(ต่อ)
ปี๊นนนน!..
ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงแตรที่ดังอยู่ข้างหลัง หันไปมองก็เห็นเอี้ยฟ้านั่งเต๊ะท่าอยู่ในรถบีเอ็มของซิน มือหนึ่งเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง อีกมือวางอยู่ที่พวงมาลัยรถ ...นี่ซินให้กุญแจรถมันไปตั้งแต่ตอนไหนวะ?
ปี๊นนนน!..
ไอ้เอี้ยฟ้ากดแตรซ้ำอีกทีเมื่อเห็นผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ..กวนประสาทชิบ!
ผมเดินไปขึ้นรถแบบเสียไม่ได้ นั่งเสร็จก็นิ่งไม่คิดจะพูดจะจาอะไรกับมัน มันเองก็ขับรถไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรเหมือนกัน พอต่างคนต่างเงียบผมก็เลยรู้สึกง่วงขึ้นมา ทั้งฤทธิ์ยาฤทธิ์หวัดเริ่มแสดงอาการ บวกกับแอร์เย็นๆ และเพลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่ในรถก็ยิ่งช่วยกล่อมให้ผมหลับง่ายขึ้น
ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่ารถได้มาถึงคอนโดแล้ว..
ใช่ ถึงแล้ว..
แต่นี่ไม่ใช่คอนโดผม!
ไอ้ทางเข้าหะรูหะราอลังการงานสร้าง กับตัวตึกสูงเสียดฟ้าราวกับจะปีนขึ้นไปเสวนากับเทวดาแบบนี้มันคอนโดไอ้เอี้ยฟ้าชัดๆ!
แล้วมันพาผมมาทำอะไรที่นี่วะ?!
“..กูแค่จะมาเอาของ” มันบอกเรียบๆ พอเห็นว่าผมหันไปมองอย่างเอาเรื่อง
ผมเลยได้แต่ฮึดฮัดไม่พูดอะไรอีก ถ้ามันจะไปเอาของก็ปล่อยมันไป ลงจากรถเมื่อไหล่กูชิ่งกลับบ้านแน่ เพราะแรกเริ่มเดิมทีที่ออกจากบ้านเมื่อเช้าก็ตั้งใจว่าจะปล่อยมันคืนสู่ถิ่นอยู่แล้ว ..ก็ดี พอดีเลย จะได้หมดเวรซึ่งกันและกันพอดี!
ไอ้เอี้ยฟ้าดับเครื่องรถพร้อมทั้งดึงกุญแจติดมือออกไป แต่ไม่เป็นไร ผมมีกุญแจสำรองอยู่ ..ผมทำเป็นไม่สนใจว่ามันจะเดินลงไปยังไงหรือไปทางไหน กะให้มันลับสายตาไปแล้วค่อยชิ่งหนี แต่แทนที่มันจะขึ้นคอนโดไปซะ มันกลับเดินอ้อมมาเปิดประตูทางฝั่งผมและบอกให้ลงไปกับมัน
“ทำไมกูต้องไปด้วย? มึงจะไปเอาไรก็รีบไปดิวะ กูขี้เกียจรอนาน” ผมแกล้งบ่นรำคาญๆ
“มึงไม่รอหรอก กูรู้ ..พอกูไปแล้วมึงก็จะหนีกลับไปคนเดียว”
แสนรู้นักนะมึง! มันพูดเหมือนอ่านใจผมออกอีกแล้วว่ะ
ตกลงมึงอ่านใจคนได้ใช่ไหมเนี่ย เอี้ยฟ้า?
“จะไปได้ไงวะ? กุญแจรถก็อยู่กับมึง” ผมพยายามจะทำให้มันตายใจ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
“มึงมีกุญแจสำรอง..”
เหยดดดด! สรุปคือมึงอ่านใจคนได้จริงๆ ใช่ไหม? มึงมีพลังจิตจริงๆ เรอะ ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน?!
แล้วมันก็ไม่รอให้ผมแถอีกต่อไป มันคว้าข้อมือผมและจัดการลากลงจากรถทันที ผมขืนแรงของมันไว้ ไม่ยอมตามลงไปง่ายๆ มันก็ยิ่งออกแรงดึงหนักข้อขึ้นอีก ยื้อกันไปยื้อกันมาได้ไม่นาน ไอ้เอี้ยฟ้าก็เหมือนจะมองเห็นอะไรบางอย่างข้างหลังผม มันหยุดนิ่ง เลิกดึง ชี้นิ้วผ่านไหล่ผมไป
“..เจสสิก้า อัลบา” แล้วมันก็พูดชื่อที่ทำให้ผมต้องหูตั้งออกมา
“ไหน?!” ผมหันควับไปมองทันทีด้วยความตื่นเต้น
ไหนๆ? นางฟ้าขวัญใจของผมอยู่ไหน?
เธอมาทำอะไรแถวนี้?
ไหนอ่ะ?!
อั้ก!! ผมไม่รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นอีก..
รู้สึกตัวอีกทีก็ปวดจี๊ดๆ แถวต้นคอ ผมตั้งใจจะยกมือลูบสำรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคอของผม แต่มือมันดันติด..ติด...ติดอะไร?
อย่าบอกนะว่า...?!
ผมลืมตาโพลงด้วยตกใจ แต่ก็ต้องรีบปิดลงทันใดเพราะสู้แสงสว่างจ้าไม่ไหว พยายามจะลืมขึ้นใหม่อีกครั้งอย่างช้าๆ และได้เห็นว่าผมกำลังนอนอยู่บนที่นอนสีขาว ในห้องสีขาวที่สว่างไสว
ห้องของไอ้เอี้ยฟ้า!!
และมือของผม...ผมกระเสือกกระสนเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นมันถูกมัดรวบติดกันไว้ด้วยสายรัดเอวของเสื้อคลุม แล้วโยงขึ้นไปมัดไว้กับอะไรบางอย่างบนหัวเตียงอีกที
ราวกับภาพฉายซ้ำ.. ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับคืนนั้นไม่มีผิด จะต่างไปก็ตรงที่วันนี้ผมยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบทุกชิ้น และสติสัมปชัญญะของผมก็ยังปกติดีทุกส่วน ผมไม่ได้รู้สึกถึงสารเคมีแปลกปลอมในร่างกาย
แต่...แค่คิดว่าผมอาจจะได้เล่นหนังเรื่องเดิมอีกรอบ มันก็ทำให้ผมหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ..
“...ฟ้าโอเค”
เฮือก! ..ผมสะดุ้งใจหายวาบกับเสียงของใครอีกคนที่อยู่ในห้อง ..แน่นอนว่าจะเป็นเสียงของใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เอี้ยที่ทำให้ผมตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่เหลียวหาก็ยังมองไม่เห็นตัว
“ไม่...ฝากบอกเค้าด้วยแล้วกันว่า..อยากทำอะไรก็เชิญ..ฟ้าไม่สนใจ..” เสียงไอ้นรกนั่นยังคุยโทรศัพท์ต่อไป ผมไม่ได้สนใจว่ามันกำลังพูดอะไรหรือพูดกับใคร สิ่งที่ผมสนใจตอนนี้ก็คือ...ผมควรจะจัดการยังไงกับตัวเองดี?
ผมตัดสินใจพลิกตัวนอนคว่ำ ตะเกียกตะกายชันเข่าเพื่อที่จะลุกขึ้นนั่ง นั่งได้แล้วจะแกะเชือกออกได้ยังไงค่อยว่ากันอีกที แต่ยังไม่ทันจะนั่งได้เรียบร้อยดี ก็มีมือผีห่าซาตาน(ที่คุณก็รู้ว่าของใคร)มาจับข้อเท้าผมกระชากลงไปทางปลายเตียง ทำให้ผมต้องกลับไปนอนแบ่บคว่ำหน้าอยู่กับที่นอนอีกรอบ และยังไม่ทันจะโงหัวขึ้นได้ก็มีก้อนเนื้อปริศนาทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงมาทับแถวๆ ช่วงเอวของผม
“ทำเอี้ยอะไรของมึง? กูหนักนะ” ผมร้องโวยวาย พยายามจะสลัดตูดไอ้เอี้ยฟ้าที่มายึดแผ่นหลังผมเป็นเก้าอี้ลงไปให้พ้น แต่ก็ไม่เป็นผล จะหายใจก็ไม่สะดวก ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหนื่อย สุดท้ายต้องยอมแพ้ นอนหายใจพะงาบๆ รีบเอาออกซิเจนเข้าสู่ปอดไว้ก่อนจะขาดใจตาย
“กูต่างหากที่ต้องถาม...เมื่อกี๊จะทำอะไรน่ะ?” ไอ้เอี้ยฟ้านั่งไขว้ขา มือเท้าคางสบายใจอยู่ข้างบน ในขณะที่ผมหายใจแทบไม่ออกอยู่ข้างล่าง ..แมร่ง! หนักชิบ! กินควายเข้าไปหรือไงวะ?
“กูจะแกะเชือกเอี้ยๆ นี่ออก!” ผมตะคอกบอกมันไปตรงๆ อย่างคนอารมณ์เสีย
“เดี๋ยวแกะให้” มันบอกเสียงเรียบเหมือนเดิมจนผมนึกแปลกใจ มือก็เอื้อมมาจับสายรัดเอวที่ใช้มัดข้อมือของผมเหมือนจะแกะให้อย่างที่ปากพูด
อะไรวะ? จะแกะให้จริงอะ? ง่ายๆ งี้เลย? ..ผมคิดอย่างคลางแคลงใจ แล้วมันจะมัดผมตั้งแต่แรกทำไมวะ? ไหนจะเล่นทุบผมซะสลบก่อนลากขึ้นมาบนนี้อีก(ยังเจ็บต้นคอไม่หายเลย) แล้วก็บอกจะปล่อยเนี่ยนะ? มันต้องการอะไรกันแน่วะ?
และตอนนี้เอี้ยฟ้าก็ไม่ได้อยู่ในชุดไอ้หมาเขียวของซินแล้ว มันเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดขาวล้วนสไตล์มันเรียบร้อย พร้อมด้วยแว่นกุชชี่คู่ชีพเหมือนทุกที(แต่วันนี้แว่นมันขาสีขาวๆ เลนส์เปลือยสีม่วงๆ) ..นี่แสดงว่าผมหลับไปพักใหญ่เลยสิ?
“แล้วมึงจะมัดกูทำไมแต่แรก?” ผมถามอย่างที่ใจคิด
ไอ้เอี้ยฟ้าชะงักมือนิดนึงแล้วแกะต่อ “กลัวว่ามึงตื่นมาจะอาละวาดอีกน่ะสิ” มันพูดเรื่อยๆ ไม่เร่งร้อน “..คราวที่แล้วกูต้องสั่งให้คนไปเอาฉากอันใหม่ถึงญี่ปุ่น..เอามาเปลี่ยนแทนอันเก่าที่ขาดครึ่ง ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย ..แก้วก็ต้องสั่งใหม่ยกเซต...ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ ส่วนเหล้าก็แตกไปหลายขวดเหมือนกัน..เป็นของที่ได้มาจากหลายๆ ที่ซะด้วย”
“ฝีมือมึงทั้งนั้นไม่ใช่รึไง?” ผมปัดความผิดแบบหน้าด้านๆ
แต่มันก็เป็นความจริงนี่ ถึงผมจะเริ่มเล่นดาบก่อน แต่คนที่โจมตีก่อนก็คือมัน และคนที่ฟันฉากขาดก็มันอีก แล้วถึงผมจะเป็นคนถีบมัน แต่คนที่เสือกเซไปชนเครื่องแก้วเครื่องขวดเสียหายก็มันอีกนั่นแหล่ะ ถ้ามันเซไปทางอื่นก็ไม่มีของเสียแล้ว ...เห็นไหม? ฝีมือมันทั้งนั้น!
“แล้วมึงพากูมาบนนี้ทำไม?” ผมถามอีก ก่อนจะกัดฟันพูดสิ่งที่ไม่อยากพูดมากที่สุดด้วยเสียงต่ำ “...มึงจะข่มขืนกูอีกรึไง?”
ไอ้เอี้ยฟ้านิ่งไป มันแกะเชือกออกจากหัวเตียงเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ปล่อยมือทั้งสองข้างของผมให้เป็นอิสระ ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจเบาๆ แล้วกลับไปนั่งไขว่ห้าง เท้าคางเหมือนเดิม ..แน่นอนว่ามันยังไม่ได้ลงจากหลังผม
อ้าวเฮ้ย! แล้วมือกูล่ะ แกะให้เสร็จเด้! แล้วก็ลงไปจากหลังกูสักที กูไม่ใช่เก้าอี้นะโว้ย!
“...กูไม่เคยข่มขืนใคร”
ห๊ะ!? ผมว่าผมหน้าด้านแล้วนะ แต่ไอ้เอี้ยนี่แมร่งหน้าด้านกว่าผมอีกว่ะ!
มึงกล้าพูดมาได้ไงว่าไม่เคยทำแบบนั้น? ถ้าไม่ใช่ข่มขืนแล้วที่มึงทำกับกูเขาเรียกว่าอะไร?! ห๊ะ!? มึงเรียกการกระทำแบบนั้นว่าอะไร ไอ้เอี้ยฟ้าประทาน!?
“..ก็แค่ ‘ช่วย’ ” เหมือนมันกำลังตอบคำถามที่ผมเฝ้าถามอยู่ในใจ
แต่ช่วยอะไร..?
“ช่วยเอี้ยอะไรของมึง?!”
“ไม่ใช่ ‘เอี้ย’ แต่เป็น ‘มึง’..” มันหันมาบอกผมที่กำลังมองมันอย่างเครียดแค้นอยู่ “กูเห็นมึงท่าทางทรมาน”
“แล้วมันเป็นเพราะสัตว์นรกตัวไหนล่ะ!?”
“บาร์เทนเดอร์...เคยบอกไปแล้วไงว่าเรื่องยาโด๊ปกูไม่เกี่ยว” มันยักไหล่ง่ายๆ ราวกับว่าเรื่องนี้มันไม่มีส่วนรู้เห็น มันเป็นแค่นักบุญที่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น
ไอ้เลวเอ๊ย!! สักวันผมจะต้องฆ่ามันให้ได้เลย คอยดูสิ!
“..ตอนแรกกูแค่กะแกล้งถ่ายรูปโป๊มึงแล้วอัพลงเน็ตเฉยๆ อยากจะดูว่ามึงจะทำยังไงต่อไป..จะอับอายจนไม่อยากมีชีวิตอยู่..หรือจะดิ้นรนเพื่ออยู่ให้รอดต่อไป? ..ไม่ว่าอย่างไหนมันก็คงจะสนุกดีสำหรับผู้ชมอย่างกู” ไอ้เอี้ยนั่นสาธยายความคิดเอี้ยๆ ของมันไปด้วยน้ำเสียงระเรื่อยเฉื่อยแฉะ
ช่างเป็นความคิดที่ไร้ความรู้สึก ไร้ความปราณี ไร้เลือด..
จนทำให้ผมอดกลัวไม่ได้.. นี่มันเป็นความคิดของฆาตกรชัดๆ ถึงมันจะไม่ได้ฆ่าผมให้ตายด้วยมือของมันเอง แต่ถ้ามันทำแบบนั้นจริงก็เหมือนกับใช้มือของสังคมค่อยๆ ฆ่าผมให้ตายไปอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด
ทั้งหมดเพียงเพื่อความสนุกของมัน..?
ความคิดของมันไม่มีความเป็นคนอยู่เลยด้วยซ้ำ!
ผมไม่รู้ว่าการที่ถูกมันข่มขืนแต่ยังไม่มีรูปโผล่ว่อนตามเน็ต กับไม่ถูกมันทำอะไรแต่มีรูปเปลือยว่อนตามเน็ต...อย่างไหนมันจะเลวร้ายกว่ากัน?
แต่ที่แน่ๆ คือไม่มีใครจะเลวร้ายไปกว่ามันอีกแล้วล่ะ!
ทำไม..พระเจ้าถึงให้ผมมาเจอกับมัน? ท่านเกลียดผมเหรอ..?
ท่านไม่เพียงแต่ทอดทิ้ง..แต่ยังคิดจะกำจัดผมไปให้พ้นอีกด้วยหรือไง?
“แต่..กูไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมีอารมณ์” ไอ้เอี้ยนั่นพูดต่อ “..เพียงเพราะเห็นมึงมีอารมณ์”
“...แค่นี้?”
“ต้องมีมากกว่านี้เหรอ?” มันถามด้วยน้ำเสียงไม่รู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย
มาถึงจุดนี้ผมแน่ใจแล้วล่ะว่ามันไม่ใช่คน ไอ้เอี้ยนี่มันไม่ใช่มนุษย์! มันไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย! มันเป็นปีศาจ! มันเป็นผีห่าซาตาน!
มัน..ไอ้นรกส่งมาเกิด!!
“ซันนี่..?”
ผมซบหน้านิ่งกับหมอน ไม่หือไม่อือกับเสียงเรียกของมัน จนมันต้องเรียกซ้ำอีก “ซันนี่?”
ไอ้เอี้ยฟ้าลงจากหลังผมมาก้มมองใกล้ๆ เพื่อดูว่าผมเป็นอะไรถึงนิ่งไป ผมอาศัยจังหวะนั้นพลิกตัว แล้วพุ่งหัวไปเสยคางมันเต็มแรงแบบไม่กลัวเจ็บ ไอ้นั่นหงายหลังล้มไป ผมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย ทุ่มตัวฟาดศอกใส่ท้องมันสุดแรงซ้ำลงไปอีกที เห็นมันจุกจนตัวงอ ไอค่อกไอแค่กพลิกตัวหนีไปอีกทาง ผมเงื้อศอกขึ้นหวังซ้ำอีกครั้ง ..กะจะเอาให้ตายกันไปข้างล่ะวันนี้!
ไม่มัน..ก็ผม ให้มันจบๆ กันไปสักที!
คราวนี้ผมเล็งตรงสีข้าง หวังว่าจะได้หักกระดูกมันสักท่อนสองท่อน ล็อคเป้าหมายได้ก็ทุ่มน้ำหนักตัวทั้งหมดลงไป แต่มันดันกลิ้งหลบทันฉิวเฉียด ก่อนจะพลิกตัวกลับมาในเสี้ยววินาทีและพุ่งเข้าใส่ผมบ้าง
ผมเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้ พอโดนผลักหลังแตะที่นอน ผมก็ยกตีนขึ้นถีบมันกระเด็นออกไป แต่พริบตาเดียวมันก็กลับมาอีก เลยได้ยื้อยุดปลุกปล้ำกันอุตลุดอยู่บนเตียงพักใหญ่ แต่ด้วยสังขารที่ไม่เอื้ออำนวย สองมือยังถูกมัดรวบติดกันไว้ ในที่สุดผมก็ถูกมันจับล็อคคอจนได้ ..แมร่งเอ๊ย!!
ตอนนี้ไอ้เอี้ยฟ้านั่งพิงหัวเตียง ส่วนผมก็นั่งซ้อนอยู่ข้างหน้ามัน โดยที่คอถูกมันล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา ฮึ่ย!
“พอเหอะ ซันนี่” ไอ้เอี้ยนั่นบอกพลางใช้อีกมือมาล็อคเอวผมไว้ด้วย “..กูเหนื่อย”
แล้วคิดว่ากูไม่เหนื่อยหรือไง? แง่ง! ผมยังหอบอยู่ เลยไม่ได้แผลงฤทธิ์ต่อ แต่ในใจยังนึกสาปแช่งอย่างต่อเนื่องให้มันตายห่าไม่ได้ผุดได้เกิดอีก เพี้ยงๆๆ!
“ปล่อยกู!” พอมีแรงผมก็เริ่มสะบัดตัวหนี
“ถ้าอยู่เฉยๆ...เดี๋ยวจะไปเอาเมมมาให้” ไอ้นั่นเลิกล็อคคอผม แต่เปลี่ยนมากอดเอวแทน “..ที่พาขึ้นมาก็เพราะงี้แหล่ะ”
เสียงที่ดังใกล้ๆ หูทำเอาผมขนลุก แต่สิ่งที่มันพูดก็ทำให้ผมถึงกับหูตั้งตาโต ผมรีบหันหน้าไปหวังจะถามว่ามันพูดจริงหรือเปล่า? แต่ไม่ทันคิดว่าหน้าของมันจะอยู่ใกล้ขนาดที่แค่หันไปแก้มของผมก็ชนเข้ากับปากของมัน(แว่นมันหลุดไปไหนแล้วไม่รู้) ผมตกใจผงะเบี่ยงหน้าหนีให้พ้น.. แต่แทนที่มันจะทำแบบเดียวกัน มันเสือกยื่นหน้าตามมาหอมแก้มผมเสียฟอดใหญ่ ด้วยหน้าตาเฉยๆ ของมันนั่นล่ะ
“ไอ้โรคจิต!” ผมสบถสาปแช่งมันอีกชุดใหญ่ ขณะที่เอาแก้มไปถูๆ กับไหล่เพื่อเช็ดเสนียดจัญไรที่อาจจะติดมาจากไอ้เอี้ยฟ้าออกไป(ใช้มือไม่ได้เพราะถูกมันกอดรวบไว้พร้อมกับเอว) ..ได้ยินมันหัวเราะหึๆ หึๆ เบาๆ
ชอบใจล่ะสิมึง เดี๋ยวเหอะ อย่าให้กูดิ้นหลุดไปได้นะ!
จู่ๆ ไอ้เอี้ยฟ้าก็เอาหัวมาซบไหล่อีกข้างของผมทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ ผมพยายามจะสะบัดไหล่เพื่อไล่หัวหนักๆ ของมันออกไป แต่มันก็ยังหน้ามึนไม่ยอมไปง่ายๆ
“ซันนี่...น่ารัก”
!... อะไรนะ? เมื่อกี๊ไอ้เอี้ยฟ้ามันพูดว่าอะไรนะ?
มันบอกว่าผม...ว่าผมน่า..เอ่อ..น่ารัก..งั้นเหรอ.....?
เฮอะ! แล้วไง? กูรู้ตัวดีอยู่แล้วว่ากูเป็นยังไง ไม่ต้องรอให้ไอ้จัญไรอย่างมึงมาบอกหรอก! แล้วก็เลิกซบเลิกกอดกูได้แล้ว! กูไม่ใช่เมียมึงนะโว้ย!! ..คิดแล้วผมก็เริ่มออกแรงดีดดิ้นอีกรอบ ดิ้นไปดิ้นมาจนสุดท้ายก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งสมใจ จากแค่นั่งซ้อนข้างหลังก็เปลี่ยนมาเป็นนอนทับกันเลยคราวนี้
เอี้ยเอ๊ย! ทำไมผมถึงทำอะไรมันไม่ได้เลยวะ?! ..ยิ่งคิดยิ่งโมโหตัวเอง
ไอ้เอี้ยฟ้ากดมือผมเอาไว้เหนือหัว มันมองผมยิ้มๆ
ยิ้ม..? เออ มันยิ้มจริงๆ แหล่ะ ยิ้มนิดๆ ไม่มากไม่มายและเดาความหมายไม่ได้ด้วย(แต่ผมคิดว่ามันน่าจะกำลังขำนะ..หรือเปล่า?)
ก่อนจะพูดประโยคที่ชวนให้ผมช็อคตาตั้งออกมา..
“มีเซ็กส์กันเถอะ”TBC.
Alfa-Romeo 4C GTA concept แต่ของเอี้ยฟ้าเป็นสีเงินนะ
(ที่จริงรูปสีเงินก็มี แต่มันถ่ายมุมไม่สวย เลยเอาคันนี้มาแทน)

นี่เป็นลักษณะประตูแบบที่เรียกกันว่า 'Gullwing' จ้ะ
