It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 602105 ครั้ง)

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
คุณแม่จะได้ลูกเขยแน่ค่า แต่ต้องเป็นกรณีที่พี่ภูยอมให้น้องยีนกดเท่าน้านนนน! ฮ่าาา  :laugh:
เดาไม่ถูกเหมือนกันว่านี่เป็นแผนการอะไรหรือเปล่า
หรือพี่ภูรู้อดีตของสองคนนี้แล้วเกิดรู้สึกผิดสำนึกในฐานะพี่ชายที่ดี หรือเห็นว่ายีนควรได้คู่กับผู้หญิงมากกว่าอะไรงี้
ไหนว่ามีอะไรให้บอกกันไงฟระ พอมาทีตัวเองละไม่เห็นทำตามที่พูดไว้เลย เชอะๆ

bowstory2

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
ตกลงไอพี่ชมพูมันจะเอายังไงวะเนี่ยยย

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Momichi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
โกรธอีพี่ภู บังอาจมาทำให้น้องยีนนอยด์ เสียใจ ชริ

น้องยีนสู้ๆๆ หนีมันไปเลยหนูไอ้พี่ภูเนี่ย แมร่ม อารมณ์เสีย มีเหตุผลอะไรมาทำกะน้องยีนแบบนี้ เชอะ นิสัย โกรธๆๆๆ


เอ่อคุณแม่ค่ะ น้องยีนเค้าไม่ได้จะมาเป็นเขยนะค่ะเค้าจะมาเป็นสะใภ้ค่ะแม่

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



    ง่ะ. . . คุณแม่เล่นพูดงี้เลยเหรอเนี่ย ลูกสาวก็นั่งอยู่ข้างๆอ่านะ
    หรือว่าทีเคยคุยเรื่องนี้กะคนในครอบครัวแล้ว
    ถ้ายีนสวนมาว่าขอเป็นลูกสะใภ้แทนได้ไหมแล้วจะหนาว หึหึ




ออฟไลน์ IöLIKE

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-6

อยากกินไข่พะโล้ โปะ

  • บุคคลทั่วไป
เลวร๊ายT^T'
คุณแม่ออกตัวแรงอะ!!

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
พี่ชมภูคงมีเหตุผล


แต่ทิ้งขว้างกันแบบนี้ก็ไม่ดีเลยนะ

ออฟไลน์ jj_girl

  • รูปโปรไฟล์ขำๆ นะคะ / Cr.สาววายในตำนาน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 343
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
 :serius2:  อร๊ายๆๆๆ  เค้ารอตะเองมาอัพต่ออยู่น๊าาาาาาา 

พี่ชมพูทำไมทำเยี่ยงนี้

ทีเธอเข้าใจบ้างสิว่าเรื่องของเธอมันจบไปแล้ว

คุณแม่ของชมพูเปลี่ยนจากคำว่าลูกเขยมาเป็นคำว่าลูกสะใภ้เดี๋ยวนี้เลยนะคะ

สงสารเกงยีนอ่าาาาาา :o12:



kiizkziekiizk

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อออออออ ลุ้นนจนเหนื่อยแบบนี้ อ๊ากกกต่อไปจะเป้นไงงง

รอตอนต่อไปค่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ตะลึ่งตึ่งโป๊ะ!! แหมะ มาสะดุดเอาตอนท้ายนี่แหละ

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนที่ 35 : หมดเวลา
















ผมกับทีพากันอึ้งกับประโยคเมื่อกี้ของแม่เธอ รู้สึกหัวตื้อไปพักใหญ่เพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาพูดกับผมแบบนี้ แต่ดูเหมือนผมจะได้สติก่อนทีเลยต้องรีบบอก


“เอ่อ... คงไม่ได้หรอกครับ”


“ใช่ๆ แม่พูดอะไรเนี่ย”


พอได้ยินเสียงผม ทีก็รีบเสริมขึ้นมาทันที แต่ว่าคนที่พูดประโยคชวนช็อกกลับยิ้มให้นิดๆ ไม่รู้สึกทุกร้อน แต่เล่นเอาผมแทบนั่งไม่ติด ที่อยู่ๆ จะถูกจับไปเป็นเขยของบ้านนี้


“แม่แค่บอกว่าถ้าได้แบบนี้ก็คงดี ไม่ได้หมายความถึงยีนสักหน่อย”


ถึงจะตอบกลับมาแบบนั้น แต่มันก็มีจุดที่ฟังดูขัดหู เหมือนกับว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็ดียังไงไม่รู้ แล้วทีก็ดูเหมือนจะเข้าใจอย่างเดียวกับผม เธอเลยอ้างเหตุผลที่ผมเคยบอก


“ยีนมีแฟนแล้วนะคะแม่”


“แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”


ตัดจบด้วยประโยคนั้น แล้วแม่ของทีก็กลับไปสนใจขนมในกระทะทองเหลืองเหมือนเดิม ปล่อยให้ผมกับทีมองหน้ากันอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังช่วยทำขนมต่อไปจนเสร็จ ฝีมือของผมพัฒนาขึ้นจนพอใจ ทีกับอาผู้หญิงก็เอ่ยปากชมเพราะห่วงว่าผมจะทำไม่ได้


โธ่ มือชั้นนี้แล้ว จะทำไม่ได้ได้ยังไง ไม่เคยมีอะไรที่นายพชรตั้งใจแล้วทำไม่ได้ ผมกระหยิ่มยิ้มกับตัวเองอย่างมั่นใจ แต่แล้วในตอนท้ายความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาจนการยิ้มต้องสะดุด


เรื่องเดียวที่ผมทำไม่สำเร็จ คือ...มัน


ยิ่งคิดก็ดราม่ากับตัวเองเปล่าๆ แม่งงงง ผมสะบัดหัวไล่สิ่งที่คิดอยู่ออกไป ไม่อยากนึกถึงภาพวันนั้นที่ทำให้ผมเสียใจ ผมเดินกลับเข้าห้องที่ใช้ซุกหัวนอนมาสี่วัน เหลืออีกแค่สองวันที่ผมจะอยู่ที่นี่ แต่ผมคิดว่าถ้าหาตั๋วเครื่องบินของพรุ่งนี้ได้ ผมก็จะกลับพรุ่งนี้ เพราะไอ้คนที่พาผมมาคงไม่ใส่ใจแล้วมั้งว่าผมจะกลับบ้านเมื่อไหร่


โอ๊ยยย ไอ้เหี้ยย มึงจะคิดถึงไอ้ห่านั่นทำไมอีก!!


ผมหงุดหงิดตัวเอง ทั้งที่บอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะไม่นึกถึงมัน ไม่นึกถึงเรื่องของมัน แต่เสือกทำตรงข้ามกับคำสั่งของตัวเอง ผมได้แต่ด่าทอตัวเองที่ยังโง่งมคิดถึงเรื่องนั้นอีก


เข้ามาในห้องแล้ว ผมก็ฉวยกระเป๋าเงินแล้วออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันได้เดินออกจากเรือน ทีก็เรียกผมไว้ก่อน ผมจึงเดินเข้าไปหาเพราะทีคงเดินมาหาผมไม่สะดวก


“จะไปไหนเหรอ”


“ซื้อตั๋วเครื่องบินครับ”


“จะกลับแล้วเหรอ”


ทีทำท่าตกใจที่ได้ยินคำตอบของผม แถมยังถามเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ดีว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากทีและผม ส่วนแม่ของทีน่าจะไม่อยู่เพราะปกติผมจะเห็นอาผู้หญิงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นหรือห้องครัวถ้าท่านอยู่ที่เรือน



“วันมะรืน แต่ไปซื้อตั๋วก่อน”


“ไม่เห็นต้องออกไปเองเลย”


จริงๆ ผมจองตั๋วเครื่องบินผ่านเน็ตก็ได้แหละครับ แต่ว่าผมไม่อยากอุดอู้อยู่ในบ้าน อยากออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยตัวเองบ้าง เพราะไม่อยากให้ทีเดือดร้อนอีก


“เผื่อไปเที่ยวแถวๆ นั้นด้วยไง”


“ขอโทษนะ เพราะทีเจ็บ เลยไม่ได้พายีนไปเที่ยวต่อเลย”


ผมตอบแบบนั้น ทีก็ทำหน้าสลดขึ้นมาทันที แต่ผมกลับยิ้มและลูบหัวเธอเบาๆ ผมรู้ว่าทีเป็นคนดี น่ารัก และจิตใจดี และที่เธอกำลังเสียใจอยู่ ผมก็รู้ว่ามันคือความรู้สึกของเธอจริงๆ จึงอดที่จะเอ็นดูเธอไม่ได้


เธอเป็นเพื่อนที่น่าคบ หากเป็นน้องก็เป็นน้องที่น่ารัก แต่ถ้าเป็นแฟน... ผมคงรักเธอไม่ได้ ถ้าผมรักเธอได้ ผมคงจะหยุดที่เธอตั้งแต่เมื่อช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


“ทีเจ็บก็พักเถอะ เราไปคนเดียวได้ ไม่ต้องห่วงด้วย เราจะได้เที่ยวแบบผู้ชายๆ มั่ง”


ประโยคสุดท้ายทำเอาทีตวัดตาฉับมาที่ผมเลย คงเดาไปเองแล้วว่าเที่ยวแบบผู้ชายๆ คืออะไร แต่ผมกลับหัวเราะเบาๆ ที่คาดเดาความคิดของเธอแบบนั้นและดูว่าจะถูกต้อง


“ไม่ได้เที่ยวกลางคืนหรอกน่า เชียงใหม่มีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะแยะ”


เธอคงจะคลายใจจากที่ผมพูดกึ่งสัญญานั่น ตอนนี้ถึงได้ยิ้มหวาน


“ถ้างั้นก็อย่ากลับดึกมากนะ อ้อ เอารถไปใช้มั้ย เดี๋ยวทีหยิบกุญแจให้”


“ไม่ต้องหรอกครับ เราไปได้ ไปก่อนนะครับ”


ผมยิ้มให้เธอก่อนจะออกมาจากเรือน เดินไปทางหน้าคุ้มเพื่อไปต่อรถอีกที แต่เดินไปได้ไม่ห่างจากเรือนเท่าไหร่ รถกอล์ฟที่มีไว้วิ่งบริการรับส่งแขกที่เข้ามาพักก็หยุดลงข้างๆ ให้ผมนั่งออกไปนอกคุ้ม


ความจริงแล้ว หน้าคุ้มไม่มีรถรับจ้างผ่านหรอกครับ ผมก็อาศัยโบกรถที่วิ่งผ่านแถวนั้นแหละครับ พอดีว่ารถคันที่สองจะไปทางสนามบินอยู่พอดี ผมเลยขอติดรถเขาไปด้วย แต่ก็ไม่ลืมให้สินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เป็นการตอบแทน ตอนแรกเขาก็ไม่รับหรอก เพราะว่าเป็นทางที่เขามาพอดี แต่ผมก็ยัดเยียดไปจนได้


เมื่อถึงสนามบินแล้ว ผมก็ตรงไปจองตั๋วล่วงหน้าที่เคาน์เตอร์ของสายการบินสีม่วง ที่นั่งก็เป็นบิสสิเนสนั่นล่ะ เพราะไม่อยากอึดอัดกับที่นั่งแคบๆ จัดการให้พนักงานของสายการบินรูดบัตรเรียบร้อยผมก็ต่อรถที่หน้าสนามบินออกมา เขาพาผมไปที่ประตูท่าแพ หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อถนนคนเดินตามคำแนะนำของคนขับรถรับจ้าง เพราะตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว


ตามทางที่เดินผ่านมีร้านขายของทั้งตั้งโต๊ะและวางกับพื้นแบ่งเป็นสี่แถว แต่แบ่งเป็นสองบล็อก โดยที่สองแถวกลางหันหลังชนกัน ถนนกว้างเลยเหลือเล็กลง คนที่มาเดินซื้อของมีทั้งพวกฝรั่งแล้วก็คนไทยที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือแม้แต่คนในพื้นที่


ผมใช้เวลาในการเดินค่อนข้างนานครับ ถนนเส้นนี้ก็ยาวจนผมยังไม่เห็นว่ามันสุดที่ไหน แต่ก็แวะดูตามร้านขายของเรื่อยๆ เพราะบางอย่างผมก็ไม่เคยเห็น เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอเด็กใส่ชุดไทยนั่งสีซ้ออยู่คนเดียว ข้างๆ มีกล่องรับบริจาคอยู่ ผมจึงเดินไปหย่อนแบงก์ร้อยใส่ในกล่องให้


มันไม่ใช่จำนวนเงินที่เยอะจนผมต้องรู้สึกเสียดาย เพราะผมมองว่าน้องเขาใฝ่ดี มีความสามารถ ทั้งที่อายุน่าจะประมาณแค่สิบขวบ มันดูน่าชื่นชมกว่าเด็กที่วันๆ ทำได้แค่นั่งเล่นเกม และอีกอย่างบางวันผมใช้เงินเป็นพันเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นถ้าเงินผมช่วยคนอื่นได้ มันก็น่าจะดีกว่าไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมั่วซั้ว


มองเห็นชีวิตคนในถนนสายนี้แล้วผมรู้สึกว่าชีวิตของผมต่างกับคนเหล่านี้มาก ผมไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนหรือต้องลำบากมานั่งขายของก็มีเงินใช้ตามสบายอย่างไม่ต้องเสียดายว่าจะควักหรือรูดไปเท่าไหร่ หนำซ้ำพื้นเพการใช้ชีวิตของคนที่นี่ก็แตกต่าง ที่นี่อยู่กันอย่างสบายๆ ไม่แก่งแย่งกันเกินไป หรือใช้ชีวิตฟู่ฟ่าเกินกว่าจำเป็น ไม่เหมือนสังคมของกรุงเทพ


ผมดูของที่ขายกันสองข้างฝั่ง เพราะคิดว่าค่อยเดินย้อนกลับไปดูอีกฟากนึง ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากแค่ไหนเหมือนกัน แต่ก็อยากดูให้ทั่วๆ เผื่อจะซื้อของไปฝากป๊ากับพวกเพื่อนๆ ด้วย ซึ่งก็มีของที่สะดุดตาของผมหลายอย่าง แต่ผมเลือกหน้ากากไม้ที่หน้าตาแปลกๆ ไปฝากเพื่อนครับ ซื้อสี่อันเลย เผื่อผมด้วย เอาไว้เล่นแปลงร่างกัน ฮ่าๆ บางทีพวกผมก็ปัญญาอ่อนไปหน่อยครับ ส่วนของป๊ากับพี่กล้วยก็มีหลายอย่างครับ ผ่านร้านใหม่เห็นว่ามันเหมาะจะให้ป๊ากับพี่กล้วยก็ซื้อไป ตอนนี้ของเลยเริ่มเต็มมือผมแล้ว


ดูนาฬิกาข้อมืออีกที ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้ว ผมเดินนานมาก ประมาณชั่วโมงนึงได้ แต่ผมก็เดินย้อนกลับมาอีกฟากนึงแล้วโทรหาที เผื่อเธออยากได้ ก็ลำบากนิดหน่อยกว่าจะหยิบโทรศัพท์ออกมาได้ก็เหอะ แต่จะไม่โทรไปถามสักหน่อยก็คงไม่ดี แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกดีกับเธอกว่าตอนที่มาเจอกันที่คุ้มวันแรก เพราะทีไม่ได้เรียกร้องให้ผมสนใจหรือแสดงออกว่าเธอยังชอบผมอยู่ ถึงจะรู้สึกได้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน ผมเลยสบายใจที่จะคบหากับเธอแบบเพื่อน ส่วนเรื่องเบอร์โทร ผมแลกกับเธอตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว เผื่อไว้เวลาฉุกเฉิน


[อยู่ไหนแล้วคะ]


เธอถามเป็นประโยคแรกหลังจากรับสาย ส่วนเรื่องพูดเพราะ มีหางเสียนี่ก็แล้วแต่อารมณ์เธอครับ ผมเองก็เหมือนกัน


“ท่าแพ”


[ถนนคนเดินเหรอ]


“ครับ ทีจะเอาอะไรหรือเปล่า”


[ทีฝากซื้อโยเกิร์ตปั่นใส่สตรอเบอร์รี่หน่อยสิ ไม่แน่ใจว่าตอนนี้กี่บาทเหมือนกัน]



ผมเข้าใจสิ่งที่ทีพูดครับ เพราะว่าเธอบอกผมแล้วว่าตอนนี้ไม่ใช่หน้าสตรอเบอร์รี่ อาจจะหาซื้อยาก ไม่ก็มีราคาแพงกว่าช่วงปลายปี และที่เธอฝากผมซื้อ คงเพราะไม่อยากรบกวนแม่ครัวของคุ้มให้ทำให้เธอ


“ได้ครับ เอาอย่างอื่นอีกหรือเปล่า”


[ไม่เอาแล้วล่ะ แล้วนี่ใกล้เสร็จหรือยัง]


“น่าจะอีกประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า เราเดินไปเรื่อยๆ คนมันเยอะ”


[ก็งี้แหละ ว่าแต่ยีนจะกลับยังไงล่ะ ของเยอะหรือเปล่า]


“ของไม่เยอะมากหรอก ถือไหว เดี๋ยวเราคงจ้างรถไปส่งที่คุ้ม”


[มันก็ไกลอยู่นะ จ้างรถแพงด้วย ทีว่าให้พี่ภูไปรับดีกว่านะ]


ชื่อที่ถูกเสนอให้มารับ ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ และไม่อยากให้ทีทำอย่างนั้นด้วย ผมไม่อยากเจอมัน ไม่อยากอยู่ใกล้มัน มันคงไม่ผิดใช่มั้ยถ้าผมจะกลัวเจ็บอีก เพราะผมรู้ว่าตอนนี้ผมตัดความรู้สึกที่มีต่อไอ้พี่ชมพูไม่ขาด แล้วมันก็มีแต่จะทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่


“ไม่ต้องหรอก รบกวนเปล่าๆ เราจ้างรถได้”


[ห้ามปฏิเสธสิ ให้พี่ภูไปรับแหละดีแล้ว ทีเป็นห่วงนะถ้ายีนจะกลับมาคนเดียว ให้พี่ภูไปรับนะคะ]


ท้ายประโยคเธอพูดเสียงอ่อนเสียงหวานจนผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างลำบากใจ แต่ก็คงขัดเธอไม่ได้ เลยต้องยอมตามใจเธออย่างช่วยไม่ได้


“โอเคครับ”


[งั้นทีให้พี่ภูไปรอที่หน้าประตูนะ ยีนออกทางด้านหน้าใช่มั้ย]


“ครับ”


[โอเคค่ะ งั้นทีไปบอกพี่ภูก่อนนะ]


“ครับ บาย”


ผมวางสายจากทีไป แล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ ก่อนจะปลงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และเดินต่อไป ดูของตามทางเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่ทำกับอีกฟาก แต่จุดหมายสำคัญเลยก็คือของที่ทีฝากซื้อ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะละลายก่อนไปถึงคุ้มหรือเปล่า แต่คิดว่าถ้าซื้อแล้วรีบกลับทันที มันอาจจะละลายไม่เยอะ


ร้านขายโยเกิร์ตปั่นอยู่ช่วงหน้าด้านหน้าๆ ของถนน ผมเลยเบาใจไปได้หน่อยว่ามันคงจะไม่เหลวจนเป็นน้ำก่อนถึงมือที คนขายกำลังทำให้กลุ่มผู้หญิงที่มาก่อน ผมเลยต้องต่อคิวสาวๆ พวกนั้นอีกที


“ใส่สตรอเบอร์รี่แก้วนึงครับ”


เพราะเห็นจากแก้วที่เขาทำแล้ววางไว้บนโต๊ะเป็นตัวอย่าง ผมเลยสั่งตามที่เห็น แต่พอผมสั่งเท่านั้นล่ะ ผู้หญิงสี่คนที่มาซื้อก่อนก็หันมาทางผมกันหมด ผมเห็นผู้หญิงคนนึงกระตุกแขนเพื่อนเหมือนจะกระซิบกระซาบอะไรกัน


“มาจากกรุงเทพเหรอคะ”


ผู้หญิงคนนึงถาม ใช้ภาษากลาง แต่น้ำเสียงฟังเนิบๆ หน่อยตามสำเนียงของคนทางเหนือ ไม่เหมือนทีกับพ่อแม่ของเธอที่พูดภาษากลางชัด แต่คงไม่แปลก เพราะทีบอกผมว่าครอบครัวของเธออยู่กรุงเทพจนไอ้พี่ชมพูเข้ามหา’ลัย ถึงได้ย้ายมาอยู่ที่คุ้มชมจันทร์


“ครับ”


“คนกรุงเทพนี่หล่อจังเลยนะคะ”


อีกคนพูดขึ้นมาบ้าง เธอมองผมตาเยิ้มเลยครับ ผมไม่ได้คิดไปเอง เลยยิ้มๆ ให้เธอไป แต่ไม่ได้สานสัมพันธ์อะไรมากไปกว่านั้น ทั้งที่ถ้าเมื่อก่อนผมคงจะเล่นด้วยไปแล้ว แต่ตอนนี้.. ไม่รู้ดิ ผมเบื่อๆ ไม่อยากยุ่งกับใคร เรียกง่ายๆ คือไม่มีอารมณ์จะไปเล่นเกมตกเบ็ดกับใคร


“แล้วมาคนเดียวเหรอคะ”


“ครับ”


พวกเธอเริ่มทำงานกันเป็นทีม ผลัดกันถามทีละคน ผมก็ตอบไป แต่เป็นแบบตัดบทมากกว่า ทว่าพวกเธอก็ยังไม่ยอมหยุด



“ถ้าไม่มีเพื่อนเดิน เดินกับพวกเราก็ได้นะคะ หรืออยากไปไหน ก็บอกได้ พวกเราจะเป็นไกด์ให้”


“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินทั่วแล้ว จะกลับกรุงเทพพรุ่งนี้ด้วย ขอบคุณนะครับสำหรับความหวังดี”


ผมติดยิ้มจางๆ ให้ ก่อนจะหันไปถามคนขายว่าของที่ผมสั่งได้หรือยัง เขาก็บอกว่าทำเสร็จพอดีแล้วยื่นแก้วให้ ผมจ่ายเงินเสร็จก็รีบเดินไปทันที


ดีว่าพวกหล่อนๆ ทั้งหลายไม่ได้ตามผมมาด้วย ผมเลยเดินออกไปด้านนอกได้สบายตัวหน่อย เพราะใกล้ทางออกคนไม่แออัดแล้ว และหลังจากเดินออกมาด้านนอกได้ ผมก็เจอคนที่ทีบอกว่าจะให้มารับยืนรออยู่แถวหน้าประตูก่อนแล้ว พอมันเห็นผม มันก็เดินเข้ามาหาผมทั้งที่ผมนึกว่าไอ้หมียักษ์จะยืนอยู่เฉยๆ


“กูช่วยถือ”


ผมรู้สึกใจกระตุกไปครั้งนึง หลังจากได้ยินมันพูดแบบนั้น เพราะเหนือความคาดหมาย ผมไม่คิดว่ามันจะถาม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ทำเฉยเมย เพราะคิดว่ามันคงเป็นการถามตามมารยาทมากกว่า


“ไม่เป็นไรครับ ไม่รบกวนพี่ดีกว่าครับ ผมถือไหวครับ”


ผมตอบมันอย่างสุภาพ แล้วยังใส่หางเสียงทุกประโยค ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกหรือเปล่า แต่ผมคงทำได้แค่นี้ ทำให้เหมือนมันเป็นแค่รุ่นพี่คนหนึ่ง แบบพี่เจ๋ง พี่ต้น พี่ปาล์ม เพราะสถานะของผมในตอนนี้ก็ไม่ไกลจากคำนั้นสักเท่าไหร่ ไม่เหลือคำว่าแฟนอยู่อีกแล้วสำหรับมันกับผม


คิดแล้วก็รู้สึกสมเพชตัวเองที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าผมจะต้องมาสิ้นท่าเพราะความรักบ้าๆ นี่ แต่มันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากจะทำให้วันต่อไปผมไม่ต้องมาเสียใจกับเรื่องเดิมๆ อีก


“ถือพะรุงพะรังทั้งที่มือยังเจ็บอยู่งั้นเหรอ”


ผมชะงักไปนิดนึงเพราะลืมไปว่าแผลที่มือของผมยังไม่หายดี ถึงตอนนี้จะไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วก็ตาม แต่มันก็ขยับมือลำบากอยู่เหมือนกัน ถึงจะใช้มือไม่สะดวก ผมก็ยังยืนยันที่จะถือของเอง ทว่าไอ้พี่ชมพูไม่ยอม มันคว้าถุงในมือผมไปถือเอาไว้เองแล้วยังมีหน้ามาถาม


“แก้วนั่นของใคร”


“ทีฝากซื้อครับ”


“กินไปให้หมด”


“มันเป็นของทีครับ”


“กว่าจะถึงคุ้มก็ละลายหมด ไม่อร่อยแล้ว เพราะงั้นมึงกินไปให้หมด”


ไอ้พี่ชมพูพูดเหมือนสั่ง ผมเลยตัดปัญหาด้วยการตักโยเกิร์ตที่มีสตรอเบอร์รี่หั่นครึ่งอยู่สี่ซีกกินให้หมด ส่วนมันก็เดินถือถุงหลายถุงนำไปทางรถที่จอดห่างจากตรงนี้ เพราะไม่มีที่จอด ผมเองก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับมัน เพราะผมกับมันคงเถียงกันไม่จบ





















ในรถมีแต่ความเงียบ ไม่มีเสียงพูดคุยกันเหมือนทุกที เพราะถ้าไม่ใช่ผมพูดขึ้นมา ไอ้พี่ชมพูก็ต้องหาเรื่องชวนผมคุย หรืออย่างน้อยที่สุดก็เปิดเพลงฟัง แต่ในตอนนี้ ทั้งที่เป็นรถคันเดิมที่ผมเคยนั่งอยู่ตรงนี้ มันกลับทำให้รู้สึกอึดอัดได้มากจนผมอยากลงจากรถ อยากหายไปจากรถคันนี้


ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเดียว ไม่หันกลับไปมองอีกคนเลยสักครั้ง ผมไม่รู้หรอกว่ามันมองมาทางผมบ้างหรือเปล่า ผมไม่สนใจ ...พยายามจะไม่สนใจ แต่เสียงของมันกลับดังขึ้นมาทั้งที่ผมกำลังพยายามอยู่แท้ๆ


“ทีพาไปเที่ยวที่ไหนมั่ง”


“หลายที่ครับ”


ผมตอบรวบ เพราะไม่อยากพูดอะไรมาก ซึ่งมันก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม ระหว่างเราจึงกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ผมทนอึดอัดอยู่อย่างนั้นจนถึงบ้านของมันที่เรียกกันว่าเรือนใหญ่ แต่พอไอ้พี่ชมพูลงจากรถแล้ว มันก็เปิดประตูของที่นั่งเบาะหลังไปหยิบถุงของฝากที่มันเป็นคนเอาไปวางไว้ออกมา ผมจึงรีบไปดักหน้ามันเอาไว้


“พี่ภูครับ ให้ผมถือเองนะครับ”


ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมเห็นว่าพี่ชมพูมันชะงักไปนิดนึง แล้วแววตาของมันก็เปลี่ยนไปด้วยกับชื่อที่ผมเรียก แต่มันก็เพียงแค่แป๊บเดียว จนผมแน่ใจว่าถ้าผมไม่ได้จ้องหน้ามัน ผมคงไม่สังเกตเห็น


“กูถือให้เอง”


ผมรู้สึกเหมือนเสียงของมันห้วนกว่าเดิม ยังไงไม่รู้ว่ะ หน้ามันก็ดูขึงๆ ตึงๆ กว่าเดิมด้วย หรือว่ามันจะโกรธ แต่มันจะโกรธทำเหี้ยอะไร ไม่ได้สนใจผมอยู่แล้วนี่


“ผมไม่อยากให้พี่ต้องลำบากครับ”


“ถ้าแค่นี้กูลำบาก กูก็ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรแล้ว”


คราวนี้เสียงของมันเหมือนตะคอกมากกว่าพูด พอมันตะคอกเสร็จ ก็รวบถุงไปอยู่มือเดียว แล้วใช้มือที่ว่างมาจับมือผมแล้วลากเข้าบ้านเลย เฮ้ย อะไรของแม่งวะ!


บอกได้เลยว่าตอนนี้ผมงงกับไอ้เหี้ยพี่ชมพูมากว่ามันจะเอายังไงกันแน่ เดี๋ยวแม่งก็เฉยใส่ ทำไม่สนใจ แล้วตอนนี้เป็นห่าอะไรของมันอีก กูตามมึงไม่ทันแล้วนะเว้ย!!


เข้ามาในบ้าน ทีก็ปรี่เข้ามาหาผมเลย เธอมองผมกับไอ้พี่ชมพูจนทั่วตัวแล้วผมก็เดาได้ไม่ยากว่าเธอกำลังหาอะไร พลอยให้ผมรู้สึกเสียใจที่ทำให้เธอผิดหวัง ทั้งที่ผมไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่ไอ้พี่ชมพูมันบังคับผม


“เรากินไปหมดแล้ว”


ทีมองผมอย่างงงๆ ว่าทำไมผมกินของที่เธอสั่งไป ตากลมจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเบนสายตาไปทางที่ต่ำลง แล้วนั่นก็ทำให้ผมนึกได้ว่าไอ้พี่ชมพูยังจับมือผมอยู่ ผมเลยรีบดึงมือออก ยังดีที่มันไม่ยึดมือของผมจนไม่ยอมปล่อย ไม่งั้นผมต้องตอบคำถามของทียาวแน่


“เอ่อ.. เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บในห้องก่อนนะ”


ผมบอกเธอแค่นั้นแล้วฉวยถุงทั้งหมดจากมือใหญ่ ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปเลย เพราะครั้งสุดท้ายที่มองที ผมเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ซึ่งผมไม่อยากตอบ เพราะงั้นพอเก็บของในห้องแล้ว ผมก็ออกไปนั่งที่ชานเรือน หรือเรียกอย่างเป็นทางการหน่อยก็คือเฉลียง เหมือนอย่างคืนวันแรกๆ เพราะคิดว่าทีคงไปหาผมที่ห้อง


อากาศเย็นๆ ตอนกลางคืนทำให้ความคิดของผมย้อนวนกลับไปกลับมากับเรื่องเดิมๆ ทั้งที่ผมไม่อยากจะคิดถึงมันอีกแล้ว ไม่อยากจำความรู้สึกของการถูกเฉยเมยและปฏิเสธอย่างวันนั้น


“งี่เง่าอีกแล้วกู”


บ่นกับตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา ผมเอนตัวลงบนพื้นไม้ มองท้องฟ้าดำมืดที่มีแสงดาวดวงเล็กๆ กระจายอยู่ ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร หรือควรรู้สึกยังไงต่อไป เหมือนตอนนี้ลอยเคว้งอยู่ในความมืดที่ไม่รู้ทางออก มองไม่เห็นแสงสว่าง สุดท้ายเสียงถอนหายใจของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันไม่ได้ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย


เขาว่ากันว่า ถอนหายใจครั้งนึง อายุสั้นลงหนึ่งปี ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมอาจจะตายพรุ่งนี้ก็ได้ เพราะช่วงนี้ผมถอนหายใจบ่อยฉิบหาย ผมหลับตาลง พยายามจะปล่อยวางสิ่งที่กำลังรุมเร้าในใจตอนนี้ แต่ระหว่างที่ผมพยายามจะทิ้งตัวลงในความดำมืดนั้น เสียงหนึ่งกับดังขึ้นข้างๆ


“กลุ้มใจอะไรเหรอ”


หันไปทางต้นเสียง ก็เห็นว่าทีมานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ แล้ว ผมสบตาเธอก่อนจะพูดขึ้นมาคนละเรื่องกับสิ่งที่เธอถาม


“เราขอโทษที่เรากินของที่ทีฝากซื้อ พี่ภูบอกว่ามันละลายแล้ว ให้กินไปเลยน่ะ”


จากนั้นผมก็หันหน้ากลับมาทางเดิม มองท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่อยากจ้องตากับเธอมาก เพราะกลัวว่าทีจะมองเห็นความลับที่อยู่ข้างในว่าผมกำลังเป็นอย่างที่เธอสงสัย


“ไม่เป็นไร ทีก็ลืมไปว่ามันจะละลาย แล้วอร่อยมั้ยล่ะ”


“อร่อยครับ เราเคยเห็นที่กรุงเทพเหมือนกัน แต่ว่ายังไม่เคยซื้อกินสักที”


ผมหันไปยิ้มให้เธอนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปทางเดิมอีกรอบ แต่ผมก็ต้องพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หันไปทางทีอีกครั้งกับคำถามต่อมา


“แล้วจะบอกทีได้หรือเปล่าว่ายีนกลุ้มใจเรื่องอะไร”


“ไม่มีอะไรสักหน่อย”


“แต่ท่าทางของยีนดูเป็นอย่างนั้น”


“ทีคิดไปเองน่ะสิ”


ตอบอย่างนั้นไป ผมก็แกล้งทำเป็นหัวเราะเหมือนขำที่เธอเข้าใจผิด แต่ทีก็ยังไล่ต้อนผม


“เรื่องพี่ภูเหรอ”


คำถามนั้นเล่นเอาผมเกือบสะดุ้ง ต้องบังคับตัวเองให้มากที่สุด ไม่ให้แสดงอาการอะไรออกไป และไม่ยอมหันไปทางที ทั้งที่รู้ว่าตอนนี้สายตาของเธอกำลังจดจ้องผม


“ที่วันนั้นยีนบอกทีว่ายีนมีแฟนแล้ว และก็รักมากด้วย คนนั้นคือพี่ภูใช่มั้ย”


“...”


ผมเงียบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอรู้ได้ยังไง เพราะตั้งแต่มาที่นี่ผมกับไอ้พี่ชมพูดคุยหรืออยู่ด้วยกันน้อยมาก หรือว่าจะเป็นเพราะเมื่อกี้ที่กลับมาบ้านมันจับมือผม แต่ก็ไม่น่าจะชัดเจนจนทีคิดว่าผมกับมันเป็นแฟนกันได้


“จะไม่ตอบทีเหรอ”


“ทีเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”


“ทีเข้าใจไม่ผิดหรอก ทีแน่ใจว่าพี่ภูกับยีนเป็นแฟนกัน”


ผมหันไปมองเธอและหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างขบขัน ซึ่งมันก็แค่ฉากบังหน้าที่ผมทำขึ้นมาเท่านั้น


“เรากับพี่ภูเนี่ยเหรอจะเป็นแฟนกัน เป็นไปไม่ได้หรอก ตลกแล้ว”


“อย่าโกหกสิ”


“เราไม่ได้โกหก”


ผมยังคงปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ ต่อให้จะเป็นยังไง ทีจะรู้หรือไม่รู้ความจริง และผมจะยอมรับหรือไม่ มันก็ไม่มีผลต่อความรู้สึกของไอ้พี่ชมพูที่ถดถอย และความเจ็บปวดของผมที่เกิดขึ้นโดยไม่ลดลง


“งั้นยีนจะอธิบายยังกับการที่พี่ภูร้องไห้วันนั้น”


ผมโคตรตกใจกับคำพูดนั้นของที อยากจะหันไปถามให้รู้ว่าทีพูดถึงเรื่องอะไร ไอ้พี่ชมพูนี่นะร้องไห้ ร้องเมื่อไหร่ ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมยังไม่เห็นน้ำตามันสักหยด มีแต่ผมที่ร้องไห้เพราะมัน คิดแล้วก็อดสมเพชตัวเองซ้ำอีกไม่ได้ ถ้าร้องเพราะเขายังรัก ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ร้องเพราะเขาหมดรัก มันน่าสังเวชจริงๆ แล้วกูก็เสือกเป็นคนที่น่าสังเวชคนนั้น สัด!


“ตอนยีนไม่สบาย ทีเห็นพี่ภูกอดยีน แล้วก็พร่ำพูดแต่ขอโทษซ้ำไปซ้ำมา แล้วตอนนั้นพี่ภูก็ร้องไห้ออกมาด้วย”


เสียงของทีเบาลง ดูเหมือนคนสลด แต่ผมกลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น ทั้งที่บอกตัวเองว่าอย่าเชื่อคำพูดนั้น แต่ทีไม่ได้พูดแค่นั้น


“ปกติพี่ภูไม่ใช่คนที่ร้องไห้ง่ายๆ ขนาดตอนเด็กๆ โดนตียังไม่ร้องเลย แล้วยิ่งโตมา ทีไม่เคยเห็นพี่ภูร้องไห้สักครั้ง แล้วยีนคิดว่าคนที่ทำให้พี่ภูร้องไห้ได้เพียงเพราะเห็นว่าเขาบาดเจ็บไม่สบาย คือคนที่สำคัญสำหรับพี่ภูแค่ไหน”


ผมพูดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่าสีหน้าของผมกำลังเป็นแบบไหนด้วยซ้ำ ทีถึงได้ทำหน้าเหมือนสงสารผมขนาดนั้น ทั้งที่ผมพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจ ทำเหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่พี่ชมพูจะขอโทษแล้วร้องไห้ในวันนั้น แต่ใจของผมสิ เสือกไม่แข็งเหมือนความคิด เลยต้องใช้ความพยายามมากขึ้น


“ทีขอร้องล่ะนะ คืนดีกันนะ”


ทีจับมือผมเอาไว้ เหมือนจะบอกให้ผมรู้ว่าเธอจริงใจมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังหาทางเลี่ยง


“ทีไม่ได้ชอบเราแล้วหรือไง ถึงจะยัดเยียดเราให้พี่ชายของที”


“ทียังชอบยีนอยู่ แต่มันไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว ทีอยากเห็นคนที่รักกันมีความสุขมากกว่า”


“เรากับพี่ภูไม่ได้เป็นคนรักกัน”


“อย่าโกหกแล้วทำปากแข็งสิ ทีมองออก”


“...”


“ยีน...”


ในเมื่อเธอยังไม่ลดละที่จะพูดแบบนั้น ผมเลยเงียบแทน แต่ทีก็เรียกผมเสียงอ่อน เหมือนกับจะใช้เสียงนั้นทำให้ผมยอมรับในสิ่งที่เธอพูด ผมจึงลุกขึ้นยืน และหันไปบอกเธอที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมอย่างอ่อนใจ


“คนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เรา”


บอกแค่นั้นแล้วผมก็เดินเข้าไปด้านในเรือน แต่เดินไม่กี่ก้าวก็โดนทีรวบตัวกอดจากด้านหลัง แล้วผมก็รับรู้ได้ถึงความยินดีของเธอ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงดีใจนักหนา


“ขอบคุณที่ยอมพูดความจริงสักทีนะ”


“...”


ผมเงียบเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ดึงเธอออก และเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยผมเหมือนกัน


“ทีมีเรื่องอยากถามอีกเรื่องนึง”


“เรื่องอะไร”


คราวนี้ผมตอบ เพราะคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องเดิมแล้ว ในเมื่อเธอได้คำตอบจากผมไปแล้ว ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด


“เรื่องเมื่อวันนั้น...ของเรา”











อ่านต่อด้านล่าง

v


v


ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากข้างบน

v


v













หลังจากคุยกับทีเสร็จ ผมก็เข้าไปบอกพ่อกับแม่ของเธอว่าผมจะกลับพรุ่งนี้แล้ว พวกท่านก็ชวนให้ผมอยู่ต่อ เพราะยังไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะอาผู้ชายที่ต้องไปทำงานทุกวัน และส่วนมากทีจะพาผมไปข้างนอก แต่ผมก็บอกท่านว่าถึงวันที่ผมต้องกลับตามกำหนดแล้ว ท่านทั้งสองจึงไม่ได้ว่าอะไร


เพราะงั้นเช้ามาผมถึงมานั่งจัดกระเป๋า เพื่อเตรียมออกไปสนามบินหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เพราะผมจองไฟล์ทบินตอนเที่ยงไว้ ผมลากกระเป๋าออกมาวางที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินกลับเข้าไปกินข้าวเช้ารวมกับครอบครัวบริวัตรสหการเป็นครั้งสุดท้าย


“ยีนจะกลับวันนี้จริงๆ เหรอ”


ทีพูดขึ้นตอนที่พวกเรากำลังกินข้าวกับอยู่ แล้วไอ้พี่ชมพูก็อยู่ด้วย มันหันมามองหน้าผมเหมือนจะตกใจ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้งครับ เพราะผมไม่ได้บอกมันว่าผมจะกลับกรุงเทพวันนี้ แต่ตามจริงผมกับมันคุยกันแล้วว่าจะกลับกันวันไหนตั้งแต่ก่อนมาเชียงใหม่ เพียงแค่ตอนนี้ผมอยากกลับเร็วขึ้นหนึ่งวันเพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะอยู่ต่อไป ผมทำเป็นไม่สนใจมัน เหมือนไม่เห็นสายตาของมันที่จ้องมาที่ผม


“ครับ เราบอกป๊าว่ามาแค่อาทิตย์เดียว”


“แล้วยีนไม่อยากอยู่ต่ออีกสักหน่อยหรือ อีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม”


หลายวันของแม่ไอ้พี่ชมพู ก็แค่อาทิตย์เดียวเองแหละครับ


“ขอโทษคุณอาทั้งสองด้วยนะครับที่ผมไม่ได้แจ้งล่วงหน้าให้ทราบก่อน”


“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่ก็ได้”


“ครับ”


“แล้วไม่กลับพร้อมภูเหรอ” เจ้าของคุ้มโดยชอบธรรมเป็นฝ่ายถามบ้าง ผมเลยหันไปมองไอ้พี่ชมพู มันก็ค้างมือที่ตักข้าวเอาไว้ แต่ไม่คิดจะตอบหรอกครับ คำตอบจึงเป็นของผมแทน


“ครับ พี่ภูเขาอยากอยู่ช่วยงานคุณอาก่อนครับ”


ไม่มีการปรึกษาหารือขอความเห็นจากคนที่ถูกถามถึงหรอกครับ เพราะมันไม่จำเป็น ผมรู้ว่ายังไงไอ้พี่ชมพูก็ไม่กลับพร้อมผมอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ผมคงไม่ได้เป็นอะไรกับมันแล้ว ผมกลับกรุงเทพอย่างไร้พันธะ ไม่มีคำว่าแฟน ระหว่างผมกับมันอีก


“อย่างนั้นหรือ แล้วมีใครรอรับที่กรุงเทพหรือเปล่า”


“ครับ ผมโทรให้เพื่อนมารับ”


“อืม... ตอนไปสนามบินภูก็ไปส่งน้องด้วยแล้วกัน ยังไม่ต้องเข้าไปทำงาน เพราะทีคงขับรถไม่ไหว ให้พี่ภูไปส่งนะลูก”


หลังจากสั่งการลูกชายของตัวเองแล้ว พ่อของไอ้พี่ชมพูก็บอกผม แล้วผมจะตอบอะไรได้ นอกจากรับคำ ทุกคนจึงยิ้มให้ผม ยกเว้นก็แต่คนเดียว กระทั่งกินข้าวเสร็จ ก็ไปรวมกันที่ห้องนั่งเล่น แต่ยังไม่ทันที่ผมจะนั่งลง อาผู้ชายก็เรียกผมไว้


“ยีนมานั่งตรงนี้ลูก”


แปลกดีเหมือนกัน เวลาพ่อของไอ้พี่ชมพูคุยกับผมมักจะลงท้ายด้วยคำว่าลูก แต่ตอนนี้ผมสงสัยว่าท่านเรียกผมไปตรงตรงหน้าท่านทำไมมากกว่า พอหันไปหาที ทีก็กลั้วหัวเราะบอก


“พ่อจะเล่นของน่ะยีน”


เพราะบอกอย่างนั้น ทีเลยโทรแม่ตีนที่แขนเบาๆ ผมจึงเดินไปนั่งตรงพื้นหน้าอาผู้ชายตาม


“ให้ผมทำอะไรเหรอครับอา”


“พ่อเขาจะอวยพรให้ลูกจ้ะ”


เป็นฝั่งแม่ที่เฉลยคำตอบ แต่ผมก็ยังงงๆ อยู่ดี จนพ่อไอ้พี่ชมพูบอกให้ผมพนมมือ ผมก็พนมมือตามที่บอก จากนั้นอาผู้หญิงก็หยิบพานที่มีสายสิญจน์ม้วนใหญ่จากบนโต๊ะหน้าทีวีมาให้อาผู้ชาย อาผู้ชายก็ดึงให้เส้นขาวๆ นั่นขาดจากกัน


สายสิญจน์ความยาวพอประมาณถูกมัดปลายเข้าด้วยกัน ก่อนจะถูกนำมาวางบนหัวของผม คราวนี้ผมยิ่งงงนานกว่าเดิมเสียอีก แต่ทุกคนกลับนั่งเงียบ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย อาสวดอะไรไม่รู้ ผมฟังแล้วจับความไม่ได้ เหมือนเป็นบทสวดอะไรสักอย่างอยู่พักนึง ก่อนจะพูดกับผม


“พ่อขอให้ยีนปราศจากโรคภัย สิ่งเลวร้ายไม่กร้ำกราย สุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสุขความเจริญ และเดินทางอย่างปลอดภัย”


พ่อของไอ้พี่ชมพูอวยพรให้ผมพร้อมกับเอามือสองข้างลูบหัวของผม ลูบหลายครั้งซ้ำกันระหว่างที่อวยพรไปด้วย และเมื่อจบประโยค ท่านก็เอาสายสิญจน์ผมหัวของผมออก


รู้สึกแปลกๆ หน่อยแฮะ เพราะผมไม่เคยเจอแบบนี้ แล้วก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเอาสายสิญจน์มาวางบนหัว


“พ่อเขาเป็นพวกธรรมะธรรมโมน่ะจ้ะ ถือศีลนั่งสมาธิอยู่ตลอด เลยอยากแบ่งผลบุญให้ลูกบ้าง ภูกับทีจะไปไหนไกลๆ หรือพวกเพื่อนๆ ของทั้งสองคนจะลากลับบ้าน พ่อก็จะอวยพรให้ทั้งนั้น ไม่ต้องแปลกใจไป”


อาผู้หญิงบอกผม สงสัยคงเห็นว่าผมงงๆ ล่ะมั้ง ทีก็ยิ้มให้ผมเหมือนจะช่วยให้ผมรู้สึกสบายใจ ผมเลยยิ้มให้เธอไป ก่อนจะก้มดูนาฬิกาข้อมือว่ากี่โมง ซึ่งตอนนี้ก็เกือบเก้าโมงแล้ว ถึงเวลาที่ผมคิดว่าน่าจะไปสนามบิน เพราะยังไม่อยากมีประสบการณ์ตกเครื่อง อีกอย่าง กว่าจะขับรถไปถึงสนามบิน ก็กินเวลาไม่น้อย ไปถึงน่าจะพอดีกับเวลาเช็คอิน ผมจึงล่ำลาทุกคน ยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วหันไปยิ้มให้ที เธอก็ยิ้มให้ผม


“โชคดีนะ แล้วกลับมาเยี่ยมกันบ้าง”


“อืม แล้วเจอกันใหม่”


ผมตอบทั้งที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหรือเปล่า เพราะผมกับลูกชายเจ้าของบ้านต่อจากนี้คงได้เดินคนละทางกันแล้ว


หลังจากบอกลากันเสร็จ ผมก็ลากกระเป๋าแล้วเดินออกจากคุ้ม ไม่มีอารมณ์จะทำเหมือนตัวเองเพิ่งออกมาจากบ้านเอเอฟครับ พอลงจากเรือนและพ้นสายตาของคนอื่นๆ แล้ว ผมก็หันไปเปิดบทสนทนากับคนที่เดินตามหลังมาเพราะมันมีหน้าที่ไปส่งผมที่สนามบิน


“พี่ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ ผมไปได้ครับ ลำบากจะพี่เปล่าๆ ครับ”


ผมยังคงใช้คำพูดเหมือนเมื่อวาน ลงท้ายประโยคด้วยคำว่าครับทุกครั้ง ทั้งที่บางทีมันไม่จำเป็นต้องใช้ แต่สิ่งที่แปลกไปอย่างที่ผมไม่เข้าใจคือไอ้ตัวยักษ์ดึงกระเป๋าเดินทางของผมไป


“พี่ภูครับ”


“เลิกพูดแบบนั้นกับกูสักที”


มันโวยใส่ผม แต่เสียงไม่ได้ดังมาก คงกลัวว่าคนในเรือนจะแห่ออกมาดูกันมั้ง


“เอากระเป๋าผมคืนมาเถอะครับ ผมจะกลับแล้วครับ”


“กูไม่ให้มึงกลับ”


“พี่ภูครับ ผมต้องกลับครับ ถ้าโชคดี เราคงเจอกันที่มหา’ลัยครับ”


ผมพยายามดึงกระเป๋าคืน แต่ว่ามันก็จับไว้แน่น เท่านั้นไม่พอ ยังเอาแขนอีกข้างมาโอบผมเข้าไปกระแทกอกของมันอย่างแรง ไอ้เหี้ย ทำอะไรวะ!


ถลึงตาใส่มันเลยครับ แต่มันทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อน จ้องหน้าผมเขม็งกว่า พูดช้าๆ ชัดๆ ทั้งที่ยังรัดตัวผมไว้แน่น


“กูไม่ให้กลับ”


“แต่ผมจะกลับครับ”


“มึงต้องกลับพร้อมกู”


“พี่จะให้ผมอยู่ที่นี่ต่อไปทำไมล่ะครับ หรือว่า...”


ผมหยุดเสียงไว้นิดนึง ไอ้พี่ชมพูก็จ้องผมมากไปกว่าเดิมซะอีก จนผมแน่ใจว่าถ้าตามันเป็นมีด หน้าของผมคงเละไปแล้ว เพราะงั้นผมเลยพูดต่อให้จบประโยค


“อยากให้ผมมาเป็นเขยของที่นี่ แม่ของพี่ยิ่งอยากได้ผมเป็นลูกเขยอยู่”


ประโยคนี้ผมตัดคำว่าครับออกแล้ว เพื่อความสะใจของตัวเอง แต่ดูเหมือนไอ้หมีควายนี่จะไม่สะใจไปกับผม เพราะหน้าของมันสลดลง ทีนี้ผมก็ได้ใจสิครับ ยิ้มหยันใส่มัน แล้วผลักตัวออกจากวงแขนของมัน แต่แทนที่ผมจะทำสำเร็จ ไอ้พี่ชมพูกลับปล่อยกระเป๋าเดินทางของผมที่มันยึดเอาไว้แล้วใช้แขนทั้งสองข้างรวบผมแล้วกอดแน่น ซุกหน้าเข้ากับซอกคอของผม เสียงทุ้มติดสั่นจนรู้สึกได้อย่างที่ผมไม่เคยได้ยินดังเบาๆ ของหู


“กูขอโทษ”




 



=====================
เริ่มจะคลี่คลาย (?)
ตอนหน้าเป็นตอนของพี่ภูค่ะ
พี่หมีควายจะว่ายังไงบ้างนะ


Undel2Sky








ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เมินใส่แล้วกลับกทม.เลย ยีน
ช่างหัวภูมัน -*-

ออฟไลน์ aiaea83

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 676
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +494/-5
โอยย ยังอึมครึมอยู่เลยอ่าา สงสารยีนส์ อยากรู้เหตุผลของพี่ชมพูไวๆ ว่าทำไมถึงทำกับน้องยีนส์ขนาดนี้

รอตอนต่อไปค่าาา

ปอลอ. จะว่าไปเราเป็นคนเชียงใหม่เพิ่งเห็นว่าเขาเอาสายสิญจ์วางบนหัว เพราะปกติจะผูกข้อมือเอา -..-

 :L2: :L2:

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
 :o12: :o12: :o12: ยีน เข้าใจพี่พูหน่อยนะลูก นั่นก็น้อง นี่ก็แฟน แง๊วววววว  หน่วง   :sad4:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
เซงอิตาภู แล้วจะพายีนส์มาบ้านเพื่อ

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
มันค้างง่ะ T__T


เค้าอยากอ่านต่อๆ :serius2:

เค้าอยากอ่านต่อๆ  :serius2:

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ขอตอบคนนี้นิดนึงนะคะ

โอยย ยังอึมครึมอยู่เลยอ่าา สงสารยีนส์ อยากรู้เหตุผลของพี่ชมพูไวๆ ว่าทำไมถึงทำกับน้องยีนส์ขนาดนี้

รอตอนต่อไปค่าาา

ปอลอ. จะว่าไปเราเป็นคนเชียงใหม่เพิ่งเห็นว่าเขาเอาสายสิญจ์วางบนหัว เพราะปกติจะผูกข้อมือเอา -..-

 :L2: :L2:

ปกติเขาก็ผูกข้อมือกันค่ะ แต่จะให้ยีนผูกข้อมือ มันก็ไม่ใช่แนวเขา
แบบดูท่าทางว่ายีนคงไม่ชอบถ้าจะใส่ไว้ พ่อก็เลยวางบนหัวให้เฉยๆ ค่ะ
เหมือนอย่างเวลางานแต่ง เขาก็จะวางบนหัว เพื่อเป็นสิริมงคล
อันนี้ก็เหมือนกัน เป็นกรณีที่ทำเพื่อสิริมงคล แทนที่จะใช้เพื่อคุ้มภัยค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2012 08:47:52 โดย undersky »

pimmae12

  • บุคคลทั่วไป
ขอสารภาพว่า กว่าจะอ่านตอนนี้จบใช้เวลาพอสมควร เพราะพอถึงจุดที่อึดอัดก็ทำใจอ่านต่อไม่ได้ กดปิดแล้วเปิดใหม่อยู่ประมาณ 3 รอบได้ 5555
สงสารน้องยีนมากๆแต่พออ่านถึงตอนพี่ภูร้องไห้แล้วก็ใจอ่อน เพราะสงสารพี่ภูเหมือนกัน(แอบเข้าข้างไปไหม555)
เอาเป็นว่าขอให้ตอนต่อไปทั้งสองคนรีบๆทำความเข้าใจกันสักทีนะ คือเวลาอ่านช่วงอึดอัดแล้วมันเจ็บปวดใจ  :sad4:
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ อัพบ่อยๆนะ คนอ่านติดตามอยู่  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
แอร้ยยยยยยยยยยยยย

จะค้างไปไหนค้าาา รีบมาต่อด่วนๆเลยไม่งั้นโกรธจริงๆน้าตัวเ้อง

ชอบให้ยีนส์เสน่ห์แรงอะ เนื่องจากหมันไส้พี่ภูเล็กน้อย แต่ไปๆมาๆก็แอบสงสาร แอบงงความคิดตัวเองอยู่ตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ Cupcake

  • @--##-หนูน้ำตาล-##--@
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
โอ้ยยย เศร้า อึดอัด

อยากอ่านต่อจังเลยยยยย

ออฟไลน์ ชะรอยน้อย

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 973
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
ค้างจังเลยยยย

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ยีนก็ใจแข็งเหมือนกันนะเนี่ย
ทั้งๆที่รักมากแต่ก็ยอมตัดใจอ่ะ
พี่ภูก็ทำอะไรให้มันชัดเจนหน่อยนะ สงสารยีน

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
ชอบแบบยีนส์อ่ะได้ใจมาก

kiizkziekiizk

  • บุคคลทั่วไป
อะไร อะไร อะไร บอกเหตุผลมาาาาว่ามันอะไรพี่ภู ~

รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
รีบคืนดีกันได้แล้วววววววววววววววววววววววว! ! !

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ใกล้แล้วใกล้จะเคลียแล้ว
ตอนหน้ามาไวๆน้า

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
ขอเหตุผลดีๆนะพี่ภู

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด