโทรศัพท์”
“งั้นขออีกคำถาม เรื่องนี้เกี่ยวกับมะตูมใช่มั้ย”
“กลับไปคุยที่บ้านไงคอส”
“ไม่ ถ้าพี่ไม่บอกผมก็ไม่กลับ”
บาลีเงียบไป “ใช่”
“แล้ว..”
“คำถามเดียวไง”
คอสกดโทรศัพท์วางสายไปในตอนที่บาลีหยุดยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย ร่างโปร่งใสที่อยู่เคียงข้างหันมองซ้ายขวา ขณะที่เงาร่างวูบไหวรอบตัวไม่ชัดเจน
“เป็นหนึ่ง”
เงาร่างโปร่งใสด้านข้างถึงได้หันกลับมา แล้วพยักหน้า
บาลีผลักประตูเข้าไปในห้อง แพทนอนพักอยู่ในห้องเพียงคนเดียว หันมาทัก
“พี่บาลี”
“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
บาลีเดินเข้าไปใกล้ ขณะที่จ้องมองลึกลงไปในดวงตาของแพท
“พี่บาลี มีอะไรหรือครับ”
บาลีหรี่ตาลง “เลิกเล่นเกมได้แล้วแพท”
“เล่นเกมอะไรครับ”
บาลีพูดหนักๆ “ถ้าแพทยังรอดพ้นจากก้อยมาได้เพราะพัฒนะ พี่ก็อยากบอกว่าที่แพทยังรอดจากพี่ได้ก็เพราะหมอกเหมือนกัน”
แพทกลืนก้อนน้ำลายลงคอ “พี่บาลี”
“คนที่เข้ามาหาด้วยจิตใจที่ไม่ซื่อตรง จะได้รับความคดโกงกลับไปเป็นรางวัล พี่ไม่ใช่ไอ้หมอกที่จะได้อภัยให้ทุกคนเสมอ”
“ผมไม่ได้...พี่บาลีผมร้อน”
ทันทีที่พูดคำว่าไม่ แพทรู้สึกถึงไอร้อนที่ปะทุขึ้นจากช่องท้อง มันร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนเลือดในตัวเริ่มร้อนระอุ
“ตอบใหม่แพท”
“ผมหลอกพี่ ผมขอโทษพี่ไปแล้ว”
“แล้วหมอกล่ะ ขอโทษมันแล้วหยุดทำเลวหรือยัง”
แพทรีบพยักหน้า “หยุดแล้ว ไม่ได้ไปไหนเลย”
“ดี ถ้ายังทำให้มันร้อนใจอีก แพทจะร้อนกว่ามันหลายเท่า”
“ผมไม่ ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ” เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมทั่วแผ่นหลัง
บาลียื่นรูป 3 ใบให้แพท ใบหนึ่งคือเป็นหนึ่ง อีก 2 ใบคือหนุ่มที่พบในนิติเวช และอีกใบคือคนที่พบในโรงฝึกที่บ้านของพัฒนะ “คนไหน”
แพทมองดูรูปแล้วส่งคืน “ผมไม่รู้จักทั้ง 3 คน”
คำว่าไม่ที่ออกจากปากครั้งนี้ ทำให้เลือดในกายร้อนกว่าเดิม เหมือนอวัยวะภายในใกล้สุก
“ระ ร้อน”
“ตอบใหม่แพท คนไหน”
ประตูห้องเปิดออก แพทชะโงกมองไปด้านหลังของบาลีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่บาลีถามซ้ำ
“คนไหน”
แพทหยิบรูปของหนุ่มคนที่พบในนิติเวช ขณะที่เหงื่อไหลซึมจนเสื้อผู้ป่วยที่สวมอยู่เปียกชื้น ดวงตาหวาดกลัว “คนนี้ครับ”
ผู้กองหมอกเข้ามารับรูปไป
“เล่ามา” บาลีบอกด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากเดิม
“คุณพี่พัฒนะจะให้รถใหม่ผม ถ้าผมแนะนำคนนี้ให้ แค่แนะนำอย่างเดียว แต่สุดท้ายรถก็ยังเป็นชื่อเขา” แพทมองมือตัวเอง “ผม ร้อน”
“แล้วคนอื่นล่ะ”
“ผมไม่รู้ เพราะว่าเขาไม่ยอมโอนรถให้ ผมก็เลยไม่อยากเจอเขา เรื่องอื่นผมไม่รู้”
เหมือนเลือดในกายใกล้จะเดือด แพททุรนทุราย ปากแผลที่เย็บไว้อย่างดีกลับมีเลือดซึมออกมาอีก
“พี่บาลี ผม ผมไม่รู้แล้วจริงๆ ผมแค่แนะนำเท่านั้น”
“บาลี หยุด”
หมอกเข้ามายืนขวางระหว่างบาลีกับแพท
“พอแล้ว”
บาลีแค่เบนสายตากลับมาหาเพื่อน
หมอกพูดต่อ “มึงบอกว่าเรื่องของแพทให้กูจัดการไม่ใช่หรือไง”
“แล้วเป็นหนึ่งกับอีกคนอยู่ที่ไหน” บาลีถามเพื่อน
“เรากำลังพยายามเชื่อมโยงคดีอยู่ไง มึงอย่าใจร้อนสิ”
“ตอนนี้ก็เพิ่มคดีได้อีกศพแล้ว” บาลียกยิ้มมุมปาก
“เออ กูจะให้แพทช่วยเรื่องศพนี้ โอเคมั้ย”
บาลีมองข้ามไหล่เพื่อนไปที่แพทที่รีบพยักหน้าทันที “ครับ ผมจะเป็นพยานเรื่องศพนี้”
“ดี” บาลีบอกสั้นๆ แล้วหันหลังกลับ
“บาลีมึงจะไปไหน”
“ไปทำเรื่องที่ตำรวจอย่างมึงทำไม่ได้ไง”
หมอกหันซ้ายหันขวา แล้วคว้าข้อมือบาลีไว้ ไอร้อนที่ยังคงอยู่ที่ข้อมือของบาลีทำให้หมอกรีบเร่งกดโทรศัพท์
“ฟอง มึงมาด่วนเลย กูต้องไปทำรายงานโยงคดีไอ้พัฒนะ”
บาลีหัวเราะหึหึ หันไปมองนอกหน้าต่าง
========จบตอนที่ 30=========
ตอนนี้ 9 น.กว่าๆ ป๋ายังไม่ตื่น นายน้ำชาขออภัยพี่ๆน้องๆที่มาก่อนแล้วไม่พบท้่ายเรื่อง สันนิษฐานได้ข้อเดียวคือป๋าเมา กำลังจะหลับ หรือหลับไปแล้ว แล้วก็ละเมอมาอัพ แล้วก็ลืมใส่ท้ายเรื่อง ข้อนี้มิใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด
ในตอนที่เราคุยกันเกี่ยวกับโครงเรื่อง ป๋าบอกว่าอยากให้ตำรวจเรื่องนี้เก่งกล้าสามารถเหมือนตำรวจในหนังฝรั่ง ผมก็ถามว่า แล้วพระเอกจะเก่งขนาดไหน ป๋าบอกว่า พระเอกก็เป็นยอดมนุษย์ไง ผมก็ถามว่า ยอดมนุษย์อยู่ในร้านหนังสือเนี่ยนะ เขาก็หัวเราะ หึหึหึ (โปรดทำเสียงจิต ระดับ 4 ประกอบการอ่าน)
แต่ผมว่านายรักอ่านลำดับที่ 3 คนนี้ไม่ใช่ยอดมนุษย์หรอก แต่โหดมากต่างหาก
โอ๊ะๆๆๆ ต้องปิดท้ายแบบป๋าสินะ นี่มันยูซป๋านี่นา เพราะผมลืมพาสเวิร์ดเสมอ 
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน ขอบคุณที่มีไข่เป็ดให้เจาะได้เรื่อยๆ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดจนถึงตอนนี้ และหวังว่าคุณจะยังไม่ทิ้งเราไปไหน
ขอบคุณทุกคำแนะนำ ขอบคุณทุกคะแนน ขอบคุณเป็ดทุกตัว พบกันวันอังคารครับ
ป๋าเมากับนายน้ำชารักคุณ