(ต่อ)
?!.. จู่ๆ ซินก็หยุดเล่นกีตาร์ไปดื้อๆ เสียงนักร้องจำเป็นก็เลยหยุดไปด้วย
น้องพลอยที่กำลังเคลิ้มได้ที่เลยลุกขึ้นมาประท้วง “หยุดทำไมอ่ะ? กำลังเพราะเลย”
“ใช่ๆๆ” น้องเพชรพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ “เสียงพี่ฟ้าฟังโรแมนติกเข้ากับเพลงมากเลย”
“ถ้ามีใครซักคนร้องเพลงแบบนี้ให้บ้างก็ดีสิ” แอบได้ยินพี่เพิร์ลบ่นพึมพำเบาๆ ทำเอาผมเผลอยิ้มออกมาอีก แต่ก็ต้องรีบหุบฉับเมื่อหันไปเจอหน้ากวนๆ ของฝาแฝดตัวเอง
“ไม่ไหวๆ..” ไอ้ตัวดีทำหน้าเหยเก แล้วก็แลบลิ้นออกมา “คลื่นไส้ว่ะ สงสัยจะกินหัวกุ้งมากเกินไป แหวะ!”
“ก็กูเคยบอกมึงแล้ว หัวกุ้งมันไม่ดีหรอก..” ไอ้กายรีบรับมุขเพื่อนซี้มันทันที ก่อนจะหันไปทางเอี้ยฟ้า “มันเลี้ยนนน..” แล้วก็หันมาทางผม “..เลี่ยนจะตาย!”
สุดท้ายก็หันกลับมาหาซิน “ใช่มั้ยล่ะ?”
“ช่ายยยย” ไอ้นั่นก็พยักหน้าเออออ ..เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจริงๆ
โถ่ ไอ้พวกขี้อิจฉา.. ผมได้แต่แอบหัวเราะพวกมันในใจ ฮ่ะๆๆ
“มาฟังเพลงนี้กันดีกว่าครับพี่น้อง..” ไอ้กายว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้น พร้อมกับแย่งกีตาร์ไปจากตักซินด้วย
“สกาย แอนด์ เมย์บี พราวด์ลี่พรีเซ้นต์..(เอ๊น เอ๊น เอ๊น เอ๊น)” ประกาศเองทำเอคโค่เองเสร็จสรรพ ก่อนจะหันหลังไปทำอะไรไม่รู้ยุกยิกๆ
แต่ปากก็ยังพูดต่อได้ “กินตับ..”
“..ชิมิ~” อีเมย์รับลูกต่อด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ดัดจริตเต็มสตรีม จากนั้นจึงเดินเชิ่ดๆ แรดๆ ไปยืนคู่กับไอ้กาย(ที่ยังหันหลังอยู่) พร้อมอุปโลกน์สากกะเบือ(ที่คุณคริสเอามาตำพริกทำน้ำจิ้ม)เป็นไมโครโฟน
ทุกคนพากันปรบมือเป่าปากโห่ฮากับโชว์หลุดโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น ..ถ้ามียี่ห้อสกายกับเมย์บีล่ะก็ รับประกันว่าได้ฮากันอย่างเต็มปอดแน่นอน คอนเฟิร์ม..
“..ไปเที่ยวกันไหม..(ไหม ไหม ไหม ไหม)” ไอ้กายขึ้นต้นเพลง โดยคราวนี้มีอีเมย์ช่วยร้องเอคโค่ให้ “จะไปก็รีบไป..(ไป ไป ไป ไป) ไปกับพี่แล้วสบาย..(บาย บาย บาย บาย) เดี๋ยวพี่พาไปกินตับ..(ตับ ตับ ตับ ตับ)”“ลัน ละ ลัน ลัน ลา ลัน ลัน ลา ละ ลัน ลัน ลา.. ลัน ละ ลัน ลัน ลา ลัน ลัน ลา ละ ลัน ลัน ล้า~..” อีเมย์เริ่มร้องบ้าง พร้อมกับออกสเต็ปแรดบิดซ้ายบิดขวาตามประสามัน
ไอ้กายก็ไม่แพ้กัน มันกระโดดหันหน้ากลับมาหาผู้ชมอีกครั้ง นั้นแหล่ะผมถึงรู้ว่ามันหันไปเอาเชือกปอสีแดง(จากไหนไม่รู้)มาผูกสะพายกีต้าร์แทนสายสะพายตัวจริง(ที่ซินไม่ได้เอามา) แถมยังเอาอะไรไม่รู้สีดำๆ มาทาเป็นหนวดรอบๆ ปาก และยังพยายามจะทำฟันเหยินๆ ปากหุบไม่ลงแบบเดียวกับ พี่เท่ง เถิดเทิง เจ้าของเพลงอีกต่างหาก
สภาพโดยรวมของมันสองคนอย่าให้บรรยาย เพียงแค่เริ่มต้นคนดูก็พากันฮาท้องคัดท้องแข็งแล้ว โดยเฉพาะซินที่หัวร่องอหายแทบขาดใจตายอยู่แล้วนั่น..
“ตัวพี่ชอบกินตับหวาน ส่วนตัวน้องนั้น..(ชิมิ ชิมิ)” ไอ้กายเริ่มร้องอีกครั้ง ..และแน่นอนว่าอีเมย์ช่วยร้องท่อนสร้อย
“ตำมั่ว ตำซั่ว ตำแตง จะมัวออกแรง..(ชิมิ ชิมิ) ตับหวานน้องสนใจไหม..(ชิมิ) ตับหวานน้องสนใจไหม..(ชิมิ) ตับหมูตับไก่อยากให้น้องกินตับ..(ชิมิ ชิมิ ชิมิ ชิมิ~)”พอถึงท่อนโซโล่เปลี่ยนทำนองเพลง สกายก็โชว์สเต็ปเทพของมัน มือ..จับคอร์ดและดีดกีตาร์ ขา..กระโดดสลับไปมา แถไปซ้ายทีขวาที กินพื้นที่มากมาย(ถ้าไปเต้นแบบนี้ในผับคงไม่มีชีวิตรอดกลับออกมาแน่ๆ) ส่วนหัว..ก็โยกสะบัดอย่างกะคนเมายาบ้า จนเมย์บียังต้องยอมถอยหลบออกมาเพราะกลัวเจอลูกหลง
ไอ้นี่เวลาบ้ามันบ้าได้ใจจริงๆ ให้ตายสิ.. ผมหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้วเนี่ย คนอื่นๆ ก็ดูจะมีสภาพไม่ต่างกัน(แม้แต่เอี้ยฟ้ายังนั่งเคาะแก้วให้จังหวะพลางหัวเราะหึๆ หึๆ ไปพลางเลย) พี่เพิร์ลนี่ถึงกับต้องถอดแว่นออกมาเช็ดน้ำหูน้ำตาเลยทีเดียว
“ที่เธอตรงเข้ามาทัก เพราะฉันน่ารัก..(ตับ ตับ ตับ ตับ)” คราวนี้ผลัดให้อีเมย์ร้องท่อนหลักบ้าง(ไอ้กายเป็นลูกคู่) มันทำบีบเสียงเล็กเสียงน้อย ทั้งมือไม้ท่าทางนี่ก็ดัดจริตไม่แพ้กะเทยชาติใดโลกเลย
“แล้วที่เข้ามาใกล้ใกล้ เธอคิดอะไร..(ตับ ตับ ตับ ตับ) มานั่งหล่อหล่อได้ใจ ฉันแทบละลาย..(ตับ ตับ ตับ ตับ) มันเขินนะเธอ มันเขินนะเธอ..(ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ ตับ!) พอถึงท่อนฮุก น้องเพชรกับน้องพลอยก็ลุกออกไปเป็นแดนเซอร์และคอรัสให้อีเมย์อย่างสนุกสนานลืมอาย จนคุณแก้วรีบคว้ากล้องวิดีโอมาถ่ายภาพลูกสาวฝาแฝดเอาไว้แทบไม่ทัน ..ไม่คิดว่าน้องเขาก็มีลูกบ้าเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
“ทำเป็นมาแวะมาเวียน ทำเนียนมานั่งมองตา ข้องใจเรื่องไรค่ะ เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ถ้าชอบก็ลองบอกมา เพื่อว่าฉันจะถูกใจ ให้ไวให้ไว จะเก็บไปพิจารณา~..” ผมออกจากห้องน้ำมาเห็นนาฬิกาในห้องบอกเวลาอีกสิบนาทีจะตีหนึ่ง หันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นว่าซินจะอยู่ในห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังบ่นง่วงอยู่เลย ..ไม่รู้หายไปไหนของมัน? ตอนแรกผมยักไหล่อย่างไม่คิดอะไรมาก แล้วเดินมาหาเสื้อผ้าใส่ แต่นอนรอมันอยู่บนเตียงร่วมครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นโผล่หัวกลับมา สุดท้ายผมเลยตัดสินใจเดินออกไปดูมันสักหน่อย
“อ้าว มีไรเปล่ามึง?” ไอ้กายที่กำลังเช็ดหัวตัวเองอยู่ร้องถามทันทีที่เห็นผมยื่นหน้าเข้าไปในห้องของมันกับอีเมย์
ผมกวาดตาดูรอบห้องก็ไม่เห็นซินเช่นเดิม ส่วนอีเมย์นอนกรนหมดสภาพอยู่บนเตียงตัวเองนั่น “กูนึกว่าซินมาอยู่ที่นี่..”
“ไม่นะ”
“อืม เดี๋ยวกูลองไปดูห้องป๊ะป๋าก่อน” ผมบอกแล้วก็ถอยฉากออกมา ก่อนจะเดินไปเคาะประตูอีกห้อง เคาะไปสามครั้งไม่มีคนตอบ ผมเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไปเอง ..ในห้องนั้นไม่มีใคร แต่มีเสียงคนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ
..ไม่เอี้ยฟ้าก็ป๊ะป๋าล่ะที่กำลังอาบน้ำอยู่ แล้วอีกคนหายไปไหน?
“เจอมั้ย?” ผมแทบสะดุ้งเมื่อกลับออกมาก็ป๊ะกับไอ้กายที่ยืนทำหน้าอยากรู้อยากเห็นอยู่หน้าห้อง ผมส่ายหัวแทนคำตอบ แล้วเดินเบียดผ่านมันมาทางบันได
“อยู่ข้างล่างมั้ง” ผมว่าพลางเดินพลาง
“ไปด้วย” และไอ้กายก็ตามมาติดๆ
แต่พอมาถึงข้างล่างก็เห็นแค่เอี้ยฟ้านอนดูทีวีอยู่คนเดียว ถามว่ามันเห็น ซินไหม? มันก็บอกไม่รู้ มันเพิ่งลงมาเมื่อกี๊ ไอ้กายออกไปดูที่ระเบียงกับสระว่ายน้ำก็ไม่เห็น เราเลยแยกย้ายกันออกมาเดินหาแถวชายหาด
มัวเอาหัวเดทร็อคไปมุดอยู่ที่ไหนของมันว้า?
“แล้วมึงมาเดินตามกูทำไมเนี่ย?” ผมหันไปถามไอ้หัวหงอกที่เดินหน้าอึนตามผมมาต้อยๆ ให้สมฉายา ‘ไอ้ลูกเป็ด’ ของมัน “ถ้าอยากจะช่วยกันหาซินก็แยกย้ายไปดูทางอื่นดิ”
“กูไม่สนหรอกว่าไอ้บ้าที่หัวเป็นหลอดๆ นั่นจะหายไปไหน” มันพูดหน้าตาเฉย ก่อนจะเสมองไปทางทะเล แล้วว่า “..กูแค่อยากเดินตามมึง”
“ทำตัวมีประโยชน์จริงมึง..”
จริงๆ แล้วผมควรจะโกรธแล้วก็เตะมันสักทีนะ ที่มันทำท่าไม่สนใจใยดีพี่ชายคนสำคัญของผมแบบนี้ แต่..ไม่รู้สิ ที่ผมทำตอนนี้ก็แค่..เดินอมยิ้มนำหน้ามันต่อไปก็แค่นั้น
หมับ! ..เดินไปได้ไม่กี่ก้าวมันก็คว้ามือข้างหนึ่งของผมไปจับไว้ พอหันไปมอง มันก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก็เดินตามมาเรื่อยๆ ผมเห็นว่าตอนนี้มันมืดและไม่มีคนอื่นอยู่แล้วก็เลยไม่ได้ว่าอะไร มันอยากจับก็ปล่อยให้จับไป ส่วนผมก็สอดส่ายสายตามองหาซินไปเรื่อย
แต่พอเดินไปอีกสักพักจากที่แค่จับมือก็เลื่อนขึ้นมาเป็นเกาะแขน ผมก็..เออ..ปล่อยมันอีก
เดินไปจนเกือบสุดหาด ไม่เห็นมีวี่แววของซินผมก็เลยหมุนตัวเดินกลับทางเก่า ตอนนี้เอี้ยฟ้าก็เลื่อนขั้นจากเกาะแขนมาโอบไหล่ผมแล้ว ผมเหล่ตามองมันปรามๆ มันก็ทำหน้าตาเฉยไม่รู้ไม่เห็น
พอเดินต่อไปอีกแป๊บ..คราวนี้มันเริ่มเลื่อนมือลงมาเกี่ยวเอวผมแล้ว..
จากนั้นก็เลื้อยมาแตะสะโพกแบบเนียนๆ แต่ก่อนที่มันจะคลำหาตำแหน่งใหม่ได้ ผมก็กระทุ้งศอกใส่ท้องมันไปเต็มแรง ..นี่แน่ะ! อยากซนดีนัก
“เยอะ..เยอะ!” ผมหันไปกอดอกว่ามันที่ลงไปนั่งกุมท้องอยู่ที่พื้นทราย
..สมน้ำหน้า!
“ขี้งก!” มันเงยหน้ามาเบะปากใส่ผมอย่างคนถูกขัดใจ
ผมก็เลยเบิ๊ดกะโหลกมันซ้ำอีกที โทษฐานทำตัวน่าหมั่นไส้เกินงาม ผมก้าวขาเตรียมเดินต่อ แต่เห็นมันไม่ยอมลุกตามมาสักที ก็เลยต้องหันกลับไปถามหน่อย “อะไรอีก?”
“มึง..ไม่ชอบให้กูแตะเหรอ?” มันถามผมหน้าซื่อ แต่มีแววกังวลเล็กๆ
ผมยืนอึ้งนิดหน่อยกับคำถามนั้น ก่อนจะกลอกตาไปมาพลางถอนหายใจ เดินเข้าไปใกล้ได้ระยะก็ทุบหัวมันเบาๆ แล้วว่า “อย่างี่เง่าน่า.. มากกว่าแตะกูก็ยอมให้มึงมาแล้วไม่ใช่รึไง?”
“ซันนี่?”
อ่ะ.. พูดเองก็อายเองว่ะ ยิ่งเห็นตาดำๆ ใสๆ ที่มองตรงมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ก็ยิ่งอยากจะมุดทรายหนีกันเลยทีเดียว
โอ้ววว ซันชายน์ เมี่อกี๊มึงพูดอะไรออกไป๊~? ..อยากจะลากลิ้นตัวเองออกมาขัดด้วยกระดาษทรายจริงๆ หึยยย ผมหันหลังเตรียมจ้ำหนี แต่อีกฝ่ายก็ไวพอที่จะโถมเข้ามากอดคอผมจากด้านหลังด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมด ..หนักชะมัด
“..ซันนี่น่ารัก” เอี้ยฟ้าพูดกลั้วหัวเราะ พลางเอาปลายจมูกมาถูไถคลอเคลียข้างแก้มผม
“ปล่อยนะ ตัวเบาซะเมื่อไหร่ล่ะมึงน่ะ” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งผมเบี่ยงหน้าหลบ ไอ้หมอนั่นก็ยิ่งเอาจมูกมาถูแก้มผมแรงกว่าเดิมคล้ายหมั่นเขี้ยว
“น่ารัก..”
“กูรู้ตัวน่า.. ปล่อยได้แล้ว” เมื่อไม่รู้จะว่าอะไรก็ยอมรับสมอ้างแมร่งซะเลย พลางเอื้อมมือไปขยี้หัวมันเล่นด้วย ฮ่าๆ
เออ! กูน่ารัก กูรู้ตัว แต่มึงเองก็น่ารักเหมือนกัน มึงเคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่าเนี่ย? เอี้ยฟ้า ฮ่ะๆๆ
!!.. หือ? เหมือนได้ยินเสียงใครคุยอะไรกันแถวนี้เลยนะ ..ผมหยุดนิ่ง เอานิ้วจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้อีกคนพลอยนิ่งไปด้วย ก่อนจะกวาดสายตามองหาที่มาของเสียง ตอนนี้เราเดินกลับมาจนเกือบถึงบ้านพักแล้ว เนินกำแพงที่กั้นเขตรั้วบ้านกับแนวชายหาดก็อยู่ไม่ไกลจากตรงหน้า และถ้าเพ่งมองดีๆ ก็จะเห็นเงาของคนสองคนนั่งห้องขาอยู่ข้างๆ กัน
อ่ะ..อย่าเพิ่งคิดว่ามันเป็นผีหรือวิญญาณล่ะ ก็นั่นน่ะพี่ผมเอง ส่วนอีกคนก็น่าจะเป็นไอ้กายนะ ถ้ามองไม่ผิด.. ผมรีบลากเอี้ยฟ้าเข้ามาแอบชิดแนวกำแพง ก่อนจะค่อยๆ พากันเดินย่องเข้าไปหลบใต้เงาของต้นไม้ที่อยู่ใกล้สองคนนั้นที่สุด
อ่า.. อย่าหาว่านิสัยไม่ดีหรือขี้เสือกอะไรเลย ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าเขาคุยอะไรกันเฉยๆ(ฟังดูดีขึ้นไหม? ..ไม่อีกแล้วเรอะ? งั้นช่างแม่งแล้วกัน ฮ่าๆๆ)
“..มึงพูดจริงอ่ะ?” เสียงซินถามคนที่กำลังคุยด้วยคล้ายไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่ ..ว่าแต่ก่อนหน้านี้พวกเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่หนอ?
ให้ตายสิ นี่ถ้าไม่มัวเล่นอยู่กับเอี้ยฟ้าก็น่าจะมาทันฟังตั้งแต่ตอนต้นเรื่องนะเนี่ย มาฟังเอากลางเรื่องแบบนี้ปะติดปะต่อไม่ถูกกันเลยทีเดียว งึมๆ
“จริงดิ ถ้ามึงไม่ไล่กูก็ไม่ไปหรอก ไม่สิๆ ต่อให้มึงไล่กูก็จะหน้าด้านอยู่ข้างมึงอยู่ดีแหล่ะ กูไม่ไปไหนง่ายๆ หรอก กูจะเกาะติดมึงเหมือนเห็บเกาะหมาเลย คอยดูดิ” เสียงที่โต้ตอบกลับมาของสกายฟังดูร่าเริง แถมปลายประโยคยังพูดไปหัวเราะไปด้วย
อืม.. ให้ผมเดานะ ถ้าคนอย่างซินพูดเรื่องอยู่..ไม่อยู่ ไป..ไม่ไปขึ้นมานี่..ก็น่าจะมีแค่เรื่องเดียวแหล่ะ ..กลัวถูกทิ้งไงล่ะ!
เฮ้อ~ ท่าทางว่าผมจะทำให้มันกังวลกว่าที่คิดไว้มากมายมหาศาลแฮะ นึกว่าเรื่องนี้จะเคลียร์แล้วซะอีก ..เอาไงดี?
“ฮ่าๆๆ ท่าทางมึงจะชอบกูมากเลยนะเนี่ย” ซินพูดกลั้วหัวเราะ
“ที่สุดอ่ะ” ไอ้กายตอบ แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
“..........” หลังจากพวกนั้นหยุดหัวเราะก็เกิดช่องว่างแห่งความเงียบงันอันน่าอึดอัดสำหรับคนแอบฟังอย่างผม..เอ่อ..ที่ผมอยากจะสื่อก็คือ เมื่อไหร่มันจะต่อบทกันสักทีล่ะ ยืนฟังนานๆ มันเมื่อยนะรู้ไหม?
“..แล้วถ้ากูตายล่ะ?” และแล้วซินก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“กูก็จะไปงานศพมึง” คนถูกถามเอ่ยตอบไปโดยไม่ลังเล เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่เสียงของไอ้กายจะดังขึ้นอีกครั้ง “อะไร? ทำไมทำหน้าแบบนั้น?”
“เปล่า.. กูแค่นึกถึงซันนี่ ถ้าเป็นหมอนั่นต้องพูดว่าจะตายตามกูแน่” ซินว่า
ซึ่งก็จริง.. ผมมักจะพูดแบบนั้น และผมก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นจริงๆ ..ซินเองก็คงจะทำแบบเดียวกับผมนั่นแหล่ะ พวกเราต่างก็รู้จักกันดี
“มึงอยากให้กูทำแบบนั้นรึไง?” ไอ้กายถามแล้วก็หัวเราะเบาๆ “ถ้ามึง..”
“ไม่ๆๆ” อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ซินก็รีบแทรกขึ้นก่อน
“..กูอยากให้มึงไปงานศพกูมากกว่า” ซินพูดด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงขึ้นกว่าเดิม
“ถ้ามึงว่าอย่างนั้นนะ” สกายหัวเราะ แต่แล้วจู่ๆ ก็หยุดไปเฉยๆ “ซิน?”
เกิดอะไรขึ้นนะ? ผมได้แต่ยืนสงสัยอยู่ในเงามืด ลืมสนิทว่ามีใครอีกคนยืนหายใจอยู่ข้างๆ ไปเลย
“กู...จะลองเชื่อมึงดูนะ กาย” เสียงซินเริ่มเบาลง..เบาลงทุกขณะ
จนผมต้องชะโงกหน้าออกไปดูอย่างอดรนทนไม่ไหว
“ซิน..?” แล้วเสียงสุดท้ายของไอ้กายก็หายลงคอไปพร้อมกับเงาที่ซ้อนทับกันของพวกมันสองคน
!!!....
จูบ?!
จูบกันไปแล้ว?!
ซิน...กับ...สกาย..?!
โอ.. ใครก็ได้บอกทีว่าผมไม่ได้ฝันอยู่?
TBC. 