โอ๊ะอะไรเนี้ยะะ ไม่น้าาาาาาาาาา
งานศพตามแบบศาสนาพุทธถูกจัดอย่างเรียบง่าย แขกในงานส่วนใหญ่แต่งกายในเครื่องแบบสีขาว อาจเป็นเพราะผู้ที่จากโลกนี้ไปกำลังอยู่ในวัยที่กำลังร่ำเรียนอยู่ก็เป็นได้
รถยุโรปคันใหญ่จอดเทียบลง แขกในงานต่างก็รู้ชัดว่าผู้ที่มามีชื่อเสียงในแวดวงไฮโซขนาดไหน แต่ทว่าหลานชายที่เดินตามลงมาจากรถนั้น . . เขาแทบจะยืนไม่อยู่
“คิน ฮึก หลานยาย” คุณหญิงจับตัวหลานชายเอาไว้แน่น ใบหน้าของเธอกลั้นสะอื้นเอาไว้ เธอสงสารหลานชายของเธอจับหัวใจ เธอโทษตัวเองว่าต้นเหตุเป็นเพราะตัวเธอที่ชุบเลี้ยงงูเห่าเอาไว้ใกล้ตัว
“หยะ ยาย บอกคินได้มั้ย คนที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ไอ้เหนือ ใช่มั้ย แค่เป็นคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันเฉยๆ ใช่มั้ยครับยาย” คินตาในขณะนี้ดูเหม่อลอยและวิญญาณหลุดออกจากร่าง ไม่มีแล้วดวงหน้าที่สดใสรอยยิ้มเจือประดับ มีเพียงแต่เด็กหนุ่มดวงตาหมองคล้ำและปูดบวมเนื่องจากผ่ากการร้องไห้มาอย่างหนัก
“ยอมรับความจริงเถอะนะลูก เหนือจากไปแล้ว จากไปแล้วจริงๆ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เมื่อคืน หมะ มัน มันยังส่งเมสเสจมาบอกผมให้ผมฝันดีอยู่เลย ยายโกหก” เด็กหนุ่มเถียงข้างๆคูๆ พยายามหนีจากความเป็นจริง ไม่มีเมสเสจใดๆจากเหนือนที หน้าจอโทรศัพท์ว่างเปล่า . .
“ไอ้คิน” เพื่อนรักทั้งสามคนในชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินเข้ามาหา ฟิล์มพยุงคินตาเอาไว้อย่างรู้หน้าที่ เขารู้ว่าเพื่อนรักของเขา ณ ตอนนี้จิตใจไม่สู้ปกติ ทั้งน่าสงสารและก็น่าเห็นใจในเวลาเดียวกัน
การสูญเสียคนที่รักสุดหัวใจ . . ไม่ใช่แค่อาทิตย์สองอาทิตย์จะทำใจได้
“คิน มึงไหวมั้ย ไม่ต้องเข้าไปก็ได้ อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพวกกูอยู่เป็นเพื่อน” มิกเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใย
แต่คนที่ชื่อคินตาเดินนำไปแล้ว . . เขาเดินสะโหลสะเหลเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มุ่งตรงไปยังโลงสีน้ำเงินที่ตั้งอยู่กลางศาลา ทุกคนในงานจับตามองมาที่เขา ราวกับรู้ว่าเขากับคนที่เพิ่งจากไปนั้น . . มีความสำคัญต่อกันมากแค่ไหน
แค่เห็นรูปหน้าศพ คินตาก็ล้มลงไป . . ช็อคหนักแต่ไร้ซึ่งการรินไหลของน้ำตา
“มึงว่าน้องคินเค้าฝันอะไรอยู่วะ”โถ้ๆๆ น้องคินที่แท้ก็แค่ฝัน เฮ้ย!!!! ตกใจหมด