ตอนที่ 31บาลีขับรถผ่านหน้าบ้านหลังใหญ่ของประกาย เข้าไปในวัดที่อยู่ท้ายซอย แล้วจอดรถที่ลานด้านหน้าศาลาสวดพระอภิธรรมศพ ฟองหนุ่มผมหยักศกจอดรถข้างกัน โอมคนตัวหนาสวมแว่นลงจากรถมาก่อน
“หาอะไรบาลี” โอมร้องถาม
บาลีตอบโดยไม่ได้หันมามองเพื่อน
“มันเอาศพออกไปขึ้นรถ ขับออกไปโดยที่ไม่มีคนเห็นได้ยังไง”
โอมหันไปมองรอบตัวที่เป็นศาลาวัด ศาลาบางหลังมีคนของวัดที่กำลังทำความสะอาดอยู่
“มึงคิดว่าจะเอาออกทางหลังบ้านแล้วขึ้นรถมาที่นี่หรือไง”
บาลีพยักหน้า แล้วหันมาหาฟอง “เจ็ตว่าไง”
“ก็ดูพิกัดที่พบศพนักศึกษาชายคนที่หมอกให้รูปมา กับนักเรียนหญิงมันไม่เกี่ยวกัน แล้วศพนักเรียนหญิงก็อยู่ห่างจากบ้านมามาก แต่มีแผลถูกมีดเล็กๆ ปักเข้าที่หัวใจ”
บาลีพยักหน้าไปที่ด้านหลังวัด เดินไปเรื่อยๆ เหมือนคนคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี
“เด็กผู้หญิงนี่อาจเป็นก้อยลงมือคนเดียว เพราะวันที่เด็กคนนี้เสียชีวิตเขามาซื้อของจากคอส แล้วก้อยมาเห็น”
โอมยกนิ้วชี้แบบนึกได้ “ก้อยหึงคอส”
“ก็คิดอย่างนั้น”
“แต่ก้อยไม่ได้ชอบคอสไม่ใช่หรือ” ฟองท้วง
บาลีหยุดเดิน “หรือเป็นประเภท แกชอบชั้นแล้ว ถึงชั้นจะไม่ได้ชอบแก แกก็ห้ามไปชอบใคร” ปกติแล้วชายหนุ่มไม่ค่อยคิดออกมาเป็นคำพูด แต่ที่พูดในครั้งนี้ เพราะอยากรู้ปฏิกิริยาของร่างโปร่งใสที่ตามมาด้วย
“แต่อย่าลืมสมมุติฐานที่ว่าจิตไม่ปกติ” ฟองบอก
“แปลว่า อาจฆ่าเพราะต้องการแสดงว่ามีอำนาจมากกว่าเหยื่อ” โอมบอก
เป็นหนึ่งหันมามองบาลี ดวงตาคู่สวยสั่นไหว แล้วหันไปทางด้านหลังของวัด
ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน แต่เงาร่างวูบไหวมากมายอยู่ที่ด้านหน้าโกดัง โอมเดินไปที่ด้านข้าง ซึ่งเป็นที่เก็บของแล้วเดินออกมาบอกว่าสัปเหร่อไม่ได้อยู่แถวนี้ ส่วนฟองเดินไปหยิบธูปจากถาดเหนือกล่องรับบริจาค จุดเพียงดอกเดียวมาส่งให้บาลี
บาลีรับมาพนมมือบอกวิญญาณทั้งหลาย แล้วผลักเปิดประตูเข้าไปด้านในโลงศพเรียงราย เงาร่างโปร่งใสบ้างนั่งบ้างยืนล้วนหันมามองผู้ที่เดินเข้ามา
บาลีบอกกับชายชรารูปร่างผอม หลังงองุ้ม “ผมมาหาเขา” ชายชราเหลือบมองเป็นหนึ่ง แล้วชี้ไปที่โลงศพบนโต๊ะ
บาลีเดินไปตามที่ชี้บอก โลงศพไม้สีอ่อน ไม่ได้ตอกตะปู ฟองกับโอมที่เดินตามมาช่วยกันขยับฝาโลงเปิดออก
ในโลงศพนี้ มี 2 ศพ
บาลีจ้องมองด้วยหัวใจที่ปวดร้าว แขนขาคล้ายไม่มีเรี่ยวแรง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว พูดและทำทุกสิ่งทุกอย่างในสภาพที่เหมือนกับตั้งโปรแกรมไว้ รู้สึกตัวอีกทีเมื่ออยู่ในรถที่โอมเป็นคนขับพากลับมาบ้าน
“กู ไม่เป็นไรแล้ว” บาลีบอกกับเพื่อน
โอมพยักหน้า “แล้วเอาไงต่อ”
“ให้หมอกจัดการไป เพราะยังไงเราก็ลักลอบเข้าไป ต้องให้มันทำให้ถูกกฎหมาย”
โอมหันมามองเพื่อน “กูบอกหมอกไปแล้วตามที่มึงสั่งตั้งแต่ในโกดัง”
บาลียกมือขอโทษเพื่อน “ขอโทษเพื่อนที่กูย้ำคิดย้ำทำ พรุ่งนี้กูจะไปเจอก้อย”
“ได้” โอมรับคำ ขณะที่จอดรถหน้าร้านนายรักอ่าน
ตั้งแต่บาลีเปิดประตูร้านเข้ามา ปู่ก็พยายามจะซักถามเรื่อง แต่ติดที่โอมยังอยู่ในร้านเพื่อรอฟองที่ไปคุยกับหมอกที่โรงพยาบาลก่อนแล้วถึงตามมาที่ร้าน
การพูดคุยระหว่าง 3 คนโดยที่มีปู่นั่งฟังอยู่ด้วยจึงไม่ได้ทำให้ปู่เข้าใจเรื่องมากนัก เหมือนเรื่องราวมันเว้นวรรคกระโดดไปกระโดดมา จนเมื่อคอสกลับมาจากเรียนแล้ว ทั้ง 2 คนกลับไป
“....เล่ามาใหม่ตั้งแต่ต้น...” ปู่สั่งทันที ขณะที่เป็นหนึ่งยืนอยู่ข้างบาลี ส่วนคอสเดินไปใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วเดินกลับมาพร้อมกับไม้กวาด
บาลีเดินไปปิดล็อกประตู แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานหลังเคาน์เตอร์
“จากลักษณะที่ก้อยเชือดข้อมือ ข้อเท้าของแพทมันพ้องกับศพนักศึกษาชายที่หมอกมาพาไปดูก่อนหน้านี้” บาลีเริ่มเรื่อง คอสเดินเข้ามาเกาะเคาน์เตอร์ฟัง “คนที่พี่บอกว่า ทำให้เป็นห่วงผมใช่มั้ย”
“ใช่ เพราะอายุใกล้กัน รูปร่างลักษณะคล้ายกัน” บาลีดึงข้อมือให้เดินอ้อมเคาน์เตอร์มานั่งคร่อมบนตัก คอสขัดขืนขยับหนีห่างจนเหมือนนั่งอยู่บนเข่าบาลี
“แต่เรื่องนักศึกษาชายนี่ กลับไม่มีใครรู้เห็นว่าเข้าออกบ้านนี้ยังไง คนในบ้านบอกว่า ก้อยสั่งห้ามเข้าใกล้โรงฝึกงานหลังนั้น ก็คิดกันว่ามันน่าจะเป็นที่นี่แหละเพราะมีอุปกรณ์หลายอย่างอยู่ที่นั่น พี่ก็คิดเรื่องรั้วหลังบ้าน แล้วพอมองไปอีกทางห่างออกไป ก็เห็นหลังคาวัด”
“ศพนักศึกษาชายพบที่วัดหรือฮะ”
“ไม่ใช่ นักศึกษาพบดวงหญ้าใกล้แม่น้ำ ห่างออกมาอีกทางหนึ่ง”
“แต่พี่ไปดูที่วัด” คอสถามขณะที่คิดถึงความสามารถพิเศษของบาลีที่สัมผัสถึงวิญญาณได้
บาลีพยักหน้า ขณะที่จับข้อมือของคอสไว้ “ที่โกดัง ในโลงหนึ่งมีอยู่ 2 ศพ ศพหนึ่งคือเป็นหนึ่ง”
“มะตูมมันจะได้กลับบ้านแล้ว” คอสพูดเสียงแผ่ว
บาลีเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ “ยังไม่แน่เหมือนกัน”
“อ้าว ศพมะตูมมัน...อ่อ จริงสิ นี่มันจะสามเดือนแล้วนี่ แล้วพี่รู้ได้ไงว่านั่นคือมะตูม”
“เสื้อผ้า สีผม” บาลีบอกแล้วโอบคอสเข้ามาหา
“พี่...เสียใจมากเลยใช่มั้ยฮะ”
“ไม่หรอก ต้องบอกว่าเหมือนพี่แกะปมเชือกออกได้หนึ่งปม แต่มันยังมีปมอื่นๆ อยู่อีก”
“ก็พี่...”
“คอส...” บาลีเรียกชื่อขณะที่ดวงตามองปู่เหมือนขอกำลังใจ “คอสจะกลัวพี่มั้ย ถ้าคอสรู้ว่าพี่...ไม่เหมือนคนอื่น”
คอสดันตัวออก “ตั้งแต่ผมเห็นพี่เดินผ่านแผงขายของของผม พี่ก็ไม่เหมือนใครอยู่แล้ว ผมอยู่กับพี่ตอนที่หนังสือเก่าเล่มนั้นมันติดนิ้วมือพี่ออกมาเองจากใต้กองข้าวของสูงท่วมหัว อยู่กับพี่ตอนที่อยู่ดีๆ พี่ก็ลุกไปเอาขวดน้ำใส่หลอดไปวางที่โคนเสาไฟฟ้า ในพุ่มไม้ ผมเห็นพี่ยิ้ม พี่หัวเราะกับ.....” หนุ่มหน้าใสหันไปมองรอบตัวเพราะเพิ่งนึกได้ แล้วหันกลับมามองหน้าบาลีอีกครั้งด้วยดวงตาตื่นๆ
“กลัวพี่หรือเปล่า”
คอสกัดปากตัวเอง ก็รู้ก็เห็นมาตลอด “วันที่ผมเมามานอนห้องพี่ ผมเห็นไอ้มะตูมอยู่แวบหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ”
บาลีพยักหน้า
“กลัว” คอสยอมรับตามตรง
ปู่ถอนหายใจแรงๆ แต่เป็นหนึ่งส่ายหน้าไม่เชื่อ
“แต่ว่า...ข้อ 1 เพื่อนพี่บอกว่า อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว ข้อ 2 พี่ฟันผมแล้ว ผมไม่ยอมให้ฟันแล้วทิ้งหรอก”
เป็นหนึ่งยิ้มกว้างหันไปทำท่าพยักหน้าเร็วๆ กับปู่
บาลีช้อนคอคอสเข้ามาหากดจูบเพียงแตะริมฝีปากแล้วผละออก
“ลำดับต่อไป...” บาลีกลับเข้าเรื่อง
“....เซ็งว่ะ...”
บาลีกระแอมแล้วเล่าต่อ “เรามี 2 คดีที่น่าจะเกี่ยวข้องกันและมีก้อยกับพัฒนะเป็นผู้ต้องสงสัย แต่มันยังมีอีกเรื่อง คือสร้อยที่ก้อยถักให้คอส”
“สร้อยเส้นที่พี่ไม่ยอมคืนให้ผม”
“ใช่ เชือกที่ใช้ถักนอกจากเชือกถักแล้ว ยังมีเส้นผมด้วย”
“ที่เมื่อวานพี่เอามาเทียบ” คอสบอกแล้วยกมือ “ผมมันศิลป์ พอมันมีศาสตร์ต้องขอจัดระบบความคิดสักครู่ ..อ่ะ ต่อฮะ”
“คอสเคยทำอะไรแบบนี้มั้ย”
“ทำอะไร เอาเส้นผมมาถักๆ น่ะเหรอ เคยคิดแต่ไม่เคยทำ มันทำไมเหรอฮะ”
“ที่เขาถักกันทั่วไปมันก็มี เพราะว่าเส้นผมมันย่อยสลายยาก แต่เรื่องสร้อยนี่พี่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง”
“ก็ยังไงล่ะฮะ”
“มันเป็นเชือก ผมคอส แล้วก็ผมของเป็นหนึ่ง แล้วแก้วที่สร้อยถักล้อมอยู่ มันมีสีแดงเป็นหยดเลือด พี่ไม่รู้ว่ามันเป็นเลือดใคร อาจเป็นคอส เป็นหนึ่ง หรือของคนที่เป่าแก้ว แล้วมันก็อาจจะถักขึ้นก่อนหรือหลังจากที่เป็นหนึ่งตายแล้วก็ไม่รู้”
คอสตาโต อ้าปากเหมือนจะพูดแล้วก็เปลี่ยนใจ
“สร้อยเส้นนั้นร้อยคอสไว้กับเป็นหนึ่ง หรืออาจมีใครอีกคน ซึ่งมันทำให้พี่ไม่กล้าทำอะไรกับสร้อย ได้แต่ถ่วงเวลาวนอ้อมไปมา เพราะหวังว่าจะไม่ใช่ แต่สุดท้ายมันก็วนกลับมาหาคอสทุกครั้ง”
“ผมเหรอ” คอสชี้ที่จมูกตัวเอง “ไม่ใช่ไอ้มะตูมเหรอ”
บาลีส่ายหน้า “คอสบอกกับพี่ว่าก้อยถักสร้อยเส้นนี้แล้วเอามาให้คอสใช่มั้ย”
“เค้าถามเรื่อยๆ แหละว่าทำไมผมไม่ใส่”
บาลีหยุดมองคอส คิ้มเข้มขมวด “ก้อยอยากให้ใส่หรือ”
คอสพยักหน้า
“ใจพี่อยากไปคุยกับก้อยให้รู้เรื่องตั้งแต่วันนี้ แต่พี่อยากคุยกับคอสให้เข้าใจก่อน”
“ผมอีกแล้วหรือ”
“ใช่ เรื่องเป็นหนึ่ง”
“ฮะ”
“อย่ากังวล อย่าเปรียบเทียบ ไม่มีใครแทนที่ใคร คอสคือคอส เป็นหนึ่งก็คือเป็นหนึ่ง”
“อันนี้ถามตั้งนานละ”
บาลียอมรับ “เพราะพี่เองก็ต้องใช้เวลาเพื่อทบทวนให้แน่ใจว่า พี่เป็นคนหลายใจ หรือว่ารักใครไม่เป็น และเมื่อรักแล้วก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด”
“แล้วยังไงล่ะ มันก็ยังคงเป็นมะตูม ไม่ใช่ผมอยู่ดีแหละ”
บาลีหันไปมองเป็นหนึ่งกับปู่อีกครั้ง ขณะที่มือแข็งแรงโอบรอบเอวบางกันหนีก่อนจะจบเรื่อง
แต่ดูท่าทางแล้วคงต้องกลับไปทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรก
“มันคงเพราะพี่พบคอสกับเป็นหนึ่งพร้อมกัน”
“เหรอ ตอนไหน”
“ตอนที่พี่ซื้อสร้อยข้อมือ พี่เห็นเป็นหนึ่งอยู่ข้างคอส”
“ห๊ะ” คอสตาโตตั้งท่าจะลุกหนีจริงๆ แต่มือที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วรีบรั้งกลับเข้ามากอดไว้
หนุ่มหน้าหวานขดตัวซุกอยู่กับอกกว้าง “ละ แล้ว ตะ ตอนนี้ล่ะ”
“ก็อยู่ อยากเห็นมั้ย”
“ไม่ๆๆๆๆ ขอตั้งสติก่อน ไว้ก่อนได้มั้ย มะตูมกูขอโทษนะ พี่เล่าข้ามๆ ไปเลยก็ได้”
“...วันนี้มันจะรู้เรื่องกันมั้ยวะเนี่ย ไอ้ขี้กลัวเอ้ย...” ปู่บ่น
“เมื่อนาทีที่แล้วยังดูไม่กลัวอยู่เลย”
“ก็มันไม่เหมือนกันอ่ะ พี่เล่าต่อเลยเหอะ มะตูมไว้ก่อนนะ ขอเวลากูนิด”
เป็นหนึ่งยืนเท้าเอวอยู่ข้างหลัง ได้แต่ส่ายหน้า
“มันยังเป็นวันเดียวกับแพทเข้ามาหาพี่ แต่เพราะว่าพี่ไม่แน่ใจว่าสร้อยเส้นนี้มันยังไง ก็อยากจัดการเรื่องแพทให้มันจบไปก่อน เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เห็นเป็นหนึ่งพี่รู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ก็เหมือนเขาเป็น...ภาระ..ไม่น่าเรียกภาระนะ เหมือนเป็นคนที่พี่จะต้องทำให้เขามีความสุข ประสบความสำเร็จ ไปอยู่ในที่สวยงาม”
คอสขยับตัวมองบาลี
“ก็อย่างที่คอสมักจะบอกกับพี่ ว่าเป็นหนึ่งเป็นคนที่ใครเห็นใครก็รัก แต่ขณะเดียวกันพี่ก็รู้สึกอยากให้คอสอยู่ใกล้ ทั้งที่การอยู่ใกล้คอสมันอันตรายมาก”
“อะไรกัน ผมอันตรายตรงไหน” คอสหน้างอได้ทันที
“ทั้งตัว คอสมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้พี่ควบคุมตัวเองไม่ได้เลย”
“งั้นที่ตั้งท่าจะทำอะไรผมมาตั้งแต่แรกนี่เพราะผมทำตัวเอง ไม่ใช่เพราะพี่...ชอบผมเหรอ” ตอนนี้มันทั้งงอนทั้งน้อยใจผสมกันมั่วไปหมดแล้ว
“ชอบสิ ชอบ” บาลีรีบบอก “แต่ว่าเพราะมันมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มาด้วยไง พี่ก็ไม่แน่ใจว่า ที่พี่อยาก...กอดคอสเพราะกลิ่นหอมหรือเพราะพี่ชอบคอสจริงๆ”
“พี่เคยถามเรื่องชื่อผม”
บาลียอมรับ “พี่ก็สับสนว่า ถ้าพี่รักเป็นหนึ่ง แต่พี่หลงกลิ่นหอมของคอส พี่ให้คอสออกจากร้านไปไม่ง่ายกว่าหรือไง”
คอสทุบที่ไหล่หนาๆ เต็มแรง “ผมน้อยใจนะ ที่เป็นชอยส์แรกที่พี่จะตัดออกน่ะ”
“ความคิดไง ความคิด แต่พี่ก็ทำไม่ได้ ในทางตรงข้าม พี่กลับหาเรื่องอะไรไม่รู้ให้คอสกลับมาที่ร้านนี้ตลอดเวลา”
“ยังงอนอยู่”
“ก็รู้ว่าขี้งอน ถึงได้ต้องคุยกัน”
คอสทำปากยื่นหน้างอ และเสียงกระแทกในคอเป็นคำตอบ
“แล้วว่าที่จริง พอแพทเดินเข้ามาแนะนำตัวในร้านวันเดียวกับที่พี่ได้สร้อยมา พี่ยังพักทั้งเรื่องคอสเรื่องเป็นหนึ่งไว้ก่อนเหมือนกัน”
คอสชกไหล่หนาทันที ส่วนเป็นหนึ่งที่ยืนฟังอยู่ด้วยถึงกับหันไปชี้ฟ้องกับปู่
“....บางทีปู่ก็ไม่อยากบอกใครเหมือนกันว่ามันเป็นหลานน่ะ….”
“ก็พี่เป็นนายรักอ่าน พี่ก็...ต้องปกป้องร้านนี้ก่อน”
“พอแล้ว” คอสร้องตะโกน “จะย้ำอะไรนักหนาวะเนี่ย ว่าผมอยู่บ๊วยอ่ะ”
“แต่มันก็ไม่สำเร็จ” บาลีมองความเปลี่ยนแปลงที่สีหน้าของคอสและเป็นหนึ่งมันก็ยังเหมือนเดิม “จนมาวันที่เราไปเอาหนังสือที่เยาวราชที่คอสโกรธมากระหว่างที่นั่งรถไปด้วยกัน จนมาถึงวันที่เป้งมาส่งคอส จนถึงวันที่ก้อยเดินเข้ามาในร้านแล้วคอสไปคุยด้วย ทุกอย่างมันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาเอง แล้วมันก็ย้ำอยู่อย่างนั้นว่า พี่ไม่มีวันเอาชนะได้”
“ไม่รุ ไม่อยากเข้าใจ พูดอะไรที่มันฟังง่ายๆ เป็นมั้ยเนี่ย”
“ที่พี่คิดว่าพี่รักทั้งเป็นหนึ่งและคอส แต่พอมันมีเหตุการณ์ มีคนเข้ามาหา มันก็ชัดเจนว่า รักทั้งคู่ แต่ว่าไม่เหมือนกัน”
คอสสบตาสีเข้มที่ดูหวานเชื่อมแล้วต้องหลบตา หัวใจเต้นแรง
“มันจะมีกลิ่นหอมหรือไม่มี มีเป็นหนึ่งหรือไม่มี หรือต่อให้วันพรุ่งนี้คอสหนีพี่ไปเพราะกลัวพี่ก็ตาม พี่ก็ยังอยากมีคอสอยู่ในวันนี้ อย่าน้อยใจเรื่องเป็นหนึ่ง พี่จะทำให้ดีที่สุด” มือใหญ่เหน็บผมสีอ่อนทัดหูที่มีต่างหูสีเข้ม “เพียงแต่ในระหว่างที่พี่ยังแก้ปมเรื่องแก้วไม่ได้ พี่ก็อยากให้คอสระมัดระวัง”
คอสเอียงหน้ามอง “สรุปคือก้อยเล่นของหรือฮะ”
“ไม่รู้ นี่เป็นเรื่องที่พี่ไม่รู้จริงๆ คอส ก็ได้แต่ตั้งข้อสันนิษฐานไปเรื่อย ว่าทำไมเป็นหนึ่งถึงตามคอส หรือว่าตามสร้อย ตำรวจไปตรวจค้นห้องของก้อย ก็ไม่เจออะไรที่บอกว่าเขาทำอะไรแบบนั้น ที่โรงฝึกงานก็ไม่มี”
“พี่จะไปคุยกับก้อยพรุ่งนี้ใช่มั้ยฮะ”
“ไม่รู้ว่าจะได้คุยหรือเปล่านะ เพราะพี่ไม่ใช่ตำรวจ”
“ผมไปด้วยดิ”
“ไม่ได้! ที่คุยกันมาตั้งนานนี่ก็เพราะอยากให้อยู่ห่างๆ ห้ามเข้าใกล้ก้อยเด็ดขาด!”
คอสกอดอกหรี่ตา ทำให้ปู่ถึงกับดักคอ
“...มันไปหาก้อยแน่ๆ....”
“คอส ฟังพี่นะ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับก้อยสักอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปหาได้ยังไง”
คอสมองซ้ายมองขวา ทำปากยื่นแล้วก็เอียงคอ ท่าทางไม่ผิดจากตัวการ์ตูน
“คิดอะไร”
“ก้อยชอบมองหามะตูมที่ตึกออกแบบนิเทศน์ทุกครั้งที่เดินผ่าน หลังจากที่มะตูมหายไปแล้วก็ยังมองอยู่เลย”
บาลีพยักหน้าเก็บข้อมูล ปล่อยให้คอสเล่าต่อ
“เค้ามองอย่างนั้นทุกวัน ผมก็มองตามไปด้วย จนมาวันหนึ่งก็ถามตัวเองว่าผมทำอะไรอยู่ เหมือนนอนอยู่แล้วสะดุ้งตื่น”
......บางทีก้อยอาจทำอย่างนั้น เพราะอยากรู้ปฏิกริยาของคอส หรืออาจมีเหตุผลอื่น....
แต่ขณะที่ดวงตาสีเข้มมองใบหน้าหวาน ต่างหูสีเข้ม ไล่เรื่อยมาถึงรอยสักส่วนที่พ้นเสื้อ รอยโป่งนูนของหมุดจิวที่อก
......ผู้ชายผิวขาวมีเลือดมั้ย....ก้อยอาจจะเคยสนใจคอส แล้วมองผ่านไปเพราะรอยสักกับรอยเจาะเหล่านี้ แต่พอคอสใส่เครื่องแบบ สวมปลอกแขนปิดรอยสักถึงข้อมือ ความอยากรู้แบบนั้นอาจจะกลับมา.....
บาลีพ่นลมหายใจยาว
มีเสียงเคาะประตูกระจกทำให้ทุกคนหันไปมอง
เป้งยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างนอก คอสวิ่งไปเปิดประตู “มีไร”
“มี” เป้งยิ้มกว้าง บอกกับคนที่ลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินมาหา “ผมยังเลิกบุหรี่ไม่ได้ แต่ลดลงมาเหลือซองครึ่งแล้ว”
“ก็ยังดี”
“แต่ยังไม่ได้ไปเอกซเรย์ปอด”
“ควรจะไป”
เป้งพยักหน้ารับง่ายๆ ง่ายจนคอสต้องหันมามองหน้าบาลีด้วยความสงสัย
ที่คอสไม่เห็นก็คือ เป็นหนึ่งเดินมาหยุดยืนข้างเป้งแล้วหันมายิ้มกว้างกับบาลี
“ดูแลสุขภาพของตัวเองให้มากกว่านี้ แกจะได้มีโอกาสได้อยู่กับลูกของแกไปนานๆ”
เป้งยักไหล่ “ก็ให้พี่เลี้ยงให้ไง”
บาลีกระแทกเสียงในคอ “แล้วตกลงมาเพื่อบอกว่าลดบุหรี่ได้แล้วใช่มั้ย”
“แล้วก็มาบอกว่า แม่เสียใจที่ทิ้งพี่มา”
“ช่างเหอะ เรื่องตั้งนานแล้ว”
“แต่ที่เขาเสียใจที่สุดก็คือการที่เขากลัวพี่”
คอสจ้องมองคนตัวสูงสองคนคุยกันแล้วชี้ “มึงเป็นน้องพี่บาลีเหรอ”
“เออ” เป้งบอกยิ้มๆ “แม่บอกว่าร้านนายรักอ่านอยู่ถนนสายเก่า แม่ตายตั้งแต่ผมอยู่ ม.4 พอสอบเข้ามหาลัยได้ผมเข้ากรุงเทพฯ ก็ไปหาแต่ร้านย้ายไปแล้ว จนรู้ว่าคอสมาทำงานร้านหนังสือ เลยมาส่งถึงได้เจอพี่ แล้วพี่รู้ได้ไงว่าเป็นผม”
บาลีไม่ตอบคำถาม
“แล้วใครส่งแกเรียน”
“พ่อ”
“แล้วเขารู้มั้ยว่าแกสูบจัดขนาดนี้”
“รู้มั้ง บ้านนอกมันก็สูบยา กินเหล้ากันตั้งแต่เด็กทั้งนั้นแหละ”
2 พี่น้องกำลังคุยกันคอสก็แทรกเข้ามาดื้อๆ
"2 คนนี้รู้ว่าเป็นพี่น้องกันตั้งแต่เมื่อไหร่"
เป้งที่ไม่ได้เป็นคนมีเรื่องในใจเยอะนักก็ตอบตามตรง "ตอนที่กูมาส่งมึงที่ร้านนี้วันแรก เห็นชื่อร้านนายรักอ่าน พอเห็นพี่ยืนอยู่ก็รู้แล้ว"
คอสกอดอกหรี่ตามองคนที่ยังไม่ยอมตอบคำถาม แล้วหันมาหาเป้งอีกครั้ง
"แล้วทำไมมึงไม่บอกกูว่าเขาเป็นพี่มึง"
"เพราะกูไม่รู้ว่าเขาจะรับกูเป็นน้องเขามั้ย"
"ทำไมล่ะ"
"เพราะแม่กลัวเขา จนหนีมาเจอพ่อกู แล้วถึงได้มีกู พี่อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีกู และอาจไม่ยอมรับกูก็ได้"
คอสขมวดคิ้ว "ก่อนนี้มึงก็มาตั้งหลายครั้ง"
"แต่ทุกครั้งพี่ก็แค่บอกให้กูไปเอกซเรย์ปอด อาจเพราะกลิ่นบุหรี่นี่ก็ได้" เป้งยอมรับ
"แล้วทำไมวันนี้ถึงเดินเข้ามาบอก"
"เพราะ กูสูบบุหรี่น้อยลงก็เลยอยากบอก"
เป้งตอบทุกคำถามส่วนอีกคนแค่มอง
"ไง พี่ชายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่"
บาลียักไหล่ "หิวข้าวว่ะ เพิ่งนึกได้ว่ากินมื้อเช้าไปมื้อเดียวนี่หว่า"
คอสเดินเข้าไปยืนข้างหน้า จ้องหน้ากันตรงๆ ท่าเดียวกับเป็นหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"ตอนนี้มันใช่เวลาโยกโย้มั้ย"
"ก็..." บาลีลากเสียง แล้วพูดข้ามไปหาเป้ง "ดูแลสุขภาพให้ดี"
เป้งพยักหน้า
"พี่บาลี"
"เพิ่งแน่ใจวันนี้..." บาลีลากเสียง
...แมร่ง...ทำไมขัดใจไอ้คนนี้มันยากนักวะ แล้วมาแท็กทีมกันทีเดียว 3 คนแบบนี้ ไม่รู้จะบอกยังไงเลย…
"ไม่เชื่อหรอก" คอสบอกทั้งทำแก้มพอง มีเป็นหนึ่งพยักหน้าอยู่ข้างๆ
"ไม่รู้จริงๆ ก็ยังเคยถามคอสอยู่เลยว่าเป้งมีแฟนหรือยัง ตอนที่เดินเข้ามาในร้านวันก่อนก็ยังไม่รู้"
..ทำไมทุกคนถึงคิดว่านายรักอ่านรู้ทุกเรื่องนะ..
“แล้วมันเกี่ยวกับรู้ไม่รู้ตรงไหน”
“ก็ตรงที่ ถ้ารู้ว่าเป็นน้องจะหวงทำไม”
คอสหน้าแดงแป๊ดฟาดหลังมือเข้าท้องหนาๆ “พี่แมร่งเก๊กตลอด เป้งไม่เหมือนแม่เลยเหรอ"
เป้งตอบแทนพี่ชาย "ไม่หรอก แม่ตัวเล็กไม่ถึงไหล่กู แล้วก็ค่อนข้างขี้กลัว"
"เขาเล่าเรื่องร้านนี้ให้มึงฟัง แล้วทำไมมึงไม่กลัว"
"ไม่กลัว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน รู้แต่ว่าอยากเจอพี่สักครั้ง"
"เจอแล้วไง"
คำถามห้วนๆ ของคนเป็นพี่ทำให้คอสอดไม่ไหว ซัดหลังมือเข้าหน้าท้องหนาๆ อีกสักที
ทั้งปู่ทั้งเป็นหนึ่งถึงกับปรบมือชื่นชม
"....เยี่ยมมากหลานสะใภ้กู...."
"ตอนแรกก็คิดว่าขอแค่เจอสักครั้ง แต่พอเดินเข้ามาในร้านอย่างตอนนี้ ผมกลับรู้สึกแปลกๆ"
คอสหันมาทำตาโต "นี่อย่าบอกนะว่ามีจิตสัมผัสแบบ...."
"ไม่มีหรอก" เป้งรีบยกมือ "คงเพราะเจอกันกี่ทีพี่ก็บอกแต่เรื่องให้ผมดูแลตัวเอง จนถึงตอนนี้ผมก็รู้สึกว่า ถ้าวันข้างหน้า ผมเป็นอะไรไป ไม่ได้อยู่กับลูก พี่จะ...ดูแลลูกของผมเหมือนลูกของพี่เองได้มั้ย"
เป็นหนึ่งก้าวไปยืนอยู่ข้างเป้งแล้วหันมาหาบาลี "ได้ แต่อย่าลืมบอกเมียมึงด้วยว่าจะยกลูกให้กู"
"แต่ตอนนี้หาแฟนให้ได้ก่อนเหอะ" คอสขัดขึ้นมาเฉยๆ "มัวแต่วุ่นวายจัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้"
บาลีเงื้อมือทำเหมือนจะเขกหัวไอ้ตัวชงสักที แต่ก็ทำได้แค่เงื้อ เป้งถึงกับหัวเราะเสียงดังแข่งกับปู่
เป้งพาคอสกลับไปหอพักเอาหนังสือเรียนของวันรุ่งขึ้น
“กูไม่เข้าใจ นี่มันเกิดอะไรกับชีวิตกูวะเนี่ย แทนที่กูจะได้นอนหอสบายๆ กูต้องซ้อนรถมึงกลับไปกลับมาด้วยเรื่องอะไรวะเนี่ย” คอสบ่นไปเรื่อยจนถึงหอพัก
“นิดหน่อยเอง กูจะได้หาเรื่องกินข้าวกับพี่ไง” เป้งบอก ขณะที่โบกมือทักทายเพื่อนๆ ที่หน้าหอแล้วขึ้นไปช่วยคอสเอาเสื้อกับงานที่จะส่งอาจารย์
“มึงจะกินก็กินไปสิ เกี่ยวไรกับกูเนี่ย”
“สัดเหอะ ทำเล่นตัว ไม่มีมึงแล้วกูจะหาหัวข้ออะไรคุยกับพี่ล่ะ”
“เรื่องตอนเด็กๆ ไง คนเจอกันมีเรื่องคุยเยอะแยะ”
“แล้วก่อนหน้านี้ ได้คุยอะไรมั่งล่ะ มีแต่บอกให้ไปหาหมอ”
“ก็มึงน่าไปหาหมอจริงแหละ” คอสจิ้มๆ ไปที่ซี่โครง กับแขนแห้งๆ “มึงไม่ดูแลตัวเองเลย เหม็นบุหรี่ระยะร้อยเมตร”
“กูก็จะเลิกแล้วนี่ไง แต่พอลดมวน แมร่งไม่มีแรง”
“แล้วทำไมต้องมีแรง มึงเป็นนักมวยหรือไง”
เป้งส่ายหน้าขำๆ “เออน่า ถือซะว่าไปช่วยกูหาเรื่องคุยกับพี่ละกัน มึงน่ะเป็นคนที่จากบ้านมาเรียน ไม่ใช่คนที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง มึงไม่เข้าใจหรอก”
“แล้วมึงเข้าใจหรือไง” คอสย้อนให้
เป้งเงียบไปอึดใจแล้วพูดด้วยเสียงขรึมๆ “แม่กูกับพี่น่ะคนเดียวกันนะ”
คอสหน้าจ๋อยทันที “ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร แม่ทิ้งเขามาตั้งแต่เล็กแล้วก็อยู่คนเดียวในร้านหนังสือมาตลอด ส่วนกูน่ะแม่ตายไปต่อหน้ากู ถึงตอนอยู่จะน้อยใจว่าแม่ชอบพูดถึงพี่ คนที่กูไม่เคยเห็น แต่เวลาที่คิดถึงเขาแล้วกอดไม่ได้ บอกว่ารักแม่แล้วแม่ไม่ได้ยินน่ะ มึงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกนี้หรอก”
เมื่อทั้ง 2 คนกลับมาถึงร้านนายรักอ่านอีกรอบ อาหารหรูและเครื่องดื่มจัดพร้อมอยู่ที่ห้องชั้น 2 เพียงแต่เจ้าของร้านกลับทำหน้าตาเฉยเมย เหมือนเป็นอาหารมื้อปกติธรรมดา ยิ้มกว้างของเป้งทำให้คอสต้องหันไปหัวเราะให้กับประตู หน้าต่างไปเรื่อย
ส่วนหัวข้อการพูดคุยในระหว่างการกินอาหารค่ำไม่มีคำถามเกี่ยวกับอดีต มีแต่วันนี้กำลังทำอะไร และพรุ่งนี้จะทำอะไร
ตามคอนเซปต์นายรักอ่านเขาล่ะ
เก็บเรื่องของเมื่อวานไว้ที่ชั้นลอยแผนกหนังสือเก่า
ชีวิตคือการคิดถึงวันพรุ่งนี้
บาลีเดินลงไปส่งเป้งที่หน้าร้าน มีเป็นหนึ่งเดินตามไปด้วย เมื่อรถมอเตอร์ไซค์ของเป้งเลี้ยวลับมุมถนน เป็นหนึ่งก็หันมายิ้มกว้างกับบาลี ยกนิ้วหัวแม่มือข้างขวาขึ้นมา
บาลีพยักหน้า....ใช่ เป้งคือพ่อของเป็นหนึ่ง...แต่เพราะการสูบบุหรี่จัด ดื่มมาก จะทำให้เป้งไม่ได้อยู่กับลูกชายนานนัก และถึงบาลีจะไม่ได้สั่งเรื่องให้เป้งบอกกับเมียไว้ แต่ในวันหนึ่งข้างหน้า ชะตาชีวิตจะพาเป็นหนึ่งกลับมาที่ร้านนี้อีกครั้ง ในฐานะนายรักอ่านคนที่ 4
เมื่อมองผ่านเป็นหนึ่งไปที่ด้านหลัง เห็นปู่ยืนมองส่งเป้งเหมือนกัน
บาลีหรี่ตายกยิ้มมุมปาก
....อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะปู่...
=======จบตอนที่ 31========
วันนี้ม.ปลายสอบ เครียดจริงๆ 
ขอบคุณที่ติดตามและให้คำแนะนำครับ พบกันวันพฤหัสบดีนะครับ
ไจฟ์ครับ