ต่อจากข้างบน
v
v
ควรจะเรียกว่าอะไรดี ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก หรือพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก? สถานการณ์ตอนนี้มันยังไงไม่รู้ว่ะ รู้แต่เหมือนจะมีเรื่องอีกแล้ว เรื่องที่ผมไม่ได้ก่อด้วยเหอะ แม่ง เซ็งโคตรๆ
ผมมองหน้าเด็กปีหนึ่งที่คราวนี้เป็นผู้หญิง กำลังมองผมด้วยหน้าเหยียดๆ เหมือนผมเป็นตัวโสโครกอะไรสักอย่าง เห็นแล้วรู้สึกอยากจะควักลูกตาออกมาให้ได้ซะจริงๆ ทั้งที่ปกติแล้วผมออกจะใจดีกับผู้หญิง แต่เด็กคนนี้ไม่ไหว ปากคอเราะร้าย
“ตุ๊ดก็อยู่ส่วนตุ๊ดสิ มายุ่งกับเรื่องหญิงชายทำไม”
“น้องพูดอะไรครับ พี่ไม่รู้เรื่องนะ อยู่ๆ มาพูดแบบนี้พี่จะเข้าใจได้ยังไงครับ แล้วพี่ก็ไม่ได้เป็นตุ๊ดนะครับ”
“อย่ามาตอแหล”
ผิดมั้ยครับถ้าผมจะอยากจับหัวยัยเด็กนี่กดน้ำให้ตายสักสองสามรอบ
“คำว่าตอแหลไม่เหมาะกับพี่หรอกครับ เพราะพี่ไม่เคยทำ ถ้าน้องจะหาคนแบบนั้น คงต้องไปหาที่อื่นแล้วล่ะครับ เพราะเดี๋ยวจะรบกวนคนอื่นเขา”
ผมสวนเธอกลับบ้าง เธอก็ทำท่าฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดใส่ ความผิดกูหรือไงวะเนี่ย? ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายัยเด็กนี่มาเรียกผมไว้ทำไม ทั้งที่ผมกำลังจะเข้าห้องเรียนคาบเช้า คนอื่นเข้าห้องไปหมดแล้ว เหลือผมเนี่ย
“อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะมาข่มได้ มีคู่เกย์ของตัวเองเป็นประธานปีสี่แล้วยังไง ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกเด็กงั้นเหรอ ทั้งที่คนที่ไปยุ่งกับทิวก่อนคือยัยแซนดี้แซนด้าอะนั่น”
ได้ฟังประโยคนี้ ผมก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วครับ ว่ากระบอกไม้ไผ่ที่ฟักยัยนี่ออกมา อยู่ตรงไหน ไม่พ้นน้องรหัสคนสวยของผมจริงๆ ถ้าถามผม ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแซนจะทำอะไรแบบนั้น ตั้งแต่เรื่องเด็กปีหนึ่งที่ทำร้ายผมแล้วยังผู้หญิงคนนี้อีก
“พี่ว่าน้องคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ”
“เข้าใจผิดเหรอ” เธอทำหน้าและเสียงไม่พอใจ เหลือบมองผมทั้งตัวทั้งที่ผมสูงกว่าแบบเหยียดหยัน เบะปากใส่ซะอีก นี่ถ้าเป็นผู้ชาย เป็นคนรู้จัก คงโดนผมตบกบาลคว่ำไปแล้ว “ตัวก็ผอมแห้งอ้อนแอ้นแบบนี้ แถมใครๆ ก็รู้ว่าไอ้ประธานปีสี่เส็งเครงนั่นมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เหมือนหมาตอมขี้ อย่ามาทำเป็นรับไม่ได้แล้วก็เลิกเสือกเรื่องทิวซะ บอกยัยน้องรหัสร่านๆ ไว้ด้วยว่าอย่ามายุ่งกับผัวคนอื่นอีก!!”
คำพูดคำจาของเธอทำให้ผมรู้สึกรับไม่ได้เลยจริงๆ ถึงผมจะเคยขึ้นเตียงกับผู้หญิงมาหลายคน พวกที่เจอในสถานที่อโคจรก็มีเยอะ แต่ไม่เคยมีใครที่ผมหิ้วไปด้วยแล้วใช้คำพูดคำจาแบบนี้ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในชุดนักศึกษาหรือชุดนักเรียน
“พี่มั่นใจว่าน้องรหัสของพี่ไม่ร่านนะครับ แต่น้อง... ควรจะพิจารณาดูตัวเองบ้าง ที่มาโวยวายเรื่องนี้ สมควรต่อว่าคนอื่นแล้วเหรอครับ”
ผมพยายามพูดกับเธอให้ดีที่สุดแล้ว ถึงมันจะดูกวนอารมณ์อยู่ก็เหอะ แต่จะให้ผมตอบกลับแบบไม่รู้สึกอะไรผมคงทำไม่ได้ แล้วก็เหมือนเดิมที่สิ่งที่ผมเสนอไปเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายรับไม่ได้ เพราะเธอร้องกรี๊ดๆ ก่อนจะตบหน้าผมเข้าเต็มแรง แล้วโวยออกมาอีกรอบ
“ถ้ายัยแซนนั่นมายุ่งกับทิวอีก ระวังไว้เลย ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!!”
ยัยผีเน่าฝากความแค้นไว้กับผม ก่อนจะวิ่งหนีไป เป็นการกระทำที่เด็กและสิ้นคิดจริงๆ แถมกูโดนตบฟรีอีกต่างหาก ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตรงที่โดนตบ ดีว่ามันไม่ไปซ้ำรอยเดิมกับที่โดนต่อยเมื่อวาน เลยไม่รู้สึกแย่สักเท่าไหร่ ผมคิดว่าผมต้องคุยกับแซนเรื่องนี้แล้ว ความสวยเป็นเหตุจริงๆ ให้ตายเหอะ
ผมเดินเข้าห้องเรียนไป ทุกสายตาก็มองมาที่ผมเหมือนกันหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ปลายที่เป็นประธานเมเจอร์ของผม ยัยนี่ก็ชอบหาเรื่องแซวผมจริงๆ
“ไหงจ๊ะเธอ มาช้าเชียวนะ ล่ำลาอยู่กับสามีสุดหล่อเหรอ”
“สามีอะไร ปลาย เราไม่มี”
“ไม่มีจริงอะ แล้วใครนะ มาตามเทียวไล้เทียวขื่อตลอดๆ เอ หรือคนนี้จะไม่ใช่สามี แต่เป็นอีกคน”
“อีกคนอะไร เราไม่มีจริงๆ เข้าใจแล้วผิดแล้ว”
ผมยังตอบเธอไป ทำเหมือนไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพราะมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าไม่นับรวมไอ้พี่ชมพู ผมนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตัว หยิบชีทกับปากกาขึ้นมาเตรียมเรียนเต็มที่แต่ไอ้ปลายก็ยังเดินมาอยู่หน้าโต๊ะ จะไม่แซวผมสักวันนี่ไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย
“ก็กราฟสุดหล่อไง ได้คนใหม่เลยลืมคนเก่าเหรอ แบบนี้กราฟคงน้อยใจแย่”
“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เรากับกราฟเป็นเพื่อนกันนะปลาย”
“แล้วพี่ภูล่ะ หื้ม หื้ม”
โดนถามมาแบบนี้แล้วจะตอบยังไงดีล่ะครับ โกหก เดี๋ยวจับได้ จะมาหาเรื่องแซวผมอีก แล้วมันคงเปิดโปงแน่นอน เพราะไอ้ปลาย แม่งเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ไหน แค่มาคอยแซวคอยล้อว่าผู้ชายเป็นเกย์นี่ก็ประหลาดพอแล้ว
“ไม่ตอบเหรอ”
“ก็มันไม่มีอะไรให้ตอบ”
ผมเบี่ยงหน้าหลบไปด้านข้าง จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ายัยจอมเสือกอีก แต่ดันลืมไปว่าไอ้ด้านที่หันให้มันเห็นเป็นด้านที่เพิ่งถูกตบมา แล้วมันก็ยังชาอยู่หน่อยๆ เพราะไอ้เด็กบ้านั่นไม่ยั้งมือเลย ตบมาเต็มแรงจนผมหน้าหัน พอไอ้ปลาย เห็นก็ตาเหลือกมองผมอย่างตกใจ ถลาเข้าหาผมจนติดโต๊ะ ชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ๆ
“มึงไปโดนอะไรมา”
สันดานมันเริ่มออก ปกติมันจะกูมึงกับผมนี่แหละครับ แต่เวลาแซวผมเรื่องไอ้พี่ชมพูหรือเรื่องกราฟ จะชอบเรียกผมว่าเธอมากกว่าเพื่อความบันเทิง (?)
“กราฟ เมียมึงโดนรุมโทรม!!!”หลังจากเห็นว่าหน้าผมมีรอยไม่พึงประสงค์ ทั้งรอยมือที่โดนตบ รอยช้ำที่โดนต่อย ไอ้ปลายก็โหวกเหวกเสียงดังตลาดแตก เรียกเพื่อนรักของผมเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไอ้กราฟเลยรีบลุกขึ้นมาดูด้วยท่าทีตกใจ แป๊บเดียวมันก็มาหยุดที่โต๊ะผมแล้ว ว่าแต่กูไปโดนรุมโทรมตั้งแต่เมื่อไหร่??!!
กราฟใช้มือจับคางผมแล้วพลิกเบาๆ ดูรอยแดงที่หน้าของผม คงเพราะผมขาวเกินไป เวลาเป็นรอยมันถึงเห็นชัดแบบนี้ ไอ้กราฟเพ่งสายตามองผมเหมือนจะสแกนว่าหน้าผมมีรอยอะไรมั่ง ก่อนจะทำตาดุใส่ผม มึงเป็นเพื่อนนะ เพื่อนร้ากกก ไม่ใช่ป๊า อย่าทำตาดุกูแบบนั้น
“โดนอะไรมา”
มันถามผมเสียงเบา เพราะปลายยังยืนอยู่ข้างๆ ผมก็ตอบมันเสียงเบาเหมือนกัน พยายาให้ได้ยินกันแค่สองคน หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้ไอ้ปลายจับความได้
“นิดหน่อยน่า”
“พี่ภูรู้หรือยัง”
มันทำเสียงโหดใส่ผม ได้ไงๆ ทุกครั้งผมข่มมันนะ ทำไมมีเมียแล้วโหดกับเพื่อนเหรอ ผมเลยพูดกับมันเพราะๆ ซะ มันจะได้ไม่ทำเสียงโหดใส่ผมอีก
“ยังครับ กราฟไม่ต้องบอกหรอก ยีนไม่เป็นไร”
“ยีนคิดว่ากราฟทำได้เหรอครับ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย”
“ยีนคิดว่างั้นเหรอ”
กราฟถามกลับพลางเอานิ้วลูบที่แก้มผมเบาๆ ตรงรอยที่โดนตบ แล้วมันก็คงทำให้คนอื่นๆ รู้สึกถึงรัศมีสีม่วงเข้มหรือไงไม่รู้ พอผมเหลือบตาไปรอบข้าง ก็เห็นคนอื่นๆ ในเมเจอร์ที่กำลังรออาจารย์เข้ามาสอน มองมาทางผมกับไอ้กราฟกันหมด หนำซ้ำเสียงไอ้เหี้ยปลายยังยิ่งกว่าป่าวประกาศ
“นี่ถ้ากูเป็นสาววายนะมึงงงงงง กูฟินไปถึงดาวพลูโต ทะลุไปจักรวาลอันไกลโพ้นแล้ว”ผมล่ะอยากจะหันไปด่ามันเหมือนเวลาด่าเพื่อนในกลุ่มเหลือเกิน ปากมาก ชอบหาเรื่องให้กูตลอด พยายามอะไรนะ จิ้น? ผมกับไอ้กราฟให้เป็นผัวเมียกันอยู่ได้ มันไม่ใช่โว้ยยยยยย ถึงผมจะรักมันมาก จนกอดจูบกันเป็นเรื่องปกติได้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังไม่แอดวานซ์ขนาดนั้น
แต่ไอ้กราฟก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ มันหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครสักคนที่ผมไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร พูดอยู่สองสามประโยคก่อนจะวางสายไป นาทีนั้นแหละที่ทุกคนเพ่งสายตาไปหามัน เหมือนกับกำลังรอลุ้นว่ากราฟโทรหาใคร ทั้งที่น่าจะรู้ๆ กันอยู่ เหอะ ผมว่าคงจะปิดใครต่อไปไม่ได้นานหรอกครับ ถ้าทุกคนพยายามทำให้มันชัดเจนแบบนี้
ถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรที่จะบอกคนอื่นว่าผมกับไอ้พี่ชมพูเป็นอะไรกัน เพียงแต่ผมไม่อยากถูกไอ้ปลายคอยล้อคอยแซวต่างหาก มีผู้ชายคนไหนบ้างชอบให้คนอื่นมาเรียกว่าตัวเองเป็นเมีย ถึงตอนนี้ผมจะถูกแปรสภาพกลายเป็นเกย์โดยไม่รู้ตัวแล้วก็เหอะ ทั้งที่ผมก็แค่มีแฟนเป็นผู้ชายคนเดียว ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน
ไม่นานเกินรอ คนที่ถูกคนคาดหวังว่าจะโผล่มาก็มาจริงๆ มันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องเรียนของผมเหมือนไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไรยังไง ก็แน่ล่ะครับ มันเคยทำอะไรเหี้ยๆ บ้าๆ บอๆ จนคนรู้กันหมดแล้วว่ามันพยายามจะซัมติงรองกับผม แล้วพอมันมาหยุดที่โต๊ะของผมก็มองหน้าผมเหมือนจับสังเกต
“ไป”
หลังจากที่มันเห็นสภาพหน้าของผมที่ได้แผลเพิ่มมาอีกหนึ่งรอย ก็พูดแค่คำนั้นแหละครับ แล้วก็ดึงมือผมให้เดินออกจากห้องไปด้วยกันเลย แถมยังไม่วายสั่งไอ้กราฟ
“เก็บของให้ยีนด้วยนะมึง”
“ครับ”
ไอ้กราฟก็รับคำว่าง่ายเหลือเกิน ผมเลยได้แต่เดินตัวปลิวมาตามแรงดึงของหมีควายที่ดูอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ จนมาถึงรถ มันถึงได้ปล่อยมือผมออก ไม่รู้เหมือนกันว่าคนเห็นมากี่ร้อยแล้ว เพราะเล่นเดินฝ่ากลางคณะมา แล้วบางคนไม่มีเรียนก็นั่งสุ่มหัวกันตามโต๊ะหน้าคณะอีก
“ใครทำมึง”
“ไม่รู้จัก”
ผมตอบมันไปตามความจริง แต่มันคงคิดว่าผมกวนตีนนั่นแหละครับ ถึงได้บอกให้ผมตอบดีๆ ผมไม่ได้มียี่ห้อกวนตีนแปะอยู่บนหัวตลอดเวลานะเว้ย
“ไม่รู้จัก แต่เห็นพูดถึง ทิวกับแซน”
“แซน? น้องรหัสมึงนี่สร้างเรื่องให้มึงอีกแล้วเหรอ แล้วทิวนี่ใครวะ มึงรู้จักเหรอ”
ไอ้พี่หมีควายโวยอยู่หน่อยๆ พลางเอนหลังพิงกับประตูรถของมัน ตาก็จ้องมองผมเหมือนจะเอาคำตอบ ผมรู้จักก็บ้าละ คนที่ผมรู้จักนี่มันเก็บข้อมูลมาหมดแล้วมั้ง ยิ่งกว่าป๊าอีกเหอะ
“เด็กที่มีเรื่องกันเมื่อวาน”
“เออ ให้มันได้แบบนี้” ท่าทางมันออกจะเซ็งๆ ครับ แต่ยังแสดงความเป็นห่วงผมนิดๆ นิดจริงๆ “กูว่าเรียกแซนมาคุยเรื่องนี้ซะให้จบ น้องรหัสมึงก็สวยดีหรอก แต่สวยแล้วสร้างปัญหาแบบนี้กูว่ามึงไม่ควรเข้าไปยุ่ง เกิดคราวหน้ามันทำมึงเจ็บตัวกว่านี้จะทำยังไง มึงนี่ก็มัวแต่ห่วงภาพพจน์อยู่ได้”
“ผมก็กะจะคุยอยู่ แต่พอดีวันนี้มันเกิดเรื่องก่อน ความผิดผมที่ไหนวะ คิดว่าผมอยากโดนต่อยโดนตบฟรีดิ แล้วผมก็ไม่ได้ห่วงภาพพจน์เหี้ยอะไรขนาดนั้นด้วย แต่ถ้าผมเผยตัวจริงออกมา อาจจะโดนเล่นหนักกว่าเดิมก็ได้ เห็นผมเป็นคนดี เรียบร้อยนักหรือไง”
“เออๆ มึงมันกวนตีน ปากหมา ไร้สัมมาคารวะ น่าเอาตีนลูบปากเป็นที่สุด”ได้ที่มันเลยใส่ผมฉอดๆ ถึงผมจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอได้ยินจากปากมันแล้วก็รู้สึกอยากเอาตีนลูบปากแม่งเหมือนกันนั่นแหละ ผมกับมันต่างกันแค่ไหนกันเชียว แถมมันยังบ้าพลัง บ้าอำนาจ เผด็จการอีกต่างหาก อาการหนักกว่าผมซะอีก ไม่เข้าใจเลยว่าผมไปรักมันได้ยังไง
“ยังเจ็บอยู่มั้ย”
มันคงเห็นว่าผมทำหน้าไม่พอใจ เลยถามเสียงเบาลงหน่อย ดูเป็นห่วงผมมากขึ้น แต่อารมณ์ของผมยังไม่ลง เลยตอบกลับไปห้วนๆ
“หายแล้ว”
แต่ดูมันจะไม่เชื่อที่ผมบอกว่ะ แม่งเลยจิ้มนิ้วลงมาบนแก้มผมเต็มแรง ย้ำว่าเต็มแรง เหี้ย แก้มกูจะทะลุละแม่งเอ๊ยยยย
“ไอ้สัด เจ็บนะเว้ย!!”
“อ้าว เมื่อกี้บอกว่าหายแล้ว”
“มาลองโดนจิ้มมั่งเปล่าล่ะ แรงแม่งยิ่งกว่าหมีควายทลายผา”
ไม่พูดอย่างเดียว ผมยื่นนิ้วไปกระทุ้งแก้มมันบ้าง มันต้องรีบจับมือผมเอาไว้ ก่อนที่มันจะถูกผมประทุษร้ายจริงๆ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกล็อกตัวเอาไว้ ไม่รู้ว่าแม่งเห็นว่าเป็นโอกาสหรือเปล่า ถึงได้ฉวยซะ เอาแขนวางรอบเอวผมเหมือนจะกอดเอาไว้
“โอเคๆ กูผิด”
“งั้นก็ปล่อยได้แล้ว คนอื่นมาเห็นจะยุ่งอีก”
“มึงนี่นะ จะไม่ยอมให้คนอื่นรู้เลยใช่มั้ยว่าเป็นแฟนกัน แถมพ่อแม่ ป๊าก็รับรู้แล้วก็ยอมรับแล้ว”
มึงต่างหากไม่รู้อะไร เขารู้กันจะทั้งคณะแล้ว แค่กูกับมึงยังไม่พูดออกมาแบบชัดเจนเท่านั้นแหละเว้ย ก็เล่นทำซะแบบนี้ ผมถลึงตาใส่มันตามด้วยกระทืบเท้ามันอีกที จากที่กอดผมอยู่ มันเลยปล่อยออกอย่างเร็ว ผมจึงถือโอกาสนี้รีบขึ้นรถก่อนแม่งจะทำบ้าอะไรอีก
“ไปคอนโดกราฟนะ ผมจะเอาเฟอร์รารี่ออกมาระบายอารมณ์หน่อย”
หลังจากไอ้ตัวใหญ่ขึ้นนั่งประจำที่ ผมก็ถอดแว่นที่เกะกะออกแล้วสั่ง แต่มันก็ขัดผมเหมือนเดิมแหละครับ ไอ้นี่แม่งขัดผมทุกเรื่อง
“แต่หัววันเลย แล้วมึงจะไปซิ่งที่ไหน”
“สนามของพี่เคนไง โทรไปบอกพี่เขาด้วยว่าผมจะไป”
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรที่ถูกทำซะหน้าหล่อๆ เยิน ถึงจะแค่เป็นรอยช้ำ รอยตบไม่มาก แต่จริงๆ แล้วผมก็อารมณ์เสียอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่าไหร่ อีกอย่างผมไม่ได้ออกมาซิ่งรถเลยนับจากวันที่แข่งกับไอ้พี่ชมพูวันนั้น เลยนึกอยากยืดเส้นยืดสายขึ้นมา แล้วท่าทางผมคงเอาจริง มันเลยพาไปแต่โดยดี โทรหาพี่เคนให้ด้วย แหล่ม!!
=====================
น่าจะมาช้าเกินไปนะเนี่ย
เข้ามาอีกทีโดนย้ายห้องซะแล้ว
คงต้องรอลุ้นว่าจะมีใครเข้ามาส่องหรือเปล่า
ตอนพิเศษนี้แบ่งเป็น 3 ตอนจบนะคะ
ก็ไม่มีอะไรมาก ไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ไปตามประสาแหละค่ะ
แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า พอดีติดนั่นนี่นู่น กว่าจะจูนกลับมาก็แทบแย่ 
หวังว่าคนที่อ่านตอนนี้ จะอ่านอย่างมีความสุขนะคะ
Undel2Sky
