มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 712473 ครั้ง)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ขอโทษคนอ่านที่รักด้วยค่ะ

คืนนี้ไม่สามารถลงบทที่ ๑๕ ที่เหลือได้
ดอกไม้ยังปั่นไม่เสร็จเลยจ้า   :sad4:

ขอลงให้อ่านวันจันทร์นะคะ

ขอโทษจริงๆ และขอบคุณมากๆ นะคะที่รอกัน


ดอกไม้ค่ะ :L2:

shabu

  • บุคคลทั่วไป
วันจันทร์ก็ได้ค่า คุณดอกไม้สู้สู้ ขอบคุณที่ส่งข่าวนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
 :กอด1:

ไม่เป็นไรค่ะ คุณดอกไม้, งั้นจะรออ่านความน่ารักน่าชังของพี่สิงห์วันจันทร์นะคะ.

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3

หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
เลอมาน เข้าใจผิดรึปล่าว??

ออฟไลน์ ละล้าละลัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใจพี่ คิดถึงน้องจ้อย
เรื่องนี้คนเขียนทำให้เรารักและเอ็นดูนายรองมากเลยค่ะ
รอวันจันทร์ค่ะ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ลอยนี่เป็นคนร้ายกาจมาก ๆ เลยนะเนี่ย ยุให้สิงห์ทำเรื่องร้าย ๆ แบบนั้น แล้วยังทำเรื่องแบบนั้นกับจ้อยอีก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิงห์คิดยังไงกับจ้อยยังทำได้อีกนะ สิงห์น่าจะเลิกยุ่งกับลอยนะเนี่ย เพราะดูเหมือนลอยก็ไม่จริงใจกับสิงห์เลย แม่สิงห์ไม่ชอบอะไรจ้อยนักหนาหรือไง หรือว่าไม่ชอบแม่จ้อยมากกว่าเพราะเห็นว่าแม่จ้อยบ่อย ๆ แล้วพ่อจ้อยเป็นใครกันนะ ทำไมยายถึงไม่ยอมให้จ้อยรู้เรื่องแหวน แล้วยายทำไมถึงอยากให้จ้อยไปอยู่บ้านกำนันนัก เลอมานอย่าไว้ใจลอยมากนักนะ ที่จริงคะนึงน่าจะบอกเรื่องที่ลอยทำกับเลอมานไปเลย เลอมานจะได้ระวังตัว  เลอมานคิดมากเรื่องจินดามาก ๆ เลยนะเนี่ย เรื่องจินดานี่ก็น่าสงสัยอีกอย่าง ทำไมตอนแรกคะนึงถึงบอกว่าเลอมานเป็นต้นเหตุที่ทำให้จินดาจากไป เลอมานยังไม่มาเลยไม่ใช่หรือไง แล้ววิรัชอะไรนั่นแย่นะเนี่ย ทำไมทำตัวแบบนั้นกันนะ คะนึงไม่พอใจที่นิพนธ์อะไรนั่นจับมือเลอมานใช่หรือเปล่าเนี่ย สิงห์อย่าใช้งานจ้อยมากนักสิ ทำแบบนั้นไม่สงสารจ้อยหรือไง จ้อยเหนื่อยนะนั่น ตามกวาดตามเช็ดตลอด ว่าแต่ว่าใครเป็นคนช่วยจ้อยตอนนั้นนะ น่าสงสัยจัง จ้อยน่าจะรักสิงห์เหมือนกับที่สิงห์รักจ้อยนะ แต่เพราะเรื่องตอนนั้นที่สิงห์ทำแล้วยังการกระทำหลายอย่างที่สิงห์ทำในเวลาต่อมา ถึงแม้จะไม่ได้ออกมาจากใจจริงของสิงห์ แต่จ้อยคงไม่อยากกลับไปเจ็บอีกเหมือนตอนเด็ก ๆ ก็เลยทำแบบนั้นกับสิงห์ แต่จ้อยลองใช้ใจมองสิงห์ดูอีกที สิงห์ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่จ้อยคิดหรอกนะ จ้อยจะทำอะไรพูดอะไรน่าจะคิดถึงจิตใจสิงห์บ้าง ตอนที่สิงห์พูดแบบนั้นกับจ้อยตอนนั้นจ้อยก็เสียใจมากไม่ใช่หรือ

zazakapp

  • บุคคลทั่วไป
สู้ๆนะคะคุณดอกไม้ จะรออ่านเต็มที่ค่ะ!

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
ปูเสื่อ นั่งพับเพียบ จิบไวน์มะเกี๋ยง...แกล้มถั่วต้ม รอคอย  :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1


บทที่ ๑๕

น้ำตาลใกล้มด

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


แล้วพี่ใกล้น้อง ปองแต่เจ้า
จึงหลงมึนเมาหลงรักเจ้า พี่เฝ้าแต่รัก
เพ้อครวญใคร่ดวงใจคอยหวัง ทั้งทรวงพี่หน่วงหนัก

แล้วพี่ผิดหรือเปล่า
เห็นเพียงแต่เงาเหมือนไฟแผดเผา ฤทัยร้อนเร่ารุมรัก
เหลือยั้งใจคิดหัก
ถึงเป็นก็รักถึงตายก็รักเหมือนเจ้าสลักทรวงพี่
เอ็นดูเถิดคนดี อย่าให้รักนั้นหักทรวงพี่  รักของพี่มีเพียงรักเดียว*



อุปกรณ์รีดผ้าถูกย้ายเข้ามาในห้องน้อยตามคำสั่งของคนึง  ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผลนักแต่ประพนธ์ก็ช่วยหอบผ้าผ่อนเข้ามาในห้องให้อย่างเต็มใจ   
   
ปลาตะเพียนน้อยสองตัวแกว่งไกวในสายลม  ชั้นหนังสือใหญ่กั้นขวางกลางห้อง  คนึงปูผ้ารองรีดหน้าเตียงศิษย์  ปูไปก็บ่นไปในความคับแคบของห้องตัวเอง
   
“ชั้นหนังสือนี่เกะกะจริง” ร่างสูงใหญ่ในชุดข้าราชการสีกากีขยับนิดเดียวก็ชนชั้นแล้ว  ใบหน้าคมคายหันมองเพื่อนร่วมวิชาชีพ “อาจารย์ประพนธ์  พรุ่งนี้ช่วยผมย้ายชั้นนี่หน่อยสิ”
   
ประพนธ์ขมวดคิ้ว  ก็ไม่นานมานี้  ก่อนหน้าคุณชายจะมาไม่กี่วัน  คนึงนั่นแหละเป็นคนขอแรงเขาย้ายชั้นหนังสือนี่มาวางขวางกลางห้อง  ไม่ทันไรจะให้ย้ายกลับที่เดิมเสียแล้ว  แต่..ช่างเถอะ
   
“สบายมาก” เขายักไหล่ไม่ยี่หระ  ค่อยๆ แขวนเสื้อที่ยังไม่ได้รีดของคุณชายกับหูจับหน้าตู้เสื้อผ้า 

หม่อมราชวงศ์หนุ่มเพิ่งตามเข้าห้องมาในตอนนั้น  ในมือมีเสื้อที่เพิ่งรีดไปได้แค่ตัวเดียว  ประสานสายตากับเจ้าของห้องแว่บหนึ่ง  ก่อนรีบเบือนหลบ
   
คนึงกระแอมไอ  ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวเหมือนไอน้ำเหนือถ้วยชาร้อนๆ  ภาพลูกศิษย์ตัวดีกับอาจารย์ห้องข้างๆ กุมมือกันยังติดตา 

“ประพนธ์” เสียงทุ้มห้วนสั้นกว่าที่เคยเป็น  พูดกับคนหนึ่งแต่สายตากลับจับจ้องอีกคนหนึ่ง “ผมไม่มีอะไรรบกวนคุณแล้ว  ขอบคุณมากที่มาช่วยคุณชาย”

แต่คราวหลังไม่ต้อง!

เปล่าหรอก.. เขาไม่ได้เอ่ยประโยคนั้นออกไปอย่างใจคิด  เพียงแต่นิ่งมองร่างสูงเดินออกจากห้องไป 

เหลือเพียงครูศิษย์อยู่กันตามลำพังสองคน  ความเงียบงันเข้าปกคลุมจนน่าอึดอัด  ดวงตาคมเข้มจ้องมองคนที่เอาแต่ก้มหน้าจับจีบเสื้อไม่วางตา 
   
“จะรีดผ้าหรือ” อาจารย์ถามเสียงขุ่น  แย่งเสื้อที่ศิษย์บรรจงเอามือรีดให้เรียบมาทำเอง “ทำไมไม่บอกครู  ไปรบกวนประพนธ์ทำไม  ไม่เข้าเรื่อง”
   
เลอมานเม้มปากแน่น  เปลี่ยนไปคว้าเตารีด  มือใหญ่ก็กลับมาแย่งไปอีก “มานี่ ครูทำให้  ทีหลังอย่าทำเอง  ทำไม่เป็นแล้วยังอวดเก่ง  เจ็บตัวจนได้เห็นไหม”
   
อาจารย์ดุไปก้มหน้าก้มตารีดไป  ลงแรงหนักราวกับเสื้อเชิ้ตที่วางแผ่เป็นใบหน้าคมคายของคนที่บังอาจมากุมมือคนของเขา  ไม่ทันสังเกตเห็นดวงตาสีน้ำตาลเคี่ยวที่มองมาอย่างตัดพ้อ   
   
“หวงมากนักหรือ” พอเสียงสั่นๆ ถาม  คนึงก็กระแทกเตารีดลงกับที่วางดังโครม   
   
“ก็หวงน่ะซี!” เขาเสียงดังเกือบเป็นตะคอก  อยากกระชากคนไม่รู้เรื่องรู้ราวมาลงโทษนัก “ทั้งหวงทั้งห่วง  ไม่อยากให้ใครแตะเลยรู้ไหม”

ศิษย์จ้องอาจารย์ไม่วางตา  แล้วเสียงสั่นพร่าก็หล่นจากปาก “รู้แล้วล่ะว่าแตะไม่ได้” เลอมานหน้าเบ้  น้ำตาเอ่อขึ้นอย่างรวดเร็วจนร่วงผล็อยลงเสื้อที่วางแผ่เบื้องล่าง

คนึงชาดิกไปทั้งร่าง  ราวกับน้ำตาหยดนั้นรินรดลงกลางใจ  ชั่วอึดใจกว่าจะตั้งสติได้  ครั้นจะเอื้อมมือไปหา  คนขี้ใจน้อยก็ลุกพรวดหนีไปยืนกอดอกที่ริมหน้าต่าง  ร่างสูงใหญ่ผวาจะลุกตามไป  แต่แล้วเงาคนเดินผ่านแว้บๆ ตรงหน้าประตูทำให้เกิดเปลี่ยนใจเดินกลับไปลงกลอนเสียสนิท 
    
สนธยาฟ้าแดงก่ำ  แดงก่ำพอๆ กับดวงตาเด็กหนุ่มสูงศักดิ์เวลานี้  ตะวันกลมโตสาดแสงสุดท้ายแรงจ้า  ม่านลูกไม้ขาวพลิ้วไหว  มือบางปาดน้ำตาป้อย  ความเสียใจความน้อยใจยังตีรวนอยู่ในอก  เขาต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ถึงได้ทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผลราวกับผู้หญิง  เพียงอาจารย์ดุเข้าหน่อย  ก็เผลอทำน้ำตาเรี่ยราดอย่างง่ายดาย 
   
หรือเพราะที่ผ่านมาเขาเข้าข้างตัวเองมากเกินไป  ความอ่อนโยน  ความอาทร  ความห่วงใยที่อาจารย์มีมอบให้  ก็หลงทำให้เขาคิดไปว่าตนสำคัญกับฝ่ายนั้นเสียเต็มประดา 
   
แล้วเป็นไรเล่า  เหินบินเสียสูงเสียดฟ้า  พลาดท่าตกลงมาเจ็บอกแทบกระอัก

“ร้องไห้ทำไมคนดี หืม” เสียงทุ้มอ่อนโยนกระซิบริมหู  มือใหญ่สวมกอดช่วงเอวเล็กจากด้านหลัง “ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”
   
น่าแปลกนักที่เขาไม่คิดจะต่อต้านแม้สักน้อย  อยู่กันสองต่อสองทีไร  อาจารย์มักจะถูกเนื้อต้องตัวเขาเสมอ  ลูบผมบ้าง  จับมือบ้าง  กอดบ้าง  จนเขาเองก็เริ่มคุ้นชิน 
   
คุ้นชินเสียจนหากสัมผัสนี้ขาดหายไปในสักวันหนึ่ง  ในอกซ้ายคงวูบโหวง       
   
“ผมขอโทษ” เสียงเล็กสั่นเครือขึ้นจมูก “ต่อไปนี้ผมจะไม่แตะต้องของของจินดาอีก”
   
“โอย..เข้าใจผิดแล้ว  เข้าใจผิดใหญ่แล้ว” อ้อมแขนอุ่นจัดกอดรัดแน่นขึ้น “ใครบอกว่าครูหวงเตารีด”
   
“แล้วหวงอะไร  ผ้านั่นหรือ  นั่นของผมนะ”
   
“ไม่ใช่” คนึงหัวเราะเบาๆ  คลายอ้อมกอดเพื่อจับศิษย์รักหันมาจ้องตาชัดๆ  บีบปลายจมูกโด่งรั้นอย่างเอ็นดู “ครูหวงอะไร  เล็กไม่รู้จริงๆ หรือ”

ดวงตาสีเข้มทอประกายอ่อนโยนเสียจนคุณชายก้มหน้างุด  สะดุ้งวาบเมื่อมือใหญ่คว้ามือขวาเขากุมไว้
   
“เมื่อกี้ประพนธ์จับมือนี้ใช่ไหม” โดยไม่รอคำตอบ  ริมฝีปากอุ่นๆ ก็จรดแผ่วเบาลงกลางฝ่ามือนุ่ม  กำชับเสียงละมุน “อย่าให้ใครจับอีกนะ”

ศิษย์ตัวชาวาบ  ตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึง  รสจูบผะผ่าวจากกลางฝ่ามือเดินทางเร็วรี่สู่หัวใจจนเต้นรัวไม่เว้นจังหวะ  สูบฉีดขึ้นไปยังสองแก้มจนขึ้นสีเรื่อ 

กว่าสติจะมา  ไม่รู้อาจารย์เห็นแก้มเขาแดงซ่านไปถึงไหนต่อไหน  ร่างเล็กผินหลังขวับ  ซ่อนรอยยิ้มน่าละอายจากสายตาคมเข้มที่ยังคอยจับจ้อง 
   
“แน่ะ  ยังโกรธอยู่อีก” แขนล่ำสันสวมสอดกอดกระชับ  วางคางบนลาดไหล่เล็ก  ผ้าม่านลูกไม้ช่วยบดบังเสน่หาระหว่างครูศิษย์ในห้องน้อยจากสายตาคนข้างล่างได้เป็นอย่างดี 
   
“เจ้าเนื้อละมุนเอย” เสียงทุ้มนุ่มเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองน่าฟัง “เกลียดพี่หรือว่าไร  เกลียดพี่แล้วเจ้าจะกอดใคร  สายใจเจ้าคนเดียวเอย”

เจ้าเนื้อละมุนเอย..

เลอมานสะท้านไปทั้งร่าง  คุ้นหูนัก  คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหน  ท่วงทำนองแสนอ่อนหวาน ในรัตติกาลแสนอ่อนไหว  เพลงกล่อมเด็กสั้นๆ ดั่งกุญแจไขสลักกลอนดาล  แง้มบานประตูความทรงจำทีละน้อย

รสจุมพิตตรึงตรา  รสเสน่หาร้อนเร่า  กระจ่างสู่ความทรงจำราวแดดสาดสายสลายเมฆหมอกเลือน 

*******************************
   
เลอมานตื่นแต่ตีห้าไปออกกำลังรวมกับนักเรียนคนอื่นตามความเคยชิน  เดี๋ยวนี้เขาตื่นเองได้โดยไม่ต้องให้ใครปลุกอีกแล้ว  อาศัยเสียงระฆังวัดและเสียงไก่ขันที่ดังระงมตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง  จากนั้นก็ขลุกอยู่ที่ชมรมกสิกรรมจนเกือบเจ็ดโมงจึงค่อยกลับห้อง

ทันทีที่ผลักบานประตูไม้เข้าไป  คุณชายนึกว่าตนเข้าห้องผิด  อาจารย์คนึงกับอาจารย์ประพนธ์ที่ยืนอยู่กลางห้องกว้างหันมามองเขาแว่บหนึ่งก่อนช่วยกันจัดหนังสือคืนชั้นที่วางชิดผนัง

ชั้นหนังสือ!  ชั้นหนังสือที่เคยกั้นขวางกลางห้อง!
ตอนนี้ไฉนไปอยู่ชิดผนังแบบนี้ได้เล่า

“อา..กว้างขึ้นเยอะ” ประพนธ์ยกมือปาดเหงื่อ  เท้าเอวมองผลงานตนอย่างภาคภูมิใจ  อาจารย์ผู้ร่าเริงใจดีหันมายิ้มให้เด็กหนุ่มที่เอาแต่ยืนงง “ว่าไหมคุณชาย”

คนเคร่งขรึมยืนจัดหนังสืออยู่หน้าชั้น  ลอบยิ้มให้หนังสือในมือ 
   
ห้องกว้างขึ้น  แต่ระยะห่างระหว่างสองดวงใจใกล้ชิดกันเข้าไปทุกที 
   
คุณชายร้อนผ่าวไปทั้งสองแก้ม  ส่วนคนที่เคยตีหน้ายักษ์ใส่ตอนเขาเกาะชั้นหนังสือทำท่าจะข้ามเขตแดน  ตอนนี้กลับเอาแต่ยิ้ม..ยิ้ม..ยิ้มไม่หุบ
   
มือเล็กเกาหัวแก้ขวย  เสเดินไปหยิบๆ จับๆ ของบนโต๊ะหนังสือ  “ทีนี้..เวลาผมเปลี่ยนเสื้อ  อาจารย์ก็เห็นหมดสิ”
   
ประพนธ์หัวเราะก๊าก  “จะอายทำไม  ผู้ชายเหมือนกัน”
   
หม่อมราชวงศ์หนุ่มก้มหน้าซ่อนยิ้ม  เหลือบมองปลาตะเพียนน้อยที่หน้าต่างก็คล้ายเจ้าสองตัวนั่นจะส่งยิ้มให้  ครั้นพอเหลือบมองอาจารย์คนึง  ริมฝีปากได้รูปนั้นก็หยักยิ้ม  ดวงตาคมมองมาเป็นประกายวาววาม  เล่นเอาคุณชายก้มหน้างุด  เดินไปคว้าตะกร้าผ้าและผงซักฟอกที่ซื้อมาจากสหกรณ์  เดินผ่านหน้าอาจารย์ไปอย่างทุลักทุเล
   
“คราวนี้จะซักผ้าหรือ  ให้ผมช่วยไหม” ประพนธ์เสนอตัวอย่างบริสุทธิ์ใจ  เมื่อวานนี้แค่รีดผ้ายังเกือบทำไฟไหม้  วันนี้ถ้าซักผ้าเองมีหวังคุณชายคงทำน้ำท่วมเรือน 
      
คนึงปรูดเข้ามารวดเร็วเหมือนลมพัด  ฉวยคว้าตะกร้าหวายในมือเล็กไปถือไว้เอง  อีกมือก็จูงมือหม่อมราชวงศ์หนุ่มเดินลิ่วๆ ลงเรือนไป

ประพนธ์ลูบปลายคางมองตามงงๆ  คนเรานี่ก็แปลก  วันแรกๆ ที่คุณชายเล็กมาที่นี่  อาจารย์คนึงแสดงตนจนออกนอกหน้าว่าชังนักชังหนา  ทิ้งเจ้านกขมิ้นน้อยพลัดถิ่นให้เป็นจรกาหน้าหนูอยู่คนเดียวก็ตั้งหลายหน 
   
เวลาผ่านไปไม่นาน  ไฉนกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้ล่ะหนอ

........................................

ที่ใต้ถุนเรือน  ถัดไปทางด้านหลังปูซีเมนต์เป็นลานซักล้าง  อาจารย์ผู้เข้มงวดกำลังปวดหัวหนึบ  เด็กหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหินหยิบจับอะไรไม่เป็นสักอย่าง  แค่ใช้ถังตักน้ำจากโอ่งมาใส่กะละมังก็ทำท่าเหมือนตัวจะหักเสียให้ได้  แถมพอเขาเผลอ  ศิษย์ตัวดีก็เทผงซักฟอกพรวดเดียวครึ่งกล่อง  ดีที่เขาห้ามไว้ได้ทัน  ไม่อย่างนั้นคุณชายคงเทเสื้อผ้าใส่ลงในกะละมังทั้งที่ยังไม่ได้ตีฟอง 
   
คนึงตัดปัญหาด้วยการทำเองเสียให้รู้แล้วรู้รอด  เลอมานพยายามช่วย  แต่พอมือขาวๆ ขยำเสื้อในฟองสบู่หอมแรงได้ไม่ทันไร  ผิวบางๆ ก็แดงเห่อแสบร้อนไปทั้งมือ  ปลายนิ้วเรียวตึงเปรี๊ยะแทบปริอย่างน่ากลัว  จนอาจารย์คว้ามือศิษย์ไปล้างในน้ำสะอาดแทบไม่ทัน     
   
สุดท้ายแล้ว  ภาพที่เหล่าอาจารย์ในเรือนไม้เห็น  คือภาพอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้แสนเข้มงวดในเสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่ถูกพันขึ้นมาถึงเข่า  กำลังนั่งกางขาขยี้ผ้าอยู่หน้ากะละมังพูนฟอง  ทั้งที่ผ้าในตะกร้านั้นไม่มีของตัวเองเลยสักชิ้นเดียว 
   
ตรงข้ามคือหม่อมราชวงศ์หนุ่มรูปงาม  อาสาสมัครจากแดนไกลที่ถูกส่งตัวมาสอนภาษาอังกฤษ  ร่างบอบบางนั่งยองๆ เงื่องหงอย  พอจะยื่นมือมาช่วยก็ถูกตีมือจนต้องกลับไปเขี่ยนิ้วเล่นตามเดิม 

หากพอลับตาคน  คุณชายมองซ้ายมองขวา  ยื่นมือไปเช็ดเหงื่อที่เกาะพราวบนใบหน้าคมสันให้อย่างแผ่วเบา  สายตาที่ทั้งสองมองกันนั้นเล่า  อ่อนหวานละมุนละไมนัก 

*******************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2012 18:31:40 โดย ดอกไม้ »

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ไก่ชนสองตัวกระโดดตีกันจนขนพองยุ่งเหยิง  รายล้อมด้วยบรรดาชายทั้งหัวหงอกหัวดำนับสิบส่งเสียงร้องเฮๆ กันอย่างถึงรส  แน่นอน.. สถานที่อโคจรเช่นนี้  มีหรือจะรอดพ้นพรรคพวกนักเลงประจำถิ่นอย่างนายสิงห์ สีตลาไปได้  พอแดดนายบ่ายคล้อย  สิงห์มักพาลูกน้องมาขลุกอยู่ในบ่อนไก่ท้ายตลาดแบบนี้ประจำ  เป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านตลาดยอดเห็นจนชินตา
   
แต่ระยะนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป

ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมานมัวแต่เฮลั่นเมื่อไก่ชนที่ลูกพี่ถือข้างกำลังได้เปรียบ  ไอ้โต้งจิกตาฝ่ายตรงข้ามเสียเลือดอาบ  มัวแต่ลุ้นจนไม่ทันสังเกตเห็นลูกพี่ผุดลุกผุดนั่ง กระสับกระส่าย  มองซ้ายมองขวา   

สิงห์สบถกร้าวในใจ

กี่โมงกี่ยามแล้วก็ไม่รู้  ไม่มีนาฬิกาสักเรือน  ห่ามึงเอ๋ย!

มันก็แน่ละ  บ่อนที่ไหนติดนาฬิกาไว้บ้าง  มีแต่จะมอมเมาอบายชนผู้โง่เขลาให้หลงวันลืมคืนทั้งสิ้น

ลูกชายกำนันจิ๊ปากหงุดหงิด  จู่ๆ ก็ก้าวอาดๆ ออกไปจากบ่อนไม่ล่ำลาใคร  ไอ้อ้วนเลิศเห็นเข้าจึงเรียกไว้  พลางถามอย่างสงสัยเต็มที  “อ้าวพี่สิงห์  จะไปไหนล่ะ”
   
“หิวข้าวโว้ย!” เสียงห้าวตอบไม่ตรงคำถามสักนิด  ไอ้เลิศทำหน้าเหมือนหมูงง  ได้แต่ยืนเป๋อเหลอมองลูกพี่คร่อมรถเครื่องบึ่งออกไป 

สิงห์บิดคันเร่งแทบเหาะ  ลมแรงตีผมเผ้าจนยุ่งเป็นกระเซิง  ถึงบ้านแล้วก็รีบตวัดขาลงจากอานก่อนเผ่นแผล็ว  ปล่อยไทรอัมพ์คู่ใจล้มนอนแอ้งแม้งไม่แยแส  พรวดพราดโจนขึ้นบันไดจนเรือนสะเทือน 

ทันพอดี!
 
“บ๊ะ! สงสัยปีนี้น้ำจะท่วมใหญ่  ไอ้สิงห์กลับมากินข้าวบ้านทุกวัน” กำนันเสริมยิ้มแต้  ท่าทางอารมณ์ดีหนักหนา 
   
ที่ศาลาเล็กนอกชาน  ตั้งตั่งโต๊ะกินข้าวไว้บนพื้นยก  สิงห์กระแอมไอแก้เก้อ  มือใหญ่สางผมให้เรียบ  เหลือบมองร่างเล็กที่กำลังตักข้าวให้มารดาตนแว่บหนึ่ง  ก่อนนั่งแหมะลงประจำที่  ถูมือไม้ท่าทางหิวโหยเต็มประดา   
   
จ้อยเลื่อนขันสาครใส่น้ำมาให้  ดูเอาเถิด.. แม้แต่น้ำล้างมือจ้อยยังเอาดอกมะลิลอยเสียหอม  มือใหญ่เทอะทะจุ่มลงล้างในน้ำเย็นชื่น  นึกไปถึงวันแรกที่เขากลับมากินข้าวบ้านอีกครั้งหลังจากฝากท้องไว้ข้างนอกมาเนิ่นนาน  พ่อกับแม่ทำหน้าอย่างกับเห็นผี 

เกือบอาทิตย์แล้วที่สิงห์ได้จ้อยมาร่วมชายคา  รู้สึกได้ว่าบ้านเรือนสะอาดสะอ้านขึ้น  เสื้อผ้าไปจนถึงที่นอนหมอนมุ้งของทุกคนสะอาดหอม  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฝีมือทำอาหาร  จ้อยคงได้รับถ่ายทอดมาจากยายช้อยเป็นอย่างดี  รสมือถึงได้กลมกล่อมนัก

ดวงตาสีเข้มมองมือขาวที่บรรจงตักข้าวใส่จานให้  กลิ่นข้าวหุงใหม่หอมละมุน  เบื้องหน้าคือสำรับที่จ้อยตั้งไว้เสร็จสรรพ  ขันใส่น้ำฝนลอยดอกมะลิ  กับข้าวร้อนๆ ควันฉุยหอมกรุ่น  ต้มโคล้งปลาเนื้ออ่อนกรอบ  ต้มกะทิสายบัว  ดอกขจรผัดไข่  กะปิคั่วแนมด้วยแตงกวา ยอดมะกอก ยอดมะม่วง ยอดชมพู่ หัวขมิ้นขาว 

สิงห์เริ่มน้ำลายสอ

“กินด้วยกันสิครู” กำนันชักชวนอย่างเมตตา  คุณนายพูนทรัพย์แอบเบะปากหมั่นไส้

“ไม่เป็นไรจ้ะ  จ้อยกินมาเรียบร้อยแล้ว” จ้อยปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน  พลางถอยออกไปนั่งพับเพียบกับพื้น
   
“ต๊าย!” คุณนายเสียงแหลมขึ้นมาทันที “เป็นเด็กเป็นเล็ก  ริกินก่อนผู้ใหญ่  ระวังเถอะ  ชาติหน้าแกจะเกิดเป็นหมา”
   ดวงตาค้อนควักหัวจรดเท้าเล่นเอาจ้อยเลิ่กลั่ก  “คือ..จ้อยกินที่โรงเรียนก่อนกลับมา”
   
“ก็เหมือนกันแหละ  เป็นขี้ข้าจะกินก่อนนายได้ยังไง”

หนุ่มน้อยหน้าม่อยลงถนัดตา  ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่  ทุกคนก็เอ็นดูจ้อยดี  ทั้งลุงกำนัน ทั้งน้าเวกน้าแป้น  จะมีก็แต่คุณนายพูนทรัพย์นี่แหละ  ไม่รู้ว่าโกรธเกลียดกันมาแต่ปางไหน  ไม่ว่าจ้อยจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะผิดไปเสียหมด
   
ดวงตาคู่ใสประสานกับลูกชายกำนันโดยบังเอิญ  อะไรในดวงตาคมเข้มคู่นั้นเล่า  กระแสอบอุ่นอาทรที่สะท้อนกลับมา  ทำให้จ้อยก้มหน้าหลบตาวูบแทบไม่ทัน

“เอาน่า..แม่ทรัพย์  จะอะไรนักหนา” กำนันเสริมตัดบทอย่างรำคาญ  กวาดตามองสำรับอาหาร  ยิ้มกว้างเปลี่ยนเรื่อง “แหม้..กะปิคั่ว  ไม่ได้กินนานแล้ว  สงสัยข้าวจะหมดหม้อ”
   
เห็นน้องยิ้มออก  สิงห์จึงค่อยกินลง  คนตัวโตก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา  ผักกะสังค์ที่ขึ้นตามกระถางชวนชม  จ้อยเด็ดมาให้กินแนมกับกะปิคั่ว  เผ็ดๆ ซ่าๆ อร่อยลิ้น 

“เมื่อวานน้ำยาเหลือ  จ้อยเลยเอามาเคี่ยวทำกะปิคั่ว” นักเรียนครูยิ้มภูมิใจ  เห็นกำนันชวนคุยก็เลยอยากคุยบ้าง “ยายสอนว่าของอะไรที่เหลือๆ อย่าทิ้ง  ให้เก็บไว้  ขนาดหุงข้าว  น้ำข้าวยายยังไม่ทิ้งเลยจ้ะ  ยายจะเอามาใส่เกลือให้กิน  ที่เหลือก็เอามาล้างมือล้างหน้า”
   
“มิน่า..” สิงห์พูดเหมือนเพ้อ  มองสองแก้มขาวราวลิ้นจี่แก่จัดของน้องอย่างคนละเมอ  ทั้งวงข้าวมองมาเป็นตาเดียว  เล่นเอานักเลงโตกลืนข้าวฝืดคอ  กระแอมแก้เก้อ “มองอะไรพ่อ  ผมจะบอกว่ามิน่า.. ยายช้อยถึงหน้าไม่ค่อยเหี่ยว” ว่าแล้วก็ตักข้าวเข้าปากคำโต  เคี้ยวไปมองกรงนกที่นอกชานไปเหมือนมันน่าสนใจนักหนา   
   
หนุ่มน้อยคนซื่อขมวดคิ้วมุ่น  ไม่เหี่ยวตรงไหน  เวลายิ้มที หางตายายยังก๊ะปลาช่อนแห้งฉะเชิงเทรา

แล่ได้แปดริ้วเลยน่ะซี!

“เออเข้าท่า” กำนันหัวเราะคึ่กๆ มองหน้าศรีภรรยาตัวเองสลับกับบ่าวคนใหม่ไปมา “แม่ทรัพย์ลองดูซี  ดีกว่าไอ้ครีมคาเนโบ้อะไรนั่นของแม่อีก  อุตส่าห์ถ่อไปซื้อถึงวังบูรพา  กลับมาหน้าก็ขึ้นฝ้าเหมือนเดิม”
   
คุณนายพูนทรัพย์รู้สึกกระเดือกข้าวไม่ลงขึ้นมาเสียเฉยๆ  ยิ่งเห็นสามีสุดที่รักมองหน้าไอ้จ้อยตาเชื่อม  ในอกแทบเต้นเร่าๆ ด้วยความจงเกลียดจงชัง
   
“ถอดแม่มาไม่มีผิด  ถ้าเป็นผู้หญิงคงสวยหยาดเยิ้ม” นั่นปะไรล่ะ  คุณนายกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงเนื้อ  นึกอยากลุกไปฉีกอกเสียทั้งคู่

“ลุงกำนันรู้จักแม่จ้อยด้วยหรือจ๊ะ” ดวงตาสุกใสลุกวาวเป็นประกาย
   
“โอ๊ย! ทำไมจะไม่รู้จัก  แม่เราเขาสวย  สวยจนลือกันไปทั้งเกาะเมือง  งานตรุษสงกรานต์ปีนู้นมีไอ้เสือฝ้ายบ้านเหนือมาดักฉุดไป  ลุงนี่แหละไปช่วยไว้  ยิงไอ้เวรตะไลนั่นตายโหงเป็นผีเฝ้าทุ่ง”
   
จู่ๆ คุณนายก็กระแอมกระไอลั่น  จ้อยรีบยื่นขันน้ำส่งให้แทบไม่ทัน  มืออวบกลับปัดทิ้งจนน้ำกระฉอก  กระแทกช้อนลงจานดังเคร้งก่อนลุกขึ้นอย่างปั้นปึ่ง
   
“อ้าว อิ่มแล้วเรอะแม่ทรัพย์  กินน้อยจริง” กำนันพูดไล่หลัง  ตะแกสนใจเมียแค่นั้นละ  แล้วก็หันกลับมาฝอยกับจ้อยต่อ  สายตาผู้อาวุโสมองจ้อยอย่างชื่นชม “เสียดาย  นี่ถ้าครูเป็นผู้หญิงนะ  ลุงจะไปขอจากยายช้อยมาให้เป็นเมียเจ้าสิงห์มัน”

พรวด!!

หัวล้านเลี่ยนเตียนของกำนันเปียกโชก  ไอ้สิงห์เล่นพ่นน้ำใส่พ่อ  จ้อยเองก็ตื่นตกใจ  รีบลุกขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาให้ลุงกำนัน  ตัวการยังไอโขลกๆ ไม่หาย  สำลักจนหน้าแดงก่ำ  พูดขอโทษพ่อไม่ได้ ได้แต่ยกมือไหว้ปะหลกๆ 

“ไอ้ห่า ไอ้ลูกเวร มึงกินยังไงของมึง!” กำนันเสริมยกขาเงื้อง่าหมายจะถีบลูกชายตัวดี  ทว่าคนตัวโตกลับว่องไวเป็นลิง  โดดลงจากพื้นยกหลบบาทาพ่อได้ทัน  กำนันคว้าตะพดไล่ตามติดๆ “มึงอย่าหนีนะไอ้หำหมา!”

หนูน้ำฝนขึ้นเรือนมาพร้อมข้าวเหนียวมะม่วงจานใหญ่  แม่แป้นให้ยกขึ้นมาเป็นของหวาน  ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าคือลุงกำนันคว้าตะพดไล่ตีพี่สิงห์ที่ยิ้มทะเล้นวิ่งวนรอบชานเรือน  พี่จ้อยพยายามห้ามทัพ  เอาตัวเข้ากันพี่สิงห์จากลุงกำนัน  ห้ามกันอีท่าไหนไม่รู้  มือพี่สิงห์ถึงกอดเอวพี่จ้อยของน้ำฝนหนุบหนับ  แถมคนกอดยังหัวเราะลั่นทั้งที่เพิ่งโดนตะพดเขกกะโหลก       
   
ตั้งแต่พี่จ้อยมาอยู่ด้วยนี่  บ้านนี้ครึกครื้นขึ้นเยอะทีเดียวเชียว

*******************************

จ้อยเพิ่งอาบน้ำเสร็จตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามาเห็นสิงห์กำลังนั่งเปิดหนังสือเรียนของจ้อยอย่างสนอกสนใจ  ใบหน้าคมคร้ามชะงักมองหน้าเขาครู่หนึ่ง  ก่อนมือหยาบใหญ่ปิดหนังสือวางคืนให้  แล้วเดินเลี่ยงไปจุดบุหรี่สูบเสียไกลที่ริมหน้าต่าง   
   
จ้อยเปิดสมุดหนังสือทำการบ้านไปเงียบๆ  นั่งทำกับพื้นนั่นแหละ
   
“ไม่เมื่อยรึไง” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นในความเงียบงัน  พอจ้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ  ก็คล้ายจะได้ยินเสียงแค่นหัวเราะแว่วมา “เอ็งมันรั้น ข้าจะซื้อโต๊ะให้ก็ไม่เอา”
   
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ยินเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรระงม  คนตัวโตเดินมาทิ้งกายลงเตียงกว้าง  จ้อยเงยหน้าขึ้นมอง  เห็นร่างใหญ่หนานอนตะแคงเท้าแขนจ้องมองมาไม่วางตา  ดวงตาสีเข้มเป็นประกายจนจ้อยต้องเบือนหลบ  คว้าตะเกียงน้ำมันก๊าดมาจุด  ก่อนลุกไปปิดสวิตช์ไฟที่ผนังห้อง 

ค่อยยังชั่ว.. จ้อยมองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ค่อยชัดแล้ว

ดวงตาที่จ้องมองมาพร้อมความรู้สึกลึกล้ำอย่างกับจะกลืนกิน
 
“เอ็งจะเปิดไฟก็ได้นะ  มันไม่แยงตาข้าหรอก  ทำแบบนี้เสียสายตาหมด”

“ไม่เป็นไร  จะได้ไม่เปลืองค่าไฟ”
   
และนี่ก็คืออีกเหตุผลหนึ่ง  ใช่ว่าจ้อยจะอยากมานั่งให้สิงห์จ้องเอาๆ แบบนี้นักหรอก  ในคืนแรกๆ จ้อยเล่นหอบการบ้านออกไปทำที่นอกชาน 
   
แต่พอเปิดไฟก็โดนคุณนายดุ “มันเปลืองไฟบ้านฉัน”
ครั้นพอเปลี่ยนมาจุดตะเกียงก็โดนดุอีก  “เดี๋ยวแกก็ทำไฟไหม้บ้านฉันพอดี”

คล้อยหลังคุณนาย  หนุ่มน้อยเลยต้องแอบย่องลงบันไดไปเงียบๆ  แอบจุดตะเกียงทำการบ้านที่แคร่ไม้ใต้ถุนเรือน  หวุดหวิดจะถูกยุงหามอยู่รอมร่อ  ถ้าสิงห์ไม่ถือกระบอกไฟฉายลงมาตามให้กลับไปทำในห้องเสียก่อน   
   
มือที่เคยผลักจ้อยตกสะพานเกือบเอาชีวิตไม่รอด  จูงมือจ้อยกลับเข้าห้องเหมือนกลัวจ้อยจะหนี  แล้วคืนนั้น.. ก็มือคู่เดิมอีกนั่นแหละ  บรรจงแต้มยาหม่องลงบนหน้าลายเป็นแมวคราวของจ้อยให้อย่างถนอม  พอจ้อยดึงดันจะทาเอง  เสียงต่ำก็ปรามทีเดียวอยู่หมัด 
 
“อย่ารั้นกับพี่”

เปลวตะเกียงร้อนขึ้นหรือไร  แค่นึกถึงตรงนี้จ้อยถึงได้ร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งหน้า  มือที่จับปากกาจรดลงบนสมุดก็คล้ายจะสั่นไหว  ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้สิงห์เรียกแทนตัวเองเช่นนั้นกับเขา  ไหนจะบังคับให้เรียกว่าพี่อีก  ทั้งที่เมื่อก่อนเจ้าตัวเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือ  “อย่ามาเรียกกูว่าพี่  กูมีน้องสาวคนเดียว”

ดวงตาใสแจ๋วเงยขึ้นมอง  ร่างสูงใหญ่บนเตียงยังอยู่ในท่าเดิม  สายตาหรือก็จับจ้องมองมาเช่นเดิมไม่เปลี่ยน  จ้อยหลบตาวูบก้มหน้าก้มตารีบทำการบ้านให้เสร็จ

อาศัยเพียงแสงตะเกียงสลัวราง  แต่ภาพที่สิงห์เห็นตรงหน้านั้นแจ่มชัดจับใจนัก  เสี้ยวหน้าเนียนผ่องสะท้อนแสงนวลดูราวจะเปล่งประกายดั่งทองทา  แม้อยู่ไกลขนาดนี้ก็ยังได้กลิ่นแป้งเด็กหอมละมุน  นิ่งมองอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งน้องเก็บสมุดหนังสือ  คว้าหมอนมุ้งและเสื่อกกที่พับเก็บไว้ชิดผนังมากางปูข้างเตียง  หมอนเก่าๆ มุ้งหม่นๆ ที่แม่จงใจเตรียมไว้ให้  แต่จ้อยเอาไปซักเสียจนสะอาดหอม  สิงห์รู้ดีเพราะลอบหอมหมอนน้องอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 
   
มือเรียวค่อยๆ สอดชายมุ้งเหน็บใต้เสื่อกันยุงเข้า  ก่อนพนมมือกราบหมอน  แว่วเสียงเล็กสวดมนต์แผ่วเบา  คนตัวโตนอนมองอยู่เช่นนั้นจนจ้อยเป่าตะเกียงดับ  เมื่อไร้แสงตะเกียง  ยังมีแสงจันทร์เดือนหงายสาดส่องมาทางช่องหน้าต่าง  ร่างเล็กเอนกายลงนอน  ดึงผ้าผวยผืนเก่าคลุมถึงอก  สักพักเดียวจังหวะลมหายใจก็สม่ำเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิทอย่างง่ายดาย
   
สิงห์ถอนใจพรู  น้องคงเหนื่อยนัก  พอหัวถึงหมอนถึงได้หลับเป็นตายแบบนี้  ไหนจะต้องตื่นแต่เช้ามืดมาทำงานบ้าน  กวาดถูพื้น ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าว  เสร็จแล้วก็แต่งตัวพายเรือไปโรงเรียน  กลับมาจากโรงเรียนก็ต้องมาทำงานบ้านต่อ  แต่ถึงจะงานหนักอย่างไร  สิงห์ก็เห็นน้องทำการบ้าน อ่านหนังสือก่อนนอนทุกวัน 
   
ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มอ่อนโยนให้ร่างที่นอนขดอยู่ในมุ้ง  ตั้งใจเรียนไว้น่ะดีแล้ว  เติบใหญ่ไปภายหน้าจะได้เป็นครูอย่างที่จ้อยอยากเป็น   สิงห์นึกภาพน้องในชุดข้าราชการครูสีกากีมีเด็กๆ ล้อมหน้าล้อมหลังแล้วอมยิ้มอยู่คนเดียวในแสงจันทร์สลัว     

วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นไม่รู้  ขอเพียงวันนี้พี่ยังมีจ้อยอยู่ข้างๆ แบบนี้ก็พอ 

................................
   
จันทร์เต็มดวงยังลอยขึ้นช้าๆ เปล่งแสงนวลตาอย่างไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด  ไม่อนาทรต่อร่างสูงใหญ่ที่พลิกกายกระสับกระส่ายบนเตียง 
   
กี่ทุ่มกี่ยามแล้วก็ไม่รู้  สิงห์ยังข่มตาหลับไม่ลง  จิตใจร้อนรุ่มระส่ำระสาย ราวกับมีเปลวไฟที่มองไม่เห็นค่อยๆ ลามเลียทีละนิด 

เขาเป็นแบบนี้ทุกคืน.. ทุกคืนตั้งแต่มีจ้อยมานอนร่วมห้อง 

แต่ความปรารถนาเบื้องต่ำถูกเก็บกดฝังลึกเอาไว้  ไม่เคยเปิดเผยออกมาต่อหน้าจ้อย  เป็นความอยากถึงขั้นหิวกระหายเลยเชียว  กี่คืนแล้วที่ต้องย่องไประบายในห้องน้ำอาศัยแม่นางทั้งห้าช่วยปลดเปลื้องจนสาใจ  และถ้าพยายามจะไม่สำเร็จความใคร่แก่ตนเองในยามตื่น  เขาก็มักจะฝันว่าได้เสพสมภิรมย์รักกับคนในดวงใจเสมอ  ทว่า.. พอเรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นทีไรก็มานึกสมเพชตนภายหลังทุกครั้ง   
   
สิงห์เอ๋ย.. เอ็งมันไม่ต่างอะไรจากสัตว์  ยอมแพ้แก่ความเงี่ยนได้อย่างง่ายดาย 

แล้วคืนนี้เล่า  คนไม่รู้เรื่องรู้ราวนอนหลับสบาย  พลิกกายทีขากางเกงกว้างๆ ก็ถลกขึ้นมาถึงโคนขา  เล่นเอาคนตัวโตบนเตียงกลืนน้ำลายฝืดคอ  จ้องตาไม่กระพริบ 
   
แล้วพอจ้อยพลิกอีกที  ชายเสื้อเลิกขึ้นจนหน้าท้องแบนราบเปิดเผยสู่สายตา.. เท่านั้นละ..

ความอดทนพังครืนลงอย่างง่ายดาย

สิงห์เด้งตัวลุกพรวด  แหวกประตูมุ้งตนเดินย่องเบากริบไปหามุ้งสีหม่นตรงหน้า  มือใหญ่ค่อยๆ เลิกชายมุ้งขึ้นก่อนมุดเข้าไปหาคนที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่านอนยั่วคนอื่นแค่ไหน 

น้อยหรือแก้มซ้ายขวาก็น่าจูบ    ช่างสมรูปนี่กระไรวิไลเหลือ**

แสงจันทร์อาบไล้เสี้ยวหน้านวล  หน้านวลๆ ที่จ้อยบอกว่าใช้น้ำข้าวล้าง  ปลายนิ้วหยาบค่อยแตะลงแผ่วเบา  สัมผัสนุ่มนิ่มที่ได้รับเล่นเอาหัวใจพองโต  ถึงขั้นลูบไล้ไปมาเพลินมือ 
   
จ้อยครางอือทั้งที่ตายังปิด  ขนตายาวเป็นแพทาบแก้มใส  สิงห์ละลานใจเหลือจะกล่าว  กว่าจะรู้ตัว..ก็กดปลายจมูกลงบนแก้มขาว  สูดกลิ่นหอมละมุนเข้าเต็มปอดไปแล้ว

ร่างเล็กครางอย่างรำคาญ  ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ  พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เบิกตาโพลง 

ไอ้สิงห์กำลังคร่อมเขาไว้ทั้งตัว!

“ท-ทำอะไร!” จ้อยเสียงดัง สะดุ้งผวา  หากมือใหญ่กลับตรงเข้าปิดปากเขาไว้แน่น 
   
“ชู่ว..” เสียงทุ้มกระซิบริมหู  แสงจันทร์ข้างขึ้นส่องให้เห็นแววตาสีเข้มที่ตื่นตระหนกเพียงวูบหนึ่ง  วูบหนึ่งเท่านั้น “ข้า..ข้าแค่อยากรู้ว่าใช้น้ำข้าวล้างหน้าแล้วมันดีไหม”
   
แล้วประกายตานั้นก็เปลี่ยนไป  ราวกับมีบางอย่างเข้าแทนที่  มันวูบวาบแปลกประหลาด  แค่มองจ้อยก็กลัวจนตัวสั่น  ยิ่งสะท้านไปทั้งร่างเมื่อใบหน้าคมคร้ามโน้มลงหอมแก้มเขาฟอดๆ ทั้งซ้ายขวาสลับกัน 
   
“เอ็งใช้น้ำข้าวล้างหน้าจริงหรือ  ถึงได้ทั้งนุ่ม..ทั้งหอมแบบนี้  หืมม์” เสียงต่ำสั่นพร่าด้วยแรงอารมณ์  จ้อยพยายามใจดีสู้เสือ   
   
“จะ..จะเอาหรือ  เดี๋ยวพรุ่งนี้หุงข้าวแล้วเก็บไว้ให้”
   
ร่างกำยำหัวเราะในคอ  ดวงตาคมเข้มมองมาคล้ายจะเอ็นดู  แต่ก็มีบางอย่างเคลือบแฝง  คล้ายละเลงสีดำลงในสีขาว  ทาทับด้วยสีแดง  เกิดเป็นสีสันพิลึกพิลั่นสุดคาดเดา
   
ตั้งแต่เกิดมา  ไม่เคยมีใครมองจ้อยด้วยสายตาแบบนี้.. ไม่เคยเลย..
   
จ้อยตัวแข็งทื่อเป็นหินยามจมูกโด่งเป็นสันซุกไซ้ลงซอกคอ  ฟอนเฟ้นเหมือนผีเสื้อเคล้าเกสร  พูดอู้อี้ “หอมไปทั้งตัว  เอ็งใช้อาบด้วยหรือเปล่า”
   
นักเรียนครูสะดุ้งเฮือก  บางสิ่งกำลังดุนดันเสียดสีอยู่ตรงซอกขา  มันแข็ง..มันร้อนผ่าว..มันเคลื่อนไหว.. เหมือนปลาช่อนตัวเขื่องหมายจะมุดโคลนลงไปหากิน
   
“ออกไป” จ้อยดิ้นรนขัดขืน  มือเล็กผลักแผงอกล่ำสันออก  หากสองมือกลับถูกบีบแน่นกดตรึงลงกับผืนเสื่อ
   
“ชู่ว.. อยู่เฉยๆ  อย่าดิ้น” เสียงสั่นพร่าหล่นจากปากคนหน้ามืดตามัว  จ้อยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  ร่างเล็กดิ้นขลุกขลัก  สองขาปัดป่ายไปมา 
   
“บอกว่าอย่าดิ้น!” สิงห์คำรามลอดไรฟัน  เพิ่มแรงบีบบนข้อมือเล็ก  ขยับสะโพกบดเบียดลงมา  จ้อยสั่นสะท้านไปทั้งร่างยามเสียงต่ำกระซิบแข็งกระด้าง 

“ลืมไปแล้วหรือว่าถ้าข้าโมโหแล้วจะเป็นยังไง”


โปรดติดตามตอนต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*น้ำตาลใกล้มด, สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ คำร้อง, ปรีชา บุญยเกียรติ ขับร้อง
**สุนทรภู่



กลับมาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน
ขอบคุณทุกท่านที่กดเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นมากๆ ค่ะ  :กอด1:

คือ.. เรามีเรื่องจะมาบอกทุกคนล่ะ..

อยากบอกว่า.. หลังจากลงบทที่ ๑๕ นี้แล้ว
คนเขียนขอหายตัวไปสักระยะนะคะ (อาจจะซักเดือนนึง)
ขอตัวไปรีไรท์และจัดการเรื่องรวมเล่มนิยายอีกเรื่องให้เรียบร้อยก่อนค่ะ

ที่ผ่านมา(พยายาม)ทำสองอย่างพร้อมกัน แล้วมันมึ๊นมึน :really2:
ประกอบกับโอ้เอ้อู้มานาน เกรงใจทางสนพ.มากๆ เลย ตารางเวลาเลื่อนไปหมดเพราะคนเขียนวินัยบกพร่องคนเดียว

จึงขอตัดสินใจ หยุดเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ จัดการทางนั้นเสร็จแล้วจะกลับมาเขียนต่อ

ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ ที่ทำให้รอแล้วรอเล่าแบบนี้ :m5:
สัญญาว่าจะรีบกลับมาเขียนต่อค่ะ

แล้วเจอกันใหม่นะคะ

ดอกไม้
๒๖ มี.ค. ๕๕

Mio

  • บุคคลทั่วไป
พี่สิงห์มุดมุ้งจ้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :m25:
คุณดอกไม้จะหายไปตอนเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้จริงหรอ แงๆๆๆ นางฟ้าติดเรื่องนี้มาก :sad4:
สามคำ>>>เศร้า อ่ะ ฮือ  :z3:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
หน้ามืดตามัว ลืมตัวลืมตน ลืมคนที่ปากบอกว่ารัก

เรียกมันว่าอะไรดี สัด

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คู่หลักก็หวานเหลือเกิน
คู่เล็กยังแง่งอนกันอยู่ พี่สิงห์อย่าผลีผลามให้น้องตกใจสิ

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
พรุ่งนี้จะใช้น้ำซาวข้าวล้างหน้าบ้าง >///<

ใจร้าย ทำไมต้องหยุดตอนสำคัญแบบนี้ ค้างมากคะ คุณดอกไม้ T T
สารภาพว่า อ่าน คู่หลักแบบข้าม ๆ 555++ เร่งลงมาหาน้องจ้อยกะอ้ายสิงห์ ...
ตอนหน้ามีเฮแบบเบาๆ ก็พอนะ น้องจ้อยยังเด็ก ^ ^

incest นะคะ ^ ^

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
นายสิงห์อย่าน้าาาาาาาาาาาาา น้องอุตส่าห์รู้สึกดีๆด้วบแล้วแท้ๆ

ออฟไลน์ fox

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณชายกับอาจารย์คนึงน่ารักมากกมาย อ่านไปยิ้มไปตลอด  :o8:
ส่วนคู่น้องจ้อยกับพี่สิงห์ยังคงความหื่นมิเสื่อมคลาย
ต่อไปจะหุงข้าวกินทุกวันเลย จะเอาน้ำซาวข้าวไว้ล้างหน้า คึคึ  :-[

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
กำลังเข้าได้เข้าเข็มคุณดอกไม้มาหยุดไปซะงั้นเลย
มันค้างมากๆอะ

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
คุณดอกไม้ มาทิ้งตอนใหม่ให้ลุ้นซะนาน เดือนนึงเลยหรอ





CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ละล้าละลัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบน้องจ้อยมากเลยค่ะ ทำไงดีเนี่ย
พี่สิงห์อย่ารังแกน้องนะ อยู่เท่านี้ก็กำลังมีความสุขแล้ว อยากเห็นพี่สิงห์เอาชนะใจน้องจ้อย เมื่อไหร่กันน้อจะถึงตอนนั้น
สารภาพว่ารอคู่รองมากกว่าคู่หลักค่ะ 555
แต่คู่ อ.คนึง กับคุณชายเล็ก ก็น่ารักมากค่ะ
คุณชายขี้น้อยใจ อาจารย์คนึงขี้หึง

ออฟไลน์ coon_all

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
แหมพี่สิงห์ เหตุผลคุณพี่หน้ากระโดดเตะมาก
มุดเข้ามุ้งน้องแล้วมาถามเรื่องน้ำซาวข้าว o22
จ้อยเตะสักทีเถอะ :z6: ฮ่าๆ :laugh:

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
โห กว่าจะได้อ่านอีกก็ตั้งสิ้นเดือนหน้าแน่ะ  ขาดใจตายกันพอดี
น้องจ้อยของพี่จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ จะรักษาตัวรอดได้ไหมเนี่ย
พี่สิงห์ ทะนุถนอมน้องหน่อยแล้วกัน อย่าทำไรรุนแรงนะ ^^

appletokki

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: :sad4: ไม่นะ!
กำลังฮาสิงห์พ่นน้ำใส่พ่อกำนัน ชอบที่พ่อกำนันด่า'ไอ้หำหมา'ขำกลิ้งเลย
ยังมุดมุ้งค้างคาอยู่เลย กะซิกๆ
กลับมาต่อไวไวนะค่ะ

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
สมัยนั้นเตะบอลอาจหรูไป..งั้นสิงห์ไปเตะตะกร้อกัน

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
ไอ้พี่สิงห์อย่าทำน้องนะ :sad4:

ออฟไลน์ akihito

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มะ ไม่เป็นไรคะ  เราเข้าใจ ก็มันจำเป็นนิเนอะ(กัดฟัน  :serius2:)
ตอนนี้กำลังได้ที่พี่สิงห์กำลังหื่นน้องกำลังหวั่นๆ
แต่ก็ทำอะไรระวังนิดนึงนะจ๊ะ
อาจารย์กับคุณชายน่ารักมากกก ถ้าจะหวานขนาดนี้
ขอบอกตามตรงว่าเห็นชื่อตอนแล้วตกใจ แต่อ่านแล้วยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร(นอกจากหื่น :haun4:)
ตอนนี้ตามคู่รองยิ่งกว่าคู่หลักจริงๆ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
อ๊ากกกกกกกกกก ค้างคาสุดๆ สิงห์อย่างเพิ่งทำอะไรน้องจ้อยน้าาา  :z3:
1 เดือน โอเคค่าาาา อยากจะได้รวมเล่มอีกเรื่องใจจะขาดแล้ว   :impress2:

หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป
พี่สิงห์ใจดีกะจ้อยหน่อยเหอะ ขอร้อง
สงสารจ้อย ทำงานก็หนัก อุตส่าห์เป็นลูกกตัญญูมาอยู่บ้านใช้หนี้แล้ว
อย่าได้ซวยไปมากกว่านี้อีกเลย

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :o12:คนเขียนใจร้ายใจ ทำให้อยากแล้วจะจากไปเป็นเดือน ฮืออ
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สู้ๆ จะอดทน(ฮึบ!)รอที่จะได้อ่านพี่สิงห์น้องจ้อยต่อ :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด