มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 712775 ครั้ง)

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ไปคุมน้องละสิ
อย่างนี้เขาเรียกว่าหวง

kinsaki

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนที่ 17 โอย หวานชะมัด หวานมากๆ :z3: (อ่านตอนนี้นั่งยิ้มอยู่คนเดียว จนแม่ถามว่าเป็นอะไร  :z13: )   
แล้วในที่สุดก็ใช้มุขหนังไทย ว่ะฮ่าๆ
(ดีนะที่ไม่เบนกล้องขึ้นฝ่าเพดานแล้วตัดฉาบนั้นออก เหอๆ อันนั้นหนังไทยขนาดเเต้ครับ)
เรื่องอาจารย์กับจินดา อา...ไม่นึกเล้ยว่าจินดาจะเป็นคนดื้อ เอิ๊กๆ น่ารักซะ~
อยากรู้เรื่องของสองคนนี้ให้มากๆ  :impress2:
อ่านตอนที่ 19 ฮ่ะว๊ากก แอบขำตอนพี่สิงห์สอบปากคำ(ถาม) จ้อยงิ อะัไรจะขนาดนั้นครับ
ไอที่บอกว่าไว้ใจไม่ได้น่ะ มันพี่เองต่างหากเล่า พี่สิงห์ ก๊ากๆ 
สุดท้ายจ้อยก็ต้องยอมไปกับพี่สิงห์อยู่ดี เชื่อโผม ~
ปล.พี่ดูแลสุขภาพด้วยครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย  :กอด1: :bye2:


ออฟไลน์ destiny_dr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น้องจ้อยน่ารัก >///////< ,,คนอะไรจะน่ารังแกให้ร้องไห้ขนาดเนนนนน้ !!
ฮิ้งงงงงงงงง *
อิจฉาอิพี่สิงห์จริงจัง ..ดักทุบหัวเลยดีม้ะ ?
55555555 แต่อยากรู้จังวาเหตุผลของน้องจ้อยคืออะไรน๊าา =*=

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
สิงห์หลงจ้อยแบบถอนตัวไม่ขึ้น เมื่อไหร่จะเผด็จศึกละพ่อ  55555

swordtails

  • บุคคลทั่วไป
ฮึกกกกกกกกกกกกก ทำไมเราถึงพบเจอนิยายเรื่องนี้ช้ามากขนาดนี้เนี่ย /ทึ้งหัวตัวเอง/

คุณดอกไม้คะ รู้ตัวไว้เถอะว่า คุณดอกไม้ทำเราหลงรัก เพียงแค่ได้อ่านงานเขียนของคุณดอกไม้ !

สำนวนภาษา น่าอ่านเหลือเกินค่ะ ทั้งสละสลวยงดงาม ถูกต้องตามไวยากรณ์ อีกทั้งยังตรวจพิสูจน์อักษรได้ยอดเยี่ยมอีกด้วย
จะหานวนิยาย ที่ควรค่าแก่การเรียกขานว่า นวนิยาย แบบนี้ได้ยากเหลือเกินจริง ๆ

เราดีใจจังที่ค้นพบนิยายเรื่องนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณคุณดอกไม้ด้วยค่ะที่ถ่ายทอดออกมาให้ได้ผู้อ่านอย่างเราได้อ่านกัน

โดยส่วนตัวแล้ว นวนิยายที่อิงฉากสมัยเก่าแบบนี้ เราไม่ค่อยอ่านค่ะ
เพราะอ่านแล้วไม่มีความรู้สึกร่วม อ่านกี่เืรื่องก็รู้สึกว่ามัน " ไม่ใช่ "
แต่พอได้ลองอ่าน " มหาหงส์ " ของคุณดอกไม้ คุณดอกไม้รู้ไหมคะว่า เราไปไหนไม่รอดตั้งแต่ตอนที่สองแล้วค่ะ !
สารภาพตามตรงว่า ตอนแรกของเรื่องดึงความสนใจเราได้ไม่มากนัก
สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจอ่านต่อ คือ สำนวนภาษาที่ใช้ กับ ความอยากรู้ว่าจินดาตายได้อย่างไร ... เท่านั้น
แต่พอหม่อมราชวงศ์เลอมานปรากฏตัวพร้อมกับนิสัยสุดโต่งออกมาเท่านั้นล่ะ
มันก็เหมือนมีแรงดึงดูดให้เราตามเรื่องต่อ ...

คุณดอกไ้ม้ทำให้เราอยากรู้ว่าคุณชายเธอจะเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ?
บ้านเมือง สภาพแวดล้อม อาหารการกิน ทุกอย่างดูแปลกตาสำหรับคุณชายไปเสียหมด
เข้ากับใครก็ไม่ได้ แถมยังกลายเป็นที่เหม็นขี้หน้าของชาวบ้านทั้งบางอีก
อ่านไปก็ไม่ได้รู้สึกเอาใจช่วยคุณชายเธอเลยค่ะ เพราะกิริยาท่าทาง รวมถึงคำพูดที่หลุดออกมาแต่ละอย่างนี่ ไม่น่ารักเอาเสียเลย
ดังนั้น ใจก็เลยเทไปข้างอาจารย์คนึงให้หาวิธีแก้เผ็ดคุณชายเธอเยอะ ๆ
แต่พอถึงฉากที่คุณดอกไม้เผยให้เห็นว่าไอ้ลอยนี่มันชักจะคิดไม่ซื่อ
ความรู้สึกหมั่นไส้ ก็กลับกลายเป็นห่วงคุณชายตัวขาวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เรียกว่า มีไอ้ลอยโผล่เข้ามาในฉากไหน เป็นอันทำให้ต้องได้ลุ้นไปเสียทุกทีสิน่า
เป็นตัวละครที่เป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินเรื่องจริง ๆ นะ ไอ้ลอยเนี่ย /หัวเราะ/
และก็เพราะไอ้ลอยนี่ด้วยเสียกระมัง ที่ทำให้อาจารย์คนึงแกกล้าเปิดใจตัวเองจริง ๆ เสียที
ดังนั้น พอคุณชายกับอาจารย์เขาหวานกัน เราก็เลยอดรู้สึกดีจนต้องยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกเศร้าแทนจินดา .... แล้ววูบหนึ่งก็นึกโกรธอาจารย์คนึงแทนจินดาด้วย
ยิ่งตอนที่อาจารย์ช่วยคุณชายขึ้นจากตอนพลัดตกน้ำได้ แล้วเข้าไปหลบฝนในกระท่อมยายช้อย
เราก็ยิ่งสะท้อนใจ ... ความรู้สึกถึง " การมีอยู่ " ของจินดายังอยู่ภายในกระท่อมนั้น
แต่อาจารย์ก็ " กอด " คุณชายอย่างลึกซึ้ง ณ ที่นั่น มันก็เลยทำให้เรารู้สึกคล้าย ๆ กับว่า
คุณชายเขากำลังนั่งทับรอยจินดาอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะคุณดอกไม้ ....
แล้วก็พลอยคิดไปเองว่า ถ้าจินดามองลงมาจากท้องฟ้า จินดาจะร้องไห้ไหมนะ ?
ฉากอัศจรรย์ในกระท่อมนั่น สำหรับเราแล้ว ก็เลยให้ความรู้สึกหน่วง ๆ มากกว่าจะหวานซึ้งน่ะค่ะ  :m15:

เราไม่ได้นึกโต้แย้งความรักระหว่างอาจารย์คนึงกับคุณชายนะคะ
เราเอาใจช่วยคุณชายเสียด้วยซ้ำ แล้วก็นึกเอ็นดูมากขึ้น ตอนที่คุณชายเอ่ยปากว่า " จะรอ ไม่ว่านานแค่ไหนก็จะรอ "
แต่สำหรับอาจารย์คนึงน่ะ ... เรารู้ว่าอาจารย์คนึงไ่ม่ได้ลืมจินดา
แต่การกกกอดใครอีกคนได้อย่างลึกซึ้งด้วยความรู้สึกเสน่หา ทั้งที่คนรักเ่ก่าของตัวเองเพิ่งจากไปได้ไม่ถึงสองเดือนนี่
มันทำให้เรารู้สึกมองหน้าอาจารย์ได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่น่ะค่ะ อธิบายจริง ๆ ฟังดูขัดแย้งกันเองยังไงก็ไม่รู้ /หัวเราะ/

ในระหว่างที่เอ็นดูคุณชายเลอมานอยู่ห่าง ๆ เราก็วิ่งมาเชียร์คู่พี่สิงห์น้องจ้อยแบบชิดขอบสนามค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วชอบคู่นี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ แล้วก็มีอารมณ์ร่วมมาก มากแบบที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีได้
โดยเฉพาะฉากงานวัดที่พี่สิงห์โดนน้องจ้อยฟาดด้วยขวดนั่น ...
บอกตรง ๆ ว่าคุณดอกไม้ทำเอาเราซึมตามพี่สิงห์เลยค่ะ  :sad4:
ขอชื่มชมว่า คุณดอกไม้บรรยายอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ได้ดีมากจริง ๆ
ทำเอาคนอ่านอย่างเราอิน แล้วก็ประกาศตัวเป็นแม่ยกเลยทีเดียวค่ะ /ยิ้ม/

นึกเอ็นดูพี่สิงห์กับน้องจ้อยสมัยเด็กเหลือเกินค่ะ น่ารักน่าชังอะไรอย่างนี้หนอ ?
แต่แล้วก็เป็นไอ้ลอยกับพวกอีกแล้วที่คอยเสี้ยม จนกระทั่งพี่น้องที่เขารักกันต้องแตกคอ
อย่างที่บอกไปค่ะว่าเป็นแม่ยกพี่สิงห์ ดังนั้น ก็เลยพยายามหาข้อแก้ตัวให้สุดตัว
แต่ก็ไม่เจอแฮะ /หัวเราะ/ เป็นตัวพี่สิงห์เองนั่นแหละที่ทำตัวเป็นสำเภาโล้ไปโล้มาตามแรงลมปากของพวกไอ้ลอย
ถึงได้ทำให้ทุกวันนี้ ที่ควรจะได้ใกล้ชิดกับน้องน้อยกลายเป็นความห่างเหินไปเสียฉิบ
พี่สิงห์ทำตัวเองทั้งน้าน .....

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็คล้ายว่าพี่สิงห์กำลังได้รับโทษที่เคยทำให้น้องเสียใจอยู่นะคะ
ไม่รู้ทำไม ฟ้าถึงได้กลั่นแกล้งให้น้องจ้อยมาเห็นอะไร ๆ จนเข้าใจผิดได้ตลอดเวลา
อย่างตอนที่พี่สิงห์ไปช่วยคุณชายที่ซ่องนั่นก็คราวหนึ่งล่ะ .....
เป็นตัวละครที่ทำอะไรก็ผิดไปหมดเสียจริง ๆ ค่ะ แค่หายใจก็ผิดแล้ว /หัวเราะ/
และด้วยความที่เป็นแม่ยก /ย้ำอีกแล้ว/ เราก็เลยอยากให้น้องจ้อยใจเย็นกว่านี้อีกนิดหนึ่งจังค่ะ
ก่อนที่จะออกปากว่าอะไร อยากให้น้องจ้อยไ้ด้นิ่งคิดสักนิดก่อน อย่าเพิ่งด่วนเอาอคติมาบดบัง
ลองตรองให้ดี ให้ถี่ถ้วน แล้วน้องจ้อยจะค้นพบว่า แต่ละอย่างที่พี่สิงห์ทำลงไปนั้นเพราะอะไร
พี่สิงห์เขาแ่ค่ไม่รู้จักวิธีที่จะรักเท่านั้น ... ก็เลยแสดงออกมาอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น น้องจ้อยก็อย่าใจร้ายไปเลยนะจ๊ะ /ยิ้ม/

ที่มาของน้องจ้อยนี่ก็ทำเอาเราอยากรู้มากทีเดียวค่ะคุณดอกไม้ เชื่อว่าพ่อของน้อยคงเป็นคนมีเงิน
ถ้าถึงขั้นทำแหวนทองสลักชื่อนามสกุลของตัวเองได้ในสมัยนั้น ก็คงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแล้วกระมัง
อยากรู้เหลือเกินว่าใครกันนะที่เป็นพ่อของน้อง แล้วการได้รู้ว่าใครเป็นพ่อนี่ก็คงจะเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องไปเลยด้วยสินะคะ
ถึงตอนนั้น พี่สิงห์จะทำยังไงล่ะ ? /พี่สิงห์ตะโกนบอก " ก็จะมุดมุ้งอีกน่ะสิ " *ไม่เกี่ยวเล้ย*/

รอตอนหน้าค่ะคุณดอกไม้ อยากรู้ว่า บรรยากาศตอนที่พี่สิงห์พาน้องจ้อยไปดูหนังจะออกมาเป็นอย่างไร
สู้ ๆ นะคะ ตรงนี้มีคนอ่านตาดำ ๆ คนหนึ่งที่ชื่นชอบงานเีขียนของคุณดอกไม้ คอยให้กำลังใจอยู่ค่ะ /ยิ้มกว้าง/

fahzang

  • บุคคลทั่วไป
อิพี่สิงห์น่ารักมากกกกกก

555555555

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ประกาศจ้า

โบราณเขาเรียกว่าความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
คนเขียนเพิ่งหายหวัดแท้ๆ โน้ตบุ้คคู่ชีพกลับต้องมาล้มหมอนนอนเสื่อ  :sad4:
งานเอย นิยายเอย โน่นนี่นั่นนู่นอยู่ในโน้ตบุ้คหมดเลยค่ะ
บทที่ ๑๘ (ที่เขียนยังไม่ทันจบ) ก็ค้างเติ่งอยู่ในเครื่องเช่นกัน
อาทิตย์นี้เลยไม่มีน้องจ้อยกับพี่สิงห์ให้อ่านนะคะ ขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยเน้อ  :m5:

แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอตอบเม้นตอนที่แล้วซะหน่อยก็แล้วกันค่ะ  :L2:

Nus@nT@R@
พี่สิงห์แกกะเนียนๆ ไปออกเดทกะน้องจ้อยค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพคนเขียนเน้อ :)

armmyrine
คนเราเวลามีความรักนี่สมองจะหยุดทำงานค่ะ ความสามารถในการใช้เหตุผลหายไป เหลือแต่ใช้หัวใจล้วนๆ และพี่สิงห์ก็เข้าข่ายนั้น ฮิ้วว~

aisen
เดี๋ยวจะเฉลยว่าน้องจ้อยมีเหตุผลอะไรในครึ่งหลังนี่แหละจ้า

NannY
ถึงจะอยากพาน้องไปแค่ไหนก็พูดดีๆ ไม่ด๊ายไม่ได้เด็ดขาดเลยค่ะ เสียฟอร์มพี่แกแย่เลย อีกอย่างชวนดีๆ จ้อยคงไม่ยอมไป เด็กมันดื้อ ๕๕๕+

bozang
ยังเคลียร์กันตอนนี้ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวนิยายจะจบเร็วไป (ฮ่าๆ)

miruku
ชอบเรื่องระหว่างอาจารย์คนึงกับจินดาเหมือนกันค่ะ อาจารย์เฮี้ยบๆ กะลูกศิษย์รันทด ว้าวๆ อยากเขียนถึงเหมือนกันนะนี่  ถ้ามีโอกาสก็จะเล่าเรื่องของพวกเขาอีกก็แล้วกันเนอะ ^^

ละล้าละลัง
น้องจ้อยโผล่มาแป๊บเดียวก็ต้องหายไปอีก เพราะคอมคนเขียนไม่สบาย  โธ่..น้องจ้อย T^T (ขอโทษคนอ่านด้วยนะคะ)

cassper_W
ใช่ค่ะ คิดเหมือนกันว่าจินดาน่าสงสารที่สุด สิ้นบุญก่อนถึงเวลาอันควร ตอนมีชีวิตก็ลำบาก พอถึงวาระสุดท้ายก็จากไปอย่างทรมานอีก  คนเขียนช่างใจร้ายจริงหนอ T^T

choijiin
พี่สิงห์โผล่มาเรียกคะแนนแป๊บเดียว  นอกจากถูกคนเขียนถีบหัวซุนเข้าโรงเข้าม่านไปแล้ว  โน้ตบุ้คคนเขียนก็มีอันมาเสียอีก  ฮือๆๆ โถ พี่สิงห์ของน้อง  ดาวแจ้งเกิดของพี่มันช่างริบหรี่เสียจริง  (ซ่อมเสร็จแล้วจะรีบปั่นต่อเลยค่ะ^^)

PetitDragon
เหตุผลน้องจ้อยจะเฉลยในอีกครึ่งหลังค่ะ :)

IIMisssoMII
ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังน๊าคุณส้ม  แอบบอกใบ้เป็นการไถ่โทษละกันว่าตอนหน้า  พี่สิงห์น้องจ้อยได้ถึงเนื้อถึงตัวกันแน่ค่ะ^^

GoodboyNicky
พวกผู้ชายปากแข็งเนี่ยนะคะ ร้อยทั้งร้อย ใจอ่อนปวกเปียกกันทั้งน๊าน

meiji
ขอบคุณที่ชอบนิยายเรื่องนี้ และขอบคุณที่มองเห็นความน่ารักหลบในของพี่สิงห์นะคะ^^

jannie
อีกครึ่งตอนหลังก็จะได้รู้กันจ้า

silverspoon
แบบว่าคนมันขี้เก๊กอ่ะเนอะ

~l3aml3ery~
ขอบคุณที่เป็นห่วงจ้า  หวัดหายแล้วตอนนี้แข็งแรงฟิตปึ๋งปั๋ง  แต่โน้ตบุ้คมาป่วยแทนซะงั้น T^T

่patsaporn
น้องมันน่ารักด้วย พี่สิงห์ยิ่งมองยิ่งอยากกอดอยากหอม  หวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ >///< คาดว่าถ้าไปดูหนังกันพี่สิงห์คงดูหนังไม่รู้เรื่องอ่ะค่ะ  คงได้แต่ดูหน้าน้องนี่แหละ  คนมันบ้า

both^^
น้องจ้อยทำกับข้าวเก่งเพราะแบ่งหน้าที่กับพี่จินดาไว้ชัดเจน  พี่ต้องทำงานนอกบ้าน  ส่วนน้องต้องรับผิดชอบงานในบ้านค่ะ  เลยเป็นแม่ศรีเรือนฉะนี้แล

EoBen
อย่างที่บอกค่ะ คนมันบ้า (พี่สิงห์: บ้าก็บ้ารักวะเฮ้ย) คิดได้ยังไงน๊า ว่าน้องอยากไปดูหนังเพราะชื่อหนังมีชื่อตัวเองน่ะ 

beamJ
หายดีแล้วค่า  ขอบคุณที่เป็นห่วงเน้อ  เรามาเอาใจช่วยคู่น้องจ้อยพี่สิงห์กันต่อไป  คู่นี้อีกนานเลยค่ะ กว่าจะเข้าใจกัน

zazoi
ถ้าวันนึงคุณนายพูนทรัพย์รู้ว่าสิงห์ชอบน้องจ้อย  โอย..ไม่อยากจะคิด  บ้านแตกแน่ๆ เลยค่ะ T^T

four4
จริงๆ เรื่องนี้พี่สิงห์เขาก็เป็นพระเอกน๊า  (อย่างที่เคยบอกว่าเรามีสองคู่) อาจารย์เป็นพระเอกแนวอ่อนโยนใจดีไปแล้ว  ก็ขอพี่สิงห์เป็นพระเอกแนวเถื่อนๆโหดๆก็ละกัน

maru
ถ้าเรื่องน้องจ้อยละก็ พี่สิงห์แกคิดมาก คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ตลอดศกแหละค่ะ  ปากก็แค้งแข็งแหละ  ง้างด้วยคีมยังไม่อยากจะออก เฮ้อ

zombi
ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ  เหะๆ คนเขียนไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่าไหร่จริงๆนั่นแหละ  เที่ยวก็เก่ง นอนก็ดึก หวัดเลยถามหาเลย T^T

MIkz_hotaru
คือใจจริงก็อยากเนียนๆ พาน้องไปดูหนังเองนั่นละ  แต่พูดมาแต่ละอย่างยังกะหมาสำรอกขี้  มันก็สมควรละค่ะที่น้องจะไม่เข้าใจพี่สิงห์ซ้ากที  (ลุ้นจนเหนื่อย)

mello-frappe
โว้ว ดีใจยังมีคนไม่ลืมไอ้ลอย  มันจะโผล่มาสร้างความร้าวฉานอีกไหมน๊า  รอลุ้นอีกครึ่งตอนที่เหลือนะคะ^^

$VAN$
พี่สิงห์ทั้งรักทั้งหลงเลยค่ะ (นี่ขนาดยังไม่ได้กันนะนี่ แอร๊ย>///<)

pure_ka
กร๊ากกกก  ถ้าวันไปดูหนัง  ออกจากโรงหนังแล้วพี่สิงห์พาน้องเข้าโรงแรมต่อ (ถ้าแถวนั้นมันมีอ่ะนะ) พี่สิงห์มีหวังได้ถูกเกลียดอีกแน่เลยจ้า ๕๕๕+

malula
พี่สิงห์แค่มีรักแต่แสดงความรักไม่เป็นเท่านั้นเอง  น้องจ้อยไม่เข้าใจบ้างเลย T^T

wdaisuw
ว้าว..ขอบคุณที่ชอบพี่สิงห์นะคะ :)

vavacoco
ใช่จ้ะๆๆ เรื่องนี้แหละเรื่องนี้  กร๊ากกก ว่าแต่คิดได้ไงเนี้ยว่าอิพี่สิงห์ไปดูผู้ชายควบม้าแล้วจะนึกหื่นขึ้นมาอีก โอย..(ขำจนปวดท้อง๕๕๕+) พี่สิงห์เอ๊ย  อย่าหน้ามืดเห็นน้องจ้อยเป็นม้าล่ะ  ก๊ากกก  อุ๊ย เกือบลืมที่ถาม  คำด่าพวกรากไส้  รากตับ รากปอดเนี่ย พี่โดนคุณตาด่าบ่อยม๊ากเลย ก็เลยจำมาค่ะ มันคงเป็นคำด่าสมัยโบราณ  จริงๆเวอร์ชั่นเต็มคือ ‘ห่ารากไส้’ ห่าคือโรคอหิวา  รากคืออาเจียน  คงประมาณแบบเป็นอหิวาจนอ้วกเอาไส้ออกมา (แล้วมันเป็นคำด่าได้ไงนั่น) ตาพี่มีอีกเยอะค่ะ  เดี๋ยวเอามาให้กำนันด่าพี่สิงห์อีก ๕๕๕+

pie_handsome
น้อยเนอะ  อัพมาด๊ายยแค่สี่หน้าเอง T^T  คนเขียนหายเป็นหวัดแล้วค่ะ  คนอ่านหายยังเอ่ย 

darkuril
แบบว่า..คนเราเวลารักใครแล้วสมองมักฝ่อค่ะ  พี่สิงห์แกคิดได้ไงเนี่ยแต่ละอย่าง เฮ้อ..

koikoi
ขอบคุณที่มองเห็นความน่ารักของพี่สิงห์นะคะ  จริงๆ แล้วเนื้อแท้พี่แกเป็นคนดีน๊า  เสียตรงที่คบเพื่อนเลวนี่แหละ  เลยพากันเลวไปด้วย  มงคลชีวิตยังมีบอกไว้เลย (ข้อไหนไม่รู้) ว่าอย่าคบคนพาลน่ะ  พี่สิงห์ไม่รู้จักหามาอ่านซะมั่ง

Zymphoniz
นั่นสิเนอะ  ถ้าพี่สิงห์ยอมพูดกับน้องจ้อยดีๆ  อ่อนโยนกับน้องบ้าง  ป่านนี้คงรักกันลั้ลลาไปแล้ว

kagehana
น้องน่ารักจริงๆ นั่นแหละค่ะ  เขียนเองยังหลงเองเลย  แล้วมีรึพี่สิงห์จะรอด ๕๕๕+

ordkrub
พี่สิงห์บื้ออย่างนี้ต้องให้ไอ้ลอยสอนซะแล้ว  (เอ๊ะ.. จะดีเรอะ?)

moredee
พี่สิงห์น่ะคงอยากดูแลน้องจ้อยค่ะ  แต่ไม่รู้ว่าน้องจะอยากให้ดูแลหรือเปล่า ^^”

kwangun
ปากแข็งแถมยังปากหมาอีกเนอะคนเรา  ๕๕๕+ สมควรแล้วที่น้องไม่เข้าใจซ้ากที

nong PeePee
ยินดีต้อนรับคนอ่านใหม่จ้า มามะมากอดกัน^^ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ

jamemy
รออ่านต่อเสาร์หน้านะคะ  ขอโทษจริงๆ ที่มีเหตุให้ต้องสะดุดตลอดเลย T^T

tuek
อยากไปด้วยเพราะหวังทั้งไปคุมและทั้งได้ออกเดทกับน้องจ้า  โถ..อิพี่สิงห์ บอกน้องไปตรงๆ ดีๆ น้องก็เข้าใจเอ็งแล้ว

kinsaki
๕๕๕+ คือแบบ.. บทที่ ๑๗ นี่เขียนไปแล้วเข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมนิยายสมัยก่อนเอะอะก็เข้ากระท่อม เพราะมันหาสถานที่ไม่ได้จริงๆ  โรงแรมก็ไม่มี  ที่บ้านก็ไม่ได้ (พ่อแม่อยู่) กร๊ากกก เลยออกมาเป็นที่กระท่อมน้อยคอยรักนี่แหละจ้า  แต่กระท่อมนี้มีความหมายนะ  เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญอีกที่หนึ่งของเรื่องเลยล่ะ ^^ ส่วนบทที่ ๑๘ พี่สิงห์สอบปากคำซะน้องจ้อยใจฝ่อไปเลย  สุดท้ายก็แค่อยากไปดูหนังกะเค้าอ่ะ  เฮ้อ..คนเรานี่น้า

destiny_dr
อั๊ย >< เนอะๆๆ คิดเหมือนกันเลยว่าน้องจ้อยน่ารัก น่าถนอม แต่ขณะเดียวกันก็น่ารังแกที่ซู้ดดด

suck_love
หากถามว่าเมื่อไหร่พี่สิงห์จะเผด็จศึกน้อง  คนเขียนก็ขอตอบว่า.. ถ้าโควตาหน้ากระดาษมันลงตัวกับโครงเรื่องที่วางไว้.. ก็..อืม.. (นับข้อนิ้วแบบซินแส) บทที่ ๑๙ นี่แหละจ้า >///<

fahzang
ตอนนี้พี่สิงห์อาจจะยังน่ารักอยู่  แต่อ่านไปเรื่อยๆ อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะคะ โฮะๆๆ ^o^

swordtails
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องนี้จ้า  ขอบคุณมากเลยสำหรับคำบอกรักค่ะ  อรั๊ง~ เขินบิดไปบิดมา  เขาว่ากันว่างานเขียนสะท้อนตัวคนเขียน  แต่ตัวจริงเราออกจะกระโดกกระเดกแข็งกระด้างนะคะ  ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนตัวหนังสือซักนี้ดด แฮ่ๆ 

เราเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้  เพราะความคิดว่า ‘อยากอ่านนิยายแบบนี้’ (ความจริงก็คิดแบบนี้กับทุกเรื่องที่เขียนนั่นแหละค่ะ^^) เวลาอ่านนิยายเก่าๆ ของนักเขียนสมัยก่อนแล้วเกิดความคิดแปลกๆ  เอ๊..ทมยันตี ว.วินิจฉัยกุล พนมเทียน อะไรเทือกนี้  ทำไมเขาไม่เขียนนิยายวายบ้างน้อ (บ้าแล้ว ใครจะไปเขียนเล่าเอ๊อ)  ในเมื่อไม่มีใครเขียนให้อ่าน ก็เลยเขียนเองซะเลยค่ะ  (ถึงจะรู้ตัวว่าไม่อาจเทียบชั้นพวกท่านก็เถอะ^^)

ตอนแรกที่เริ่มวางโครงก็มีคิดๆ เหมือนกันนะคะ  ประมาณว่า.. สนุกเหรอ(วะ) จะมีคนอ่านไหม  ใช้ภาษาแบบนี้มันเชยไปหรือเปล่า  แต่ก็ตัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไปเมื่อลงมือเขียนค่ะ  เขียนไปอย่างที่อยากอ่าน  เขียนด้วยความรัก  ต้องสื่อถึงคนอ่านได้สิน่า  แล้วก็มีคนอ่านจริงๆ ด้วย  เย้ >< 

พูดถึงเนื้อเรื่องบ้าง  ในส่วนของความรักระหว่างชายเล็กกับอาจารย์คนึง  ไม่แปลกหรอกจ้าที่อ่านแล้วจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ  เพราะคนเขียนเองก็ตั้งใจเขียนให้มันเป็นรักที่วูบไหวพร่าพรายเหมือนดอกไม้ไฟ  (อ๊าย พูดมากกว่านี้ไม่ได้เดี๋ยวกลายเป็นสปอยล์นิยายตัวเอง><) เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความไม่เหมาะสมทั้งปวง  และทั้งสองจะต้องเผชิญหน้ากับผลแห่งความรักครั้งนี้แน่นอนค่ะ  รอติดตามเน้อ 

ปล. พิสูจน์อักษรไม่ค่อยดีเท่าไรหรอกค่ะ ตอนที่แล้วมี “ชานจาม” ด้วย แอร๊ย~ ที่ถูกมันต้อง “จานชาม” สิ  เอามาผวนกันเฉยเลย  T^T     

รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้ :L2:
๘ ก.ย. ๕๕
 

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
งื๊ดดดดดดดดดดดดด
อดใจรอ น้องจ้อยกะพี่สิงห์ก็ได้ ปล. แอบอยากให้อ้ายสิงห์ล่มปากอ่าวเหลือเกิน 555++

swordtails

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยยยยยยยยยยยย คุณดอกไม้ /ยื้อยุดไม่ให้ไป พร้อมส่งโน้ตบุ๊กให้ปั่นนิยายแทนชั่วคราว/

ขอบคุณที่แวะมาแจ้งข่าว แล้วก็คุยกันนะคะ ขอให้น้องคอมหายไว ๆ

แล้วเราจะรอติดตามตอนต่อไปแน่นอนค่ะ ^^

รักคนแต่ง ~ /ฝากความคิดถึงไปให้พี่สิงห์กับน้องจ้อยด้วยนะคะ/

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
บทที่ ๑๘

ที่รัก

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


อย่าเหมือนน้ำค้างพราวพร่างใบพฤกษ์
พอยามดึกเหมือนดังจะดื่มกินได้
พอรุ่งร้างก็จางหายไป
รู้แน่แก่ใจได้แต่ระทมชีวี*


   
ตลาดยอดคึกคักแต่เช้ามืด  พ่อค้าแม่ขายส่งเสียงเรียกลูกค้ากันเซ็งแซ่  ผู้คนพากันมาจับจ่ายซื้อของขวักไขว่  เด็กเข็นรถขนผักส่งเสียงขอทางโหวกเหวก  เจ๊เน้ยร้านข้าวแกงเคาะตะหลิวกับกระทะเสียงดังโคร้งเคร้ง 
   
ที่ห้องแถวไม้อันเป็นที่ตั้งร้านกาแฟของเจ๊กโก  นายสิงห์และพรรคพวกมานั่งจิบกาแฟกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง  หลังรับหน้าที่จากแม่ให้มาเก็บดอกจากพวกพ่อค้าแม่ค้า  พวกเขามักมานั่งแช่ที่นี่กันทุกเช้าเพราะไอ้ลอยมันหมายตาหมวยเกี้ยลูกสาวคนงามของอาโกไว้  สิงห์ไม่ได้อยากมานักหรอก  แต่ด้วยความเป็นหัวหน้ามันค้ำคอ  ลูกน้องมันเฮไปทางไหน เขาก็ต้องเฮไปทางนั้นด้วยอย่างช่วยไม่ได้     
   
พอสิงห์กับลอยสั่งโอยั๊วะ  เจ๊กโกก็ตักน้ำร้อนจากหม้อกาแฟเทลงในถุงกาแฟที่ใส่ไว้ในเหยือกทองเหลืองบนหม้อต้มน้ำ  ยกถุงกาแฟจากเหยือกเอาไปไว้เหนือแก้ว  ปล่อยให้น้ำกาแฟค่อยๆ ไหลลงแก้วจนเกือบเต็ม  ส่วนไอ้เลิศไอ้หมานติดรสหวานจัด  กาแฟของพวกมันเลยต้อง ‘ยกล้อ’ ตัดรสขม     

หัวหน้าอันธพาลยกโอยั๊วะขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี  ควันยังลอยกรุ่นอยู่เหนือของเหลวสีดำในแก้วก้นจีบ 

สิงห์เคยเข้าโรงหนังมานักต่อนัก  กับพวกไอ้ลอยบ้าง  กับพวกสาวๆ ดาราโรงเรียนก็เคย  แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่จะได้เข้าไปกับจ้อย  ตอนเด็กๆ อย่างดีก็แค่นั่งดูลิเกด้วยกัน  หรือไม่ก็หนังขายยาที่กว่าจะเริ่มฉายได้ก็ประกาศขายยาวิเศษอยู่นั่นจนจ้อยหาวแล้วหาวอีก 

นานเท่าไรแล้วที่เขากับน้องไม่ได้ดูหนังด้วยกัน
   
ใบหน้าคมสันยิ้มจางให้ปาท่องโก๋ตรงหน้า  แค่คิดถึงคืนนี้  หัวใจก็อิ่มเอิบนัก  หน้าโรงหนังเปรมประชามีข้าวโพดคั่วคลุกน้ำตาลเคี่ยวกับแบะแซขายด้วย  จ้อยจะต้องชอบแน่ 

จู่ๆ คนที่อยู่ในห้วงคำนึงก็มาปรากฏตรงหน้า  เด็กหนุ่มร่างเล็กเดินหิ้วตะกร้าจนตัวเอียงผ่านหน้าร้านกาแฟไป  คนที่สิงห์คิดว่าต่อให้เห็นแค่ปลายนิ้วหรือปลายผมก็ยังจำได้  หน้าขาวๆ ตาโตๆ อย่างนี้จะมีใครอีก   

จ้อย..

พวกไอ้ลอยมัวแต่เกี้ยวพาอาหมวยคนสวยที่ยกขนมปังสังขยามาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ  หัวหน้านักเลงลุกพรวดขึ้นทันใด  วิ่งไปชะโงกมองแผ่นหลังเล็กว่าเดินไปทางไหน  ก่อนวิ่งกลับมาหาโถใส่ขนมที่วางเรียงรายอยู่บนชั้นข้างหม้อกาแฟ  มือใหญ่ลนลานล้วงหยิบโถละกำสองกำวุ่นวาย  ทั้งขนมตุ้บตั้บ  ถั่วตัด งาตัด ขนมโก๋  ขนมคอเป็ด ท็อฟฟี่นม 
   
เจ๊กโก  ชายกลางคนชาวจีนร่างผอมหัวโล้นเลี่ยน  ไว้หนวดปรกข้างปาก  ตาตี่ๆไม่มีเหล่าเต๊งของแกถึงขั้นเหลือกลานเมื่อเห็นขนมกองพูนบนโต๊ะตรงหน้า  สาละวนดีดลูกคิดได้สองเม็ด  ลูกค้าตัวโตก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง  คว้าถุงกระดาษมาโกยขนมใส่ลงไปแล้วโยนธนบัตรสีเขียวมาให้  ตะแกรีบคว้าเอาไว้แทบไม่ทัน  เผลอแผล็บเดียวเจ้านักเลงโตก็เผ่นออกจากร้านยังกับจะไปหาเรื่องใคร

ไอ้หยา.. แต่หน้าตาไหงยิ้มแฉ่งยังงั้นล่ะเหวย.. อั๊วะละเท้าฮิ้งน่อ   


จ้อยมัวแต่ยืนคุยกับยายอยู่ที่แผงขายผัก  มือเหี่ยวย่นลูบแขนเขาครั้งแล้วครั้งเล่า  คว้าไปกอดไปหอมอย่างรักใคร่  แม้ว่าเขาจะโตเป็นหนุ่มแล้ว  แต่ในสายตายาย  เขายังเป็นหลานตัวน้อยเสมอ    เสียงแหบพร่าพร่ำถามว่าเขากินข้าวกับอะไร  เมื่อคืนหลับสบายดีไหม  ลูบแขนลูบแก้มแล้วก็ทักว่าผอมไปหรือเปล่า  กระแสความห่วงใยถ่ายทอดมาจนจ้อยน้ำตาคลอเอ่อ
   
ทันใดนั้น  ตะกร้าในมือถูกใครไม่รู้มาฉุดกระชากไป  เล่นเอาจ้อยใจหล่นวูบ นึกว่าถูกวิ่งราวแต่เช้า  แต่พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเท่านั้น  หนุ่มน้อยมีอันต้องตกใจยิ่งกว่าเก่า
   
ไอ้สิงห์!

“หิ้วเข้าไปสิของหนักน่ะ” เสียงห้าวแข็งกระด้าง  ดวงตาเรียวคมมองจ้อยหัวจรดเท้า “เอ็งถึงได้เตี้ยอยู่อย่างนี้!” เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าคมสัน  แผ่นอกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงยังกะไปวิ่งไล่ตามใครมา

“จ้อยมันเกิดปีน้ำน้อย” ยายช้อยหัวเราะเฮ่อะๆ “ไม่เหมือนพ่อสิงห์หรอก”
   
หนุ่มน้อยเม้มปากแน่น  ขึงหน้าตึงเป็นสะดึงเย็บผ้า  อยู่ดีๆ ก็ถูกล้อสังขารแต่เช้า  มือเล็กพยายามแย่งตะกร้ากลับมา  แต่กลับถูกไอ้นักเลงโตยันหน้าผากเสียหัวซุน   
   
“ไม่ต้องเลยไอ้เตี้ย! แขนสั้นอย่างเอ็ง  กับข้าวข้าลากพื้นหมด” แขนล่ำสันคล้องตะกร้าแน่นเข้าอย่างหวงแหน “เอ็งถือนี่ละกัน” ว่าพลางโยนถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือมาให้  จ้อยตะครุบไว้แทบไม่ทัน
   
หากพอเปิดถุงออกดูก็ต้องแปลกใจ  ขนมนมเนยอัดแน่นเต็มถุง  หนุ่มน้อยเงยหน้าที่มีแต่ความสงสัยขึ้นมอง 
   
“เอาไปฝากยายฝน” เสียงห้าวตอบห้วน  จ้อยถึงบางอ้อ  นึกไปถึงแม่หนูน้อยตากลมลูกสาวน้าแป้น  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายกำนันต้องเสมองไปทางอื่น  ถูกปลายจมูกฟุดฟิด  กระแอมแฮ่มๆ  “แต่.. ถ้าเอ็งจะแบ่งไปกินบ้างข้าก็ไม่ว่า”
   
หญิงชราเห็นขนมหวานของโปรดหลานรักแล้วหัวเราะเฮ่อฮ่าเห็นฟันดำ “พ่อสิงห์ใจดีจริง” แกชมเปาะ  คนถูกชมเลยยิ่งยืดใหญ่  จ้อยเหลือบมองท่ายืนอย่างนักเลงแต่คล้องตะกร้าจ่ายตลาดไว้ที่แขนแล้วตีหน้าปุเลี่ยน  รู้สึกทะแม่งๆ เหมือนกลืนแกงเผ็ดใส่ไข่หวาน
   
มันเข้ากันเสียทีไหนล่ะ!

มือเหี่ยวย่นเลือกกล้วยน้ำว้าแก่จัดจนเหลี่ยมลบผลกลมเปล่งปลั่งส่งให้ลูกชายกำนันสองหวี  ให้ฟรีไม่คิดเงิน  จ้อยมองเปลือกกล้วยสีกระดังงาแล้วคิดรายการของหวานค่ำนี้ได้ทันที  หนุ่มน้อยกระพุ่มมือไหว้ลายายแล้วเดินจากมา  เขายังมีรายการอาหารสดที่ต้องซื้อยาวเป็นหางว่าว 
   
คนตัวโตหิ้วตะกร้าเดินตามต้อยๆ  พอจ้อยพยายามเอาตะกร้าคืน  ใบหน้าคมสันก็ถลึงตาใส่  จนเจ้าตัวเล็กขี้เกียจจะทวงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย 
   
ยายช้อยมองภาพลูกชายกำนันเดินตามหลานชายของแกด้วยดวงตาเปี่ยมสุข 

“กล้วยบวชชีกับข้าวต้มผัด  อยากกินอะไร” จู่ๆ ร่างเล็กหันไปถามคนที่เดินตามหลังแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  คนที่เอาแต่เดินใจลอยชะงักเท้ากึก  มองดวงตาใสซื่อแล้วนิ่งงันไปชั่วครู่ 
   
พอตั้งสติได้จึงตอบอ้อมแอ้ม “อะ..อะไรก็ได้” ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคำถามง่ายๆ แค่นี้ถึงทำหัวใจเขาพองโตได้ “ถ้าเอ็งทำ  ข้ากินได้หมด”
   
ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้  แม้จ้อยจะป้อนยาพิษให้  เขาก็คงเต็มใจกลืนทุกหยาดหยด

จ้อยพยักหน้าหงึก  เกาปลายคางอย่างใช้ความคิด กล้วยแก่จัดกำลังดีน่าเอามาทำกล้วยบวชชีที่สุด “กล้วยบวชชีดีกว่า  ถ้าทำข้าวต้มผัดต้องรอให้งอมกว่านี้” เสียงเล็กพูดกับตัวเองลอยๆ  ก่อนเดินลิ่วไปซื้อถั่วเขียว  ตั้งใจเอามาคั่วกะเทาะเปลือกใส่ลงไปด้วย 
   
พ่อค้าแม่ค้าตลาดยอดคงต่างพากันแปลกใจ  ไหงวันนี้ไอ้นักเลงโตมาถือตะกร้าเดินจ่ายตลาดตามนักเรียนครูต้อยๆ ได้  สิงห์กระชับตะกร้าในมือแน่น  มองน้องทุกอิริยาบถ  มองปลายนิ้วเรียวจิ้มพุงปลาทูที่นอนอัดกันอยู่ในเข่ง  มองมือขาวหยิบๆ เลือกๆ หมูเนื้อแดงอย่างคล่องแคล่ว  ก่อนยื่นให้เถ้าแก่จั่นใช้ใบตองห่อเนื้อหมูผูกเงื่อนกระตุกด้วยเชือกกล้วยส่งให้  มองดวงตาคู่ใสกวาดไปทั่งกองมะพร้าวห้าวเลือกลูกเหมาะๆ  มองกลีบปากบางคลี่ยิ้มให้กับลูกเจี๊ยบย้อมสีชมพูสีเขียวที่ส่งเสียงร้องจิ๊บๆ อยู่ในลัง 
   
ตะกร้าหนักขึ้นทุกที  แต่สิงห์สุขใจขึ้นทุกครา  เผลอยิ้มตามไม่รู้ตัว  ยิ่งนึกไปถึงค่ำคืนนี้  หัวใจยิ่งอิ่มเอิบนัก

เมื่อจ้อยบอกว่าซื้อของครบตามรายการแล้ว  มือใหญ่ไม่รั้งรอ  จู่ๆ ก็ฉุดข้อมือน้อยเดินนำลิ่วๆ  พาน้องเดินออกจากตลาดสด  ลัดเลาะไปตามแนวห้องแถวไม้  แกล้งทำเมินคำถามที่น้องพร่ำถาม  แกล้งไม่ไยดีกับแรงน้อยนิดที่พยายามยื้อข้อมือตนออก  จนกระทั่งถึงที่หมาย 
   
ร้านตัดเสื้อในตลาดมีอยู่สองร้าน  สิงห์เลือกร้านที่มีเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากกรุงเทพสวมอยู่กับหุ่นโชว์หน้ากระจกใส  เขาสังเกตมานานแล้วว่าน้องไม่มี ‘ชุดเที่ยว’ ใส่เหมือนอย่างใครเขาเลยสักตัว  ที่ชายเล็กซื้อให้เมื่อวันก่อนก็เป็นชุดนักเรียน  นอกเวลาเรียน  สิงห์ก็เห็นน้องใส่แต่เสื้อยืดที่เก่าจนคอยุ่ยย้วย  เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีหม่นที่ปะชุนจนเข็มหลง  กางเกงหรือก็ใส่พวกกางเกงนักเรียนสีกากีที่เคยใส่ตอนเรียนโรงเรียนประชาบาล 
   
มือใหญ่เลือกเสื้อเชิ้ตผ้าลินินแขนสั้นสีฟ้าทาบกับร่างเล็ก  จ้อยจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาจะซื้อเสื้อให้  เจ้าเด็กรั้นยืนกรานปฏิเสธท่าเดียว  สิงห์ทาบเสื้อกับหลังไหล่น้องไม่สนใจคำทักท้วง  ครั้นรำคาญหนักเข้าก็กลั้นใจใช้ไม้แข็ง 
   
“อย่ารั้น!” เสียงห้าวตะคอกทีเดียวจ้อยก็เงียบกริบ “คืนนี้ข้าไม่อยากเดินกับคนนุ่งผ้าขี้ริ้ว!”
   
แล้วก็หันไปจัดแจงจ่ายเงินเสร็จสรรพ  ไม่ทันสังเกตเห็นหนุ่มน้อยในชุดมอซอหน้าสลดวูบ  ก้มมองแต่ปลายเท้าตัวเอง  จนกระทั่งมือใหญ่ยื่นถุงกระดาษส่งให้  จ้อยยังไม่มีทีท่าจะยื่นมือไปรับ  จนหัวหน้าอันธพาลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้กับความดื้อด้าน  บังคับยัดเยียดใส่มือเล็กจนได้ 
   
สาสมอารมณ์หมาย  คนตัวโตเดินผิวปากออกจากร้านไป  คล้ายไม่รู้ตัว  ว่าทิ้งหินก้อนเขื่องถ่วงลงในหัวใจดวงเล็กจนหนักอึ้ง 

สิงห์ดึงดันจะหิ้วตะกร้าไปส่งจ้อยถึงเรือที่ผูกไว้ที่ท่า  แต่พอจ้อยบอกว่ากำนันฝากให้ซื้อกาแฟร้านเจ๊กโก  พ่อนักเลงโตก็มีอาการอึกอักลังเลทันที 
   
ลูกน้องนั่งอยู่เต็มร้าน  เขาจะหิ้วตะกร้าเข้าไปได้อย่างไร  อายพวกมันตายโหง 

จ้อยฉลาดพอที่จะไม่ทำให้เขาหนักใจ  มือเล็กแย่งตะกร้ามาถือเอง  สิงห์ใจวูบเมื่อเห็นตะกร้าที่เขาถือได้สบายๆ  ครั้นพอน้องรับไปแล้วถึงกับต้องหิ้วสองมือ  เกร็งข้อมือแน่น  หัวหน้าอันธพาลได้แต่เดินตามร่างเล็กที่หิ้วตะกร้าจนไหล่เอียงเข้าไปในร้านเจ๊กโก
   
ไอ้ลอย ไอ้เลิศ ไอ้หมานยังนั่งหน้าสลอนอย่างที่คิดไว้จริงๆ 

“พี่สิงห์ไปไหนมา” ไอ้หมูเลิศถามซื่อๆ  ปากมันแผล็บเคี้ยวปาท่องโก๋ตุ้ยๆ  ลูกพี่กลับนั่งลงโดยไม่ตอบคำถาม 

ไอ้ลอยลอบยิ้มมุมปาก  ก้มหน้าจิบโอยั๊วะไม่สนใจ  แต่สายตาคมวาวเหลือบมองนักเรียนครูร่างเล็กที่เดินเข้ามาพร้อมกัน  จ้อยเดินผ่านพวกเขาไปสั่งกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล  เจ๊กโกยิ้มแต้ กุลีกุจอกรอกของเหลวสีน้ำเข้มลงขวดเหล้าสีขาวที่ล้างจนสะอาด  แต่พอจ้อยจะจ่ายเงินกลับต้องชะงัก  เมื่อมือเหี่ยวย่นยื่นโอเลี้ยงในกระป๋องนมร้อยเชือกกล้วยส่งให้อีกอย่าง
   
“อั๊วะแถมห้ายลื้อ” สำเนียงแต้จิ๋วปนไทยมาพร้อมรอยยิ้มแปลกประหลาด  จ้อยยืนยันจะจ่ายเงินค่าโอเลี้ยง  เจ๊กโกก็ไม่ยอมรับท่าเดียว “ไม่เป็งลาย กากี่นั้งน่า”
   
นักเรียนครูคนซื่อเลยพนมมือไหว้นอบน้อม  รอยยิ้มสดใสแต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์ “ขอบคุณจ้ะ”

สิงห์จ้องมองไม่วางตา  ทีกับเขาล่ะไม่เห็นยิ้มแบบนี้ให้บ้าง

คล้อยหลังจ้อย  เจ๊กโกก็ออกลาย  ร่างผอมเกร็งมองตามจนลับตาขณะเดินไปนั่งรวมกลุ่มกับตาสุ่มขี้เมาประจำตลาด 
   
เปิดฉากนินทาลับหลังอย่างหน้าไม่อาย
   
“อาจ้อยอีแซฮ่อ  โค่ไอย้ จิ๊ๆๆๆ” เจ๊กโกส่ายหน้าทำท่าเสียดมเสียดาย  โบกพัดใบตาลในมือพรึ่บๆ จนเสื้อกล้ามสีขาวพะเวิบพะวาบตามแรงลม 
   
“ไอ้จ้อยมันถอดแม่มาเปี๊ยบ  อีกำไลแม่ไอ้จ้อยมันสวย” ตาสุ่มแกคุยกะเจ๊กโกบ่อยจนพอฟังออก  ใบหน้าดำคล้ำนินทาออกรส “สวยแต่ร่านยิ่งกว่าอีตัวซะอีก  ผ่านผู้ชายมาทั้งบางแล้วมั้ง  ไอ้จ้อยกับจินดายังไม่รู้เลยว่าพ่อเดียวกันหรือเปล่า”
   
“ฮ่าย  อึมใจม่ายซั่วเค้าแป๋  อีหยำฉ่า  เมื่อก่องอีนั่งขายขนมโตงนี้” ชายจีนชี้มือไปหน้าร้าน “พวกพูชายมาตีกางแย่งอีทู้กวาง”
   
“หน้าอย่างนี้  ยิ้มหวานอย่างนี้  ถ้าเป็นผู้หญิงมันคงแรดเหมือนแม่มันนั่นแหละ”

สองคนสนทนากันสนุกปาก  หารู้ไม่ว่าปากตัวกำลังพาความซวยมาเยือน  เข้าตำราแกว่งปากหาเสี้ยนนั่นเทียว

อันธพาลหนุ่มจ้องพวกนั้นตาเขม็ง  มือใหญ่กำหมัดแน่น 
 
“อาจ้อยอีชีชี แปะแป๊ะ  หลั่นแหง๋ชิกฮุงเสี้ยว” เจ๊กโกทำท่าสูดปากแล้วก็ตบเข่าฉาด “เฮ่อ  เสียลาย  เป็งพูชายซะล่าย  นี่ถ้าอีเป็นพูหญิงนา..” 
   
“ถ้ามันเป็นผู้หญิงแล้วมึงจะทำไม!” เสียงห้าวตะคอกถามลั่น  สิงห์ทะลึ่งตัวลุกพรวดจนเก้าอี้ล้มกลิ้ง  แผงอกกำยำกระเพื่อมขึ้นลง  กำหมัดแน่นจนสั่นสะท้าน  สายตานั้นเหมือนจะเผาเจ๊กโกได้
   
อีกฝ่ายกลับลอยหน้าลอยตาตอบ “ถามล่าย  อั๊วะก็จับทำเมียน่ะซี ฮ่าๆๆ.. โอ๊ย!” 
     
กำปั้นลุ่นๆ ซัดปากไอ้เจ๊กปากหมาจนกระเด็นหงายหลัง  ร่างสูงใหญ่ไม่หนำใจตามไปคร่อมไว้แล้วรัวหมัดลงใบหน้าซีดขาวอีกหลายครั้งติดๆ กัน  ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน  หมวยเกี้ยคนงามถึงกับกรีดร้องลั่น 
   
“โอ๊ย! ไอ้เช้าโท้ว! ฝู่โบ้ เก๋าเจ้ง!” เจ๊กโกพ่นคำหยาบคายออกมาเป็นชุด  พยายามปัดป้องด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิด  ตาสุ่มงกเงิ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบปรี่เข้ามาช่วยเพื่อน  คว้าเก้าอี้ไม้ฟาดลงหลังไอ้อันธพาลอย่างแรง 
   
ความเจ็บปลาบแล่นลามไปทั่วแผ่นหลัง  สิงห์กัดฟันข่มไว้  แล้วชกหน้าตาสุ่มกลับไปบ้างอย่างบ้าคลั่ง  เฮียโหล่งลูกชายเจ๊กโกปราดเข้ามาช่วยพ่อ  ไอ้เลิศ ไอ้หมาน โดดเข้ามาร่วมวงตะลุมบอนช่วยลูกพี่  ร้านกาแฟเจ๊กโกชุลมุนวุ่นวายไปหมด  ขวดน้ำอัดลม แก้วเปล่าปลิวหวือไปทางโน้นทีทางนี้ที  พ่อค้าแม่ค้าข้างนอกได้ยินเสียงดังก็รุมล้อมกันเข้ามาดู  นินทากันสนุกปาก  เรื่องเดิมๆ  ไอ้สิงห์ลูกชายอันธพาลของกำนันก่อเรื่องอีกแล้ว
   
มีเพียงไอ้ลอยที่ทำเป็นประคองอาหมวยคนสวยไว้อย่างปลอบขวัญ  ไม่คิดเข้ามาช่วยลูกพี่สักนิดเดียว
    
***************************

จ้อยนั่งพับเพียบแต้อยู่กับพื้น  บนตั่งไม้สักตรงหน้า  คุณนายพูนทรัพย์กำลังตรวจดูรายการข้าวของที่บ่าวคนใหม่ซื้อมาอย่างละเอียด  ซักถามราคาชนิดไม่ให้เงินทอนกระเด็นแม้สักสตางค์เดียว 
   
แล้วสิ่งที่จ้อยกลัวก็เกิดขึ้น

“นี่อะไร” มือขาวอูมหยิบห่อกระดาษขึ้นเปิดออกดู  พอเห็นว่าเป็นขนมนานาชนิดก็จ้องจ้อยตาถลน “แกเอาเงินฉันไปซื้อขนมเรอะไอ้จ้อย!”
   
“เปล่าจ้ะ” หนุ่มน้อยปฏิเสธเลิ่กลั่ก “คือ.. คุณสิงห์ซื้อมา”
   
“ของหวานทั้งนั้น  ตาสิงห์คอตื้นจะตาย  เขาไม่แตะของพวกนี้หรอกย่ะ”
   
“เขาซื้อมาฝากหนูฝนน่ะจ้ะ”
   
คุณนายกำนันหรี่ตา  เขย่าถุงดูเห็นถั่วตัดงาตัดก็เบ้หน้าหมั่นไส้ “เฮ่อะ! ยัยฝนฟันหลอทั้งปาก  ขนมแข็งๆ ทั้งนั้นมันจะเคี้ยวเข้าไปได้ยังไง” นิ้วขาวทาเล็บแดงสดจิ้มหน้าผากจ้อยจนหน้าหงาย  กำนันไปทำงานแล้ว  คุณนายเลยโขกสับบ่าวตัวดีได้อย่างไม่มีใครขัดขวาง “เขาซื้อให้แกนั่นแหละ  นี่คงไปอ้อนลูกฉันให้ซื้อให้ล่ะสิไอ้ลูกนังหยำฉ่า”
   
จ้อยหน้าซีดเผือด  ทั้งตกใจทั้งสับสน  ไอ้สิงห์จะซื้อขนมให้เขาเพื่ออะไร  กำลังขยับปากจะท้วง  คุณนายก็ค้นเจอถุงกระดาษน่าสงสัยซุกอยู่ก้นตะกร้า
   
“แล้วนี่อะไร” เมียกำนันล้วงของข้างในออกมา  พอสะบัดดูเห็นเป็นเสื้อเนื้อดีก็ทำตาโต  ขึ้นเสียงแหลมปรี๊ด “ต๊าย!  ทีนี้จะแก้ตัวว่ายังไง  เสื้อตัวเล็กอย่างนี้  ตอแหลอีกสิยะว่าตาสิงห์ซื้อใส่เองน่ะ”
   
“เขาซื้อให้จ้อยเอง” จ้อยว่าไปตามความจริง  อยากบอกคุณนายด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้อยากได้สักนิด
   
“อยู่ดีๆ ลูกฉันจะซื้อเสื้อให้แกทำไม!  ห๊า!”
   
“เขาบอกว่าไม่อยากไปดูหนังกับคนนุ่งผ้าขี้ริ้ว”
   
เปลือกตาเคลือบสีสดเหลือกลาน  ลูกตาแทบถลนออกมานอกเบ้า 
   
“นี่แกหน้าด้านถึงขั้นให้ลูกฉันพาไปดูหนังเลยเรอะ แล้วเขาก็ต้องออกเงินเลี้ยงแกด้วยงั้นสิ  มันจะมากไปแล้วนะไอ้ขี้ข้านี่!” ริมฝีปากแดงสดพ่นแต่ถ้อยคำระคายโสต  คนฟังได้แต่ก้มหน้านิ่ง  เพราะเหตุนี้ไงเล่าเขาถึงไม่อยากไปดูหนังกับนักเลงตัวโตเอาแต่ใจคนนั้น  “ฉันไม่ให้ไป!  แกไปบอกเขาเลยว่าฉันไม่ให้ไป  เสื้อกับขนมนี่ก็เอาไปคืนเขาซะ  ชะ! มาอยู่ไม่ทันไรก็เบียดเบียนเอาโน่นเอานี่  ดีนะที่แกเป็นผู้ชาย  ถ้าเป็นผู้หญิงคงจ้องจะจับลูกฉันแล้วสิ  โอย.. ฉันจะเป็นลม”
   
คุณนายพูนทรัพย์โยนทั้งเสื้อทั้งถุงขนมใส่หน้าจ้อย  มือขาวลูบอกที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ  ก่อนชี้หน้าหนุ่มน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าเจียมตน  ตอกย้ำความต่ำต้อยให้คนฟังยิ่งรู้สึกด้อยค่าแทบจมดิน
   
“จำใส่กะลาหัวแกไว้เลยนะ  เกิดมาเป็นขี้ข้าก็อย่าเสือกเสนอหน้า  แกมันคนละระดับกับลูกฉัน  อย่าฝันว่าลูกอีกำไลมันจะมาเทียบลูกฉันได้!”

   
บทสนทนาเผ็ดร้อนมีอันต้องยุติลง  เมื่อเสียงเรือยนต์แว่วมาจากท่าน้ำหน้าบ้าน  จ้อยกับคุณนายเหลียวมองตาม  เห็นกำนันเสริมในชุดสีกากีเดินขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งกินรังแตนมาจากไหน  ใบหน้าทรงอำนาจแดงก่ำ  พร่ำพ่นถ้อยคำผรุสวาทมาแต่ไกล 
   
ร่างสูงใหญ่ที่เดินตามหลังมานั้นไม่ใช่ใครอื่น  ไอ้สิงห์! 

หากพอจ้อยเห็นหน้ามันชัดๆ กลับต้องตกใจ  ใบหน้าคมสันที่เมื่อครู่ยังยิ้มย่องผ่องใสเดินตามเขาในตลาด  ตอนนี้กลับฟกช้ำดำเขียว  มุมปากแตก  คราบเลือดแห้งกรังเป็นทางจากขมับ  บางส่วนหยดลงเสื้อเชิ้ตตาสก็อตสีเข้มเป็นดวงๆ 
   
คุณนายพูนทรัพย์อุทานลั่นเมื่อเห็นหน้าลูกชาย  ร่างอวบแล่นถลาเข้าไปปลอบรับขวัญ  ไอ้สิงห์กลับสะบัดแม่ออกอย่างก้าวร้าว  ครั้นพอคุณนายถามกำนันว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ตะแกก็เล่าหมดเปลือก  ว่าไอ้สิงห์ไปมีเรื่องชกต่อยกับเจ๊กโกที่ร้านกาแฟ  เจ๊กโกแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย  เดือดร้อนแกต้องบากหน้าไปเจรจาไกล่เกลี่ย  เสียทั้งเงิน เสียทั้งหน้า

ทุกคำพูดของพ่อลอยผ่านหูไปเหมือนเป็นอากาศ  สายตาสิงห์จับจ้องอยู่ที่เด็กหนุ่มตัวเล็กที่นั่งพับเพียบตั้งแต่เดินขึ้นเรือนมา 
แค่เห็นดวงตาใสๆ คู่นั้น  เห็นใบหน้าอ่อนละมุนยังผ่องแผ้ว  ชายหนุ่มก็รู้สึกคล้ายรอยแผลบนหน้าจะทุเลาความเจ็บลง 

ทว่ามองนานไม่ได้  ในความยินดีนั้นมีความละอายอดสูเคลือบแฝง  ยิ่งเห็นน้องมองมาด้วยสายตาตระหนกกึ่งหวั่นกลัว  นักเลงโตปวดยอกในอกจนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น 
   
มือหยาบใหญ่ของพ่อกระชากคอเสื้อเขาไปกลางชาน  ผลักให้นั่งลงกับพื้นตรงข้ามนักเรียนครู  จ้อยยังดูตกใจไม่หาย  ร่างเล็กขยับจะลุกออกไป  อาจเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องในครอบครัวที่จ้อยไม่เกี่ยวด้วย 
   
“ครูไม่ต้องไป!  อยู่ตรงนี้แหละ!” เสียงดังกัมปนาทของพ่อตวาดก้องจนเจ้าตัวเล็กสะดุ้ง “ลุงจะด่าไอ้ลูกเวรนี่ต่อหน้าครู  ดูซิว่ามันจะละอายใจบ้างไหม” 

แล้วใบหน้าถมึงทึงก็หันมาทางสิงห์  กระแทกตะพดในมือลงพื้นกึงๆ
   
“มึงเห็นครูไหมไอ้สิงห์  พ่อแม่ไม่มี  บ้านก็ยากจน  เขายังอุตส่าห์พากเพียรร่ำเรียนเป็นครูได้  ไม่เหมือนมึง  เสียแรงที่เป็นลูกกู!”
   
สิงห์เงียบเหมือนคนไม่มีปาก  ดวงตาสีเข้มเสมองไปทางอื่น  กระนั้นคำพูดพ่อก็ยังเข้าหู  ทะลุทะลวงแทงใจทุกคำ 
   
“มึงอายุเท่าไรแล้ว  ยืนขึ้นมาก็สูงกว่ากูแล้ว  ต้องให้กูพูดยังไงมึงถึงจะฟัง  ตอนนี้กูอยากรู้ว่าในสมองมึงคิดอะไรอยู่  ตอนกูเท่ามึงกูเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องได้แล้ว  แล้วดูตัวมึงสิ  ไม่เป็นโล้เป็นพาย  วันๆ สร้างแต่ความเดือดร้อน!” ถ้อยคำติเตียนพรั่งพรูจากปากพ่อ  แม่ถลาเข้ามาจะห้าม  แต่พอพ่อเอาตะพดชี้หน้าทีเดียว  แม่ก็ชะงักนิ่ง   
   
“นั่งเงียบอยู่ทำไม  ไม่มีอะไรจะพูดรึไง  ไหนบอกกูมาซิว่าเรื่องอะไรถึงต้องไปชกปากไอ้เจ๊กมัน”

คล้ายมีก้อนแข็งแล่นขึ้นมาจุกคอหอย  สิงห์พูดอะไรไม่ออก  ดวงตาสีเข้มหันมาสบตานักเรียนครูตรงหน้า  ตอบคำถามนั้นอยู่ในใจ   

พี่ยอมให้พวกมันหยามจ้อยไม่ได้.. 

อาการนั่งนิ่งเหมือนเบื้อใบ้ของลูกชาย  ยังความโกรธมาให้กำนันจนตัวสั่นเทิ้ม
            
“ไอ้ลูกทรพี!  ทำแต่เรื่องขายหน้า  หน้าของพ่อแม่ มึงเอาไปขายเสียเกลี้ยงแล้ว  มึงไม่อายบ้างรึไง  สมองมึงนอกจากเรื่องท้าตีท้าต่อยแล้วมีเรื่องดีๆ บ้างไหม  เรียนหนังสือก็ไม่เอาไหน  พอให้ทำงานก็หนีเที่ยว  ทีเรื่องชกต่อยกลับไม่ขี้เกียจสักนิด  ตอบมาซิ  ชีวิตมึงคิดจะเอายังไงต่อ  มึงอายุเท่าไรแล้ว  ผู้ชายอายุ ๒๐ เลี้ยงตัวเองได้แล้ว  ดูสารรูปมึงสิ  มีตรงไหนสมเป็นลูกกูบ้าง!”
   
ในคำดั่งมีคม  มีดกี่เล่มหั่นเฉือนเนื้อใจจนขาดเป็นริ้ว  สิงห์เงยหน้าขึ้นมองพ่อ  ในดวงตาที่คล้ายคั่งแค้นนั้นมีหยาดน้ำใสคลอเอ่อ 
   
พ่อไม่เห็นความน้อยใจ  ไม่เห็นความเสียใจ  ไม่เห็นความผิดหวัง  พ่อเห็นแต่ความระยำบัดซบ  “มองหน้ากูทำไม!  ไม่พอใจงั้นหรือ  กูพูดผิดตรงไหน!”
   
“ผมทำให้พ่อขายหน้านักใช่ไหม” เสียงแหบพร่าเค้นขึ้นจากลำคอขมปร่า “งั้นพ่อปล่อยให้ผมเกิดมาทำไม  ทำไมไม่เอาขี้เถ้ายัดปากให้ผมตายไปซะ!”
   
“หุบปากเดี๋ยวนี้! เลิกพูดไร้สาระซะที  ดีแต่โทษนั่นโทษนี่  ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดสักอย่าง!  ไอ้ลูกไม่รักดี!” กำนันโกรธจนหน้าแดง  ฝ่ามือเทอะทะฟาดเปรี้ยงเข้าบ้องหูจนหน้าหัน  ทุกสิ่งคล้ายมืดดับลงชั่ววูบ  เจ็บจนชา  แม่ร้องเสียงหลง  ปราดเข้ามาหาเขา  ในขณะที่จ้อยตกตะลึงตัวสั่น  สิงห์ขบกรามกรอด  ลุกพรวดขึ้นยืนค้ำหัวพ่อ
   
“ผมไม่รักดีก็เพราะพ่อนั่นแหละ!  ตั้งแต่เล็กจนโต  ผมทำอะไรก็ผิดหมด  พ่อเคยพูดดีๆ กับผมไหม  คิดว่าผมอยากเป็นลูกพ่อหรือ  พ่อเย็นชาเห็นแก่ตัวแบบนี้ผมไม่อยากได้หรอก!”
   
สายตาที่พ่อมองมาเหมือนมองหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง “ไอ้ลูกชั่ว! มึงไม่ใช่ลูกกู!”  สิ้นเสียงตะคอก  พ่อเงื้อง่าตะพดในมือขึ้นสูง  แม่ถลาเข้ามากางกั้นไว้  ออกปากไล่ให้เขากลับเข้าห้อง 

ร่างกำยำเดินลงส้นปึงปังเข้าห้อง  กระแทกประตูปิดเสียงดังลั่น  กระนั้น  เสียงพ่อแม่ทะเลาะกันก็ยังเล็ดลอด..

เรื่องเดิมๆ  เหตุการณ์เก่าๆ  วนเวียนซ้ำซากไม่หยุดหย่อน
   
“ช่วงนี้ฉันงานยุ่งแทบไม่มีเวลา  ไอ้ลูกสารเลวดันมาก่อเรื่องเอาตอนนี้”
“ฉันรู้ว่าพี่งานยุ่ง  ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องคุมลูกชายบ้าง  ถ้าเขาเป็นแบบนี้ต่อไป  สักวันต้องถูกจับเข้าคุกแน่  พี่เป็นถึงกำนัน  ดูแลคนทั้งตำบล  แต่ลูกชายคนเดียวกลับสั่งสอนไม่ได้”
“สิงห์มันเสียคนตั้งแต่เด็ก  ไม่มีอนาคตแล้ว”
“ทำไมพี่พูดแบบนี้  ตาสิงห์เป็นลูกพี่นะ”
“เลี้ยงเสือตั้งแต่เด็ก  โตขึ้นก็ทำร้ายคน  เพราะเธอโอ๋เขาจนเสียคน”
“ทำไมโยนความผิดมาให้ฉัน  พี่ไม่ผิดหรือ  บอกว่าออกไปทำงาน  ไปบ้านเล็กบ้านน้อยสิไม่ว่า  ทิ้งฉันกับลูกเอาไว้ไม่เคยสนใจ  ตอนเด็กๆ ตาสิงห์เป็นเด็กดี  แต่เพราะพี่ไม่สั่งสอนถึงได้กลายเป็นแบบนี้  ถ้าฉันผิด  พี่ไม่ผิดหรือไง”
“พอๆๆ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยน่า”

ร่างสูงใหญ่ทว่าบอบช้ำเหมือนสัตว์บาดเจ็บยืนอยู่ริมหน้าต่าง  ริมฝีปากเม้มแน่นเป็นเส้นตรง  เหม่อมองท้องน้ำสีน้ำตาลเบื้องหน้าด้วยขอบตาร้อนผ่าว
   
เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ปลุกสิงห์ให้ตื่นจากห้วงความคิด  ดวงตาแดงก่ำหันไปมอง  เห็นจ้อยในชุดนักเรียนครูอันทรงเกียรติเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง 

นักเลงโตแค่นหัวเราะคล้ายจะหยันตัวเอง  สูดจมูกลึก  จับจ้องวงหน้าละมุนไม่วางตา

จ้อยเอ๋ย.. ยิ้มให้พี่ชื่นใจสักนิดเถิด  มองพี่อย่างห่วงใยสักหน่อยได้ไหม  โปรยเศษรักเป็นทานแก่หัวใจพี่สักเสี้ยว  เป็นน้ำรินรดหัวใจที่แห้งผากดวงนี้ที  ต่อให้ถูกพ่อด่าว่าแค่ไหน  ต่อให้ถูกชาวบ้านแช่งชักหักกระดูกเพียงใด  ต่อให้เป็นคนไร้ค่าในสายตาใครต่อใครก็ตาม  ขอเพียงพี่ได้อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง
   
เพียงคนดีของพี่คนเดียวก็พอ
   
“เอาคืนไป  ไม่อยากได้” ดวงตาสีน้ำตาลใสว่างเปล่า  มือเล็กยื่นห่อกระดาษส่งให้  ทำไมสิงห์จะจำไม่ได้  ห่อขนม ถุงกระดาษใส่เสื้อที่เขาเป็นคนยัดใส่มือจ้อยเองกับมือ  เพียงคำพูดนั้น.. เพียงแววตานั้น.. สิงห์ไม่อยากเชื่อว่ามันจะมีฤทธิ์ทำให้เขาชาวาบได้ทั้งร่าง 
   
“เอ็ง.. เอ็งว่าอะไรนะ” แผลฟกช้ำบนหน้า  หัวที่แตกเลือดอาบคล้ายเจ็บสะท้านขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

จ้อยไม่ตอบคำ  เมื่อเห็นเขาไม่ยื่นมือไปรับคืนเสียที  มือเล็กจึงวางห่อกระดาษลงกับพื้นตรงหน้า  สิงห์ได้แต่นิ่งมองซากหัวใจตนถูกวางทิ้งอย่างไร้ค่าไม่ต่างจากเศษขยะ 

เหมือนพิษงูกรูแทรกชำแรกรวด   ให้ร้าวปวดปิ้มจิตปลิดสลาย

นักเรียนครูเงยหน้ามองด้วยสายตาเย็นชา  ริมฝีปากบางปล่อยคมมีดมากรีดใจเขาอีกแผล


“คืนนี้.. ไม่ไปดูหนังแล้ว” 


โปรดติดตามตอนต่อไป
__________________________________________________________________________
*ที่รัก, สุนทรียา ณ เวียงกาญจน์ คำร้อง, ชรินทร์ นันทนาคร ขับร้อง


วะฮะฮ่าฮ่า ต้องยังงี้มันถึงจะซ๊ะใจ ดราม่าเท่านั้นที่เราต้องการ  :laugh:

ไปล่ะค่ะ ขอโทษที่มาช้าไปหน่อยนะคะ

รักคนอ่านเน้อ :กอด1:

ดอกไม้
๑๖ ก.ย. ๕๕

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
นั่นไง

 :o12:   :เฮ้อ:
โป้งคุณดอกไม้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2012 23:38:48 โดย IIMisssoMII »

ออฟไลน์ nong PeePee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
 :o8: พี่สิงห์แมนมาก
จ้อยใจอ่อนหน่อยน่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
เมื่อไหร่สิงห์กับน้องจ้อยจะเข้าใจกัน :t3:
ตอนนี้สงสารพี่สิงห์มากๆ :sad4:

armmyrine

  • บุคคลทั่วไป
เจ็บที่ใจอ้ะ :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
โห่ ~ เพราะคุณนายพูนทรัพย์คนเดียวเลยยย
สิงห์น่าสงสารตอนนี้

Mio

  • บุคคลทั่วไป
บ๊ะ!!!  :sad4:  สงสารพ่อสิงห์  แงๆๆๆๆ  น้องจ้อยอย่าใจร้ายกับพี่สิงห์อีกคนเลย
พี่สิงห์ก็อย่าวู่วามทำร้ายน้องอีกนะ
สามคำ>>>สิงห์ สู้ สู้  o13

ออฟไลน์ Maree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สงสารพี่สิงห์นะตอนนี้ ต้องเข้าใจผิดโกรธจ้อยไปใหญ่โตแน่ๆ เพราะคุณนายแท้ๆ
และที่สำคัญมีบทไอ้ลอยทีไรยิ่งเกลียดมันเพิ่มขึ้นทุกที ฮึ่ยๆๆๆๆๆๆ
ได้แต่หวังว่าคุณดอกไม้จะไม่ดราม่าหนักทำร้ายแฟนคลับนะจ้ะ^^
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะจะรอตอนต่อไปนะคะ

Zymphoniz

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนแรกๆ แอบอมยิ้มกับความน่ารักของสิงห์
แต่ตอนจบนี่ อารมณ์ต่างกับตอนแรกลิบลับ  :o12:



ปล. ขอนอกเรื่องนิดนึง ได้รับหนังสือแล้วค่ะ งามมาก โดยเฉพาะเล่มเล็ก ><
แต่ๆๆ  ดันส่งมาช่วงใกล้สอบนี่สิ อ๊ากกกก อยากอ่าน  :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2012 00:30:23 โดย Zymphoniz »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ้ยยยยยยย สงสารพี่สิงห์ จุกอก แอ๊กกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พี่สิงห์ก็ยังเป็นขวัญใจแม่ยกในเล้าต่อไป

สู้ เว้ย !!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ทานตะวัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เราจะโวยวายเป็นเด็กน้อยว่าคุณดอกไม้ใจร้ายปล่อยให้เราค้างเติ่งอยู่อย่างนี้ 5555 น่าสงสารพี่สิงห์นะ
น้องจ้อยก็น่าสงสาร ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลมีปมในใจของตัวเอง
แล้วยิ่งยุคสมันนั้นเรื่องอย่างนี้คงจะค่อนข้างยอมรับยาก
เป็นกำลังใจให้พี่สิงห์กับน้ิองจ้อยต่อไป รวมทั้งคุณดอกไม้ด้วยค่ะ อิอิ
ปล. คิดถึงคุณชายกับคุณครูหงะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2012 20:07:20 โดย ทานตะวัน »

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เมื่อไรจะเข้าใจก๊าน  :sad4: แต่ถ้าเข้าใจกันง่ายๆ ก็ไม่ใช่คุณดอกไม้สิเนอะ ต้องผ่านความระทม เกือบจมน้ำตามาก่อนชิมิ  :z1:

ปล. เหมือนเรื่องผู้ปกครองใจร้าย เราได้รับหนังสือแล้วและอ่านรวดเดียวจบวันกว่าๆ น้ำตาท่วมและบีบคั้นหัวใจเหลือเกินกว่าจะพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (ขอคอมเม้นท์ตรงนี้นะคะ ไม่อยากเม้นท์หน้าเพจเฟสบุค ขออภัยจริงๆ เพราะเฟสบุคชอบสาระแนรายงานว่าเราไปโพสต์ที่เพจใหนอ่ะค่ะ เราไม่อยากเปิดตัวว่าเป็นสาววายกับทุกๆคน) งานเขียนของคุณไม่มีที่ติเลยค่ะ เพราะภาษาบรรยายเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากๆ แต่คอนฟลิคของทั้งสองเรื่องจะคล้ายกันตรงที่ ความไม่เข้าใจกันเพราะเข้าใจผิดบางเรื่องแล้วไม่ได้เคลียร์ ทำให้คนอ่านบีบคั้นในใจไปด้วย (แล้วก็ทิ้งไปไหนไม่ได้ เพราะอยากรู้ปัญหาจะเคลียร์ยังไง) ที่ติมีนิดนึงตรงที่ พอทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ตบด้วยความหวานไม่พอยังไงไม่รู้ อิอิ น้อยเกิ๊น เรื่องนี้ พอผ่านอุปสรรคแล้วก็อย่าลืมแถมตอนน่ารักๆให้ด้วยนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ Tnapat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อยากรู้ว่าอะไรที่จะเป็นตัวเชื่อมให้สิงห์กับจ้อยเข้าใจกัน

pie_handsome

  • บุคคลทั่วไป
เข้าใจผิดกันแบบนี้ไม่ดีเลย
คนอ่านรวดร้าว ฮือๆ
น้องจ้อยจ๋า พี่สิงห์จ๋า
รักกันดีๆ สักทีนะ
(ปัจจุบันรักกันแล้วแต่รักแบบเลวร้ายมั่ก!)
ส่วนพี่ดอกไม้ ก็รีบอัพน้าาาาาา
อย่าปล่อยให้คนอ่านลงแดง
 คิดถึงพี่สิงห์ น้องจ้อย คุณเล็ก กับพระเอกสุดหล่อของเรานานน้า

ออฟไลน์ meiji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ขอร้องนะ บีบหัวใจมาก เมื่อไหร่คู่นี้จะดีสักทีอ่ะ T T
สงสารสิงห์ว่ะ เเต่เข้าใจว่าเรื่องมันมีหลายประเด็น สิงห์ต้องเเก้ที่ตัวเองก่อนอ่ะนะ เฮ้อออ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
เมื่อไหร่สองคนนี้จะเข้าใจกันสักทีนะ :o12:

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
พระเจ้า พีสิงห์ของน้อง อย่าเพิ่งใจสลายนะคะ  :o12:

ออฟไลน์ GoodboyNicky

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันเนี่ย เมื่อไหร่จะเสร็จพี่สิงห์ล่ะเนี่ย น้องจ้อยก็น่ะ เหนื่อยและปวดตับมาก แต่ก็เป็นกำลังใจให้คนเขียนจร้า  o13

ออฟไลน์ ~l3aml3ery~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0
พระเจ้า!!! พี่จี้เขียนตอนนี้ได้ดีมากอ่ะ เหมือนเค้าไปยืนดูเค้าทะเลาะกันเลยอ่ะ o13
มันบีบหัวใจจริงๆ มีอะไรถาโถมมาให้พี่สิงห์อีกไหม  o22
สงสารพี่สิงห์ :m15:
+๑

ปล.สงสารจ้อยด้วย :monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2012 20:52:28 โดย ~l3aml3ery~ »

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
น้ำตาคลอเลย T-T ไม่รู้จะสงสารใครดี :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด