(ต่อ)
ดูเหมือนเสียงโครมครามจากไอ้กายจะเป็นแสงทำทางให้วิญญาณที่หลุดลอยของพวกเรากลับเข้าร่างตัวเองได้ถูก และทันทีที่สติมา..ทั้งซินและเอี้ยฟ้าต่างก็รีบดีดตัวออกจากกันราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นของร้อน...ไม่สิ มันคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นตัวพ่อของเชื้อโรคมากกว่า
“อี๋~!!!!!” น้ำเสียงที่ร้องแสดงความรังเกียจของซินสัมพันธ์กับสีหน้าเป็นอย่างยิ่ง มันใช้แขนเสื้อเช็ดปากตัวเองอย่างแรงซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่คิดชีวิต ขณะที่คู่กรณีอย่างเอี้ยฟ้ายังดูมึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์เหนือจินตนาการเมื่อสักครู่อยู่
ส่วนสกายนั้นไม่ต้องพูดถึง.. สงสัยว่าตอนที่ทำพิธีเรียกวิญญาณพวกเราเมื่อกี๊ มันคงจะจ่ายเครื่องเซ่นเป็นวิญญาณของมันเองไปล่ะมั้ง ถึงได้ยืนเหม่อ ตาลอย อ้าปากค้างอยู่แบบนั้น
“พอ.. ซิน พอแล้ว!..อื้อ?!!” ขณะที่ผมเข้าไปจับซินให้มันหยุดเช็ดถูด้วยกลัวว่าปากมันหายไปซะก่อน แต่ก็ต้องตกใจตาเหลือกอีกรอบ เมื่อจู่ๆ ซินก็คว้าคอผมไปประกบจูบด้วยแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ตอนแรกผมก็ว่าจะผลักมันออกแหล่ะ แต่พอระลึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็น ‘ซิน’ ผมก็เลยปล่อยเลยตามเลย “อืมมม..”
“..........” ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนพวกเราจะลืมไปแล้วว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง(..หรืออาจจะเป็นผมคนเดียวที่ลืม?) ผมยอมตามใจซินจนปล่อยให้มันสอดลิ้นเข้ามาในปาก แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะดุนดันลิ้นตอบโต้กลับไป ร่างของพวกเราทั้งคู่ก็ถูกแยกออกจากกันด้วยน้ำมือของคนสองคน..
“ซันนี่?”
คนแรกคือ เอี้ยฟ้า.. ที่ตอนนี้มานั่งซ้อนอยู่ข้างหลังผม มันเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่ผมและกอดเอวผมไว้แน่นเลย
“ซิน?”
และแน่นอนว่าอีกคนคือ ไอ้กาย(ที่ไม่รู้ว่าวิญญาณกลับเข้าร่างตั้งแต่เมื่อไหร่?) มันดึงซินจนตัวปลิวติดมือลงจากเตียงไปยืนกอดเอาไว้แน่นเหมือนกัน(มันยืนซ้อนหลังซิน)
“.........” ตอนแรกผมกับซินที่เพิ่งจะถูกแยกออกจากกันก็ได้มองหน้ากันงงๆ เหมือนคนเมาจูบ ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พอมองเลยไปยังหน้าบูดๆ ของไอ้เอี้ยฟ้าและไอ้บ้ากายก็เหมือนว่าเราจะเริ่มระลึกอะไรได้(ไม่อยากจะบอกเลยว่าหน้าไอ้กายเหมือนเด็กหวงของเล่นมากมาย)
“อ่ะ!” และยังไม่ทันที่ผมหรือซินจะได้เอ่ยปากพูดอะไร ซินก็ถูกไอ้กายพยายามทั้งดึงทั้งลากออกจากห้องแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ซันนี่~” ซินเอื้อมมือหมายจะมาหาผม
ขณะที่ผมเองก็เอื้อมมือหมายจะไปหาซินเช่นกัน “ซิน~”
ปัง! ..แต่แน่นอนว่าสุดท้ายฝาแฝดก็ถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงด้วยประตูและกำแพงห้องนอนซิน..
“ซิน!.. ไอ้กาย?! ..ไอ้เอี้ยฟ้า..ปล่อยกู!” พอประตูปิดลงผมก็เกิดอาการหวาดระแวงว่าไอ้กายมันจะทำอะไรพี่ชายของผมขึ้นมาเฉยๆ เลยพยายามทั้งดิ้นทั้งทุบให้อีกคนที่เกาะผมไว้แน่นยอมปล่อยมือ “ปล๊อยยย.. กูจะไปหาซิน!”
แต่คนหน้ามึนก็คือคนหน้ามึนวันยันค่ำยันดึกนั่นแหล่ะ นอกจากมันจะไม่ยอมปล่อยผมง่ายๆ อย่างใจนึกแล้ว มันยังจับผมเหวี่ยงจนหัวไปโขกกับหัวเตียงดังโป๊กเลยเหอะ ..เจ็บ
“โอ๊ยยย!” ทั้งเจ็บทั้งมึนจนตาพร่าเห็นดาวลอยเต็มไปหมดเลยผม
“เฮ้ย! โอ๊ย!” และแทนที่มันจะหยุดแค่นั้นแล้วรีบมาดูอาการ มาถามไถ่ มาเป็นห่วงผมบ้างอะไรไรบ้าง ..ไม่มี้! ไม่มีหรอก ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือมันโถมเข้ามาทับผมซ้ำ ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมา แถมยังกดตรึงข้อมือผมไว้แน่นกับเตียงอีกต่างหาก
“โอ๊ยยย ฟ้า! กูเจ็บนะ!!” ผมแหกปากร้องออกไป แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ไปสะกิดต่อมรับรู้อะไรของฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย ไอ้เอี้ยฟ้ายังคงรักษาระดับความรุนแรงและน้ำหนักที่กดทับตัวผมเอาไว้เท่าเดิม มันจ้องหน้าผมนิ่งโดยไม่มีท่าทางว่าจะยอมปล่อย..หรือแม้แต่เอ่ยปากพูดอะไรบ้าง และ..
ให้ตายเหอะ! ผมไม่มีทางเดาได้เลยว่าตอนนี้มันกำลังอยู่ในอารมณ์ในกันแน่? ..แล้วที่แย่ที่สุดนะ ตอนนี้ผมเห็นเงาของตัวเองเลือนรางมากในแววตาของมัน
นั่นทำให้ผมเริ่มกลัว...
“..........”
“ฟ้า...กูเจ็บ” ผมร้องบอกมันอีกครั้ง แต่คราวนี้ลดระดับเสียงและอารมณ์ลงหน่อย(..เพราะเริ่มรับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิตไงล่ะ) หวังจะไปช่วยเรียกสติมันกลับมาบ้าง...แต่เปล่าเลย
“กูเจ็บ..ปล่อย..” ผมลองอีกครั้ง
“..........” ก็ยังเหมือนเดิม.. (ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.. อารมณ์ผมประมาณนี้เลย)
“ฟ้า...ซันนี่..เจ็บ..” อุก..! กูอยากกัดลิ้นตัวเองตาย อายนะเนี่ย ไม่ใช่ไม่อาย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยต้องอ้อนใครด้วยการเรียกตัวเองว่า ‘ซันนี่’ แบบนี้เลย กับซินก็ไม่เคย กับป๊ะป๋าก็ไม่เคย กับใครก็ไม่เคยทั้งนั้น
แล้วมันเป็นใครวะ? ไอ้เอี้ยหัวหงอกนี่มันเป็นใคร๊รรรรรร?! ทำไมมึงถึงต้องไปยอมมันขนาดนี้ด้วย ซันช้ายยยยยยน์ แง่ง!!
“ซันนี่..?”
!!.. แล้วจู่ๆ ก็เหมือนว่าเราจะจูนกันได้ ช่องสัญญาณเกิดตรงกันกะทันหัน สื่อสารภาษาเดียวกันได้สักที
ไอ้เอี้ยฟ้ามันมีปฏิกิริยาตอบโต้กับชื่อนี้! ผมคิดไม่ผิดจริงๆ!
“ซันนี่..” เอี้ยฟ้ายอมปล่อยมือจากข้อมือผม ความอุ่นวาบแผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือทันที รู้สึกได้เลยว่าเลือดบริเวณนั้นไม่ได้หมุนเวียนมาพักใหญ่
“อย่าทำ..อีก..” เจ้าของใบหน้าที่เพิ่งจะซบลงไปแถวซอกคอของผมเอ่ยบอกเสียงด้วยอู้อี้ แต่ผมก็ยังได้ยินถนัดชัดเจน “อย่าทำให้เห็น..อีก..”
“ฟ้า?”
“เหมือนวันนี้...เหมือนเมื่อคืน....กูไม่อยากเห็น..” คนพูดยืดตัวขึ้น เท้าแขนคร่อมผมเอาไว้ มองประสานสายตา เงาของผมกลับมาชัดเจนอีกครั้ง คิ้วมันย่นเข้าหากันจนแทบจะเป็นเส้นเดียว ส่ายหน้าช้าๆ แล้วพูดต่อ “อย่าทำอีก..”
“...........”
“นะ.. ซันนี่”
“...........”
“นะ..ซันนี่?” ใบหน้าของคนพูดโน้มต่ำลงมาจนตอนนี้ปลายจมูกเราแทบเกยกัน น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยออกมานั้นฟังดูขอร้องมากกว่าจะเป็นคำสั่ง..
“...........” ที่ผมยังเงียบ..ไม่ใช่ไม่อยากรับปาก ไม่ใช่ไม่ใจอ่อนกับท่าทางและแววตาอ้อนวอนนั่น ...อันที่จริงผมนั้นใจอ่อนตั้งแต่มันฟุบหน้าลงมากอดผมเอาไว้แน่นแล้ว เพราะอ้อมกอดของมันเต็มไปด้วยความรู้สึก ความอ่อนไหว ร่างกายของผมสามารถรับรู้ได้.. มันชัดเจนยิ่งกว่าใบหน้าเฉื่อยชาและแววตาไร้อารมณ์นั่นเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้น...
“ซินเซียร์..เป็นพี่กู” ผมก็อยากจะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดให้มันได้ฟัง..
เอี้ยฟ้ายันตัวถอยห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อที่เราจะได้มองเห็นกันชัดมากขึ้น ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผม ผมตัดสินใจพูดต่อ..
“..ไม่ว่ายังไงมันก็คือ ‘พี่ของกู’ บางครั้งเราอาจจะมีถึงเนื้อถึงตัวกันบ้าง แต่สถานะของเราไม่มีวันเปลี่ยน ..ต่างจากมึง...ฟ้า..” ผมเอื้อมมือขึ้นไปลูบแก้มสีขาวอมชมพูที่ลอยเด่นอยู่เหนือใบหน้าตัวเอง ก่อนจะตบเบาๆ สองสามทีพลางพูดต่อ “มึงเป็นคนที่กูยอมรับกับใครๆ ว่าเป็น ‘แฟนของกู’ ..เพราะงั้นสบายใจได้ ตราบใดที่มึงยังอยู่ในสถานะนี้ล่ะก็นะ.. กูไม่เคยมีประวัติว่านอกใจแฟนมาก่อน”
“..ถึงกูจะเคยมีแฟนมาแค่คนเดียวก็เหอะ” ผมพูดทิ้งท้ายยิ้มๆ “มึงไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวง่ายขนาดนั้นก็ได้ ฟ้าประทาน”
“กูรู้...ซันนี่” เอี้ยฟ้าพูด จับข้อมือข้างนั้นของผมไว้มั่น แล้วกดจูบลงไปตรงกลางฝ่ามือ ก่อนจะพรั่งพรูบางสิ่งที่อยู่ในใจของมันออกมา “กูรู้.. แต่บางครั้งกูก็ควบคุมมันไม่ได้...อะไรบางอย่างในตัวกู...มันอาจผลักดันให้กูเผลอทำสิ่งที่เลวร้ายกับมึงอีก...ซันนี่ ..กูเคยพูดว่าไม่อยากเห็นมึงเจ็บ..ใช่มั้ย? ..แต่กูก็ทำให้มึงเจ็บตัวครั้งแล้วครั้งเล่า...ด้วยความตั้งใจของกูเอง...เหมือนอย่างเมื่อกี๊...ทั้งที่ใจนึงกูไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยจริงๆ...แต่อีกใจกลับอยากเห็นมึงเจ็บ..มึงปวด..เห็นมึงร้องไห้...ใจมันกรีดร้องโวยวายให้กูทำลายมึงซะ...กูจะได้ไม่ต้องทนเห็นอะไรที่ไม่อยากเห็นอีก ..ไม่ต้องมาทนกับความรู้สึกที่ว่าวันนึงกูอาจจะต้องเสียมึงไป..ให้ใคร..หรืออะไรก็ตาม...ที่กูไม่ต้องการ”
ฟ้าประทานจับมือผมไปแนบที่แก้มตัวเองแล้วพูดต่อ “..เพราะมึงคือคนสำคัญ...คนสำคัญที่กูไม่คิดว่าได้จะเจออีกตั้งแต่เสียคุณขลุ่ยไป...และถ้าจะต้องเสียมึงไปอีก..กูขอเป็นคนทำลายมึงด้วยมือของกูเองดีกว่า..”
“ฟ้า...”
“มันน่ากลัว...ใช่มั้ย? ..บางครั้งกูก็กลัวความคิดของตัวเองเหมือนกัน.. ซันนี่” คนพูดลดมือลงมาเกลี่ยปลายนิ้วที่ข้างแก้มของผมอย่างแผ่วเบา “เพราะงั้นอย่าทำอีก..นะ...อย่าทำให้เห็น...อย่าให้กูต้องรับรู้...เพราะกูไม่แน่ใจ..ว่าจะควบคุมตัวเองได้มากแค่ไหน...กูไม่ได้อยากทำแบบนั้น...ไม่อยากให้มันกลายเป็นว่า..สุดท้ายแล้ว..คือกู..ที่ทำร้ายมึง...จริงๆ”
“...........” มันน่ากลัว.. ใช่!
และผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมรู้สึกกลัวความคิดนั่นจริงๆ ผมไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างถ้ายังทู่ซี้คบกับคนอย่างมันต่อไป สักวันผมอาจจะตายคามือของมันก็ได้ ใครจะรู้..?
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมจะเอามาอ้างเพื่อปล่อยจากมันหรอก!
“..มึงชอบกูใช่มั้ย ฟ้า?” ผมถามพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำคู่นั้นอย่างจริงจัง แม้คำตอบมันจะฉายชัดอยู่แล้วในแววตาที่มองตอบกลับมานั่น แต่ผมก็ยังอยากจะแน่ใจอีกสักหน่อย
“ชอบ...มาก” อีกฝ่ายตอบ แล้วก้มลงมาจูบเบาๆ ที่หน้าผากของผม จมูกของผม แก้มของผม ก่อนจะจบลงที่ซอกคอ และซบหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น ..มันกอดผมเอาไว้แน่นอย่างหวงแหน “..ชอบซันนี่...มากที่สุด”
“ถ้าชอบมาก.. มึงก็ต้องเรียนรู้ที่จะชอบให้ถูกวิธีด้วย ..เข้าใจมั้ย?” ผมยกมือขึ้นกอดตอบ พูดบอกมันไปก็ลูบหลังมันไปพลาง “ไม่มีใครหน้าไหนหรอก..ที่อยากจะเห็นคนที่ตัวเองชอบและให้ความสำคัญต้องเจ็บปวดน่ะ ..มึงเองก็เหมือนกัน ถ้าชอบกู...ก็อย่าคิดที่จะทำร้ายกู อย่าทำให้กูเจ็บ..ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม ..และที่สำคัญต้องเชื่อใจกู ..เชื่อว่ากูจะไม่ไปไหน...กูจะไม่ทิ้งมึงไปหาใคร..หรืออะไรก็ตามที่มึงไม่ต้องการ”
ผมลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะดันตัวเขาขึ้นเพื่อที่จะสามารถสบตากันได้ แล้วพูดในสิ่งที่เพิ่งตัดสินใจ ..แต่ผมมั่นใจว่าตัวเองได้ใคร่ครวญมาแล้วอย่างดี
“กูสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือจากมึงก่อนเด็ดขาด ...เพราะงั้นไม่ต้องกลัวว่าจะเสียกูไปในวันที่มึงยังไม่พร้อม”
“ซันนี่..?” คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว มันยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้นผมก็รั้งมันลงมากอดแน่นอีกครั้ง เพราะคำพูดต่อจากนี้ทำให้ผมไม่กล้าพอที่จะสบตากับมันได้
“..กูเองก็ชอบมึงมากเหมือนกัน ฟ้าประทาน ..ไม่ว่ามึงจะทำกูเจ็บมากี่ครั้ง กูก็ไม่เคยคิดเกลียดมึงจริงจังได้ซักที...” ผมพูดอู้อี้เพราะซุกหน้าเอาไว้กับไหล่ของมัน
“..ซันนี่” เอี้ยฟ้ายันตัวขึ้นอีกครั้ง มันกำลังยิ้ม.. ยิ้มกว้าง..ยิ้มเหมือนดีใจมากกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน
“แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามึงจะทำอะไรกับกูก็ได้หรอกนะ ไอ้บ้า!” ผมต้องรีบกลบเกลื่อนอารมณ์เขินอายด้วยการปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่โหมดโหด พร้อมทุบต้นแขนมันไปที..เต็มแรง
แล้วชี้หน้าขู่สำทับมันอีก “ขืนมึงทำกูเจ็บตัวอีกทีล่ะก็.. พ่อจะกระทืบให้ม้ามเล็ดเลยคราวนี้ จำไว้!”
“อือ จะจำไว้” มันพูดทั้งที่ยังไม่หุบยิ้ม.. ก่อนจะโน้มหน้าลงมามอบจูบที่เปรียบเสมือนการทำสัญญาระหว่างพวกเราสองคน..
“อืมมมม...กาย...”
เปิดประตูห้องนอนออกมาก็เจอฉากเด็ดระหว่างซินกับสกายพอดีเลยผม
อื้อหือ... ไม่อยากจะบรรยายเลยว่าเจ้าซินเซียร์ตัวดีมันกำลังวาดลวดลายเลื้อยนัวเนียอยู่บนตัวไอ้กายที่นอนอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟาอีกที
ประเจิดประเจ้อที่สุดอ่ะ! ..กูล่ะอุตส่าห์เป็นห่วงนึกกลัวว่าไอ้กายมันจะทำฆาตกรรมอำพรางจัดการมึงไปแล้วซะอีก?
สรุปคือมึงใช่ไหมที่เป็นฝ่ายจัดการมันน่ะ ซิน?
“อะแฮ่ม!” ผมต้องแกล้งกระแอมไอเสียงดังนั่นแหล่ะ พวกมันถึงจะรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังมองอยู่ ไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะโว้ย!
“อ่ะ ซันนี่?” ซินผละขึ้นจากตัวไอ้กายมามองหน้าผม มันปาดน้ำลายที่ไหลเลอะมุมปากพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม หน้าตามันเหมือนอยากจะพูดว่า ‘มึงมีธุระอะไรกะกูป่ะ ยุ่งอยู่นะเนี่ย เห็นป่ะ’ งี้เลย...จริงๆ ไร้ซึ่งความกระดากเขินอายโดยสิ้นเชิง ต่างจากไอ้กายที่พอรู้ว่ามีคนมองอยู่ก็ทำแก้มแดงแปร๊ด(หรือไม่ได้ทำวะ?) รีบดึงชายเสื้อที่ถูกเลิกขึ้นไปกลับลงมาปิดพุงขาวๆ เอาไว้ตามเดิม ..กระแดะได้อีก แฮ่ดกาย!
ผมแว่วเสียงคนข้างหลังหัวเราะหึๆ หึๆ มาเข้าหูด้วย ไม่รู้ชอบใจอะไรของมัน ผมไม่ได้สนใจนัก แต่พุ่งเป้าหมายไปที่ไอ้กายแทน
“มึงทำอะไรเกลื่อนกลาดไว้ในห้องซินน่ะ ไปจัดการซะให้เรียบร้อยเลย” ผมพูดพลางชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลังตัวเอง
“เฮ้ย ลูกป๊า?!” คนถูกทักร้องลั่น มันตาโตเหมือนเพิ่งจะนึกได้ แล้วรีบผุดลุกขึ้นโดยไว ไม่สนใจว่าซินที่นั่งคร่อมมันอยู่จะหงายหลังล้มไม่เป็นท่าไปยังไง ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในห้องนอนซิน
“โอย.. เชี่ยกาย” ซินบ่นงึมงำหลังจากลุกขึ้นมานั่งใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว
“ลูกป๊า..?” ผมพูดทวนเป็นเชิงถามซิน ขณะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา โดยมีเอี้ยฟ้าตามมาไม่ห่าง “คืออะไรวะ?”
“อ๋ออออ” ซินลากเสียงยาวแล้วพยายามจะปีนขึ้นมานั่งข้างผม แต่ตูดยังไม่ทันจะติดโซฟาดี ไอ้เอี้ยฟ้าที่เดิมนั่งทำหน้ามึนอยู่ทางซ้ายมือผมก็รีบปรี่เปลี่ยนมานั่งทางขวา แทรกกลางระหว่างผมกับซินซะอย่างนั้นเลย
“....?....” ผมกับซินมองหน้ามัน มันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ หยิบรีโมทมาเปิดดูทีวีหน้าตาเฉย(มึนกว่านี้มีอีกไหม?) ผมกับซินชำเลืองมองหน้ากันเอง ก่อนที่ต่างฝ่ายจะต่างถอนหายใจออกมาโดยไม่คิดจะโวยวายอะไร
..เอาเหอะ ถ้ามึงสบายใจล่ะก็นะ เอี้ยฟ้า
“แล้ว...ยังไง?” ผมเลยต้องคุยกับซินต่อไปทั้งที่มีเอี้ยฟ้านั่งคั่นกลางอยู่อย่างนั้นแหล่ะ
“มึงจำกุหลาบหินที่เราเคยไปซื้อให้มันได้มั้ยล่ะ? ตอนมันแสดงละครเวทีน่ะ?” ซินว่า
“อือ ..ที่เอามาก็ต้นนั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ๆ มันเป็นลูกเป็นหลานของต้นนั้นอีกทีน่ะ”
“ลูกหลาน?”
“อือ ..ก็ไอ้กายมันเลี้ยงดีจัดไง พอแตกหน่อแตกต้นใหม่ออกมามันก็ไปหากระถางใหม่มาแยกปลูกซะดิบดี ปลูกไปปลูกมาก็เริ่มจะเต็มระเบียงห้องมันแล้วตอนนี้ มึงก็รู้ว่าระเบียงห้องมันแคบแค่แมวดิ้นตาย กูบอกให้มันถอนทิ้งบ้างไรบ้างก็เสือกไม่ยอมอีก มันบอกมันรักเหมือนลูก เรียกแทนตัวเองว่าป๊าอย่างงั้น ป๊าอย่างงี้ คุยกับต้นไม้ได้เป็นวรรคเป็นเวร มึงคิดดูเหอะ ..ก่อนหน้านี้กูเคยคิดว่ามันแค่เหมือนคนบ้าเฉยๆ นะ แต่ตอนนี้กูคิดว่ามันเป็นคนบ้าไปจริงๆ แล้วว่ะ” ซินพูดแล้วหัวเราะ
“..แล้วไอ้กระถางนั่นมันก็ตั้งใจจะเอามาให้กูเลี้ยง มันบอกว่าเป็นลูกของ ‘เรา’ ..มึงดูความเพี้ยนของมึนเหอะ”
“แล้วให้มึงเอามาเลี้ยงเนี่ยนะ? ..มึงไม่ได้บอกมันรึไงว่าขนาดกระบอกเพชรที่ตายยากโคตรๆ มึงยังเลี้ยงให้ตายมาแล้วอย่างอนาถเลย”
“กูบอกแล้ว แต่มันไม่ฟังเลยว่ะ ฮ่ะๆๆ” แล้วทั้งผมทั้งซินก็ต่างคนต่างหัวเราะฮาให้กับความบ้าบ๊องของไอ้กายไปพักนึง ..ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้อีก
“เออ ว่าแต่เมื่อกี๊มันเกิดอะไรขึ้นวะ? มึงไปปล้ำมันทำไม?” ผมถามจบซินก็หัวเราะก๊ากออกมาเลย
“ก็เห็นมันบ่นน้อยอกน้อยใจ หาว่ากูจูบไอ้ลูกเป็ดได้ จูบมึงได้ แต่ไม่เห็นจูบมันเลย” ซินพูดพลางเอื้อมมือมาสะกิดไหล่ผม ผมเลยชะโงกผ่านหลังเอี้ยฟ้าไป ก็เห็นว่าซินมันยักคิ้ว เลียจิลด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์อยู่
“กูก็เลยจัดไป ..เพื่อความทั่วถึง”
คราวนี้เป็นผมบ้างที่ปล่อยฮาก๊ากออกมา
นี่แหล่ะ ซินเซียร์...คนจริง! ฮ่าๆๆๆ
“จัดชุดใหญ่พิเศษซะด้วยสิ” ผมพูดพลางหลิ่วตาใส่มันอย่างรู้ทัน
ซินเดาะลิ้นด้วยท่าทางชอบใจ หน้าระรื่น “อ่ะนะ.. ก็คนพิเศษนี่”
ผมอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยเอื้อมมือ(แน่นอนว่าต้องผ่านหลังเอี้ยฟ้า)ไปผลักหัวมันทีนึง แล้วถามอีก “แล้วตกลงยังไงวะ? สถานะมึงกับมันเนี่ย?”
ตอนนี้เอี้ยฟ้ามันกำลังตั้งหน้าตั้งตาดูพาวเวอร์พัฟเกิร์ลอยู่ ไม่ได้สนใจพวกเราหรอก แต่ก็ไม่ยอมลุกออกไปไหนเหมือนกัน...เกะกะชิบ!
“เออ กูว่าจะบอกมึงเลย” ซินยิ้มแป้น “เพิ่งจะตกลงคบกันก่อนกลับมานี่แหล่ะ”
“จริงอ่ะ? ยินดีด้วย..” ผมพูดยิ้มๆ
“อือ..” ซินอมยิ้มแล้วยักคิ้วตอบกลับมา
เห็นซินท่าทางมีความสุขแบบนี้ผมก็ดีใจ..
จริงๆ นะ.. ผมว่ามันคงจะถึงเวลาที่ซินต้องหัดไว้ใจคนอื่นนอกจากผมบ้างแล้วล่ะ
TBC.

ซินเซียร์ : วันนี้จัดไปอย่างทั่วถึง อิอิ..
ทำไม ไวท์ ฯ ถึงสร้างพระเอกอย่าง 'ฟ้าประทาน' ขึ้นมา?? <--ไปอ่านกันได้นะ อิอิ