It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: It's U, It's Me : กวนนัก แต่รักนะครับ (จบ) [21/7/59]  (อ่าน 602156 ครั้ง)

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เกงยีนแอบจุ๊บด้วยอ่า :impress2:

bowstory2

  • บุคคลทั่วไป
ยีนเหมือนเด็กเลยอะ น่ารักเป็นบ้า <3

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5

AB^Ton^

  • บุคคลทั่วไป
มาคอยติดตามกันต่อ แซน จะดีหรือร้าย
คงจะได้รู้กัน ใน "ตอนต่อไป"

auw

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนพิเศษ 1.3 (จบ) : ความสวย คือ หายนะ





















วันนี้ผมก็เจอแซนครับ เรียกได้ว่าเจอกันทุกวันเลยดีกว่า ตอนนี้เธอมานั่งยิ้มๆ ที่โต๊ะประจำของผม ด้วยเหตุผลที่ผมเพิ่งจะรู้เมื่อวาน และก็เหมือนเดิม แขกประจำไม่ได้รับเชิญ ไอ้พี่หมีควายนั่นแหละครับ ตอนนี้สงสัยแม่งไม่มีคนคบแล้ว เพราะพี่เจ๋งก็ไปอยู่กับพี่ต้นพี่ปาล์มประหนึ่งสามผัวเมียกันเลยทีเดียว ทิ้งให้ไอ้เหี้ยนี่เกาะผมเหนียวหนึบยิ่งกว่าขี้ผสมกาวตาช้างชักว่าวเสียอีก


แต่ช่างเถอะครับ ตอนนี้ผมมีสิ่งสำคัญมากกว่านั้นที่จะปรึกษาหารือกับพวกเพื่อนๆ นั่นก็คือการทำให้แซนเป็นอิสระจากไอ้เด็กเวรที่ชื่อว่าทิวกับเมียของมัน ผมเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้เพื่อนฟัง เพราะถึงมันจะเป็นเรื่องที่ยังไม่ก่อความเสียหายกับแซน แต่มันก็ทำให้เธอกลัวเวลาที่นึกถึง และตลอดเวลาที่ผมเล่า ผมก็หันไปยิ้มให้เธอเรื่อยๆ เพื่อให้เธอสบายใจและวางใจว่าพวกผมจะช่วยเธอได้


“พวกมึงคิดว่ายังไง มีวิธีที่จะจัดการมันหรือเปล่าวะ”


“เอากูไปเปิดตัวเลย บอกว่ากูนี่แหละแฟนน้องแซน ใครหน้าไหนกล้ายุ่ง กูจะบึ้มหัวแม่ง”


เป็นอย่างที่ผมคิดไม่มีผิด ไอ้พี่ชมพูเลยหันมายิ้มๆ กับผมแบบรู้กัน ซึ่งความคิดของไอ้เคลมก็ไม่ได้เข้าตากรรมการอีกสองคนเหมือนกัน ไอ้กัสสวน


“เขาจะแจกตีนให้มึงกินเล่นๆ ล่ะสิ หน้าตามึงน่ากลัวมากนะไอ้ตี๋”


“ถึงจะตี๋ แต่กูก็หล่อนะเว้ย”


“เกี่ยวตรงไหนวะ”


ไอ้กราฟตอบกลับอย่างปลงๆ ไอ้กัสเลยเสนอแบบแฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่าย


“พี่ว่าแซนควรไปคุยกับเขานะครับ พูดกันไปตรงๆ ทำความเข้าใจกัน จะได้เคลียร์กันไป”


“อันนี้พี่ก็เห็นด้วยอยู่ มันน่าจะง่ายที่สุดแล้ว แต่แซนไม่ต้องกลัวนะครับที่จะต้องไปคุยกับมัน เพราะพวกพี่ก็จะไปด้วย”


โอ้วววว นอกจากมันจะดีกับเพื่อนอย่างผมแล้ว ไอ้กราฟมันยังเผื่อแผ่ความใจดีของมันไปถึงน้องรหัสของผมด้วย สมกับเป็นนายกฤติกรที่แสนดีและเอาใจใส่คนรอบข้างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ ใครได้เป็นผัวโชคดีตายเลยครับ ตอนนี้ไอ้ไนล์คงเปรมปรีดิ์ มีผัวดีเหมือนถูกล็อเตอร์รี่สิบปีซ้อน


“ใช่ครับ พี่ก็จะไปกับแซนด้วย ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก มันอาจจะไม่กลัวพี่ แต่มันก็คงกลัวไอ้กัส ไอ้กราฟบ้างล่ะ”


“แล้วกูล่ะ”


ไอ้เคลมยังเสือกเหมือนเดิมเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ยกยอเชิดชูความดีความชอบของมัน แต่ผมทำหูทวนลมครับ เสนอชื่ออีกคน มันเลยทำปากแง่งๆ ใส่ผม ผมมีเพื่อนเป็นหมาบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่


“หรืออย่างน้อยๆ มันก็ต้องกลัวพี่ภู”


“ครับ ถ้ามันยังไม่เลิกยุ่งกับแซน พี่จะให้คนของพี่จัดการ”


“มาเฟียว่ะ”


ผมเอนตัวไปทางคนวางกล้าม แขวะมันนิดๆ ให้ได้ยินกันสองคน มันเลยเอนตัวมากระซิบผมเหมือนกัน


“ก็คนมันมีคนนับหน้าถือตาเยอะ”


“เก่งแต่ใช้กำลังหรือเปล่าครับ”


“แล้วน้องยีนอยากถูกพี่ใช้กำลังด้วยหรือเปล่าครับ หึหึหึ”


มันหัวเราะเจ้าเล่ห์ท้ายประโยคจนน่าเอาตีนยัดปาก แต่ผมทำแบบนั้นไมได้ครับเพราะน้องรหัสสุดสวยอยู่ด้วยเลยต้องสร้างภาพโดยการเลื่อนมือไปหยิกพุงมันแทนจนมันร้องออกมาเสียงดัง เรียกสายตาจากทุกคนที่โต๊ะได้ แต่ไอ้พวกเพื่อนๆ ผมคงรู้หมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีแค่แซนที่ทำหน้างงๆ ผมจึงได้แต่บอกว่า ไม่มีอะไร แล้วก็ชวนให้ไปหาไอ้ทิว


ผมจับมือแซนเอาไว้เพื่อให้เธอสบายใจ และรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญอันตรายคนเดียว พวกผมหกคนรวมแซนเดินตรงไปยังชั้นเรียนของเด็กปีหนึ่ง เมเจอร์ทีวี ให้ใครคนหนึ่งเรียกคู่กรณีออกมาคุยให้รู้เรื่องเพราะอาจารย์ยังไม่เข้าสอน ซึ่งไอ้คนที่ถูกเรียกก็ทำสีหน้าตกใจเพราะเห็นพวกผมมาครบแก๊ง ถึงผมจะดูไม่เข้าพวกที่สุดก็ตาม


มือของแซนกระตุกนิดหน่อยเพราะผมเป็นคนเรียกเธอหลังจากพวกเรามาหาที่สงบๆ คุยกันได้แล้ว ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ก็หลังคณะที่ผมกับแซนเคยมาคุยกันเรื่องนี้ ส่วนคนที่เหลือยืนล้อมวงให้อารมณ์เหมือนจะมารุมกระทืบไอ้เด็กทิว


“คือ... เราขอโทษนะ” แซนพูดแบบตะกุกตะกัก เหมือนกล้าๆ กลัวๆ ผมเลยบีบมือของเธอที่ผมยังกุมเอาไว้เบาๆ เพื่อให้กำลังใจ ซึ่งมันก็ช่วยแซนได้อย่างที่คาดหวังไว้ เพราะเธอพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนขึ้น “แต่อย่ามายุ่งกับเราอีกเลย”


“แซนมาพูดกับทิวแบบนี้ แล้วยังเรียกพวกพี่พวกนี้มาข่มขู่ทิวอีกงั้นเหรอ”


ไอ้เด็กเวรนั่นหาเรื่อง คงเพราะเห็นว่าผมจับมือแซน แต่ผมก็ยังรักษาอาการให้สงบได้ ผิดกับไอ้เหี้ยเคลมที่ดูเหมือนจะอารมณ์ขึ้นอยู่หน่อยๆ ที่ถูกกล่าวหา


“พวกพี่ๆ เขาไม่ได้มาข่มขู่ทิว แต่เขามาเพราะเป็นห่วงเรา ทิว... เราบอกตรงๆ เลยนะ เราไม่ได้ชอบทิว แล้วก็ไม่ได้คิดจะชอบด้วย แล้วที่เราต้องมาพูดแบบนี้เพราะเราไม่อยากให้ทิวต้องทำร้ายใคร ทิวทำร้ายพี่รหัสของเรา คิดว่าเราจะชอบเหรอ”


“แต่แซนก็เอาแต่อยู่กับมันไม่ใข่หรือไง ทิวเลยไม่ได้อยู่กับแซนสักที”


“ไม่ใช่ ที่ทิวไม่ได้เข้าใกล้เราเพราะเราเลี่ยงเอง เรารู้ว่าทิวหาโอกาสที่จะเข้ามาคุยกับเรา แต่เราไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เราไม่อยากคุยกับทิว แล้วเราก็...กลัวด้วย”


ประโยคท้ายนี่เหมือนจะทำให้ไอ้เด็กนั่นช็อกอยู่เหมือนกัน ตลอดมามันไม่รู้ตัวหรือไงว่าทำให้คนที่มันชอบกลัวขนาดไหน


“เรากลัวจริงๆ นะทิว เราไม่รู้ว่าทิวจะทำอะไรเราหรือเปล่า แล้วยิ่งเห็นทิวคอยตามเรา เราก็ยิ่งกลัว เพราะงั้นเลิกเถอะนะ ต่างคนต่างอยู่ ทิวก็มีคนของทิวแล้ว”


“ทิวทำไม่ได้ ทิวไม่ได้มีใครนะแซน”


มันพยายามอ้าง แต่คำอ้างของมันฟังขึ้นที่ไหน งั้นยัยเด็กที่มาตบผมนี่ใคร? แม่มันหรือไง


“ทิว อย่าโกหก เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขามาทำร้ายพี่ยีน มาทำร้ายพี่รหัสของเรา เราทนไม่ได้จริงๆ ที่ดึงคนไม่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วย แล้วยังทำร้ายเขาอีก ทั้งที่พี่ยีนดีกับเรา ดูแลเราอย่างน้องรหัสคนหนึ่ง แต่กลับถูกทำแบบนี้”


มือของไอ้ทิวกำแน่น เหมือนกำลังโมโห อย่างกับจะไปซ้อมผู้หญิงคนนั้นเสียให้ได้ กูไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นนะเว้ย ถึงเมื่อก่อนผมจะมีเรื่องกับคนไปทั่ว กวนตีนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายผู้หญิงโดยใช้กำลังนะครับ เพราะแบบนั้นมีแต่พวกหน้าตัวเมียทำกัน


“ทิวอย่าทำร้ายผู้หญิงคนนั้นนะ แซนขอ ในเมื่อทิวกับเขาคบกันแล้วก็ดูแลกันให้ดี อย่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ สักวันนึงทิวกับเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็ได้ แต่ตอนนี้เราอยากให้ทุกอย่างจบ จะได้มั้ย”


“ทำไมต้องเป็นทิวที่ต้องจบ ทำไมแซนไม่ลองเปิดโอกาสให้ทิวบ้าง”


“เพราะตอนนี้ทิวมีคนของทิว แล้วแซนก็มีคนที่แซนชอบแล้ว”


ไม่ใช่แค่ไอ้ทิวนั่นที่ตกใจหรอกครับ เพื่อนของผมที่หมายปองเธอก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน มันหันขวับมามองผม เสร็จแล้วก็หันไปหาไอ้พี่ชมพู เหมือนจะหาตัวการที่ทำให้เธอชอบ ผมจึงไหวไหล่นิดๆ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนคนนั้นเป็นใคร


“ใคร แซนชอบใคร”


“เรายังบอกทิวตอนนี้ไม่ได้ แต่สักวันถ้าเราสมหวัง ทิวก็จะได้เห็น หรือถ้าเราผิดหวัง เราก็คงไม่ต่างจากทิวที่ต้องตัดใจ ไม่มีใครสมหวังในทุกอย่าง แต่ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะตัดใจและปล่อยวาง”


ผมว่าประโยคสุดท้ายนี่เด็ดพอดูนะครับ น้องรหัสของผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดอะไรแบบนี้ได้ ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน แล้วผมก็คงแสดงออกทางสีหน้ามากพอดู ไอ้พี่ชมพูที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงได้เหล่ตามองแบบล้อเลียน


ทำไมล่ะวะ ก็คนมันภูมิใจ อะโด่ ไม่มีน้องรหัสให้รู้สึกแบบนี้อะดิ


ผมไม่ได้โม้นะครับ แต่ผมว่าสายรหัสของไอ้พี่ชมพูคงสูญพันธ์ในรุ่นมันแน่นอน เพราะหลานรหัสปีหนึ่งของมันก็ชิ่งหนีตั้งแต่วันปฐมนิเทศ ไร้ทายาทสืบสถุลแล้วมึงเอ๊ย (ไม่ใช่สกุลนะครับ)


“แซนจะไม่เปิดโอกาสให้ทิวจริงๆ เหรอ”


จากที่เสียงแข็ง ตอนนี้เสียงมันอ่อนลงมาก แทบจะอ้อนวอนอยู่แล้ว มันคงจะชอบแซนมากล่ะครับ แต่แม่งเสือกโง่ ใช้วิธีไม่ถูกเอง เพราะงั้นก็บาย มึงหมดโอกาสแล้วว่ะ


“เรา... ขอโทษนะ แล้วทิวก็ทำตัวดีๆ กับผู้หญิงคนนั้นด้วยนะ เพราะที่เขามาทำร้ายพี่ยีนก็เพราะว่าเขารักทิว”


น้องรหัสผมพูดอย่างนิ่มนวลที่สุด แล้วก็ดูเหมือนไอ้เด็กทิวจะยอมรับ หรือจะเรียกว่าจำใจยอมรับก็แล้วแต่ พวกผมจึงเดินออกมาจากตรงนั้น ให้มันได้ใช้เวลาทำใจเงียบๆ คนเดียว แต่ไอ้เหี้ยเคลมก็ไม่วายไปขู่มันอีก แมนมากเพื่อนกู


“แซนบอกมึงอย่างนี้แล้วก็ทำให้ได้ด้วยล่ะ ถ้ามึงยังรังควานแซนอีก มึงเจอกูแน่”


แต่ไอ้เคลมก็ไม่ได้ปากมากตามสะดวกหรอกครับ เพราะเจอไอ้กัสตบกบาลเข้าให้หนึ่งที่แล้วลากมันออกมาซะ เออ สมควรเป็นอย่างยิ่ง


พวกเรากลับมานั่งที่โต๊ะประจำ แซนก็ขอบคุณพวกเรากันใหญ่ ทั้งที่พวกผมไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เป็นเพราะแซนจริงใจที่จะบอกไอ้เด็กเจอร์ทีวีอย่างตรงไปตรงมา แล้วคำพูดของเธอก็พอจะเรียกสติมันได้ เรื่องถึงจบลง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ค้านอยู่ดี


“แต่ถ้าไม่มีพวกพี่ๆ แซนก็คงไม่กล้าไปพูดกับทิวนะคะ ถ้าพี่กัสไม่เสนอให้ทำแบบนี้ พี่กราฟไม่บอกว่าจะไปด้วย พี่เคไม่พร้อมจะช่วยแซน ไม่มีพี่ภูที่ทำให้มั่นใจ แล้วก็... ไม่มีมือของพี่ยีนที่คอยจับเอาไว้ ให้กำลังใจแซนอยู่ตลอด แซนคงทำไม่ได้ แซนขอบคุณมากนะคะ”


พวกเราต่างยิ้มให้เธอครับ แต่ติดอยู่หน่อยๆ ตรงที่หางตาของใครต่อใครทำไมต้องมองผม แถมฟิลก็ต่างกันด้วย ไอ้กัสกับไอ้กราฟออกแนว... กูว่ามึงต้องกำลังแย่งเรตติ้งจากแซนไม่ให้ไปเกยที่ผัวมึง/พี่ภูแน่ จริงๆ นะครับ สายตาของไอ้ห่ากัสมันบอกผมแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่ผมกับพี่ชมพูยังไม่ได้เป็นผัวเมียกันเลยยยยย แม่งจะรีบยกตูดกูให้ไอ้หมีควายอะไรนักหนา ส่วนไอ้เคลมจะเป็นแบบ... มึงอย่าแย่งกู ออกแนวอาฆาตๆ แล้วคนสุดท้าย ให้อารมณ์เหมือน มึงอย่าอ่อยน้อง ไม่งั้นมึงจะโดนกูสอย (ตูด) แน่ แต่ถามว่าผมกลัวมั้ย รู้ๆ กันอยู่... ถ้ามันทำจริงก็กลัวสิครับ


“เอ่อ...” เมื่อสถานการณ์เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น แซนก็เกริ่นเสียงออกมาอย่างไม่แน่ใจ “วันนี้แซนกลับบ้านด้วยมั้ยคะ เพื่อนมันทิ้งแซนไปกับแฟนอีกแล้วอะ”


ถึงคำถามนี้จะดูเหมือนถามผม แต่ก็เป็นการถามไอ้พี่ชมพูด้วยเหมือนกัน เพราะเธอรู้ว่าผมกลับกับมันทุกวัน แต่ใช่ว่าคำตอบจากผมจะทันไอ้เพื่อนหน้าหม้อนะครับ ไอ้สัดเคลมมันโพล่งออกมาทันทีเหมือนกลัวว่าจะไม่ทันคำตอบของผม แต่คำตอบของมันก็ช่างเอาใจตีนผมเหลือเกิน


“ให้พี่ไปส่งก็ได้นะครับน้องแซน พี่เต็มใจ อย่าไปขัดคอไอ้ยีนกับพี่ภูเลย”


ผมใกล้จะยกมือตบกบาลมันแล้ว ดีว่าแซนสวนกลับมาเสียก่อน ผมแทบหลุดหัวเราะ


“ถ้าให้พี่เคไปส่ง แซนกลัวจะไม่ถึงบ้านน่ะสิคะ แต่ถ้าเป็นพี่กัส...อาสา แซนจะไป”


ตอนพูดถึงไอ้กัสที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ แซนก็หันไปยิ้มๆ ให้แถมด้วยเม้มปากนิดหน่อย ไม่แปลกหรอกครับที่จะอ้างถึงไอ้กัส เพราะนอกจากไอ้เคลมกับไอ้กัส ก็ไม่มีใครที่ไร้พันธะแล้วในที่นี้ แต่ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าตาของเธอเป็นประกายขึ้น แล้วเพราะอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของเธอขึ้นมาได้ว่าเธอมีคนที่ชอบแล้ว


ผมพยายามสังเกตน้องรหัสของตัวเองที่ยังมองไอ้กัสอยู่ ผมว่าตอนนี้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วนะเนี่ย ความคิดก่อนหน้าของทุกคนคงเงิบหมดถ้ารู้ว่าคนที่แซนพูดถึงไม่ใช่ผมและไอ้พี่ชมพูอย่างที่คาดไว้ โดยเฉพาะไอ้หมาเคลม


“เหอ น้องแซนไม่รู้อะไรซะแล้ว เห็นเงียบๆ มาดดีแบบนี้ แต่มันก็เหมือนพี่นั่นแหละครับ พี่ออกจะปลอดภัย คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น ไม่เหมือนมัน น่ากลัวจะตาย คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ บรึ๋ยๆ”


เพื่อนปัญญาอ่อนของผมทำเสียงประหลาด พลางเอาแขนสองข้างไขว้กันแล้วใช้มือลูบต้นแขนของตัวเองไปมา ทำอย่างกับกำลังฝ่าพายุหิมะแล้วหนาวจนตัวจะแข็งอย่างนั้นแหละ แต่ก็ทำให้แซนหลุดหัวเราะออกมาได้หน่อยๆ


“แต่เพื่อนๆ แซนเคยบอกว่าคนที่เป็นแบบนี้มีเสน่ห์ น่าค้นหา น่าหลงใหล มันเหมือนมีแรงดึงดูดให้เราอยากเข้าใกล้นะคะ”


“ครับ หึหึ”


ไอ้พี่ชมพูแม่งหัวเราะแบบกวนตีนแล้วเหล่ตาไปทางไอ้กัสเหมือนตัวเองชนะยังไงยังงั้นแหละ เพราะไอ้กัสเคยเตือนว่าแซนจะชอบมัน แต่ตอนนี้เหมือนว่าทุกอย่างจะกระจ่างแล้วว่าคนที่แซนชอบเป็นใคร อาจเพราะว่าผมไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ได้ แต่พอมามองชัดๆ แล้ว มันมองเป็นแบบอื่นไม่ได้ เพราะสายตาของแซนเวลามองผมหรือไอ้พี่ชมพูเป็นอีกอย่างเลย


“ถ้างั้นให้พี่ไปส่งแทนมั้ยครับ”


พ่อเทพบุตรของผม ที่ไม่ใช่ไอ้พี่หมีควายอย่างแน่นอนเสนอตัว แต่ก็โดนเพื่อนกามๆ ของผมสกัดกลับไป


“มึงไม่ต้องเสือกเลยกราฟ มึงมีเมียแล้ว ดูแลเมียมึงนู่น”


เมียของไอ้กราฟที่พูดถึงก็ไม่ใช่ใครครับ รู้ๆ กันอยู่ ตอนนี้มันก็ไม่ได้ปิดบังอะไรใครแล้วว่ามันเป็นแฟนกับไอ้ไนล์ ถึงผมจะเจ็บใจอยู่บ้างที่มันเอาไอ้ไนล์ที่เคยทำเหี้ยๆ กับมันมาเป็นแฟน แต่ในเมื่อมันตัดสินใจแล้ว ผมคงทำอะไรไม่ได้


บางทีมันอาจจะดีก็ได้ เพราะเพื่อนรักที่สุดของผมก็มีความสุขและลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตแล้ว แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ลืมเรื่องมิ้น แต่มันไม่จำว่าความรู้สึกที่มีต่อมิ้นมีมากแค่ไหน แต่ผมกับมันก็สมกับเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ นะครับ มีแฟนในเวลาใกล้ๆ กัน แล้วยังเป็นผู้ชายเหมือนกันเสียอีก แถมไม่มีใครนึกถึงว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้


“ไม่ต้องเสนอหน้ากันแล้ว กูไปส่งน้องเอง”


ผมตัดปัญหาไป เพราะไม่อย่างนั้นไอ้เคลมคงก่อเรื่องอีกนาน ไอ้กราฟกับกัสเลยพยักหน้าเห็นดีเห็นชอบด้วย ถึงไอ้พี่ชมพูจะไม่พูดอะไร แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ยังดีว่าช่วงนี้อยู่ในช่วงระงับสัญญาณ มันเลยเรียกร้องอะไรจากผมไม่ได้ ถ้าไม่ติดล่ะก็ มันโวยแน่ที่เสียเวลาในการลวนลามผม


ต้องใช้คำว่าลวนลามจริงๆ ถึงผมจะไม่เคยคิดว่าต้องเอาคำนี้มาใช้กับตัวเองก็เหอะ แต่ตั้งแต่เป็นแฟนกับมัน เปลืองตัวฉิบหายเลย แล้วผมเป็นฝ่ายถูกกระทำด้วยไง แม่ง ถึงบางครั้งผมจะเริ่มจูบมันก่อนตามสัญชาตญาณผู้ชายก็เหอะ แต่ไอ้เรื่องล้วงควัก ผมก็ยังพอมียางอายอยู่นะครับว่าไอ้คนที่ผมทำด้วยนี่มันผู้ชาย เลยไม่เคยจะเริ่มก่อน ไม่เหมือนไอ้พี่ชมพู ไม่รู้พิศวาสอะไรผมนักหนา ถ้าผมยอมมัน ผมอาจจะโดนมันเสียบ ทะลวงถึงไส้ ม้ามไหลเป็นสิบๆ รอบแล้วมั้ง


ต้องยอมรับแหละครับว่ากลัวเหมือนกัน ก็มันใช่ทางปกติที่เขาจะทำอะไรแบบนี้กันซะที่ไหนเล่า ถึงตอนเล้าโลมมันจะรู้สึกดีก็ตามเหอะ นั่นแหละ คือหนึ่งในเหตุผลที่ผมให้มันสาบานแบบนั้น ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดก่อนล่ะวะ เพราะจะให้ผมเป็นฝ่ายแทงมันก่อน ผมก็กลัวว่ามันจะแทงผมกลับมาแบบไม่ยั้ง ไอ้นี่ยิ่งบ้าพลังอยู่ เอาแบบให้ผมสมยอมดีกว่า อย่างน้อยก็น่ากลัวน้อยกว่า (มั้ง)


ออกทะเลไปไกลแล้ว เข้าเรื่องๆ ผมกับไอ้พี่ชมพูเดินมาที่รถหลังจากล่ำลาเพื่อนรักแอนด์เดอะแก๊งแล้ว แซนก็เดินตามมาเหมือนกัน เพราะผมสัญญาว่าจะไปส่งเธอ แต่พอมาถึงรถ ผมก็คว้าประตูด้านหลังก่อนเลยครับ โยนตัวเข้าไปทันที แล้วยังตบเบาะเรียกให้แซนมานั่งข้างๆ ด้วย ฮ่าๆ วันนี้ผมจะให้ไอ้พี่ชมพูเป็นคนขับรถให้ แต่ดูเหมือนแซนจะไม่เก็ทเท่าไหร่ ผมเลยตบเบาะอีก


“เข้ามาสิครับแซน”


“แต่... แล้วพี่ภูล่ะคะ”


“พี่ภูก็ให้ขับรถไปสิครับ รถของเขานี่นา”


“ยีนจะให้พี่เป็นคนขับรถสินะครับ”


ไอ้พี่ชมพูมองผมตาขวางแฝงแววอยากขย้ำผมเหลือเกิน แต่ผมก็ลอยหน้าลอยตากวนตีนมันเหมือนทุกที ตอบด้วยเสียงที่เพิ่มความกวนเข้าไปอีก


“พี่จะเข้าใจว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ผมอยากนั่งกับน้องรหัสนี่ครับ ถ้าให้แซนนั่งคนเดียวจะเหงา”


ผมลากมือแซนให้ลงมานั่งข้างกันทันที แซนเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้าผมแบบจะดีเหรอพี่ แต่ผมก็ยิ้มให้แล้วบอกให้เธอปิดประตู น้องรหัสผู้เชื่อฟังพี่รหัสที่เป็นเทวดาหน้าจืดทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นมารร้ายรูปหล่อแบบผมก็เลยต้องทำตาม


ไอ้พี่ชมพูที่ปฏิเสธไม่ได้เลยต้องขึ้นรถมาด้วยหน้าบูดหน่อยๆ แต่แค่แป๊บเดียวแหละครับ เพราะมันหันมาถามแซนด้วยหน้ายิ้มแย้ม เหอะๆ สร้างภาพตลอด แล้วพอรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็ออกรถไป ผมจึงนั่งคุยกับแซน ไม่สนใจคนขับรถที่มองผมผ่านกระจกส่องหลังเป็นพักๆ จนไปหยุดอยู่หน้าเซเว่นเอาดื้อๆ ผมกับแซนหันไปมองหน้ากันทันที


“พี่อยากกินไอติม แวะกินแป๊บนึงคงไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”


คนขับรถหันไปบอกสาวสวยที่นั่งข้างผมก่อนจะลงจากรถ ดีหน่อยที่มันเลือกแวะเซเว่นตรงตึกแถวที่มีที่จอดรถ เลยไม่เกะกะรถคันอื่น


“ทำไมมากินไอติมที่นี่ล่ะคะ หรือว่ามีร้านอร่อยอยู่ข้างใน”


แซนถามผมอย่างสงสัย แน่ล่ะ เพราะครั้งแรกที่ผมกินไอติมกับไอ้พี่ชมพู ผมก็งงเหมือนกัน ผมเลยตอบเธอกลับไปยิ้มๆ


“เดี๋ยวก็รู้ครับ”


แล้วมันก็เดี๋ยวอย่างที่ผมบอก เพราะแค่แป๊บเดียวพี่ชมพูก็กลับเข้ามานั่งในเลกซัส มันหักไอติมยักษ์คู่รสส้มอย่างที่เคยทำให้ผมแท่งนึง แล้วยื่นแมกนั่มแท่งละสี่สิบบาทให้แซน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนครับ??????????


“ทำไมพี่สองคนถึงกินยักษ์คู่ด้วยกันล่ะคะ”


แซนยังคงเป็นเจ้าหนูจำไม ผมเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน  แต่ไอ้พี่ชมพูไหวไหล่แล้วตอบกลับมาแบบไม่ค่อยแยแสเท่าไหร่ว่าผมจะรู้สึกเหมือนมันหรือเปล่า


“พี่ชอบน่ะครับ”


“พี่ยีนก็ชอบเหมือนกันเหรอคะ”


คราวนี้สายตาของแซนเป็นประกายมากขึ้นกว่าเดิมนิดนึง เหมือนอยากรู้จริงๆ ว่าผมชอบกินยักษ์คู่รสส้มนี่หรือเปล่า ผมเลยตอบได้แค่...


“มันก็ดีนะครับ”


จากนั้นผมก็บอกให้แซนรีบกินแมกนั่มให้หมด จะได้ไม่หกเลอะเทอะ ไม่ได้ห่วงรถไอ้พี่ชมพูหรอกครับ แต่ห่วงน้องรหัสว่ามือจะเลอะมากกว่า ไอ้พี่ชมพูยัดๆ แท่งสีส้มนั่นเข้าปาก แป๊บเดียวก็หมดก่อนจะยื่นไม้มาให้ผมแล้วบอก


“ฝากหน่อย”


จากนั้นมันก็ขับรถออกไป ผมจึงต้องถือไม้ไอติมที่หมดแล้วเอาไว้ โดยที่มืออีกข้างยัดแท่งเย็นๆ เข้าปากตัวเอง จนถึงบ้านของแซน ล้อรถหยุดหมุน แต่ว่าน้องรหัสผมไม่ยอมลงรถนี่แหละ ผมหันไปมองเธอพลางทำหน้างงๆ หน่อย ก่อนจะดูดไม้ไอติมเป็นครั้งสุดท้าย แล้วมาถือรวมกับไม้ของพี่หมีควาย เพราะบ้านของเธอห่างจากเซเว่นไม่เท่าไหร่ ผมที่ละเอียดกินเลยเพิ่งกินหมด


“ไม่ลงเหรอ”


“ก่อนลง แซนมีเรื่องจะถามพวกพี่ๆ ก่อนค่ะ”


แซนหันมาบอกผมก่อนจะหันไปทางพี่ชมพู เห็นท่าทีแบบนี้แล้วผมยิ่งงงหนัก แต่เธอไม่ได้ทิ้งช่วงไว้นาน เพราะคำถามต่อมามาแบบไม่ทันตั้งตัว


“แซนสงสัยนานแล้ว พี่สองคนเป็นอะไรกันเหรอคะ แซนเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด พี่ภูไปส่งพี่ยีนที่บ้านทุกวัน แถมมาด้วยกันอีก ขนาดพวกพี่ๆ ในกลุ่มพี่ยีนยังไม่ตัวติดกับพี่ยีนขนาดนี้เลยค่ะ”


แต่ไอ้พี่ชมพูก็แรงไม่แพ้กัน มันหันมายิ้มหวานให้แซนจนผมขนลุกแล้วถาม


“แซนอยากรู้จริงๆ เหรอครับ”


“ค่ะ แซนอยากรู้ว่าเป็นอย่างที่แซนคิดหรือเปล่า”


“แล้วแซนคิดว่าพี่กับยีนเป็นอะไรกันล่ะครับ”


ไอ้พี่ชมพูถามย้อนอีก ส่วนผมได้แต่มองหน้าแซน เพราะไม่คิดว่าเธอจะรู้จริงๆ ถึงมันจะน่าสงสัย แล้วผมก็ไม่ได้ถึงขนาดปิดบัง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยให้รู้ชัดขนาดนั้น เหมือนเธอมีเรดาร์พิเศษอยู่ ถึงโพล่งตอบกลับมาอย่างมั่นอกมั่นใจ


“เป็นแฟนกัน ใช่มั้ยคะ”







อ่านต่อข้างล่าง

v


v

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥

ต่อจากข้างบน


v


v


“แล้วแซนรับได้หรือเปล่าล่ะครับ ที่พี่กับกับพี่รหัสของแซนเป็นแบบนั้น”


“ไม่เลยค่ะ” แซนรีบตอบกลับมาเร็วเกินคาด ผมเหลือบไปทางไอ้พี่ชมพูหน่อยๆ ก่อนจะหันกลับมาหาอีกคน “พี่ยีนนิสัยดี แล้วเวลาอยู่กับพี่ภูต้องน่ารักแน่ๆ ไม่แปลกหรอกค่ะที่พี่สองคนจะรักกัน”


ไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหนครับว่าผมน่ารักเวลาอยู่กับไอ้พี่ชมพู อย่างผมนี่นะ???


“ไม่ได้น่ารักเท่าไหร่หรอกครับ ที่แซนเห็นนี่ก็สร้างภาพทั้งนั้น จริงๆ ทั้งหยาบคาย ชอบใช้กำลัง ชอบด่าพี่ด้วย แต่...เวลาที่น่ารักก็น่ารักมากจริงๆ ครับ”


“ไอ้เหี้ยพี่ชมพู!!”


มันทำหน้ากวนตีนเย้ยๆ จนผมทนไม่ไหว หลุดธาตุแท้ของตัวเองออกมา แต่ดูท่าแซนจะไม่ตกใจเลยสักนิด มีการมาหัวเราะผมเสียอีก หนำซ้ำไอ้เหี้ยหมีควายนี่ยังพยายามสร้างเรื่องให้ผมมากขึ้น


“ดูอย่างตอนนี้สิ ปากสีส้มๆ น่ารักมั้ยครับ พี่ชอบให้พี่รหัสของแซนกินยักษ์คู่รสส้มก็เพราะแบบนี้ มันน่ารัก แล้วก็น่าจูบดี”


“ปากมากว่ะ”


“แซนดูสิ เวลาพูดก็ยิ่งน่ารัก น่ามอง”


“จริงด้วยค่ะ”


แทนที่จะเข้าข้างพี่รหัสตัวเอง กลับไปเป็นพวกของคนจากคอมมิวนิสต์เฉยเลย ผมทำหน้าเซ็งใส่แม่ง อยากจะหาพวกอยู่ฝั่งเดียวกันก็เอาเลย ตามสบาย แต่ไอ้พี่ชมพูเสือกยิ้มอีก แถมยิ้มแบบมีเลศนัยด้วย ทว่ายังไม่ทันให้ได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น อุ้งตีนหมีจากเบาะหน้าก็ยื่นประกบเข้าที่ตาของแซน แค่นั้นไม่พอ มันยังยื่นหน้าเข้ามาหาผมแบบเร็วโคตรจนผมผงะแทบไม่ทัน แต่ว่าด้านหลังของผมติดเบาะไปแล้วเลยหลบไปไหนไม่ได้อีก สุดท้ายไอ้เหี้ยพี่ชมพูก็ผิดสัญญา


ปากของผมถูกทาบด้วยปากอุ่นๆ เพราะมันกินไอติมเสร็จไปนานแล้ว ไม่เหมือนผมที่พิ่งกินเสร็จ อุณหภูมิที่ต่างกันมากทำให้ผมรู้สึกหวิวอยู่ในอกหน่อยๆ แต่ใช่ว่าผมจะเคลิ้มตามนะครับ ผมตะลึงอยู่ประมาณสองวินาทีที่มันทำแบบนั้น แล้วใช้เวลาอีกสามวินาทีในการรับรู้รสสัมผัสจากมันที่ทำให้รู้สึกดีเหมือนอย่างเคย ก่อนเวลาที่เหลือทั้งหมดจะเป็นการออกกำลังกาย


ผมเอามือวางลงบนท้ายทอยของไอ้พี่ชมพู แต่ไม่ได้กดลงมาให้มันจูบผมได้ถนัดหรือดูดดื่มขึ้น แต่จิกผมของมันแล้วดึงให้หน้ามันถอยห่างจากผม และมันก็เป็นอย่างที่วางแผนเอาไว้ในใจโดยง่าย เพราะไอ้พี่ชมพูร้องโอดครวญออกมาอย่างกับว่าผมกำลังจุดไฟเผามันทั้งเป็น ไอ้เว่อร์!!!


“เพิ่มอีกเดือนนึง”


“เฮ้ย อะไรอะ”


มันร้องเสียงหลงขึ้นมาทันทีเพราะคงเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ส่วนน้องรหัสของผมก็นั่งหน้างงๆ แต่มุมปากกลับมีรอยยิ้มชวนให้แปลกใจ


“แซนยิ้มทำไม”


“ก็แซนเชื่อที่พี่ภูบอกแล้วน่ะสิคะ ว่าพี่ยีนไม่ได้น่ารักอย่างเดียว โหดด้วย”


ไม่แค่ตอบ แต่เธอยังหัวเราะคิกๆ ออกมาด้วย ทำให้ผมยิ่งหงุดหงิดกับไอ้หมีควายมากกว่าเดิมเสียอีก ภาพพจน์ของผมที่สร้างมา พังลงแล้ว ไอ้เวรรรรร


“ไหนๆ แซนก็รู้แล้ว งั้นก็เปิดตัวไปเลย มึงจะได้ไม่ต้องลำบากปิดบังให้อึดอัดอีก”


คราวนี้ไอ้แฟนตัวดีของผมไม่เรียกชื่อผมต่อหน้าแซนเหมือนทุกครั้งแล้ว แต่ใช้คำพูดเหมือนเวลาที่เราอยู่ด้วยกันหรืออยู่ในกลุ่มเพื่อนผมกับเพื่อนของมันแทน แค่นั้นไม่พอ มันยังดึงแว่นที่ผมสวมอยู่ออกด้วย แล้วก็แน่นอน เสียงของแซนดังตามมา


“ว้าว แซนเพิ่งเห็นพี่ยีนถอดแว่นออกครั้งแรก หล่อมากเลย”


ไหนๆ ก็เปิดเผยโฉมหน้าแล้ว ผมก็เลยสะบัดหัวหน่อยๆ แล้วเอามือปัดผม จัดให้มันเป็นทรงที่เหมาะกับผมมากกว่าไอ้ผมเรียบแปล้ เหมือนเด็กเนิร์ด ก่อนจะยื่นมือไปผลักหัวไอ้พี่ชมพูที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ บอกมันเสียงลอดไรฟันไป


“อย่าให้อยู่กันสองคน”


“จะทำอะไรครับ”


มันถามย้อน แต่ผมไม่ตอบ ใช้แต่สายตาพิฆาตมองไปที่มัน แต่มีหรือว่าไอ้บ้าอำนาจ บ้าพลัง หลงตัวเองอย่างมันจะหลบสายตาของผม ผมเลยปล่อยแม่งไปก่อน ไว้คิดบัญชีทีหลัง


“ถ้ายังไงแซนช่วยเก็บเป็นความลับให้พี่ด้วยนะครับ”


“ความลับเรื่องไหนคะ ที่ว่าพี่กับพี่ภูเป็นแฟนกัน หรือว่าเรื่องที่พี่ยีนหล่อมากกก”


คำถามนี้เหมือนจะเป็นคำถามลวงผมยังไงไม่รู้แฮะ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตอบกลับไปอย่างที่ต้องการ


“ทั้งสองอย่างก็ดีครับ”


“แน่นอนค่ะ แต่ว่าพี่กับพี่ภูอย่าทะเลาะกันเยอะนะคะ รักกันนานๆ ด้วย แซนจะคอยเป็นกำลังใจให้”


ไม่มีคำถามถึงเหตุผลว่าทำไมผมต้องให้ปิดบัง ผมว่าไอ้เรื่องที่ผมเป็นแฟนกับไอ้โชเฟอร์หน้าหมีนี่เธอคงเข้าใจ ส่วนไอ้เรื่องที่ผมต้องทำตัวเป็นเด็กเนิร์ดนี่เธอคงไม่อยากซักไซ้ ซึ่งมันก็ดี เพราะดูท่าเธอจะเข้าใจผม


“ขอบคุณนะครับ”

“ไม่ต้องขอบคุณแซนหรอกค่ะ แซนสนับสนุนพี่สองคนอยู่แล้ว หล่อทั้งคู่ แถมพี่ยีนก็น่ารักด้วย แซนชอบค่ะ แซนชอบเวลาเห็นผู้ชายรักกัน โดยเฉพาะคนที่เหมาะสมกันเหมือนพี่ทั้งสองคน”


น้องรหัสผมพูดด้วยท่าทางดีใจ เหมือนไม่เสียดายเลยสักนิดที่ผู้ชายหล่อๆ อย่างผม แล้วก็หน้าตาขี้เหร่อย่างไอ้พี่ชมพูจะเป็นแฟนกัน แถมยังพูดออกมาอย่างเต็มปากว่าชอบเวลาเห็นผู้ชายรักกัน ด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊า ประหลาดดี แต่มันก็ทำให้ผมพอเข้าใจว่าทำไมชอบแอบมองผมกับไอ้พี่ชมพูบ่อยๆ เหอะๆ แต่ว่าเธอไม่ได้บอกผมแค่นั้นน่ะสิครับ ยังมีต่ออีก เล่นทำเอาผมแทบจะหันไปอัดไอ้พี่ชมพูในวินาทีนั้น


“ฉากจูบเมื่อกี้...น่ารักดีนะคะ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นกับตาตัวเอง คิก แซนไปก่อนค่ะ บ๊ายบาย”


ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้วน้องรหัสแสนสวยของผมก็ลงจากรถไปหน้าตาเฉย ผมเลยต้องหันไปเอาเรื่องกับตัวต้นเหตุแทน แต่ก่อนจะทำอะไรอย่างที่หวังไว้ ผมก็ปีนข้ามเบาะไปนั่งที่เบาะข้างๆ คนขับเสียก่อน จากนั้นก็... หมัดหลุนๆ ประเคนเข้าที่ต้นแขนไอ้พี่ชมพู


“ทำเหี้ยอะไรเนี่ย ต่อหน้าน้องรหัสผมนะเว้ย สัดเอ๊ย”


“ก็พี่เห็นปากของน้องเกงยีนแล้วมันอยากจูบนี่หว่า เลยจูบ”


“จูบพ่องดิ ไอ้ควาย”


“กูจะจูบพ่อทำไม จูบมึงนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว”


“เออ ผมจะจำไว้ว่าพี่ผิดสัญญา แล้วพี่จะไปโดนกะเทยเสียบ โดนกระทืบที่ไหนผมจะไม่สนใจ”


ไม่แค่บอกมันอย่างนั้น ผมยังชูนิ้วกลางให้มันเป็นการแถมด้วย แต่มันเสือกหัวเราะพลางถามเหมือนไม่สะทกสะท้าน


“พี่ทำตัวดีมาตลอดครึ่งปี ไม่เห็นใจกันบ้างเหรอ แล้วไม่กลัวเป็นม่ายเหรอถ้าพี่เป็นอะไรไป”


“ยินดีสิไม่ว่า”


“ปากดีจริงๆ”


“ปากมากว่ะ หุบปากไปเลย”


“ครับๆ”


มันเลิกเถียงผมแล้วยอมยุติสงครามน้ำลายซะ ซึ่งมันก็ดีต่อสุขภาพของหูผมมาก แต่ความกวนตีนของมันยังไม่หมดแค่นั้นหรอกครับ เพราะตอบที่มันยื่นมือมาจับเกียร์เพื่อจะได้ออกรถ ยังถามผมด้วยน้ำเสียงกวนตีนเชี่ยๆ


“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอจูบอีกทีได้ป่ะ”


“สัด เรื่องดิ”


“สัญญาว่าถ้าได้จูบอีกทีแบบที่มึงเต็มใจ จะยอมทำตามสัญญาเหมือนเดิม ไม่เกี่ยงเลย”


“คนอย่างพี่ เชื่อได้ที่ไหน ผมง่ายพอจะอนุญาตหรือไง”


“ไม่ง่ายหรอก ไม่งั้นมึงรักกูไปนานแล้ว”


มันย้อนกลับมาอีก ต่อปากต่อคำฉิบหาย ผมเลยกระชากคอเสื้อมันมาจูบแม่ง ตัดรำคาญซะ แต่พอหลังจากปากประกบกันได้สักพัก ก็เหมือนว่าจะกลายเป็นผมเสียมากกว่าทีถูกมันจูบ มันดูดปากผมซะแรงอย่างกับมันกำลังไม่พอใจผม แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นหรอกครับ


มือใหญ่ดันท้ายทอยของผมให้หน้าช้อนขึ้นเพื่อรองรับริมฝีปากของมันได้ดีมากกว่าเดิม ก่อนมันจะเล็มเลียไปตามกลีบปากของผมอย่างกับกำลังชิมมาร์ชเมลโล่ ปากกูไม่ใช่ขนมนะเว้ย! ทำแบบนี้แล้วกูเคลิ้ม!!!


ผมเผยอปากออกแล้วแหย่ลิ้นออกไปเลียปากของมันบ้าง มันก็ยอมอ้าปากให้ผมแทรกเข้าไปสำรวจเล่นภายในของมัน แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะต่อจากนั้นไม่นาน ลิ้นชื้นที่ใหญ่กว่าก็เข้ามารุกไล่เล่นกับผม กวาดต้อนเปลี่ยนแดนในการหาความสำราญ ซึ่งผมก็ตอบรับมันบ้าง ผลักไสมันบ้าง พลางขบดูดไปตามกลีบปากของมัน เช่นเดียวกับไอ้คนที่กำลังทำให้ผมรู้สึกดีอยู่ตอนนี้


กระทั่งผมรู้สึกว่ามันชักจะนานเกินไปแล้ว แถมอยู่หน้าบ้านคนอื่นเสียอีก เลยผลักมันออกทั้งที่ยังรู้สึกว่าอยากให้จูบของเรานานกว่านี้ แต่ไม่ได้ครับ ผมมีประสบการณ์มาหลายครั้งแล้วว่าถ้าเลยจุดที่จะหยุดได้ ต่อยาวแน่นอน แล้วคนที่จะซวยก็คือผม เพราะงั้นแค่นี้แหละ มันมากพอแล้ว


“สัญญาแล้วนะเว้ย”


“โอเคๆ สัญญาแล้ว”


มันยอมปล่อยมือจากท้ายทอยของผม รวมทั้งมืออีกข้างที่มันสอดเข้าไปใต้เสื้อด้านหลังของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไวฉิบหาย แต่ไม่ใช่แค่มือของมันที่ไวนะครับ ตาแม่งก็ไวมากด้วยเหมือนกัน เพราะหลังจากหน้าของเราห่างออกจากกัน มันก็มองผมด้วยสายตาเป็นประกายพอใจจนผมต้องเบี่ยงหน้าหนีหน่อยๆ ไม่รู้ทำไมผมต้องรู้สึกเขินๆ มันด้วยวะ


“มึงรู้ป่ะ ไม่มีใครที่กูอยากจะกอด อยากจะจูบเท่ามึงมาก่อนเลย”


ไอ้ควายเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย คุณคิดว่าผมจะทำยังไงกับคำพูดประโยคนี้ของมันเหรอครับ


หนึ่ง ด่ามัน


สอง ต่อยมัน


สาม... หันหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง


ให้เวลาคิดสิบวินาที


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


ติ๊กต๊อก


หมดเวลา!!


ถ้าผมบอกว่า...ผมตอบข้อสาม คงไม่ผิดคอนเซปต์ใช่มั้ย


มึงก็เป็นคนที่ทำให้กูเขินได้มากที่สุดในชีวิตเหมือนกันแหละว่ะ ไอ้ห่าาาา!!







=====================
เรื่องนี้ไม่มีนางร้าย เหมือนทุกคนจะระแวงแซนกันมากจริงๆ
ตั้งแต่จีจี้ ที แล้วก็แซน ไม่มีนางร้ายสักคน มีแต่คนที่ทำตามบทบาทของตัวเอง แล้วก็ต่างกันออกไป
คนที่ตบยีนนี่ร้ายที่สุดแล้วค่ะ ฮา   :laugh:

ตอนพิเศษอันนี้ก็จบลงด้วยดี
แล้วเดี๋ยวแต่งตอนพิเศษตอนใหม่เสร็จ จะมาลงต่อนะคะ

ส่วนเรื่องหนังสือ มีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งในนี้นะคะ

ปล. เบื่ออาการป่วยจังเลยค่ะ หายใจไม่ออกอีกแล้ว  :sad4:

ปล. อีกที ตอนนี้มีเพจเฟซบุ๊คแล้วค่ะ มีอะไรสอบถามติดต่อได้ทางเพจนะคะ
http://www.facebook.com/pages/Undel2Sky/383946215046392


Undel2Sky



ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1012
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
น้องแซนเธอเป็นสาววายยยย มาแท็กมือหน่อยสิจ๊ะที่รัก เธอน่ารักจริงๆ สมแล้วที่เป็นน้องรหัสยีนนนนน

สรุปเรื่องนี้จะจบน้องยีนไม่เสียตัวหรออออออ

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
แซนเธอโคตรโชคดีเลย อยากเจอเเบบนี้อยาก อิอิ

หวานเเบบโหดนะยีน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
อั๊ยย้ะ หวานเนอะ  :m25:
แซนน่ารักอ่า 5555 สาววายป่าวเนี่ย :jul3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shikyu3211

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1537
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1
อยากเห็นยีนเสียตัว~

เมื่อไหร่จะเสียตัวสักทีอ่ะ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ไม่มีนางร้ายจริงๆด้วยค่ะ5555

ว่า แต่หมั่นไส้คนที่ตบยีนมากๆๆค่ะ ยีนโดนดูถูกด้วย ไม่ยอมๆ ยีนเผยไปเลยว่าตัวจริงหล่อขนาดไหน สะใจดี อิอิ

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 o13  ม่ะไหร่ยีนจะเสียสาวนี่

GGG24

  • บุคคลทั่วไป
ยอมพี่เขาหน่อยก่ดีนะน้องยีนนนนนน  :o8:

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
แซนนนนนน

เราขอโทษที่แอบระแวงเธอ  :o11:

กลายเป็นสาววายซะงั้น  :laugh:

ยีนมันซึนนนนนนนอีกและ  :เฮ้อ:

ยอมพี่ภูซักทีสิ  :haun5:

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เหยยยยยยยยยยย น่ารักอ่ะ แซนก้น่ารัก
คนที่สวยและนิสัยดีมีอยู่จริงนะเออ 555

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
พี่ชมพูทำหวาน
เนียนเลยน๊า :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
ค่อยยังชั่วที่แซนไม่ได้ร้ายอย่างที่กลัว
ที่มองๆยีนกับพี่ภูเพราะเป็นสาววายนั่นเอง
ทีนี้ก็รอวันยีนกับภูจะรวมร่างเป็นหนึ่งเดียว อิอิ :กอด1:


ออฟไลน์ yisren.

  • #คนที่ฉันไม่เคยลืม
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

omeye

  • บุคคลทั่วไป
    สนุกค่่ะ
   สนุกมากค่่ะ
   สนุกมากมากเลยค่่ะ
อ่านยาว2 วันเลย เป็น นิยายที่สุดยอดมากๆเลยค่่ะ 
ชอบมากเลยค่่ะ จะรอตอนพิเศษอีกหลายๆตอนนะค่่ะ^^

[ตอนดราม่านี้นั่งร้องไห้เลยค่่ะ ชอบมาก]

amkang12

  • บุคคลทั่วไป
นิยายสนุกมากๆครับ ชอบนิยายเรื่องนี้ทุกตัวละครเลยทั้งไฮยีนแล้วก็ชมภูด้วย

ขอบคุณน่ะครับสำหรับการสละเวลามาแต่งนิยายดีๆให้พวกเราได้อ่าน

ปล อยากอ่านเรื่อของกราฟอ่ะ อย่าลืมแต่งต่อน่ะครับ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
มารอ กราฟ - ไนล์ ค่ะ ไม่ได้มากดดันนะค่ะ จริ๊งจริง   :laugh:

love2you

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งเริ่มอ่านนะคะ แต่อยากมาเม้นท์ให้ก่อนเพื่อเป็นกำลังใจค่ะ จริงๆ มีเพื่อนแนะนำให้ลองอ่านเรื่องนี้นานแล้วค่ะ แถมยังบอกอีกว่าอ่านเรื่อยๆ แล้วจะหลงรักแบบไม่รู้ตัว

ถ้าอ่านจบแล้วจะมาเม้นท์ให้อีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^






ดิท (ตอน 6 โมงกว่าๆ ของเช้าวันที่ 03.04.2013)






ตอนนี้กำลังอ่านถึงตอน "ใครกันแน่ที่อย่าเยอะ" แล้วค่ะ อยากบอกออกจากใจเลยว่าถ้าเราเป็นน้องยีนเราคงเหวี่ยงสุดๆ อ่ะค่ะ เพราะสำหรับเรานะคะ อิพี่ภูน่ารำคาญมากกก~

คือตอนก่อนหน้านึ้ ทั้งๆ ที่น้องยีนก็บอกอยู่แล้วว่าต้องรีบกลับบ้านก่อนตี 2 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พี่ภูไม่ควรทำให้น้องต้องผิดคำพูดกับป๊าน้อง ถึงพี่ภูจะบอกว่าไม่รู้ก็เถอะ แต่มันใช่เรื่องไหมที่น้องต้องโดนลงโทษเพราะผิดคำพูดน่ะ อ่านแล้วหมั่นไส้พี่ภูสุดๆ คนไรไม่น่ารักเลย -"-

(อย่าถือสานะคะ แค่อินไปหน่อย ^^)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2013 06:20:01 โดย love2you »

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥
ตอนพิเศษ 2.1 : เสม็ด เสร็จ ไม่เสร็จ




















ไปเสม็ด เสร็จทุกรายนะมึง


คำอวยพรของเพื่อนรักที่ชื่อ ปฐมพงศ์ พิรุณกานต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ เคลม มาพร้อมกับรอยยิ้มที่ชวนให้ผมอยากถีบยอดหน้ามันเหลือเกิน แต่... ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมจะไปเสม็ด กระทั่งถึงวันออกเดินทาง ผมก็ไม่ได้บอกมันครับ อยากเข้าใจยังไงก็เรื่องของมึงแล้วกัน


“ของมึงมีแค่นี้ใช่มั้ย”


“เห็นอยู่เท่าไหน ก็มีเท่านั้นแหละพี่”


ไอ้พี่ชมพูมารับผมที่บ้าน พร้อมกับขออนุญาตเรื่องพาผมไปเที่ยวสุดสัปดาห์อีกรอบ ตามมารยาทที่ดี ถุย จริงๆ ผมบอกป๊าไปแล้ว ป๊าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่มันอยากทำให้เป็นทางการหน่อย ผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู ก็เหตุผลบ้าบอของมันแหละครับ ผมก็ช่างแม่ง


พอล่ำลากับป๊าเสร็จ มันก็ช่วยผมแบกกระเป๋าไปขึ้นรถ สุภาพบุรุษซะไม่มี ทำอย่างกับผมไม่มีแรงจะหิ้ว ทั้งที่ในกระเป๋าก็มีเสื้อผ้าอยู่แค่สองสามชุดกับของใช้นิดหน่อย ผมเลยเดินสบายตัวปลิวไปขึ้นรถมัน ทริปนี้ผมชิลครับ ไม่ต้องสร้างภาพ ไม่ต้องใส่แว่น เป็นตัวเองอย่างสุดๆ


เราจะไปเกาะช้างกัน สามวันสองคืน คือออกเดินทางวันเสาร์ตอนเช้าตรู่ กลับบ่ายๆ วันจันทร์ ตอนแรกที่ตกลงกันว่าจะไปที่ไหน ไอ้พี่ชมพูก็เสนออยู่เหมือนกันว่าให้ไประยองเหมือนปีที่แล้ว ไปรีสอร์ทแมกไม้อะไรของมัน ที่พวกผมกับพวกรุ่นพี่ไปถ่ายหนังสั้นกันนั่นแหละครับ แต่ผมไม่อยาก เพราะคราวนี้ไปเที่ยวกันแบบส่วนตัว แค่ผมกับมันสองคน แล้วคนที่รีสอร์ทก็รู้จักมันกันทั้งนั้น ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสะดวกใจเท่าไหร่หากว่าไอ้พี่ชมพูจะมาล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ตลอด


ผมไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองนะครับ แต่ไอ้พี่ชมพูเป็นแบบนั้นจริงๆ มันตามติดผมแจยิ่งกว่าอะไร ผมคงได้กลายเป็นเป้าสายตาของคนในรีสอร์ท ซึ่งมันก็เข้าใจ เลยเปลี่ยนเป้าหมายแล้วก็จัดการเรื่องจองที่พักให้ ไม่ขัดใจผมแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นแฟนที่ดีอยู่นะครับ


รถที่ใช้ในทริปนี้ก็เหมือนเดิมครับ มันเอาเลกซัสออกมาตะลุยเหมือนตอนไปเชียงใหม่ ขับออกนอกเมืองแล้วก็ชิล เพราะมีเวลาเหลือเฟือ ผมมองวิวทิวทัศน์รอบตัว จนพระอาทิตย์เริ่มจ้ามากกว่าเดิมอีกหน่อย ก็เปิดกระจกรถรับลมกับแสงแดดธรรมชาติ ให้ความรู้สึกว่ากำลังออกไปท่องเที่ยวจริงๆ


พอเห็นว่าผมทำแบบนั้น ไอ้พี่ชมพูก็ทำบ้าง ผมเหลือบไปมองมันหน่อยๆ มันก็หัวเราะออกมาเบาๆ ไม่รู้เหตุผลหรอกครับว่ามันหัวเราะทำไม แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้เหมือนกัน เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ว่ามันมาจากที่ไหน


“เดี๋ยวแวะเซเว่นหน่อย”


ไม่รู้ว่าแถวนี้จะมีร้านที่ผมถามหาหรือเปล่า อาจจะเป็นแค่ร้านค้าในปั๊มน้ำมันใหญ่ๆ ระหว่างทางสักที่ แต่ก็เอาเหอะ แบบไหนก็ได้ให้มีของที่ผมต้องการ


“มึงจะซื้ออะไร”


“อยากได้บุหรี่เย็นๆ สักตัว”


ดูมันจะงงหน่อยๆ ที่อยู่ๆ ผมก็บอกมาแบบนั้น เพราะใช่ว่ามันจะไม่รู้ว่าผมดูดบุหรี่ แต่ผมเลิกไปนานแล้วตั้งแต่รับปากป๊าว่าจะทำตัวเป็นเด็กดี มันถึงได้สงสัย


“อยู่ๆ ก็อยากดูด บรรยากาศก็ดี พี่ไม่ว่าอย่างนั้นหรือไง”


“เอาจริง”


“พูดเล่นมั้ง”


ผมรู้ว่ามันไม่ได้กวนตีนหรอก เพราะน้ำเสียงของมันดูห่วงมากกว่า อย่างว่าแหละครับ ผมไม่ได้ดูดแล้ว จะมาดูดอีก มันก็ไม่ง่ายเหมือนตอนหัดครั้งแรก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้คิดห้ามอะไร เพราะมันเองก็มีดูดอยู่บ้างเรื่อยๆ เหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูดบ่อยอะไร เพราะงั้นพอเห็นปั๊มน้ำมันที่เป็นจุดพักรถมันถึงได้ขับเข้าไป


ผมเข้าไปในร้านขายของก่อน เลือกพวกขนมมาส่วนหนึ่งกับเป๊ปซี่เอาไว้ก่อนระหว่างทาง ส่วนไอ้พี่ชมพูยืนรออยู่ที่เคาน์เตอร์ครับ ทั้งที่เราไม่ได้นัดแนะกันว่าจะทำอะไรแต่เหมือนเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรบางอย่าง เพราะพอผมไปถึง วางขนมที่หน้าเคาน์เตอร์มันก็ถามพร้อมหยิบกระเป๋าเงินของมันออกมา


“คริปมินต์?”


“อืม”


ตอบมันไปแค่นั้น คนตัวโตก็หันไปบอกพนักงานว่าผมกับมันต้องการอะไรเพิ่ม แล้วก็รอให้พนักงานคิดเงิน และมันเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมด ซึ่งพอได้ถุงมา มันก็เป็นฝ่ายคว้าไปถือเอาไว้โดยที่ผมไม่ต้องหิ้วอะไรสักอย่าง แค่เดินตามมันกลับไปที่รถเท่านั้น


ผมจุดมาร์ลโบโรที่ซื้อมาก่อนจะสูดเอาความเย็นนั้นเข้าปากเบาๆ อยู่สองสามครั้ง พลางปล่อยควันให้ลอยออกไปทางกระจกหน้าต่างที่เปิดอยู่ ผมที่ยาวจนระต้นคอปลิวไปตามลมที่พัดตีหน้าเข้ามา รู้สึกดีแบบสุดๆ กับบรรยากาศแบบนี้ เหมือนที่ผมหวังเอาไว้ก่อนที่จะได้ของในมือมานั่นแหละครับ


“ดูดป่ะ”


แต่ใช่ว่ามีความสุขแล้วผมจะมีคนเดียวนะครับ ผมหันไปถามคนที่กำลังขับรถอยู่ มันก็แต้มยิ้มมุมปากแล้วพยักหน้าเบาๆ ผมเลยยื่นมือที่คีบบุหรี่ไปให้มันสูดความเย็นบ้าง พอมันรับกลิ่นหอมๆ กับความเย็นไปแล้ว ก็หันไปพ่นผ่านหน้าต่างรถด้านมันบ้าง แล้วค่อยถาม


“มึนหรือเปล่า”


มันคงห่วงแหละครับ เพราะผมยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอย่างที่มันห่วงอยู่หน่อยๆ ผมพยักหน้าเบาๆ ครางเสียง อืม ในคอ มันเลยบอกพลางละมือจากพวงมาลัยแล้วมาลูบหัวผมเบาๆ


“ไม่ไหวก็พอ”


“ขออีกหน่อย กำลังรู้สึกดีเลย”


ผมตอบยิ้มๆ แล้วอัดควันเข้าไปอีกรอบ แต่ไม่แรงมากเพราะเดี๋ยวจะน็อคซะก่อน พี่ชมพูเลยเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นขยี้ผมของผมแรงขึ้นหน่อย ทั้งที่หน้ายังมีรอยยิ้ม


มันเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้จักความสุขที่มาจากความอิ่มใจ






















ถึงที่พักแล้ว ไอ้พี่ชมพูก็จัดการเรื่องเช็คอินโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเหมือนเดิม มีคนบริการแบบนี้ก็ดีครับ นั่งรออยู่ไม่ถึงสิบนาทีมันก็เรียกผมให้เดินตามมันขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปห้องพักส่วนที่เป็นวิลล่า โดยที่มีเบลบอยขนกระเป๋าตามมาด้านหลัง ที่มันจองห้องวิลล่าให้ก็เพราะทั้งมันทั้งผมชอบแบบนี้มากกว่าจะอยู่บนตึกที่ไม่ต่างกับตอนอยู่คอนโด แล้วแบบนี้ก็เป็นส่วนตัวกว่าด้วย


ห้องพักที่จองไว้เป็นห้องพักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรีสอร์ทแล้วมั้งผมว่า แถมยังค่อนข้างแยกห่างออกจากห้องพักอื่นๆ อย่างเป็นเอกเทศด้วย เรียกได้ว่าเป็นส่วนตัวสุดๆ แล้ว ห้องพักเหมือนเป็นบ้านชั้นเดียว แยกห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นเสร็จสรรพ ในห้องนอนเป็นเตียงคู่คิงไซส์ น่าทุ่มตัวลงนอน เพราะงั้นพอได้รับกระเป๋าเสื้อผ้ามา และไอ้พี่ชมพูทิปให้พนักงานนิดหน่อย ผมก็เข้าไปล้างหน้า ล้างมือ ล้างเท้าแล้วกระโจนขึ้นเตียงทันที


“มาถึงก็จะนอนเลยเหรอ”


มันพูดกลั้วหัวเราะ ลูบหัวผมอีกแล้ว แต่ผมก็ชอบนะครับแบบนี้ ผมยิ้มให้มันนิดๆ แล้วจับมือที่ลูบหัวผมเอาไว้ ออกแรงดึงให้มันเอนตัวเข้ามาหา มันก็มองผมงงๆ แต่คงไม่นานหรอกครับ เพราะผมยื่นหน้าเข้าหามันแล้วแตะปากลงบนปากของมันเบาๆ


“ก็เตียงมันน่านอน ขอบคุณนะครับ”


มันดูอึ้งๆ อยู่นิดหน่อยที่อยู่ๆ ผมก็จูบมัน แล้วยังพูดจาลื่นหูมันเสียอีก แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที มันก็ยิ้มแล้วล้มตัวลงนอนกอดผม พูดชิดริมหู เสียงกระซิบ


“ทำไมวันนี้มึงน่ารักจังวะ”


“คนทำดีด้วยต้องตอบแทนไม่ใช่หรือไง”


ผมคิดแบบนั้นจริงๆ อีกอย่าง นานๆ ผมจะดีกับมัน (มากๆ) สักที แถมวันนี้ได้มาเที่ยวด้วย ผมก็ไม่อยากจะทำอะไรที่มันขัดกับบรรยากาศดีๆ เลยตามใจเขาหน่อย แล้วที่สำคัญวันนี้ ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับมันด้วย เป็นเรื่องที่ผมคิดเอาไว้มาได้พักใหญ่ๆ แล้ว


“งั้นตอบแทนอีกทีได้ป่ะ”


มันมองผมตาเป็นประกาย แถมยังอมยิ้ม เห็นแบบนั้นผมก็อดยิ้มด้วยไม่ได้ ผมยื่นหน้าให้มันนิดหน่อยแล้วหลับตาลง ให้มันทำอย่างที่มันอยากทำ ซึ่งก็ไม่ต้องรอนาน เพราะมันก้มลงมาจูบปากผม จากที่ค่อยๆ แตะเบาๆ ก็ทิ้งน้ำหนักลงมามากขึ้น ดูดไซ้ที่ริมฝีปากของผมให้ทั่วแล้วสอดลิ้นเข้ามาในปากช้าๆ ซึ่งผมก็เปิดปากให้มันเข้ามาสำรวจอย่างที่เคยทำ


ผมตอบรับปากและลิ้นของมันกลับไปบ้างเล็กน้อย ก่อนจะดันตัวมันออก เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเลยเถิดมากกว่านี้ จะบอกว่ายังไงดี ไอ้นี่มันเป็นพวกติดไฟง่ายมั้ง ทั้งที่ดูก็ไม่น่าจะใช่ แต่พอจูบกันทีไร มันพานให้เตลิดเปิดเปิงทุกที เพราะงั้นผมต้องเป็นฝ่ายขัดมันก่อนทุกครั้ง ซึ่งมันก็ทำหน้าเสียดายตลอด


“พอแล้ว ไปล้างมือล้างตีนแล้วมานอนเหอะ ตื่นมาบ่ายๆ จะได้ออกไปเที่ยว”


มันฟังผมนะครับ แต่ก่อนจะทำตามก็จูบปากผมหนักๆ ไปอีกหนึ่งทีแล้วค่อยลุกจากเตียงไปไม่กี่นาที และกลับมานอนกอดผมเหมือนเดิม ผมยังไม่ได้ยกเลิกเรื่องสัญญานั่นหรอกนะครับ แต่มันก็ไม่ได้มากมายจนต้องปฏิเสธ เลยไม่ได้ขัด อีกอย่าง นี่ก็ผ่านมาแปดเดือนได้แล้วมั้ง


ยอมรับครับ ความอดทนกับความพยายามของมันทำให้ผมใจอ่อน


“พี่มีโปรแกรมหรือเปล่า”


ผมเงยหน้ามองมันนิดๆ ถึงจะมองไม่เห็นหน้ามันเท่าไหร่ เพราะมันกอดผมเอาไว้ หน้าของผมเลยอยู่ตรงอกของมันก็เหอะ แต่มันชินที่ต้องมองหน้าแล้วคุยกัน ส่วนพี่ชมพูเองก็ก้มลงมามองผมเหมือนกัน


“จองดำน้ำไว้ตอนเที่ยง”


“อืม ตั้งเวลาไว้มั้ย เดี๋ยวตื่นไม่ทัน”


มันไม่ตอบครับ มือที่กอดผมอยู่ข้างหนึ่งละออกไปล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของมันขึ้นมา กดยุกยิกอยู่แป๊บนึงมันก็เอาไปวางไว้ตรงหัวเตียง ผมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงเลยหยิบขึ้นมาแล้วส่งให้มันที่เหมือนรู้ล่วงหน้า ยื่นมือมารับเอาไว้แล้วเอาไปวางคู่กัน


“กูตั้งปลุกไว้ตอนสิบเอ็ดโมง”


“อืม เจอกันตอนตื่น”


ผมล่ำลาแล้วขยับตัวนิดหน่อย ให้สบายตัวมากขึ้น ก่อนจะปิดเปลือกตาลง แล้วก็ได้รับสัมผัสเบาๆ ที่หน้าผาก มันชอบทำแบบนี้เวลาผมจะหลับ ทุกครั้งที่มันขอป๊าให้ผมไปค้างกับมันที่คอนโด


“แล้วเจอกัน”























ชาร์จพลังแบบเต็มเปี่ยมเลยครับ ตื่นมาเลยรู้สึกกระปี้กระเปร่าขึ้นมาอีกหน่อย ตอนนี้ผมกับไอ้พี่ชมพูนั่งเรือออกมาจากหาดตามโปรแกรมที่ไอ้พี่ชมพูจองเอาไว้ ถึงมันจะดูท้าแดดไปสักหน่อยที่มาดำน้ำตอนบ่าย แต่เพราะเลือกมาทะเลช่วงฤดูฝนด้วยแดดไม่เผามาก แล้วก่อนออกจากห้องพักมา ผมกับไอ้พี่ชมพูก็พอกครีมกันแดดมากันเต็มสตรีมแล้วครับ มันบอกตัวผมยิ่งขาวๆ อยู่ เดี๋ยวจะเกรียม


ผมกระโดดลงน้ำทะเลที่ใสมากจนเห็นเป็นสีฟ้าหลังจากใส่เสื้อชูชีพกับตีนกบแล้วเรียบร้อย ส่วนไอ้พี่ชมพูกระโดดลงมาก่อนผมแล้วครับ จากนั้นเราก็สวมสน็อกเกิ้ลก่อนจะเริ่มดำน้ำออกไปด้วยกัน พี่ชมพูจับมือผมเอาไว้ด้วยตอนที่เราดำน้ำดูปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ไม่สนใจลูกค้าคนอื่นที่ลงเรือมาพร้อมกัน แต่ก็ช่างเถอะครับ เพราะคงไม่มีใครมาจับสังเกตดูผมกับมันหรอก


นึกถึงเรื่องนี้แล้วก็คิดถึงน้องรหัสคนสวยของผมครับ เพราะหลังจากที่เธอรู้ว่าผมไม่ได้เนิร์ดอย่างที่แสดงออก แล้วยังเป็นแฟนกับไอ้พี่ชมพู ผมก็รู้สึกว่าจะถูกทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นใจกับไอ้พี่ชมพูยังไงไม่รู้ แถมหลังๆ มานี้แซนกับไอ้เคลมยังเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วย ไม่ใช่ว่าแซนเปิดใจให้ไอ้เคลมหรอกครับ แต่เป็นเชิงว่าจะหาทางให้ผมถูกไอ้พี่ชมพูเสียบมากกว่า


ทำไมพวกสนับสนุนมันเยอะจังวะ??


ส่วนเรื่องคนที่เธอชอบ ก็คือไอ้กัสอย่างที่ผมสงสัยนั่นแหละครับ เหมือนว่าแซนจะบอกไอ้กัสไปแล้ว แต่ไอ้กัสมันโง่ครับ มันปฏิเสธน้องรหัสสุดสวยของผมได้หน้าตาเฉย ผมที่ลอบสังเกตการณ์เลยค่อนข้างงง เคยถามมันแบบแย้บๆ ไปอยู่ แต่มันบอกกลับมาแค่ว่ามันไม่ได้สนใจแซนในเชิงนั้น แค่เห็นว่าเป็นรุ่นน้อง ผมล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครจะมาเป็นแฟนมันได้ คุณชายเล่นเฉยชาแบบนี้


“คิดอะไรอยู่”


มือใหญ่ของคนข้างกายดึงตัวผมให้ทะลึ่งพรวดขึ้นมาบนผิวน้ำ มันจับผมถอดสน็อกเกิ้ลโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แล้วผมก็มาได้สติเพราะเสียงทุ้มๆ นั่นเอ่ยถาม


“คิดเรื่อยเปื่อย”


“อยู่ด้วยกันยังกล้าคิดถึงคนอื่นอีกเหรอ”


มันหรี่ตามองผมอย่างจับผิด แต่ทำเอาผมอยากหัวเราะมากกว่า ผมหลุดยิ้มนิดๆ ก่อนจะเชยหน้าตอบคนสูงกว่าแม้กระทั่งตอนอยู่ในทะเลแล้วลอยตุ๊บป่องเพราะเสื้อชูชีพแบบนี้


“คนเราใช่ว่าจะต้องนึกถึงคนคนเดียวตลอดเวลานี่”


เหมือนว่ามันจะฉุนครับ หน้าหงิกขึ้นมาทันที ไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็เป็นแบบนี้เสมอ แล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกพอใจที่เห็นมันตกอยู่ในอารมณ์แบบนี้ เรียกได้ว่า... โรคจิตหน่อยๆ มั้งที่ชอบเห็นมันหึงหวง แต่มันออกจะทำให้ผมต้องเจ็บตัวอยู่เหมือนกัน เพราะมือใหญ่นั่นปล่อยมือผมแล้วมาหยิกแก้มผมทั้งสองข้างเลย


“เจ็บนะเว้ย”


ผมบ่นป้อยๆ แต่มันยังทำหน้าตึงอยู่เหมือนเดิม พูดกับผมด้วยเสียงแข็งๆ เหมือนคนหงุดหงิดไม่พอใจ


“เจ็บสิดี จะได้จำไว้ว่าห้ามคิดถึงคนอื่นเวลาอยู่ด้วยกัน”


“ถ้าแบบนั้นผมก็แย่สิ เพราะพี่เล่นอยู่กับผมเกือบตลอดเวลาแบบนี้”


ยังหยอกไอ้คนตัวโตต่อครับ มันเลยหน้าบูดกว่าเดิมเสียอีก หมีควายนี่ไม่มีสมองหรือยังไง พูดแค่นี้มันก็งอนซะแล้ว เห็นหน้าบูดๆ ของมันแบบนั้นแล้วผมก็หลุดหัวเราะออกมา มันเลยแยกเขี้ยวใส่ ผมจะโดนหมีตะปบมั้ย?


“ผมก็แค่คิดเรื่องแซนกับกัส”


ถลึงตามองผมตาเขียวเลยครับหลังจากที่ผมบอกไปแบบนั้น อุ้งตีนใหญ่ๆ นั่นวางบนบ่าของผมทั้งสองข้าง เรียกว่าทุ่มมาวางเลยดีกว่า เจ็บฉิบหาย แต่ผมก็ยังแกล้งยิ้มแหย่มันต่อไป


“มึงหลอกกู”


“ก็พี่อยากคิดไปเองนี่หว่า”


“กล้ามากนะมึง”


สิ้นเสียงนั้น ผมก็รู้สึกถึงสัญญาณอันตรายที่ดังก้องจนปวดหู ไอ้พี่ชมพูดึงผมเข้าไปรัดเอาไว้ทั้งตัว หน้ามันซุกลงกับบ่าของผมไม่ให้ผมหนีไปได้ โอ๊ยยย ตัวผมจะหักมั้ยเนี่ย ขนาดอยู่ในน้ำแรงมันยังเยอะอยู่เลย ผมดิ้นๆ ตีนกบกระพือพึ่บพั่บในน้ำเพื่อเอาตัวรอด แต่ก็สู้มันไม่ได้ แถมมันยัง


“เฮ้ยยยย อย่ากัดหู”


มันกัดหูผม ไอ้เหี้ย กัดหู! ภาพซ้อนไมค์ ไทสันที่เคยดูตอนเด็กๆ แวบขึ้นมาเลย หูกูจะแหว่งมั้ยยย!!


ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดหูตัวเองทันทีก่อนจะหลุดออกมาจากอ้อมแขนที่มันรัดตัวผมเอาไว้ มืออีกข้างก็ชี้หน้ามัน แต่แม่งเสือกหัวเราะแบบโคตรพอใจ อารมณ์ดี แสรดดดดดดดดดดด


“กลัวหูแหว่งเหรอวะ”


“เออดิ ใครไม่กลัวมั่ง โรคจิตว่ะไอ้เหี้ย”


ผมด่ามัน แต่มันขยับเข้ามาใกล้ครับ ผมก็ผงะหนีดิ เดี๋ยวแม่งเอาอีก แต่ก็ไม่พ้น มันคว้ามือผมไว้ก่อนแล้วลาก ย้ำว่าลากผมเข้าไปใกล้มัน นี่ถ้าไม่มีเสื้อชูชีพ ผมคงล้มคะม่ำ ตีลังกาหัวปักทะเลไปแล้ว


“มาดูซิ”


คราวนี้ไอ้หมีควายมันพูดด้วยเสียงปกติแล้ว มันโน้มหน้ามาดูหูของผมใกล้ๆ ก่อนผมจะสะดุ้งวาบขนตั้งไปทั้งตัว เพราะมันจูบหูผมตรงที่ถูกมันฝังเขี้ยวเอาไว้ ไอ้สาดดดดดดดด ทำอะไรของมึงงงงง


ผมหันขวับมองไปรอบทิศทางกลัวว่าคนอื่นๆจะอยู่แถวนี้ ถึงจะแน่ใจว่าผมกับมันดำน้ำมาไกลพอที่จะไม่มีคนมาเจอฉากสวีท (?) เลือดสาดของเราทั้งคู่ก็เหอะ


“พี่แม่ง หมดคำจะด่า”


“ก็ไม่ต้องด่า”


มันทำหน้ากวนส้นตีนผม ไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยว่าเมื่อกี้ทำให้ผมเจ็บ แล้วก็กลัวด้วย น่าถีบฉิบหาย ผมหมุนตัว เตรียมว่ายน้ำกลับไปที่เรือ หรือไปอยู่ในบริเวณที่มีคนอื่นๆ อยู่ซะ ขี้เกียจจะพูดกับไอ้พี่ชมพูอีก แต่มันก็ดึงมือผมเอาไว้ แล้วค่อยๆ สอดนิ้วให้มือของเราประสานกันช้าๆ เหมือนถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด


ไม่อยากจะพูดหรอกนะครับ แต่... ตอนนี้ใจของผมสั่นฉิบหายเลย


“จะไปไหนก็ไปด้วยกัน กูไม่ทิ้งมึง แล้วมึงก็ห้ามทิ้งกู”























เสร็จจากดำน้ำผมกับไอ้พี่ชมพูก็กลับมาที่ห้องอีกครั้ง จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเสียเวลาไปมาก เพราะไอ้พี่ชมพูมันตื๊อว่าอยากอาบน้ำด้วยกัน แต่ผมไม่ยอม ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปสักหน่อยนะครับที่จะทำแบบนั้น ถึงผมกับมันจะมีสัญญาร่วมกันอยู่ก็เหอะ


“มึงนี่โคตรงกเลย อาบน้ำด้วยกันก็ไม่ได้”


“ให้อาบน้ำกับพี่แล้วผมถูกแทะโลมทางสายตาจนพรุนทั้งตัวเหรอ”


ผมตอบมันแล้วเอาผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเองอยู่บนเตียง แต่ไอ้พี่ชมพูมันถือไดร์เป่าผมจากห้องน้ำมาเสียบปลั๊กแล้วเป่าผมตัวเองแบบชิลๆ


“มึงคิดมากไปหรือเปล่า”


“หน้าตาหื่นกามแบบพี่ให้ผมคิดแบบอื่นได้ด้วยเหรอครับ”


ผมกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ ที่รู้ทันมัน มันหัวเราะ หึ แล้วส่ายหัว ก่อนจะขยับเข้าใกล้ผม เอนหัวให้ติดกัน เป่าลมร้อนๆ จากไดร์ในมือมันให้ผมของเราสองคนแห้งไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผมก็ยอมให้มันทำนั่นแหละครับ ดีจะได้ไม่ต้องเช็ดให้เมื่อยมือ


“แล้วใครให้มึงใส่เสื้อกล้าม”


ทั้งที่มือนึงถือไดร์เป่าผมอยู่ แต่มืออีกข้างมันเสือกเอามาเกี่ยวสายเสื้อกล้ามสีขาวที่ผมใส่อยู่ครับ ผมหันไปมองมันนิดๆ แต่มันขมวดคิ้วมองที่บ่าผมมากกว่าจะมองหน้าผม


“ผมจะใส่เสื้อนี่ต้องถามใครด้วยหรือไง”


“ก่อนออกไปเปลี่ยนเสื้อด้วย”


“อะไรของพี่วะ”


พูดมาแบบนี้ก็งงดิ ปกติผมก็ไม่ได้ใส่เสื้อกล้ามไปไหนมาไหนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ แต่นี่มาทะเลทั้งที จะให้ใส่เสื้อแขนยาวก็บ้าไป ผมหมุนตัวกลับไปมองมัน เลิกสนใจไดร์เป่าผมที่อยู่บนหัวเพื่อที่จะได้คุยกันให้รู้เรื่อง


“กูบอกให้มึงเปลี่ยน มึงก็เปลี่ยนแล้วกัน”


“เหตุผล”


“กูไม่ชอบ”


“แล้วทำไมไม่ชอบ”


เสียงหึ่งๆ ของไดร์เป่าผมทำให้ผมชักรำคาญ ผมดึงไอ้เครื่องนั่นออกจากมือของไอ้พี่ชมพูมาปิดซะแล้วจ้องหน้ามันแบบหาคำตอบ มันเองก็มองผมกลับเหมือนกัน หน้าของเราประจันกันห่างไม่ถึงช่วงแขนด้วยซ้ำ แล้วมันก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ


“มึงก็รู้ว่าตัวมึงขาว .......แล้วกูก็ขี้หวง”


“พี่คิดว่าจะมีผู้ชายที่ไหนหน้ามืดตามัวมาหลงผมเหมือนพี่หรือไง ตลกแล้ว ไม่มีใครหรอกน่า คิดมากทำไม”


เหมือนผมจะเข้าใจที่มันอธิบายมาแบบกำกวมนี่นะ ซึ่งผมก็ไม่ได้นึกไปถึงผู้หญิงคนไหนด้วยที่มันจะเก็บมาหึงมาหวงอะไรผมได้


“กูรู้ แต่มึงหล่อ มึงน่ารัก แล้วมึงก็มีเสน่ห์ กูยังชอบมองมึง แล้วคนอื่นจะไม่มองได้ยังไง”


คำตอบของมันทำให้เปลี่ยนเป็นผมที่ต้องผ่อนลมหายใจออกมาจากจมูกแทน ผมมองมันชัดๆ หน้าหล่อๆ ของมันมีแววของคนคิดมากอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแฟนผมแล้วจะยังคิดอะไรแบบนี้อีกทำไม ทั้งที่ผมก็ไม่เคยทำตัวให้ชวนคิดว่าจะนอกใจได้


“แต่ไม่มีใครมองผมแล้วอยากปล้ำผมเหมือนพี่ โอเคป่ะ”


“มึงไม่รู้หรอก ขนาดตอนนั้นยังเคยมีคนจะปล้ำมึงเลย”


เออ มันรำลึกความหลังมาแบบนี้เล่นเอาผมเกือบสะอึก เพราะคิดว่าเป็นคำตอบที่ดีแล้วเชียว แต่ผมลืมไปสนิทจริงๆ ว่าเคยถูกไอ้เหี้ย ชื่ออะไรสักอย่างพยายามจับกดอยู่ครั้งนึง แม่งวอนตายฉิบหาย


“ไอ้เหี้ยนั่นมันบ้า อย่าไปใส่ใจเลย นอกจากนี้ก็คงไม่มีแล้ว”


“มึงไม่รู้ตัวหรือไงว่ามึงมีเสน่ห์ขนาดไหน หุ่นบางแบบกำลังดี ตัวขาว ปากแดง มึงน่ะดูดีมากไม่ว่าจะในสายตาใคร โดยเฉพาะตอนที่มึงเป็นตัวของมึงเองแบบนี้มึงยิ่งดึงดูดคนให้เข้าหา แล้วมึงใส่เสื้อกล้ามพอดีตัว เห็นกล้ามแขนนิดๆ กับหัวนมผ่านเสื้อที่แนบตัวมึงอีก กูไม่รู้จะพูดคำไหนดีให้มึงรู้ตัว”


“...”


“แต่... กูพูดจริงๆ ตอนมึงใส่เสื้อกล้ามนี่อีโรติกเหี้ยๆ”


ผมอึ้ง อึ้งจริงๆ นะครับกับประโยคสุดท้าย ผมไม่เคยคิดว่าจะมีคนมาพูดกับผมอย่างนี้ ถึงผมจะมั่นใจว่าผมหล่อ ดูดีจนผู้หญิงที่ไหนก็อยากควงผม อยากเป็นคู่นอนของผม แต่ผู้ชายที่มาพูดแบบนี้ เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ เล่นเอาผมพูดไม่ออกเลย เราสองคนต่างก็มองหน้ากัน พักใหญ่เลยครับกว่าผมจะเค้นเสียงออกมาได้


“พี่...ตลกอยู่เปล่าเนี่ย”


“กูพูดจริง ให้กูมองมึงแล้วช่วยตัวเองกูก็เสร็จ จินตนาการกูไปไกลมากกว่าที่มึงคิดอีกถ้ากูยังเห็นมึงใส่เสื้อตัวนี้อยู่”


ไอ้แสรดดด พูดซะผมสยองเลย ผมมองมันแบบหวั่นๆ แต่สายตามันไม่หวั่นกับผมเลย บอกให้ผมรู้ว่ามันคิดแบบนั้นจริงๆ แล้วจะให้ผมยังไงได้ นอกจาก...


“เออๆ ไปเปลี่ยนก็ได้”


หลังจากมาอยู่ในชุดใหม่ที่ค่อนข้างสบายเพราะเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนแต่ทำให้ทั้งผมกับไอ้พี่ชมพูดูดีมากๆ จนสาวๆ มองกันเป็นตาเดียวแบบเลือกไม่ถูกแล้วว่าควรจะเข้ามาอ่อยไอ้ตัวใหญ่เหมือนหมีควาย หรือเจ้าชายรูปงามแบบผม หึหึ


ตอนนี้เราเดินกินลมชมวิวอยู่ริมหาดครับ เพราะเย็นจนแดดร่มแล้ว แต่ก็ยังมีคนออกมาทำกิจกรรมเดียวกันและเล่นทะเลกันอยู่ เพราะงั้นผมกับไอ้พี่ชมพูเลยตกเป็นอาหารตาของสาวๆ ที่นุ่งบิกินี่บ้าง วันพีช ทูพีชบ้างแล้วแต่ความมั่นใจในเรือนร่าง


“มึงดู ขนาดมึงใส่เสื้อยืด ยังมองกันทั้งหาด”


“เขามองพี่มั่งก็ได้มั้งครับ โบ้ยให้ผมหมดทำไม หรือจะยอมแพ้เพราะผมหล่อกว่า”


ผมพูดแบบเย้ยๆ มันนิดหน่อย เลยทำมันหมั่นไส้ล่ะมั้ง ถึงได้ยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมอย่างที่มันชอบทำกับผมบ่อยๆ แต่ก็เรียกสายตาของคนอื่นได้พอดู แล้วก็ใช่ว่าไอ้พี่ชมพูจะแคร์กับสายตาพวกนั้น เพราะมันเลื่อนมือลงมากุมมือผมอีก


“ทำให้เขารู้หน่อยว่ามึงเป็นของกู อย่ามองมาก”


ยิ้มครับ มันเอนตัวมาพูดกับผมยิ้มๆ แล้วสอดนิ้วประสานกับผมเหมือนเคย ซึ่งผมก็ยอมตามน้ำมันไป เพราะถ้าขัดก็กลัวว่ามันจะทำอะไรให้ผมต้องอับอายกลางหาด อย่างที่รู้ๆ ว่ามันหน้าด้านขนาดไหน มันไม่แคร์หรอกว่าใครจะมองมันยังไง แถมเป็นการเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วย มันยิ่งไม่ต้องสนใจเลย


“กับผู้ชายก็หวง กับผู้หญิงก็หึง เยอะนะ”


“แฟนเสน่ห์แรง ก็ต้องหวงต้องหึง รักมากด้วยนะมึง รู้หรือเปล่า”


ผมหัวเราะอีกครั้งที่มันเนียนบอกรักเอาเสียเฉยๆ เป็นคำคล้องจองอีกต่างหาก แต่ก็ชอบนะครับที่มันคอยแสดงว่ามันรักผมแบบนี้ ผมต่างหากที่ไม่ค่อยแสดงออกเท่าไหร่ หรือจะเรียกว่าไม่แสดงออกเลยดี แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำออกมายังไง ทั้งที่ก็คบกับมันมาเกือบปีแล้ว


เหมือนจะเคยบอกรัก... แต่ก็ไม่เคยบอก


“มึงก็หึงหวงกูบ้างด้วยล่ะ กูอยากให้มึงทำแบบนั้นเหมือนกัน”


“ผมไม่ใช่พวกหึงดะเหมือนพี่นี่หว่า”


“งั้นถ้ามีโอกาส อย่าลืมหึงพี่ด้วยนะครับ”


มันพูดติดตลกแล้วยังขยิบตาให้ผมอีก ทำให้ผมต้องหลุดหัวเราะอีกรอบแล้วส่ายหัวกับความบ้าของมัน





v


v

อ่านต่อข้างล่าง

ออฟไลน์ undersky

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-0
    • Undel2Sky's Facebook ♥

ต่อจากข้างบน


v


v















ผ่านมื้อเย็นไปแบบโคตรอิ่มแปล้แล้วก็เสียเวลาค่อนข้างมาก เพราะมาทะเล ไอ้พี่ชมพูเลยสั่งแต่ของทะเลมาหมด แล้วก็ไม่ใช่พวกที่ต้มยำทำแกงพร้อมเข้าปากแล้ว แต่เป็นกุ้งย่าง ปูนึ่ง หอยลวก หมึกปื้ง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ให้มานั่งแกะเองที่หน้าบ้านพัก เอาท์ดอร์กันสุดๆ


ยอมรับล่ะครับว่าอร่อยที่ได้กินของสด แต่มันลำบากต้องมานั่งแกะนั่นแหละ พอผมจะสั่งอย่างอื่นมันก็ไม่ยอม บอกว่าของแบบนั้นหากินที่กรุงเทพก็ได้ มาไกลถึงตราด จะมานั่งกินของแบบนั้นทำไม จนผมต้องเถียงไปว่าอยู่กรุงเทพก็กินแบบนี้ได้เหมือนกัน แต่ใช่ว่าคำค้านของผมจะเป็นผล มันแกะกุ้งแล้วจับยัดใส่ปากผมเป็นการปิดประเด็น


เพราะงั้นกว่าจะกินเสร็จก็เสียเวลาไปสองชั่วโมงได้ แกะกันจนมือนี่แทบจะเหี่ยวเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังดีที่ไอ้พี่ชมพูมันแกะไว ผมเลยแย่งของที่มันแกะใส่จานไว้มากิน ตามหน้าที่แฟนที่ดีของมัน


หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็มาถึงกิจกรรมยามดึกของพวกเรา เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างบริหารกล้ามเนื้อ... กล้ามเนื้อสมองน่ะครับ ไม่รู้ว่าไอ้พี่ชมพูมันเอาอุปกรณ์มาจากไหน แต่คาดว่ามันน่าจะพกมาเอง วงไพ่เริ่มมา สุราก็วางเรียงราย ถึงจะอยู่กันสองคน แต่มันก็สามารถพาผมตั้งวงไพ่ได้ แล้วก็ไม่ใช่แค่เล่นไพ่ แต่มันยังกินเงินจริงๆ ด้วย


“เลิกๆ ผมไม่เล่นแล้ว”


ผมโวยหลังจากโยนไพ่ทิ้ง เพราะเล่นมาเกินยี่สิบตาได้แล้วผมก็ยังแพ้เจ้ามือแบบมันอยู่ดี เทพเจ้าแห่งโชคลาภคงจะเข้าข้างมันวันนี้ ผมถึงชนะมันไม่ถึงห้าครั้ง และพอผมร้องแบบนั้น มันก็หัวเราะหึหึ กอบโกยแบงก์จากกระเป๋าเงินของผมไปอย่างสบายอุรา เห็นแล้วน่าถีบฉิบหาย


แก้วเหล้าที่ถูกผสมเอาไว้จางๆ เลยถูกผมซัดเข้าไปเต็มอึกก่อนผมจะเดินออกจากห้องไป ส่วนไอ้พี่ชมพูเก็บไพ่แล้วก็เก็บเงินให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามออกมา ผมมานั่งอยู่หน้าห้องพักเพราะมีเก้าอี้หวายตั้งอยู่ด้วย เหยียดขาออกไปวางพาดกับโต๊ะที่ทำจากหวายเหมือนกันเพื่อให้สบายตัว หลังเอนพิงเบาะที่รองเอาไว้


“มานั่งข้างนอกไม่กลัวโดนยุงหามหรือไง”


“ผมตัวหนัก คงหามไหวหรอก”


ตอบมันแล้วผมก็เอนหัวพิงกับพนักด้านบน มองท้องฟ้าสีค่อนข้างดำ เห็นดาวอยู่ประปรายบ้าง ท้องฟ้าที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพครับ ไม่ค่อยมีแสงสีทำลายบรรยากาศ เห็นแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยไม่มีเหตุผล ก่อนจะรู้สึกถึงไออุ่นจากอีกคนที่มานั่งตรงพนักเก้าอี้


“ตรงนู้นก็ว่าง มานั่งเบียดทำไม”


“โกรธที่กูกินตังค์มึงเยอะหรือไง”


“ก็เสียไปหลายร้อยพอดู”


ขนาดเล่นตาละห้าสิบบาทนะครับ ผมยังเสียไปเกือบพัน โชคไม่เข้าข้างชัดๆ


“มึงคิดว่ากูจะเอาเงินมึงหรือไง ขนาดทุกวันนี้มึงจะกินจะซื้ออะไร กูยังจ่ายให้หมดเลย”


“เหอะ เหมือนผมเป็นอีหนูของเสี่ยเลยเนอะ”


พอคิดตามที่มันบอกแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งที่บางทีผมก็อยากจะออกเงินเองบ้าง เพราะมันก็ใช่ว่าจะทำงานหาเงินเองได้แล้ว แต่ไอ้พี่ชมพูก็ไม่ยอมทุกครั้ง แล้วมันก็ทำให้ผมอดรู้สึกในบางคราวไม่ได้ว่าผมเหมือนเกาะมันกิน แต่มันคงจับอารมณ์ของผมได้ว่าไม่พอใจ เลยจับมือของผมเอาไว้ ยกขึ้นมาอย่างเบามือแล้วแตะปากลงกับหลังมือของผม


“ไม่ต้องเป็นอีหนูของเสี่ยที่ไหน แค่เป็นเกงยีนตัวแสบของกูก็พอแล้ว”


“น้ำเน่าว่ะ”


ผมผลักหัวมันเบาๆ รู้สึกร้อนวูบๆ บนหน้ายังไงชอบกล เลยต้องรีบหันหนีไปอีกทาง ทำไมผมรู้สึกว่าผมแพ้มันอีกแล้ว และท่าทีแบบนั้นของผมล่ะมั้งที่ทำให้มันหัวเราะออกมาหน่อยๆ


“มึงไม่ต้องคิดมากหรอก มึงเป็นแฟนกู กูก็อยากดูแล อยากทำอะไรเพื่อมึงเท่าที่กูทำได้ แค่มึงมีความสุข กูก็ดีใจมากแล้ว ขออย่างเดียว... ให้มึงรักกู อย่าไปรักคนอื่น”


มันพูดซึ้งนะครับ เป็นสิ่งที่มันไม่ได้พูดบ่อยๆ ผมเลยเอนตัวพิงต้นแขนของมัน แขนอุ่นๆ นั่นทำให้ผมรู้สึกดีได้จริงๆ มือที่มันจับผมเอาไว้เปลี่ยนเป็นผมที่พลิกกลับไปจับมันแทน สิ่งที่ไม่ได้ออกจากปากผมบ่อยๆ หลุดออกมาท่ามกลางความเงียบด้วยเหมือนกัน


“ไม่ไปรักคนอื่นหรอก ...แค่พี่คนเดียวก็วุ่นวายพอแล้ว”


ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันกำลังยิ้ม ทั้งที่ผมมองไม่เห็น แค่พิงหัวไว้กับแขนของมัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น โคตรจะน่าประหลาดใจเลย แต่มันก็ทำให้ผมระบายยิ้มออกมานิดๆ ได้เหมือนกัน


“อืม... มึงคนเดียวก็ทำให้กูมีความสุขมากพอแล้ว”


เลียนแบบผมเลย แต่ว่าคำที่ใช้ต่างกันมาก มันก็เป็นแบบนี้ ชอบพูดอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ แล้วก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกได้ตลอด แต่ผมก็ยอมรับว่าผมก็ไม่ต่างจากมัน


มันมีความสุข ผมมีความสุข เราทั้งคู่มีความสุข


“พี่...” ผมครางเสียงออกมาเบาๆ เรียกมันให้ก้มลงมามองผม ทั้งที่ผมไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด “เรื่องสัญญานั่นน่ะ นานแค่ไหนแล้ว”


“แปดเดือน”


“จำแม่นดีนะ”


ผมหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากได้ยินคำตอบของมันที่ใช้เวลาไม่นานก็ตอบออกมาได้ ก่อนจะบอกถึงการตัดสินใจที่ผมคิดมาตลอดว่าสักวันผมจะต้องพูดถึงมัน แล้วผมก็ตัดสินใจให้เป็นวันนี้ ตัดสินใจก่อนจะมาที่นี่ว่าผมจะยุติการเอาเรื่องนั้นมาข่มขู่มันสักที บอกแล้ว... มันทำให้ผมใจอ่อน


“ก็กำลังรอดูอยู่ว่ามึงจะให้กูรักษาสัญญาถึงปีหนึ่งเลยหรือเปล่า”


“แล้วถ้าผมให้ทำสองปีล่ะ”


ดึงตัวกลับมานั่งตามปกติเหมือนเดิมแล้ว ผมก็แกล้งบอกมันแบบนั้น เลยเห็นว่ามันหันขวับกลับมามองผมตาโตแบบตกใจโคตรๆ ที่ผมบอกแบบนั้น แถมยังถามผมกลับมาด้วยเสียงแห้งเหี่ยวสุดๆ


“มึงจะใจร้ายกับกูถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”


“พี่คิดว่าผมเป็นคนใจร้ายกับแฟนตัวเองขนาดนั้นหรือไง”


“มึงนั่นแหละ ใจร้ายมากกกก”


ดูมันครวญคราง ถ้าผมให้เป็นแบบนั้นแล้วมันยอมรับได้นี่มันคงได้เป็นกามตายด้านแน่ๆ เชื่อผมเหอะ


“เออ มึงอะ สุดๆ แล้ว”


ไอ้หน้าหล่อๆ นั้นทำอินซะเต็มที่ ผมเลยตะปบแก้มทั้งสองข้างของมันไว้ ตรึงให้มองหน้าผมที่ยิ้มหวานแบบสุดๆ


“ถ้างั้นก็อดทนไปอีกสักปีสองปีแล้วกันนะ ผมไม่ต้องรีบยกเลิก”


“เฮ้ย ได้ไง”


เป็นอย่างที่คิด มันรีบโวยขึ้นมาทันที ผมเลยยักไหล่แบบไม่แคร์ มันจึงตีหน้าเศร้าอีกรอบ เหมือนคนใกล้ตายได้เนียนสุดๆ มึงจะเป็นผู้กำกับนะ ไม่ใช่พระเอก ไม่ต้องอินเนอร์มาเต็มขนาดนั้นก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ใจอ่อนกับมันอยู่ดี แค่คนเดียวเลยจริงๆ


“เออๆ ก็ได้ๆ ไม่ต้องสองปี แค่สองนาทีนี่ก็พอ”


“ฮะ?”


ดูมันงงครับ จ้องผมตาเขม็งเหมือนไม่อยากเชื่อที่ผมพูด เหมือนระบบประมวลผลของมันจะถูกไวรัสเจาะเข้าทำลายหรืออะไรก็ตามที่ทำให้สมองมันเออเรอร์ชั่วคราว


“แค่สองนาที ตอนนี้อาจจะเหลือหนึ่งนาทีแล้ว”


“พูดจริง”


“กำลังโกหกอยู่มั้ง”


“มึงพูดจริงๆ เหรอ”


ถึงผมจะบอกมันไปตรงๆ แล้ว แต่ก็เหมือนไอ้ตัวใหญ่นี่จะไม่เชื่อสักที ผมเลยจิ้มหน้าผากมันไปทีหนึงแล้วดันตัวมันออก ให้หลบทางผม เพราะผมจะเข้าไปข้างในแล้ว อยู่นานๆ ยุงชักจะมาหามเหมือนอย่างที่มันบอกเอาไว้


“ไม่เชื่อก็เรื่องของพี่แล้วกัน”


แต่หลังจากบอกมันแบบนั้น ผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปในบ้านอย่างที่คิดเอาไว้หรอกครับ เพราะแค่ลุกขึ้นผมก็ถูกมันกระชากให้ลงไปนั่งที่เดิมแล้ว และไม่ทันได้อ้าปากโวย ก็ถูกปิดปากเอาเสียดื้อๆ แม้ว่าผมจะพยายามดันมันออกแล้วแต่มันก็ไม่ปล่อยผม


ผมรู้สึกว่าไม่ได้คิดไปเองว่ามีอะไรแข็งๆ ที่เหมือนจะเป็นเข่าของมันมาดันหว่างขาของผมให้ตัวยิ่งแนบไปกับพนักเก้าอี้ หน้าผมของเชยขึ้นรับริมฝีปากของมันที่เพิ่มความเผ็ดร้อนมากขึ้น ปากอิ่มนั่นขบเม้มปากของผมอย่างเมามันจนผมเริ่มมึนงงแล้วก็ตั้งรับไม่ทัน ได้แต่คล้อยตามจังหวะที่ถูกป้อนมาและเผยอปากรับลิ้นร้อนที่ถูกสอดเข้ามาอย่างรวดเร็ว


โพรงปากของผมถูกกวาดต้อนไปทั่ว ขณะที่ริมฝีปากก็ยังถูกดูดดึงไม่หยุด คนตรงหน้านี่กำลังสูบอากาศออกจากปอดของผมอย่างรวดเร็วจนผมรู้สึกหายใจไม่ทัน มันเป็นจูบที่ร้อนแรงและดุเดือดกว่าครั้งไหนจนผมรู้สึกว่าปากของตัวเองกำลังเจ่อ


ผมทุบบ่ามันไปแรงๆ หนึ่งทีเพื่อให้มันปล่อยผมเป็นอิสระแล้วสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะขาดอากาศตาย ซึ่งมันก็ได้สติแล้วละริมฝีปากออกช้าๆ


“ขอโทษ... กูดีใจมากไปหน่อย เจ็บหรือเปล่า”


มันเอานิ้วแตะๆ ที่ปากของผมแบบระวัง เหมือนกลัวว่าผมจะเจ็บ แต่เอาจริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่มันคิดหรอกครับ


“ไม่เจ็บ แต่หายใจไม่ทัน ช้าๆ หน่อยดิ”


คำตอบของผมทำให้มันหัวเราะออกมาเบาๆ พลางเกลี่ยนิ้วบนแก้มผม ก่อนจะเลื่อนมันไปที่กกหู นวดคลึงช้าๆ แล้วดันหน้าผมให้เชยขึ้นมองมันและรับริมฝีปากอุ่นที่ประทับลงมาแผ่วเบา


“จะทำช้าๆ”


ไม่รู้ว่าผมอุปทานไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนคำพูดของมันจะไม่ได้หมายถึงแค่จูบ









==================
จริงๆ ชื่อตอนไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ไปเสม็ด
แต่ก็อย่างที่เคลมพูดล่ะเนอะ เลยให้คำนี้เป็นตัวแทน
คิดไม่ออกแล้วด้วย :katai1:

สรุปแล้วน้องยีนจะเป็นยังไง ติดตามต่อพาร์ทหน้านะคะ

Undel2Sky





GGG24

  • บุคคลทั่วไป
สัญญาหมดแล้ว น้องยีนเสร็จพี่ภูแน่ๆ  :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด