It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 602600 ครั้ง)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    โอ๊ะ!! พี่ท่านนี่ช่างรุกรวดเร็ว หนักหน่วง ต่อเนื่องดีจริงๆ
    น่าร้ากกกกกกกกกกกกก





donghwa

  • บุคคลทั่วไป
งั้นก็เป็นซะเลยสิ เนอะๆพี่ภู กรั่กๆๆๆ
ฮ่าๆ เวลาที่น้องเกงยีนมันโดนพี่ภูรุกหนักๆ
แล้วไปไม่เป็นนี่มันน่าฮักโดนใจขนาด
ชอบค่ะฮ่าๆๆๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆนะคนเขียน

ออฟไลน์ SakataGintoki

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :a5:

บอกได้คำเดียวว่า 'อึ้ง'

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
อร๊ายยยยยยยยย   :impress2:

รุกแรงจริง!!! เกงยีน โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆนะจ๊ะ

รีบตอบตกลงเลยนะลูก กรี๊ดดด

 :z2: :z2: เต้นรอ มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
อยากให้ตอบตกลงแต่น้องเกงยีนคงตอบอีกอย่าง :z3:

ออฟไลน์ นิรนาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น่ารักเนอะ

พี่ยีนตอบตกลงเลย

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
มาแรงแซงทางโค้งเลยนะคะพี่ชมพู  :-[

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เกงยีนปากแข็งไม่เลิก :z2:

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
พี่ชมภูน่ารักแล้วอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อ๊ายยย พี่ชมพูโดนใจมากมาย อิอิ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
ยีนจะใจแข็งได้ซักแค่ไหนน้า~

Rhythm

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักอ่ะ  :impress2:

รออ่านนนะ

ออฟไลน์ i-love-you

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 716
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-3

FoN LiGhT~

  • บุคคลทั่วไป
ยีนตอบว่าไรน้อ................
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ขอติดตามต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ Kire-i

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
อั๊ยย่ะ ตกลงไปเลยยีน คนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆน้าาาา อิ อิิ

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
กรี๊ดดด :m3: ตรงได้อีก

พี่พูสู้ๆ :ped149: รุกเข้าไป รุกเข้าไป เอ้วๆ

น้องเกงยีนขา รับเถอะค่ะ ยอมรับใจตัวเองได้แล้วนะ  ฮุฮิ

กอดคนเขียน :กอด1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ตรงมาเลยพี่ชมพู  :-[ แทนเลยอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
อ๊ายยยยย

ขอ เป็นแฟน แล้ว

bryden

  • บุคคลทั่วไป
เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย
พี่พูท่าคร่อมน้องแบบนั้น มันล่อแหลมมากค่ะ
นี่ตั้งใจแต๊ะอั๊งน้องหรือกันท่าเพื่อนเขาเพราะหึง
แต่คิดว่าคงหึงมาก่อน
ได้คร่อมน้องเป็นผลพลอยได้ ><




“แต่ช่วยทำให้กูเลิกคิดถึงมึงหน่อย”


ปย.นี้พี่พูคิดนานป่ะ เปิดเผยว่าจีบขนาดนี้
น้องยีนไม่หวั่นไหวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
เออว่าแต่น้องยีนรู้ตัวยังเนี่ยว่าโดนผู้ชายทั้งแท่งจีบอยู่




เป็นคุณเมียที่ดีมาก ดูแลเทคแคร์ทู๊กกกกกอย่าง
ตั้งแต่ทำงานจนการกิน แถมห่วงใย
จนน้องยีนใจแกว่ง รุกหนักเข้าพี่พู
อีกแป๊บน้องก็ใจอ่อนแล้ว



โอ้ยๆๆๆ จับมือเขาให้ป้อนตัวเองไม่เท่าไร
แต่มีดูดและเลียด้วย ไ
ม่อยากจะคิดถึงถ้าได้เป็นแฟนกัน
น้องยีนคงถูกพี่พูหลอมละลาย



น้องยีน น้องไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวคุณพี่เขา
แต่ว่าอิเจ้นี่อยากรุ้นี่นา
ที่สำคัญ พี่พูเขาอยากจะบอกซะด้วยสิ
ก็...ในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกัน
น้องยีนส์ก็ตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่ภูเเขไปเถอะนะ



ปล.พี่ภูแมร่งงงงงงงง หมัดตรง
อินี่ปลื้ม
    :z1:

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนที่ 13 : เกิน















ฮะ?????

หูผมเพี้ยนหรือว่าอะไร แต่ไม่ว่าจะยังไง ตาผมก็เบิกโพลงไปแล้วกับคำชวนเมื่อกี้ ผมมองหน้ามันตาปริบๆ อย่างงุนงง เหมือนสมองเบลอไปจริงๆ มันสติไม่ดีหรือว่าผมเพี้ยน หรือว่าหูของผมฝาดไปเองที่ได้ยินเหมือนกับว่ามันกำลังชวนผมเป็นแฟน

เฮ้ยยย จะบ้าหรือไง ผมกับพี่ชมพูเป็นแฟนกันเนี่ยนะ?

พายุหิมะจะพัดถล่มเมืองไทยหรือเปล่าวะ

“เป็นแฟนกันไหม”

มันถามย้ำอีกครั้ง ทำเหมือนกับว่าผมไม่ได้ยินอะไร ทั้งที่ผมได้ยินชัดเต็มสองหู แต่ยังตอบอะไรไม่ถูกเท่านั้นเอง ใครตอบมันได้ทันทีก็เก่งล่ะวะ ผมมองหน้ามันก่อนจะค่อยๆ เผยอปากขึ้นถาม

“พี่ประสาทหรือเปล่า”

ไอ้หน้าหล่อตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันที่อยู่ๆ ผมก็เหมือนจะด่ามัน มือกว้างละจากพนักเก้าอี้ทั้งสองข้างของผม เปลี่ยนเป็นกอดอกเอาไว้แทน

“กูขอมึงเป็นแฟนนี่มันประสาทตรงไหน”

อารมณ์กรุ่นนิดๆ ที่พอให้รู้สึกได้ทำให้ผมรู้ตัวว่ามันไม่ค่อยพอใจนักที่ผมย้อนมันกลับเลยเปลี่ยนคำพูดของตัวเองใหม่

“เอ้ยๆ เปลี่ยนใหม่ก็ได้ พี่... นึกยังไงมาขอผมเป็นแฟน?”

มันน่าแปลกไหมล่ะครับที่ไอ้พี่ชมพูมาชวนกันแบบนี้ ไม่ได้ชวนไปกินข้าว ไปเตะบอล ไปวิ่งรอบเกาะรัตนโกสินทร์อะไรเทือกนั้น นี่มันเป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายและไม่คิดว่าจะได้ยินในชีวิตผมเลยด้วยซ้ำ

“แล้วทำไมกูจะขอมึงเป็นแฟนไม่ได้”

“พี่...............ชอบผมเหรอ”

สิ่งเดียวที่นึกได้ตอนนี้ก็คือนี่แหละ แต่ผมว่าเป็นไปไม่ได้อยู่ดี ถึงตอนนี้มันจะดีกับผมมากขึ้น (คิดว่า) ไม่หาเรื่องมากมายเหมือนแต่ก่อน แต่มันก็เป็นเรื่องยากเกินไปที่มันจะชอบผม อีกอย่าง... มันก็ไม่ได้เป็นเกย์ แล้วผมก็ไม่ได้เป็น

“กู...คิดว่าเป็นอย่างนั้น” พี่ชมพูมองหน้าผมแล้วตอบกลับมาอย่างลังเล “กูก็สับสนอยู่ กูถึงอยากลองดู”

คิ้วของผมขดเข้าหากันแน่น นึกโมโหขึ้นมาหน่อยๆ ที่คำตอบของมันเป็นแบบนั้น

มึงขอกูเป็นแฟนเพราะความไม่แน่ใจของมึงเองเนี่ยนะ สัตว์!

“แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องเป็นหนูทดลอง”

“เพราะเป็นมึงไง มึงที่ทำให้กูสับสนอยู่แบบนี้”

พี่ชมพูละแขนทั้งสองข้างของตัวเองออกจากอก หนำซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม มองเข้ามาในตาผมเหมือนจะบอกอะไรบางอย่างผ่านทางแววตาคมๆ คู่นั้น แล้วมันก็ทำให้ใจผมหวิวๆ สัตว์เอ๊ย

ผมสบถกับตัวเองเบาๆ ที่ดันรับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจที่แปลกๆ ไปเพราะสายตาคู่นั้น ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นออกไปจากหัว

“แต่ผมไม่ได้ชอบพี่”

ในชีวิตผมเจอผู้หญิงมาสารพัด เรียกได้ว่าก็แทบไม่ขาดสาย แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยรักเคยชอบใครหรือเป็นแฟนกับใคร ถึงผมจะดูเหี้ย เอาผู้หญิงมาเยอะ แต่ก็ไม่เหี้ยขนาดคบไปทั่วแล้วสามวันเจ็ดวันเปลี่ยนที

ผมอยากเป็นแฟนกับคนที่ผมรัก...

“กูก็พอรู้อยู่หรอก”

มันเดาะลิ้นพลางว่าแบบนั้น ก่อนจะผ่อนหลังที่ยืดตึงเมื่อครู่ให้กลับไปพิงกับพนักอย่างสบายๆ แล้วยังเอาขามาเตะขาผมเบาๆ

“แต่มึงก็รู้ไว้แล้วกันว่าบางทีกูอาจจะทำอะไร ‘เกิน’ ไปบ้างเพราะกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ากูชอบมึงจริงหรือเปล่า”

แม่งงงง ผมเกือบผ่อนลมหายใจแบบสบายแล้วเชียว ถ้าประโยคสุดท้ายของมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผิดกับไอ้คนพูดโดยสิ้นเชิงที่มันกระตุกยิ้มเบาๆ เหมือนเรื่องที่คุยเมื่อกี้มันไม่ใช่เรื่องซีเรียส แถมมันยังขยับเก้าอี้กลับไปนั่งแดกไก่ต่ออย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แสรดดดดดดดดดดดด















กินไก่เสร็จแล้วเรื่องซวยก็มาเยือนทันที เพราะพอลุกจากเก้าอี้ กำลังเดินออกไปนอกร้านก็ถูกพนักงานเดินชนเข้าอย่างจัง จริงๆ ผมก็ไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กที่โดนชนแล้วจะกระเด็นง่ายๆ ถึงจะตัวผอมไปหน่อยก็เหอะ แต่ว่าพนักงานคนนั้นดันสร้างเรื่องให้ผมเพราะเผลอเหยียบแว่นของผมที่หล่นตอนชน แล้วสภาพของแว่นจะเป็นยังไงนอกไปเสียจาก... เลนส์แตกและขาเบี้ยว

“ร้านอยู่ชั้นไหนวะ”

โชคดีว่าผมไม่ใช่คนสายตาสั้น ไม่อย่างนั้นคงเดินตาบอดอยู่ในห้าง แต่ถึงอย่างนั้นไอ้คนหวังดีที่พาผมมากินเคเอฟซีด้วยก็ยังจูงมือให้เดินไปหาซื้อแว่นใหม่ด้วยกัน จริงๆ มันก็พอใจอยู่หรอกที่ผมไม่ต้องใส่แว่นอย่างที่มันหวัง แต่ผมก็ยืนยันว่าจะหาแว่นใหม่มาใส่แทนอยู่ดี

“น่าจะสี่มั้ง”

ผมตอบพลางเดินตามไป เลิกเสียแรงดึงมือของตัวเองออกจากมือใหญ่ๆ นั่น ก็เคยทำมาตั้งกี่ทีแต่ไม่เคยสำเร็จ และนี่ก็คงจะเป็นการกระทำที่ไอ้พี่ชมพูเรียกว่า ‘เกิน’ เพราะอยากพิสูจน์ว่า ‘มันชอบผมจริงหรือเปล่า’ ล่ะมั้ง แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะพิสูจน์ตรงไหนเลยให้ตายเหอะ หลอกแต๊ะอั๋งกูมากกว่า

เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปเพื่อหาร้านขายแว่น ก็ไม่ถึงขนาดเป็นร้านแว่นใหญ่ๆ ที่เห็นตามโฆษณาทีวีอะไรหรอกครับ ร้านแว่นแฟชั่นธรรมดาที่เขาขายกันอยู่ทั่วไปนั่นล่ะ ทว่าขึ้นไปถึงแค่ชั้นสามมือที่กุมผมอยู่ก็กระตุกเรียก

“อยากดูเรื่องนั้นว่ะ”

หน้าหล่อๆ พยักพเยิดไปที่แบนเนอร์ของหนังเรื่องนึงซึ่งห้อยลงมาจากชั้นห้า ผมมองตามแล้วก็เห็นว่ามันน่าสนใจดี เป็นหนังแอ๊คชั่นไซไฟที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนี้แถมเพิ่งเข้าโรงมาแค่สามวัน แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ผมก็เล็งหนังเรื่องนี้ไว้อยู่

“อือ ผมกะว่าจะชวนไอ้กราฟ ไอ้กัส ไอ้เคลมมาดูอยู่เหมือนกัน”

“ดูกับกูดิ”

ผมหันไปมองหน้ามัน ซึ่งมันก็จ้องมองผมด้วยแววตาที่แสดงออกชัดเจนว่าอยากให้ผมไปดูกับมันจริงๆ มันจ้องซะผมไม่กล้าเบือนหน้าไปทางอื่น เลยตอบมันแบบอึกอัก

“เออๆ ...เดี๋ยว เดี๋ยวไปซื้อแว่นก่อนแล้วกัน”

แล้วแม่งก็เสือกยิ้มเหมือนดีใจมาก ก่อนจะกระตุกมือผมให้ก้าวขึ้นจากบันไดเลื่อนที่มาถึงชั้นสี่พอดี หนำซ้ำยังดึงมือให้เดินตามไปขึ้นบันไดเลื่อนต่ออีก แล้วผมจะทำยังไงได้นอกจากเดินตามมันไป

ทำไมเดี๋ยวนี้รู้สึกว่ากูตามใจมันง่ายจังวะ??

“ซาวน์แทรครอบสี่โมงยี่สิบ”

พอขึ้นมาถึงชั้นห้า พี่ชมพูก็ให้ผมยืนรอ ส่วนมันไปซื้อตั๋วหนัง ก่อนจะกลับมาบอกรอบหนังที่ซื้อเอาไว้ ผมก็พยักหน้าเออออก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง อีกตั้งชั่วโมงกว่า คงมีเวลาไปเดินเลือกดูแว่นต่อ ผมเลยชวน

“งั้นไปซื้อแว่นก่อน”

“เออๆ”

คนตัวใหญ่พยักหน้า ผมจึงหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินลงไปชั้นล่าง ทว่าช่วงจังหวะที่หันหลังก็ดันไปชนคนอื่น

เหี้ยอะไรเนี่ย วันนี้กูโดนชนหลายรอบแล้ว

แต่พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่ผมชนแล้วก็ต้องเบิกตาค้าง เพราะว่าหน้าแบบนี้ผมจำได้... สัตว์ป๊อป แล้วก็ดูเหมือนมันจะจำผมได้เช่นกัน มันอ้าปากพะงาบๆ เหมือนตกใจที่เห็นผม

“มึง.. ไอ้... ไอ้เหี้ยยีน!”

พอมันเปล่งเสียงครบพยางค์ ผมก็คว้ามือไอ้พี่ชมพูแล้วโกยอ้าวเลย

“เหี้ย มึงหยุดนะเว้ย ไอ้สัตว์ ไอ้เหี้ยยีน”

เสียงไอ้ป๊อปดังตามมาและผมคิดว่ามันไม่แค่ตะโกนแน่ๆ เพราะได้ยินเสียงตึกๆ เป็นฝีเท้าของคนนับสิบที่คงมากับมันกำลังไล่กวดมา

ฉิบหายแล้วไง! ดันเจอโจทก์เก่าอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

ผมวิ่งลงบันไดเลื่อน ตอนนี้ไม่จับแล้วมือไอ้เหี้ยพี่ชมพู เอาตัวรอดไว้ก่อนแล้วกัน ไม่นึกไม่ฝันเหมือนกันว่าจะต้องมาทำเรื่องน่าอับอายแบบนี้ เจอเหี้ยป๊อปแต่ละทีผมไม่เคยต้องมาวิ่งแจ้นหนีมัน มีแต่ลูกตรงใส่ ถ้าไม่ติดคำสัญญากับป๊าไว้ ผมคงไม่ทำอะไรหมาๆ แบบนี้หรอก

“มึงไปดักมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้”

เสียงตะโกนของไอ้ป๊อปดังลั่นอยู่ห่างๆ ถึงจะไม่ได้หันไปมองผมก็พอรู้ จึงวิ่งแบบไม่คิดชีวิต เห็นล็อกไหนเลี้ยวได้ก็เลี้ยวแม่งเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็กลัวว่าพวกแม่งสักคนจะจับได้เลยต้องกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะพุ่งตัวไปทางตรงกันข้ามที่เห็นพวกมัน

แต่เหี้ยแม่งก็ตาไว เห็นผมจนได้ ผมต้องวิ่งหางจุกอีกครั้ง เหนื่อยก็เหนื่อยจนหายใจหอบออกทางปากแต่หยุดไม่ได้ เพราะพวกมันก็ไม่หยุดเหมือนกัน ขาเริ่มจะล้าแล้วด้วยซ้ำ คนในห้างที่เห็นผมวิ่งผ่านต่างก็ทำหน้างงๆ เห็นพวกมันวิ่งกันมาเป็นขบวนก็ยิ่งแตกตื่น แต่อยากบอกว่ากูเนี่ย วิ่งจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว!

หลังเปียกๆ ของผมพิงผนังของทางเข้าห้องน้ำหลังจากหลบพวกมันเข้ามาในซอกนี้ได้ หอบแฮ่กๆ เหมือนคนขาดอากาศหายใจพร้อมกับปาดเหงื่อไปด้วย

เชี่ยแม่งเอ๊ย เสือกซวยอะไรแบบนี้วะ

ผมสบถกับตัวเองก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะว่าเหลือบไปเห็นว่าพวกไอ้ป๊อปหันมาเห็นผมพอดี

เหี้ย! กูต้องวิ่งอีกแล้วเหรอ

เพราะได้พักแป๊บนึง ก็เลยรู้สึกว่าขามันล้าไป จะให้ออกวิ่งอีกรอบก็โคตรจะหมดแรง เหมือนโดนหินก้อนโตๆ มาถ่วงขาเอาไว้ ผมรู้ได้เลยว่าตัวเองวิ่งช้าลงกว่าเมื่อกี้เยอะ

ซวยแน่มึง ไอ้ยีนเอ๊ย วันนี้นอกจากมึงจะโดนยำตีนแล้วมึงต้องโดนป๊าเล่นแน่ๆ

“เฮ้ย!”

เสียงอุทานหลุดออกมาจากปากของผมเมื่ออยู่ดีๆ ก็ถูกมือหยาบมา กระชากต้นแขนเอาไว้ ตัวทั้งตัวลอยหวืดไปปะทะกับร่างของแรงมหาศาล หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นมาฉับพลัน มากกว่าที่เต้นแรงเพราะความเหนื่อยที่เป็นอยู่ ทว่าไม่ทันให้ผมได้เงยหน้ามองดูเจ้าของมือ ขาก็ต้องทำงานอีกครั้งเพราะแรงดึงจากมือนั้นให้วิ่งตามมันไป

เสื้อเปียกๆ ที่คนข้างหน้าสวมอยู่และทรงผมสีน้ำตาลนั่นทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าไอ้เหี้ยที่ดึงผมเป็นใคร

“ดะ.. เดี๋ยว เหนื่อย”

ผมพ่นเสียงออกมาพร้อมกับเสียงหอบบอกคนข้างหน้า หน้าหล่อๆ นั่นจึงหันมาก่อนจะหักเลี้ยวแล้วมือที่ว่างอีกข้างของมันก็ผลักประตูกระจกตรงหน้าออก แต่ไม่แค่นั้น มันยังพาผมวิ่งผ่านเข้าไปในลานจอดรถ พี่ชมพูหันมามองด้านหลังเป็นระยะเหมือนอยากแน่ใจว่ามีพวกนั้นตามมาหรือเปล่า

แล้วก็มีตามมาจริงๆ สัตว์เอ๊ย!

พี่ชมพูพาผมวิ่งแบบไม่คิดชีวิตขึ้นสโลปไปลานจอดรถชั้นบนโดยมีไอ้พวกนั้นวิ่งตามอยู่ห่างๆ เพราะพวกแม่งก็เหนื่อยพอๆ กับผมนั่นล่ะ แต่มันยังไม่ยอมแพ้กัน ผมล่ะอยากด่าไอ้คนที่พาผมวิ่งขึ้นทางลาดทั้งที่เลือกวิ่งลงก็ได้

มึงจะทำกูเหนื่อยเพิ่มทำไม ไอ้เหี้ย!

ไม่ใช่แค่วิ่งขึ้นชั้นเดียว มันพาผมวิ่งขึ้นสองชั้นก่อนจะพาไปสุดทางของลานจอดที่เต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายรุ่น มือใหญ่กระชากตัวผมให้เข้าไปหลบอยู่ในซอกลึกสุดที่มีรถคันหนึ่งจอดบังอยู่ หนำซ้ำยังพยายามดึงตัวผมให้เข้าไปใกล้มันมากที่สุด

ขายาวๆ ที่เหยียดออกตอนที่ลงไปนั่งหดเข้าหาตัว แผ่นหลังใหญ่พิงกับล้อหลังของรถคันที่กำบังพวกเราสองคน แขนที่ดูแข็งแรงโอบรอบเอวผมแล้วลากให้ขยับเข้าไปใกล้มันมากขึ้น เสียงหอบหายใจดังจากปากของเราทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชมพูก็ยกมืออีกข้างขึ้นมาแนบปากของผม เหมือนจะปิดไม่ให้ส่งเสียงอะไรไปมากกว่านี้ ซึ่งมันเองก็พยายามเม้มปากเข้าหากันเช่นกัน

เสียงตึกๆ และเสียงโวยวายว่าให้ลองแยกกันหาดังอยู่ครู่หนึ่ง ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นมา เพราะถ้าพวกมันหาผมเจอตอนนี้ผมคงวิ่งหนีไม่ไหวแล้ว ผมไม่รู้ว่าไอ้พี่ชมพูเก่งเรื่องต่อยตีแค่ไหน อาจจะพอตัวเพราะมันบ้าพลัง พวกไอ้ป๊อปมีสิบกว่าคน ผมอาจจะต้องเจ็บตัวหน่อยซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมกังวล

การผิดคำสัญญาต่างหากที่ทำให้ผมกลัว

แต่เพราะมุมนี้เป็นมุมดีที่สุดของการหลบซ่อนล่ะมั้ง เสียงฝีเท้าที่ดังอยู่ใกล้ๆ ถึงได้ค่อยๆ ห่างออกไป พี่ชมพูเหลือบมองทางด้านหน้ารถตลอดเพราะกลัวว่าจะมีไอ้พวกนั้นโผล่มา

ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของมันเลยสักนิด มันไม่จำเป็นต้องมาวิ่งหนีเหมือนกับผม แต่มันก็วิ่งไล่ตามจนเจอผมแล้วก็มาช่วยแบบนี้...

ปกติแล้วผมไม่ใช่คนที่จะถูกใครปกป้อง มีแต่หันหลังชนกันแล้วสู้ตายกับไอ้พวกเพื่อนตายเท่านั้น แต่ตอนนี้... ผู้ชายตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกปกป้อง

“พวกมันไปแล้ว”

เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยโวยวายอยู่เมื่อครู่หายไป แทนที่ด้วยเสียงรถยนต์ที่แล่นจากชั้นนี้ผ่านลงไปชั้นล่างตามปกติ ต่อด้วยเสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า มือที่ปิดปากผมเอาไว้ปลดออก นัยน์ตาคมเข้มนั่นจ้องที่ใบหน้าของผม

“ไปทำอะไรพวกมันไว้”

ไม่ใช่คำถามที่มาจากอารมณ์ไม่พอใจที่ทำให้มันเดือดร้อนทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ด้วยความอยากรู้เสียมากกว่า ผมเม้มปากนิดๆ มองหน้ามันก่อนจะตอบกลับ

“ส่งเข้าโรง’บาลสองวัน”

มันเป็นการวิวาทตามประสาเด็กมัธยมนั่นแหละครับ เพียงแต่หนักมือไปหน่อย

“มึงนี่ อริเยอะจริงนี่หว่า” มันกลั้วเสียงหัวเราะนิดๆ เหมือนไม่ซีเรียสกับคำตอบของผม “แล้วเป็นยังไง สนุกดิ วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน”

“ปกติก็ไม่หนีหรอก แต่นี่..”

“ติดสัญญากับป๊า”

มันตอบอย่างรู้ดี ผมก็พยักหน้าตาม ก่อนจะรู้สึกร้อนๆ ที่แก้มมากกว่าเดิม นอกเหนือจากความเหนื่อย เพราะว่ามือใหญ่ๆ นั้นลูบแก้มผมเบาๆ

เหี้ย มึงทำกูใจหวิวอีกแล้ว

“หน้ามึงแดง”

ตาคมจับจ้องที่หน้าผมทั้งที่นิ้วโป้งของมันยังลูบไล้บนแก้มผมไม่เลิก

“ก็เหนื่อย”

“ปากมึงก็แดง”

“ปากแดงอยู่แล้ว”

รู้อยู่หรอกว่าผมเป็นคนที่ปากแดงเป็นธรรมชาติ แต่พอมันพูดถึงก็อดจะเม้มปากเข้าหากันไม่ได้ แล้วยิ่งมองหน้าและเห็นสายตาของมันก็ทำให้ผมไม่กล้าจะมองหน้ามันต่อ

สัตว์เอ๊ย กูเขินเหรอวะเนี่ย!

“เกงยีน”

“...”

“เกงยีน”

“...”

เพราะผมไม่ยอมหันไปมองหน้ามันต่ออีกนั่นแหละ มันถึงได้เรียกเอาๆ เรียกจนผมชักรำคาญ

“เกงยีน”

“อะไร!”

“จูบนะ”

เสียงทุ้มบอกมาทั้งที่สายตายังไม่เปลี่ยนจากเดิม ทำให้จากที่สะบัดหน้ามองมันอย่างไม่พอใจที่ถูกเรียกซ้ำเรียกซากกลายเป็นมองมันอย่างอึ้งๆ ตรงข้ามกับมันที่ค่อยๆ เลื่อนมือที่จับแก้มผมให้เปลี่ยนเป็นประคองหน้า หน้าหล่อๆ นั่นยื่นเข้าหาอย่างเชื่องช้าก่อนริมฝีปากของมันจะกดทับปากของผม

หัวใจของผมเต้นอยู่... แต่มันต่างจากปกติ เพราะตอนนี้เต้นแรงฉิบหาย

ปากอิ่มนั่นค่อยๆ ละเลียดชิมปากผมช้าๆ ไม่เร่งรีบ ขยับอย่างอ้อยอิ่ง กดทาบลงมาและดูดดึงเป็นจังหวะ ความเปียกชื้นเกลี่ยไปตามกลีบปากของผมอย่างระมัดระวังก่อนจะดุนดันเข้ามา

มันน่าแปลกตรงที่ว่า... ผมยอมอ้าปากออกให้มันสอดลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย

ผมปิดตาลงรับสัมผัสของมันที่ล้ำลึกแต่กลับแผ่วเบา มันอ่อนโยนกว่าที่คิดเลยทำให้ผมคล้อยตามและกระหวัดลิ้นสอดรับมันกลับไป ดื่มด่ำกับรสจูบ...ที่ผมรู้สึกว่าหวาน กลิ่นเหงื่อของเราที่คละคลุ้งกันล่ะมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตกอยู่ในวังวนนี้

อ้อมแขนใหญ่ที่ยังไม่ละจากเอวของผมกระชับให้ตัวผมขยับเข้าไปใกล้แผ่นอกหนาเพื่อให้เราจูบกันได้ถนัดถนี่ขึ้น ผมรู้สึกหัวตื้อเพราะรสสัมผัสนี้ และมันก็รู้สึกดีจนอยากจะยึดริมฝีปากนี้ต่อไป แต่กลีบปากใหญ่ก็ผละออกมาเสียก่อน

ลิ้นชื้นของคนตรงหน้าแตะเข้ากับมุมปากของผมที่เปียกเพราะมัน ก่อนจะละออกมาแล้วเหยียดเป็นรอยยิ้ม มองหน้าผมที่ เอ่อ.. มองหน้ามันไม่ติด ต้องก้มหน้าหลบสายตาหวานๆ ที่มองผม หนำซ้ำก้อนเนื้อในอกยังทรยศเพราะส่งเสียงดังไม่เลิก

“....ขอบคุณ”

เพราะมันเงียบเกินไป ผมถึงต้องขยับปากพูดอะไรสักอย่าง แล้วดันนึกอะไรไม่ออกสักอย่างนอกจากประโยคนี้ถึงได้พูดออกมาด้วยเสียงเบาหวิว แต่ว่าไอ้คนตัวโตก็ได้ยินอยู่ดีถึงได้ถามยียวนกลับมา

“ขอบคุณที่จูบ?”

“ไม่ใช่เว้ย” ผมสะบัดหน้าขึ้นมาทันควัน จ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่องที่เข้าใจผิดไปคนละเรื่อง “หมายถึงขอบคุณที่ช่วย”

แล้วมันก็หัวเราะชอบใจที่แกล้งผมได้ เล่นเอาผมฮึดฮัดอยากตั๊นหน้ามันสักที กวนส้นตีน แม่ง! แต่กำปั้นของผมยังส่งไม่ถึงหน้ามัน มือใหญ่ก็มาจับไว้ได้เสียก่อน ผมเลยต้องล้มเลิกความตั้งใจแล้วดึงมือของตัวเองคืน

“แล้วพี่วิ่งตามผมทำไม บ้าหรือเปล่าวะ”

“ไม่รู้ดิ เห็นมึงวิ่ง กูก็เลยวิ่ง”

“ประสาท”

“ก็คงงั้น”

คราวนี้มันยอมรับง่ายๆ แต่ท้ายประโยคที่หลุดออกมาหลังจากนั้นก็ทำให้ผมต้องเม้มปากแน่น

“แค่ห่วง กลัวว่ามึงจะโดนรุม”

ไปไม่เป็นเลยกู~!

“เออ...” ผมขัดบรรยากาศเงียบๆ “ไปซื้อแว่นก่อน เดี๋ยวหนังจะเข้าแล้ว”

คนฟังยิ้มๆ แล้วปล่อยแขนจากเอวของผมก่อนจะดันตัวลุกขึ้น ปัดกางเกงของมันแบบไม่สนว่าคราบฝุ่นจะฟุ้งใส่หน้าผม จากนั้นยื่นมือมาให้ แต่ว่าผมก็ไม่อาศัยมือของมัน ลุกขึ้นเองแล้วปัดกางเกงก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำ














ผมได้แว่นมาแล้วซึ่งเป็นแบบที่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไร แน่นอนว่าไอ้พี่ชมพูเป็นคนจ่ายให้ เพราะว่ามันยังต้องเลี้ยงผมอยู่อย่างที่มันบอกว่าจะรับผิดชอบ พอได้แว่นมาแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกใครวิ่งกวดเหมือนอย่างเมื่อกี้ เพราะว่าผมตอนใส่แว่นกับไม่ใส่มันโคตรต่างกันลิบลับ แล้วนอกจากจะได้แว่นมาแล้ว ยังได้เสื้อผ้าชุดใหม่มาอีกชุด




‘ให้ใส่เสื้อเปียกเหงื่อเข้าไปดูหนังคงได้เหม็นหึ่งกันทั้งโรง’



นั่นเป็นเหตุผลของไอ้พี่ชมพู

เราเข้ามาในโรงหนังตอนช่วงที่ไตเติ้ลหนังขึ้นพอดี มีคนนั่งเกือบเต็มโรงแล้ว ในมือผมถือป๊อปคอร์นกับถุงที่ใส่เสื้อผ้าของตัวเองเข้ามาด้วย ส่วนไอ้พี่ชมพูมีเป๊ปซี่สองแก้วอยู่ในมือ ส่วนถุงเสื้อผ้ามันก็คล้องไว้กับแขน ถึงที่นั่งได้ผมก็ดูดเป๊ปซี่เข้าไปหนึ่งอึกให้ชื่นใจ

แอร์เย็นสบาย เบาะนุ่ม บรรยากาศดีชิบเป๋ง

ผมนั่งดูหนังก็กินป๊อปคอร์นสลับกับเป๊ปซี่ไป ไม่ได้ละสายตาเพราะว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจอมันทั้งตื่นเต้นและลุ้นอยู่ตลอดเวลา มีบางครั้งที่ซาวน์มันระทึกแล้วก็มีช็อตให้ตกใจจนผมถึงกับสะดุ้ง ซึ่งเป็นแบบนั้นทีไรก็จะตามด้วยเสียงหัวเราะหึหึจากคนนั่งข้างๆ ให้ผมต้องละสายตาจากจอไปตวัดตามองมันแบบไม่พอใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลับเป็นรอยยิ้มนิดๆ ของไอ้รุ่นพี่ที่แม่งชอบกวนประสาท

กูแค่ตกใจ มีอะไรน่าขำมากหรือไง!

เป็นรอบที่สี่แล้วมั้งที่มันหัวเราะผม แล้วมันก็ทำให้ผมชักจะทนไม่ไหว ต้องเอนตัวกระซิบมัน

“หัวเราะอะไร”

“ก็ขำ”

“มีอะไรน่าขำ”

“ไม่มี”

“ไม่มีแล้วขำหาหอกเหรอ”

“ไม่มีหอกให้หา”

“กวนตีน”

“กูกวนตีน แต่มึงน่ะ..... กวนใจ”

สัตว์ ผมด่ามันต่อไม่ถูกเลย เหี้ยเอ๊ย เลยได้แต่นั่งนิ่งแล้วสนใจหนังเหมือนเดิม มันก็หัวเราะขำๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาจับมือผม

“จะกินป๊อปคอร์น”

ผมดึงมือตัวเองออก แต่ว่าไอ้พี่ชมพูก็ดึงผมมือไว้ไม่ยอมปล่อย หนำซ้ำแม่งยังขยับให้มือประสานกันอีกต่างหาก

มึงจะ ‘เกิน’ อะไรมึงคิดจะถามความคิดเห็นกูก่อนไหม สาดดดดด

“เดี๋ยวป้อน”

“ไม่กินแล้ว”

ทั้งที่ผมบอกมันไปแบบนั้น แต่มือใหญ่อีกข้างก็หยิบป๊อปคอร์นมายื่นติดปากของผม ผมก็เบี่ยงหน้าหนีดิ เรื่องอะไรจะปล่อยให้มันป้อน แต่มันไม่ยอมให้ผมหนีง่ายๆ ยื่นหน้ามากระซิบริมหู

“ถ้าไม่กิน จะใช้ปากป้อนแทน”

สัตว์! ผมหันขวับมาตวัดตาใส่มัน ถึงจะสะดุ้งนิดหน่อยเพราะว่าหน้าของมันอยู่ใกล้มาก แต่ก็รักษาฟอร์มไว้ไม่ให้มันจับได้ จ้องมองมันผ่านความมืดที่มีแสงสว่างจากจอใหญ่เป็นช่วงๆ แต่ว่ามันแค่เหยียดยิ้มเลวกลับมาพลางเลิกคิ้วเหมือนท้าทายว่าจะทำหรือไม่ทำ ผมจึงต้องอ้าปากแล้วงับทั้งป๊อปคอร์น ทั้งนิ้ว

แม่ง สม! กูจะกัดแรงๆ ให้นิ้วแม่งขาดเลย

“เฮ้ย”

เป็นอย่างที่คิด ไอ้พี่ชมพูแม่งชักมือกลับไปแล้วสะบัดๆ เพราะความเจ็บ ถึงทีผมยักคิ้วแล้วยิ้มเหนือกว่าใส่มันบ้าง ท่าทีที่มันดูเจ็บใจเพราะโดนผมเอาคืน

เนี่ย โคตรทำให้ผมมีความสุขเลย!!











ต่อด้านล่าง
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2013 23:30:45 โดย undersky »

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากข้างบน

v

v





ดูหนังครึ่งหลังเหมือนจะไม่ค่อยปะติดปะต่อสักเท่าไร เพราะว่าผมกับไอ้คนนั่งข้างๆ เอาแต่หาเรื่องกันจนถูกคนที่นั่งข้างทั้งมันและผมหันมามอง แต่ถึงอย่างนั้นก็นั่งดูกันจนจบ ผมและไอ้พี่ชมพูถือถุงเสื้อผ้าของตัวเองออกมาจากโรงหนังคนละถุง ส่วนป๊อปคอร์นกับเป๊ปซี่ที่เหลืออยู่อีกนิดหน่อยก็ทิ้งไว้ในโรงหนังนั่นแหละ ขี้เกียจแบกออกมาทิ้งด้วย

“เล่นไอ้นี่ก่อน”

ยังเดินไปไม่ถึงบันไดเลื่อน ผมก็ชี้ไปที่ตู้เกมด้านหน้า บอกมันแค่นั้นก่อนเดินตรงไปยังจุดหมาย ทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะพนักสูง วางมือบนพ่วงมาลัย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเงินติดตัวสักบาทถึงได้จำใจหันมาหาคนที่เดินตามมาทีหลัง

“หยอดเงินให้ด้วย”

“หึ จะเล่นแล้วยังสั่ง”

ไอ้คนเรื่องมากมันว่า ก่อนจะวางมือบนหัวผมแล้วจับขยี้

ตลอดอะมึง เห็นหัวกูเป็นผ้าเช็ดมือ

ขยี้ขยำจนพอใจแล้วมันก็ทิ้งตัวลงนั่งที่เบาะข้างๆ ล้วงเหรียญสิบจากกระเป๋ากางเกงแล้วมาหยอดที่ตู้มันและตู้ผม

“แข่งกัน”

“ท้า?”

ผมย้อนถาม มันก็แค่ไหวไหล่เหมือนเป็นเรื่องสบายๆ ให้ผมยิ่งหมั่นไส้

“เดิมพันไหมล่ะ”

เพราะมันถือไพ่เหนือกว่าล่ะมั้ง ถึงได้ชวน คิดว่ามึงจะชนะกูได้ตลอดล่ะสิ รู้อยู่หรอกว่าในสนามมันเก่ง แต่ว่าในเกมก็ไม่แน่หรอก

“เอาอะไรว่ามา”

“คิดว่ามึงจะชนะเหรอ”

เป็นคราวที่ผมไหวไหล่มั่ง มันก็กลั้วหัวเราะขำๆ เหมือนไม่เชื่อว่าคนอย่างผมจะชนะ แม่งงงง ดูถูกกูเกินไปแล้ว สุดท้ายผมก็โพล่งออกไปเต็มเสียงด้วยความฉุน

“ไม่ลองก็ไม่รู้”

“กูจะรอดู”

แล้วมันก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่หันไปเริ่มเกมทันที ผมถึงต้องดึงความสนใจทั้งหมดลงสู่สนามบ้าง แน่นอนว่าเราแข่งกันสนามเดียวสามรอบ

รอบแรกก็พอลุ้น เพราะว่าผมนำมันอยู่แบบไม่ทิ้งห่างสักเท่าไร อาศัยความเชี่ยวชาญกับที่เล่นกับไอ้กราฟบ่อย ถึงได้รู้จังหวะดีกว่าไอ้คนที่ท้า แต่รอบสองดันไปเสียหลักเพราะไอ้เหี้ยพี่ชมพูแม่งเสือกมาชนท้าย สัตว์เอ๊ย ผมต้องตั้งลำใหม่แล้วเร่งเครื่องไล่มันไปสุดชีวิต กระทั่งรอบสุดท้าย ผมไล่บี้มันจนถึงเล่นชัย แต่ว่าดันแซงไม่ได้ เลยแพ้มันไปแบบน่าเจ็บใจ ผมทุบพวงมาลัยไปแรงๆ เพราะแพ้แม่งอีกแล้ว!

“อ่อนนัก น้องเอ๊ย”

มันถากถางซะเจ็บแสบมากจนผมต้องกัดริมฝีปากเพื่อระงับความเจ็บใจ ก่อนจะตวัดเสียงห้วนใส่มันไป

“จะเอาอะไร”

“ก็ไม่มากไม่มาย”

ไอ้กวนตีนว่าพลางผิวปากไปด้วยอย่างอารมณ์ดี ทำให้ผมแค้นกว่าเดิม ยกตีนขึ้นถีบมันไปหนึ่งที แต่มันกลับไม่ยี่หระ

“อย่าลีลา”

แล้วแม่งก็หัวเราะ สัตว์หมา! กวนตีนกูนักนะ ผมถลึงตามองมัน แต่มันดันยกมือมาหยิกแก้มผมแล้วมือแม่งก็ไม่ได้เบาเลย

เหี้ยยยยยย กูเจ็บนะเว้ย ไอ้ห่า!

ผมยกมือขึ้นปัดมือมันออก แต่มันก็ดึงมือผมไปกุมไว้อีก

“ว่ามา เร็วๆ ผมจะไปเยี่ยว”

เพราะแม่งชักช้าเหลือเกิน ผมถึงต้องอ้าง ไม่ได้ปวดยงปวดเยี่ยวอะไร แต่มันก็รู้ทันอยู่ดีนั่นแหละ ผมเลยยิ่งฮึดอัด

“ก็แค่...”

“แค่อะไร”

“แค่...”

“พูดมาสักทีสิโว้ย”

“พูดดีๆ กับเมียหน่อยสิครับ เกงยีน”

สาดดดดดดดดดดดดดดดดดด

มันทำให้ผมโมโหหนักขึ้น ยิ่งเห็นหน้าตายิ้มๆ ของมันที่ดูจะมีความสุขเหลือเกินเนี่ย ยิ่งทำให้ประสาทแดก

“ถ้าชักช้าจะพูดหยาบกว่านี้”

“ถ้าชักช้าแล้วเกงยีนไม่พอใจ ก็ชักให้พี่สิครับ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่แค่พูด มันยังดึงมือผมไปใกล้ๆ ตัวมันอีก ผมต้องออกแรงยื้อสุดชีวิตก่อนที่มือผมจะไปโดนอะไรๆ ของมันที่บอกว่า ‘ชักช้า’

เดี๋ยวนี้มึงเล่นกับกูแบบนี้เหรอ ไอ้พี่ชมพู!!!!! แล้วดูแม่งกระตุกยิ้ม แถมรอบข้างนี่ก็ไม่ใช่ที่ลับตาคนเลยสักนิด กลางห้างแต่แม่งก็ยังทำอุบาทว์

หน้ากูไม่ได้หนาเหมือนมึงนะ สัตว์

“เร็วๆ จะเอาอะไรก็พูดมา”

สุดท้ายผมก็ต้องพูดเสียงเบา พยายามไม่ใส่อารมณ์ลงไปในคำพูด ทั้งที่อยากกระทืบๆๆๆ ไอ้คนที่เผชิญหน้ากันอยู่

“ก็ไม่ยากอะไร”

“...”

“แค่เป็นเด็กดีก็พอ”

แล้วเด็กดีสำหรับมึงมันเป็นยังไงวะ อยากจะถามมันไปแบบนี้ แต่ว่ามันยังไม่ปล่อยมือผมเนี่ยสิ แม่งไม่ปลอดภัยเลย ห่าเอ๊ย

“เด็กดียังไง”

มันไม่ตอบอะไร แต่แค่ยิ้ม ปล่อยมือผมแล้วลุกจากเบาะที่นั่งอยู่ออกไปเลย

กูจะรู้กับมึงไหม แสรดดดดดดดดดดดด

ผมต้องลุกตามมันไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก้าวเท้ายาวๆ ตามมันให้ทัน พอถึงตัวก็ดึงเสื้อมันไว้ไม่ให้มันหนีไปไหนได้

“ตกลงว่าเด็กดียังไง”

มือใหญ่ของคนเดินนำเอื้อมมาด้านหลังและจับมือผมไว้แล้วจูงให้เดินไปด้วยกัน ก่อนหน้าหล่อแบบหมีควายจะหันมายิ้มให้ แต่คราวนี้ไม่ได้ยิ้มแบบกวนอารมณ์ให้ผมอยากเอาตีนไปยันหน้ามัน ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ผมอยากจะถามมันออกไปว่า ‘อบอุ่นไปไหมมึง’ แต่ไม่กล้า แล้วก็ไม่อยากยอมรับหรอกว่า... ไอ้ยิ้มแบบนี้แม่งทำให้ใจหวิวอีกแล้ว ห่าเอ๊ยยย

วันนี้กี่ครั้งแล้ววะ??

“แบบนี้ไง”

“ฮะ?”

อยู่ๆ มันก็พูดมาให้งง ผมจึงต้องเงยหน้ามองมันทั้งที่อยากจะหันหนีรอยยิ้มที่ยังไม่เลือนหายไปจากหน้าตาที่เคยกวนตีน

“เด็กดีอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้”

“...”

มันพูดด้วยเสียงทุ้มๆ แล้วก็โคตรนุ่ม ก่อนจะโน้มตัวมาใกล้ผมมากกว่าเดิม กระซิบข้างหูเบาๆ

“อย่างที่ใจสั่นอยู่ตอนนี้”

เหยดดดดดดดดดดดด แม่งรู้ได้ไงวะ

ผมขบริมฝีปากแน่น พยายามเบี่ยงหน้าหนีไม่มองมัน แค่นี้ก็ขายหน้าฉิบหายวายวอดอยู่แล้ว แต่มันยังไม่เลิกโจมตีผมด้วยเสียงนั่นอีก

“น่ารัก”

แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจาก.... หน้าแดง












================
รู้สึกเหมือนน้ำตาลหกมาหลายตอนแล้ว
แล้วยิ่งตอนนี้ เหมือนว่าเกงยีนจะหลุดอะไรมาหลายๆ อย่างนะ
ไม่รู้ว่าจะจับกันได้หรือเปล่า

ชื่อตอนของตอนนี้สั้นสุดเลย คิดไม่ออกว่าจะชื่ออะไรดี เรื่องนี้เป็นปัญหาตลอด ไม่รู้จะคิดมากทำไม
แต่สุดท้ายก็ตกลงปลงใจเอาชื่อนี้แหละ สั้นๆ แต่มันมีความหมายในตัว ถ้าอ่านตอนนี้อ่ะนะ

ปล. ตอนที่แล้วดูทุกคนจะเชียร์ให้ยีนตอบตกลงเป็นเสียงเดียวกัน
ตอนหน้ามาเจอกับพี่ภูค่ะ มาดูว่าพี่ภูเขาชอบน้องเกงยีนตอนไหน ไม่สิๆ พี่แกบอกว่าสับสนอยู่ (สปอยล์?)

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ~  :bye2:


Undel2Sky

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-11-2013 23:31:39 โดย undersky »

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
 :z13: ก่อน


เบาหวานกันเลยทีเดียว  :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2012 00:34:36 โดย iamnan »

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อีพี่พูเอ๊ย แกสารภาพรักแบบนี้เร้อออออ  :laugh:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ๊ยยยยยยยยยย เบาหวานจะขึ้น
ตอนนี้มันช่างโรแมนติก+แอ็คชั่นดีเนอะ

Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
เอ้ามารอ พี่ ภูด้วยยย o22

แต่ บางทีเค้าก็ยังแอบสงสัย ความสัมพัน ระหว่าง ยีนกะกราฟนะเออ
อิอิ :really2:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
มันหวานนะตอนนี้
แอบเขินพี่ภูเบาๆ

ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ละลาย เจอแบบพี่ชมพูนี่แม่งยอมจริงๆ ไปไม่เป็นเลย ต่อให้กี่เกงยีนก็ำไม่รอดแล้วม้างงานนี้ เหอๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด