It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 602554 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
นึกว่าหายไปแล้วT-T ดีใจที่กลับมาค่ะ ติดตามตลอดน้า

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เย้   ดีใจที่ได้อ่านอีก

NaNaAS

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ DarknLight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
คิดถึงพี่ชมภูกะเกงยีน นับวันคู่นี้ยิ่งน่ารักขึ้น
แต่ใครอย่ามาบังอาจแยกคู่นี้ เดี๋ยวโดนๆ  :z6:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    เย่ๆๆๆ กลับมาแล้ว อัพยาวจุใจเลย ^ ^
    ช่วงนี้ยีนโดนพี่ภูเล่นถึงเนื้อถึงตัวบ่อยจังนะ
    แต่คนที่มาแอบขโมยจูบยีนตอนหลับนี่ใคร!!




ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
น้องชายของพี่สะใภ้แน่ๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อ้าว อย่าบอกนะว่าน้องชายพี่น้ำอุ่น

NARUE

  • บุคคลทั่วไป
มันคือใคร บังอาญมาขโมยจูบน้องเกงยีน รึว่าเป็นพี่ชมพูแอบบย่องมา โอ๊ย ยยคิดไม่ตก หวังว่าคงไม่ใช่ไอน้ำนะ ๆๆ :call:

loveboys

  • บุคคลทั่วไป
ต้องเป็นไอน้ำแน่ ๆ เลย...มาต่อเร็ว ๆ นะครับ แบบว่าอยากรู้ง๊

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
อยากจะกรี๊ดดดดังๆ!

มาต่อแล้วว คิดถึงเกงยีนกับพี่พูมากกก

เดาว่าคงเป็นไอน้ำแน่ๆเลย จากที่อ่านๆแล้วเหมือนไอน้ำจะชอบเกงยีนด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
จัดการม๊านนนนน  :m31: บังอาจมาจูบได้ยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ นิรนาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ใครอ่าาาา  มาจูบเกงยีนได้ไงอ่า  :angry2:

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
หายไปนานเลย ดีใจจังที่มาต่อแล้ว

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนที่ 29 : พลาด





















ผมเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงอย่างเร็วพลัน โดยที่สายตาไม่ละจากเงาดำๆ ที่เป็นตัวการ และเมื่อไฟสีขาวอมส้มสว่างขึ้นมา ผมก็ได้รู้ว่าไอ้คนร้ายหน้าเหี้ยไม่ใช่ใคร


ไอ้สัดไอน้ำ!!


นั่นยิ่งทำให้ความโมโหของผมทะยานขึ้นสูงสุด ผมกระชากมันก่อนจะปล่อยหมัดใส่เต็มแรงจนมันหน้าหัน แต่ผมไม่สนใจหรอกว่าไอ้ห่านี่จะเป็นยังไง ผมเขย่าคอมันด้วยความกรุ่นโกรธ ตะคอกแบบสุดเสียง


“มึงทำเหี้ยอะไร!!!!”


“ก็จูบมึง สัด”


มันตอบกลับมาอย่างไม่ยินดียินร้าย ยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปากจากแรงปะทะของผม คำพูดและท่าทียโสไม่รู้ร้อนรู้หนาวของมันทั้งที่ทำเหี้ยๆ กับผมไว้ ดึงอารมณ์ของผมยิ่งทวีขึ้นอีกเท่าตัว


“ไอ้สัด มึงจูบทำเหี้ยอะไร จูบหาพ่อมึงเหรอ!”


“กูจูบมึงนั่นแหละ ไม่ได้จูบหาพ่อ”


ไอ้เหี้ยไอน้ำยังตอบกลับมาได้หน้าตาเฉย ค้านคำตอบของผมอย่างกวนตีน ทำให้ผมยับยั้งการกระทำไม่ได้อีก กำปั้นหนักๆ ซัดลงบนหน้าของมันอีกครั้ง และเลือดก็ไหลออกมาจากปากของมันมากกว่าเดิม


“สัด มึงจำไว้เลย  มึงไม่มีทางได้ทำอะไรเหี้ยๆ แบบนี้กับกูอีก ไม่งั้นกูไม่แค่ต่อยมึง แต่มึงได้จมกองเลือดคาตีนกูแน่!! จะไปตายที่ไหนก็ไป! อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก”


ผมเหวี่ยงตัวมันที่ใหญ่ประมาณเดียวกันออกจากตัวจนล้มลงไปกองกับพื้น แต่ผมไม่ใส่ใจ ไม่สนใจด้วยว่ามันจะเจ็บอะไรตรงไหน หรือจะรู้สึกยังไง เพราะแม่งเสือกทำกับผมก่อน


“นี่มึงไม่คิดจะสนใจสักหน่อยเลยหรือว่าทำไมกูต้องทำมึงแบบนี้”


มันดันตัวขึ้นจากพื้น เช็ดมุมปากของตัวเองอีกครั้ง แม้ว่าภายในห้องตอนนี้จะไม่สว่างมาก แต่ผมก็มองเห็นการกระทำของมันทุกอย่าง


“ไม่จำเป็น กูไม่ได้อยากรู้”


“มึงไม่ได้อยากรู้ แต่กูจะบอกไว้”


มันก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ตัวผม ผมแต่ไม่อ่อนแอถึงขนาดต้องถอยหลังหนี ผมไม่ใช่คนขี้ขลาด ไม่ใช่คนยอมคนง่ายๆ โดยเฉพาะคนหมาๆ อย่างมัน


“ออกไปจากห้องกู!”


ผมไม่รอคำอธิบายห่าเหวอะไรของมัน แต่ตะโกนขับไสไล่ส่งอีกครั้ง ดีว่าห้องของผมเก็บเสียงได้ ไม่อย่างนั้นพี่โซที่นอนอยู่ห้องข้างกันอาจจะตื่นขึ้นมาเคาะประตูห้องถามก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น


“กูชอบมึงไง!”


ไม่ฟังเสียงของผมแม้แต่น้อย มันสวนกลับมาเสียงดัง ซึ่งก็ทำให้ผมรู้สึกอึ้งนิดหน่อย อารมณ์โกรธเกรี้ยวเมื่อกี้หายไปฉับพลัน แต่เพียงแค่แป๊บเดียวผมก็ด่ามันกลับ เพราะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่ามันจะรู้สึกอะไรแบบนั้นกับผม


“มึงประสาทหรือไง สัด”


“เออ กูประสาทที่หลงไปชอบมึง แม่งกูไปชอบมึงได้ยังไงวะ”


มันตอบผม แต่ก็เหมือนจะตอบตัวเอง เพราะแม้แต่มันเองก็ไม่เข้าใจ ผมนี่สิ ไม่เข้าใจมากกว่ามันอีก เจอกันแค่ครั้งเดียว แถมเกือบไว้วางมวยกันด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกัน มันต้องย้ายไปอยู่อเมริกากับครอบครัวด้วย แล้วแม่งจะเอาเวลาตอนไหนมาชอบผม เหอะ


“มึงทำหมาๆ แล้วอย่าหาเหี้ยอะไรมาเป็นข้ออ้าง”


“กูไม่ได้อ้างเว้ย”


“เออ มึงจะอ้างหรือไม่อ้างก็เรื่องของมึง แต่ไสหัวออกไปจากห้องกูได้แล้ว”


“มึงฟังกูก่อนสิวะ”


“ฟังห่าอะไร”


ผมเริ่มฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมันยังยื้อ เรื่องมากอยู่นั่น


“กูไม่ฟังแล้ว ถ้ามึงอยากพูดก็ไปพูดนอกบ้านกูนู่น”


พูดจบผมก็กลับขึ้นเตียง เอาผ้าห่มคลุมเกือบมิดหัว หันหน้าไปอีกทาง ปิดการสื่อสารกับมัน เหมือนการไล่กลายๆ แต่มันก็โง่จนไม่เข้าใจเจตนาของงผมว่าต้องการอะไร เพราะผมรู้สึกถึงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เคียง


“กูไม่รู้ว่ากูชอบมึงได้ไง กูเจอมึงแค่ครั้งเดียว แล้วยังมีเรื่องกัน แต่กูก็เอาแต่คิดถึงมึง”


ก็เรื่องของมึง


ผมคิดอยู่ในใจคนเดียว ไม่สนใจมันว่าจะยืนอยู่ตรงนี้หรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้หลับ เพราะถ้าผมหลับ เกิดมันทำอะไรเหี้ยๆ อีก ผมก็ซวย ไม่ใช่ว่าผมรู้สึกดีเลยที่รู้ว่ามันทำอะไร เพราะตั้งแต่เกิดมา คนที่ผมยอมจูบมีแค่ไอ้กราฟกับไอ้พี่ชมพู ส่วนคนอื่น ถ้าบังอาจก็ได้ปากแตกอย่างไอ้เหี้ยนี่ หรือถ้าผมโมโหมากเข้า ก็คงได้นอนใต้ตีนผม


ผ่านไปหลายนาที ผมก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ด้านหลังผมถอยห่างไปแล้ว และผมก็ได้ยินเสียงประตูปิดลง ผมเลยลุกจากเตียงแล้วเดินไปล็อกประตูห้องไว้ เพื่อที่ไม่เป็นการเปิดโอกาสให้มันเข้ามาอีกได้


















รุ่งเช้ามา ทุกคนก็แปลกใจหลังจากเห็นหน้าไอ้เหี้ยน้ำ เพราะตรงมุมปากของมันช้ำ ปากบวมนิดๆ มีแต่ผมที่แสยะยิ้มเบาๆ อย่างพอใจ สมน้ำหน้ามันแล้วเป็นแบบนี้ เพราะมันเสือกทำผมก่อน แค่นี้ยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำเลยด้วยซ้ำ


“หน้าไปโดนอะไรมาน่ะน้ำ”


พี่น้ำอุ่นถามครับ พี่โซก็มองหน้ามันด้วย เหมือนกำลังพิจารณาว่าลักษณะแผลแบบนี้น่าจะเกิดจากอะไร ป๊าเองก็เหมือนกัน แล้วอยู่ๆ พี่โซก็ตวัดตาวูบมาที่ผม แต่ผมทำเมิน ไม่สนใจ แต่ใช่ว่าจะได้ผล


“ยีน”


พี่ชายผมเรียกเสียงนิ่ง เหมือนจะรู้แล้วว่าคนที่ทำให้หน้ามันหล่อได้ขนาดนี้เป็นใคร ผมเลยโพล่งขึ้นมา


“ผมว่ากินข้าวดีกว่านะ มันก็คงไปมีเรื่องกับใครมานั่นล่ะ สันดานชอบหาเรื่องคนก็แบบนี้”


ว่าจบผมก็ตักข้าวขึ้นมาก่อน พี่โซยังเหลือบตามองผมไม่ละ แม้จะกำลังก้มหน้าตักข้าว ไม่ได้มองหน้าพี่ชายที่ความหล่อตีคู่มากับผมก็ตามที แต่ผมก็รับรู้ได้


ผมไม่รู้ว่าใครจะคิดยังไง หรือกำลังมองผมอยู่หรือเปล่า เพราะผมปิดประสาทการรับรู้ทั้งหมด แล้วตักข้าวกินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งกินเสร็จ ผมก็ลุกจากโต๊ะ มีพี่กล้วยเก็บจานให้เรียบร้อย คนอื่นๆ ก็ลุกจากโต๊ะในเวลาติดๆ กัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวออกจากห้องอาหาร พี่โซก็เรียกผมไว้


“มาคุยกับพี่หน่อย”


ไม่บ่อยหรอกครับที่พี่โซจะทำเสียงนิ่งใส่ผม นอกจากเวลาทำความผิดที่ไม่สมควร แล้วคราวนี้พี่โซพูดกลับผมแบบนี้ แสดงว่าเขามองว่าผมผิดชัวร์ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำความผิดอะไร เพราะไอ้เหี้ยน้ำมันเริ่มก่อน


ผมเดินตามพี่ชายไปต้อยๆ เหมือนตัวเองกลับเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง เพราะแม้พี่โซจะใจดีกับผม แต่พอโหดล่ะก็ เอาเรื่องไม่แพ้ป๊าเลยทีเดียว คงมีแต่ผมนี่ล่ะที่นิสัยผ่าเหล่าผ่ากอ


“มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย”


หลังจากเข้ามาในห้องนอนของพี่โซแล้ว เขาก็นั่งลงบนเตียงแล้วถาม แต่กลับเป็นผมเองที่รู้สึกไม่กล้านั่งลงบนเตียงในตอนนี้ ได้แต่ยืนเยื้องกันและหลบสายตา ทั้งที่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่ผมก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับพี่โซตอนนี้ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกแย่ เหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ดุ


ผมแพ้พี่โซจริงๆ ยอมแพ้ในทุกๆ เรื่อง และเชื่อฟังคำพูดพี่โซค่อนข้างมาก เพราะรักมาก เขาเป็นพี่ชายคนเดียว และดีกับผมตลอดมา ตั้งแต่จำความได้ พี่โซเสียสละให้ผมทุกอย่างที่ผมอยากได้ เพราะเขาคิดว่าตัวเองเป็นพี่ ต้องรักน้อง ดูแลน้องให้ดีที่สุด และผมก็ต้องรักพี่ชายให้มากๆ ต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขาเตือนผมด้วยความหวังดี แม่ของเราสอนมาแบบนี้ พวกเราจึงจดจำและทำมาตลอด


“พี่รู้นะว่ายีนเป็นคนทำ บอกพี่สิว่าทำไมถึงไปทำเขาแบบนั้น”


เมื่อเห็นว่าผมเงียบ พี่โซก็แบบรุกชัดเจนมากขึ้น ซึ่งผมเองก็อยากอธิบายให้พี่โซเข้าใจถึงสาเหตุ แต่จะให้ผมบอกว่าผมโดนมันจูบ เลยต่อยแม่งหน้าหงายงั้นเหรอ


“ผม... บอกพี่ไม่ได้ แต่ผมไม่ผิด”


“แล้วยีนแน่ใจได้ยังไงว่ายีนไม่ผิด ในเมื่อพี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”


“พี่ไม่เชื่อผมเหรอ”


ผมเรียกร้องความเชื่อใจ เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่เคยโกหกอะไรพี่ชายคนนี้ พี่โซมองหน้าผม ผมเองก็มองตอบ ไม่หลบเลี่ยงสายตาแล้วตอนนี้ เพื่อแสดงให้พี่โซเห็นว่าผมพูดออกมาด้วยความสัตย์จริง ซึ่งนั่นก็ทำให้พี่โซผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะดึงมือผมให้ลงไปนั่งบนเตียงด้วยกัน


“พี่ไม่เคยสงสัยยีนหรอก เพราะยีนไม่เคยโกหก และพี่เชื่อว่ายีนจะบอกพี่ทุกเรื่อง”


คำพูดนั้นทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ในใจที่ผมไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับพี่ชายแสนดีได้ หนำซ้ำยังเรื่อง.... ผมกับไอ้พี่ชมพู


“ผมขอโทษที่บอกพี่เรื่องนี้ไม่ได้ แต่ผมยืนยันว่าผมไม่ใช่ฝ่ายผิด”


ผมให้น้ำหนักกับคำพูดของตัวเองอีกครั้ง พี่โซถึงได้พยักหน้าและลูบหัวของผมเบาๆ ก่อนจะผละออกแล้วลุกจากเตียง กลายเป็นผมที่นั่งงงอยู่ว่าพี่ชายจะทำอะไร


เห็นพี่โซไปค้นๆ อะไรสักอย่างในกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ที่หอบหิ้วมาจากเมืองนอก ก่อนจะหันมาให้ผมเห็นว่าที่อยู่ในมือพี่โซเป็นกล่องของขวัญสีน้ำตาลอ่อน และยื่นให้ผม


“ของขวัญวันเกิด คงไม่ช้าไปใช่มั้ยที่พี่ให้ตอนนี้”


ผมยิ้มกว้าง รับกล่องนั้นมาก่อนจะกอดพี่ชายที่สูงกว่าเกือบคืบพลางขอบคุณ พี่โซให้ผมแกะดูเลย ซึ่งผมก็ลองเดาๆ ดูว่าอาจจะเป็นกระเป๋าเงินหรือเปล่า และมันก็ถูกต้องตรงเผง เป็นกระเป๋าเงินสีเทา มีสัญลักษณ์ของแบรนด์ดัง


“ชอบมั้ย”


“ครับ”


ผมยิ้มแฉ่งให้พี่ชาย ของอะไรที่พี่โซซื้อให้ผมก็ชอบหมดแหละ เรื่องสไตล์นี่ไม่ต้องพูด ไฮคลาสตามชื่อไฮโซ


เรื่องชื่อเล่นของผมกับพี่โซนี่ก็มาจากตอนแม่ท้องล่ะครับ ตอนท้องพี่โซ แม่เล่าว่าตอนนั้นแม่จะบ้าของแบรนด์เนมมาก ทำตัวเหมือนพวกชนชั้นสูงตลอดเวลา ทั้งที่ปกติไม่เคย เพราะแม่เป็นคนเรียบง่าย อะไรก็ได้ แต่ตอนนั้นถ้าไม่ได้ของที่ต้องการ หรือมีใครขัดใจอะไรจะโมโหทันที พอคลอดพี่โซแล้วถึงจะกลับมาเป็นอย่างเดิม ป๊ากับแม่ยังนึกแปลกใจ เลยตั้งชื่อให้ว่าไฮโซ ส่วนของผม ก็เป็นแบบรักษาสุขอนามัย ของกินของใช้ต้องสะอาด ถ้าไม่สะอาดจะไม่ยอมกิน ป๊าต้องกำชับพี่กล้วยให้ทำอาหารสุก มีประโยชน์ และดูสะอาดสะอ้าน จนกระทั่งคลอดผม ถึงได้ชื่อไฮยีน คล้องกับพี่โซที่พยางค์หน้าพอดี


“ดีแล้วที่ยีนชอบ”


พี่โซยิ้ม ก่อนจะชวนผมออกจากห้อง ต่างอารมณ์กับตอนเข้ามาอย่างสิ้นเชิง


ออกมาจากห้องของพี่โซแล้วผมก็เข้าห้องตัวเอง จัดการเปลี่ยนกระเป๋าเงินทันที ไม่ได้เห่อหรอกครับ แต่อยากใช้ให้พี่โซเห็นว่าผมชอบมันมากจริงๆ แล้วพี่โซก็อยู่ไทยแค่อาทิตย์เดียวด้วย เดี๋ยวก็ต้องกลับแล้วเลยไม่อยากรีรอ และหลังจากเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อย เสียงเคาะประตูห้องก็ดัง


ผมเดินไปเปิด เห็นพี่กล้วยยืนอยู่พลางบอกว่าไอ้พี่ชมพูมันมาเหยียบถึงถิ่นอีกวัน ตอนนี้รู้จักกันทั้งบ้านแล้วเลยไม่เกรงกลัวเกรงใจหรืออะไรไม่รู้ แต่ผมก็เดินลงไปหาแล้วได้คำตอบมาว่า มันมาชวนผมออกไปข้างนอก ตอนแรกผมก็ไม่อะไร ยังไม่ตัดสินใจว่าจะออกไปกับมันดีหรือไม่ไป แต่อยู่ๆ ไอ้เหี้ยน้ำมันโผล่มาจากไหนไม่รู้โพล่งขึ้นมา


“กูไปด้วย”


“สัด เรื่องของมึงเหรอ”


ผมสวนกลับ แต่มันยังทำหน้าเฉย ไม่สนใจคำด่าทอ


“กูไม่ได้อยู่ไทยตั้งนาน จะพาเที่ยวสักหน่อยไมได้หรือไง ไรวะ เป็นเจ้าบ้านเสียเปล่า ไม่ต้อนรับแขกเลย กูอยู่แค่อาทิตย์เดียวนะเว้ย”


“กูไม่เคยพูดว่ากูจะพามึงไปไหน มีตีนก็ไปเอง”


ผมหงุดหงิด อยากผละจากมันเต็มที่ เตรียมหันหลังเดินไปอีกทางแล้ว แต่แม่งเสือกตะโกนดัง


“ถ้ากูพูดเรื่องเมื่อคืน”


“สัด!!!`”


ผมด่าเต็มเสียงก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วถีบเข้าท้องมันไปหนึ่งที จากนั้นก็เดินดุ่มออกจากบ้านไป มีไอ้พี่ชมพูเดินตามผมที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างสุดๆ


“มึงจะไปไหน”


“ไปไหนก็ได้ ให้พ้นๆ ไอ้เหี้ยนั่น”


บอกแค่นั้นไอ้พี่ชมพูก็ปลดล็อกประตูรถทันที ให้ผมได้ขึ้นไปนั่งประจำที่ที่พักนี้ได้ใช้บริการบ่อยเหลือเกิน ไอ้เจ้าของรถก็ขึ้นตามก่อนจะขับออกไปโดยที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจุดหมายคือที่ไหน

















รถแล่นเข้าสู่ห้างสรรพสินค้า มองเสี้ยวหน้าของคนขับรถพาผมมาที่นี่ แต่มันไม่ได้สนใจจะมองตาม กระทั่งจอดรถเป็นที่เรียบร้อยมันก็จูงมือผมเข้าร้านไอติมทันที ไม่เปิดโอกาสให้ถามหรืออะไรเลย เผด็จการตลอดศก


“มึงเอาอะไร”


“ถามผมยังว่าจะกินหรือเปล่า”


“ก็กูเห็นมึงร้อนๆ เลยว่าจะดับ”


ร้อนที่มันว่าไม่ใช่อากาศร้อน แต่เป็นอารมณ์ของผมมากกว่า มันว่าพลางยื่นเมนูให้


“กูเอารัมเรซิ่นกับเชอเบทเลม่อน”


มันบอกผมก่อน เพราะไม่อยากให้สั่งซ้ำกับมันมั้ง แต่ไอ้ที่มันสั่งนี่โคตรขัดอารมณ์ผมที่พยายามจะให้เย็นลงแล้วสั่งของหวานเย็นๆ ที่จะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น


“ไม่เอารัมเรซิ่น”


“ทำไม”


“เหม็นเหมือนกินเรซิ่น อร่อยตรงไหน”


มันหัวเราะคำตอบของผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสั่งบลูเบอร์รี่แทน โฆษณาซะยกใหญ่ว่าบูลเบอร์รี่กินกับเชอเบทมะนาวอร่อยโคตร แต่ผมยังไม่เชื่อเท่าไหร่ สั่งคุกกี้แอนด์ครีม แล้วเตรียมจะสั่งดาร์กช็อกโกแลตต่อ แต่มันปรามไว้


“ตอนมันไม่ละลายก็อร่อยดี แต่ถ้าละลายรวมกับเชอเบทของกู รับรองมึงคายทิ้ง”


ไม่ต้องแปลกใจครับที่ว่าแบบนั้น เพราะไอ้คนตัวใหญ่มันกะสั่งถ้วยใหญ่สุดแล้วมาแบ่งกันกิน แค่คิดก็สยองพิลึก คนจะมองกันยังไง ผู้ชายตัวโตๆ สองคนนั่งกินไอติมในถ้วยเดียวกัน แต่ใช่ว่าผมยอมมัน ผมพยายามค้านตั้งแต่เข้าร้านแล้ว มันกลับทำหูทวนลม พวกเราถึงมานั่งกันอยู่ตรงนี้ เอากับเขาสิ


“กล้วยก็ได้”


ผมสั่งไปแบบนั้นเพราะไม่รู้จะเอาอะไรแล้วที่จะทำให้รสชาติน่าขย้อน มันก็พยักหน้าแล้วเรียกพนักงานมารับออร์เดอร์พร้อมกันสั่งเพิ่มอีกสองรส ซึ่งไม่ถึงห้านาที ของที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะพร้อมกับช้อนสองคัน น้ำเปล่าสองแก้ว


พนักงานผู้หญิงอายุไม่น่าเกินยี่สิบมองผมกับไอ้พี่ชมพูก่อนจะเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ผมก็พอตีความหมายของสายตาคู่นั้นได้ว่ากำลังคาดเดาความสัมพันธ์ของผมกับไอ้พี่ชมพู และมันก็น่าจะถูกเสียด้วย นี่ยังดีว่ามันเลือกที่นั่งด้านในสุด คนจึงไม่พลุกพล่านน่าเวียนหัวหรือทำให้ตกเป็นเป้าสายตาหรือขี้ปากของใครต่อใครมากนัก


“ป้อนกูหน่อย”


ตักไอติมยัดปากกันเองอยู่แค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น ไอ้พี่ชมพูก็อ้อนเหมือนเด็กสามขวบ


“พี่มือด้วนหรือไง”


“นี่ด้วนๆ”


มันปล่อยช้อนลงถ้วยไอติมไซส์ยักษ์แล้วเอามือไปซ่อนด้านหลังพลางว่าอย่างนั้น ผมอยากจะหัวเราะคนที่อยู่ปีสามเข้าไปแล้ว แต่ยังทำตัวแบบนี้ ทว่าแม้จะคิดอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมทำตามที่มันต้องการง่ายๆ


“งั้นก็ไม่ต้องกิน”


“ได้ไงวะ ไม่สงสารกันมั่งเหรอ”


“แล้วพี่เป็นอะไรล่ะ ทำไมต้องสงสาร”


ผมยังตักขนมหวานเย็นเข้าปากอย่างชิลๆ ผิดกับคนตัวใหญ่ที่พยายามทำเหมือนตัวเองตัวเล็กกว่าผม


“สงสารที่กูเป็นแฟนมึงเนี่ย ใจร้าย เอาใจยาก สุดๆ”


“เลิกมั้ยล่ะ”


ผมยื่นข้อเสนอให้ ถ้ามันคบกับผมแล้วไม่มีความสุขขนาดนี้ แต่ก็ใช่ว่ามันจะยอมผมง่ายๆ รีบย้อนกลับทันที


“เรื่อง”


“งั้นก็กินไป”


ผมนิ่ง เลยกลายเป็นไอ้พี่ชมพูแทนที่ตักคุกกี้แอนด์ครีมขึ้นมาแล้วยื่นให้ผม และถึงแม้ว่าผมจะทำเป็นไม่สนใจ มันก็ยังถือค้างไว้อย่างนั้น แม้ว่าผมจะตักเข้าปากเอง มันก็ยังไม่เอาช้อนที่จ่อหน้าผมอยู่ออกไป หนำซ้ำยังมีการบอกย้ำ


“กินดิ”


สุดท้ายผมก็ต้องยอมมันอยู่ดีแหละครับ เพราะให้มันถืออย่างนี้อยู่ตลอดผมกินไม่ถนัด จริงๆ นะครับ ไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น รำคาญอีกต่างหาก ทว่าก็เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะมีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามานั่งโต๊ะริมสุดอีกฟากของผนังซึ่งตรงกับพวกผมพอดี แล้วพอเธอก็ดันหันมาทางโต๊ะผมแบบตรงจังหวะที่ผมกำลังงับช้อนที่ไอ้พี่ชมพูยื่นมา


ผมเบิกตากว้าง ปากยังคงค้างอยู่แบบนั้น รู้สึกว่าเกิดเหตุการณ์โลกถล่มอีกรอบ เพราะผู้หญิงพวกนั้นยิ้มเขินแล้วหันกลับไปที่โต๊ะตัวเอง ไม่มองหน้าพวกผมอีก


โอ๊ย ไอ้เชี่ยเลย ซวยๆๆๆๆ


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นคิดอะไรกันไปแล้ว ซึ่งผมก็แก้ตัวอะไรไม่ได้ พอได้สติก็รีบถอนปากจากช้อนคันนั้นทันทีพลางบอกไอ้คนที่ทำให้ผมต้องอับอายตลอด


“ไม่กินแล้ว”


ก่อนจะลุกจากโต๊ะไป ไอ้คนตัวใหญ่เป็นหมีควายเลยต้องลุกพรวดพราดไปจ่ายค่าไอติมที่แคชเชียร์แล้วรีบตามผมออกไปจนทันกัน

















ต่อจากกินไอติม พวกผมก็แวะดวลเกมกันสักหน่อย แต่บางทีอาจจะบอกว่าสักหน่อยคงไม่ได้ เพราะว่าผมกับมันแข่งกันทุกเกมที่มีอยู่ แม้แต่เกมจับผิดภาพก็ยังแข่ง แต่ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างนึงว่าทำไมมันต้องชนะผมตลอด ทั้งที่ผมก็ไม่ได้อ่อน แต่ก็แพ้มันด้วยคะแนนฉิวเฉียดทุกเกม แม่งวางยาผมเปล่าวะ


แพ้เกมอย่างอัปยศแล้ว มันก็ชวนผมไปกินข้าว ก่อนจะไปดูหนัง เพราะคราวก่อน ที่ค่อนข้างนานพอสมควร มันเคยชวนผม แต่ก็ไม่ได้ดูเพราะวิ่งป่าราบหนีไอ้โจ๊กอริเก่าของผม แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกล่ะมั้งที่ผมรู้สึกใจเต้นกับมันอย่างจริงๆ จังๆ แทบกระหน่ำ ถือว่าเป็นอดีตที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่ เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์วิ่งสู้ฟัดแข่งเฉินหลงวันนั้น ผมอาจไม่ได้ชอบมันเหมือนวันนี้ แต่จะให้ย้อนอดีตไปก็คงไม่ทัน แล้วผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะไม่เผลอใจเต้นกับมันในวันอื่นๆ เพราะงั้นถึงย้อนไปก็ไม่มีค่าอะไรจริงๆ


หนังที่เลือกดูก็เป็นหนังแอ๊คชั่นไซไฟอย่างที่อยากดูกันทั้งคู่ ผมรู้สึกดีหน่อยที่ผมกับมันไม่ได้ชอบหนังคนละสไตล์ เพราะไม่งั้นผมก็คงต้องจำยอมไปดูหนังเรื่องที่มันอยากดู แต่เรื่องที่ผมอยากดูกลับไม่ได้ดู


ไอ้การที่พี่ชมพูจะบอกผมว่าให้รออยู่ตรงนี้เป็นไปไม่ได้ มันชวนผมให้ไปต่อแถวจองตั๋วหนังด้วยกัน และกว่าจะเลือกที่นั่งได้ก็ทำให้พนักงานรู้สึกเอือมไม่เบา เพราะผมอยากนั่งข้างบนสบายๆ แต่มันเสือกอยากนั่งข้างล่างใกล้จอ จะได้เห็นชัดๆ นี่ผมว่าถ้าไอ้พี่ชมพูไม่หล่อชวนระทวยสำหรับสาวๆ แบบนี้ คงโดนไล่ไปนานแล้ว เพราะผมเองก็คงช่วยไม่ได้ในสถานการณ์นี้ หน้าจืดๆ ใส่แว่น ใครเขาจะสนใจ


ไม่ใช่ว่าพอรู้จักสนิทสนมกันแล้วผมจะละเลยเรื่องการพรางตัว ไม่ว่าจะออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ หรือไปกับใคร ผมก็ต้องใส่แว่นและเซ็ตผมให้เนิร์ดเหมือนเดิม จะมีก็แต่เวลาอยู่บ้าน หรืออยู่กันแบบส่วนตัวถึงจะถอดออก เพราะฉะนั้นก็เหมือนไอ้พี่ชมพูพาเด็กบ้าเรียนหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมมาเปิดหูเปิดตาในสายตาคนอื่นนั่นล่ะ


สุดท้ายก็ตกลงได้ที่มันยอมตามใจผม เพราะผมเริ่มรำคาญ แล้วไอ้ที่ทำให้มันยอมได้น่ะ ไม่มีอะไรอื่นเลยนอกจากการเสียสละตัวของผมล้วนๆ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องยากอะไร แต่ผมไม่ค่อยเป็นฝ่ายเริ่มก็เท่านั้น


“มึงอย่าลืมสัญญา”


มันย้ำให้ผมจำแม่นๆ ทั้งที่ผมก็อยากจะลืมตั้งแต่พูดออกไปด้วยซ้ำ


หลังจากเลือกที่นั่งในโรงหนังเสร็จ ผมกับมันก็เดินไปซื้อเป๊ปซี่และป๊อปคอร์นกัน เพราะไม่แน่ใจว่าอีกหน่อยจะมีโอกาสกินเป๊ปซี่อีกหรือเปล่า เพราะได้ข่าวมาพักหนึ่งแล้วว่าบริษัทเขาจะยกเลิกสายการผลิตแล้วผลิตแบรนด์ใหม่ของตัวเอง แอบเซ็งเล็กๆ เพราะเป๊ปซี่นี่ของโปรดผมเลย พี่ชมพูก็คงด้วยมั้ง ผมเห็นมันก็กินตลอด


เหลืออีกแค่สิบนาทีก็ถึงเวลาเข้าโรงแล้วครับ โชคดีตรงที่เราจองตั๋วหนังแล้วได้รอบที่เร็วที่สุด และยังมีที่นั่งเหลืออยู่พอสมควร เพราะมันเข้าโรงมาสัปดาห์นึงแล้ว คนเลยไม่เยอะมากเหมือนตอนเข้าโรงใหม่ๆ แม้จะเป็นหนังดังก็ตาม เพราะงั้นพอซื้อของเสร็จพวกผมก็นั่งรอแค่แป๊บเดียว ก่อนจะเข้าโรงไปเมื่อถึงเวลา


พวกเราต่างดูหนังกันไป เหมือนไม่ได้เอาปากมา แต่ก็ไม่ใช่ เพราะผมกับมันต่างก็ยังยัดป๊อปคอร์นกับดูดเป๊ปซี่กันอยู่ หนังเรื่องนี้สนุกมาก ดูไปลุ้นไปว่าจะเป็นยังไง ผมว่าเขาเขียนบทดีมาก ไม่แปลกที่หนังจะดังขนาดนี้


ผมคิดแบบนั้นอยู่ในใจระหว่างดูไปด้วยความชื่นชมพลางคาดเดาลุ้นระทึก แต่แล้วความคิดก็ต้องชะงักเพราะมือซ้ายที่วางอยู่บนตัก ไม่ได้เปื้อนคราบมันๆ จากของกินสีเหลืองอ่อนถูกมือใหญ่มากุมเอาไว้ ผมเลยกระซิบโวยข้างหูมัน เพราะถ้าเสียงดังคงโดนเพ่งเล็งจากคนในโรง


“เอามือมาเช็ดได้ไงวะ”


“เช็ดที่ไหน”


มันกระซิบกลับเบาพอกัน


“ก็เมื่อกี้เพิ่งหยิบป๊อปคอร์นชัดๆ ไม่ต้องอ้างเหอะ”


“นี่ กูหยิบมือซ้ายต่างหาก” มันว่าพลางยกมือข้างที่พูดถูกถึงให้ดู “กูถนัดซ้าย มึงไม่รู้เหรอ”


เหมือนมันพยายามจะบอกว่ามือที่มันจับมือผมอยู่ไม่ได้เลอะอะไร เพราะใช่ข้างที่ถนัด ผมเลยก้มลงไปดูท่ามกลางแสงสว่างสลัวๆ จากภาพบนจอใหญ่กับคิดถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันก็ไม่ได้เหนอะหนะอย่างที่คิด


“แล้วจับทำไม”


“กูอยากจับ จบ ดูหนังต่อเหอะมึง เดี๋ยวก็มาโวยกูทีหลัง”


มันปรักปรำผมสุดๆ ผมเลยถลึงตาใส่ทีนึงแล้วหันไปมองภาพเคลื่อนไหวด้านหน้า เลิกสนใจมือที่ถูกจองจำเอาไว้ด้วยมือหนาที่ค่อนข้างอุ่น ทว่ามือมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ยังสอดนิ้วเข้ามาตามร่องนิ้วของผมอีก กลายเป็นจับมือประสานกันซะได้


ช่างแม่ง


ผมสบถแล้วเลิกสนใจอีกเลย กระทั่งหนังจบ ก็ออกจากโรงด้วยกันทั้งที่มือยังกุมกันไว้อยู่แบบนั้นไม่ปล่อย กลายเป็นเป้าสายตาของคนเกือบทั้งโรงที่เดินตามหลังมาก็ว่าได้ ผมล่ะเพลียกับแม่งจริงๆ ชอบแสดงความเป็นเจ้าของตลอด ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่ของมันเหอะ


เสร็จจากโรงหนัง มันก็พาผมเข้าร้านเครื่องประดับ งงเหมือนกันว่ามันจะเข้ามาทำเชี่ยอะไร แต่มันก็ดึงมือผมให้ไปดูสร้อยข้อมืออันนึงแล้วถามความเห็น รูปแบบก็เป็นเชนธรรมดา ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ใส่ได้ เพราะไม่หวานหรือแมนเกินไป


“มึงชอบป่ะ”


หลังจากมันปล่อยให้ผมวิจารณ์สร้อยเส้นนั้นแล้ว มันก็ถามคำถามนี้ ทำให้ผมงุนงงหน่อยๆ ว่าถามทำไม แต่สิ่งที่ผมอยากรู้อยู่ในใจแต่ไม่ถามก็คือมันจะซื้อไปให้ใคร


“ของแบบนี้มันต้องดูคนรับด้วย”

ผมบอกอย่างเป็นกลางที่สุด พยายามไม่คิดอะไร และกดเก็บความอยากรู้เอาไว้ เพราะเดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดว่าผมไม่พอใจ แต่แม้ผมจะทำให้เป็นอย่างนั้นด้วยทักษะการแสดงที่มีติดตัวอยู่นิดหน่อย มันก็ใช้ไม่ได้ผลกับคนที่มีประสบการณ์ทางนี้มากกว่า มันมองออก


“หึงเหรอ”


“ทำไมผมต้องหึงพี่ด้วยล่ะครับ”

ผมแสร้งทำหน้าทะเล้นเพื่อกลบเกลื่อนอาการ ทำหน้าเย้ยหยอกใส่มันเต็มที่ แต่มันก็เอานิ้วกดหน้าผากผมจนหัวโยก


“มึงไม่เนียนว่ะ”


ผมรีบปัดมันออกทันที ก่อนจะหันไปมองพนักงานที่กำลังรอบริการไอ้พี่ชมพูอยู่ แล้วก็เห็นว่าเขากำลังมองมาทางผมกับพี่ชมพูด้วยแววตาเหมือนไม่ค่อยอยากให้บริการเท่าไหร่แล้ว นี่ถ้ามันไม่พูดว่าหึงออกมา ผมคงไม่ถูกมองอย่างนี้หรอก เพราะแม่งคนเดียว!


“จะซื้อก็รีบซื้อ”


ผมตัดบทก่อนจะเดินออกนอกร้าน ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว เพราะไม่อยากถูกหญิงบริการมองด้วยสายตาแบบนั้น ซึ่งไอ้พี่ชมพูก็ใช้เวลาไม่นานหรอกถึงจะออกมาตามกัน หิ้วถุงของร้านที่เดาไม่ยากว่าคงมีสร้อยเส้นนั้นอยู่ภายในด้วย เห็นแล้วก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ทำแบบนี้แม่งเหมือนหยามกันเลย สาดดดดดดดด








อ่านต่อด้านล่าง

v

v



ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากด้านบน

v

v







ผมกลับบ้าน เพราะก็เริ่มเย็นมากแล้ว ไปถึงบ้านก็หกโมงเคารพธงชาติพอดี ได้เวลาอาหารเย็นของที่บ้านผม ป๊ากำลังลุกจากห้องนั่งเล่นเพื่อไปห้องกินข้าวพอดีกับที่ผมเดินเข้าบ้าน ป๊าเลยเรียกผมแล้วบอกให้ชวนไอ้พี่ชมพูเข้ามากินข้าวเย็นด้วยกัน ดีว่าผมโทรเรียกมันไว้ทันก่อนจะออกรถไป ไม่งั้นอาจได้วิ่งไล่มันหอบแดกแน่


คนตัวใหญ่เหมือนหมีควายเข้ามาในบ้านผม หวัดดีป๊า พี่โซ พี่น้ำอุ่น ขออนุญาตทานอาหารเย็นด้วยตามมารยาทที่ดี ทั้งที่ป๊าเป็นคนชวนมันแท้ๆ แหม ทีกับคนอื่นมารยาทโคตรดี แต่กับกูนี่อะไร แสรดดด


ไอ้ไอน้ำมองพี่ชมพู ผมไม่รู้ว่ามันมองด้วยความรู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่มิตรที่ดี มันคงงงมั้งว่าพี่ชมพูเป็นใคร ทำไมมันเจอทั้งเมื่อวานและวันนี้ แถมยังเข้าออกบ้านผมได้สบาย แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะไอ้พี่ชมพูแม่งวางยาป๊าเรียบร้อยแล้ว ป๊าถึงไม่เคยว่าอะไรสักครั้งเวลาที่มันลากผมไปนั่นไปนี่ เหมือนมันกลายเป็นหนึ่งในแก๊งผมไปแล้ว ทั้งที่ก็ไม่ใช่


พวกเรากินข้าวพลางพูดคุยกันเป็นระยะ แต่ถ้าตอนไหนพูดถึงไอ้ไอน้ำ ผมก็จะเงียบ ทำเหมือนไม่ได้ยิน พอจบเรื่องนั้นถึงสานต่อบทสนทนา พี่โซถามผมด้วยว่าได้ใช้กระเป๋าหรือยัง ผมเลยหยิบจากกระเป๋ากางเกงออกมาให้ดูเต็มตา ทำให้พี่โซยิ้มกว้าง พลอยให้ผมมีความสุขไปด้วย


กระทั่งมื้ออาหารจบลง ไอ้พี่ชมพูก็ชวนผมขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่เรื่องลามกอะไร มันบอกมีเรื่องอยากพูดกับผม แม้ตอนแรกจะระแวงมันอยู่หน่อยๆ เพราะแม่งชอบถึงเหนือถึงตัว มือไวกับผมตลอด และเมื่อถึงห้องแล้ว ผมก็ถามมันทันที


“พี่มีอะไรจะคุยกับผม”


“ก็ไม่เชิงคุยหรอก แต่กูมีของจะให้”


“ของ? อะไร”


ผมงุนงงเพราะไม่รู้ว่าเหตุจำเป็นที่มันให้ของขวัญผมคืออะไร แต่เพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ไอ้พี่ชมพูก็ยื่นถุงที่มันหิ้วอยู่มาให้ ผมไม่ต้องเดาเลยว่าในถุงนั้นมีอะไร เพราะมันนี่แหละที่ลากผมไปช่วยดู แต่พอมันยื่นถุงให้ผมแบบนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกดียังไงบอกไม่ถูก คงเพราะตอนแรกผมคิดว่ามันซื้อไปให้คนอื่นมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแสร้งทำหน้านิ่ง ไม่รู้สึกอะไร


“ให้ทำไม”


“ของขวัญวันเกิดมึง”


“พี่ก็พาไปเลี้ยงแล้วนี่หว่า”


ผมยังหาทางปฏิเสธ แต่ไอ้หมีควายก็ยังโน้มนาวให้ผมยอมรับมัน


“นั่นกูเลี้ยง แต่ของขวัญยังไม่ให้ กูเลยให้นี่ไง มึงก็เพิ่งได้ของขวัญจากพี่ชายมึงมา แล้วจะไม่รับของกูได้ยังไง”


ผมเดาว่ามันคงเห็นว่าผมใช้กระเป๋าเงินใบใหม่ เลยคิดว่าเป็นของพี่โซ เพราะถ้าเป็นของป๊า ผมคงใช้ไปแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาใช้วันนี้ แล้วตอนกินข้าวกันนั่นก็ยิ่งเป็นการยืนยันความคิดของมันให้ชัดเจนขึ้น


เพราะมันพูดแบบนั้น ผมก็เลยต้องรับมา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรกับถุงนั้น เจ้าของคนก่อนก็บอกออกมาเสียก่อน


“ใส่ด้วยนะมึง”


“เรื่องมากว่ะ”


รับของมาแล้วมันยังมาสั่งอีก ผมเลยทำหน้าหงุดหงิดๆ ใส่มันไป และเพราะอย่างนั้น มือใหญ่จึงดึงถุงจากมือของผมกลับไป หยิบกล่องซึ่งอยู่ในถุงออกมา ให้ความสำคัญกับสร้อยเส้นที่อยู่ในกล่องนั้นมากกว่าตัวกล่องหรือถุง


พี่ชมพูจับมือผมไปใกล้ตัว แล้วคล้องสร้อยสีเงินวาววับนั่นลงกับข้อมือของผม แม้ว่าผมจะไม่ได้อยากใส่สักเท่าไหร่ก็ตาม เพราะว่ามันเกะกะ แต่เหมือนว่ามันจะรู้ใจผมมาเกินไป ถึงได้โพล่งมา


“อย่าถอดนะมึง ต้องให้กูเห็นทุกครั้ง”


มันย้ำหนักๆ คงเพราะรู้สันดานผมดี ผมก็เลยต้องพยักหน้าไป พลางคิดในใจว่าถ้าเป็นงั้นผมก็คงต้องใส่ทุกวันห้ามถอด เพราะแม่งหาเรื่องมาเจอผมได้ทุกวัน


“แล้วนี่กูให้ขอขวัญ มึงไม่คิดจะดีใจหน่อยเหรอ”


“ก็ดีใจอยู่”


“มึงอย่ากวนตีน”


มันย้อน เอะอะก็หาว่าผมกวนตีน แต่ก็จริงๆ นั่นแหละ ผมกวนมัน แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยอมจะพูดกับมันดีๆ


“ขอบคุณมากครับ”


แจกยิ้มเผื่ออีกหน่อยด้วย เพราะนอกจากมันจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ผมแล้ว ของที่ว่านี่ยังเหยียบหมื่น มันยากนะครับที่จะมีคนซื้อขอให้แฟนด้วยราคาแบบนี้โดยไม่คิดจะใส่ใจเงินที่ต้องเสียไป


“เออดี”


พอเห็นผมยิ้ม มันก็พอใจ ส่งยิ้มคืนให้ผม ก่อนจะโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


“เอ้อ มึงทำตามสัญญาด้วย”


“สัญญาอะไร”


ผมแกล้งตีหน้าซื่อ ทั้งที่มันพูดแค่คำว่าสัญญา ผมก็รู้ได้ทันทีว่ามันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ถ้าไม่ทำซื่อ จะให้ผมทำอย่างที่สัญญาทันทีเลยได้ยังไง ถึงผมจะเป็นผู้ชาย แต่กับมันให้ทำแบบไม่มีเหตุผลก็เขินเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย


“ก็ที่มึงสัญญาไว้ตอนจองตั๋วหนังไง”


“เหรอ ผมพูดอย่างนั้นด้วยเหรอ”


“อย่าทำเป็นลืมนะมึง ไม่งั้นกูให้คูณสิบ”


มันก้มหน้าเข้ามาใกล้าหน้าผมเชิงพูดข่มขู่ให้ผมกลัวแล้วรักษาสัจจะ


“โห โหดฉิบหาย เอาแต่ได้ พี่นี่โคตรวายร้ายเหอะ”


“พูดเหมือนมึงไม่ใช่วายร้าย”


มันย้อนศร เบนทิศมาที่ผมแทน ผมเลยต้องจำใจตอบตกลงไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปจูบปากมันเบาๆ แต่มันก็ไม่เบากับผมอย่างที่คิดไว้ แม่งใช้ริมฝีปากล่างช้อนเนื้อแดงๆ ของผมมาดูดเล่นเหมือนเป็นเยลลี่รสหวาน ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปตามรุกล้ำภายใน มือหนาสองข้างต่างทำหน้าที่ของมันเอง


มือหนึ่งช้อนท้ายทอยของผม ส่วนอีกมือโอบเอวเอาไว้ แล้วผมจะทำยังไงได้นอกเหนือจากการยอมผ่อนตัวให้คล้อยตามมันไป กวัดแกว่งลิ้นกวาดไล่กันอย่างสนุกสนาน หยอกเอินเร่งเร้าทั้งที่กลีบปากชิดแนบ


ผมปล่อยให้มันทำตามใจและรอมันพอใจแล้วมันก็ถอนปากออกโดยที่ผมไม่ต้องเร่งเร้าให้ทำ หน้าหล่อๆ ที่จริงๆ ผมก็ไม่อยากยอมรับเท่าไหร่นั่นมองผมแล้วก็ยิ้มให้ แถมมันยังยิ้มหวานฉิบหาย ผมเลยรู้สึกว่าหน้าร้อนนิดๆ


โอ๊ยแม่ง เมื่อไหร่กูเลิกเขินไอ้ห่าพี่ชมพูสักที


สบถกับตัวเองโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องอะไรแล้ว ผมก็ออกบอกไล่ให้มันกลับบ้าน เพราะก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย มันก็เลยบ่นตาม


“เอ่อ ไล่กูตลอดนั่นล่ะ”


แต่คำบ่นของมันไม่ใช่ว่าจะลอยๆ แล้วหายไปนะครับ มันคิดค่าบ่นด้วยการดึงผมเข้าไปจูบเบาๆ อีกหนึ่งทีก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมอมยิ้มกับตัวเองที่มันชอบเสาะหาโอกาส จนสุดท้ายก็ได้อย่างที่มันต้องการ


ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายสำหรับผม ก็ไม่แน่ใจ


ผมนั่งลงบนที่นอนนุ่มๆ ของผมตัวเอง ก่อนจะยกมือขึ้นมาดูของขวัญวันเกิดจากยักษ์หมีควาย แล้วก็ต้องอมยิ้มอีกครั้ง จนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าผมเป็นอะไร ชักจะประสาทไปใหญ่แล้ว


ทว่าหลังจากนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เรียกให้ผมเดินไปเปิด แต่พอเปิดไปแล้วผมก็แทบจะปิดกลับไปทันที


“อะไรวะ มึงต้อนรับแขกแบบนี้เหรอ”


มันดันประตูกลับ แล้วแทรกตัวเข้ามาอยู่ในอาณาเขตห้องของผมจนได้ ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดมากกว่าเดิมเสียอีก


“สำหรับกู เป็นหมาเฝ้าบ้านมึงก็ได้รับเกียรติมากเกินไป”


ผมย้อน ก่อนจะเดินเลี่ยงมันกลับมาที่เตียง แต่แม่งคงนึกว่าผมเชิญชวนให้มานั่งข้างๆ ตามสันดานของมันมั้ง มันถึงได้มานั่งข้างผมหน้าตาเฉย


โอ๊ย ไอ้เหี้ย กูไม่ได้เชิญมึง ไสหัวไปไกลๆ!!


“เกินไปหน่อยมั้ง มึงเกลียดกูอะไรนักหนา”


“มึงควรถามตัวมึงเองนะไอ้สัด ออกไปจากห้องกูด้วย”


“กูจะคุยกับมึงหน่อยไม่ได้หรือไง”


มันยังพยายามจะถ่วงเวลาอยู่เรื่อยๆ แต่ผมไม่สนใจความพยายามของมันเลยสักนิด และไม่คิดด้วยว่ามันจะคุยอะไรกับผมเป็นพิเศษ นอกจากกวนตีนและหาเรื่องผม


“กูกับมึงไม่มีอะไรต้องคุยกัน”


ผมย้อนอย่างหมดความอดทน ไม่อยากคุยกับแม่งแล้ว เลยบอกไปอย่างตัดปัญหา


“ถ้ามึงไม่ออกจากห้องกูก็ตามใจมึง”


สิ้นเสียงของตัวเอง ผมก็ตรงดิ่งไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป เสียงคนบุกรุกก็ดังก้อง


“กูเห็นมึงจูบกับไอ้รุ่นพี่คนนั้น”


ผมช็อก ขาขยับก้าวไม่ได้ทันที










===================
ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามกัน เห็น 2-3 บอกว่าดีใจที่มาต่อตอนใหม่
ดีใจเหมือนกันค่ะที่รู้ว่ายังมีคนรอเรื่องนี้อยู่
ตอนนี้มาเร็วหน่อยเป็นการไถ่โทษที่หายไปนานนะคะ

แต่งไปหลับไป ตรวจไปหลับไป  :jul3:




Undel2Sky



ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
ได้อ่านสองตอนเลยคืนนี้ ดีจัง
ว่าแต่ ไอน้ำรู้เรื่องพี่ภูแล้วจะเป็นยังไงน้า

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
 :z6: :z6: :z6:เสือกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ว่าแล้วไอน้ำต้องชอบยีนส์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ถ้าจะบอกว่ารำคาญไ้อ้ ไอน้ำ จะได้ป่าวอ่ะ :beat: :z6: :m16:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
น้ำอุ่นมาเพื่อป่วนล้วนๆเลย  ;___;
พี่ชมภูมาช่วยจัดการด่วนนน

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



     เห็นได้ไงฟระ มีตาวิเศษรึไง
     แต่เห็นอย่างนี้ก็ได้เรื่องละสิ




armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
เอาไอ้.  ไอน้ำ ไปเก็บเหอะ :beat:   ให้มันระเหยกลายเป็นไอไปเลยได้ยิ่งดี :z6:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ชัดเลย มาเห็นอะไรตอนเน้ห๊าาาาาาา

ออฟไลน์ Ciin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ช็อค!!
ไอน้ำเหนได้ไงหว่าา

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อ้าวว แววมาม่ามา เหอะๆ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เห็นแล้วไงก็แค่เพื่อน
เปิดตัวพี่ภูเลยก็ดีนะ
เกงยีนให้รู้แล้วรู้รอด
กันไปเลยจะปิดไปอีกนาน
แค่ไหนลุ้นจะแย่แล้ว :z2:

loveboys

  • บุคคลทั่วไป
เห็นตอนไหน ? .... ขอบคุณที่มาต่อนะครับ เข้ามาเช็คเกือบทุกวัน 5555 ไม่ค่อยจะติดเลย อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด