[พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [พิเศษ:My neighbor.&นกยูงแดง] การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ) p2 (13/12/2554)  (อ่าน 26643 ครั้ง)

zhiki

  • บุคคลทั่วไป
อย่างยาวเลยพ่อแก้วแม่แก้วค๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
นี่ขนาดแค่ตอนพิเศษนะ.. สมแล้วที่เนื้อเรื่องมันจะยาวเป็นชาดกสามไตรภาค  o18


 :กอด1: กอดเจ๊

ออฟไลน์ zitronen-tee

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
    • https://www.facebook.com/DaisyLetter
คงฉ่วยจอมลวนลาม

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
สองคนนี้โผล่พร้อมกันเนี่ย...เตรียมยิ้มจิต ๆ ได้เลย
อ่าน yes master กับเรื่องนี้แล้วรู้สึกจินหยินน่ารักดีนะ :)

fayala

  • บุคคลทั่วไป
กระจ่างเลยค่า.. แหม.. อ่านๆ ไป ชักสนใจเว่ยจินหยินซะแล้ว ^^

ออฟไลน์ PRiiNZE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อั๊ยยะะ คิดถึงคงฉ่วยและผู้กอง T________T จะมีต่ออีกไหมฮะเนี่ย?

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Testหนึ่งฉอง

คนแต่งหายเจ้าค่าเอ้ยยย

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
ประกาศๆ คุณจูออนกลับมาเถอะ

ทางเล้าให้อภัยแล้ว :call:

(อยากอ่านต่ออ่ะ :sad4:)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
เครื่องคอมพ์ที่ใช้เขียนนิยายเสียค่ะ กำหนดซ่อมยังอีกหลายวันมาก (เพราะว่าบ.ที่รับเคลมปิดหนีน้ำท่วมเปิดวันพ่อโน่นเลย แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีของรึเปล่าค่ะ)

เดี๋ยวได้คอมพ์แล้วจะพยายามต่อให้นะคะ เพราะตอนนี้ต้องเร่งเขียนลงรวมเล่มอยู่แล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ^^

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**กลับมาต่อแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังวนเวียนกับสายลับเป็นโค้งสุดท้าย.... และในที่สุด รวมเล่มก็เลทจนได้ ฮื้อๆๆๆๆ :o12:

ภาคจบของตอนพิเศษนี้แล้ว ยาวมากจริงๆ จบตอนนี้ เราคงไม่มีอะไรคาใจเกี่ยวกับเว่ยจินหยินอีกแล้วล่ะ

ไว้ไปต่อกันในผีเสื้ออีกที (ยังจะมีอีกเร้ออออ :a5:)
-------------------------------------------------

My neighbor is a spy ตอนพิเศษ การไถ่บาปของสุนัขจิ้งจอก2(จบ)

   เก้าปีก่อน....
   ตรงโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีสีแดงฉลุลายสวย เว่ยจินหยินนั่งอ่านเอกสารอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ดวงตาสีดำตวัดเงยขึ้นมา ทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก ไมเคิลเดินเข้ามาในห้อง แล้วพูดขึ้น
   “รถยนต์ของคุณชายห้าเกิดอุบัติเหตุที่ทางหลวงหมายเลขสิบหกครับ เห็นว่าคุณชายห้าบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้รถพยาบาลมารับตัวไปแล้ว ไม่ทราบว่าคุณชายจะ....”
   คนถูกเรียกว่าคุณชายยกมือขึ้นเป็นสัญญาให้อีกฝ่ายเงียบ ก่อนจะพูดตอบ “รอดูสักพักก่อนแล้วกัน ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเป็นที่สงสัยมากกว่านี้”
   ผู้เป็นลูกน้องพยักหน้า เมื่อไม่เห็นว่าเจ้านายจะสั่งอะไรเพิ่มเติมอีก จึงกลับออกไปอย่างเงียบๆ รอจนประตูปิดลง เว่ยจินหยินจึงถอนหายใจออกมา
   คุณชายห้า....
   นัยน์ตาสีดำสนิทลุกวาวราวกับดวงตาของสุนัขจิ้งจอกหลังกรอบแว่นหลับลง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกเฮือกหนึ่ง
   เว่ยปิงเซียง.....
   เว่ยจินหยินนึกถึงเค้าหน้าลางๆ ของน้องชายที่เขาเพิ่งเคยเจอหน้าเพียงไม่กี่ครั้ง น้องชายที่เขาเกือบจะจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ และคงไม่จำเป็นจะต้องใส่ใจจดจำอีกหลังจากนี้ น้องชายที่จู่ๆ ก็ถูกเรียกตัวกลับมา แล้วถูกแต่งตั้งเตรียมจะเข้ามาแทนตำแหน่งของเขา ด้วยผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อ
   พ่อแท้ๆ ที่ไม่เคยใส่ใจดูดำดูดีเขามาตลอดหลายสิบปี แถมยังพยายามจะเลื่อยขาเก้าอี้เขาอีก
   เว่ยจินหยินลืมตาขึ้น แล้วถอนหายใจอีกครั้ง
   เพื่อให้คนคนนั้นเห็นความสำคัญของตัวเขา ต่อให้ต้องลงมือฆ่าคนที่มีสายเลือดร่วมกับตัวเอง เขาก็ยินดีกระทำ
   ระหว่างเขากับเว่ยปิงเซียง นอกจากใช้แซ่ร่วมกันและเรียกผู้ชายคนนั้นว่าคุณพ่อเหมือนกันแล้ว เว่ยจินหยินไม่เคยมีความรู้สึกอื่นใดให้น้องชายคนนี้อีก ก็แค่คนคนหนึ่งที่เผอิญถูกลากเข้ามาขวางทางเขา เมื่อกีดขวางก็ต้องกำจัดทิ้ง ก็แค่นั้นเอง
   ก็แค่นั้นเอง.....
----------------------------------------------
   “คุณเถียน”
   เถียนซานหันหน้ามามองชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหวีผมเรียบร้อย ในชุดเสื้อเชิ้ตลำลองสีชมพูอ่อน กับกางเกงลูกฟูกสีครีม ที่เดินเข้ามาในตัวตึกต้าเหยิน ก่อนจะโค้งให้ “สายันสวัสดิ์ครับท่านห้า คุณท่านออกไปธุระข้างนอก ยังไม่กลับครับ”
   เว่ยปิงเซียงกะพริบตาครั้งสองครั้ง แล้วยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้มาหาพี่รองหรอก ฉันมาหานาย”
   “?”
   “พอจะให้ฉันคุยกับนายเป็นการส่วนตัวได้มั้ย?”
   เถียนซานมองดูผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะผงกศีรษะ “งั้นขอเชิญที่ห้องเล็กนะครับ”

   ครั้งสุดท้ายที่เถียนซานพบเว่ยปิงเซียง คือเมื่อสามปีก่อน ในช่วงเวลาที่การแย่งชิงอำนาจในตระกูลเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีผู้ชายที่ชื่อเว่ยจินหยินเป็นจุดศูนย์กลาง เดินตาหมากซ้ำซ้อนเพื่อแย่งชิงความรักจากคนที่เขาเรียกว่าพ่อ
   ที่เถียนซานไปในครั้งนั้น เพื่อให้แน่ใจว่า เว่ยปิงเซียงจะไม่เปิดเผยตัวออกมา จนกว่าสถานการณ์ทั้งหมดจะคลี่คลาย ด้วยคำสั่งลับๆ ของเว่ยฟู่ฉิน
   ในตอนนั้นเขาไม่ได้คุยอะไรกับผู้ชายคนนี้มากไปกว่าการไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ และการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในตระกูลให้ฟัง อย่างที่เว่ยปิงเซียงสมควรจะรับรู้ อย่างที่เขาได้ตกลงกับเว่ยฟู่ฉิน
   ไม่ว่าเว่ยจินหยินจะถูกมองจากสังคมภายนอกอย่างไร แต่สำหรับเว่ยปิงเซียงแล้ว เว่ยจินหยินจะต้องดูเป็นคนดีที่สุด เป็นพี่ชายที่ดีที่สุด
   แม้ว่าความเป็นจริงจะตรงกันข้ามราวฟ้ากับเหวก็ตาม
   แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพื่อเว่ยจินหยิน แต่เพื่อตัวของเว่ยปิงเซียงเอง หากว่าผู้ชายคนนี้จำต้องมีชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ โดยรู้เหตุผลว่าถูกพี่ชายแท้ๆ ตามล่าตัวแล้วล่ะก็ แนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาคือการวางแผนแก้แค้น นั่นหมายถึงความวุ่นวายที่จะตามมาไม่จบไม่สิ้น
   ทั้งเขาและเว่ยฟู่ฉินเห็นพ้องกันในจุดนี้ ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนั้น และตัวของเว่ยจินหยิน ที่บอกกล่าวกับเว่ยปิงเซียง จึงเป็นไปในแง่มุมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่สังคมภายนอกรับรู้อย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนเว่ยปิงเซียงจะเชื่อถือแบบนั้นจริงๆ….

   “คุณเถียน?”
   เถียนซานชะงัก ก่อนจะยิ้มให้คนเรียก “ครับ ผมกำลังคิดว่า ไม่ได้เจอท่านห้านานมาก ท่านห้าดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ”
   เว่ยปิงเซียงมองหน้าคนนั่งตรงข้าม ทั้งเขาและเถียนซานนั่งอยู่บนเก้าอี้มีพนักบุหนังโดยมีโต๊ะกระตกตัวเล็กๆ คั่นกลาง ในห้องรับรองเล็กซึ่งใช้สำหรับต้อนรับแขกอย่างไม่เป็นทางการ ชายหนุ่มวัยสามสิบเศษจ้องคนตรงหน้าอยู่พัก ก่อนจะพูดออกมา “ขอบใจนะ คงเพราะฉันไม่ต้องใช้ชีวิตเสี่ยงภัยแบบพวกนายล่ะมั้ง”
   เถียนซานพยักหน้า ก่อนจะถามออกมาบ้าง “ท่านห้ามีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
   “อ้อ..” เว่ยปิงเซียงโพล่งเหมือนนึกขึ้นได้ “จริงๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากจะมาคุยเรื่องเกี่ยวกับพี่รองน่ะ”
   “?” เถียนซานเงยขึ้นมองคนตรงหน้า ดวงตาสีดำสนิทของเว่ยปิงเซียงจับจ้องมาทางเขาเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสบตากับคนคนนี้ และเป็นครั้งแรกที่คนคนนี้มาพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องของเว่ยจินหยิน
   “นายเองก็คงเคยได้ยินข่าวลือที่ว่าพี่รองเป็นคนวางแผนฆ่าฉันในอุบัติเหตุครั้งนั้นใช่มั้ย?”
   “ครับ..........” คนถูกถามรับคำ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำคู่นั้น ดวงตาของเว่ยปิงเซียงนิ่งสนิท ดูมุ่งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะพูดต่อ แต่สิ่งที่เขาจะพูดคืออะไรกันนะ...
   คงไม่ใช่.....
   “คุณเถียน” เว่ยปิงเซียงพูดขึ้นอีก “ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้ความจริงเรื่องนี้ ว่าพี่รองไม่ได้วางแผนฆ่าฉัน”
   “!!”
   “คุณเถียน ฉันตั้งใจว่าฉันจะประกาศตัว บอกให้ทุกคนรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นแค่ข่าวลือ พี่รองน่ะ รับภาระกับข้อกล่าวหานี้มานานเกินไปแล้วล่ะ”
   เถียนซานมองดูคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดออกมา “ท่านห้าครับ ผมว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นหรอกครับ”
   “?!” เว่ยเปิงเซียงเบิ่งตามองฝ่ายตรงข้ามอย่างแปลกใจ ก่อนจะโพล่งออกมา “ทำไมล่ะ? มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ? หรือนายพอใจที่เขาถูกกล่าวหาแบบนั้น”
   เถียนซานสั่นศีรษะ อีกฝ่ายจึงพูดต่อ “งั้นก็ไม่เห็นจะต้องคัดค้านนี่ ฉันว่ามันจำเป็นนะ เขาไม่ได้ทำ แต่ต้องมาทนรับเสียงประณามแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องเลย ฉันไม่อยากให้พี่ชายตัวเองมีมลทินว่าเป็นคนสั่งฆ่าน้องชายหรอกนะ”
   “ท่านห้า....”
   ยังไม่ทันที่เถียนซานจะได้พูดอะไร เว่ยปิงเซียงก็ลุกพรวดขึ้น “ฉันกลับล่ะ ไว้จะลองปรึกษาวิธีกับพี่ชายใหญ่อีกที นายเองก็ดูแลพี่ชายฉันให้ดีๆ ล่ะ”
   “ครับ....” ร่างสูงใหญ่รับคำ ก่อนจะเดินออกไปส่งอีกฝ่ายจนถึงนอกตัวตึก
------------------------------------------
   “น้องห้าว่าอย่างนั้นเหรอ?” เว่ยจินหยินพูดขึ้นหลังจากฟังเรื่องราวจากลูกน้องคนสนิทจนจบ เถียนซานพยักหน้า ขณะช่วยเจ้านายถอดเสื้อนอกออก ได้ยินเสียงอีกฝ่ายระบายลมหายใจออกมา “หาเรื่องจริงๆ อยู่เฉยๆ ก็สบายดีแล้วแท้ๆ”
   “คุณท่าน....” เถียนซานเรียกเจ้านายตัวเอง เว่ยจินหยินนิ่งคิดอยู่พัก สุดท้ายก็พูดออกมาต่อ “ต่อโทรศัพท์ให้ฉันที ฉันจะคุยกับน้องห้าเอง”
   
   “สวัสดีครับพี่รอง” เสียงปลายสายดังตอบกลับมาหลังปล่อยให้ดังอยู่สักพัก เว่ยจินหยินกรอกเสียงลงไป “สวัสดี ยังไม่นอนใช่ไหม?”
   “ครับ” อีกฝ่ายตอบ เว่ยจินหยินพูดต่อ “ได้ยินว่าตอนเย็นมาหาอาซานที่ตึกฉันหรือ คุยกันเรื่องอะไรล่ะ?”
   “..............” อีกฝ่ายเงียบไปพัก สุดท้ายก็พูดออกมา “ผมกำลังวางแผนจะประกาศความบริสุทธิ์ของพี่อยู่”
   เว่ยจินหยินกะพริบตาปริบๆ อึ้งไปพักหนึ่ง “ไม่ต้องหรอก”
   “ไม่ได้นะครับพี่” อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที “ถึงพี่จะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ว่าลึกๆ แล้วพี่เองก็ไม่ได้พอใจกับข่าวลือนี้เลยใช่ไหมล่ะ? พี่ไม่ได้ทำสักหน่อย ผมเองก็อยู่ตรงนี้แล้ว ทำให้เรื่องมันเคลียร์เถอะครับ ต่อไปผมจะได้ยืดอกพูดได้เต็มปากว่าผมมีพี่ชายดี คอยช่วยปกป้องผมมาโดยตลอด”
   “.........................”
   พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป เว่ยปิงเซียงจึงพูดขึ้นอีก “พี่รองไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ทำอะไรล่อเป้าแน่ เดี๋ยวผมจะปรึกษากับพี่ชายใหญ่อีกที”
   “อืม.... ถ้าพี่ชายใหญ่แนะนำอะไรก็ให้ทำตามเขาแล้วกัน.. อันที่จริงพี่ไม่อยากให้เธอยุ่งเรื่องนี้เลย เรื่องมันผ่านมาแล้วแท้ๆ ข่าวลือน่ะไม่ใช่ว่าจะแก้กันได้ง่ายๆ หรอกนะ”
   “แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนี่ครับ พี่รอง พี่ไม่ได้สั่งฆ่าผมจริงๆ ใช่มั้ย?”
   เว่ยจินหยินเงียบไปพัก เขาเหลือบตามองเถียนซาน ก่อนจะกรอกเสียงตอบกลับไป “พี่ไปพักผ่อนก่อนนะ ระวังตัวเองด้วยล่ะ อย่าทำอะไรเสี่ยงๆ”
   “พี่รอง...”
   เว่ยจินหยินวางสายโทรศัพท์ โดยไม่รอฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรต่อ เถียนซานเดินเข้ามารับโทรศัพท์จากมือเขา ก่อนจะพูดเสียงเบา “คุณท่าน....”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ แล้วฝืนยิ้มออกมา “อาซาน นี่เขาเชื่อจริงๆ หรือว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำ?”
   เถียนซานเม้มริมฝีปาก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เว่ยจินหยินก็ชิงพูดขึ้นอีก “พรุ่งนี้ฉันจะให้มิลเลอร์เข้ามาพบที่ตึก นายช่วยเตรียมห้องด้านล่างซีกขวาเอาไว้หน่อยแล้วกัน มันดูไม่สะดุดตาดี ฉันอยากให้เป็นการคุยกันลับๆ”
   “ครับ” คนถูกสั่งพยักหน้า ก่อนจะหันไปเตรียมชุดนอนให้เจ้านาย
--------------------------------------
   เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ คอยล์มาถึงตึกต้าเหยินในช่วงเวลาสักสิบโมงกว่า เขาเดินปะปนเข้ามากับบรรดาพนักงานในตึกและตรงไปยังห้องที่นัดแนะกันไว้ ณ ที่นั่น เว่ยจินหยินนั่งรอเขาอยู่แล้ว บนโซฟาบุหนังสีครีมอ่อนที่มีโต๊ะหินอ่อนสีชมพูม่วงคั่นกลาง พอเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่ รอยยิ้มของมิลเลอร์ คอยล์ก็กว้างขึ้นทันที
   “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณท่าน แหม... ไม่เจอกันนาน คุณกลายเป็นคุณท่านไปซะแล้ว แต่หน้าตายังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะครับ”
   เว่ยจินหยินกระตุกรอยยิ้มบนริมฝีปากตอบไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “อืม... นายเองไม่เจอกันนาน ก็ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ท่าทางดูไร้มารยาทเหมือนเดิม”
   “โธ่... คุณท่านคร๊าบ” มิลเลอร์ คอยล์ครางออกมา “เพิ่งคุยกันได้คำเดียวก็หาว่าผมไร้มารยาทอีกแล้วหรือ  หกปีที่ผ่านมา ผมยังคิดถึงคุณตลอดเลยนะ”
   เว่ยจินหยินรีบโบกมือขึ้นห้ามทันที “นั่งก่อนสิ มิลเลอร์ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย”
   “อืม... เบื้องหลังแก๊งค้าอวัยวะสินะครับ” มิลเลอร์ คอยล์ว่า จากนั้นก็เดินเข้ามา หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ข้างๆ ตัวเว่ยจินหยิน คนเป็นเจ้านายใหญ่ของตระกูลเว่ยชำเลืองมองเขาหน่อยหนึ่ง แล้วแค่นเสียง “มิลเลอร์....”
   “ครับ!” มิลเลอร์ คอยล์ส่งเสียงพลางทำหน้าตาจริงจัง ตั้งใจฟังเรื่องที่อีกฝ่ายจะพูดเต็มที่ เว่ยจินหยินเหลือบมองเขาอีกพัก “ไร้มารยาทจริงๆ”
   คนถูกว่าไม่ตอบโต้อะไร เพียงแต่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบทุกซี่ ก่อนจะพูดตอบไป “เล่ามาสิครับ คุณท่านของผม”
   เว่ยจินหยินหรี่นัยน์ตาลงหน่อยหนึ่ง “ฉันจะวางกับดักต้อนลีไป๋หูให้เข้ามาใช้บริการท่าเรือฉันในการขนส่งอวัยวะ แล้วค่อยล้อมจับเขา”
   คนฟังพยักหน้า คนพูดจึงพูดต่อ “นายมีหน้าที่ค้ำคอตำรวจที่นี่เอาไว้ ไม่ให้พวกเขาทำแผนของฉันเสียหาย”
   “อืม..........” มิลเลอร์ คอยล์ครางในคอ “งานนี้คุณออกโรงประสานตำรวจเอง คราวนี้อะไรอีกล่ะครับ อย่าบอกนะว่าเจ้าลีไป๋หู่นั่นเคยเป็นรูมเมทของคุณเหมือนกันน่ะ”
   “เปล่า ไม่ใช่หรอก” เว่ยจินหยินปฏิเสธ “ฉันกับเขาไม่เคยรู้จักมักจี่กันเลยด้วยซ้ำ”
   “อ้าว!?” คนได้ฟังทำหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “งั้นทำไมจู่ๆ ถึงนึกอยากเล่นงานเขาล่ะ คนอย่างคุณถ้าไม่มีผลประโยชน์ หรือไม่มีส่วนได้เสียอะไร ไม่น่าลงทุนทำขนาดนี้นี่นา”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองคนนั่งข้าง แล้วพูดตอบไป “เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ อยากจะจับคนร้ายมั้ย?”
   “อยากสิครับ” คนถูกถามตอบทันที “แต่ก็อยากรู้เหตุผลด้วยน่ะ แหม... คุณท่านครับ จู่ๆ ก็โทรไป ขอรายชื่อ ประสานงานเองเสร็จสรรพแบบนี้ บอกเหตุผลให้ผมรู้สักหน่อยไม่ได้หรือครับ”
   “เรื่องส่วนตัวน่ะ” อีกฝ่ายตอบเลี่ยงๆ แต่กลับถูกอีกฝ่ายถามสวนอย่างรวดเร็ว “เรื่องส่วนตัวหรือครับ? เกี่ยวกับเถียนซานหรือไง?”
   “มิลเลอร์...........” เว่ยจินหยินลากเสียง “หัดหุบปากแล้วใช้สมองคิดเรื่องงานเถอะ นายมีหน้าที่ตามจับตัวลีไป๋หู่ตามแผนของฉัน ความดีความชอบทุกอย่างจะเป็นของนาย แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”
   “คุณนี่ชอบทำตัวลึกลับจริงๆ” มิลเลอร์ คอยล์ว่า “ไม่ใช่ว่าวางแผนตลบหลังอะไรอีกนะครับ ถามจริงๆ เถอะ คุณแค่อยากจับลีไป๋หู่เพราะเหตุผลส่วนตัวแค่นั้นจริงๆ หรือ หรือว่าเจ้าหมอนี่ไปทำเรื่องอะไรไม่น่าให้อภัยเข้า นี่ คุณท่าน บอกหน่อยเถอะน่า... รับรอง ผมไม่ขยายผลต่อหรอก”
   เว่ยจินหยินปรายตามองคู่สนทนา ก่อนจะพูดเสียงเรียบ “อืม... งั้นฉันจะลองติดต่อเจ้าหน้าที่คนอื่นดู คงมีคนอยากทำงานนี้มากกว่านาย”
   พูดแล้วก็ทำท่าจะลุกออกไปจากห้อง มิลเลอร์ คอยล์รีบพูดรั้งไว้ “เดี๋ยวก่อนครับ โอเคๆ ผมไม่เซ้าซี้ก็ได้ เป็นอันว่าผมยอมทำตามที่คุณว่าแล้วกัน แล้วรายละเอียดมากกว่านี้ล่ะครับ คุณจะคุยเอง หรือว่าให้ผมไปคุย”
   เว่ยจินหยินหันกลับมา แล้วคลี่ยิ้ม “ฉันยกเรื่องนี้ให้นายเจรจา แต่ฝากอย่างหนึ่ง นายต้องเกลี้ยกล่อมทางนั้นให้ใช้นายตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงเป็นนกต่อ อืม... ฉันอธิบายแผนให้นายฟังคร่าวๆ ดีกว่า”
   จากนั้นเจ้านายใหญ่แห่งตระกูลเว่ยก็อธิบายแผนการที่เขาจะร่วมมือกับหงคงฉ่วย เพื่อต้อนลีไป๋หู่ให้มาใช้ท่าเรือในสังกัด มิลเลอร์ คอยล์ฟังแล้วก็ผิวปากหวือ “โห... ผมชักอยากเห็นหน้านายตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงซะแล้วสิ ท่าทางดวงเขาจะกุดสุดๆ กว่าผมอีก ถูกคุณกับคนที่ชื่อหงคงฉ่วยรวมหัวกันหลอกเนี่ย”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบโต้อะไร พูดต่อเสียงเรียบ “ก็อย่างนั้นแหละ นายต้องพูดให้แนบเนียน อย่าให้เขารู้ว่าฉันเสนอไป คิดว่านายเองคงมีปัญญาจะหาข้ออ้างอยู่หรอก”
   “คุณนี่ร้ายจริงๆ” มิลเลอร์ว่า “เล่นโยนงานยากมาให้ผมอีกแล้ว พวกคุณวางแผนอะไรกันนะ เอาเถอะ ผมจะทำอย่างคุณว่า มีอะไรอีกไหมครับ?”
   “เท่านี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวรอหงคงฉ่วยกลับมาร่วมแผน ฉันจะแจ้งนายอีกที”
   “อืม...” มิลเลอร์ คอยล์พยักหน้า แต่ก็ยังนั่งนิ่งไม่ขยับ จนเว่ยจินหยินต้องปรายตามองอีกครั้ง “ไม่กลับที่พักหรือไง เดี๋ยวก็มีคนสงสัยหรอก”
   คนถูกถามตอบยิ้มๆ “ผมน่ะ อยากจะกลับอยู่หรอกนะ ติดแต่ว่ายังกลับไม่ได้นี่สิ”
   “?”
   “นี่ คุณจินหยิน... ไม่ได้เจอกันตั้งหกปีแน่ะ ผมมองรูปคุณมาตั้งนานแล้ว มีโอกาสได้เจอกันทั้งที ขออะไรที่มากกว่านี้หน่อยสิ”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองคนตรงหน้า ก่อนจะเค้นเสียงช้าๆ “คราวก่อนยังไม่เข็ดอีกหรือไง?”
   สีหน้าของมิลเลอร์ คอยล์หงิกลงทันใด ก่อนจะตัดพ้อออกมา “จะว่าไปแล้ว คุณต้องรับผิดชอบผมเรื่องจดหมายโคมลอยนั่นด้วย คุณรู้ไหมว่าคอร์สอบรมความประพฤติมันแย่ขนาดไหน”
   “อ้อ... ฉันว่าคงไม่แย่เท่าไหร่หรอก ดูจากที่นายยังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่น่ะนะ” เว่ยจินหยินว่า อีกฝ่ายหน้าหงิกกว่าเก่า “คุณท่านครับ นี่กะจะใช้งานผมฟรีๆ เลยเหรอครับ ไม่เห็นแก่ที่ผมอุตส่าห์ดั้นด้นมาหรือไง?”
   “มันเป็นหน้าที่ของนายนี่”
   “ผมมาเพราะอยากเจอคุณส่วนหนึ่งด้วยนะ”
   “.........................”
   “ขอจูบสักทีให้ชื่นใจได้ไหม?”
   “....................................” เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร แต่ยื่นมือข้างขวาขึ้นมา มิลเลอร์ คอยล์มองหน้าเขา ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “มาแบบนี้อีกล่ะ”
   อีกฝ่ายปรายตามองเขา “หรืออยากจะจูบรองเท้า แล้วสาบานว่าจะภักดีกับฉันอีกสักครั้งล่ะ”
   มิลเลอร์นิ่งไปพัก ก่อนจะสูดหายใจลึก “นี่แปลว่าคุณกับเถียนซานไปด้วยกันได้ดีแล้วสิ”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบคำถาม มิลเลอร์ คอยล์ถอนหายใจเฮือก “งั้นผมไม่จูบล่ะ ไม่อยากยุ่งกับคนมีเจ้าของ”
   ว่าแล้วก็ผุดลุกจากโซฟา ได้ยินเสียงเว่ยจินหยินดังขึ้นด้านหลัง “ฝากด้วยนะ”
   นายตำรวจจากอังกฤษพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินออกประตูไป คนนั่งในห้องได้แต่ถอนหายใจ
-----------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-12-2011 10:15:31 โดย juon »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   หนึ่งสัปดาห์ต่อมา....
   หงคงฉ่วยก้าวเท้าออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าภายในสนามบิน พร้อมกับบรรดาลูกน้องขนาบซ้ายขวา ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นหน่อยหนึ่ง เมื่อพบกับคนมารับที่ไม่ได้คาดหมาย
   “สวัสดีครับ เดินทางเหนื่อยไหมครับ” คนที่พูดทักทายเป็นชายวัยราวๆ สามสิบปลายๆ ปล่อยผมสีดำปรกหน้าครึ่งหนึ่ง ดวงตาสีดำสนิท วาววับสะท้อนแสงไฟในสนามบิน เขาสวมเสื้อสูทลำลองสีน้ำตาลอ่อน กับเสื้อยืดสีสนิม ด้านล่างสวมกางเกงยีนส์สีเดียวกับเสื้อ พอเห็นผู้ชายคนนี้ หงคงฉ่วยถึงกับนึกคำพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
   “....... เอ่อ... เอ้อ........ ฮ่ะๆๆๆ” ผู้มีอิทธิพลระดับตำนานของฮ่องกงได้แต่หัวเราะเฝื่อนๆ ก่อนจะพูดตอบไป “ก็ดี เธอแต่งตัวได้แปลกตาดีนะ มาคนเดียวหรือไง?”
   “ครับ มาเพื่อพบคุณโดยเฉพาะเลย ให้ผมไปที่รถด้วยได้มั้ย?”
   “อืม” หงคงฉ่วยพยักหน้า จากนั้นคนมารับโดยไม่ได้รับเชิญก็เดินตามขบวนไปจนถึงรถลีมูซีนกันกระสุนที่ด้านหน้ามีรูปหล่อโลหะรูปนกยูงสีแดงประดับอยู่
   “ให้ตายสิ จินหยิน ฉันล่ะแทบช็อกตายทุกครั้งที่เห็นเธอปลอมตัวจริงๆ” หงคงฉ่วยโพล่งออกมาทันทีหลังจากขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว พลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาประหนึ่งได้เห็นกุ้งมังกรใส่เสื้อขนสัตว์ คนถูกมองยิ้มออกมา แล้วพูดตอบ “อาจารย์น้อยไม่ชอบหรือครับ?”
   คนถูกถามสั่นศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่ล่ะ ไม่เด็ดขาดเลย วันหลังเธอช่วยหวีผมใส่น้ำมันเรียบๆ แล้วใส่แว่นตาเชยๆ นั่นมาหาฉันเถอะ ฉันขี้เกียจเก็บไปฝันผวาอีก”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่ยกมือขึ้นดันแว่นตาด้วยความเคยชิน แต่พอพบว่าไม่มีแว่นตา ก็เลยอ้าปากพูดต่อ “อาจารย์น้อย ไหนว่าไปอเมริกาไงครับ แล้วไหงไฟล์ทบอกว่าไทยล่ะ”
   “อ้อ....” หงคงฉ่วยคราง ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “เธอแอบมาหาฉันแบบนี้ทำไมน่ะ อย่าบอกนะว่าทะเลาะกับอาซานอีก”
   “ถึงผมทะเลาะกับอาซานจริง ก็ไม่หลบมาหาอาจารย์น้อยแบบนี้หรอกครับ” เว่ยจินหยินว่า “อาจารย์น้อย ตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงน่ะ ระวังไว้หน่อยก็ดีนะครับ”
   “?!” หงคงฉ่วยหรี่ตามองคนที่นั่งเบาะตรงข้าม ก่อนจะเค้นเสียงรอดไรฟัน “อยากจะพูดอะไรกันแน่น่ะ...”
   เว่ยจินหยินมองตอบ “เปล่าหรอกครับ ผมแค่เป็นห่วงอาจารย์น้อย ไม่เห็นอาจารย์น้อยหลงใครมานานแล้ว แถมอีกฝ่ายเป็นตำรวจด้วย แต่เอาเถอะครับ ผมรู้ว่าอาจารย์น้อยระวังตัวดีเป็นที่สุดอยู่แล้ว อีกอย่าง ใครจะกล้าทำอะไรคนของอาจารย์น้อยล่ะ”
   หงคงฉ่วยจ้องคนตรงหน้าเขม็ง “จินหยิน... เธอต้องการพูดอะไรกันแน่.....?”
   รอยยิ้มงดงามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนนั่งเบาะตรงข้าม “พรุ่งนี้ผมจะเริ่มแผน ต้องขอบคุณจริงๆ ระหว่างที่อาจารย์น้อยไปพักผ่อน เครือข่ายของอาจารย์ทำงานได้ดีมากเลย เหลือแค่ให้อาจารย์เล่นละครตบตาอีกนิดๆ หน่อยๆ ลีไป๋หู่คงจะหลงกลผม เขาเพิ่งมาติดต่อผมเมื่อสองวันก่อนนี้เอง”
   “อืม... น่าสงสารเขาจริงๆ” หงคงฉ่วยว่า และทำหน้าประหนึ่งได้เห็นเด็กยากจนกำลังถูกหลอกไปค้าแรงงานนรกอยู่ “แล้วสัญญาที่ให้ไว้คราวที่แล้วล่ะ”
   รอยยิ้มของเว่ยจินหยินนุ่มนวลกว่าเดิม “แน่นอนครับ ผมรับปากอาจารย์น้อยแล้ว ไม่ผิดคำพูดแน่นอน”
   “ฉันจะรอดูแล้วกัน” หงคงฉ่วยว่า แล้วพูดอย่างแปลกใจ “นี่... อย่าบอกนะว่าอุตส่าห์หลบออกมาเพราะจะพูดแค่นี้น่ะ?”
   คนถูกถามพยักหน้ายิ้มๆ “จริงๆ ก็ว่าจะมาคุยรายละเอียดแผนการด้วยน่ะครับ แต่ได้มาเห็นว่าอาจารย์น้อยไปเที่ยวกับใครแบบนี้ ถือว่าผมได้กำไรหน่อยหนึ่ง”
   “...............”
   “วางใจเถอะครับ ผมแค่อยากรู้เอาไว้เฉยๆ ไมได้วางแผนไม่ดีอะไรหรอก ผมไม่กล้าตอแยกับอาจารย์น้อยหรอกครับ”
   หงคงฉ่วยนิ่งไปอึดใจหนึ่ง สุดท้ายก็พูดออกมา “นี่ จินหยิน... บอกเธอไว้อีกสักครั้งแล้วกัน ฉันกับอาซานไม่มีอะไรในกอไผ่ เขารักนวลสงวนตัวให้เธอจะตาย เพราะงั้นนะ เลิกคิดเรื่องวางแผนหรือหาจุดอ่อนของฉันได้แล้ว”
   “ก็ไม่ได้คิดอะไรทำนองนั้นหรอกครับ” เว่ยจินหยินว่า หงคงฉ่วยมองเขาอีกพัก “จินหยิน ฉันว่านะ เธอรีบกลับไปที่ตึกดีกว่า ดอดออกมาคนเดียวแบบนี้ เจ้ายักษ์นั่นรู้คงอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ”
   “ผมโทรบอกให้เขาไปรับที่บ้านอาจารย์น้อยแล้วล่ะครับ” เว่ยจินหยินว่า แล้วยิ้มอีก “ขอผมติดรถกลับไปด้วยนะครับ อาจารย์น้อย”
   หงคงฉ่วยขยับตัวเหมือนมีแมลงอะไรมาเกาะ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
   “ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงไม่รีบเอาขี้เถ้ายัดปากเธอตอนเด็กๆ นะ”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบอะไร ได้แต่หัวเราะเบาๆ
----------------------------------------------------
   ตอนที่รถของหงคงฉ่วยแล่นกลับมาถึงคฤหาสน์ หัวหน้าหน่วยดำของตระกูลเว่ยก็นั่งรออยู่ในห้องทำงานแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเห็นหน้าของเจ้านายที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเจ้าของคฤหาสน์ คือขมวดคิ้วจนแทบจะผูกติดกันเป็นโบว์ แล้วเอ่ยปากขึ้นทันที “คุณท่านครับ แบบนี้มันอันตรายนะครับ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา พวกผมจะทำยังไงล่ะครับ”
   ยังไม่ทันที่เว่ยจินหยินจะได้พูดอะไรตอบ หงคงฉ่วยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ
   “แหม... คุณท่านของเธอก็ดื้อมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ถ้าหวงนักล่ะก็ กลางค่ำกลางคืนก็ขยัน ทำให้มันหนักหน่อยสิ จินหยินน้อยจะได้ลุกหนีไปไหนไม่ได้ไง”
   “รุ่นพี่! หยุดพูดอะไรที่มันไม่ตรงประเด็นสักทีเถอะครับ” เถียนซานเอ็ดใส่คนพูด ก่อนจะหันไปหาเจ้านายอีกครั้ง “คุณท่านครับ ผมขอร้องล่ะ ให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่คุณแอบออกมาคนเดียวนะครับ”
   เว่ยจินหยินทำท่าจะขยับปาก แต่เสียงของหงคงฉ่วยก็ดังขึ้นแทรกอีก “ไม่ตรงประเด็นอะไรกันเล่า ฉันน่ะพูดตรงประเด็นจะตาย ใช่ไหมจินหยิน”
   คนถูกถามชะงักไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ผมกับอาซานไม่ได้ฟิตอย่างอาจารย์น้อยหรอกนะครับ”
   หงคงฉ่วยทำหน้ายุ่ง “อะไรกัน อายุยังไม่เท่าไหร่แท้ๆ อาซานนี่ไร้น้ำยาจริงๆ”
   เถียนซานมีสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจเสียเต็มประดา เขาระบายลมหายใจออกมาแล้วพูดตอบ “คุณท่านครับ กลับกันเถอะครับ”
   หงคงฉ่วยเชิดหน้าขึ้นๆ นิดๆ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเมินเขาสนิท ขณะที่เว่ยจินหยินยิ้มอีก “ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ ไหนๆ นายก็มาแล้ว เรามาว่าเรื่องแผนการกันให้จบคืนนี้เลยดีกว่า”
   “อืม... ก็ดี ฉันจะได้อาซานมาเป็นคู่สักที”
   เถียนซานหันควับไปมองคนพูดทันที หงคงฉ่วยหัวเราะคิกคัก แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ เว่ยจินหยินก็ชิงพูดขึ้นบ้าง “พูดให้ครบด้วยสิครับอาจารย์น้อย คู่ต่อสู้ไม่ใช่หรือครับ”
   “มันก็คู่เหมือนกันนั่นล่ะน่า” หงคงฉ่วยตอบอย่างรำคาญ เถียนซานจึงถามขึ้นบ้าง “วางแผนอะไรกันน่ะครับ ผมต้องสู้กับรุ่นพี่หรือ?”
   “อืม.... ก็แค่อาจจะล่ะนะ” เว่ยจินหยินว่า “ก็แค่แผนเผื่อๆ น่ะ เพราะดูท่านายลีไป๋หู่คนนี้จะระวังตัวน่าดู จะตะล่อมให้ยอมตกลงอาจจะต้องแสดงละครฉากใหญ่หน่อย ฉันจะสร้างเรื่องว่าได้หลอกตำรวจให้ไปจับตาดูอาจารย์น้อยแล้ว แต่เพื่อให้แน่นอน ฉันจะให้อาจารย์น้อยแสร้งทำว่ารู้ตัวว่าโดนป้ายสีอยู่ แล้วหันกลับมาเล่นงานพวกเรา ตอนนี้เราก็ต้องแสดงบทผู้ปกป้องเต็มที่ ให้ไอ้หมอนี่มันลงมือขนของตอนที่ยังอยู่ในสายตาของฉัน ก็อย่างว่านั่นล่ะ เจ้าพวกนี้ไว้ใจอะไรไม่ค่อยได้ ฉันไม่อยากเสียเวลาฟรี อาจจะใช้ฉากใหญ่ เปลืองมือเปลืองเท้าอยู่สักหน่อยก็ต้องทำล่ะ”
   เถียนซานนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ตกลงครับ ผมรับเป็นคู่มือให้เขาก็ได้”
   “แบบนี้สิเรียกว่ารักกันจริง” หงคงฉ่วยว่าแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “งี้ฉันก็จะได้นัวเนียกับนายอีกแล้วสินะ”
   เถียนซานกะพริบตาปริบๆ แล้วถอนหายใจอีก “รุ่นพี่ครับ ผมว่ารุ่นพี่เพลาๆ หน่อยก็ดี อายุปูนนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนะครับ”
   “อ้อ ใช่ จริงสิ” หงคงฉ่วยทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “ฉันหันไปสนใจเด็กหนุ่มๆ แทนตาแก่ห้าสิบอย่างเธอดีกว่า ใช่มั้ยจินหยิน?”
   ตอนที่หันกลับมาถาม บนสีหน้าของเว่ยจินหยินก็ปรากฏรอยยิ้มอย่างที่เรียกได้ว่าชวนให้ขนลุกแล้ว คนถูกถามพยักหน้า “นั่นสิครับ ผมเห็นด้วยกับอาจารย์น้อยทุกประการเลย”
   หงคงฉ่วยมองเว่ยจินหยินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “แล้ว... เธอวางแผนยังไงกับเจ้าเด็กบ๊องตื้นนั่นล่ะ?”
   “?” เว่ยจินหยินทำหน้าแปลกใจ อีกฝ่ายจึงพูดขยายความต่อ “เจ้าเด็กที่ชื่อลู่อี้เผิงน่ะ อืม... นี่อย่าหาว่าฉันหลงเด็กไม่ลืมหูลืมตาเลยนะ แต่เจ้านั่นตื้อจะตายไป ถ้าเธอให้เขามาอยู่กับฉันได้ เขาก็คงต้องตามฉันไปเจอเธอเหมือนกันนั่นล่ะ แล้วก็คงไม่อยู่เฉยๆ หรอก”
   “อ๋อ...” อีกฝ่ายครางออกมาทันที “เรื่องฉันผมจะจัดการเองครับ อาจารย์น้อยไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ฆ่าเขาแน่ รับรองได้”
   “ยาแปลกๆ ก็ห้ามใช้ด้วยล่ะ” หงคงฉ่วยพูดอย่างรู้ทัน พลางเหล่มองแหวนสีเงินเกลี้ยงๆ บนนิ้วมือของเว่ยจินหยิน คนถูกมองหัวเราะร่วน “ครับๆ ผมรับรองกับอาจารย์แล้วกันว่าจะไม่ใช้ลูกไม้อะไรกับเขา แต่ถ้าเขาเล่นผมหนักมือ ผมอาจจะต้องมีป้องกันตัวบ้าง”
   หงคงฉ่วยหรี่ตาลงทันที “นี่ฉันขอแลกคู่ยังทันไหม ให้เจ้ายักษ์นี่ไปลุยกับเด็กบื้อนั่น แล้วเปลี่ยนเธอมาเป็นคู่มือฉันแทน”
   “ไม่เหมาะมั้งครับ” อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ “ผมรับมืออาจารย์น้อยไม่ไหวหรอก เอางี้แล้วกัน ถ้าเขาเกิดเล่นงานผมได้จริงๆ อาจารย์น้อยรีบแกล้งแพ้เลยนะครับ เขาจะได้หันไปสนใจอาจารย์น้อยแทนผม”
   “อืม... ฉันชักนึกอยากให้เธอแพ้เขาซะแล้วสิ อยากรู้จริงว่าเขาจะหันมาสนใจฉันจริงรึเปล่า” หงคงฉ่วยว่า เว่ยจินหยินหัวเราะอีก “แหม... อาจารย์น้อยดูท่าทางจะเอ็นดูเด็กคนนี้น่าดูเลยนะครับ แต่เอาเถอะ ผมว่าคงไม่มีอะไรผิดคิวหรอก เอาว่าขอให้ทำตามแผนเดิมไว้ก่อนนะครับ”
   “ก็ได้ จะกลับแล้วล่ะสิ” หงคงฉ่วยว่า เมื่อเห็นเว่ยจินหยินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู อีกฝ่ายพยักหน้า “ครับ ได้เวลานอนของผมแล้ว”
   “เออ อนามัยเหมือนเดิมไม่มีผิด มีพี่เลี้ยงมาด้วยแบบนี้กลับดึกไม่ได้อยู่แล้วนี่นะ”
   “กลับเถอะครับคุณท่าน” เถียนซานที่เงียบไปนานพูดขึ้น ขณะเดินเข้าไปหาเว่ยจินหยิน ได้ยินหงคงฉ่วยแค่นเสียง “ออกกันไปเองนะ ฉันจะไปอาบน้ำล่ะ ไม่อยากมองภาพบาดตาบาดใจ”
   พูดจบก็เดินฉับๆ เข้าไปในตัวคฤหาสน์ ปล่อยให้ลูกน้องสองสามคนเดินออกมาส่งแขกไม่ได้รับเชิญที่อุโมงค์ด้านหลัง ซึ่งเถียนซานเอารถมาจอดไว้
   “อ้าว เอามอเตอร์ไซค์มาหรือเนี่ย?” เว่ยจินหยินเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินตรงไปที่มอเตอร์ไซค์สีดำคันใหญ่ เถียนซานพยักหน้า “ครับ ผมไม่อยากให้สะดุดตาคนน่ะ”
   “อืม ก็จริงหรอก เอามอเตอร์ไซค์เข้าคฤหาสน์อาจารย์น้อยทางอุโมงค์มันไม่เป็นที่สังเกต แต่ว่าความสูงของนายน่ะมันเด่นสะดุดตาอยู่นะ”
   คนถูกแซวไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มบางๆ บนใบหน้า ก่อนจะคว้าเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำแถบขาวขึ้นมาสวม แล้วส่งอีกตัวให้ผู้เป็นเจ้านาย เว่ยจินหยินรับมาสวมทับเสื้อแล้วพูดขึ้นต่อ “อืม... แบบนี้นึกถึงตอนเด็กๆ ยังไงไม่รู้สิ ตอนนั้นนายเป็นคนขี่ แล้วมีฉันกับอาจารย์น้อยนั่งซ้อนท้ายนี่นะ”
   “เพราะคุณเอาแต่เซ้าซี้ว่าอยากจะขึ้นมอเตอร์ไซค์นี่ครับ” เถียนซานว่า พลางส่งหมวกกันน็อคสีดำให้อีกฝ่าย “จะให้รุ่นพี่ขี่เองก็อันตราย ผมก็เลยต้องเป็นคนขี่แล้วให้คุณซ้อนตรงกลางแทน”
   “อืม... ตอนนั้นฉันยังตัวเล็กๆ อยู่นี่นะ” เว่ยจินหยินว่า แล้วรับหมวกกันน็อคมาสวม
   
   “นี่ อาซาน” เว่ยจินหยินพูดขึ้น ขณะที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีเถียนซานเป็นคนขี่ ทั้งคู่กำลังออกจากคฤหาสน์เขาวงกต โดยผ่านอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับถนนหลวงเส้นหนึ่ง คนอยู่หน้าส่งเสียงตอบรับ “ครับ?”
   “นายเจอตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงแล้วหรือยัง?”
   “เคยเห็นหน้าอยู่บ้างครับ เขาเป็นตำรวจสายตรวจด้วย”
   “อืม... เป็นคนที่รอดจากบ้านอาจารย์น้อยได้ในรอบหลายปีเลยนะ”
   “ครับ.. ดูรุ่นพี่จะถูกชะตาเขามากด้วย”
   “เหมือนอย่างที่ถูกชะตานายล่ะมั้ง” เว่ยจินหยินว่า “ฉันเห็นเขาแล้ว คิดว่ามีส่วนคล้ายๆ นายอยู่สักหน่อยเหมือนกันนะ”
   เถียนซานหัวเราะแข่งกับเสียงลมที่พัดอยู่รอบตัว เว่ยจินหยินพูดขึ้นต่อ “อาซาน ฉันเป็นห่วงนะ ท่าทางอาจารย์น้อยจะมีจุดอ่อนเสียแล้วล่ะ”
   “...........” ร่างสูงใหญ่ด้านหน้าเงียบไปพักหนึ่ง แล้วถึงพูดขึ้นมา “ไม่เป็นไรหรอกครับ รุ่นพี่น่ะ เคยผ่านนรกมาแล้ว เขาไม่ใช่คนที่ไม่มีจุดอ่อนหรอก เพียงแต่เขารู้ว่าควรจะจัดการกับจุดอ่อนของตัวเองยังไง คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะครับ”
   “อืม...” เว่ยจินหยินส่งเสียงในคอ ก่อนจะพิงศีรษะเข้ากับแผ่นหลังกว้าง “ฉันรู้ เขาเป็นคนเก่ง เก่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยล่ะ อาซาน... ถ้าฉันไม่ได้ชอบนายแบบนี้ นายจะไปกับเขารึเปล่า?”
เถียนซานระบายลมหายใจ แล้วยิ้มบางๆ ภายใต้หมวกกันน็อค “คุณเป็นคนเดียวที่ผมจะอยู่เคียงข้างรับใช้ไปจนวันตาย เรื่องนี้น่ะ ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนไม่ได้หรอกครับ”
เว่ยจินหยินสวมกอดปั้นเอวของอีกฝ่ายแน่นขึ้น ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
--------------------------------------------------
   เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยจินหยินออกจากสำนักงานตั้งแต่เช้า เพื่อไปที่กรมตำรวจ ตามหมายเรียกที่เขาให้ลูกน้องแอบไปเตี๊ยมกับกรมตำรวจเอาไว้ และดึงตัวหมากทั้งหมดเข้าสู่แผนการในการจัดการกับลีไป๋หู่ โดยมีนายตำรวจที่ชื่อลู่อี้เผิงร่วมอยู่ด้วย
   แผนการหลอกซ้ำหลอกซ้อนของเขาดำเนินไปได้ด้วยดีภายในห้าวันต่อมา ลีไป๋หู่หลงกลสนิท กระทั่งวิ่งขึ้นเรือส่งของเอง โดยที่เขากับเถียนซาน รวมถึงหงคงฉ่วยเปลืองมือเปลืองเท้ากันเพียงเล็กน้อย โดยมีนายตำรวจหนุ่มคนนั้นเป็นเครื่องประกอบฉาก
   ในที่สุดลีไป๋หู่ก็โดนจับได้คาหนังคาเขา และมีการขยายผลจับกุมเครือข่ายเพิ่มเติมในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา โดยมีเจ้าหน้าที่ประสานงานจากสก็อตแลนยาร์ดที่ชื่อมิลเลอร์ คอยล์เป็นกำลังหลัก
   เว่ยจินหยินตัดสินใจว่าจะไปส่งนายตำรวจจากอังกฤษด้วยตนเอง หลังจากเสร็จเรื่อง แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อในเช้าวันหนึ่ง คนที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของเขากลับไม่ใช่ลูกน้องคนสนิทที่เคยคุ้นหน้า แต่เป็นนายตำรวจจากอังกฤษคนนั้น
   “อรุณสวัสดิ์ครับ กำลังคิดอยู่ล่ะสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ใช่ไหมล่ะ?” มิลเลอร์ คอยล์พูดเร็วปรื๋อหลังจากเปิดประตูเข้ามา และเห็นเว่ยจินหยินเลิกคิ้ว มองเขาผ่านแว่นตากรอบทอง และอ้าปาก ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง
   คนถูกทักเลิกคิ้วอยู่อีกพัก สุดท้ายก็พูดออกมา “อืม... ใช่ ฉันกำลังจะถามว่านายมาได้ยังไง?”
   มิลเลอร์ คอยล์ยิ้มกว้างจนแทบเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ แล้วพูดชัดถ้อยชัดคำ “ผมมาหาคุณน่ะ เดินผ่านประตูเข้ามา ผมอยากจะพบคุณเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย”
   เว่ยจินหยินหรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาใกล้ “อาซานให้นายเข้ามาหรือ?”
   อีกฝ่ายยิ้มให้เขาแทนคำตอบ คนนั่งอยู่ถอนหายใจเฮือก “อืม... มีธุระอะไรล่ะ”
   “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่จะมาลาคุณก่อนกลับอังกฤษน่ะ”
   “?!”
   “ผมถูกเรียกตัวกลับกะทันหันเมื่อคืนนี้เอง ท่าทางคุณจะยังไม่รู้ล่ะสิ” มิลเลอร์ คอยล์ว่า เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของเว่ยจินหยิน ผู้เป็นนายใหญ่แห่งตระกูลเว่ยพยักหน้ายอมรับ “อืม.. ฉันกำลังคิดอยู่พอดีว่าจะไปส่งนายที่สนามบิน”
   “หา?!” คราวนี้นายตำรวจจากอังกฤษเป็นฝ่ายมีสีหน้าแปลกใจบ้าง “คุณว่าจะไปส่งผมที่สนามบินเหรอ ว้าว! พูดจริงๆ เหรอครับเนี่ย”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า “อืม... ก็เห็นว่านายอุตส่าห์มาน่ะ เลยคิดว่าต้องไปส่งสักหน่อย”
   “ไม่ได้มีแผนหรือจะส่งจดหมาย หรืออีเมลอะไรนะครับ?” อีกฝ่ายถามอย่างไม่แน่ใจ คนถูกถามสั่นศีรษะ “ยังไม่ได้คิดหรอก แต่มันก็ต้องดูพฤติกรรมโดยรวมของนายด้วยน่ะนะ”
   มิลเลอร์ คอยล์อึ้งไปพักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “แค่คุณบอกว่าจะไปส่งผมก็น่าดีใจสุดๆ แล้วล่ะ แต่ไม่ต้องไปหรอกครับ เพราะไงๆ ผมก็มาหาคุณแล้ว”
   “อืม..” เว่ยจินหยินส่งเสียงในคอ แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมิลเลอร์ คอยล์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วขโมยหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว
   !!
   เว่ยจินหยินคว้ามือตะปบคอเสื้ออีกฝ่ายไว้ แต่ก็ไม่วายถูกขโมยหอมแก้มอีกข้าง คราวนี้เขาเลยผลักฝ่ายนั้นออกไปเต็มแรง
   “ฮะๆ คุณนี่ร้ายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนจริงๆ” มิลเลอร์พูดกลั้วหัวเราะ ขณะยันตัวเองเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเสียหลักหงายหลังไปชนกับตู้ใส่เอกสารไม้ที่วางอยู่ด้านหลัง เว่ยจินหยินหรี่ตามองเขา “มารยาททรามไม่มีเปลี่ยนจริงๆ”
   คนถูกด่าหัวเราะชอบใจ แล้วพูดยิ้มๆ “มารยาททรามอะไรกันครับ คุณเคยอยู่อังกฤษน่าจะรู้ดีนี่ หอมแก้มก็เป็นการทักทายอย่างหนึ่งนะ”
   “นั่นมันวัฒนธรรมฝรั่งเศส ไม่เกี่ยวอะไรกับอังกฤษเลยสักนิด” เว่ยจินหยินแย้งทันที อีกฝ่ายยักไหล่ “มันก็ทักทายเหมือนกันล่ะครับ”
   “นี่นายใช่คนอังกฤษจริงๆ รึเปล่าเนี่ย”
   มิลเลอร์ คอยล์หัวเราะอีก “ผมกลับล่ะนะครับ เดี๋ยวจะไปเช็กอินไม่ทัน แล้วไม่ต้องส่งจดหมายรายงานความประพฤติ หรืออะไรไปหาหัวหน้าผมอีกนะ เพราะคราวนี้ผมมีพยานว่าอยู่ทำงานตลอด จดหมายโคมลอยของคุณใช้ไม่ได้ผลหรอก”
   เว่ยจินหยินสูดหายใจลึก ก่อนจะพยักหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “เอาล่ะ ฉันเข้าใจ ยังไงก็ขอบใจที่มาช่วยแล้วกันนะ”
   มิลเลอร์ คอยล์ยิ้มอีก “แบบนี้ค่อยคุ้มค่าหน่อย ผมไปนะครับ รักษาตัวด้วยนะ”
   “อืม โชคดีแล้วกัน” เว่ยจินหยินว่า และโบกมือลาให้อีกฝ่ายพอเป็นพิธี หลังจากมิลเลอร์ คอยล์ออกไปได้พัก เถียนซานก็เดินเข้ามาในห้อง เว่ยจินหยินกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกอีกฝ่ายชิงจังหวะพูดขึ้นก่อน
   “คุณท่านครับ ท่านห้ามาครับ”
----------------------------------------
   “พี่รอง อรุณสวัสดิ์ครับ” เว่ยปิงเซียงเอ่ยปากทักทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เว่ยจินหยินพยักหน้า แล้วตอบกลับไป “อรุณสวัสดิ์ ไม่มีเข้าเวรหรือไง?”
   “ผมแลกเวรมาน่ะ” เว่ยปิงเซียงตอบ แล้วพูดต่อ “ผมดูข่าวแล้ว เรื่องแก๊งค้าอวัยวะน่ะ ฝีมือพี่ใช่มั้ยครับ?”
   เว่ยจินหยินไม่ตอบคำถาม ได้แต่ยิ้มๆ แล้วถามกลับ “เขาออกข่าวแล้วหรือ?”
   “ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะครับ ผมดูข่าวรอบดึกเอา” เว่ยปิงเซียงว่า “เห็นว่าจับรายแรกได้ตั้งแต่เกือบสัปดาห์ก่อน แต่ปิดข่าวเอาไว้ รอจนขยายผลจับได้ทั้งแก๊งเลยมาแถลงข่าว พี่รอง พี่ช่วยเรื่องนี้ใช่มั้ย?”
   “เธอสบายใจขึ้นบ้างหรือยังล่ะ?” เว่ยจินหยินถามโดยเลี่ยงที่จะตอบ ผู้เป็นน้องชายเม้มริมฝีปาก แล้วพยักหน้า “ครับ ขอบคุณมากนะ พี่รอง”
   “อืม..” เว่ยจินหยินส่งเสียงในคอ แล้วหันไปสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อ แต่พอเห็นว่าเว่ยปิงเซียงยังคงยืนอยู่ในห้อง เหมือนกับรีรออะไรสักอย่าง เลยเงยหน้าขึ้นมาอีก “มีอะไรอีกหรือ?”
   “พี่รอง... เรื่องอุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้นกับผมน่ะ” เว่ยปิงเซียงพูดออกมาอย่างช้าๆ เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพี่ชาย “ผมคุยกับพี่ชายใหญ่แล้ว....”
   “อ้อ... เขาว่าไงล่ะ” เว่ยจินหยินวางมือจากเอกสาร หันมาใช้สายตาคมวาวจับจ้องน้องชายที่ยืนอยู่ เว่ยปิงเซียบขบริมฝีปากบน สูดหายใจลึก ในที่สุดก็พูดออกมา “พี่ชายใหญ่ให้ผมมาถามพี่ ว่าอยากให้ผมพูดเรื่องนี้มั้ย?”
   “............” เว่ยจินหยินหรี่ตามองน้องชาย “เธออยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ”
   เว่ยปิงเซียงนิ่งไปพัก เขามองตรงไปยังพี่ชาย “ผมอยากให้คนอื่นรู้ว่า พี่ไม่ได้วางแผนฆ่าผม พี่ไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าน้องชายตัวเอง”
   “....................”
   “พี่รอง... พี่ให้ผมอธิบายเรื่องนี้เถอะ.. พี่จะได้ไม่ต้องถูกใครตราหน้าอีก”
   เว่ยจินหยินเพ่งสายตามองน้องชาย หลังจากเงียบไปพักใหญ่ เขาก็พูดออกมา “เรื่องนี้น่ะเธอไม่ต้องแก้แทนพี่หรอก”
   เว่ยปิงเซียงเม้มริมฝีปาก มีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมล่ะ... เพราะอะไรหรือ?”
   ฝ่ายถูกถามเงียบไปพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา “แค่เห็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ ก็ดีสำหรับพี่แล้วล่ะ เธอไม่ต้องทำอะไรเพื่อพี่หรอกนะ ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”
   “พี่รอง....”
   “เชื่อที่พี่พูดเถอะ เธอกลับไปทำงานได้แล้วล่ะ อยากได้อะไรอีกก็บอกพี่แล้วกัน”
   เว่ยปิงเซียงยืนมองพี่ชายเขาอยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะสูดหายใจลึก “งั้นผมกลับนะครับ”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า คนเป็นน้องชายหมุนตัว ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ทันใดนั้นเองฝ่ายที่นั่งอยู่ก็พูดขึ้นอีก
   “น้องห้า”
   “ครับ?”
   “พี่ขอโทษด้วยนะ”
   ริมฝีปากของเว่ยปิงเซียงเม้มเข้าหากัน ก่อนจะผงกศีรษะ “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ พี่ชายใหญ่เล่าให้ผมฟังแล้ว.... พี่ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วนะ”
   เว่ยจินหยินอ้าปาก เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่มีเสียง เว่ยปิงเซียงยิ้มให้เขา แล้วก้าวเท้าออกจากห้องไป สักพัก เว่ยจินหยินถึงหันหน้ากลับมามองลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ “อาซาน”
   “ครับ”
   คนเรียกกะพริบตาปริบๆ อยู่พัก แล้วจึงพูดออกมา “นายกับพี่ชายใหญ่น่ะ.....”
   เถียนซานพยักหน้าโดยที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ เว่ยจินหยินอ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ “ช่างเถอะ แต่เรื่องมิลเลอร์น่ะ...”
   “ขอโทษด้วยนะครับ” อีกฝ่ายพูดสวนออกมา เว่ยจินหยินหรี่ตามองลูกน้องตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเฮือก “นายนี่มัน........ จริงๆ เลยนะ ให้ตายสิ”
   เถียนซานไม่ตอบโต้อะไร ได้แต่ยิ้มออกมา “เย็นนี้อยากจะทานอะไรเป็นพิเศษหรืออยากไปไหนรึเปล่าครับ?”
   เว่ยจินหยินหลับตาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะพูดออกมา “ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ จะไปด้วยกันไหมล่ะ?”
   คราวนี้เถียนซานเป็นฝ่ายเลิกคิ้วบ้าง คนเป็นเจ้านายพูดต่อ “ไปกันแค่สองคนนะ ฉันอยากไปนั่งรถไฟเหาะ”
   “............”
   “ทำไมเงียบไปล่ะ ไหนถามว่าฉันอยากไปไหนไง?”
   เถียนซานเงียบไปพัก สุดท้ายก็ยิ้มออกมา “ผมกำลังคิดอยู่นะ ว่าคุณจะแต่งตัวยังไงไม่ให้สะดุดตาคนดี แต่งแบบนี้ถือสายไหมกับลูกโป่งไม่เหมาะแน่”
   เว่ยจินหยินหันมาถลึงตาใส่คนพูด “ฉันจะขี่คอนายไป จะได้เห็นอะไรชัดๆ หน่อย ไม่อยากจะเบียดคนเยอะๆ”
   “งั้นต้องเกาะแน่นๆ นะครับ ผมกลัวคุณตกระหว่างทาง เดี๋ยวจะหากันไม่เจอ”
   “ฉันรู้ ยังไงนายต้องหาฉันจนเจอได้แน่ๆ”
   เถียนซานไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้ม เว่ยจินหยินมองหน้าเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา
------------------------------------------------------
**สงสารลู่อี้เผิงจริงๆ ให้ตายสิ (พิมพ์ว่างั้น แต่ใจกลับหัวเราะอย่างสะใจ :laugh: ถือเป็นการเอาคืนที่ในเรื่องนกยูงแดง เผิงเผิงบังอาจมองเว่ยจินหยินเป็นเซลขายตรงไปได้ วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)

ตอนนี้คาดว่าจะสะเทือนใจแฟนคลับมิลเลอร์ (ที่ถุกหลอกให้ลุ้นตั้งกะเรื่องYes!Master. และมาถูกตอกย้ำความไม่สมหวังในตอนพิเศษนี้อีกที<<โดนคนอ่านบุกกระทืบ :z6:) เอาน่า มิลเลอร์ก็ให้เป็นมิลเลอร์แบบนี้แหละ นี่แหละมิลเลอร์ (เลิกหวังเรื่องหาคู่ให้มิลเลอร์ไปได้ เพราะพระเอกกะล่อนปราบยาก ดูอย่างรูฟัสสิ..... ให้มีหมอนั่นคนเดียวพอแล้ว=[]=)

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ ส่วนตอนพิเศษที่เหลือของเรื่องนี้ (My neighbor is a spy.) จะลงเฉพาะในรวมเล่มเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวจะแจ้งอีกทีว่ามีตอนของใคร เกี่ยวกับอะไรบ้างนะคะ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**ต่ออีกนิด ที่จริงหงคงฉ่วยกับเถียนซานมีซัมติงรอง... (อาจจะเป็นคงฉ่วยซัมติงอยู่คนเดียว......)

เดี๋ยวไ้ว้ค่อยไปเขียนเป็นตอนพิเศษในนกยูงแดงอีกที (โดนโบก :beat:)

แถมรูปอดีตของสามเส้าสามคนนี้... (ใครเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊กน่าจะเคยเห็นแล้ว)



เถียนซานสมัยหนุ่มๆ หล่อและนิสัยดีกว่าลู่อี้เผิง คอนเฟิร์ม!!!



คุณชายจิ้งจอกน้อย.... วรั้ยย คุณชายขาาาาาาาาาาาาาาาา (คงฉ่วยคงนึกในใจ ทำไมฉันไม่ฆ่าไอ้เด็กนี่ไปตั้งแต่มันยังเล็กๆ ฟระ!!)

และ..........



ก๋งก๋งคงฉ่วยสมัยเอ๊าะๆ (เอ๊าะอีกมั้ย ใกล้สามสิบแล้วอ่ะ แต่ยังเลข2อยู่นะ อิอิ)

ภาพนี้แบบว่า.......... ก๋งก๋งผมยาวววว (คาดไม่ถึงมาก่อน) แน่นอนว่าลู่อี้เผิงคงไม่มีวันได้เห็น เพราะก๋งก๋งไม่ถ่ายรูปตัวเอง (ว่าไปก็สงสารหงคงฉ่วยเหมือนกันนะเนี่ย)

ซัมติงรองระหว่างคงฉ่วย เถียนซาน... เดี๋ยวไว้เฉลยในนกยูงแดง (เฉลยในนี้มันจะผิดเรื่องไป)

//วิ่งหนีไปเผาต้นฉบับต่อ =[]=

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อยากอ่าน เถียนซานหวานหรือกุ๊กิ๊กกับจินหยินม่าง  :z1:

flawless

  • บุคคลทั่วไป
ชอบคุณท่านจิ้งจอกกับเถียนซานอ่ะ ในความเย็นชาก็แอบมีความหวานแทรกอยู่(ประปราย)
อยากอ่านแบบฉบับหวานสุดๆ ของคู่นี้แหะ ไม่รู้เป็นไงแอบชอบคู่พี่เลี้ยงและคุณชายรองที่สุด

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เหมือนรูปนี้จะดูโตกว่าตอนเป็นตาเฒ่าอีกแหะ

คงฉ่วยนี้ยิ่งแก่ยิ่งเด็กแน่ๆเลย 55

กำลังคิดอยู่นิดนึงว่าน่าจะมีบทพี่ใหญ่กับคุณชายห้าอีกสักสี่ห้าบรรทัด เรื่องอาจจะอิ่มกว่านี้

ยิ่งเคลียร์ทุกมุมมองยิ่งดี /กะไม่จิ้นเองเลยว่างั้นแฮ่ๆ

ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
สรุปแผนการนี้ คนที่น่าสงสารที่สุด คือเผิงเผิงที่ถูกหลอกจากทุกคนใช่มะ แต่คงฉ่วยก็ห่วงเผิงเผิงนะ
ส่วนจินหยินกะอาซานมีแอบหวานตอนขี่มอไซค์ด้วย น่ารัก

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เอ แล้วตอนพิเศษ ny neighbor ล่ะคะ แหะๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
จินหยินหวงอาซาน  ส่วนคงฉ่วยก็หวงเผิงเผิง น่ารักจริงๆ เลยแต่ละคู่

ปล. รูปเว่ยจินหยินน่ารักมากกกกกกกกกกเลยอะ ส่วนคงฉ่วยนี่มามาดนางพญาตาจิกกัดมาเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2011 21:24:26 โดย dahlia »

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
เอ แล้วตอนพิเศษ ny neighbor ล่ะคะ แหะๆ

ตอนนี้ล่ะค่ะ ฮ่ะๆๆๆๆ ที่พูดถึงเรื่องคุณชายห้าไงคะ... (แหม๊ ใจความมันน่าจะอยู่ที่เรื่องฆ่าน้องชายของเว่ยจินหยินนะเนี่ย ตอนนี้อ๊ะ)

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
-*- อะไรกันๆ
พี่รองทำไมไม่ยอมรับความหวังดีของน้องห้า
แล้วทำไมน้องห้าถึงซื่อขนาดนี้นะ
กดบวกๆ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
งืมมมมม


จิ้งจอกเจ้าเล่ย์
จิ้งจอกแสนงาม
และ
จิ้งจอกทีมีจิตใจอันดี? งาม


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Heisei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
โอ้ววว ยาวสมใจจริง...
ทำไมอ่านไปอ่านมาชักอยากเปลี่ยนไปเชียร์มิลเลอร์ล่ะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปล. ไม่สงสารเผิงเผิงหรอก บังอาจมาก!!!

ออฟไลน์ pochu52

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1328
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-0
น่าสงสารเผิงเผิงน้อยจริงๆ โดนรวมหัวหลอก น่าๆๆ มีคงฉ่วยรอปลอบอยู่แล้วนิ คิคิคิ
ความน่ารักของจินหยินคงมีแต่อาซานซินะที่ได้เห็น 555

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2021
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
ก๋งก๋งผมยาววว *0*

เวลา จิ้งจอกกับนกยูงมาเจอกันนิ ไม่ไหวนนะ

ต่อให้ตำรวจทั้งกรมมารวมกันคงทำอะไรไม่ได้ 5555

ทำไมก๋งก๋งไม่ชอบถ่ายรูปตัวเองล่ะคับ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ขนาดตอนพิเศษยังยาววววววขนาดนี้

บ่งบอกเลยว่าเรื่องยาวจะยาวววววววววววววววววขนาดไหน

555

+1  จ้าา

akanae

  • บุคคลทั่วไป
ลู่อี้เผิง ว่าแสบแล้ว ก้อยังสู้ นกยูงแดง กับ จิ้งจอกไม่ได้เสี้ยวเลย
555

ออฟไลน์ kisssky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
หลังจากเห็นภาพสามเส้าเชื่อแล้วว่า เถียนซาน หล่อจริง อะไรจริง

ส่วนอาก๋งก๋ง ปล่อยเค้าไปเหอะคนเนี้ยอ่ะ  :z2: เดี๋ยวให้เผิงเผิงจัดการ

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 735
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
มีตอนพิเศษช่วยให้หายคิดถึงเผิงเผิงกับคงฉ่วยหน่อย
จะรอตอนพิเศษของนกยูงแดงนะคะ
ขอบคุนค่า

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
เถียนซานนน~ I love u na~ :-[
รูปวาดอาซานหล่อง่า เท่ง่า :จุ๊บๆ:
จินหยินดูเนิร์ดร้ายๆ
คงฉ่วยสวยค่า
เนื้อเรื่องตอนนี้ทำให้อดเอ็นดูจินหยินไม่ได้จริงๆเนอะ
ขอกรี๊ดอาซานอีกรอบ กรี๊ดดดด :impress2:

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เบื้องหลังการจับมือกันของหมาจิ้งจอกกับนกยูงแดงสินะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
สนุกมากเช่นเคย แล้วจะติดตามผลงานเรื่องอื่นๆต่อไปนะคะ :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด