It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 602462 ครั้ง)

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนพิเศษ 1.1 : ความสวย คือ หายนะ


















ผมคิดว่าไอ้พี่ชมพูเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากนะครับ เพราะมันทำตามคำสาบานที่เคยให้ไว้ได้ อย่างที่คงไม่ใครเชื่อเท่าไหร่ ถึงจะมีการบิดเบือนหาลู่ทางหลบบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำตามที่ผมต้องการอยู่ดี นับๆ ดูก็ครึ่งปีได้แล้ว อย่าเพิ่งมองว่าผมร้ายขนาดนั้น คนที่ร้ายก่อนคือมันต่างหาก คราวนี้มันคงจดจำไปอีกนานว่าผมไม่ใช่คนที่มันจะมาทำอะไรด้วยได้ตามสะดวก แล้วผมเองก็มีของแถมให้มันบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ถือเป็นรางวัลของความพยายาม แถมผมก็ไม่ได้เข้มงวดเรื่องคำสาบานเหมือนตอนแรกๆ แล้ว


ตอนนี้เปิดเทอมใหม่ ผมขึ้นปีสองแล้วก็ต้องมีอะไรใหม่ๆ ใช่มั้ย ผมเองก็มีเหมือนกัน เป็นเรื่องเหมือนเซอร์ไพร์สแต่ก็ไม่เซอร์ไพร์สเท่าไหร่ เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็คือ การมีน้องรหัส แต่ที่ว่าเซอร์ไพร์สนี่เพราะน้องรหัสของผมสวยมากครับ แล้วผมก็ชักรำคาญไอ้เพื่อนเวรที่มันพยายามจะหาทางแงะน้องรหัสผมมากินอย่างเอร็ดอร่อย


เข้าใจไม่ผิดหรอกครับที่ใช้คำแบบนั้น เพราะไอ้เชี่ยเคลมมันพยายามหยอดน้องรหัสผมเหลือเกิน แค่ไอ้คนในคณะที่จ้องเธอตาเป็นมันนี่ผมก็เพลียแล้วเหอะ จะอะไรกันนักกันหนา แถมแค่นั้นไม่พอ ไอ้คนพวกนั้นยังเอาผมไปเปรียบกับ แซน น้องรหัสของผมอีก ว่าผมมันเฉิ่มเชย หน้าตาห่วยแตก แต่กลับมีน้องรหัสเป็นสาวสวยรวยฟีโรโมนขนาดนี้ได้ยังไง เสียของ บลาๆ ผมขี้เกียจจะจำ แต่ความหมายโดยรวมก็เป็นแบบนี้แหละ เหอะ คงยังไม่ลืมกันนะครับว่าเวลาอยู่มหา’ลัยผมต้องเป็นไอ้เนิร์ดหน้าซื่อ


“พอละไอ้เหี้ยเคลม เลิกมองแบบแทะโลมน้องรหัสกูสักที”


“กูมองน้องรหัสมึง ไม่ได้มองมึง อย่ากระแดะเดือดร้อน”


ดูแม่งเถียงผมกลับ ผมล่ะอยากจะเอาตีนยัดปากมันเหลือเกิน ทีต่อหน้าผู้หญิงล่ะแม่งทำปากเก่ง คล้อยหลังให้สิ เจอตีนผมแล้วจะพูดไม่ออก


แต่น้องรหัสผมคนนี้ก็นิสัยดีนะครับ โชคดีหน่อยที่ไม่ได้สันดานเหมือนไอ้พี่ชมพู ไม่อย่างนั้นผมคงต้องต่อกรด้วยแล้วหลุดนิสัยจริงออกมาชัวร์ เพราะงั้นตอนนี้แซนเลยยังคิดว่าผมเป็นคนดี เรียบร้อย มีแค่หยอกกับเพื่อนหรือด่าไอ้เคลมบ้างเวลาที่มันม่อเธอ ส่วนเรื่องไอ้พี่ชมพู แซนยังไม่รู้ครับ ผมไม่ได้บอก ตอนที่ไอ้เคลมมันจะล้อ ผมก็อุดปากมันไว้ทัน ยังไงก็เก็บนิดนึง เพราะใช่ว่าเรื่องนี้จะรู้กันทั่ว นอกจากกลุ่มผม กลุ่มไอ้พี่ชมพู ก็ไม่มีใครคิดเป็นจริงเป็นจัง คิดว่ามันแค่จีบผมเล่นๆ เพราะอยากลองของแปลก


แต่ก็เหมือนที่ใครๆ ว่าเอาไว้ครับ ความสวยของผู้หญิงเป็นหายนะ หลายครั้งที่ผมเห็นว่าเธอแอบมองผมอยู่ สลับกับมองไอ้พี่ชมพูบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรให้เธอคิดอะไรมากหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าไม่ เพราะผมกับไอ้พี่ชมพูก็ไม่ได้อะไรกันมากมายตอนอยู่มหา’ลัย แถมมันยังโดนทัณฑ์บนจากผมอยู่ด้วย เลยแตะผมไม่ได้ ถือเป็นมาตรฐานที่ให้ผลน่าพอใจ เพราะถ้าผมไม่ได้ลงโทษมันด้วยการทำตามใจผมทุกอย่างแบบนี้ เรื่องผมกับไอ้พี่ชมพูคงฉาวโฉ่เหม็นฉึ่งไปทั้งมหา’ลัย


ถึงตอนนี้ผมจะอยู่ในคราบเด็กเนิร์ด แต่ก็รำคาญบ้าง คันตีนบ้างเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ว่าจะเก็บอาการได้ทั้งหมด เพราะถึงจะผ่านมาหนึ่งปีแล้วกับการเรียนที่นี่ แต่เวลาเจอใครครั้งแรก ก็มักจะถูกซุบซิบนินทาเรื่องรสนิยมการแต่งตัวของผมตลอด แถมผมยังทำหน้าบื้อได้แนบเนียนขนาดหนักซะอีก คนแม่งเลยเชื่อกันหมดว่าผมเป็นไอ้อ่อน


“กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวแซนต้องไปเรียนต่อใช่ไหมครับ”


ผมใช้คำพูดอย่างสุภาพเต็มที่เพื่อให้สมบทบาท แต่ถึงจะบอกแบบนั้น เอาจริงๆ แล้วเวลาผมพูดกับผู้หญิงผมก็พูดเพราะอยู่แล้วครับ มันเป็นสันดานของผมเอง พูดเพราะๆ หน้าหล่อๆ สาวไหนก็เสร็จทุกราย แม้ว่าตอนนี้เหมือนว่าผมจะต้องเสร็จผู้ชายก็เหอะ


“ค่ะ แล้วพี่ยีนมีเรียนหรือเปล่าคะ”


“ไม่มีแล้วครับ”


คนที่ตอบไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้คนตัวโตที่เสนอหน้ามานั่งกินข้าวกลางวันข้างๆ กัน แถมยังมานั่งเบียดผมซะอีก ผมเลยทำตาขวางใส่แล้วเอนตัวไปกระซิบกับมันเบาๆ ไม่ให้น้องรหัสของผมได้ยิน


“สะเหลือกจังนะครับ”


“ขอบคุณครับ พี่หล่ออยู่แล้ว”


มันยิ้มกวนตีนให้แล้วยังทำเหมือนคนหูมีปัญหา ฟังผมแล้วไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร ทั้งที่มันน่าจะเข้าใจดี จนผมอดไม่ได้ เอาศอกกระทุ้งพุงแม่งเลย แล้วเพราะว่ามันไม่ทันตั้งตัวนั่นแหละ เลยร้องออกมาซะเสียงดังจนหันมามองกันทั้งโต๊ะ


“มึงทำร้ายร่างกายพี่ภูอีกแล้วนะ”


ไอ้เคลมรีบเป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่สุดที่รักของมันจนออกหน้าออกตา ผมเลยหันไปพูดกับมันที่นั่งอยู่เยื้องกันเพราะแซนนั่งอีกข้างของผม แต่พูดแบบไม่ออกเสียงนะครับ ให้แม่งอ่านปากเอาเอง


เสือก


“ถ้ามึงจะเดือดร้อนเรื่องพี่ชมพูขนาดนี้มึงก็มาเป็นเมียเขาไป๊”


ผมตัดบทกันมันโอดครวญเหี้ยอะไรอีก แต่แม่งเสือกอ้าปากพะงาบเหมือนจะพูดอะไรออกมา โชคดีว่าไอ้กราฟที่นั่งอยู่ข้างๆ มันอุดปากไว้ทัน กูขอบใจมึงโคตรเลยว่ะ ไอ้กราฟเพื่อนรัก ผมส่งสายตาให้เพื่อนซี้ปึกรู้ใจผมสุดๆ เพราะพวกผมเดาได้ว่าไอ้สัดเคลมมันจะพ่นอะไรออกจากปาก ถ้ามันไม่พูดว่า ‘มึงสิ เป็นเมียพี่ภู’ ผมให้เตะปากเลยเอ้า


“พี่ว่าแซนไปเรียนก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวเข้าสาย”


ในเมื่อจัดการกับไอ้เพื่อนหลงฝูงไม่สะดวก ผมก็เปลี่ยนมาจัดการปัจจัยที่ทำให้เป็นอย่างนั้นก่อน ซึ่งแซนก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเธอกินข้าวเสร็จแล้ว จึงขอตัวลุกจากโต๊ะไป แต่ถึงจะทำตามคำที่ผมบอกแต่โดยดี เธอก็ยังหันมามองผมด้วยหน้าสวยที่ดูซื่อๆ ก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ไอ้พี่ชมพูแล้วเดินออกจากโต๊ะไป


“กูว่า... น้องแซนหวังจะกินแฟนมึงแล้วว่ะ”


เสียงไอ้กัสดังก่อนเป็นคนแรกหลังจากแซนเดินไปจนน่าจะไม่ได้ยินที่เราคุยกัน ผมเลยรีบหันไปมองหน้ามันทันที


“มึงคิดไปเองแล้ว”


“หรือมึงไม่เห็นว่าเขาชอบแอบมองพี่ภู”


“แต่เขาก็แอบมองกูด้วยเหมือนกันนะเว้ย”


ผมเถียงมัน ไอ้กราฟเพื่อนเกลอที่ตอนแรกนั่งอยู่อีกฝั่งย้ายมานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตบบ่าผมเบาๆ เหมือนจะปลอบ


“กูไม่แน่ใจ แต่กูก็เห็นเหมือนไอ้กัส น้องเขามองมึง มองพี่ภูทั้งคู่ แต่สายตาที่มองไม่เหมือนกันว่ะ ของมึงเหมือนเป็นรุ่นพี่ แต่ของพี่ภูเหมือนชื่นชม พอใจ กูคิดว่าอย่างนั้นนะ”


“ไม่จริง น้องแซนเป็นของกูนะเว้ย”


ไอ้นอกคอกมันโหยหวนขึ้นมาทันที ผมเลยตอกมันกลับไป แต่ไม่ได้ดังมาก เอาแค่ให้พอได้ยินกันทั้งโต๊ะ เพราะยังไงผมก็ต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเองไว้ก่อน


“ไอ้หอก ประสาทเสื่อมเอ๊ย ใช่เรื่องที่มึงจะมาโวยวายเหมือนโดนเมียทิ้งแบบนี้มั้ย”


“ก็กูถูกใจนี่หว่า กูตกลงใจแล้วว่ากูจะเอาคนนี้”


“ทำเหมือนมึงไม่เคยเล็งใครไว้”


ไอ้กัสตอกเข้าไปอีกที ไอ้เคลมเลยทำหน้ายู่ใส่เหมือนเด็กโดนขัดใจ แม่งปัญหาอ่อนเว่อร์ว่ะไอ้เหี้ยนี่


“เออๆ แต่คนนี้กูรักจริงหวังแต่ง เหมือนที่มึงกับพี่ภูเลิฟๆ กันนั่นแหละวะ”


แล้วแม่งก็วกมาถึงผมจนได้ ผมได้แต่ส่ายหัวกับคำพูดของมันแล้วตบบ่าไอ้กราฟเบาๆ สองสามทีเป็นการบอกว่า มึงจัดการไอ้ปัญญาอ่อนนี่ไปแล้วกัน กูไปล่ะ แล้วเดินออกมาจากตรงนั้นเลย แต่ใช่ว่าผมจะออกมาคนเดียวนะครับ ไอ้คู่แฝดไม่ได้รับเชิญของผมเดินตามมาด้วย


“มึงไปรอที่รถกูก่อนได้ป่ะ คุยต้องไปคุยกับอาจารย์เรื่องโปรเจกต์ก่อน”


“เออๆ”


ผมตอบมันไปอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับมัน ไอ้นี่มันไฟแรงอยากทำโปรเจกต์จบเร็วๆ ตอนหลังจะได้ชิล หลังจากมันยื่นกุญแจรถมาให้ผม ก็แยกตัวไป ส่วนผมเดินเอ้อระเหยไปที่รถของมันอย่างที่นัดกันไว้ เพราะมันคงไปไม่นาน แล้วผมก็ไม่รู้จะไปไหน ไอ้กราฟก็ไปหาไนล์ ส่วนไอ้กัสกับไอ้เคลมก็ไปใช้ชีวิตหนุ่มโสดของมันให้คุ้ม


แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงเลกซัสของไอ้พี่ชมพู ผมก็ถูกเด็กปีหนึ่งที่น่าจะอยู่คณะเดียวกันมาดักหน้าเอาไว้ก่อน มันมองผม ผมก็มองมันตอบ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่ามันมาขวางทางผมทำไม


“พี่น่ะ เป็นพี่รหัสของแซนใช่มั้ย”


ถึงจะเรียกผมว่าพี่ แต่น้ำเสียงที่มันใช้ไม่ได้มีเคารพยำเกรงผมแม้แต่น้อย แล้วยังสายตาร้ายๆ ของคนที่พูดกับผมนั่นอีก ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นใคร แต่มันไม่ได้มาหาผมอย่างเป็นมิตรแน่นอน


“ครับ น้องมีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ”


“พี่สิครับ มีเยอะเลยทีเดียว”


น้ำเสียงของมันยังไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ ดูเหมือนจะแสดงความไม่พอใจผมมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แล้วที่เป็นอย่างนั้นก็คงเพราะท่าทางนุ่มนิ่มของผมล่ะมั้ง


“ผมรู้สึกว่าพี่จะสนิทกับแซนมากเกินไปหน่อย ทำไมต้องตามติดเธอทุกที่ด้วย”


คำถามนี้ทำให้ผมพอจะเข้าใจรางๆ ว่าไอ้เด็กนี่มาหาผมทำไม แต่เห็นแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกอยากกวนตีนขึ้นมาตงิดๆ มันช่วยไม่ได้นี่ครับ เพราะสันดานผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถึงตอนนี้จะสวมบทเด็กเนิร์ดเอ๋อๆ ตามใครไม่ทันอยู่ก็เหอะ


“ก็พี่เป็นพี่รหัสของแซนนี่ครับ”


“พี่รหัส หึ ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องตอบแบบนี้ แต่มันเกินหน้าที่ไปมั้ย เพราะพี่คอยยื้อให้เธออยู่กับพี่ เธอเลยไม่ว่างมาหาผม”


ฟังมันพูดแล้วผมอยากจะหัวเราะ ไอ้เหี้ยนี่คิดว่าผมเป็นคนดึงแซนเข้ามาหาจนมันไม่มีโอกาสงั้นเหรอ ไอ้พวกขี้ขลาดเอ๊ย


“ทำไมถึงคิดว่าพี่ทำแบบนั้นล่ะครับ ทั้งที่ถ้าน้องชอบแซน ก็น่าจะพยายามด้วยตัวเอง เข้าหาเธอเอง ไม่ใช่อ้างว่าเพราะพี่คอยตามติดเธอ ทำให้น้องไม่มีโอกาส”


“มึงนี่ เห็นหงิมๆ แต่พูดจากวนตีนนะ”


คงไปจี้จุดอะไรสักอย่างของมันล่ะมั้ง หรือเพราะหน้าตากวนตีนแบบเนิร์ดๆ ของผมที่มองมัน ทำให้อารมณ์โมโหของมันคุขึ้นมา แต่ถามว่าผมกลัวมั้ย คงยากครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นซะด้วย


“ถ้ายังไงพี่จะบอกแซนให้นะครับว่าไม่อยากให้พี่ยุ่งกับแซน ว่าแต่ น้อง... ชื่ออะไรนะครับ”


ผมถามมันอย่างใจดี ในความรู้สึกผมนะ แต่คงกวนตีนมากสำหรับมัน ไอ้เหี้ยเด็กปีหนึ่งถึงสวนหมัดเข้ามาเต็มหน้าผม แต่เสียใจ ผมไวกว่านั้น เพราะจังหวะที่หมัดมันเกือบจะถึงหน้าของผม ผมก็เบี่ยงหน้าหลบทัน แล้วก็ทำให้มันโมโหมากกว่าเดิม


ไอ้เด็กที่ผมไม่รู้จักชื่อ เหวี่ยงหมัดกลับมาอีกครั้ง แต่ผมไม่ตอบโต้หรอกครับ ผมยังหนักแน่นกับบทบาทของผม เอนตัวหลบหมัดมันอย่างรวดเร็ว ถึงผมจะรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของผมฝืดไปบ้างก็เหอะ แต่ก็เร็วกว่ามันอยู่ดี


“พวกมึงช่วยกันจับมันไว้ดิ”


มันคงโมโหมากขึ้นที่ทำอะไรผมไม่ได้ ถึงได้เรียกเพื่อนของผมมันมาช่วย สำหรับผม ฝีมืออ่อนๆ ของไอ้เด็กพวกนี้คงไม่คณามือหรอก แต่ผมไม่อยากให้เสียลุค ถึงไม่สวนหมัดกลับให้พวกมันหน้าหงาย แค่ใช้แรงที่มีสะบัดตัวออกจากการถูกล็อกเอาไว้ ซึ่งก็ไม่ง่ายที่จะหลุดออกมา เพราะถึงไอ้เด็กสองคนจะตัวพอๆ กับผม แต่มันมีคนเยอะกว่า แล้วผมไม่ได้คิดสู้จริงจัง ผมเลยถูกอัดหมัดเข้าแก้มซ้ายไปหนึ่งที


นับเป็นความเสียสละอย่างสูงสุดของผมก็ได้ ที่ไม่ใช้กำลังตอบโต้ เพราะผมแน่ใจว่าถ้าผมหลุดเผยธาตุแท้ออกมามล่ะก็ ทุกคนในมหา’ลัยต้องรู้แน่นอน ไอ้เด็กพวกนี้ท่าทางปากสว่างจะตายห่า แล้วหมัดของมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บอะไรเท่าไหร่ เพราะหนักกว่านี้ผมเจอมาแล้ว ตอนนี้เลยเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้มันเอากำปั้นที่หนักกว่าเดิมกระแทกมาที่อกของผม


คราวนี้ผมรู้สึกจุกขึ้นมา เพราะมันกระแทกเข้ามาเต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังฝึกความอดทน ปล่อยให้ตัวเองถูกไอ้เด็กไม่รู้หัวนอนปลายตีนซ้อม เพราะรู้ว่ายังไงเดี๋ยวไอ้พี่ชมพูก็ต้องมา ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น เพราะผมโดนไปไม่ถึงสิบหมัด คนที่ผมรออยู่ก็ทำหน้าเหี้ยมเข้ามาถีบตัวไอ้เด็กเวรนั้นออกไป แถมด้วยยันเพื่อนของมันอีกสองคนที่ล็อกตัวผมเอาไว้จนกระเด็น


แฟนผมโคตรแมน กระทืบเด็กอ่อนกว่าสามปี


“พวกมึงทำเหี้ยอะไร!!!”


แค่เสียงก็สะเทือนไปทั้งคณะได้แล้วครับ หน้ามันขึงมาก โคตรน่ากลัวเหอะ จากที่เป็นหมีควายตอนนี้มันกลายเป็นหมีควายตกมันไปแล้ว แต่คิดว่าผมจะไปห้ามมันเหรอครับ คนดีๆ อย่างผม แค่ยืนมองก็พอแล้ว


“มึงกล้าต่อยรุ่นพี่ของมึงเหรอ ไอ้เหี้ยเนตรประธานปีสองสั่งสอนรุ่นน้องยังไง”


ไม่มีใครไม่รู้หรอกครับว่าตอนนี้ไอ้พี่ชมพูเป็นประธานปีสี่แล้ว เรียกว่าเหนือกว่าทุกคนก็ว่าได้ ถึงจะมีคนหมั่นไส้มัน แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรมันหรอกครับ เพราะมันใหญ่ ทั้งตัวใหญ่แล้วก็บ้าอำนาจ พรรคพวกมันเยอะด้วย แค่คิดสู้ก็นึกถึงตอนดับอนาถได้แล้ว ไอ้เด็กสามตัวที่มันหาเรื่องผมเมื่อกี้เลยหน้าซีดกันใหญ่ เห็นแล้วตลกฉิบหาย


“บอกชื่อมึงมา กูจะบอกให้ไอ้เนตรจัดการ หรือถ้ามึงไม่อยากให้ไอ้เนตรเดือดร้อน ก็ให้กูจัดการตรงนี้”


ไอ้พี่ชมพูมันเน้นเสียง ตรงนี้ จนไอ้พวกที่เหลือหัวหดตัวสั่นไปหมด ผมเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้วจริงๆ เพิ่งเห็นว่ามันบ้าอำนาจแบบสุดพลังก็วันนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนกลัวมันมากขนาดนี้มาก่อน มิน่าดูพวกเพื่อนๆ ของมันถึงได้สนับสนุนผมเหลือเกินเวลากวนตีนมัน


“ชื่อ ทิว เสก มาร์ค ครับ”


พวกมันตอบมาแบบพร้อมเพรียงกันมาก เรียงชื่อตรงกันแบบอัตโนมัติ แล้วพอรู้ชื่อพวกมัน ไอ้พี่ชมพูก็ไล่พวกแม่งไป ก่อนจะโทรหาไอ้เนตร ประธานปีสองที่ถูกเลือกจากความเห็นชอบของพวกปีเดียวกันตั้งแต่ช่วงที่รับน้องเมื่อปีที่แล้ว ผมเองก็เลือกมันเหมือนกัน เพราะมันเนี่ย คนจริง


“มึงบ้าหรือเปล่า ปล่อยให้มันต่อยอยู่ได้”


พอพวกนั้นไปกันหมด กลายเป็นผมที่โดนว้ากแทน ผมทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ เพราะคุยตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่ หมีควายตกมันเลยเดินตามมานั่งฝั่งคนขับอย่างเลี่ยงไม่ได้


“มันจะได้จบๆ พี่ก็รู้ผมให้ใครรู้ไม่ได้ว่าผมเป็นแบบไหน ไอ้พวกนั้นดูปากมากจะตายห่า”


“มึงคิดว่ากูจะปล่อยให้มันพูดได้งั้นเหรอ”


“ใครจะรู้ มันอาจจะแอบทำก็ได้ แค่โดนต่อยไม่กี่ที ผมไม่ตายหรอกน่า เห็นผมสำออยขนาดนั้นหรือไง”


ผมตัดบท ไม่อยากพูดต่อ แล้วดึงเบลท์มาคาดซะ เป็นการจบการคุยเรื่องนี้ ไอ้พี่ชมพูก็รู้ว่าผมไม่อยากจะเถียงกับมันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ทำให้ทะเลาะแล้วเสียอารมณ์เปล่าๆ ถึงได้ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เปลี่ยนเป็นสตาร์ทรถแทน


จะเรียกว่ายังไงดี เวลาทำให้เราสองคนเข้าใจกันมากขึ้นมั้งว่าใครต้องการอะไร แล้วเวลาฝ่ายนึงทำแบบนี้ อีกฝ่ายควรจะทำยังไงต่อที่จะไม่ทำให้เถียงกันยืดเยื้อ แต่เอาจริงๆ เหมือนมันเป็นไปเองมากกว่าโดยที่ไม่ทันได้สะกิดใจ ซึ่งผมก็คิดว่ามันดี


“สองสามวันนี้นอนคอนโดกูแล้วกัน”


“เฮ้ย ไม่เป็นไร”


หลังจากมันออกรถแล้วก็บอกผมแบบนั้น ผมก็รีบตอบเลยสิครับ ผมไม่ได้คิดลึกอะไรนะ อย่ามองผมแบบนั้น ผมก็เริ่มเกรงใจมันเป็นบ้างไรบ้างเหมือนกัน แต่ไอ้พี่ชมพูมันไม่ยอมครับ เหลือบตามามองผมแวบนึงแล้วหันไปมองทางต่อ


“มึงคิดว่าป๊าเห็นหน้ามึงตอนนี้แล้วจะสบายใจ?”


เหมือนเดจาวู ผมคิดได้ขึ้นมาทันที เพราะคราวก่อนก็เป็นแบบนี้ แล้วผมก็ต้องนอนคอนโดของมัน คราวนี้ก็คงเหมือนเดิม


“แต่ป๊าจะไม่คิดมากหรือไงที่ผมมาค้างกับพี่”


ผมว่าเรื่องนี้น่าห่วงกว่าผมหน้าเยินกลับบ้านซะอีกนะ พ่อที่ไหนจะปล่อยลูกชายหล่อๆ มาอยู่กับแฟนผู้ชายโดยที่ไม่ห่วงสวัสดิภาพว่าลูกชายจะโดนสอยตูดหรือเปล่า แต่มันไม่ใช่เรื่องยากเลยครับกับการที่ไอ้พี่ชมพูจะทำให้ป๊ายินยอมโดยไม่ต้องกังวล


มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปที่บ้านของผม ผมจำได้ว่าเสียงที่รับโทรศัพท์เป็นเสียงพี่กล้วย ก่อนมันจะบอกขอสายป๊า แล้วที่ผมได้ยินทุกอย่างก็ไม่ใช่อะไร ไอ้พี่ชมพูมันเปิดลำโพงเอาไว้แล้ววางโทรศัพท์ตรงคอนโซลด้านหน้า พอป๊ารับโทรศัพท์ ไอ้หมีที่ขับรถอยู่ก็ทักทายอย่างคุ้นเคย ก่อนจะเข้าประเด็นที่โทรหาแบบตรงไปตรงมาจนผมแทบช็อก


“คุณป๊าครับ สองสามวันนี้ผมขอให้น้องมานอนค้างที่คอนโดกับผมได้หรือเปล่าครับ”


ผมอ้าปากจะด่ามันอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่าป๊าจะได้ยินด้วย ผมเลยต้องหุบปากต่อไปแล้วฟังคำตอบของมัน


“แล้วภูจะให้ป๊าตอบแบบไหน”


ครึ่งปีมานี้ มันคืบหน้าแล้วนะครับ สนิทสนมกับป๊าจนป๊าเรียกชื่อมัน แล้วก็แทนตัวเองว่าป๊าด้วย


“คุณป๊าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ทำอะไรเกินเลยแบบที่คุณป๊าเป็นห่วง เพราะผมสัญญากับน้องแล้วว่าผมจะไม่ทำแบบนั้นถ้าน้องไม่อนุญาต แล้วถ้าผมทำมันลงไป ผมจะไม่ปิดบังคุณป๊าครับ”


ไอ้ประโยคแรกๆ แม่งก็ดีอยู่หรอก แต่ประโยคสุดท้ายคือเหี้ยอะไร ผมถลึงตาใส่มัน แต่ไอ้คนพูดเสือกไม่ได้มองมาทางผมเลย เพราะมันยังขับรถอยู่ ผมว่าตอนนี้ป๊าคงช็อกไปแล้วที่ไอ้พี่ชมพูตอบแบบนี้กลับไป แต่ผิดคาด ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของป๊าก่อนจะตามด้วยประโยคนี้


“ถ้าภูกล้าหาญที่จะทำอย่างที่บอก ป๊าก็คงไม่มีเหตุผลจะห้าม”


“ขอบคุณครับ คุณป๊า”


แล้วไอ้พี่ชมพูก็หยิบโทรศัพท์มากดวางสายไป ก่อนจะหันมามองผมพลางไหวไหล่


“ว่าไง”


“เออๆ พูดกับป๊าแบบนั้นได้ยังไงวะ”


ผมตัดบทอีกรอบ ไอ้พี่ชมพูก็หัวเราะออกมาแล้วขับรถต่อไปที่คอนโดของมันอย่างอารมณ์ดี พอไปถึง มันก็บอกให้ผมไปนั่งที่โซฟา ส่วนมันไปหยิบกล่องยาสามัญกับน้ำมาให้ผม ผมรับแก้วน้ำมากระดกเข้าปาก แล้วหันหน้าไปทางเสียงที่เรียก


“หันมา เดี๋ยวกูทายาให้”


ยาแก้อักเสบบวมช้ำถูกป้ายลงบนหน้าเบาๆ ตรงจุดที่น่าจะเป็นรอยแผล เสื้อเชิ้ตขาวที่ผมใส่อยู่ถูกถอดด้วยมือผมเอง ส่วนมันก็ทายาให้ช้าๆ เหมือนระวัง กลัวว่าผมจะเจ็บ แต่ผมก็ไม่ได้เจ็บสาหัสอย่างที่มันกลัวหรอกครับ แค่นิดหน่อยเอง


พอทายาเสร็จ ผมก็กลับมาใส่เสื้อเหมือนเดิม พี่ชมพูก็หยิบยาแก้อักเสบมาให้ผมกิน ซึ่งผมไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะส่วนมากอาการอักเสบ ปวด ช้ำจะหนักขึ้นในวันต่อไป


“นอนมั้ย”


“ก็ดี”


สิ้นคำ ผมก็ลุกเดินตรงไปห้องนอนของมันเลย ไหนๆ ก็ถามเป็นเชิงอนุญาตแล้ว ส่วนเจ้าของห้องก็เดินตามผมเข้ามาในห้องด้วยเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปล้างมือล้างตีนในห้องน้ำให้สะอาดก่อนจะขึ้นเตียงไป ตามนิสัยที่ทำอยู่ประจำ เพราะชอบนอนบนที่นอนสะอาดๆ


เตียงยวบลงไปค่อนข้างเยอะ เรียกสายตาผมให้หันไปมอง ก็เห็นว่ามีตุ๊กตาหมีควายตัวใหญ่ล้มตัวลงมานอนข้างๆ กัน มองผมตาแป๋ว (?) ผมยิ้มให้มันทีนึงก่อนจะปิดตาลงช้าๆ แต่แค่แป๊บเดียวก็ต้องเปิดตาขึ้นอีกรอบ เพราะสัมผัสบางอย่างที่อยู่บนหัวของผม


พี่ชมพูกำลังมองผม แล้วก็ลูบหัวผมช้าๆ เหมือนผมเป็นเด็กคนนึง แต่... ผมรู้สึกว่าผมชอบความรู้สึกนี้นะ มันบอกไม่ถูกว่ะ เหมือนว่ามันอุ่นๆ อยู่ในอก แล้วก็รับรู้ได้ว่าแววตาที่มองผมอยู่กำลังถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างที่ชัดเจนมาให้


“กูรักมึง”


ผมหลุดยิ้มออกมานิดหน่อยกับประโยคนั้น มันบอกให้ผมฟังตั้งหลายรอบแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยิน แล้วก็หวังว่าจะได้ยินต่อไปอีกนานๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าอยากได้ยินก็เท่านั้น


“ดูแลตัวเองหน่อย อย่าทำอะไรบ้าบิ่นให้มากนัก มึงก็รู้ว่ากูเป็นห่วง”


“อืม”


ผมครางเสียงตอบไปสั้นๆ แค่นั้น แค่ให้รับรู้ว่าผมเข้าใจความเป็นห่วงของมัน ถึงจะไม่แน่ใจว่าผมจะทำได้อย่างที่มันขอไว้หรือเปล่า


“พี่ก็อย่าบ้าพลังแล้วใช้อำนาจให้มาก เดี๋ยวจะเจอดีเข้าสักวัน”


คำเตือนของผมเรียกเสียงหัวเราะจากมันได้ พลอยให้ผมหัวเราะออกมาด้วย เราต่างมองกันแล้วก็ยิ้ม ก่อนผมจะล่ำลา


“ไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะคร้าบบบบ”







อ่านต่อด้านล่าง

v

v

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากข้างบน

v

v







ควรจะเรียกว่าอะไรดี ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก หรือพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก? สถานการณ์ตอนนี้มันยังไงไม่รู้ว่ะ รู้แต่เหมือนจะมีเรื่องอีกแล้ว เรื่องที่ผมไม่ได้ก่อด้วยเหอะ แม่ง เซ็งโคตรๆ


ผมมองหน้าเด็กปีหนึ่งที่คราวนี้เป็นผู้หญิง กำลังมองผมด้วยหน้าเหยียดๆ เหมือนผมเป็นตัวโสโครกอะไรสักอย่าง เห็นแล้วรู้สึกอยากจะควักลูกตาออกมาให้ได้ซะจริงๆ ทั้งที่ปกติแล้วผมออกจะใจดีกับผู้หญิง แต่เด็กคนนี้ไม่ไหว ปากคอเราะร้าย


“ตุ๊ดก็อยู่ส่วนตุ๊ดสิ มายุ่งกับเรื่องหญิงชายทำไม”


“น้องพูดอะไรครับ พี่ไม่รู้เรื่องนะ อยู่ๆ มาพูดแบบนี้พี่จะเข้าใจได้ยังไงครับ แล้วพี่ก็ไม่ได้เป็นตุ๊ดนะครับ”


“อย่ามาตอแหล”


ผิดมั้ยครับถ้าผมจะอยากจับหัวยัยเด็กนี่กดน้ำให้ตายสักสองสามรอบ


“คำว่าตอแหลไม่เหมาะกับพี่หรอกครับ เพราะพี่ไม่เคยทำ ถ้าน้องจะหาคนแบบนั้น คงต้องไปหาที่อื่นแล้วล่ะครับ เพราะเดี๋ยวจะรบกวนคนอื่นเขา”


ผมสวนเธอกลับบ้าง เธอก็ทำท่าฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียดใส่ ความผิดกูหรือไงวะเนี่ย?  ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายัยเด็กนี่มาเรียกผมไว้ทำไม ทั้งที่ผมกำลังจะเข้าห้องเรียนคาบเช้า คนอื่นเข้าห้องไปหมดแล้ว เหลือผมเนี่ย


“อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะมาข่มได้ มีคู่เกย์ของตัวเองเป็นประธานปีสี่แล้วยังไง ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกเด็กงั้นเหรอ ทั้งที่คนที่ไปยุ่งกับทิวก่อนคือยัยแซนดี้แซนด้าอะนั่น”


ได้ฟังประโยคนี้ ผมก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วครับ ว่ากระบอกไม้ไผ่ที่ฟักยัยนี่ออกมา อยู่ตรงไหน ไม่พ้นน้องรหัสคนสวยของผมจริงๆ ถ้าถามผม ผมไม่ค่อยเชื่อหรอกว่าแซนจะทำอะไรแบบนั้น ตั้งแต่เรื่องเด็กปีหนึ่งที่ทำร้ายผมแล้วยังผู้หญิงคนนี้อีก


“พี่ว่าน้องคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ”


“เข้าใจผิดเหรอ” เธอทำหน้าและเสียงไม่พอใจ เหลือบมองผมทั้งตัวทั้งที่ผมสูงกว่าแบบเหยียดหยัน เบะปากใส่ซะอีก นี่ถ้าเป็นผู้ชาย เป็นคนรู้จัก คงโดนผมตบกบาลคว่ำไปแล้ว “ตัวก็ผอมแห้งอ้อนแอ้นแบบนี้ แถมใครๆ ก็รู้ว่าไอ้ประธานปีสี่เส็งเครงนั่นมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ เหมือนหมาตอมขี้ อย่ามาทำเป็นรับไม่ได้แล้วก็เลิกเสือกเรื่องทิวซะ บอกยัยน้องรหัสร่านๆ ไว้ด้วยว่าอย่ามายุ่งกับผัวคนอื่นอีก!!”


คำพูดคำจาของเธอทำให้ผมรู้สึกรับไม่ได้เลยจริงๆ ถึงผมจะเคยขึ้นเตียงกับผู้หญิงมาหลายคน พวกที่เจอในสถานที่อโคจรก็มีเยอะ แต่ไม่เคยมีใครที่ผมหิ้วไปด้วยแล้วใช้คำพูดคำจาแบบนี้ โดยเฉพาะเวลาอยู่ในชุดนักศึกษาหรือชุดนักเรียน


“พี่มั่นใจว่าน้องรหัสของพี่ไม่ร่านนะครับ แต่น้อง... ควรจะพิจารณาดูตัวเองบ้าง ที่มาโวยวายเรื่องนี้ สมควรต่อว่าคนอื่นแล้วเหรอครับ”


ผมพยายามพูดกับเธอให้ดีที่สุดแล้ว ถึงมันจะดูกวนอารมณ์อยู่ก็เหอะ แต่จะให้ผมตอบกลับแบบไม่รู้สึกอะไรผมคงทำไม่ได้ แล้วก็เหมือนเดิมที่สิ่งที่ผมเสนอไปเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายรับไม่ได้ เพราะเธอร้องกรี๊ดๆ ก่อนจะตบหน้าผมเข้าเต็มแรง แล้วโวยออกมาอีกรอบ


“ถ้ายัยแซนนั่นมายุ่งกับทิวอีก ระวังไว้เลย ฉันไม่ปล่อยไว้แน่!!”


ยัยผีเน่าฝากความแค้นไว้กับผม ก่อนจะวิ่งหนีไป เป็นการกระทำที่เด็กและสิ้นคิดจริงๆ แถมกูโดนตบฟรีอีกต่างหาก ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตรงที่โดนตบ ดีว่ามันไม่ไปซ้ำรอยเดิมกับที่โดนต่อยเมื่อวาน เลยไม่รู้สึกแย่สักเท่าไหร่ ผมคิดว่าผมต้องคุยกับแซนเรื่องนี้แล้ว ความสวยเป็นเหตุจริงๆ ให้ตายเหอะ


ผมเดินเข้าห้องเรียนไป ทุกสายตาก็มองมาที่ผมเหมือนกันหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอ้ปลายที่เป็นประธานเมเจอร์ของผม ยัยนี่ก็ชอบหาเรื่องแซวผมจริงๆ


“ไหงจ๊ะเธอ มาช้าเชียวนะ ล่ำลาอยู่กับสามีสุดหล่อเหรอ”


“สามีอะไร ปลาย เราไม่มี”


“ไม่มีจริงอะ แล้วใครนะ มาตามเทียวไล้เทียวขื่อตลอดๆ เอ หรือคนนี้จะไม่ใช่สามี แต่เป็นอีกคน”


“อีกคนอะไร เราไม่มีจริงๆ เข้าใจแล้วผิดแล้ว”


ผมยังตอบเธอไป ทำเหมือนไม่มีอะไรทั้งสิ้น เพราะมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ ถ้าไม่นับรวมไอ้พี่ชมพู ผมนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตัว หยิบชีทกับปากกาขึ้นมาเตรียมเรียนเต็มที่แต่ไอ้ปลายก็ยังเดินมาอยู่หน้าโต๊ะ จะไม่แซวผมสักวันนี่ไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย


“ก็กราฟสุดหล่อไง ได้คนใหม่เลยลืมคนเก่าเหรอ แบบนี้กราฟคงน้อยใจแย่”


“มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เรากับกราฟเป็นเพื่อนกันนะปลาย”


“แล้วพี่ภูล่ะ หื้ม หื้ม”


โดนถามมาแบบนี้แล้วจะตอบยังไงดีล่ะครับ โกหก เดี๋ยวจับได้ จะมาหาเรื่องแซวผมอีก แล้วมันคงเปิดโปงแน่นอน เพราะไอ้ปลาย แม่งเหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ไหน แค่มาคอยแซวคอยล้อว่าผู้ชายเป็นเกย์นี่ก็ประหลาดพอแล้ว


“ไม่ตอบเหรอ”


“ก็มันไม่มีอะไรให้ตอบ”


ผมเบี่ยงหน้าหลบไปด้านข้าง จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ายัยจอมเสือกอีก แต่ดันลืมไปว่าไอ้ด้านที่หันให้มันเห็นเป็นด้านที่เพิ่งถูกตบมา แล้วมันก็ยังชาอยู่หน่อยๆ เพราะไอ้เด็กบ้านั่นไม่ยั้งมือเลย ตบมาเต็มแรงจนผมหน้าหัน พอไอ้ปลาย เห็นก็ตาเหลือกมองผมอย่างตกใจ ถลาเข้าหาผมจนติดโต๊ะ ชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ๆ


“มึงไปโดนอะไรมา”


สันดานมันเริ่มออก ปกติมันจะกูมึงกับผมนี่แหละครับ แต่เวลาแซวผมเรื่องไอ้พี่ชมพูหรือเรื่องกราฟ จะชอบเรียกผมว่าเธอมากกว่าเพื่อความบันเทิง (?)


“กราฟ เมียมึงโดนรุมโทรม!!!”


หลังจากเห็นว่าหน้าผมมีรอยไม่พึงประสงค์ ทั้งรอยมือที่โดนตบ รอยช้ำที่โดนต่อย ไอ้ปลายก็โหวกเหวกเสียงดังตลาดแตก เรียกเพื่อนรักของผมเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ไอ้กราฟเลยรีบลุกขึ้นมาดูด้วยท่าทีตกใจ แป๊บเดียวมันก็มาหยุดที่โต๊ะผมแล้ว ว่าแต่กูไปโดนรุมโทรมตั้งแต่เมื่อไหร่??!!


กราฟใช้มือจับคางผมแล้วพลิกเบาๆ ดูรอยแดงที่หน้าของผม คงเพราะผมขาวเกินไป เวลาเป็นรอยมันถึงเห็นชัดแบบนี้ ไอ้กราฟเพ่งสายตามองผมเหมือนจะสแกนว่าหน้าผมมีรอยอะไรมั่ง ก่อนจะทำตาดุใส่ผม มึงเป็นเพื่อนนะ เพื่อนร้ากกก ไม่ใช่ป๊า อย่าทำตาดุกูแบบนั้น


“โดนอะไรมา”


มันถามผมเสียงเบา เพราะปลายยังยืนอยู่ข้างๆ ผมก็ตอบมันเสียงเบาเหมือนกัน พยายาให้ได้ยินกันแค่สองคน หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้ไอ้ปลายจับความได้


“นิดหน่อยน่า”


“พี่ภูรู้หรือยัง”


มันทำเสียงโหดใส่ผม ได้ไงๆ ทุกครั้งผมข่มมันนะ ทำไมมีเมียแล้วโหดกับเพื่อนเหรอ ผมเลยพูดกับมันเพราะๆ ซะ มันจะได้ไม่ทำเสียงโหดใส่ผมอีก


“ยังครับ กราฟไม่ต้องบอกหรอก ยีนไม่เป็นไร”


“ยีนคิดว่ากราฟทำได้เหรอครับ”


“ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย”


“ยีนคิดว่างั้นเหรอ”


กราฟถามกลับพลางเอานิ้วลูบที่แก้มผมเบาๆ ตรงรอยที่โดนตบ แล้วมันก็คงทำให้คนอื่นๆ รู้สึกถึงรัศมีสีม่วงเข้มหรือไงไม่รู้ พอผมเหลือบตาไปรอบข้าง ก็เห็นคนอื่นๆ ในเมเจอร์ที่กำลังรออาจารย์เข้ามาสอน มองมาทางผมกับไอ้กราฟกันหมด หนำซ้ำเสียงไอ้เหี้ยปลายยังยิ่งกว่าป่าวประกาศ


“นี่ถ้ากูเป็นสาววายนะมึงงงงงง กูฟินไปถึงดาวพลูโต ทะลุไปจักรวาลอันไกลโพ้นแล้ว”


ผมล่ะอยากจะหันไปด่ามันเหมือนเวลาด่าเพื่อนในกลุ่มเหลือเกิน ปากมาก ชอบหาเรื่องให้กูตลอด พยายามอะไรนะ จิ้น? ผมกับไอ้กราฟให้เป็นผัวเมียกันอยู่ได้ มันไม่ใช่โว้ยยยยยย ถึงผมจะรักมันมาก จนกอดจูบกันเป็นเรื่องปกติได้ด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังไม่แอดวานซ์ขนาดนั้น


แต่ไอ้กราฟก็ไม่ได้สนใจหรอกครับ มันหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครสักคนที่ผมไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร พูดอยู่สองสามประโยคก่อนจะวางสายไป นาทีนั้นแหละที่ทุกคนเพ่งสายตาไปหามัน เหมือนกับกำลังรอลุ้นว่ากราฟโทรหาใคร ทั้งที่น่าจะรู้ๆ กันอยู่ เหอะ ผมว่าคงจะปิดใครต่อไปไม่ได้นานหรอกครับ ถ้าทุกคนพยายามทำให้มันชัดเจนแบบนี้


ถ้าให้พูดตามตรงแล้ว ผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรที่จะบอกคนอื่นว่าผมกับไอ้พี่ชมพูเป็นอะไรกัน เพียงแต่ผมไม่อยากถูกไอ้ปลายคอยล้อคอยแซวต่างหาก มีผู้ชายคนไหนบ้างชอบให้คนอื่นมาเรียกว่าตัวเองเป็นเมีย ถึงตอนนี้ผมจะถูกแปรสภาพกลายเป็นเกย์โดยไม่รู้ตัวแล้วก็เหอะ ทั้งที่ผมก็แค่มีแฟนเป็นผู้ชายคนเดียว ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน


ไม่นานเกินรอ คนที่ถูกคนคาดหวังว่าจะโผล่มาก็มาจริงๆ มันเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้องเรียนของผมเหมือนไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไรยังไง ก็แน่ล่ะครับ มันเคยทำอะไรเหี้ยๆ บ้าๆ บอๆ จนคนรู้กันหมดแล้วว่ามันพยายามจะซัมติงรองกับผม แล้วพอมันมาหยุดที่โต๊ะของผมก็มองหน้าผมเหมือนจับสังเกต


“ไป”


หลังจากที่มันเห็นสภาพหน้าของผมที่ได้แผลเพิ่มมาอีกหนึ่งรอย ก็พูดแค่คำนั้นแหละครับ แล้วก็ดึงมือผมให้เดินออกจากห้องไปด้วยกันเลย แถมยังไม่วายสั่งไอ้กราฟ


“เก็บของให้ยีนด้วยนะมึง”


“ครับ”


ไอ้กราฟก็รับคำว่าง่ายเหลือเกิน ผมเลยได้แต่เดินตัวปลิวมาตามแรงดึงของหมีควายที่ดูอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่ จนมาถึงรถ มันถึงได้ปล่อยมือผมออก ไม่รู้เหมือนกันว่าคนเห็นมากี่ร้อยแล้ว เพราะเล่นเดินฝ่ากลางคณะมา แล้วบางคนไม่มีเรียนก็นั่งสุ่มหัวกันตามโต๊ะหน้าคณะอีก


“ใครทำมึง”


“ไม่รู้จัก”


ผมตอบมันไปตามความจริง แต่มันคงคิดว่าผมกวนตีนนั่นแหละครับ ถึงได้บอกให้ผมตอบดีๆ ผมไม่ได้มียี่ห้อกวนตีนแปะอยู่บนหัวตลอดเวลานะเว้ย


“ไม่รู้จัก แต่เห็นพูดถึง ทิวกับแซน”


“แซน? น้องรหัสมึงนี่สร้างเรื่องให้มึงอีกแล้วเหรอ แล้วทิวนี่ใครวะ มึงรู้จักเหรอ”


ไอ้พี่หมีควายโวยอยู่หน่อยๆ พลางเอนหลังพิงกับประตูรถของมัน ตาก็จ้องมองผมเหมือนจะเอาคำตอบ ผมรู้จักก็บ้าละ คนที่ผมรู้จักนี่มันเก็บข้อมูลมาหมดแล้วมั้ง ยิ่งกว่าป๊าอีกเหอะ


“เด็กที่มีเรื่องกันเมื่อวาน”


“เออ ให้มันได้แบบนี้” ท่าทางมันออกจะเซ็งๆ ครับ แต่ยังแสดงความเป็นห่วงผมนิดๆ นิดจริงๆ “กูว่าเรียกแซนมาคุยเรื่องนี้ซะให้จบ น้องรหัสมึงก็สวยดีหรอก แต่สวยแล้วสร้างปัญหาแบบนี้กูว่ามึงไม่ควรเข้าไปยุ่ง เกิดคราวหน้ามันทำมึงเจ็บตัวกว่านี้จะทำยังไง มึงนี่ก็มัวแต่ห่วงภาพพจน์อยู่ได้”


“ผมก็กะจะคุยอยู่ แต่พอดีวันนี้มันเกิดเรื่องก่อน ความผิดผมที่ไหนวะ คิดว่าผมอยากโดนต่อยโดนตบฟรีดิ แล้วผมก็ไม่ได้ห่วงภาพพจน์เหี้ยอะไรขนาดนั้นด้วย แต่ถ้าผมเผยตัวจริงออกมา อาจจะโดนเล่นหนักกว่าเดิมก็ได้ เห็นผมเป็นคนดี เรียบร้อยนักหรือไง”


“เออๆ มึงมันกวนตีน ปากหมา ไร้สัมมาคารวะ น่าเอาตีนลูบปากเป็นที่สุด”


ได้ที่มันเลยใส่ผมฉอดๆ ถึงผมจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่พอได้ยินจากปากมันแล้วก็รู้สึกอยากเอาตีนลูบปากแม่งเหมือนกันนั่นแหละ ผมกับมันต่างกันแค่ไหนกันเชียว แถมมันยังบ้าพลัง บ้าอำนาจ เผด็จการอีกต่างหาก อาการหนักกว่าผมซะอีก ไม่เข้าใจเลยว่าผมไปรักมันได้ยังไง


“ยังเจ็บอยู่มั้ย”


มันคงเห็นว่าผมทำหน้าไม่พอใจ เลยถามเสียงเบาลงหน่อย ดูเป็นห่วงผมมากขึ้น แต่อารมณ์ของผมยังไม่ลง เลยตอบกลับไปห้วนๆ


“หายแล้ว”


แต่ดูมันจะไม่เชื่อที่ผมบอกว่ะ แม่งเลยจิ้มนิ้วลงมาบนแก้มผมเต็มแรง ย้ำว่าเต็มแรง เหี้ย แก้มกูจะทะลุละแม่งเอ๊ยยยย


“ไอ้สัด เจ็บนะเว้ย!!”


“อ้าว เมื่อกี้บอกว่าหายแล้ว”


“มาลองโดนจิ้มมั่งเปล่าล่ะ แรงแม่งยิ่งกว่าหมีควายทลายผา”


ไม่พูดอย่างเดียว ผมยื่นนิ้วไปกระทุ้งแก้มมันบ้าง มันต้องรีบจับมือผมเอาไว้ ก่อนที่มันจะถูกผมประทุษร้ายจริงๆ เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกล็อกตัวเอาไว้ ไม่รู้ว่าแม่งเห็นว่าเป็นโอกาสหรือเปล่า ถึงได้ฉวยซะ เอาแขนวางรอบเอวผมเหมือนจะกอดเอาไว้


“โอเคๆ กูผิด”


“งั้นก็ปล่อยได้แล้ว คนอื่นมาเห็นจะยุ่งอีก”


“มึงนี่นะ จะไม่ยอมให้คนอื่นรู้เลยใช่มั้ยว่าเป็นแฟนกัน แถมพ่อแม่ ป๊าก็รับรู้แล้วก็ยอมรับแล้ว”


มึงต่างหากไม่รู้อะไร เขารู้กันจะทั้งคณะแล้ว แค่กูกับมึงยังไม่พูดออกมาแบบชัดเจนเท่านั้นแหละเว้ย ก็เล่นทำซะแบบนี้ ผมถลึงตาใส่มันตามด้วยกระทืบเท้ามันอีกที จากที่กอดผมอยู่ มันเลยปล่อยออกอย่างเร็ว ผมจึงถือโอกาสนี้รีบขึ้นรถก่อนแม่งจะทำบ้าอะไรอีก


“ไปคอนโดกราฟนะ ผมจะเอาเฟอร์รารี่ออกมาระบายอารมณ์หน่อย”


หลังจากไอ้ตัวใหญ่ขึ้นนั่งประจำที่ ผมก็ถอดแว่นที่เกะกะออกแล้วสั่ง แต่มันก็ขัดผมเหมือนเดิมแหละครับ ไอ้นี่แม่งขัดผมทุกเรื่อง


“แต่หัววันเลย แล้วมึงจะไปซิ่งที่ไหน”


“สนามของพี่เคนไง โทรไปบอกพี่เขาด้วยว่าผมจะไป”


ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกอะไรที่ถูกทำซะหน้าหล่อๆ เยิน ถึงจะแค่เป็นรอยช้ำ รอยตบไม่มาก แต่จริงๆ แล้วผมก็อารมณ์เสียอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาเท่าไหร่ อีกอย่างผมไม่ได้ออกมาซิ่งรถเลยนับจากวันที่แข่งกับไอ้พี่ชมพูวันนั้น เลยนึกอยากยืดเส้นยืดสายขึ้นมา แล้วท่าทางผมคงเอาจริง มันเลยพาไปแต่โดยดี โทรหาพี่เคนให้ด้วย แหล่ม!!







=====================
น่าจะมาช้าเกินไปนะเนี่ย
เข้ามาอีกทีโดนย้ายห้องซะแล้ว
คงต้องรอลุ้นว่าจะมีใครเข้ามาส่องหรือเปล่า

ตอนพิเศษนี้แบ่งเป็น 3 ตอนจบนะคะ
ก็ไม่มีอะไรมาก ไร้สาระไปเรื่อยเปื่อย ไปตามประสาแหละค่ะ
แล้วก็ขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า พอดีติดนั่นนี่นู่น กว่าจะจูนกลับมาก็แทบแย่  :sad4:

หวังว่าคนที่อ่านตอนนี้ จะอ่านอย่างมีความสุขนะคะ



Undel2Sky








ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
น้องรหัสนี่ยังไงๆกับพี่ชมพูหรือยีนต์หรือเปล่าเนี่ย

น้องยีนต์เผยธาตุแท้ออกมาเล้ย หมั่นไส้น้องปีหนึ่งจริงๆ เฮ้อ

ออฟไลน์ JingJing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
สนุกมากค่ะ รอตอนพิเศษจ้า

 :pig4: :pig4:


GGG24

  • บุคคลทั่วไป
น้องยีนประกาศเลย ๆๆๆ
ตกลงน้องรหัสยีน ร่าน ไม่ร่าน ????

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
น้องยีนโดนตบ  :fire:

ชะนีทั้งหลายไม่ควรมีที่ยืนเพราะแบบนี้ ตายซะเหอะ มาทำน้องยีนของป้าได้งัย  :beat: :z6:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
รู้สึกตงิดๆกับน้องรหัสง่ะๆ สนุกๆๆๆจ้ามาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1

vevi

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษน้องยีนเจ็บตัวตลอด พี่ภูดูแลชิดใกล้ด้วยจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
น้องรหัสของยีนจะแรดเงียบหรือเปล่า อ่านแล้วมันแปลก ๆ  รอลุ้นตอนหน้าๆ

ยังติดตามอยู่ค่ะ รวมถึงกราฟไนล์ด้วยน้า ยังไม่ลืม  :กอด1:

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :angry2: อยากตบยัยแซนจิงว๊อย

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ lunarinthesky

  • ~ My Cutie Candy... ~ Meow
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-0
ตามมาอ่านแน่นอนจ้า

ปล.รวมเล่มไหมเอ่ย


ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
รุ่นน้องยีนแต่ละคนอะไรกันนะนั่น

ออฟไลน์ jinjin283

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 934
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
น้องแซนทำพี่ยีนซวยไปหลายรอยแล้วนะเนี่ยย
แต่แอบคิดว่าคุณเธอเป็นสาววายอะป่าว อิอิ

ออฟไลน์ noy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-9

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เด็กสมัยนี้มันแรงแท้
เป็นนศ.แต่ประกาศว่าคนนี้นั้นโน้นผัวหนู


อือหือ กลัวไม่มีขนาดหนักนะ

ถึงจะรู้ว่านี่มันนิยายแต่ก็อดคิดไม่ได้แฮะว่า ถ้าในความเป็นจริงมีแบบนี้ หรือเจอแบบนี้
ต้องสงสารพ่อแม่หรือลูกของเด็กคนนี้ในอนาคต

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
แอบสงสัยว่ายัยแซนจะไม่ได้สวยอย่างเดียว อาจแสบด้วยรึเปล่า

เม้นรวมนะ
เรื่องนี้สนุกมาก พี่ภูกับน้องยีนกวนกันได้โหดมันส์ฮา
ต่างคนต่างเจ๋งมาเจอกัน อ่านแล้วติด วางไม่ลงเลย
ก๊วนเพื่อนๆก็รักกันดีจัง
บวกๆจ้า^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ChaaChu101

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบบมากกกคะ สนุกมากกกก
เนื้อเรื่องอ่านได้ต่อเนื่องไม่สะดุดเลยยยยย
ชอบความรักของเพื่อนแบบนี้มากก น่ารักก
พี่สีชมภูตอนแรกที่อ่านไม่ชอบบบเลยยย
อ่านไปอ่านมาเริ่มชอบบบ ยิ่งมีมุมน่ารักมากขึ้นเวลาอยู่กับน้องกางเกงยีน

ขอบคุณมากกค่าาา ชอบมากกจริงๆ
ปล. อยากอ่านฉากถอดแว่นจริงๆๆ อยากให้คนอื่นรู้บ้างงน้องกางเกงยีนเราหล่อนะ นะ นะ เนอะๆ

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนพิเศษ 1.2 : ความสวย คือ หายนะ
























แล้วผมก็ได้เสพสุขอย่างเต็มที่ ความสุขของผมอยู่ตรงนี้แหละครับ ความสุขที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กำลังกระหึ่ม คันเร่งที่ถูกเหยียบด้วยผมเอง ความเร็วของสิ่งรอบตัวที่วิ่งฝ่าไป มันทำให้ผมอารมณ์ดีได้จริงๆ ผมแตะเบรกก่อนอจะหยุดลงหลังจากวิ่งวนในสนามที่กว้างที่สุดมาห้ารอบจนหนำใจ แล้วก็ลงมาสูดอากาศข้างนอกที่ค่อนข้างสดชื่นสำหรับผม


“ท่าทางมีความสุขจริงๆ นะมึง”


“มันแน่อยู่แล้ว ไม่ได้ขับเลยนี่หว่า พังพืดจะเกาะตีนผมหมดแล้วเนี่ย”


ผมยื่นขาออกมาแล้วกระดิกตีนไปด้วย คำตอบของผมทำให้มันหัวเราะแล้วส่ายหัวเบาๆ แถมยื่นมือมาขยี้ผมของผมอีกต่างหาก แต่ตอนนี้ผมอารมณ์ดีเกินกว่าจะอารมณ์เสียใส่มันครับ อนุญาตให้มันสักหน่อยก็ได้ ไหนๆ ก็บริการผมขนาดนี้แล้ว แม้แต่รถก็เป็นรถมัน


นึกแล้วก็ขำ ไม่คิดว่าแม่งจะง้อผมด้วยการยกรถให้ แล้วไม่ใช่รถแค่คันละเป็นแสน ถ้าแม่งไม่บ้า ก็โคตรบ้ามากเหอะ ทั้งที่จริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากจะเอาของมันจริงๆ ยังไงผมก็มีจิตสำนึกอยู่นะครับ แต่ในเมื่อมันยินยอม ผมก็ขอสักหน่อยแล้วกัน ค่อยบอกมันทีหลังตอนที่ผมพอใจ


“ว่าแต่พี่ไม่มีเรียนเหรอวะ ถึงออกมากับผมเนี่ย”


“มึงคิดว่าปีสี่มีวิชาที่ต้องเรียนมากแค่ไหนเชียว”


“เออๆ ถึงมีพี่ก็โดดอยู่ดีใช่ป่ะล่ะ”


ผมตอบแบบรู้ทัน หันไปยักคิ้วกวนๆ ให้มันด้วย มันก็ขยี้หัวผมอีกรอบแล้วหัวเราะ ดูจะมีความสุขมาก แต่ผมก็ไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่หรอก


“อะแฮ่ม ขออนุญาตที่ขัดจังหวะสวีท”


เสียงที่สามเรียกผมกับไอ้พี่ชมพูให้หันไปมองพร้อมกันได้ แล้วคนที่มาก็ไม่ใช่ใคร พี่เคนเจ้าของสนามนี่แหละ เขาเป็นเพื่อนกับไอ้พี่ชมพู แล้วก็สนิทสนมกับกลุ่มผมพอสมควร เพราะเมื่อก่อนผมมาใช้สนามนี้บ่อยๆ


“สวีทอะไรพี่ แค่คุยกัน”


“เออๆ พวกมึงอาจจะบอกว่าคุยกัน แต่ออร่าความสุขมันกระจายว่ะ ใครเห็นก็รู้ มาคราวก่อนยังแข่งกันอยู่เลย มึงด้วยไอ้ภู ลากน้องเขาไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับมาคราวนี้หวานเจี๊ยบ มีซัมติงอะไรไม่บอกกันหรือเปล่า”


เอาจริงๆ พี่เคนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผมหรอกครับ เขาก็คงพูดเท่าที่เห็น แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมก็คุยกับไอ้พี่ชมพูแบบนี้มานานแล้ว กวนตีนกันบ้าง หัวเราะบ้าง หรือเพราะไอ้พี่ชมพูมันวางแขนพาดบ่าผมอยู่ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะผมกับพวกเพื่อนๆ ก็ทำกันบ่อย ผมว่าผมทำตัวไม่ต่างจากเวลาอยู่กับเพื่อนเลยด้วยซ้ำเหอะ


“ออร่าความสุขยังไง ก็เหมือนเวลาผมคุยกับพวกกราฟ กัส เคลมนี่ครับ”


“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่กูรู้สึกเฉยๆ ว่ะว่าบรรยากาศมันไม่เหมือนกัน เหมือนพวกมึงไม่ได้เป็นพี่น้องกันน่ะ กูอธิบายไม่ถูก”


พี่เขาพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ผมกระจ่างขึ้นเลย ผมหันไปมองไอ้พี่ชมพู มันก็ทำหน้าไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะว่ากันตรงๆ ก็มีบ้างที่พี่ชมพูจะออกหน้าออกตา แต่อย่างเมื่อกี้มันก็ไม่ได้ทำอะไร หรือผมกับมันจะแผ่รังสีได้ว่าเราสองคนเป็นอะไรกันวะ ยิ่งพูดก็ยิ่งงง


“ผมก็งงกับพี่เหมือนกัน”


“แล้วสรุปนี่ยังไง พวกมึงเป็นหรือเปล่า”


“เป็นอะไรพี่”


ผมถามแบบซื่อๆ พี่เคนเลยส่ายหัวหน่อยๆ เหมือนเอือมคำถามผม ก็ผมอยากรู้นี่หว่าว่าเขาจะมองออกจริงๆ อย่างที่ว่าหรือเปล่า


“เป็นอะไรที่มากกว่าพี่น้อง เป็นแฟนกันอะไรแบบเนี้ย”


“พี่คิดว่ายังไง ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ”


คราวนี้ไอ้พี่ชมพูตอบ ผมก็ไม่ได้ค้านอะไร เพราะสักวันพี่เคนคงต้องรู้ แล้วเขาก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชีวิตผมด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องปิดบัง ซึ่งพอได้คำตอบ พี่เคนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะยื่นกระป๋องเบียร์ในมือที่พี่แกถือเอาไว้ ให้ผมกับไอ้พี่ชมพูคนละกระป๋อง เพราะเขาเอามาสามกระป๋อง


“ขอบคุณครับพี่”


“เออๆ ไม่เป็นไร นานๆ จะมาที เห็นแต่ไอ้กัสกับไอ้เคโผล่หัวมา กูนึกว่ามึงกับกราฟจะไม่มาอีกแล้ว”


“ผมเลิกแล้ว ตอนนี้เป็นเด็กดี”


“เด็กดีของไอ้ภูน่ะเหรอ”


ถามแบบนั้นแล้วพี่เคนก็หัวเราะออกมา ผมเลยต้องรีบแก้ต่างก่อนที่จะถูกเข้าใจผิด แต่ถึงจะแก้ พี่เขาก็หัวเราะอยู่ดี อะไรวะ น่าขำอะไรขนาดนั้นหรือไง


“ของป๊าเหอะพี่”


ผมกับพี่ชมพูเปิดกระป๋องแล้วก็กระดกเบียร์ที่อยู่ในนั้นเข้าปาก แต่ผมล่ออึกใหญ่สักหน่อย ก็คนมันไม่ค่อยได้มีโอกาส คงเข้าใจกันนะครับ ไอ้พี่ชมพูหรี่ตามองผมมาเหมือนจะปรามๆ


“อย่าแดกมากนะมึง”


“แค่กระป๋องเดียว”


“อะไรมึง แค่นี้ก็หวงแล้วเหรอวะ”


พี่เคนเหลือบตามองแบบอยากรู้อยากเห็นเชิงล้อ ผมเลยยกให้เป็นหน้าที่ไอ้พี่ชมพูเป็นคนตอบ แต่พอได้คำตอบ ผมชักไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ตัดสินใจแบบนี้


“เวลาเมาแล้วมันน่ารัก”


“โอ๊ะโห ไม่เคยเจอเลยแฮะ แสดงว่าพวกเพื่อนๆ มันคงเห็นมากันหมดแล้วดิ”


เหมือนน้ำมันราดลงบนกองไฟที่กำลังลุก จากที่เมื่อกี้ยิ้มขำๆ ตอนนี้ไอ้พี่ชมพูหันมามองผมหน้าตึงกว่าเดิม แถมเสียงเรียบอีกต่างหาก ผมต้องเหลือบตาไปทางอื่น ไม่มองหน้ามันแล้วยกเบียร์ขึ้นซด


“ก็มีบ้าง”


“แล้วมึงอ้อนไอ้กราฟบ้างหรือเปล่า”


“ไม่พอใจย้อนหลังก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะครับ พี่ชมพูววววว”


ผมตลกกลบเกลื่อนไปก่อน เพราะเอาจริงๆ เพื่อนคบกันมานาน เมาๆ ก็มีบ้างล่ะครับ ไปเล่นกับคนนั้น คุยกับคนนี้ จะอ้อนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้ามีก็คงกับไอ้กราฟนี่แหละครับ เพราะผมสนิทกับมันที่สุด แล้วมันก็เทคแคร์ผม ตามใจผม แต่มันก็ไม่ได้มีอะไร เพราะผมไม่ได้เมาบ่อย แล้วก็ไม่ได้คออ่อน


“ตลกนะมึง”


มันตบหัวผมเบาๆ เหมือนไม่ขำด้วย ผมเลยเลิกสนใจแม่งละ ก็รู้ๆ กันอยู่ผมไม่ชอบง้อใครอยู่แล้ว แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต มันเป็นแฟนผมตั้งแต่คบกับไอ้กราฟหรือไง ก็เปล่า แล้วจะมาคิดหยุมหยิมอะไร


“เอาน่ามึง หึงไม่เข้าเรื่องเด็กจะเบื่อเอานะ มาๆ ไม่ต้องแดกแล้ว เดี๋ยวกูแดกเองหมดนี่แหละ ไม่มีใครเดือดร้อนอยู่แล้วถ้ากูจะเมา ส่วนพวกมึงก็กลับไปเคลียร์กันซะ”


“ครับพี่”


ผมยื่นกระป๋องเบียร์คืนพี่เคนแล้วก็เดินขึ้นรถไปประจำที่คนขับ เพราะตอนมา ผมก็เป็นคนขับมาจากคอนโดไอ้กราฟ ส่วนเลกซัสสีดำของไอ้หมีควายจอดอยู่ที่คอนโดไอ้กราฟแทน พอผมขึ้นรถมา สักพักคนตัวใหญ่ขี้น้อยใจก็ตามขึ้นมานั่งเบาะข้างๆ ผมจึงออกรถไป ไม่วายเปิดกระจกรถลงขอบคุณพี่เคนอีกรอบที่ให้ยืมสนาม




















กลับมาถึงห้องของไอ้คนงี่เง่า ผมก็ประจำที่เดิมคือโซฟา ส่วนมันมานั่งข้างๆ ผม ยังไม่เปิดปากพูดสักคำหลังจากขึ้นรถมา แล้วก็ดูท่าว่ามันจะไม่ยอมเปิดปากด้วยถ้าผมไม่เริ่มก่อน อะไรวะเนี่ย ผมผิดตรงไหนวะ??


“นี่ถ้ากูไม่พูด มึงก็จะไม่พูดเลยใช่มั้ย”


ไม่ใช่ผมแน่นอนครับ มันนั่นแหละ เงียบแล้วก็ทนไม่ได้เอง บ้าเปล่าวะ


“ก็นึกว่าไม่อยากพูด เลยไม่อยากรบกวน”


“กวนตีน”


“งี่เง่า”


“เกงยีน”


“พี่ชมพู”


มันไม่ยอม ผมก็ไม่ยอมมั่งล่ะคราวนี้ เพราะมันไม่ใช่เหตุผลที่ผมต้องยอม ซึ่งมันก็คงรู้แหละ เลยถอนหายใจออกมายาวๆ


“มึงนี่ แสดงออกว่าแคร์กูบ้างก็ได้”


“แล้วผมทำเหมือนไม่แคร์พี่ตรงไหน”


“มึงแม่งใจร้าย”


“ใจร้ายห่าอะไรล่ะ” มันเริ่มทำผมอารมณ์ขึ้นอีกรอบ ตอนนี้ไอ้หมีควายทำตัวปัญญาอ่อนฉิบหายเลย อะไรของมัน กูเริ่มเซ็งละนะ “ถ้าเรื่องที่ว่าเมาแล้วผมไอ้อ้อนไอ้กราฟหรืออะไรนั่นก็เลิกคิดไปเลย ผมแทบไม่เคยทำด้วยซ้ำเหอะ คิดไปเองหมดแม่ง หึงไม่เข้าท่า”


“กูหึงก็จริง แต่มันผ่านไปแล้ว กูรู้ กูแค่รู้สึกว่าอยากให้มึงแสดงออกว่ามึงรัก มึงแคร์ กูบ้าง มึงทำตัวเหมือนเดิมแบบนี้ก็ดี แต่บางครั้งกูก็อยากให้มึงดีกับกูมากกว่านี้อีกนิด เอาใจกูบ้างสักหน่อย ได้ไหมวะ”


สิ่งที่อยู่ในใจของมันถูกระบายออกมา และก็ทำให้ผมรู้สึกโหว่งๆ ในใจ เพราะไม่คิดว่ามันจะอยากให้ผมเป็นแบบไหน ผมคบกับมันมาครึ่งปีกว่าแล้ว ผมคิดว่าตอนนี้มันโอเค เป็นสิ่งที่ผมกับมันรับได้ เราเข้าใจกันมากขึ้น ถึงบางครั้งจะยังเถียงกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อน


ผมลืมมองไปว่าผมไม่เคยทำอะไรดีๆ กับมันอย่างที่มันทำกับผม แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ว่ะ มันห่วงผม มันดูแลผม ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับผม มันก็ทำให้ ยอมรับในสิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมทำ ถึงมันจะไม่เห็นด้วย ทั้งที่มันจะไม่ทน จะขอเลิกแล้วไปคบกับคนอื่นที่ให้มันได้มากกว่านี้ ตามใจมัน แทนที่มันจะต้องมาทำตามความเอาแต่ใจของผมก็ได้


มันมีทางเลือก ไม่ใช่ไม่มี แล้วก็ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แต่มันไม่เคยคิดที่จะเดินออกจากทางที่ผมขีดเอาไว้ ถึงมันจะหึงบ้าบอในบางครั้ง แต่มันก็ไม่ได้แย่จนผมรับไม่ได้ แล้วทำไมผมไม่ดูแลความรู้สึกของคนที่รักผมแบบนี้ให้ดีวะ?


ผมหันไปมองมันแบบเต็มๆ ตา มองเข้าไปในตาของมันแบบไม่หลบเลี่ยง ให้มันรู้ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องจริงจัง และผมก็มั่นใจว่ามันเข้าใจสายตาของผม


“ผมถามจริงๆ นะพี่ เหนื่อยมั้ย ลำบากใจมั้ยที่คบกับผม ผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พี่ต้องการสักอย่างเพราะผมยึดติดแต่ว่าผมเป็นคนแบบนี้ ผมให้พี่ทำตามใจผม ทั้งที่ผมไม่เคยตามใจพี่จริงๆ สักที พี่เอาใจใส่ผม แต่ผมไม่เคยมองกลับกันว่าพี่ต้องการให้ผมทำอะไรบ้าง ผมได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ แต่พี่ไม่ได้มันเลย จะจับมือ กอด หรือจูบแต่ละทีก็ลำบาก ต้องต่อปากต่อคำกับผมจนผมอนุญาต ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องทน”


ตาคมๆ นั่นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยกับสิ่งที่พูดออกมา แต่ผมก็อยากจะรู้จริงๆ ว่า...


“เหนื่อยมั้ยที่มีแฟนแย่ๆ อย่างผม”


“เฮ้ย กูไม่ได้หมายความแบบนั้น”


ผมถามจบ มันก็ร้องออกมาโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด ตัวใหญ่ๆ นั่นรีบกระเถิบเข้ามาแทบชิดผม


“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ผมก็อยากรู้ว่าพี่เคยรู้สึกแบบนั้นมั้ย เพราะพอมาคิดๆ ดูแล้ว ผมไม่ได้เป็นแฟนที่ดีเลย”


“กูไม่ได้หวังให้มึงเป็นแฟนที่ดี เพราะกูรู้ว่ามึงเป็นแบบไหนมาตั้งแต่แรก การที่กูคบมึงมาถึงตอนนี้ก็แสดงจุดยืนของกูชัดเจนแล้วว่ากูยอมรับในตัวมึง เพราะฉะนั้นมึงไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องพวกนี้เลย กูก็แค่รู้สึกว่าอยากให้เราหวานกันบ้าง เหมือนคู่รักอื่นๆ ให้กูได้รู้สึกว่ามึงรักกู ไม่ใช่แค่กูที่รักมึงฝ่ายเดียว”


คำอธิบายของมันทำให้ผมเข้าใจอะไรชัดเจนขึ้น แล้วก็ทำให้ผมสบายใจมากขึ้นด้วย ทั้งที่เมื่อกี้ความรู้สึกของผมยังเหมือนดิ่งลงเลว มันสามารถมาก ผมยื่นมือไปจับมือมันเอาไว้ สอดนิ้วไปประสานมือกับมันช้าๆ โดยที่สายตาก็จ้องอยู่แต่ที่มือ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองมัน เพราะกลัวว่าถ้าผมเผลอมอง ผมจะไม่กล้าพูดสิ่งที่อยากพูดออกมา


“ถ้าอย่างนั้นผมก็ทำตัวเหมือนเดิมได้ใช่หรือเปล่า”


“อืม”


“ผมไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวดีๆ กับพี่”


“ถ้ามันไม่ใช่ตัวมึง ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกของมึงก็อย่าเลย ยังไงกูก็ยอมรับทุกอย่างที่มึงเป็นได้อยู่แล้ว”


ได้ยินแบบนั้นผมก็หลุดขำออกมาหน่อยๆ ที่สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว ขำมันด้วยเหอะที่ทำอย่างกับผมเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่มีอยู่ในโลกใบนี้แล้วต้องการการยอมรับ ไม่ได้แตกหน่อออกมาจากเมือกเหนียวๆ แล้วโตมาเป็นก็อตซิลล่านะเว้ย


“งั้นก็ดี ผมก็จะเป็นของผมแบบนี้ต่อไปแล้วกัน” ตอนนี้ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมันแล้ว รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะพูดสิ่งที่ผมเก็บเอาไว้มานาน “นี่พี่”


“อะไร”


มันยิ้มให้ผม ทำให้ผมใจชื้นนิดหน่อย มือของเราสองคนยังคงจับกันเอาไว้ มันไม่ปล่อย ผมก็ไม่ได้ปล่อยออก


“รู้หรือเปล่าทำไมผมไม่เคยบอกว่าผมรักพี่ให้ได้ยิน”


“เพราะยีนไม่ได้รักพี่มั้งครับ”


“ตลกละ”


ผมยกมือข้างที่จับกันเอาไว้ไปเขกหน้าผากมัน มันก็หัวเราะออกมา ผมเองก็หัวเราะเหมือนกัน เป็นความสุขที่เราได้รับกันทั้งคู่


“งั้นทำไม”


“เพราะกลัวบอกไปแล้วพี่จะได้ใจ จะเหลิงอะดิ ยิ่งชอบบ้าอำนาจ เผด็จการกับผมอยู่”


“แล้วตอนนี้ใครเป็นคนกุมอำนาจ”


มันถามกลับ แต่ผมไม่ต้องหาคำตอบเลย เพราะรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นผมแน่นอนอยู่แล้ว ก็ตอนนี้ผมมีตัวประกันเป็นคำสาบานอยู่นี่หว่า


“แล้วก็อีกอย่าง...” ผมเงียบเสียงลงไปแป๊บนึง พลางมองหน้ามันไปด้วย มันก็มองผมเหมือนสงสัย รอฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไป “ผมไม่ได้หน้าด้านเท่าพี่ว่ะ”


จี้จุดครับ จี้เข้าไปเต็มๆ ไอ้พี่ชมพูเลยผลักผมหน้าหงายลงไปกองบนโซฟาเลย แต่แค่นั้นยังไม่เท่าไหร่ มันเสือกตามลงมาคร่อมทับผมไว้อีก มือที่จับกันเมื่อกี้กลายเป็นมาบีบแก้มผมแล้ว โอ๊ยยย ไอ้เหี้ย มึงลืมว่ากูเจ็บหน้าอยู่หรือไงเนี่ย!!!


ผมถีบมันกระเด็นเลยครับ หมดซึ้งแล้ว เพราะแม่งเลย ไอ้ห่านี่


แต่ใช่ว่าจะหมดแค่นั้นนะครับ เพราะพอผมลุกจากโซฟาที่หงายเงิบอยู่ มันก็ฉุดแขนไว้ผมได้พอดึง แถมยังกระชากผมให้ร่วงลงไปบนตักมันได้แบบพอดีซะอีก อะไรจะแม่นขนาดนั้น


“อะไรอีกวะ”


“เปล่า กูแค่คิดว่าอีกหน่อยกูต้องใช้วิธีนี้”


“วิธีอะไร”


“ลูกถีบมึงคือคำบอกรัก”


“ไอ้ควายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”


ผมด่ามัน แต่ดูมันจะมองว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่าเพราะหัวเราะโคตรพ่อโคตรแม่ดัง จะหัวเราะให้ถึงเชียงใหม่เลยใช่มั้ยวะ แถมแค่นั้นไม่พอ มันหัวเราะจนเสียหลัก ล้มลงไปบนโซฟา แล้วยังลากผมลงไปด้วย แขนสองข้างมันกอดผมเอาไว้ไม่ปล่อย ทั้งที่ผมพยายามดันตัวมันออก แต่ก็ไม่รอด มันรัดผมจนจะกลายเป็นกล้วยปิ้งติดกับมัน


“ปล่อยเลยๆ ปล่อยเว้ย อยากโดนกระทืบเหรอวะ สาดดดดดดดด”























รอยบนหน้าของผมจางลงหน่อยแล้วครับ เพราะที่ถูกตบไม่ได้ร้ายแรงอะไร เลยทำให้หน้าของผมไม่ดูผิดสังเกตมากนัก แต่ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้หน้าของผมไม่สะดุดตาชาวบ้านชาวช่องก็คือ เครื่องสำอาง ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะถูกจับมาแต่งหน้าอีก แต่ไอ้ปลายมันไม่ยอมครับ


“มึงอยากให้คนอื่นคิดว่ามึงโดนผัวซ้อมมาหรือไง พี่ภูเขาเป็นคนดังนะเว้ย ไว้หน้าเขาบ้าง”


ดูแม่งดิครับ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรแต่ก็ยังเป็นตุเป็นตะมาได้ แล้วแรงแม่งก็ไม่ได้น้อยๆ แถมกราฟยังดูเห็นดีเห็นงามไปด้วย แล้วผมจะเหลือเหรอ ก็ต้องให้ไอ้ปลายมาทารองพื้น ทาอะไรของมันมากมายไม่รู้ตรงที่เป็นรอยช้ำ แต่ก็ได้ผลจริงแหละครับ ตอนนี้หน้าผมเลยเนียนใส ไร้ริ้วรอยยิ่งกว่าใช้สมูทอีมาพันปี


หลังจากหนังหน้าของผมกลับมาหล่อเหมือนเดิม ผมก็เรียกแซนมาคุยเรื่องที่มีคนมาหาเรื่องผม เพราะอยากจะเคลียร์กันไป ไม่ใช่ว่าผมจะเอาตัวรอดแล้วปัดความรับผิดชอบให้น้องรหัสนะครับ แต่ถ้าไม่จัดการ เรื่องอาจจะใหญ่โตมากขึ้น แล้วผมก็เชื่อมั่นอยู่แล้วว่าแซนไม่ได้เป็นคนที่จะไปแย่งแฟนใคร เพราะแค่เธอกระดิกนิ้ว ไอ้เคลมก็พร้อมกระดิกหางเข้าไปหาอยู่แล้ว จะไปยุ่งกับคนมีเจ้าของทำไมให้โดนด่า จริงมั้ยครับ


ผมนั่งรอแซนอยู่ที่โต๊ะด้านหลังคณะ ด้วยไม่อยากเป็นเป้าสายตาเท่าไหร่ เพราะแค่แซนเดินมา ก็เรียกสายตาจากคนในคณะได้ไม่น้อยแล้ว อย่างว่าล่ะครับ เธอสวย สวยมากจริงๆ ยังคิดอยู่เลยว่าปีนี้คนที่เป็นดาวคณะคงไม่พ้นเธอหรอก


“พี่ยีนมีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงเรียกแซนมาคุยที่นี่” หลังจากเดินมาถึง แซนก็นั่งลงที่ม้านั่งตรงข้ามผมแล้วถามทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากพูดอะไร เธอก็โพล่งออกมาก่อน “เอ๊ะ พี่ยีนแต่งหน้าด้วยเหรอคะ”




“นิดหน่อยครับ อย่าสนใจเลย คือ ที่พี่เรียกแซนมาเพราะว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับแซนแบบส่วนตัว”


“คุยกับแซนแบบส่วนตัวเหรอคะ”


เธอถามพลางเบิกตาขึ้นกว้างกว่าเดิมหน่อย ทำให้ตาเรียวกลมกลมมากกว่าเดิม แล้วก็ทำให้เธอน่ารักมากขึ้น ผมเชื่อว่าถ้าไอ้เคลมเห็นคงต้องพร่ำเพ้อไม่หยุดแน่นอน


“ครับ พี่อยากรู้ว่าแซนมีแฟนหรือยัง”


“อะไรนะคะ” คราวนี้เธอตกใจกว่าเดิมเสียอีก ร้องเสียงดังขึ้นเหมือนไม่คิดว่าผมจะถามเธอแบบนี้ “พี่ยีนถามว่าแฟนมีแซนแล้วหรือยังเหรอคะ”


“ครับ แซนมีหรือยังครับ”


“ยังนะคะ” เธอตอบผมงงๆ “แซนยังโสดอยู่ โสดสนิทด้วย แซนยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนด้วยซ้ำ”


“จริงเหรอ”


ผมรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับคำตอบแบบนี้ เพราะสวยระดับเธอนี่ไม่น่าจะหาแฟนยากนะ แต่เข้ามหา’ลัยแล้วกลับยังไม่มีแฟน


“จริงๆ ใครๆ ก็คงไม่เชื่อหรอกที่แซนไม่มีแฟน แต่แซนไม่มีจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นถามถึงคนที่ชอบล่ะก็... มีแล้วค่ะ”


ประโยคท้ายผมรู้สึกว่าเธอหน้าแดงหน่อยๆ ตากลมนั่นช้อนขึ้นมองผมเหมือนเขินๆ ยังไงไม่รู้สิครับ ผมเพิ่งเห็นเธอเป็นแบบนี้ครั้งแรก ทั้งที่รู้จักกันมาเกือบเดือนแล้ว คนที่เธอชอบคงไม่ได้หมายถึงผมหรอกใช่มั้ยครับ


“เอ่อ... แล้วแซนรู้จักคนทื่ชื่อทิวหรือเปล่าครับ”


ไม่อยากคิดอะไรให้ไกลกว่านี้แล้วหน้าแตก เพราะสภาพผมในตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นแบบที่ใครจะมาหลงรัก ผมเลยจบประเด็นเรื่องนั้นไปแล้วเข้าเรื่องที่ผมต้องการรู้จริงๆ แทน แต่พอถามไปอย่างนั้นแล้วก็เหมือนว่าแซนจะตกใจอยู่หน่อยๆ เธอโพล่งเสียงออกมา


“พี่ยีนรู้จักมันได้ยังไงคะ หรือมันมาทำอะไรพี่ยีนหรือเปล่า”


“ทำไมแซนต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะครับ”


“คือ แบบนี้ค่ะ”


จากที่นั่งอยูม้านั่งอีกด้าน แซนรีบย้ายมานั่งติดกับผมทันที มือสองข้างของเธอเกาะที่แขนผมเอาไว้ ทำเหมือนเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจนระงับไม่ไหว แต่ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร นอกจากรอฟังคำตอบของเธอ


“ทิวเคยเรียนโรงเรียนใกล้ๆ กับโรงเรียนของแซนค่ะ แล้วเขาก็มาจีบแซน แต่แซนไม่ชอบเขา พยายามเลี่ยง ไม่คุยด้วย พยายามอยู่ในกลุ่มเพื่อนคอนแวนต์ด้วยกันตลอด เขาก็เลยไม่มีโอกาส แต่เขาชอบมาดักรอแซนหน้าโรงเรียน มันน่ากลัวมากๆ นะคะพี่ยีน แซนกลัวว่าเขาจะมาทำร้ายแซน พอแซนบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็ให้คนขับรถไปรับไปส่งแซนทุกวันเลย แซนไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะตามแซนมาเรียนถึงที่นี่”


“แสดงว่าแซนเจอเขาแล้ว”


“ค่ะ เจอตั้งแต่ตอนช่วงรับน้องแล้ว แซนก็เลยต้องอยู่กับพี่ยีน หรือไม่ก็เพื่อนตลอดเลย”


มือของเธอที่จับแขนผมเอาไว้จับแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แถมยังติดสั่นนิดๆ เสียด้วย เป็นการยืนยันได้ดีเลยว่าเธอไม่อยากยุ่งกับไอ้เด็กเวรนั่น แต่เอาจริงๆ ผมก็ว่ามันน่ากลัวนะครับที่มาทำอะไรแบบนี้กับคนที่ตัวเองชอบ แล้วยิ่งน้องรหัสของผมสวยด้วย ก็ยิ่งน่ากลัวว่าไอ้เด็กทิวนั่นจะดักฉุดหรือเปล่า


“แล้วแซนรู้มั้ยครับว่าทิวมีแฟนแล้ว”


“แซนไม่รู้หรอกค่ะ”


เธอส่ายหัวเบาๆ ตอบผมกลับมาพลางเม้มปากเข้าหากัน มองผมด้วยสายตาที่ผมคิดว่ามันน่าสงสาร ไม่รู้ว่าเธอต้องคอยหวาดผวาเพราะผู้ชายคนนั้นมานานเท่าไหร่ แต่ถึงเธอจะน่าเป็นห่วง เธอก็ยังห่วงผมด้วยเหมือนกัน


“ว่าแต่พี่ยีนถามถึงมันทำไมคะ”


“เขามาหาพี่ครับ เพราะคิดว่าพี่เป็นคนที่แย่งแซนไป เขาเลยไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใกล้แซน แถมเขายังมีแฟนอยู่แล้วด้วย แฟนเขาก็มาหาพี่เหมือนกัน”


“แล้วเขาทำร้ายพี่ยีนหรือเปล่าคะ!!”


น้องรหัสผมถามเสียงดังอย่างตกใจทันที ท่าทางของเธอดูเป็นห่วงเป็นใยผมมาก เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วพยายามสังเกตร่างกายของผมว่ามีอะไรผิดปกติหรือบุบสลายหรือเปล่า ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเศร้า


“ที่พี่ยีนต้องแต่งหน้าเพราะมันทำพี่ใช่มั้ยคะ”


“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ เรื่องเล็กน้อย”


“เพราะแซนแท้ๆ แซนขอโทษนะคะ”


“พี่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ไม่เป็นอะไรจริงๆ” ผมปลอบเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่เลิกคิดมากอยู่ดี ผมเลยต้องเปลี่ยนคำปลอบใจ “ไม่เอาน่า แซนอย่าทำหน้าแบบนี้สิครับ ยิ้มๆ หน่อยนะ พี่ชอบแซนเวลายิ้มมากกว่า”


ได้ผลจริงๆ ครับ เธอระบายยิ้มออกมานิดหน่อย แม้จะดูฝืนไปบ้าง แต่ก็คงเพราะไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ ถึงได้พยายาม


“แต่พี่ว่าน่าจะรีบจัดการเรื่องนี้นะ แซนจะได้สบายใจ ไม่ต้องคอยหลบเลี่ยงทิวอีก แล้วก็จะได้ไม่มีใครถูกทำร้ายอีกด้วย”


“แซนก็อยากจัดการให้มันจบไป แซนไม่อยากให้ใครต้องโดนอย่างพี่ แต่แซนไม่รู้จะทำยังไงนี่คะ แค่เจอหน้ามัน แซนก็ไม่กลัวแล้ว แซนไม่ชอบสายตาของมันเวลามองแซน”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ว่าเราสองถามคนอื่นๆ ดีมั้ยว่าจะทำยังไงดี”


“จะไม่รบกวนพี่ๆ เกินไปเหรอคะ ทั้งที่เป็นเรื่องของแซน”


ถึงจะสนิทสนมกันอยู่พอสมควร แต่แซนก็ยังเป็นคนที่รู้ว่าสิ่งไหนควรไม่ควรล่ะครับ เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ดีทั้งหน้าตา แล้วก็นิสัยเลย ผมไม่ได้อวยน้องรหัสตัวเองนะครับ แต่แซนเป็นแบบนั้นจริงๆ


“พี่ว่าทุกคนเต็มใจช่วยแซนนะครับ”


“ขอบคุณมากนะคะ พี่ช่วยแซนหลายเรื่องเลย ถ้าพี่มีอะไรให้แซนช่วยพี่ได้บ้าง พี่บอกแซนนะ แซนจะช่วยพี่เต็มที่เลยค่ะ”


จากที่ดูเศร้าๆ อยู่เมื่อกี้ เธอก็กลับมาเป็นคนร่าเริงเหมือนเดิมอีกครั้ง หน้าสวยๆ ติดยิ้มแบบนี้ ถ้าเป็นผมเมื่อก่อนล่ะก็... คงจะขอจีบเธอแข่งกับไอ้เคลมล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมไม่มีความคิดอะไรแบบนั้นเลย คงเพราะ... มัน... คนเดียว







อ่านต่อข้างล่าง

v

v

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ต่อจากด้านบน



v


v







หนังเข้าใหม่ประจำสัปดาห์กับอาหารตามร้านอาหารในห้างเป็นสิ่งที่ผมกับพี่ชมพูขาดไม่ได้ไปแล้ว เพราะผมกับมันชอบดูหนังเหมือนกัน แล้วมันก็เกี่ยวกับสิ่งที่เราทั้งคู่เรียนด้วย เพราะงั้นนอกจากออกมาดูหนังด้วยกันที่โรงแล้ว บางครั้งที่มีหนังเก่าๆ ดีๆ ไอ้พี่ชมพูก็จะไปหาผมที่บ้าน แล้วดูด้วยกันที่ห้องของผม


วันนี้อาหารที่เลือกเป็นอาหารญี่ปุ่นครับ ถือเป็นของชอบอย่างหนึ่งของผมเลยด้วยซ้ำ ผมเลยค่อนข้างมีความสุขกับการกิน เนื้อแซลมอนนิ่มแทบละลายในปากเป็นอะไรที่สวรรค์สุดๆ แล้ว ถึงผมจะชอบต้มยำกุ้งฝีมือแม่เป็นอันดับหนึ่งก็ตาม แต่แซลมอนสดนี่ก็ตามมาติดๆ เหมือนกัน


“ผมคุยกับแซนเรื่องไอ้เด็กเวรสองคนนั่นแล้ว”


ผมกลืนข้าวคำสุดท้ายที่ส่งเข้าปากไปเมื่อกี้ก่อนจะบอกพี่ชมพู เพราะจบบทสนทนาเรื่องหนังที่เพิ่งดูไปแล้ว พี่ชมพูเงยหน้ามองผมหน่อยๆ พลางเคี้ยวของที่อยู่ในปาก


“แล้วแซนว่ายังไงมั่ง”


“แซนบอกว่าเป็นคนที่มาจีบ แต่เธอไม่ได้ยุ่งอะไรด้วย มันคอยตามตื๊อจนเธอกลัว ผมเลยว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างที่จะให้มันเลิกยุ่งกับแซน”


“มึงแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าแซนเชื่อได้”


คำถามของมันทำให้ผมตวัดหางตาไปมองแบบดุๆ แต่คิดว่ามันจะสะทกสะท้านเหรอครับ มันแค่ไหวไหล่แบบไม่ยี่หระว่าคำพูดของมันเข้าหูของผมหรือเปล่า


“แล้วมึงคิดวิธีการไว้ว่ายังไง”


“ยังไม่ได้คิด”


ผมตอบง่ายๆ เลย เพราะกะจะให้คนอื่นช่วยออกความเห็น แต่ไอ้พี่ชมพูก็ดูจะไม่มีไอเดียอะไรเหมือนกัน หนำซ้ำมันยังเสนอ


“ทำไมมึงไม่ให้ไอ้เคช่วยคิด มันคงเต็มใจช่วยน้องรหัสมึงเต็มที่”


“ถ้าให้ไอ้เคลมจัดการ คงไม่พ้นให้มันเป็นแฟนแซนแหละวะ ไอ้เหี้ยนี่มีโอกาสก็กอบโกยหมด พี่รู้หรือเปล่า ตอนนี้แม่งพยายามเอาใจแซนฉิบหาย แทบไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว”


“มันจริงจังขนาดนั้นเลย”


พี่ชมพูถามเหมือนไม่เชื่อ เพราะอย่างไอ้เหี้ยเคลม สันดานขุดยากว่ะ ถ้าเป็นไอ้กัสคงพอเชื่อได้หน่อย ผมคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าใครจะมาทนเป็นแฟนมันได้ คงน่าสงสาร


“จริงจัง แต่ไม่ที่สุด ผมว่าคงไม่มีใครบนโลกทำให้มันเลิกได้”


ถึงผมจะไม่ต่างจากมันเท่าไหร่ แล้วผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาหยุดผมได้ แต่วันนี้ผมกลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า ไม่คิดจะมองหาใครอีก เพราะไอ้พี่ชมพู ถึงจะเริ่มด้วยป๊า แต่ใจของผมก็เป็นอิสระพอที่จะชอบใครสักคน หรือหลายๆ คน แต่คนที่ผมรักกลับกลายเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมตอนนี้ ทั้งที่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้เลยด้วยซ้ำ


“มันก็ไม่แน่หรอก มึงกับกูยังเลิกได้”


“ผมสงสารผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นว่ะ”


“ไม่เหมือนมึงกับกูที่โชคร้ายพอกันใช่ป่ะ ถึงมาเข้าคู่กันพอดี”


“ตีนดิ ผมออกจะคนดี”


ผมเตะขาไอ้พี่ชมพูใต้โต๊ะข้อหาที่มันด่าผม แต่พอมันโดนเตะไปทีก็ตอบโต้กลับ ใช้ขาใหญ่เป็นท่อนซุงของมันเกี่ยวขาของผมเอาไว้ พอผมกระชากกลับ มันก็รัดขาผมให้แน่นขึ้น แถมยังมีการยักคิ้วเย้ยผมเสียอีก


“วันนี้ไปคอนโดนกูหรือเปล่า”


“มีเหตุจำเป็นอะไรที่ผมต้องไปอีกเหรอครับ หน้าผมหายแล้ว”


ถึงจะไม่หายสนิท แต่ถ้าไม่สังเกตมากก็เห็นไม่ชัด ถ้าผมเลี่ยงเจอหน้าป๊าสักวัน คงไม่เป็นอะไร เพราะสองคืนที่ผ่านมา ผมว่ามันอันตรายสำหรับผมพอแล้ว ไม่อันตรายต่อการเสียตูดที่ผมไม่รู้ว่ามันจะนึกคึกผิดสัญญาขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อันตรายต่อการเจ็บตัว เหมือนที่เมื่อวานมันรัดผมจนแทบจะเป็นจิ้งจกโดนประตูหนีบ


แต่ถึงผมจะมีเหตุผลดีๆ ให้ ก็ไม่เคยจะได้ผลอยู่ดี มันยิ้มๆ ตอบกลับมาจนผมหวั่นในใจ พลางเอาตะเกียบในมือจิ้มไหล่ผมเบาๆ อย่าว่าแต่ไอ้เคลมเลย หมีควายนี่แม่งก็ปัญญาอ่อนพอกัน


“อะไร”


สวนเสียงกลับไป แต่พอผมถามเท่านั้นแหละ ไอ้พี่ชมพูแม่งยิ้มกริ่ม ปากจะฉีกถึงหูอยู่ล่ะ แม่งบ้า


“ไปเหอะน่า”


มันไม่ตอบตรงประเด็นครับ แต่ว่าวางตะเกียบที่อยู่ในมือลงแล้วดูดน้ำชาเขียวในแก้วไปอึกใหญ่ ก่อนจะฉุดมือผมให้เดินตามมันไป โดยที่มันหยิบสลิปสำหรับจ่ายเงินติดมือไปด้วย ผมที่ดูดน้ำในแก้วค้างอยู่เมื่อกี้ก็เหวอสิครับ มารู้ตัวอีกทีตอนที่มันจ่ายเงินที่แคชเชียร์แล้ว


ผมรีบดึงมือกลับ แต่อุ้งตีนหมีก็จับไว้แน่นเกินกว่าผมจะดึงออกได้ เพราะไอ้ชมพูแม่งแรงหมีควายสมชื่อที่ผมเรียกจริงๆ และยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากทวงถึงสัญญากับมัน ตัวผมก็ปลิวมาถึงรถแล้ว แสรดดดดดด ไม่ได้ใกล้ๆ เลยนะเว้ย!!


สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้คือการขึ้นรถไปแต่โดยดีแหละครับ เอาไว้ค่อยไปลุ้นเอาแล้วกันว่าแม่งจะทำเชี่ยอะไร เพราะถึงยังไงผมก็ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของมันง่ายๆ อยู่แล้ว ไหนจะสัญญาแล้วก็... ผมยังใช้ความสามารถในการตอแหลได้อยู่นะ ถึงจะไม่ได้ชอบทำอะไรแบบนั้นเลยก็เหอะ


ไอ้พี่ชมพูขับรถตรงไปคอนโดของมันอย่างที่ปากบอก ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องมันขับรถเท่าไหร่เพราะเห็นฝีมือกันอยู่ ถึงจะเจ็บใจที่ผมเคยแข่งแพ้มัน แต่รถมันอยู่ที่ผม ยังไงผมก็เหนือกว่าจริงมั้ยครับ


พวกเราขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน ตรงไปห้องมัน แล้วพอประตูห้องปิดเท่านั้นแหละ ไอ้เหี้ยยยย!!!!! แม่งกอดหมับรัดผมเข้าเต็มวงแขน ถ้าผมเตี้ยกว่านี้อีกสิบเซนต์ตัวผมคงจมลงไปในอกมันแน่ๆ ผมพยายามดันตัวแม่งออก แต่ไม่ออกครับ มันใช้พลังช้างสารของมันรัดผมแน่นกว่าเดิมจนตอนนี้ผมจะเละเป็นขี้อยู่แล้ว


“ไอ้พี่ชมพู ปล่อยเว้ยยยยยยยย!!!!”


“แป๊บเดียวนะ ขอกอดหน่อย”


มันทำเสียงอ้อนอย่างตอแหล แต่อย่าคิดว่าผมจะยอมตามใจมันนะครับ


“ผิดสัญญาเหรอ ฮะ!! อยากโดนกระทืบใช่มั้ย เออดีเลย แม่งจะเรียกพวกมากกระทืบกันให้ม้ามแตก หน้าหัก ปอดระเบิด”


“โอเคๆ ยอมแล้ว”


ผมบรรยายสรรพคุณยังไม่ทันเสร็จ มันก็รีบปล่อยผมให้เป็นอิสระทันที โด่ แม่งไม่แน่จริงนี่หว่าแล้วมาทำเป็นเก่ง


“เหอะ ผมยังไม่อนุญาตเลย อยากตายมากนักงั้นสิ”


ผมทำหน้าเอาเรื่องมันสุดๆ หลังจากช่วงหลังๆ ไม่ได้ทำมานาน แล้วก็ได้ยินเสียงมันบ่นอุบอิบเบาๆ เลยทำเสียงเข้มใส่


“เมียใครวะแม่งโคตรดุ”


“เมียเหี้ยอะไร อยากโดนว่าที่เมียกระทืบคอหักตายก่อนจะได้เป็นเมียมะ”


แต่ประโยคที่สวนกลับไปของผมดันทำให้มันยิ้มออกมาซะกว้าง อมดาวเสาร์ได้ทั้งดวง พึมพำ ‘ว่าที่เมีย’ แล้วมันก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตัวเองหลุดพูดเหี้ยอะไรออกไป แสรดดดดดดดดด ไอ้ไฮยีนนนนนนนนน มึงบ้าไปแล้ววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!


“เฮ้ยๆ อันนั้นไม่ใช่ เข้าใจผิด ไม่ใช่ ผมไม่ได้พูด”


ผมพยายามปฏิเสธสุดชีวิต แต่แม่งไอ้พี่ชมพู ไอ้แฟนเวรๆ ของผมมันไม่เลิกพูดสักทีกับไอ้คำว่าว่าที่เมียเนี่ย จนผมทนไม่ไหว ต้องแหกปากดัง


“หยุดได้แล้วโว้ยยยยยย”

“สู้ไม่ได้ก็เอาเสียงข่มตลอดเลยนะ แล้วก็... จะโวยวายใส่ว่าที่ผัวไม่ได้นะ เพราะว่าผัวไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเมียเลย ไม่ได้ผิดสัญญา”


โอ๊ยยยยย กูจะประสาทตายห่าละ เจอไอ้กวนตีนนี่ ผมเลิกเถียงมันแล้วเดินดุมไปนั่งที่โซฟา หยิบรีโมตโทรทัศน์มาเปิด ตัดแม่งออกจากวงโคจรของโลกส่วนตัวเลย ไม่พอยังสั่ง


“เอาเป๊ปซี่ด้วย”


หลังจากผมสั่งมันให้รับบททาสในเรือนเบี้ย แม่งก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินไปห้องครัวแป๊บนึงแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเป๊ปซี่แก้วใหญ่ แต่มีแก้วเดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องกินแบ่งกัน เออ ไม่เป็นไร ไม่ลำบากผมหรอกครับ แต่ลำบากมันต้องไปเติมใหม่หลายรอบ


ผมยกแก้วเป๊ปซี่กระดกน้ำสีน้ำตาลดำๆ นั่นเข้าปากไปสองสามอึกใหญ่ๆ ก่อนจะส่งคืนมัน มันก็รับไปดื่มต่อ ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะหน้าโซฟา แต่หลังจากนั้นดิ ทำให้เอาผมสะดุ้ง เพราะอยู่ๆ แม่งก็ล้มตัวลงมานอนแล้วเอาหัวหนุนตักผมเสียดื้อๆ


“หนุนตัก”


“ผมอนุญาตหรือยัง”


“อย่างกเลยนะ ตั้งแต่วันที่สัญญา ไม่ใช่ดิ สาบานเลย กูก็ไม่ได้ขัดใจมึงเลยนะ ขอกูได้แตะนิดๆ หน่อยๆ ให้กูครึ้มอกครึ้มใจบ้าง”


ดูแม่งใช้คำพูด เหมือนพวกหื่นกามฉิบหาย ผมเลยตบหน้าผากมันไปหนึ่งที แต่ดูค่าเสียหายที่แม่งคิดกับผม


“จูบชดเชยเลย เมื่อกี้มึงตบหน้าผากกู”


“มีคำสาบานข้อไหนที่ผมต้องชดเชยพี่เวลาที่ทำพี่เจ็บตัวหรือไง”


“มึงเอาเปรียบกูตลอด”


มันบ่นใส่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ จะเรียกร้องความสนใจก็เรื่องของมึงนะครับพี่ชมพู ผมหันไปมองทีวีที่เปิดค้างไว้อยู่ ไม่ได้มีรายการอะไรน่าสนใจหรอก แต่เปิดไว้อย่างนั้นเอง ให้มีจุดสนใจอย่างอื่นนอกจากมันบ้าง แต่ถึงผมจะทำอย่างนั้นแล้ว มันก็ยังไม่เลิกเรียกร้องความสนใจจากผมอยู่ดี


มือใหญ่ๆ นั่นดึงมือผมเอาไปกุมเอาไว้ ไม่ใช่กุมธรรมดาด้วย แต่แม่งสอดนิ้วมาตามง่ามนิ้วของผมให้มือของเราประสานกัน มือของมันอุ่นดีครับ แล้วก็ใหญ่กว่าผม... มันทำให้รู้สึกดีแบบแปลกๆ นะครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังทำหน้านิ่ง เสียงแข็งอยู่ดี


“ทำอะไรอีก”


“จับมือหน่อย”


เหมือนเป็นการบอก ไม่ใช่การขออนุญาต แต่ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ถือเป็นกำไรให้มันนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้ เพราะตั้งแต่สาบานครั้งนั้น โคตรจะไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะทำได้ ถึงจะคอยหาลู่ทางเอาตัวรอดอยู่หลายครั้งก็เหอะ แต่พอผมท้วง มันก็ไม่เคยดื้อดึงเอาชนะจริงๆ สักที


ผมปล่อยให้มันจับมือผมอย่างนั้น มันก็ลูบเล่นบ้าง บีบมือผมเล่นบ้างเหมือนคนไม่มีอะไรทำ แต่สักพักก็หลับไป ผมที่คอยเหลือบมองมันอยู่บ่อยๆ เลยหลุดยิ้มออกมานิดๆ เพราะมันเล่นนอนกอดมือของผมเอาไว้เลย นึกว่าจะมีคนแย่งไปหรือไง


คิดแบบนั้นแล้วผมก็ขำกับตัวเอง พลางมองหน้ามันไปด้วย หน้าตอนหลับของมันไม่ได้ทำให้มันหล่อขึ้นกว่าตอนตื่นหรอกครับ ก็ยังเป็นหน้าหล่อๆ ของไอ้พี่ชมพูหมีควายคนเดิม ยังดูไว้ใจไม่ได้เหมือนเดิมว่ามันจะลืมตาตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่ถึงจะไม่รู้ ผมก็ทำในสิ่งที่อยากทำลงไปอยู่ดี …จูบเบาๆ ที่ปากของมัน


ถ้าแม่งรู้ต้องร้องโห่ฮิ้วยิ่งกว่าชะนีได้ผัวแน่







=======================
ย่องมาตอนดึกๆ เหมือนเดิม
ตอนนี้มาเร็วหน่อย ถือเป็นการแก้ตัว
มีการตัดพ้อกันเล็กๆ น้อยๆ ด้วย
แต่ที่สุดคือน้องยีนหลุด "เมีย" ออกมา
แล้วก็น่ารักตรงแอบจุ๊บพี่ภูนี่แหละ นานๆๆๆๆๆ จะมีแบบนี้  :z2:


ตอบคำถามเรื่องรวมเล่มนะคะ
อยากทำค่ะ ตอนนี้ก็ดูๆ รายละเอียดเกี่ยวกับการทำหนังสืออยู่
ไว้จะอัพเดทอีกทีนะคะ ขอบคุณที่สนใจค่ะ


ปล. ขอบคุณคนใหม่ๆ ที่เข้ามาตามอ่านด้วยนะคะ


ตอบอันนี้อีกนิดนึง



เด็กสมัยนี้มันแรงแท้
เป็นนศ.แต่ประกาศว่าคนนี้นั้นโน้นผัวหนู


อือหือ กลัวไม่มีขนาดหนักนะ

ถึงจะรู้ว่านี่มันนิยายแต่ก็อดคิดไม่ได้แฮะว่า ถ้าในความเป็นจริงมีแบบนี้ หรือเจอแบบนี้
ต้องสงสารพ่อแม่หรือลูกของเด็กคนนี้ในอนาคต

ไม่ต้องถึงขั้นเป็นนักศึกษาค่ะ ตอนนี้เด็กมัธยมเป็นแบบนี้ก็หลาย
เรื่องจริงมันกลัวกว่าในนิยายเสียอีก


Undel2Sky

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2013 01:30:51 โดย undersky »

ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
อ่านจนจบ... (ในมือถือเลยไม่ได้โพส) แต่ตอนพิเศษได้อ่านในคอม

รู้สึกชอบไฮยีน แต่ก็หมั่นไส้
โดยใจจริงไม่เข้าใจว่า... ศัตรูเยอะ แต่ถึงขั้นต้องพรางขนาดนี้เลยหรอ
โอ้ว *-*

ยังไงก็ติดตามนะครับ

GGG24

  • บุคคลทั่วไป
น้องแซนนี่น่ารักใส ๆ จิงรึป่าวเนี่ย??

คู่นี้น่ารักอีกแล้ววว ถ้าเอาคำสาบานออกจะดีมาก -..-
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
ตอนแรกแอบคิดว่าแซนน่ารักแต่รู้สึกว่าแอบไม่น่าเชื่อนิดนุงงงงง แถมพี่ชมพู ยังจะถามอีกว่าเชื่อได้มั้ยถึงกับเงิบเลยทีเดียววว
แต่คิดไปคิดมา  หรือว้าแซนจะดี แต่ที่ไม่น่าไว้ใจสำหรับพี่ชมพูคือแซนชอบยีน แต่เรื่องอื่นไว้ใจได้น่ะ กร๊ากกกกก
ปล.อยากเห็นพี่ชมพูร้องดีใจเป็นชะนีได้ผัวววสะจริงๆๆๆเบยยยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2013 22:24:51 โดย ferasia10 »

ออฟไลน์ becrazie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
เมื่อไรไฮยีนจะใจอ่อนให้พี่ชมภูอ่าคะ :z1: :z1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
แซนตกลงเป็นคนยังไง?

ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
เมื่อไหร่น้องยีนจะเป็นเมียจริงๆล่ะเนี่ย.


ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
มาต่อไวๆนครับ มันแบบว่าอยากอ่านอีก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด