It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 602711 ครั้ง)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ไม่เข้าใจตามชื่อตอนเลย  :z3:
ว่าแต่...มีใครเปิดประตูมาเห็นมั้ยนั่น จะได้รู้ๆกันไปเลย o18

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
เดาๆ อย่าบอกนะว่าคนอื่นๆในบ้านรู้เรื่องนี้แล้ว โดยให้พี่ภูทดสอบ (อาจจะเป็นน้องยีนที่โดนทดสอบก็ได้) ว่าให้ทำเหมือนไม่รักยีน
เพื่อทดสอบว่ายีนรักพี่ภูจริงรึเปล่าสิเนอะ?

ใช่มิ๊ๆๆ


แต่แอบสงสารน้องยีนอ่ะ
T__T มาต่อไวๆนะคร้าบ

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
โอ้ยเครียดแทนยีนส์ ถ้าจะเป็นแบบนี้งั้นกลับดีกว่าไหม

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ชมนทียืนอยู่ที่ประตูห้อง

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โหหห !! นักเขียนค้าบบบ กว่าจะมาอัพรอน๊านนาน พอมาอัพก็เจอฉากเครียดอีก โอยย ชั้นล่ะเครียดดด แล้วพี่ชมพูเป็นอะไรไปอีกเนี๊ยยยยยยยย ทำไมแบบนี้ ยีนเสียใจรู้หม๊ายยยย น่าฆ่าเจงงงง เข้าใจว่ามีเหตุผล แต่ก็เข้าข้างยีนอยู่ดีง่ะ แฮ่ๆ ยังไงก็ขอให้พ่อแม่พี่ชมพูยอมรับได้เร็วๆ น้าาา ความรักจะได้ราบรื่นซะที T^T ตอนแรกติดตามมากนึกว่าจะเป็นนิยายดองเค็มซะแล้ววว ยังไงก็ติดตามต่อนะค้า คนเขียนอย่าพึ่งหนีคนอ่านไปน้าาา มาอัพไวๆ น้าาา รอค่า :)

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
เดาไม่ออกเลยTT
ทำไมไอ้พี่ชมพูทำงี้วะ?
มีไรทำไมไม่คุยกัน
สงสารป๊า
สงสารน้องยีน

bowstory2

  • บุคคลทั่วไป
ที.. - -+
เธอเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ใช่ม้ายบอกมา  :m31:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ไอพี่ชมพูเป็นอารายวะเนี่ยยย  :z3:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
สมกับชื่อตอนจริงๆๆๆ
มีแต่ความไม่เข้าใจ :z3:

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
เมื่อไหร่เรื่องนี้จะมาเนอะ เรารอแล้วรออีก

อยากอ่านใจจะขาดแว้วอ่า!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ i.tim.zecret

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ทำไมต้องทำให้ค้างด้วย -*-
พี่ชมพูเป็นอะไรอ่ะเนี่ย ไม่เข้าใจ
เฮ้อออ

มาต่อไวๆด้วยน้าาาาาาาาา  ^^

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนที่ 34 : เจ็บ แต่ไม่จบ






















คำถามเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของผมคือคำว่า ทำไม ทำไม ทำไม ผมไม่เข้าใจเลยสักนิดกับสิ่งที่ไอ้พี่ชมพูทำ ทำไมมันเมินเฉยกับผม ทำไมมันไม่สนใจไยดีผม ทำไมมัน... ถึงผลักผมออก


บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมตัวชา มันเจ็บจนชาไปทั้งตัวและใจ ผมมองมันอย่างหาคำตอบหรืออย่างน้อยให้มันรู้สึกตัวว่ามันควรอธิบายให้ผมรู้สักนิด ถ้าผมรู้เหตุผลที่มันทำแบบนี้ ผมจะยอมรับและไม่รู้สึกย่ำแย่แบบนี้


“เอ่อ... กู”


มันคงเห็นสีหน้าผมว่ากำลังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจขนาดไหนล่ะมั้ง ถึงได้ส่งเสียงออกมา ผมไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกในใจของผมจะถูกส่งผ่านมาทางสีหน้าจนคนตรงหน้ารู้สึกได้ แต่คราวนี้ผมจงใจ ผมอยากให้มันรู้ว่าผมเจ็บกับสิ่งที่มันทำ ผมไม่ชอบที่มันทำเหมือนผมเป็นไอ้บ้าคนนึงที่ยอมรักมันแล้วสุดท้ายมันก็ถีบหัวผมส่ง


“กูขอโทษ กูแค่... กลัวจะเผลอตัวทำอะไรมึงมากกว่าจูบ”


คำแก้ตัวของมันฟังดูเข้าท่า แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่ามันคือคำโกหก แววตาสับสนของมันทำให้ผมสับสนได้พอๆ กัน ไม่รู้ว่าอะไรทำให้มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แต่ผมก็อยากลอง อยากรู้ว่ามันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ อย่างที่ผมคิดหรือเปล่า ผมเลยขยับตัวไปอยู่ใกล้ๆ มันให้มากกว่าเดิม วางมือบนบ่ามันเบาๆ จ้องหน้าหล่อที่สายตาของมันเปลี่ยนมามองผมอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงที่ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นยังไงกันแน่


“แล้วผมบอกเหรอว่าผมจะไม่ยอม”


พี่ชมพูชะงักไปครู่หนึ่ง ผมเห็นมันนิ่งทั้งร่างกายและแววตา ทว่าสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดยิ่งกว่าคือมือใหญ่ทั้งสองข้างจับที่แขนของผมเอาไว้แล้วดึงออก ไม่ให้ผมแตะตัวมันได้อีก


“กูขอโทษนะ แต่กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อม”


ประโยคที่มันพูดออกมาผมคงยินดีหากว่าสถานการณ์ระหว่างเรายังปกติ ไม่ใช่เป็นอะไรที่น่าอึดอัดเหี้ยๆ แบบนี้ ขอบตาของผมร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ แต่ผมก็ไม่คิดจะสนใจ มองคนตรงหน้าและพูดเป็นประโยคสุดท้าย


“ผมให้โอกาสพี่เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพี่ปฏิเสธ ผมก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน ผมถึงจะพูดประโยคนี้ออกมา...อีกครั้ง”


เสียงของผมสั่นตอนท้าย แต่ตาก็ยังจ้องมันไม่หยุด มันเองก็มองผม แต่สายตาคู่นั้นกลับทำให้ผมรู้สึกว่ากระบอกตาชื้นขึ้นมาจนห้ามไม่ไหว


“กูรอได้”


เหมือนอะไรคมๆ ที่ฟาดลงบนหัวใจของผมจนชาไปทั้งตัว หัวของผมมึนตื้อ ขอบตายังร้อนไม่หยุด และเริ่มชื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจึงผละตัวจากไอ้พี่ชมพู แล้วเดินตรงไปที่ประตูห้องของมันให้เร็วที่สุด ไม่คิดหันกลับไปหาคนที่ตัดรอนผมหมดทุกทาง ก่อนจะเข้าห้องของตัวเองไป และปิดประตูลงอย่างช้าๆ


ปิดแล้ว ประตูมันปิดไปแล้ว


ประโยคนี้ดังขึ้นมาในหัวของผมอย่างไร้สาเหตุ ดังวนซ้ำอยู่เกือบสิบรอบแล้วความชื้นที่ตาก็ไหลลงมากระทบแก้มทั้งสองข้าง


ผมรู้ดี ประตูที่ว่า ไม่ใช้ประตูห้อง แต่เป็นประตูในใจของคนที่ไล่ผมออกมาแล้วปิดลงไปโดยไม่ให้ผมก้าวเข้าไปในนั้นได้อีก


“โธ่เว้ยยยยย!!!!”


ผมตะโกนออกมาสุดเสียงพร้อมกับกำปั้นที่กระทบเข้ากับกำแพงเข้าอย่างจัง ความรู้สึกอุ่นและมีอะไรหนืดๆ ไหลออกมาไม่ได้เรียกความสนใจให้ผมหันไปมองได้เลย ผมทรุดตัวลงกับพื้นตรงนั้น กอดเข่าและซุกหน้าของตัวเองลงบนนั้น โดยที่ความชื้นจากขอบตากลายเป็นหยดน้ำที่เอ่อขึ้นจนล้นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า


















อ่อนแอสิ้นดี คือประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผม หลังจากลืมตาและเห็นว่าทีกำลังทำหน้าร้อนใจอยู่ตรงหน้า แล้วพอจะลุกจากเตียงขึ้นมาผมกลับต้องล้มลงไปนอนแผ่ไม่เป็นท่า ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กหล่นลงมาจากหน้าผาก จนทีลนลานมาหยิบผ้าผืนนั้นวางบนหน้าผากของผมอีกครั้ง


“ยีนไข้ขึ้นน่ะ ทีมาหาตอนเช้าก็เจอว่านอนฟุบอยู่ตรงประตู”


“อืม”


“เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวมั้ย”


“อืม... ปวด”


หัวของผมหนักมาก เหมือนมีคนเอาหินมาถ่วงเอาไว้ แถมยังเหมือนถูกอะไรแข็งๆ บีบอย่างรุนแรงจนมองอะไรก็พร่าไปหมด ร่างกายไม่มีแรงจะขยับไปไหน หนำซ้ำยังรู้สึกว่ามีไอร้อนแผ่ออกมาจากทั่วทั้งตัว


“งั้นเดี๋ยวกินข้าวต้มก่อนนะ ทีทำมาให้ จะได้กินยา อ้อ ทีทำแผลที่มือให้แล้วด้วยนะ”


ผมเหลือบตาไปมองมืออย่างที่ทีบอก เห็นผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่เรียบร้อยอย่างที่ทีบอกแล้วก็จำต้องพูดออกมาทั้งที่ในคอมันแห้งจนเหมือนมีผงทรายโรยอยู่


“ขอบ...ใจ”


“ไม่เป็นไร ทีเต็มใจช่วยยีนอยู่แล้ว เดี๋ยวยีนลุกขึ้นมานิดนึงนะ จะได้กินข้าวต้มได้สะดวกๆ”


พยายามดันตัวตามที่ทีบอก ทว่าผมไม่มีแรงจะลุก ทีเองก็เข้ามาช่วยพยุง แต่ดูเหมือนจะไม่ไหว ทีเลยบอกผมว่ารอเดี๋ยว แล้วก็วิ่งหายออกไปจากประตู แต่กลับมาอีกที พร้อมมีอีกคนตามมาด้วย


“พี่ภูมาช่วยทีพยุงยีนลุกขึ้นนั่งน่ะ”


จบประโยคของที เธอก็หลบให้พี่ชายตัวใหญ่เข้ามาประคองร่างผมเอาไว้ ถึงตอนนี้ผมอยากจะเอาตัวเองออกมาจากวงแขนของมันเท่าไหร่ แต่ผมก็ทำไม่ได้ แถมหน้าที่ใกล้ชิดกันยังทำให้ผมรู้สึกปวดหัวใจขึ้นมาอีกแล้ว


“โอเค ขอบคุณค่ะ”


หลังจากหนังผมแตะหมอนที่ทีเอามาวางพิงหัวเตียงไว้ให้ เธอก็รีบขอบคุณคนที่มาช่วยทันที แต่ไอ้พี่ชมพูก็ยังไม่ออกไปจากห้อง


“เดี๋ยวทีป้อนข้าวยีนเอง พี่ภูไปทำงานเลยก็ได้ค่ะ”


“แล้วตอนนอนใครจะประคอง”


มันพูดเสียงเรียบๆ เหมือนห่วงใยกัน แต่แววตากลับไม่มีอะไรในนั้นจนผมไม่อยากจะมองหน้ามันอีกแล้ว ผมเลยหันมาทางทีแทน เธอก็ยิ้มให้ผมแล้วขยับตัวมานั่งใกล้ผมมากกว่าเดิม แล้วหยิบชามข้าวต้มมาถือไว้ ตักอาหารเช้าของคนป่วยมาจ่อปากผมให้ แต่ก็กินได้อย่างยากลำบาก รู้สึกเหมือนเมล็ดข้าวที่กลืนลงไปมันขูดผนังลำคอจนเจ็บไปหมด


“ที ไปทำโจ๊กไป”


“อะไรพี่ภู ทีป้อนข้าวต้มให้ยีนอยู่ จะให้ไปทำโจ๊กอีกทำไม”


พี่น้องทะเลาะกัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจมันไหวแปลกๆ ไม่อยากฟังประโยคต่อไปที่จะหลุดออกมาจากปากของคนที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นไอ้อ่อนแออยู่แบบนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถปิดหูของตัวเองได้


“ยีนเจ็บคอ กลืนข้าวไม่ลงหรอก”


เสียงของไอ้พี่ชมพูเจือแววอ่อนโยนอยู่นิดๆ และมันก็ทำให้ผมเผลอรู้สึกดีกับการที่มันเข้าใจความรู้สึกของผม แต่ไม่นานนักหรอก ผมก็รู้สึกตัว


ไอ้เหี้ยยีน มึงอย่าคิดสิวะว่าน้ำเสียงที่มันใช้มีแววห่วงใยมาด้วย มึงบ้าไปแล้ว ไอ้สัด เมื่อคืนมันทำยังไงกับมึงจำไม่ได้เหรอวะ ไอ้โง่!!


ผมด่าทอตัวเองที่อยู่ๆ ก็ทำตัวโง่ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร ผมถึงได้อ่อนไหวกับไอ้ห่านี่นัก แต่ทีก็ทำให้ผมรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่เพราะพอไอ้พี่ชมพูบอกแบบนั้น เธอก็หันมาถามผมเรื่องเจ็บคอ แต่ไม่รอคำตอบก็รีบออกจากห้องไป คงไปทำโจ๊กให้ตามคำสั่งของพี่ชาย


ผมไม่หันไปมองหน้าอีกคนที่อยู่ในห้อง แต่ทอดสายตาออกไปข้างหน้าโดยไร้จุดหมาย ได้แต่คิดว่าอยากให้ทีกลับมาเร็วๆ ให้ผมกินโจ๊ก กินยา แล้วก็นอนซะ จะได้ไม่ต้องเห็นไอ้พี่ชมพูอีก แต่ช่วงเวลาที่ผมอยากให้ผ่านไปเร็วๆ กลับเชื่องช้าจนผมอึดอัด แทบหายใจไม่ออก เพราะไอ้คนตัวใหญ่ไม่ได้พูดกับอะไรออกมาสักคำ มีแต่ความเงียบที่กำลังทำให้ผมประสาทเสีย แต่โชคดีที่ทีกลับเข้ามาก่อน


“ได้แล้วจ้ะ โจ๊กร้อนๆ”


เสียงสดใสดังอยู่ใกล้ๆ ตัวผม เพราะทีขึ้นมานั่งบนเตียงๆ ผมเหมือนเดิม แล้วตักโจ๊กขึ้นมาให้ผมกิน แต่ผมกินไม่ได้ ทีเลยถามอย่างแปลกใจ


“อ้าว ไม่กินเหรอ”



“ยีนกินไม่ได้ มันลิ้นแมว”


เสียงทุ้มขัดขึ้นมาก่อนตัวใหญ่ๆ จะเคลื่อนมาอยู่ข้างเตียง พี่ชมพูคว้าชามจากทีไปถือไว้เอง แล้วยังไล่


“หลบ เดี๋ยวพี่ป้อนเอง”


ทีดูงงๆ แต่ก็ยอมลุกไปแต่โดยดี จึงกลายเป็นพี่ชมพูที่ลงมานั่งแทน แล้วพอนั่งได้ตำแหน่งดีแล้ว มันก็ตักโจ๊กขึ้นมาเป่าเกือบชิดปาก เพื่อให้ข้าวป่นๆ หายร้อนโดยเร็วที่สุด เท่านั้นไม่พอ ยังชิมดูด้วยว่าโจ๊กสีส้มเพราะใส่ไข่มาด้วยหายร้อนหรือยัง ก่อนจะยื่นช้อนมาให้ผม


ทั้งที่ไม่อยากจะกิน ไม่อยากรู้สึกดีกับการกระทำของมันทั้งที่เพิ่งทำผมเจ็บมา แต่ปากของผมก็ไวกว่า เพราะงับช้อนที่จ่ออยู่ตรงปากไปแล้ว และพอเห็นผมกินได้ พี่ชมพูก็ตักโจ๊กขึ้นมาเป่า ชิม และป้อนผมอีก ทำอย่างนี้ซ้ำๆ จนโจ๊กเกือบหมดถ้วย ผมกินไม่ไหวแล้วเลยเบี่ยงหน้าหนีช้อนที่มือใหญ่ส่งมา พี่ชมพูจึงเอาช้อนนั้นใส่เข้าปากตัวเองแทน ก่อนจะหยิบแก้วน้ำเปล่าไม่เย็นที่ทีเป็นคนเตรียมไว้ขึ้น แล้วจับหลอดจ่อปากผมอีกที


ผมดูดน้ำเข้าไป ก่อนจะกินยาที่พี่ชมพูส่งมาให้อีกครั้ง จนเรียบร้อยแล้วมันก็วางแก้วบนโต๊ะที่หัวเตียงเหมือนเดิม และบอก


“รอสักพักค่อยนอน”


ผมยังคงเงียบ ส่วนทีก็เข้าเปลี่ยนมานั่งอีกฝั่งนึงของเตียงแล้วชวนผมคุย


“อิ่มมั้ย”


“อิ่มครับ”


“ยังเจ็บคอมากอยู่หรือเปล่า ทีขอโทษนะที่ตอนแรกทำข้าวต้มมาให้ แล้วยังไม่รู้ด้วยว่ายีนกินของร้อนไม่ได้ ทีไม่ทันสังเกตเองแหละ”


ทีทำหน้าสำนึกผิด ผมเลยยิ้มให้เธอ ให้รู้ว่าผมไม่ได้โกรธกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้


“ดีขึ้นนิดนึง”


“ถ้างั้นทีไม่ชวนคุยแล้ว เดี๋ยวยีนเจ็บ หายไวๆ นะคะ ทีเป็นห่วง”


หน้าหวานๆ ฉีกยิ้มให้ผมอย่างน่ารัก ผมก็ยิ้มตอบ แต่ได้เพียงแค่นิดๆ เท่านั้นเพราะไม่มีแรง ทว่ารอยยิ้มของผมก็ต้องลดลงจนกลายเป็นเรียบเฉยเพราะประโยคต่อมาของที


“ต้องขอบคุณพี่ภูนะ ที่อุ้มยีนมาวางบนเตียง แถมยังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ไม่งั้นล่ะก็ ทีแย่แน่”


ได้ยินแบบนั้นผมก็ต้องบังคับตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้หันหน้าไปทางคนที่ถูกพูดถึง แต่มันก็ไม่สำเร็จ เพราะพี่ชมพูขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากกว่าเดิม


“เลิกพูดได้แล้วที พี่จะให้ยีนนอนแล้ว”


“ค่ะ”


จบคำสั่งนั้น มือใหญ่ก็ยื่นมาโอบใต้เอวอีกด้านของผม แล้วประคองให้ลงไปนอน แต่ช่วงท้ายทอยขึ้นไปก็ถูกยกขึ้นไว้ ก่อนมันจะจับหมอนที่ผมพิงอยู่เมื่อครู่มาวางลงแล้วค่อยๆ ปล่อยหัวของผมให้แตะหมอนเบาๆ


“ออกไปได้แล้วล่ะที ให้ยีนพักผ่อน”


“ค่ะ ค่ะ สั่งจังเลยนะพี่ชายเนี่ย”


ทำเหมือนต่อว่า แต่น้ำเสียงที่ทีใช้ก็ยังคงสดใส เหมือนหยอกพี่ชายเสียมากกว่า แต่ไม่เพียงสั่งแค่น้องเท่านั้น คนอายุมากที่สุดยังหันมาสั่งผม


“มึงก็หลับตาได้แล้ว จะได้พักผ่อน”


สิ้นเสียงนั้น ผมก็เห็นมันพยักหน้าให้ที ก่อนทั้งสองคนจะลุกจากเตียงไป และตามด้วยประตูที่ปิดเบาๆ เหลือเพียงผมที่อยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว ผมเลยหลับตาลงช้าๆ เพื่อพักผ่อนร่างกาย จะได้หายเร็วๆ เพราะผมไม่ชอบเลยจริงๆ ที่ตัวเองกลายเป็นคนป่วย เพราะมันเหมือนคนอ่อนแอ และผมไม่ใช่แบบนั้น


ตอนนี้ ...ก็แค่ตอนนี้ ถ้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งผมจะไม่เจ็บอีก


บอกตัวเองแบบนั้นแล้วผมก็หลับตา พยายามทิ้งตัวเองลงในความฝันจนสำเร็จ โดยที่ผมไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ทว่าอยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีมืออุ่นๆ มาวางบนหน้าผาก มันอบอุ่น อ่อนโยน ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนตอนที่แม่ยังอยู่


มืออุ่นลูบหน้าผมเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมาจับมือผมเอาไว้ มือนั้นใหญ่กว่ามือของผมจนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นมือของใคร เสียงทุ้มคุ้นหูดังเบาๆ เหมือนล่องลอยผ่านไปแต่ผมเผลอได้ยิน


“กูขอโทษที่ทำให้มึงเจ็บ ทำให้มึงเสียใจ แต่ถึงยังไง กูก็รักมึงเสมอ”


สัมผัสอุ่นนุ่มแตะลงบนหน้าผาก เหมือนริมฝีปากของใครคนนั้นกดลงมา มือหนายังกระชับมือของผมเอาไว้ บรรยากาศรอบตัวเหมือนกับว่าผมกำลังฝันอยู่ และผมก็แน่ใจ เพราะหากเป็นความจริง ผมคงไม่ได้ยินประโยคเมื่อกี้


เป็นฝันดีที่เจ็บฉิบหายเลย




















ตื่นมาอีกที ฟ้ายังสว่าง แต่ผมไม่แน่ใจว่าความสว่างที่เห็นอยู่เป็นของวันเดิมหรือเปลี่ยนเป็นวันใหม่แล้ว จึงขยับตัวไปคว้าหาโทรศัพท์ขึ้นมาดูวันที่ และมันก็ชัดเจนว่าผมหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ โดยไม่ได้ตื่นขึ้นมาเลย เรี่ยวแรงที่เคยหายไป ตอนนี้กลับมาแล้ว อาการตัวร้อนก็กลับเป็นปกติ และที่สำคัญ.. เสื้อผ้าของผมเปลี่ยนจากชุดเมื่อวานไปแล้ว คงไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นคนจัดการกับตัวของผม เพราะเรื่องที่ทีพูดเมื่อวานผมจำได้ทั้งหมด


ผมถอนหายใจช้าๆ ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง โลกที่เคยโคลงเคลงเมื่อวาน วันนี้กลับมานิ่งอีกครั้ง ผมเลยลุกจากเตียงช้าๆ ไปยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้รู้สึกปลอดโปร่ง ก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวและเข้าห้องน้ำไปจัดการกับความเหนอะหนะบนตัว เพราะถึงไอ้พี่ชมพูจะเช็ดตัวให้ผม ซึ่งผมไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้ว แต่มันก็สู้การอาบน้ำไม่ได้


หลังจากอาบน้ำเสร็จและเดินออกมานอกห้อง ผมก็เห็นทีมายืนอยู่ในห้องแล้ว และไม่ใช่ทีแค่คนเดียว พี่ชายของเธอก็มาด้วย และผมคิดว่าทีน่าจะเป็นคนเรียกมาเพื่อช่วยผมเหมือนเมื่อวาน ตาเรียวคมมองมาที่ผม ผิดกับคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะเธอเบี่ยงหน้าหลบผมไปแล้ว เหตุผลคงไม่ใช่อะไร นอกไปจากผมที่มีผ้าเช็ดตัวคลุมแค่ช่วงล่าง


“หายดีแล้วเหรอ ถึงไปอาบน้ำ”


เสียงทุ้มเหมือนในฝันของผมถามมา แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันจะมาทำเป็นห่วงใยอะไรผม ในเมื่อมันเป็นคนทำตัวห่างเหิน ทิ้งขว้างความรู้สึกของผมอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้ผมเจ็บและร้องไห้อย่างน่าอายทั้งที่ไม่คิดว่าผมจะเสียน้ำตาให้มันถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน


“ครับ” ผมตอบแค่นั้นแล้วหันไปทางทีแทน “แล้วทีมีอะไรหรือเปล่า”


“เอ่อ.. คือ ทีอยากมาดูว่าอาการของยีนเป็นยังไงบ้าง แล้วนี่ยีนหายแล้วเหรอ”


“หายแล้วครับ”


ผมยิ้มให้ทั้งที่เธอยังไม่หันหน้ากลับมา ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย ทีจะได้ไม่ต้องหลบหน้าผมไปอีกคน


“ว่าแต่วันนี้มีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่า เมื่อวานเราเบี้ยวทีไปเฉยเลย ขอโทษครับ”


“อ๋อ เอ้อ...ก็มีนะ แต่ว่ายีนเพิ่งหาย ถ้าไปเดี๋ยวก็ไข้กลับหรอก”


ทีเหลือบมามองผมอย่างไม่แน่ใจ แต่พอเห็นผมแต่งตัวเรียบร้อยถึงได้หันมาเต็มๆ


“ไม่เป็นหรอก เราแข็งแรงแล้ว ไข้ไม่กลับแน่นอน ไปตามกำหนดเดิมเลย”


ผมบอกทีแล้วก็ยิ้มให้ด้วย ไม่สนใจคนที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของเธอ และไม่คิดจะหันไปมอง ผมลองคิดทบทวนกับตัวเองแล้วว่าควรจะทำยังไงต่อไปกับสถานการณ์แบบนี้ สาเหตุที่ทำให้มาเชียงใหม่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว มันล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็น่าขำที่ผมโง่ยอมตกลงมาในความรักที่หลอกลวงครั้งนี้


“ยีนแน่ใจนะ”


“อืม”


ไม่แค่บอกเธอแบบนั้น แต่ผมยังเดินเข้าไปหา แล้วพยักหน้าชวนให้ออกจากห้องไปด้วยกัน ทีเลยให้ผมไปกินข้าวเช้าก่อนแล้วค่อยออกไป ผมก็ไปนั่งรวมโต๊ะกับคนในครอบครัวของทีอีกครั้ง แม่ของที หรือแม่ของไอ้พี่ชมพูนั่นแหละ ถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง หายแล้วหรือยัง ผมก็ตอบๆ ไป ก่อนจะชวนทีออกมาด้วยกันหลังจากกินข้าวเสร็จ ส่วนไอ้พี่ชมพูก็ปล่อยแม่งทำงานไปแล้วกัน อยากทำดีนักก็ปล่อยให้แม่งทำจนพอใจไปเลย ไม่สนใจกูอยู่แล้วนี่


ความเสียใจของผมกลายเป็นความคับแค้นใจไปแล้ว เพราะผมไม่อยากอ่อนแอ ไม่อยากให้คนที่คิดจะทิ้งกันมองว่าผมไม่เอาไหนและน่ารำคาญ ไม่อยากตื๊อมันเพื่อให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมเคยขอโอกาสมันไปแล้ว แต่มันกลับปฏิเสธด้วยเหตุผลที่เรียกว่าข้ออ้าง เพราะงั้นผมจะไม่สนใจมันเหมือนกัน


ทีพาผมไปไหว้ครูบาศรีวิชัย แล้วก็ขึ้นดอยสุเทพ แต่ระหว่างที่เราเดินขึ้นบันไดไปเจดีย์ ผมมองทีแล้วก็อดที่จะถามไม่ได้


“ไหวมั้ย”


“ไหวสิ”


เธอตอบมาแบบนั้น แต่ว่าหอบแฮ่ก หน้าก็แดงไปหมด


“บอกให้ขึ้นกระเช้าแต่แรกก็ไม่เชื่อ”


“ก็มาที่นี่แล้ว มันต้องเดินขึ้นสิ นั่งกระเช้ามันไม่ขลังนะ”


“แต่เธอเหมือนจะเดินไม่ไหวแล้ว”


“ทีก็แค่เหนื่อยแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย”


ผู้หญิงตรงหน้าผมยังทำเป็นเก่งทั้งที่แรงจะเดินต่อยังไม่มี ผมเลยยื่นมือไปจับมือเธอไว้เพื่อช่วยดึงขึ้นบันไดต่อ และก็ป้องกันไว้ก่อน เผื่อเธอพลัดตกบันได แต่พอผมจับมือเธอเท่านั้น ทีก็มองหน้าผมเหมือนอยากรู้คำตอบว่าทำไมผมต้องจับมือเธอ


“เดี๋ยวหมดแรงตกลงไปข้างล่าง เราก็ช่วยเธอไม่ทันหรอก”


“ขอบคุณนะ”


ทียิ้มให้ผม ก่อนเราจะเดินเข้าบันไดสูงต่อ กว่าจะถึงขั้นสุดท้ายก็เล่นเอาหอบ ถึงผมจะไม่ได้เป็นพวกเหลาะแหละแต่ต้องคอยดึงคอยระวังไม่ให้คนที่มาด้วยพลัดลงไป ก็ทำให้เหนื่อยได้พอดู เพราะงั้นผมกับทีเลยหยุดพักเหนื่อยกันก่อนจะเข้าไปไหว้พระและสวดมนต์เดินรอบเจดีย์ แต่พอทำอย่างที่ตั้งใจเสร็จ ผมก็เดินออกมาจะไปขึ้นกระเช้าเพื่อกลับไปที่รถ เพราะทีคงเข็ดแล้วไม่อยากเดินอีก และขาก็ยังไม่มีแรงแล้ว ผมก็เห็นว่าท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าก่อนหน้านี้กลับเป็นสีทะมึน มันครึมๆ มืดๆ ไม่ต้องบอกเลยว่าทำไม


“คงขึ้นดอยต่อไม่ได้แล้วล่ะ ฝนท่าจะตกแรง”


“ก็ต้องเป็นอย่างนั้น”


ทีบอก ผมก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย โปรแกรมที่จะขึ้นดอยอินทนนท์ต่อเลยต้องพับเก็บไว้ก่อน เราสองคนนั่งรถแดงลงมาด้านล่างแล้วผมก็อาสาขับรถให้ทีต่อ


“เดี๋ยวขากลับเราขับรถให้”


ผมเสนอตอนที่เรากำลังเดินไปที่รถ แต่ทีก็ค้าน


“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวทีขับเอง ยีนไม่รู้ทาง แถมถนนก็ไม่ได้ราบแบบกรุงเทพด้วย”


“ไม่เป็นไร แค่บอกทางก็พอ”


ไม่ว่าดูยังไง ผมก็รู้ว่าทีคงขับรถไม่ไหว เพราะแค่เดินเฉยๆ ยังขาสั่นด้วยซ้ำ เกิดขับรถไปแล้วหมดแรงขึ้นมา เดี๋ยวจะได้ตายก่อนถึงคุ้ม แต่ตอนเธอกำลังอ้าปากจะแย้งอีก อยู่ๆ ก็สะดุดล้มลงไปกับพื้น


“เป็นไงมั่ง”


ผมก้มลงไปถามเพราะเห็นเธอร้องเสียงค่อนข้างดัง ท่าทางจะเจ็บไม่น้อย


“เจ็บอะ”


“ไหน เราดูหน่อย”


ผมลงไปนั่งยองๆ เพื่อดูแผลที่ขาที เห็นว่ามีเลือดเปื้อนอยู่บนกางเกงตรงเข่า ก็เงยหน้ากลับไปมองคนตัวเล็กว่าอีกครั้ง


“เห็นมั้ย แค่เดินก็ล้มแล้ว ยังจะขับรถ”


“ก็..”


“ลุกมา เดี๋ยวช่วยพยุง”


ไม่รอให้เธอหาข้ออ้างอะไรมาต่อ ผมก็รีบพูดขึ้นมาก่อน จับแขนเล็กๆ มาพาดบ่าของตัวเองแล้วประคองคนเจ็บมาที่รถ พาเข้าไปนั่งที่เบาะด้านข้างก็เห็นว่าน้ำตาปริ่มตรงขอบตาของทีอยู่นิดๆ ผมก็รีบไปขึ้นรถและขับออกไปทันทีเพราะจะได้ให้เธอกลับไปทำแผลเร็วๆ


ใช้เวลาไม่นาน ผมก็ขับรถมาถึงคุ้ม แต่ตอนลงรถ เหมือนทีจะลุกไม่ไหวแล้ว เพราะหน้าซีดๆ เลือดที่แผลซึมอยู่นิดๆ ผมเลยพยุงเธอลงมา แต่ลำบากตอนพาเดิน เพราะทีแทบไม่ขยับขาเลย


“เดินไหวมั้ย”


“ไม่อะ มันชาไปหมดแล้ว”


ได้ยินอย่างนั้น ผมเลยเปลี่ยนจากประคองให้เดินไปด้วยกัน เป็นเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ แล้วย่อตัวนิดหน่อย ก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นมาบนหลัง


“ยะ..ยีน ยีนไม่ต้องแบกก็ได้”


“ก็เดินไม่ไหว หรือจะให้อุ้มไป”


เจอผมถามกลับไปแบบนั้น ทีก็เงียบลงทันที ผมเลยพาเดินเข้ามาในบ้าน และวางเธอลงบนเตียงที่ห้องของเธอ


“ทีเปลี่ยนกางเกงก่อน แล้วก็เอาน้ำล้างแผลเบาๆ เดี๋ยวเราไปเอายา ยาอยู่ตรงไหน”


“ตู้ในห้องนั่งเล่น”


ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินไปเอายาที่อยู่นอกห้อง และกลับเข้ามาอีกครั้งตอนที่ทีเปลี่ยนกางเกงเสร็จแล้ว ผมก็ไปนั่งบนที่นอนข้างๆ เธอ และจับขาเรียวนั้นขึ้นมาวางพาดบนตัก ใช้สำลีชุบน้ำหมาดๆ เช็ดรอบแผลให้ แต่หน้าหวานๆ นั้นก็นิ่วลงเพราะความเจ็บ


ผมไม่เคยพูดถึงหน้าตาของทีอย่างจริงจังใช่มั้ยครับ เธอเป็นสวย แต่ที่เหนือกว่าความสวยคือความน่ารัก เพราะแบบนั้นผมถึงเข้าไปจีบเธออย่างไม่ต้องลังเล ผมว่าเรื่องหน้าตานี่คงได้เชื้อดีๆ มาจากพ่อกับแม่กันทั้งพี่ทั้งน้อง เพราะไอ้พี่ชมพูมันก็หล่อไม่น้อยเหมือนกัน แต่.. ผมจะนึกถึงแม่งอีกทำไมวะ


ผมทิ้งความคิดเหี้ยๆ ของตัวเองไปให้พ้นตัว พลางเช็ดแผลให้ที ก่อนจะใส่ยาตามลงไป และจบลงด้วยเอาผ้ากอซปิดแผลให้ ส่วนทีก็ยิ้มและขอบคุณผม ผมเลยอดสั่งไม่ได้


“ทีหลังไม่ไหวก็อย่าดื้อ เดี๋ยวได้เจ็บตัวอีก”


“เข้าใจแล้วค่าาา”


ทีลากเสียงยาวในตอนจบเหมือนคนไม่สำนึกด้วยซ้ำ ผมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วก้าวขาจะเดินออกจากห้องของเธอ แต่ผมกลับเห็นคนตัวใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูพอดี มันมองเข้ามาในห้อง แต่สายตาพุ่งมาที่ผมอย่างไร้ความหมาย ซึ่งผมก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินผ่านมันไปโดยที่ต่างคนก็ไม่มีคำไหนจะพูดกัน


บอกตัวเองไว้แล้ว จะเฉยเมยใส่มัน จะไม่เจ็บ จะไม่อ่อนแออีก แต่พอเห็นสายตาของมันที่มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งที่ไม่ได้อยากมอง แต่ตาของผมเสือกทรยศไปเห็นเองแล้วก็ต้องปวดใจเอง

โง่ชะมัดเลยมึง มึงมันโง่มากที่ยังคาดหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


ผมไม่เถียงความคิดนั้นของผมเลย เพราะผมรู้ดีที่สุดว่าความรู้สึกตอนนี้ของผมเป็นยังไง ผมยังหวัง ผมยังคิดว่ามันจะเดินมาบอกผมว่ามันแค่แกล้งผมเล่นเฉยๆ หรือมันบอกว่านี่เป็นบทพิสูจน์ที่พ่อแม่ให้มันเอาไว้ เพื่อจะดูว่าผมรักมันมากแค่ไหน เพราะผมหวังให้เป็นแบบนั้น ผมถึงได้ยังทนอยู่ที่นี่


ผมเดินเข้าห้องนอนแล้วโยนตัวขึ้นเตียงอย่างอัดอั้นใจ อยากจะตะโกนออกมาดังๆ ระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในตอนนี้ออกมา ให้มันเลิกเจ็บ เลิกทรมาน


ทำไมความรักถึงเจ็บปวดอย่างนี้วะ!!











อ่านต่อด้านล่างะ

v

v


ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากด้านบน


v


v









เพราะทีขาเจ็บวันต่อมาผมเลยไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ใช่ว่าจะว่าง เพราะตอนบ่ายๆ ผมเดินเข้ามาในบ้าน หลังจากออกไปเดินเล่นรอบๆ คุ้มแก้เบื่อแล้ว ก็เจอทีกับแม่ของเธอนั่งทำขนมอยู่ด้วยกัน สีเหลืองอมส้มทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าคงไม่พ้นขนมพวกทองๆ แต่มันแปลกตานิดหน่อยเพราะทีกำลังตัดขนม


“ทำขนมอะไรกันอยู่เหรอครับ”


“ทำฝอยทองกับทองหยอดมาจัดจานจ้ะ ยีนสนใจจะช่วยแม่ทำมั้ย”


“อ้อครับ ให้ผมช่วยทำอะไร บอกได้เลยครับ”


ผมตอบอย่างนอบน้อมตามปกติ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ไอ้นิสัยห่ามๆ ของผมจะถูกเก็บ เพราะแม่ปลูกฝังผมมาแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ต่อหน้าใครจะเป็นยังไง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอายุมากกว่าก็ต้องสุภาพด้วย ยิ่งอีกฝ่ายอายุมากกว่าเท่าไหร่ ก็ต้องยิ่งให้เกียรติเขาเท่านั้น ผมทำแบบนั้นได้กับทุกคน ยกเว้นก็แต่ลูกชายคนโตของบ้านนี้


“ช่วยทีแล้วกันจ้ะ ของแม่คงยากไป อ้อ ไปล้างมือให้สะอาดก่อนด้วยนะจ๊ะ”


“ครับ”


รับคำแล้วผมก็ไปล้างมือก่อนจะกลับมานั่งลงข้างๆ ที มองขนมทีที่ทำแล้วก็สงสัย เพราะมองยังไงทองหยดก็ไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ถึงฝอยทองจะไม่ได้มีอะไรแปลกไปก็เถอะ


“อันนี้คืออะไร”


“ทองหยอด”


“แล้วทำไมเป็นใบไม้”


“ก็ตกแต่งไงคะ”


ไม่ตอบอย่างเดียว แต่ทียื่นไม้จิ้มฟันมาให้ผมด้วย แล้วทำท่าจะสาธิตวิธีทำให้ผมดู ผมเลยรับไม้ซี่เล็กมา ก่อนจะพยายามทำตามที แต่ก็ไม่วายโดนดุ


“เบาๆ สิยีน เดี๋ยวขนมก็เละหมด”


“ครับ”


ผมพยายามจะลงน้ำหนักมือให้น้อยลงกว่าเดิม เพราะก็กลัวว่ามันจะเละคามือไปซะก่อนเหมือนกัน ผมจึงค่อยๆ ใช้ไม้เล็กๆ นั่นกดลงบนเนื้อขนมเป็นลายทางกลางชิ้นที่ทีเป็นคนตัดไว้ให้ได้ทรงเหมือนใบไม้ แล้วย้ายมากดเป็นแนวทะแยง จากเส้นกลางใบให้เป็นลาย จนเสร็จอันนึง สภาพดูพอจะรับได้....ยาก ผมเลยหยิบอันใหม่ขึ้นมาทำอีก แล้วก็ตั้งมั่นกับตัวเองว่าจะต้องทำมันให้ออกมาดีจนทุกคนชม


ใบไม้อันแล้วอันเล่าผ่านมือของผมไป มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนออกมาดีที่สุด ผมตั้งใจทำโคตรๆ เพราะเป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาดูถูกหาว่าไม่เรื่อง แต่ความตั้งใจและความหมกมุ่นของผมก็หยุดลงด้วยเสียงนุ่มๆ จากแม่ของไอ้ห่าพี่ชมพู


“จะว่าไป แม่ก็ยังไม่ได้คุยกับยีนจริงๆ เลยนะลูก”


น้ำเสียงที่ส่งมาถึงผม อ่อนโยนมาก จนอดคิดไม่ได้ ว่าถ้าหากว่าเจ้าของเสียงนี้รู้เรื่องของผมกับไอ้พี่ชมพู ผมจะโดนโกรธเกลียดขนาดไหน เพราะเป็นคนทำให้ท่านผิดหวังหนัก แต่มานึกอีกที อาจจะไม่ต้องรู้สึกแบบนั้นแล้วก็ได้ เพราะว่าผมกับไอ้พี่ชมพู อาจจะไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก


“ครับ”


“ยีนรู้มั้ย ยีนหล่อมากเลยนะลูก”


“แม่คะ จะนอกใจพ่อเหรอ”


จบประโยคของแม่ ทีก็รีบแทรกขึ้นมาทันที มีการเอาพ่อมาข่มขู่ด้วย ทำให้ผมยิ้มกับคำพูดของแม่ลูกคู่นี้ แต่ผมก็ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงที แล้วขานเสียงรับ


“ผิวพรรณดี ดูมีสกุลรุนชาติที่ดี”


“ขอบคุณครับ”


ผมยกมือไหว้ ขอบคุณทั้งสองข้อ แต่ยังไม่จบแค่นั้น


“เป็นคนนอบน้อม และยังมารยาทดีอีก”


“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”


ผมทำได้แค่ออมแอ้มตอบ เพราะหากคนที่พูดเป็นคนอายุดียวกันหรือต่างกันไม่มาก ผมคงโอ้อวดไปแล้ว


“รู้จักถ่อมตัวด้วย แบบนี้สิ ผู้ใหญ่ถึงเอ็นดู”


คราวนี้ผมไม่ตอบแล้ว แต่ส่งยิ้มให้ แม่ไอ้ห่าพี่ชมพูก็เลยยิ้มให้ผมด้วย จากนั้นผมจะก้มหน้าลงไปทำขนมต่อ แต่คนชมผมแล้วชมผมอีกยังไม่หยุด


“ตั้งอกตั้งใจทำงาน รู้จักเรียนรู้ด้วย ดีมากๆ”


ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปยิ้มแบบเกรงใจอีกรอบ คือแม่มันอวยผมเกินไปละ จริงๆ ผมไม่ได้นิสัยดีอะไรขนาดนั้นเลย แค่มีมารยาทกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ดีด้วยก็ไม่จำเป็นต้องร้ายเหมือนพวกรุ่นๆ เดียวกันที่มันชอบหาเรื่อง แล้วก็ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจทำงาน แต่แค่ชอบเอาชนะเท่านั้นเอง


ไม้จิ้มฟันในมือผมค่อยๆ กดลงบนเนื้อสีเหลืองอมส้มช้าๆ ให้เกิดเป็นร่องตามลายของใบไม้ ทั้งที่ผมพยายามจะทำให้เบามือที่สุด แต่เสียงของคนคนเดิมก็ดังขึ้นครั้ง แล้วครั้งนี้ก็ทำให้ไม้ซี่เล็กที่ผมใช้อยู่กลายเป็นมีดฝ่ากลางลงบนเนื้อแป้งหวานนุ่มเพราะลงน้ำหนักแรงเกินไป มันเลยขาดครึ่ง


“นิสัยดีๆ แบบนี้ น่าจะให้มาเป็นลูกเขยของแม่นะ”









===================
แล้วจะเป็นยังไงต่อดีนะ?


ขอบคุณคนที่รออ่านนะคะ
ความจริงแต่งเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านแก้ เลยเพิ่งเอามาลงค่ะ



Undel2Sky


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2012 00:57:49 โดย undersky »

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
เอ้ออ แล้วจะได้บอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่เนี่ย
คุณแม่ยีนส์ไม่ได้จะมาเป็นลูกเขยนะ
ยีนส์เค้ามาเป็นสะใภ้ต่างหาก

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
หวังว่ามันจะผ่านพ้นไป (เร็วๆ) :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:

กว่าจะรักกัน มันไม่ง่ายเลย ทำไมยอมแพ้อะไรง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ ไอ้พี่ชมพู๊ววววววววววว :angry2:

ทำน้องยีนเค้าเสียใจนะ ฮึ :m15:

pimmae12

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้น้ำตาพรากเลย U_U
สงสารยีนอ่า พี่ชมภูไม่หนักแน่นเลย พายีนมาบ้านปล้วก็ทิ้งๆขวางๆ
สงสารยีนที่สุดดดดดด

ตอนนี้กดดันมากเลย ฮื่อออ เกือบทนอ่านต่อจนจบไม่ไหว
ขอให้มาม่าผ่านพ้นไปเร็วๆนี้นะคะ  o18

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เซ็งพี่ชมพูมากๆ อ่านตอนสองตอนนี้แล้วรู้สึกอยากให้ไปคบกับทีอีกรอบ

น้อยใจแทนนนนนนนนน แง้งๆ อย่าละเลยยีนสิ หล่อดูดีมีชาติระกูลหาไม่ได้ง่ายๆนะคุณเธอ ><!

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
รู้สึกรำคาญความน่ารักใสซื่อของที ขวางหูขวางตามาก พี่ชายเชี่ยวซะขนาดนั้น
ทำไมน้องสาวเหมือนเด็กสิบขวบที่เพิ่งมีประจำเดือน
แยกไม่ออกรึไงว่าผู้ชายที่ตัวเองชอบน่ะ มันรู้สึกยังไงกับตัว

ตอนนี้เหมือนกรรมที่ยีนส์เคยไปทำอะไรกับผู้หญิงกำลังย้อนมาหาตัว

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
สุดท้ายก็ยังไม่เฉลยย T^T

สงสารยีนมากอ่าา พี่ภูทำไมทำตัวแบบนี้อ่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






stupidchild

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ยังไม่เคลียเลยนะพี่ภู
แถมยังทำยีนร้องไห้อีก
กำลังทำอะไรอยู่เนี่ย

bryden

  • บุคคลทั่วไป
อ้าวไอ้พี่ชมภู ยังไม่สำนึกอีกหรือไง
แม่ง อ่านแล้วอารมณ์เสีย เป็นเชี่ยไรนักหนา
น้องมันยอม ยอมเพราะรัก เพราะรักนะเว่ย
ยอมเพื่อยื้อความรักจากมึงกลับมา
แล้วดูดิ๊ มึงทำอะไร ทำร้ายจิตใจน้องอีก
แล้วมึงเอาเขามาด้วยทำไม
อยากให้พ่อน้องยีนรู้เรื่องจริงๆ
ให้พ่อเพ่นกบาลให้แตกไปเลย

อีน้องทีนี่ก็หน้าด้านจริง
อีแม่ก็อีกคน ยังไงเห็นคนหล่อ
รู้จักกันแค่ไม่กี่วัน จะประเคนลูกสาวใส่พานให้ผู้ชายแล้ว
เขาถึงว่าดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่


น้องยีนส์ ออกจากบ้านมันมาลูก
ออกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ปลอดภัย
แต่อย่าให้มันรู้ว่าหนูอยู่ไหน
ให้ไอ้พี่ชมภูมันตามหา
ให้มันเจ็บปวด เพราะความผิดที่ทำกับหนู
ทิ้งจดหมายขู่มันว่าถ้ามันไม่รักกัน ยีนก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
เอาให้มันดิ้นทุรนทุราย
แล้วเดี๋ยวมันก็เลิกเป็นบ้าเอง

เคืองคนแต่ง รีบๆมาลงโดนเร็ว
ไม่งั้นจะพาลด่าไปแม่งทุกคนเลย

ออฟไลน์ Zarunghaja

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-0
ไอ้พี่ชมพูเป็นอะไร แงงงงงงงงงงง  :beat:

แล้วจะเป็นยังไงต่อ อยากอ่านแล้ว ตอนนี้ค้างอีกแล้ว ><

มาต่อไวไวนะค้าาาา  :L2:

ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4
ลูกสะใภ้ค่ะคุณแม่  :z3:

สงสารน้องยีนเหลือเกิน T^T

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
เรื่องนี้มีเบื้องหลังแน่ๆ พี่ภูไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้จริงๆแน่ๆ

อาจจะเป็นแผนการอะไรซักอย่าง

 :เฮ้อ:

สู้ๆนะทั้ง2คน จะได้หลุดพ้นซักที

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
T^T เีิรื่องกำลังเครียดเลยเนาะ สงสารยีนนะ แต่พี่ภูคงมีเหตุผลแหละ อยากให้พ่อแม่ พี่ภูยอมรับซะที แม้ว่าแลมันจะยากก็ตาม U U

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ yongsulewa

  • 나는 상처를 줬어.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ลูกสะใภ้ สิถึงจะถูก555

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ไม่ใช่ลูกเขยซะหน่อย ลูกสะใภ้ต่่างหาก o13
ที่ชมพูเปลี่ยนไปเพราะแม่หรือเปล่านะ :z3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด