มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 712143 ครั้ง)

ออฟไลน์ Tnapat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
ชอบพี่สิงห์ เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นตัวละครที่ถูกความรักกระทำมากที่สุด

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0
ชอบพี่สิงห์ค่ะ เพราะรู้สึกว่าถึงจะชั่วยังไง ก็รักน้องจ้อยแค่คนเดียว และถึงจะเป็นอันธพาลก็ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมทำร้ายใคร

ที่ทำไม่ดีส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเพื่อนยุให้ทำ ทั้งที่บางครั้งไม่ได้อยากจะทำเลย เป็นตัวละครที่ซื่อๆ แต่ปากกับใจไม่ตรงกัน

ทำให้โดนคนอื่นมองในแง่ร้ายตลอด

ออฟไลน์ vassalord4822

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
สารภาพว่าตั้งใจดองไม่อ่านมาช่วงหนึ่ง
อยากเข้ามาอ่านทีเดียวหลายๆตอน
ไม่งั้นอ่านจบตอนทีเครียดที
แต่เที่ยวนี้ปรากฏว่าเดาผิด สะสมจำนวนไว้ไม่มากพอ
ทำเอากระวนกระวาย อยากรู้ว่าคู่จ้อย สิงห์เมื่อไหร่จะคลี่คลาย
อวยพรดอกไม้ย้อนหลัง ตั้งแต่ปีใหม่ ตรุษจีน ยันวาเลนไทน์เลยครับ
คิดถึงเสมอ

annie

  • บุคคลทั่วไป
สงสารสิงห์ เมื่อไหร่จะมีความสุขจริงๆ กับเค้าซักที
 :o12: :o12:

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
บทที่ ๒๔

วาสนากระต่าย

(ครึ่งหลังจ้า :L2:)


จันทร์กระจ่างกลางโพยมดั่งโคมแก้ว

คณะอาจารย์และนักเรียนจากโรงเรียนฝึกหัดครูฉายหนังกันที่ลานกว้างหน้าโรงเรียน  ผ้าขาวผืนใหญ่ขึงตึงโดดเด่น  เด็กๆ และชาวบ้านทั้งหนุ่มสาวไปถึงคนแก่นั่งเป็นกลุ่มๆ กับพื้นละลานตา  ด้านข้างมีเก้าอี้ ๒-๓ ตัวสำหรับกลุ่มอาจารย์ผู้เอาหนังมาฉาย  แบ่งปันความสนุกสนานให้เด็กๆ ในที่ห่างไกลกันดาร  สันติกับสง่านั่งแปะกับพื้นไม่ห่างนัก  สักพัก  จ้อยก็เดินลงจากอาคารเรียนมาสมทบอีกคน 

ก่อนฉายหนัง  ประพนธ์ไปประกาศที่ไมโครโฟนข้างจอ  เกริ่นนำนิดหน่อย  ก่อนแนะนำหัวเรือใหญ่ที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้น  นาม.. หม่อมราชวงศ์เลอมาน บูรพวงศ์ ถูกประกาศก้อง  เด็กๆ ตบมือเกรียวกราว 

คุณชายซ่อนความเก้อเขินไว้ใต้รอยยิ้มละมุนแนบเนียน  สองขามัวแต่รีๆ รอๆ  คนึงเลยสงเคราะห์ผลักให้ออกไปเบาๆ หนึ่งที

“สวัสดีครับ” พอจับไมค์ท่ามกลางสายตาประมาณครึ่งร้อย  ท่วงท่าองอาจผ่าเผยเฉกราชนิกูลก็ฉายส่อง  “ผมมาจากโครงการอาสาสมัครต่างประเทศของอังกฤษ”

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์เริ่มบรรยาย  เหล่าคนฟังต่างกระซิบกระซาบกัน  ส่วนพวกสาวๆ จ้องตาหยาดเยิ้ม

“ประเทศไทยเราแม้จะไม่ร่ำรวยทางเศรษฐกิจเหมือนบางประเทศ  แต่เราก็ไม่ล้าหลังใครในด้านวัฒนธรรม  ถ้าไม่ได้ออกมาด้วยตนเอง  ผมก็จะไม่ทราบว่าสภาพชนบทที่แท้จริงเป็นอย่างไร” รอยยิ้มอ่อนหวาน  น้ำเสียงนุ่มนวล  ท่วงท่าสง่างามตรูตาน่ายลขึ้นทุกที

อาจารย์คนึงทอดมองอย่างชื่นชม   

“ไม่ใช่แค่ผมมาสอนเด็กๆ หรือชาวบ้านเท่านั้น  แต่เด็กๆ และชาวบ้านก็สอนผมเช่นเดียวกัน” ทุกคำพูดล้วนออกมาจากใจ  ถ่ายทอดผ่านแววตาสีอำพันระยับ  ชนิดที่หากข้าเก่าเต่าเลี้ยงอย่างนายแช่มมาเห็นคงตบอกผาง

คุณชายเล็กเปลี่ยนไปเจ้าข้าเอ๋ย!

“ผมรักที่นี่  และรักคนที่นี่ด้วย” ถ้อยคำลงท้ายตรึงใจ  หากไม่มีใครสังเกต  ยามเอ่ยคำว่า ‘รัก’ สายตาคนพูดจับจ้องอยู่ที่คนคนเดียว 

อาจารย์หนุ่มหน้าคมคายที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ตรงโน้นนั่นไง

สิ้นเสียงปรบมือเกรียว  เลอมานกลับมานั่งที่ด้วยความโล่งอก  แต่แล้วก็ถูกผลักออกไปใหม่อีกทีจนได้สิน่า

จะใครเสียอีก  ก็คนเดิมนั่นแหละ

“ร้องเพลงให้เด็กๆ ฟังสักเพลงนึงซี่” คนพิลึก  พูดเบาๆ ไม่เป็นหรือไง  ทำไมต้องประกาศลั่นให้ได้ยินกันทั่วด้วย  กลุ่มคนดูที่ครึกครื้นกันอยู่แล้วก็ยิ่งคึกคักเข้าไปใหญ่  เมื่อครู่มีแค่เสียงปรบมือ  หนนี้มีเสียงเป่าปากเหมือนนกกางเขนดงกันให้ลั่น 
ราชนิกูลสูงศักดิ์หรือนั่นที่ออกไปยืนยิ้มเขิน  เหน็บปอยผมทัดหู  จรดไมโครโฟนกับปลายคาง  กัดริมฝีปากคล้ายกำลังตัดสินใจ  ก้มหน้าเกาหัวแกรกๆ   
 
และแล้ว.. บทเพลงที่ชาวบ้านไม่คุ้นหูก็ลำเลียงผ่านกลีบปากสีสด 

“This old man He played 1 He played knick knack on my thumb.” เสียงสดใสร้องเป็นทำนองน่าฟัง รอยซุกซนระยับในดวงตา “with a knick knack patty wack give a dog a bone this old man came rolling home.”
   
เด็กๆ ตบมือเป็นจังหวะ  เสียงแอคคอร์เดี้ยนบรรเลงคลอจากหน่วยฉายหนังคนหนึ่งที่นึกสนุกขอร่วมวงด้วย  เลอมานเลือกเพลงสอนนับเลขที่เคยร้องตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ นิค-แนค แพดดี้-แว็ค ปรากฏว่าเลือกถูกทีเดียว  เด็กๆ เริ่มกิ๊กกั๊กกันก่อน  แล้วกลายเป็นเฮ่อๆ ฮ่าๆ ดังขึ้นทุกที  การแสดงของคุณชายได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม 
   
จ้อยที่กำลังง่วนอยู่กับการแจกพวงอ้อยควั่นเสียบปลายตอกให้เด็กๆ ยังต้องเงยหน้ามอง  บอกแล้ว.. จ้อยชอบคุณชายตอนนี้ที่สุด  ยามที่ผีเสื้อสวยสง่าสลัดปีกวาววามทิ้ง  หวนกลับคืนสู่การเป็นดักแด้ 
   
ไม่มีท่าเอามือไพล่หลัง  เชิดหน้ามองคนด้วยปลายจมูก  มีเพียงรอยยิ้มสดใส  หัวเราะจนตาหยี 
   
และ.. ไม่ได้มีเพียงแค่จ้อย, สง่า, สันติและอาจารย์คนึงที่ได้เห็นแง่มุมนี้ของคุณชายอีกต่อไป  หม่อมราชวงศ์เลอมานจะรู้ตัวไหม  ว่ายามแย้มยิ้ม  ทำให้โลกสดใสขึ้นมาเพียงใด
   
อาจารย์คนึงมอง ‘หนูเล็ก’ ของตนไม่วางตา  ดวงตาปลาบปลื้มปิดไม่มิด  ความรู้สึกบางอย่างเต็มตื้นขึ้นมาในอก  เขาภูมิใจหนุ่มน้อยคนนี้นัก
   
เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายสิ้นสุดลง  แอคคอเดี้ยนทิ้งตัวโน้ตบอกลาอ้อยอิ่ง  คนดูตบมือกันสนั่น  นักร้องมือสมัครเล่นโค้งขอบคุณก่อนเดินกลับมานั่งที่  มือเล็กลูบอกป้อยๆ ด้วยยังตื่นเต้นไม่หาย  แต่รอยยิ้มไม่เคยจางจากใบหน้า 
   
แสงไฟรายล้อมดับมืดลง  เหลือไว้เพียงแสงสว่างจากจอผ้าใบผืนใหญ่  คนึงคว้ามือน้อยมาแทรกนิ้วกุมกระชับ  กระซิบบอกสั้นๆ
   
“เก่งมาก” สายตาที่มองมานั้นเล่า  อุ่น..หวาน..ละมุน.. คนถูกมองต้องหลบตาวูบ  ก่อนที่หัวใจจะถูก.. หลอมละลาย

ม้วนหนังเริ่มหมุน  เรื่องราวของเจ้าแทรมป์ สุนัขจรจัดผู้มีหัวใจดั่งทอง และเลดี้ สุนัขพันธุ์ดีผู้สูงศักดิ์เริ่มดำเนินไป  เหล่าคนดูโดยเฉพาะเด็กๆ ต่างตั้งหน้าตั้งตาจับจ้อง  มองไปที่จอผ้าใบสีขาวที่ถูกขึงตึงรองรับ  พร้อมกับเสียงพากย์ที่ช่วยเร่งเร้าบรรยากาศและอารมณ์ในการรับชม  ทั้งปิติ ทั้งเศร้า ทั้งหัวเราะ ทั้งขบขัน  และจบลงด้วยความประทับใจเมื่อเรื่องราวเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด

หนังจบแล้ว  จอผ้าใบดับมืด  แต่ความสุขยังเรืองรองเต็มหัวใจทุกคน  เด็กๆ บางส่วนกลับบ้าน  แต่ส่วนใหญ่ยังนั่งล้อมหม้อกล้วยบวชชีที่จ้อยกับแม่ครัวช่วยกันทำ  สง่ากับสันติช่วยตักแจก  จับกลุ่มนั่งกินกันตามแคร่ใต้ร่มหูกวาง
   
คืนนั้นชาวบางบาลมาพบปะกันในโรงศาลา  ท่ามกลางแสงสว่างและเสียงฟู่ๆ ของตะเกียงเจ้าพายุ  วงเสวนาเริ่มขึ้น  แน่นอน.. จะขาดเหล้าเสียก็กระไร
   
ชายชราคนหนึ่งนุ่งกางเกงขาก๊วยสีน้ำเงิน  เสื้อชาวนาไม่กลัดกระดุม  มีผ้าขาวม้าพาดไหล่  เผยให้เห็นรอยซี่โครงแห่งความชรา  แกถือกระป๋องยาสูบติดมือมาด้วย  จัดแจงวางใบตองแห้ง  หยิบยาเส้นใส่บนใบตอง  แล้วมวนอย่างเชี่ยวชาญออกมาเป็นมวนโต  หนากว่าซิการ์เสียอีก  พอถึงตอนจุดไฟ  แกงัดเอากระบอกไม้ไผ่ท่อนสั้นๆ  ข้างในบรรจุนุ่น  และเอาเหล็กตอกหินให้ลูกไฟตกลงไป  เป่านุ่นจนแดงทั่ว  แล้วก้มดูดบุหรี่กับไฟ  เลอมานจ้องดูด้วยความเพลิดเพลิน  ไม่เคยเห็นวิธีจุดบุหรี่อย่างนี้มาก่อน  คนึงจึงเล่าให้ฟังว่าสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง  ไม่มีไม้ขีด  ไม่มีน้ำมันใช้  เลยหันมาตอกหินกันเช่นนี้  และบางคนยังใช้อยู่จนปัจจุบัน 

หม่อมราชวงศ์หนุ่มอยู่ในวงล้อมชาวบ้านเหมือนดาวล้อมเดือน  ดูเหมือนใครๆ ก็อยากรู้เรื่องเมืองฝรั่งกันทั้งนั้น 
   
“จริงไหมที่เขาว่า  ถ้าจะไปเมืองฝรั่งละก้อ  ต้องไปทางนี้” ผู้ถามชี้มือลงไปยังพื้นดิน  คนอื่นๆ พากันหัวร่อ
   
“นั่นอเมริกาครับ” เลอมานตอบยิ้มๆ “บ้านผมอยู่ทิศนั้น” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังจุดจุดหนึ่งใต้ขอบฟ้า 
   
“เอ.. จะไปถึงได้ยังไงหว่า  มิต้องเดินกลับหัวเรอะ” เสียงถามกันพึมพำเกือบไม่ได้ยิน 
   
“เฮ้อ  อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า” หนุ่มหนึ่งแย้งขึ้น “ก็เดินข้ามทุ่งไปตรงๆ อย่างนั้นแหละ แล้วมันก็โค้งต่ำลงไปโค้งต่ำลงไปรู้ไหมล่ะ” ว่าพลางทำท่าทางประกอบเสร็จสรรพ  สุ้มเสียงเออออพอเข้าใจเซ็งแซ่   
   
ชาวบ้านแปลกใจกันมากที่เมืองไทยกับเมืองฝรั่งมีอะไรแตกต่างกันหลายอย่าง  จริงหรือที่บ้านเขาไม่กินข้าวกันทุกมื้อเหมือนบ้านบางบาล  ไม่น่าเชื่อเลย  ยิ่งพอคุณชายเล่าว่าหน้าหนาวบ้านเขาหนาวจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง  ชาวบ้านก็ร้องกันลั่นว่า “ถ้าไปเป็นตายแน่”
   
ครูใหญ่ส่งแก้วเหล้ามาให้  “เอ้า  ดวดให้หมดแก้วเลย” เหล้าที่ดื่มกันอยู่นั้นราคาถูก  ร่ำลือกันนักหนาว่ามีฤทธิ์เดชแรงและเร็ว  แค่กลิ่นก็รู้แล้ว  เลอมานรีบส่ายหน้าปฏิเสธว่าสู้ไม่ไหว 
   
“ไม่ได้ๆ ต้องกินให้หมด” ใครๆ ร้องบอก “ไม่หมดจะหาว่าดูถูกผู้หลักผู้ใหญ่นะ”
   
คุณชายยิ้มเจื่อน  อากาศออกจะเย็นแต่เหงื่อเริ่มตกขมับ  พอจะรู้ตัวอยู่ว่าเมาแล้ว ‘เรื้อน’ ขนาดไหน  ครั้นหันหาอาจารย์คนึงหวังหาที่พึ่ง  แต่อาจารย์กลับพยักหน้าเป็นนัยว่าให้ดื่ม  มือบางจึงยกแก้วขึ้นจรดปาก  เงยหัวค่อยๆ ดื่มเข้าไปรวดเดียวจนไม่เหลือสักหยด  แล้วก็ตีหน้าเหยเก  ร้อนผ่าวตั้งแต่ลำคอ  วาบไปถึงท้องถึงใจพระเดชพระคุณ  ใครต่อใครตบมืออย่างทึ่งไปตามกัน 
   
คนึงมองด้วยความเอ็นดู  เลอมานกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายไปตั้งแต่เมื่อไร  และอีกอย่าง  โดนเข้าไปแค่แก้วเดียวคงไม่หนักหนาเท่าไรหรอกละมัง 
   
หารู้ไม่  อาจารย์ประเมินสมรรถภาพศิษย์รักสูงไปเสียแล้ว
 
ผ่านไปชั่วเคี้ยวหมากจืด  น้ำเมาก็ออกฤทธิ์  คุณชายเริ่มนั่งตัวตรงไม่ได้  ต้องกระดืบไปหาเสาพิงหลัง  สองแก้มแดงปลั่งเป็นตำลึงสุก  เห็นคนคนเดียวมีสองหัวไปซะได้ 
   
วงสนทนากำลังครึกครื้น  คนึงและประพนธ์คุยกับชาวบ้านอย่างออกรส  หม่อมราชวงศ์หนุ่มอาศัยช่วงไม่มีใครเห็น  ปลีกตัวเดินโงนเงนขึ้นราวบันไดกลับเข้าห้องพัก  เห็นมุ้งหลังใหญ่กางไว้รอท่าก็มุดเข้าไปทันที 
   
เอ๊ะ!  มีใครนอนอยู่ก่อน.. ใครกัน? 
   
อ้อ  นายสิงห์นี่เอง
   
เลอมานงัวเงียเต็มที  ตาหลุบหลู่จะหลับมิหลับแหล่  มือบางลากหมอนมานอนข้างหัวหน้าอันธพาล  พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย  ถ้าโลกจะถล่มลงมาตอนนี้ก็ไม่ไยดีแล้ว 
   
ฤทธิ์ยา  ทำให้สิงห์หลับนาน..หลับลึก.. ชนิดเสียงจากลำโพงฉายหนังดังลั่นยังปลุกเขาไม่ได้ 
   
แต่ต้องมาสะดุ้งตื่น  เพราะแขนนุ่มนิ่มที่โอบรัดกอดหมับจากด้านหลัง

ใครวะ!

นักเลงโตหน้าร้อนผ่าว  หนุ่มน้อยปริศนา.. หนุ่มน้อยแน่นอน  เพราะไม่มีก้อนโตๆ สองก้อนตำหลัง  แถมมือไม้ขาวเกลี้ยงเกลาเหมือนเพิ่งพ้นวัยเด็กมาได้ไม่นาน   ไม่กอดเปล่า.. มีการซุกใบหน้าแนบแผ่นหลัง  นุ่ม.. อุ่น.. หอม..
   
จ้อยหรือเปล่า?
   
หรือนี่จะเป็นความฝัน?  ต้องฝันไปแน่ๆ
   
ใบหน้าคมคร้ามเอี้ยวขวับ  หมายพิสูจน์ให้รู้แน่ชัด  หากนี่เป็นความฝัน  ก็จะขอกักเก็บไว้แนบใจนานเท่านาน 

เพราะอีกฝ่ายซุกหน้าแน่น  สิงห์จึงเห็นเพียงกลุ่มผมนุ่มหอม  ยามต้องแสงตะเกียงกระป๋องสว่างนวล  ดูเรืองรองราวเส้นไหม  ร่างกำยำพลิกกลับไปทั้งตัว  มือใหญ่ช้อนประคองใบหน้าละมุนไว้อย่างทะนุถนอม 
   
หากทันทีที่กระจ่างชัดเต็มสองตา

เฮ้ย!
   
ไอ้ชายเล็ก!
         
นักเลงโตผละออกห่างเหมือนต้องของร้อน  คนหลับสนิทเริ่มสะลึมสะลือตื่น  ดวงตาหวานฉ่ำปรือปรอย  ปากแดงพึมพำฉะอ้อน “อาจารย์..”
   
เหวย!  เรียกใคร! 
   
ไม่เรียกเปล่า  มีการโอบแขนรัดเขาไว้ทั้งตัว  “กู้ดไนท์คิสก่อนเร็ว..”

ไอ้สิงห์รู้สึกเหมือนไข้จะขึ้น
   
แล้วอะไรวะคิดๆ  ลูกคิดเรอะ? ไม่มีหรอก  อยู่ที่โรงสีโน่น  แม่ข้าใช้อยู่ประจำ

เฮ้ย! (อีกที) ยื่นหน้าเข้ามาทำไม!  มีการหลับตาพริ้ม  ทำปากเจ่ออีกด้วย!

ถ้าเป็นจ้อยละก็  ไอ้สิงห์จะไม่ลังเลเลยที่จะกดปากลงไปบนปากแดงฉ่ำนั่น  แต่นี่.. ไม่ใช่จ้อย! 

“โอ๊ย!” เจอฝ่าเท้ายันชายโครงเข้าให้! บุตรชายท่านทูตกลิ้งหลุนๆ เป็นลูกขนุน แต่หาเข็ดไม่  คนหัวหูยุ่งเหยิงคลานตุบตับกลับมาหา  หูตาแดงก่ำ  เกาะแขนกำยำหนึบแน่นยังกะปลิง  “ฮือ.. ไม่รักเล็กแล้วหรือ”
   
ไอ้สิงห์ทำอะไรไม่ถูก  อยากจะสลบเหมือดไปเลยให้รู้แล้วรู้รอด 
   
“เล็ก!” เสียงห้าวดังลั่น  ลูกชายกำนันหันขวับ  เห็นร่างสูงใหญ่ทะมื่นอยู่นอกมุ้ง  ไม่ถึงอึดใจ.. ใครคนนั้นก็เปิดมุ้งยัดตัวเองเข้ามา 

ไอ้คนึง!
   
โลกมันกลับตาลปัตรไปแล้วหรือไร  หรือเขากำลังไข้ขึ้นจนสมองมึนงงไปหมดกันแน่  อาจารย์หนุ่มในเสื้อผ้าป่านกางเกงแพร  รี่เข้ามาดึงคุณชายที่เอาแต่นัวเนียอยู่กับเขาออกทันที
   
“ทำไมมานอนนี่” สุ้มเสียงเอ็ดกลายๆ แต่ครั้นมองดวงตา  สิงห์เห็นแต่แววตาแบบเดียวกับที่เขามองจ้อยยามอยู่กับผู้ชายอื่น สองแขนโอบรั้งร่างเล็กไว้แนบอก  พอคนเมาเห็นผู้มาใหม่เต็มสองตา  มือขาวๆ ก็ตวัดรอบลำคออาจารย์หมับ  ซบอกกว้างครางหงุงหงิงเหมือนลูกแมว 
   
“พวกเรานอนห้องโน้น  เดี๋ยวครูพาไปนอนนะ” เสียงกระซิบทุ้มละมุนยามอาจารย์ช้อนศิษย์ขึ้นอุ้ม  พาออกไปนอกมุ้ง  ปล่อยไอ้สิงห์นอนมองตาค้าง

คนทึ่มทื่ออย่างเขายังดูออก

สองคนนี้.. ไม่ธรรมดาเสียแล้ว

   
อาจารย์หนุ่มพาศิษย์รักมาอีกห้อง  ต้องขอบคุณครูใหญ่โรงเรียนบางบาล  ที่แยกห้องไว้ให้สำหรับคุณชายโดยเฉพาะ  แต่ครั้นจะให้นอนคนเดียว  คนปอดลอยอย่างเลอมานหรือจะยอม
   
ห้องนี้พิเศษสมฐานะ  มุ้งหลังใหม่กว่าและมีฟูกนอนรองทับบนผืนเสื่ออีกชั้น  คนึงค่อยวางร่างในอ้อมกอดลงอย่างทะนุถนอม  เลอมานเหยียดร่างครางอือในคอ  เหมือนลูกแมวน้อยหาท่านอนเปี่ยมสุข
   
สุขใดจะเทียบทอดกายในอ้อมกอดคนรักไม่มี 
   
วงหน้าละไมหลับพริ้ม  คนึงสละแขนให้เด็กหนุ่มหนุนแทนหมอน  ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากแผ่วเบา  กระซิบเสียงอุ่นที่ริมหู “รู้ไหม  คืนนี้ใครๆ มองเล็กของครูมากกว่ามองหนังซะอีก”
   
เปลือกตาบอบบางลืมขึ้นเชื่องช้า  วาดยิ้มหวานละมุน “แต่เล็กมองอาจารย์คนเดียว”

อาจารย์จ้องมองดวงตาสุกใสนิ่งงัน  น่าแปลก.. เขาเคยมองดวงตาคู่นี้มานักต่อนัก  ส่งผ่านความรู้สึกถึงกันมาไม่รู้กี่ครา  หากคืนนี้.. ไยตรึงตาตรึงใจ  ไม่อาจละสายตา  จ้องมองราวกับว่าจากนี้จะไม่มีวาสนาได้มองอีก

เลอมาน ‘งาม’ จริงๆ  งามเหมือนรูปหล่อที่เทวาบรรจงปั้น  ขนงเนศเกศแก้มตรูตรา  ดังจันทราผุดผ่องละอองนวล  ใครหนอช่างตั้งชื่อให้เหมาะเจาะฉะนี้  งามรูปแล้วยังงามใจ  ตัวสูงศักดิ์เพียงใด หัวใจก็สูงส่งทัดเทียมกัน 
   
จมูกโด่งเป็นสันกดลงสูดกลิ่นหอมที่แก้มนุ่ม  บางสิ่งวูบไหวอยู่ในอก  สั่นสะเทือนเคลื่อนคลอน     

ดั่งลอยฟ้ามาให้ชมตามลมปลิว
แล้วลอยลิ่วลับไปเสียไกลตา**


อีกไม่กี่เดือนก็ต้องกลับไป
   
ระยะทางจากอยุธยาไปลอนดอนไกลเท่าไร
   
ค่าตั๋วเรือบินแพงมากไหม
   
ต้องใช้เงินเดือนข้าราชการครูจนๆ กี่เดือนถึงจะซื้อได้มา   


ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
“ถ้าจะไปบ้านเล็ก..” ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดชาวบ้านเมื่อหัวค่ำขึ้นมาได้ “ก็เดินข้ามทุ่งไปตรงๆ  แล้วมันก็โค้งต่ำลงไปโค้งต่ำลงไปเองอย่างนั้นหรือ  กี่ปีหนอกว่าจะถึง..” ประโยคสุดท้าย.. รำพัน.. ทอดอาลัย..
   
“เล็กไม่กลับ” จันทร์ดวงน้อยโพล่งขึ้นทันที  รัดอ้อมแขนแน่นเข้า “เล็กจะอยู่ที่นี่  จะอยู่กับอาจารย์”
   
“หื้อ” คนฟังหัวเราะในคอ “ท่านพ่อเล็กจะยอมหรือ”
   
“ไม่กลับ” เด็กหนุ่มส่ายหน้ารัวกับอกกว้าง “ท่านพ่อเอาช้างมาลากก็ไม่กลับ” หากสุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นมองตา “จะอยู่จนกว่าอาจารย์จะไล่” 

อาจารย์ยิ้มพราย  จรดริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียน  นึกถึงภาพเมื่อหัวค่ำ  หม่อมราชวงศ์หนุ่มออกไปปราศรัย ออกไปร้องเพลง  ดั่งดวงจันทร์ผ่องใสนวลกระจ่าง  เขาเล่า..เป็นเพียงกระต่ายที่ได้แต่เฝ้ามองจากพื้นดินอย่างชื่นชม  หากบัดนี้จันทร์นวลทอดกายลงในอ้อมกอด 
   
เป็นวาสนาของกระต่ายผู้ต่ำต้อยเหลือเกิน

เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น
กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา
น้ำใจข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม***


คืนนี้.. ณ ที่นี่มีสองกระต่าย  ต่างหมายจันทร์กันคนละดวง 
   
หนึ่งนั้นเป็นกระต่ายเจ็บเสียด้วย 

พอถูกทำให้ตื่น  สิงห์จะข่มตาหลับอีกทีก็ยากเย็น  ร่างสูงใหญ่ลุกจากที่นอน  โผเผไปเกาะหน้าต่าง  อยากบุหรี่ฉิบหาย  แต่ต้องอดทนไว้  ที่นี่มีแต่เด็กๆ  มายืนพ่นควันฉุยเด็กจะเหม็นกันเสียเปล่าๆ  แถมพวกนักเรียนครู  ก็ไม่เห็นมีใครสูบบุหรี่กัน 
   
นอกหน้าต่าง.. บนฟ้า.. มีจันทร์นวลเปล่งแสงสุกใส  เบื้องล่าง.. จันทร์อีกดวงทอแสงจัดจ้าไม่ต่างกัน 

บนแคร่ไม้รวกใต้ต้นหูกวาง  จ้อยอยู่ในวงล้อมเด็กๆ อีกแล้ว 

จันทร์เต็มดวงสุกสว่างราวกับโคมทองกลางฟ้า  จ้อยนั่งมองพวกเด็กผู้ชายวิ่งไล่เหยียบเงากันกลางลานแล้วหัวเราะขำ  พวกเด็กผู้หญิงนั่งล้อมไม่ห่าง  เล่านู่นเล่านี่ให้ฟังครื้นเครง  พอจ้อยถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร  ก็ยกมือแย่งกันเล่าชนิดฟังแทบไม่ทัน 
   
จ้อยเคยคิดว่าเรือชีวิตของจ้อยผุพังเต็มที  เต็มไปด้วยรอยรั่วร้าวที่ไม่รู้จะอับปางลงใต้ท้องน้ำวันใด  ไม่รู้จะฝ่าลมฝนไปถึงจุดหมายปลายฝั่งได้หรือไม่ 
   
จ้อยเคยคิดเช่นนั้น
   
หากวันนี้  แสงจันทร์นวลและรอยยิ้มไร้เดียงสา แววตาใสบริสุทธิ์ เสมือนชันชั้นดีที่มายาท้องเรือ สมานรอยรั่วได้สนิท  หัวใจแหลกยับของจ้อยถูกประกอบขึ้นใหม่  จ้อยรู้แล้วว่าเรือชีวิตของจ้อยจะมุ่งหน้าลอยลำไปในทิศทางใด  จ้อยจะต้องไปให้ถึง
   
ชันยาเรือ  เด็กๆ (เยียว)ยาหัวใจ

ยิ่งเป็นครู  มิใช่เป็นเพียงเรือที่จะพาตนไปฝั่ง  แต่ต้องพาศิษย์ไปด้วย  แล้วเรือจ้างผุพัง  จะส่งศิษย์ถึงฝั่งได้อย่างไร

ขอบคุณคุณชายเล็กที่พาจ้อยมาที่นี่  มาพบ ‘ยา’ ชั้นดี 

“โตขึ้นหนูจะเป็นครูเหมือนพี่ครู” เด็กหญิงผมหยิกขอดคนหนึ่งเล่าบ้าง  หากไม่ทันขาดคำ 
   
“พี่ครูๆๆ” พวกทโมนที่ไล่เหยียบเงากันก็กรูเข้ามา “อีสี่คนนี้มันชอบพี่  มันบอกว่าโตขึ้นจะเป็นแฟนพี่ครู”
   
มีเสียงตีไหล่กันผัวะผะ  จ้อยถึงกับปล่อยก๊าก “โอ้โห  สี่คนเชียว  เลือกไม่ถูกเลย” พี่ครูนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็โพล่งขึ้น “เอาอย่างนี้  ใครร้องเพลงจันทร์เจ้าได้มาเป็นแฟนกันเลย” 
   
สิ้นเสียงพี่ครู  เด็กๆ ทั้งหญิงชายยืนตัวตรงแหน่ว  เสียงเจื้อยแจ้วขับขานพร้อมเพรียงกัน 
   
“จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า..”

“ขอช้างขอม้าให้น้องข้าขี่  ขอเก้าอี้ให้น้องข้านั่ง..” ไม่มีใครรู้  ตรงหน้าต่างสูงขึ้นไป  เด็กโค่งคนหนึ่งเปล่งเสียงแหบพร่าแผ่วเบา  ร้องเพลงจันทร์เจ้ากับเขาด้วย

‘ใครร้องเพลงจันทร์เจ้าได้มาเป็นแฟนกัน’
   
เอ็งอย่าผิดคำพูดนะจ้อย 
   
เด็กๆ ร้องจบก็เฮขึ้นมาพร้อมกัน  โทษฐานที่เป็น ‘แฟน’ กันแล้ว  พี่ครูเลยแจกจูบเข้าให้ที่แก้มคนละที  ใบหน้าคมคร้ามมองตามแล้วคลี่ยิ้มละมุน 
   
ไม่กล้าเสนอหน้าไปให้น้องจูบแก้มด้วยหรอก  แค่เห็นน้องกลับมายิ้มได้อีกครั้ง  ไอ้สิงห์ก็สุขใจเหลือเกินแล้ว 

เจ้าก็แก้วแวววาวจงห้าวหาญ
แม้ในธารแสงยังกล้าสง่าสม
อย่าเซาซบสยบท้นหม่นระทม
ถึงกลางตมเพชรประกายยังพรายพราว****


******************************

ความสุขของไอ้สิงห์ผ่านไปไวเหมือนไฟลามปลายด้าย 

ดึกดื่น  เด็กๆ และชาวบ้านกลับกันหมดแล้ว  เหล่านักเรียนครูได้เวลาเข้านอนกันเสียที 
   
สิงห์นอนนิ่งอยู่ในมุ้ง  นิ่งฟังเสียงพวกนักเรียนครู
   
เกี่ยงกันว่าใคร.. จะเป็นคนนอนติดเขา 
   
เขานอนนิ่งเหมือนหลับสนิท  ใครอยากพูดอะไร  จะได้พูดกันมาเลยไม่ต้องเกรงใจ.. หรือไว้หน้าใดๆทั้งสิ้น 

ครูบางบาลคนหนึ่งมาขอโทษขอโพย  เพราะไม่รู้ว่าจะมี ‘คนนอก’ ติดตามมาด้วยอีกหนึ่ง  จึงเตรียมขนาดมุ้งไว้ให้เล็กเกินไป 
   
“ใครสาระแนตามมาก็ไปนอนนอกมุ้งเลยไป” สง่าออกปากค่อนขอดคนแรก  กลิ่นละมุดโชยหึ่ง  คงไม่แคล้วไปร่วมวงไพบูลย์กับชาวบ้านมาแน่ๆ 
   
“อย่าให้มันเกินไปนักสง่า” อาจารย์ประพนธ์ก็โชยนิดๆ “เขาไม่สบายอยู่นะ  ไม่เห็นหรือไง” บ่นงึมงำแล้วก็เปิดมุ้งไปนอนริมสุด  เว้นที่ว่างตรงกลางไว้ให้นักเรียนครูทั้งสามหน่อ 
   
“รีบนอนกันได้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” สิ้นเสียงอาจารย์  ดั่งสิ้นสัญญาณเป่านกหวีดปล่อยตัวนักวิ่ง  สง่ากับสันติคลานตุบตับเข้าจับจองที่ทันที  ทิ้งจ้อยให้ยืนเซ่อ  ก็จ้อยนึกว่าเพื่อนจะปรึกษากันก่อน 

เห็นที่ว่างที่เหลืออยู่แค่คืบระหว่างสันติกับ.. ‘มัน’ แล้ว  จ้อยอยากจะร้องไห้   

หนุ่มน้อยแทรกร่างเข้าไปในที่คับแคบ  เบียดมาทางสันติแทบเกาะหลังกัน  เหมือนไอ้ที่นอนอยู่อีกฝั่งเป็นอสรพิษไม่ใช่คน 
   
“โอ๊ยจ้อย ดับตะเกียงเสียทีสิ  แยงตาจะบอดอยู่แล้ว” สง่าโวยขึ้นมาทั้งหลับตา 
   
“ไม่..ไม่ดับได้ไหม..”
   
จ้อยพูดไม่ทันขาดคำ  สง่าก็เปิดมุ้งมุดหัวออกไปเป่าตะเกียงปู้ด  ทั้งห้องมืดสนิทเหมือนหลับตา

หัวใจจ้อยเต้นถะถี่ขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ  มืดเหลือเกิน  มืด.. มืดเหมือนคืนนั้น  คืนที่จ้อยย่ำเข้าดงกล้วยไปตามหายาย 

เหมือนถูกความทรงจำเลวร้ายรัวทุบกระหน่ำ จ้อยนอนตัวสั่นอยู่ในความมืด ใครคนหนึ่งขยับตัวเบียดมาโดน  จ้อยสะดุ้งสุดตัว  ใครกัน?!  สันติ.. หรือ ‘มัน’  ใครนอนทางขวา  ใครนอนทางซ้ายกันนะ  มันมืดไปหมด  มืดจนไม่รู้หัวรู้หาง  จ้อยสับสนไปหมดแล้ว 
   
จ้อยเริ่มหายใจไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ!

น้ำตาเอ่อท้นขอบตาจนแสบพร่า ทำไมจ้อยเป็นอย่างนี้จ้อยก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  รู้เพียงว่าจ้อยกลัว  กลัวจับขั้วหัวใจ 
        
สายตาที่เริ่มชินกับความมืดไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อย่างน้อย.. จ้อยก็รู้แล้วว่าสันตินอนอยู่ฝั่งไหน
        
"สัน..สันติ" เสียงสั่นพร่ากระซิบเบาหวิว มือเล็กกระตุกชายเสื้อเพื่อน "แลก..แลกที่กันเถอะ..นะ.."
        
คนกำลังหลับปัดมือจ้อยออกอย่างรำคาญเต็มที ยิ่งพร่ำวิงวอนเท่าไร เพื่อนยิ่งหลับได้หลับดีไม่แยแสกันเลยสักนิด น้ำตาจ้อยจะร่วงอยู่มะรอมมะร่อ
        
หนุ่มน้อยคงไม่รู้ ใครอีกคนหนึ่งที่นอนผินหลังให้ ใจเอ๋ยจะขาดลงรอนๆ

จ้อยลุกออกจากมุ้งเบากริบ จ้อยทนนอนที่น่ีไม่ได้ ทนนอนข้างมันไม่ได้ อาศัยเพียงแสงจันทร์ที่ส่องผ่านบานหน้าต่าง นักเรียนครูตัวเล็กคลำทางไปห้องนอนหม่อมราชวงศ์เลอมานและอาจารย์คนึง หมายมาดจะขอซุกหัวนอนด้วยคน
         
ดึกสงัด หรีดหริ่งเรไรครวญระงม จ้อยแตะมือลงบานประตูไม้เก่า เปิดออกแผ่วเบา ไม่ได้เคาะก่อน ไม่ได้ส่งเสียงขออนุญาต ดึกแล้วจ้อยไม่อยากรบกวน แค่จะขอเข้าไปนอนด้วยเงียบๆ
         
บานประตูค่อยๆ เปิดอ้า แสงจันทร์แจ่มฟ้าสาดกระทบสองร่างในม่านมุ้งสลัว

ทันทีที่เห็นถนัดตา จ้อยตะลึงตาเบิกโพลงอยู่ในความมืด!

อาจารย์คนึงอยู่บนตัวคุณชายเล็ก!

หนุ่มน้อยพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก สองมือปิดประตูคืนให้ดั่งคนไร้วิญญาณ สองขาถอยหลังเงอะงะ ในหัวกลวงเปล่าเหมือนมีกระแสลมพัดผ่าน

จ้อยมาเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้าเสียแล้ว

ร่างเล็กหันขวับหมายจะกลับห้องเดิม หากทันทีท่ีหันไปก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อกี้ว่าตกใจแล้ว ครานี้เห็นทีต้องคูณเข้าไปอีกสิบ
        
ร่างสูงใหญ่ยืนทะมึนอยู่ในความมืด!

จ้อยถอยกรูดจนหลังติดฝา ไม่เข้าใจเลยว่ามันย่องตามมาตั้งแต่เมื่อไร และที่น่าตกใจ มันตามจ้อยมาทำไม!
        
แสงจันทร์สะท้อนใบหน้าคมสัน มันมองจ้อยนิ่งงัน ชั่วอึดใจ มันก็เดินหันหลังลงบันไดไป ไม่มีส่วนใดของร่างกายแตะต้องตัวจ้อย นอกจากแววตาโศกสลด รวดร้าว

ไม่พูดอะไรสักคำเดียว!
   
หนุ่มน้อยยังสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก อยู่ดีๆ มันก็ลุกขึ้นมามองหน้ากัน แล้วอยู่ดีๆ ก็หันหลังเดินจากไป  พอสติกลับคืนมา  จ้อยรีบกลับเข้าห้อง  ในมุ้งฝั่งริมสุดไร้วี่แววของ ‘มัน’ จ้อยถอนใจโล่งอก  มันจะไปนอนที่ไหนก็ช่าง ขออย่างเดียว อย่ามานอนใกล้กันเป็นพอ 
   
กว่าจ้อยจะข่มตาหลับลงได้ก็ดึกดื่นค่อนคืน ในหัวมีแต่ภาพอาจารย์ที่เคารพและคุณชายเพื่อนรักกำลังกอดจูบกัน  ก่อกวนวกวนอยู่ในอกไม่วางวาย 

******************************

รุ่งอรุณฟ้าสางสว่างแล้ว

คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนฝึกหัดครูเตรียมตัวเดินทางกลับ  เช้านี้จ้อยพูดน้อยกว่าทุกวัน  ยิ่งกับอาจารย์คนึงและเลอมาน จ้อยแค่ถามคำตอบคำ
   
จ้อยแค่พูดน้อย  แต่มีคนหนึ่ง.. ไม่ปริปากพูดอะไรเลยตั้งแต่เช้า 
   
อาการไข้ของมันเหมือนจะหนักยิ่งกว่าเก่า  มันหลบไปนั่งหลับพิงรถจี๊ปดอดจ์ของหน่วยฉายหนัง  คุณชายเลอมานไปแตะมือตรงหน้าผากมันแล้วอุทานลั่นว่าร้อนดั่งไฟ  มันแค่ปรือตาขึ้นมองแล้วก็หลับต่อ

จ้อยไม่ได้บอกใครว่าเมื่อคืนมันลงไปนอนข้างล่าง  จ้อยไม่คิดจะแยแสมันเลยสักนิด  ทำตัวเอง  สมควรแล้ว  มันจะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็เรื่องของมัน

ไม่ว่าคุณชายจะทำอะไรก็ดูขวางหูขวางตาจ้อยไปเสียหมด  แต่ที่ทำให้จ้อยโกรธเอามากๆ ก็ตอนกำลังจะเคลื่อนพลกลับกันนี่ละ

มีอย่างที่ไหน  สั่งให้สง่ากับสันติไปนั่งรถหน่วยฉายหนัง  แล้วให้คนไข้กลับอย่างไอ้สิงห์มานั่งข้างจ้อยแทน!

มันมาอย่างไรก็ควรกลับไปอย่างนั้นสิ!

สง่ากับสันติโวยวายกันตามประสา  แต่พออาจารย์คนึงยื่นคำขาดก็เดินคอตกไปนั่งเบียดกันในรถฉายหนังอย่างเสียไม่ได้  ต่างกับจ้อยที่ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ภายใน 

ล่ำลาเหล่าครูบางบาลและเด็กๆ เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากลับ  รถจี๊ปสีขาวโขยกเขยกไปตามทางลูกรัง  ข้างหน้า คุณชายนั่งคู่อาจารย์ที่ทำหน้าที่คนขับ  ข้างหลัง  จ้อยนั่งตัวลีบแนบประตูเคียงคู่กับมัน  ที่พิงศีรษะกับกระจกรถหลับใหลไม่ได้สติ  รถตกหลุมที  มันก็เอนมาซบจ้อยที  จ้อยได้แต่ผลักกลับไปอย่างขยะแขยงเต็มทน  หัวมันโขกกระจกดังโป๊ก  แต่มันเพียงลืมตาสลึมสะลือแล้วหลับต่อไม่รู้สึกรู้สา

คู่ชู้ชื่นข้างหน้ามีความสุขกันจริง  คุณชายปั้นข้าวเหนียวหมูทอดที่แม่ครัวบางบาลทำให้เป็นเสบียงเป็นก้อนพอดีคำแล้วยื่นป้อนให้อาจารย์คนึง  จ้อยแทบจะเบือนหน้าหนี 

ผิดหวังในตัวทั้งคู่สุดแสน   

ถ้าเป็นเมื่อก่อน  ก่อนที่จ้อยจะมาเห็นภาพเมื่อคืน  จ้อยคงไม่รู้สึกอะไรกับภาพตรงหน้า  ก็แค่ศิษย์คนหนึ่งป้อนข้าวป้อนน้ำอาจารย์ที่มือไม่ว่างเพราะกำลังขับรถ  แต่เพราะจ้อยรู้ ‘ความจริง’ แล้ว ยิ่งมองยิ่งขัดตา 
   
สิ่งใดใดที่ผิดทำนองคลองธรรม  จ้อยไม่ชอบไปเสียทั้งสิ้น  แล้วนี่อะไร  เป็นศิษย์อาจารย์กัน  ซ้ำยังเป็น.. ผู้ชาย..กับผู้ชาย
   
ดั่งกลืนน้ำลายตนเอง  แล้ว.. จ้อยกับ ‘มัน’ เล่า  ผู้ชายกับผู้ชายเหมือนกันไม่ใช่หรือ 

จ้อยปฏิเสธอึงอลอยู่ในอก  ไม่มีทาง! ยิ่งกับมัน ยิ่งไม่มีทาง!  สิ่งที่มันทำกับจ้อย  เพราะถูกมันบังคับข่มเหง  ส่วนที่จ้อยเคย ‘รัก’ มันเมื่อครั้งยังเยาว์  นั่นก็เป็นความรักแบบพี่น้อง  หากนับจากนี้ไป  แม้เศษเสี้ยวความรักไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็อย่าหวังว่ามันจะได้รับจากจ้อยเลย 
     
ทางเกวียนขรุขระทำรถเอียงวูบ  คนไม่ได้สติเอนตุบลงบนตักจ้อย เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยง  พยายามยกหัวหนักๆ ออกไป  แต่คล้ายมันไม่รู้สึกตัวสักนิด 
   
ใบหน้าคมสันร้อนผะผ่าว  เหงื่อเม็ดโตผุดซึมเต็มหน้าผาก  ผ้าพันแผลเริ่มมอมแมม  คงเพราะไม่มีใครมีแก่ใจจะเปลี่ยนให้  จ้อยออกแรงยกหัวมันออกอีก  หากหนักอึ้งดั่งหินผา 
   
วูบหนึ่ง.. บางสิ่ง.. ตรึงตรา.. วูบไหวอยู่ในหัวใจ   
     
[น้ำคลองสีน้ำตาลอ่อนไหลเอื่อย  ลมทุ่งพัดมาเย็นชื่น  เด็กชายตัวโตจูงมือน้อยลัดเลาะริมคลอง  ในมือมีคันเบ็ด  ข้างเอวมีตะข้องใบย่อม
   
“ตกปลาเป็นบาป  ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  ผีดศีลข้อหนึ่ง” เสียงเล็กเจื้อยแจ้ว

“ตกไปกินไม่บาปหรอก” พี่สิงห์ชี้แจง  ก่อนตีหน้ายักษ์ “พูดมากเดี๋ยวจับจ้อยหักแข้งหักขากินแทนปลาเสียนี่!”
   
จ้อยหัวเราะเอิ้กอ้าก  หลบหลีกพัลวันเมื่อพี่ทำท่าจะคว้าแขนไปหักกินจริงๆ  โลกของจ้อยแสนไร้เดียงสา  มีความเป็นเด็ก เป็นน้อง และไว้วางใจในตัวพี่ยิ่งนัก 
   
พี่ปลดตะข้องออกจากเอว  ดึงปูออกมา  ฉีกอกออกจากกัน  ฉวยมะนาวจากกระเป๋ากางเกง  ผ่าด้วยมีดพับ  บีบใส่กระดองคลุกเคล้าจนมันเหลืองย่องจับตัวเป็นก้อน
   
จากนั้นหักก้านละหุ่งที่พกมาเป็นกำ  ดึงจนเห็นใยสีขาวบางเหนียว  ใช้พันมันปูทำเหยื่อ  ไม่ถึงสองนาทีก็เรียบร้อย  เหวี่ยงฟึ่บ! เบ็ดก็จุ่มลงน้ำ  พี่ขยับตัวนั่งพิงต้นไม้ เอนกายสบายอารมณ์ 
   
เมฆขาวลอยเต็มฟ้า  แดดทุ่งร้อนจ้าแต่ใต้ต้นตะแบกกลับเย็นสบาย  เสียงลมกับใบไม้เสียดสีแสนเสนาะ  ทุกอย่างเงียบสงบ  มีความสุขนัก 
   
“ไปนั่งอะไรตรงนั้น  มาอยู่ใกล้ๆพี่นี่สิ” พี่กวักมือเรียกจ้อยที่หนีไปนั่งเสียไกล 
   
“ไม่เอา” จ้อยส่ายหน้ารัว จิ่มดินจิ้มหญ้าเล่นไปตามเรื่อง “ยายบอกว่าอย่าอยู่ใกล้คนตกปลา  เดี๋ยวโดนเบ็ดตวัดมาเกี่ยวตา”
   
“มานี่จ้อย” พี่เรียกอีกที  จ้อยเงยหน้าขึ้นมอง  เมื่อนั้นจึงเห็นดวงตาสีนิลเข้มข้น “ไม่ต้องกลัวหรอก  ถ้าพี่ทำเบ็ดเกี่ยวตาจ้อย จะควักลูกตาตัวเองให้แทน”
   
จ้อยอุ่นใจ  ยินคำสัญญาหนักแน่นก็ยิ้มออก  ขยับเข้าใกล้พี่  จู่ๆ จากท่านั่ง  พี่เอนกายลงเอาตักจ้อยแทนหมอน  หนุนนอนสบาย

“เอาหัวพี่ทับไว้  จ้อยจะได้ไม่ปลิวหายไปไหนอีก” ]
   

เออหนอ.. ครั้งหนึ่ง  จ้อยเคยยอมให้มันนอนหนุนตักด้วย 
เหตุการณ์เนิ่นนานมาแล้วแท้ๆ
   
แต่ไม่รู้เหตุใด  ฝั่งน้ำเย็นย่ำนั้น  ตรึงอยู่ในความทรงจำมิจาง 

******************************

คนึงกับเลอมานแวะส่งนายสิงห์ที่บ้าน  ดีที่กำนันและคุณนายพูนทรัพย์ไม่อยู่ทั้งคู่  ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงโดนกักตัวไว้ตอบคำถามแน่ว่าพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไปทำอะไรมา  และคนที่โดนหนักที่สุดก็คงไม่พ้นจ้อย  ที่ร่ำร้องจะไปโรงเรียนก่อนท่าเดียว

ถึงโรงเรียน  คนึงพาเลอมานไปหาอาจารย์ปรีชาก่อนเป็นอันดับแรก  หมายจะรายงานความสำเร็จลุล่วงด้วยดีของการพาอาสาสมัครไปฉายหนังนอกเมือง
   
ทั้งสองกลับเป็นฝ่ายประหลาดใจ 

“ท่านชายอาทิตย์มีจดหมายมา” อาจารย์ปรีชาบอกข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แจ้งว่าจะเสด็จมาโรงเรียน”


โปรดติดตามตอนต่อไป

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
*วาสนากระต่าย, มัณฑนา โมรากุล คำร้อง, เอื้อ สุนทรสนาน ขับร้อง
**สุนทรภู่
***นิทานเวตาล
****อุชเชนี


ออฟไลน์ toou

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
จ้อยจ๋าาาาาาาา  ใจอ่อนลดลงได้แล้วววววววว
แจ๊คพ็อตจ้อยไปเห็นของดีกลางดึกเลย อร๊ายยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
ช่วงดอกไม้เม้ามอย  :L2:

ตอนนี้ตั้งใจว่าจะอัพตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่ก็มีเหตุให้ล่าช้าคลาดเคลื่อนจนได้ค่ะ คือเมื่อช่วงอาทิตย์ก่อน ดอกไม้วุ่นวายอยู่กับงานแต่งงานเพื่อนเลิฟมา ไอ้วุ่นงานน่ะไม่เท่าไหร่ค่ะคนอ่านที่รัก แต่เรื่องของเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะ..ดอกไม้ไปเจาะหู

อ๊ะ..งงล่ะสิ ฮุฮุ

คือ..ด้วยความอยากสวย อยากเริ่ดอ่ะเนอะ เลยไปเจาะหูเป็นรอบที่สามในชีวิต (หลังจากปล่อยให้ตันไปสองรอบ) คนเจาะให้ยังถามเลยว่าหนูนึกยังไงมาเจาะหูตอนอายุ..(ตรุ๊ดดด:เซ็นเซอร์)..คะเนี่ย ดอกไม้ได้แต่หัวเราะแหะๆ บอกไปว่าเดี๋ยวต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว อยากใส่ตุ้มหูตุ้งติ้งๆระย้าระย้อยกะเค้ามั่งอ่ะค่ะ  :o8:

ว้าย..งานมีวันเสาร์ แร่ดไปเจาะหูวันจันทร์ แผลมันจะแห้งทันเรอะ แม่นแล้วค่ะ ไม่แห้งหรอก แถมตุ้มหูที่ใส่เปลี่ยนก็อย่างหนักเลย เจ๊บเจ็บแหละ แต่อยากสวยต้องอดทนค่ะ ฮึก..

สรุป ไปสวยๆเริ่ดๆอยู่ในงานได้ไม่ทันไร เช้ามานอกจากจะเมาหมดสภาพ ขนตาปลอมหลุด ถุงมือหาย ขนนกบนหัวกระจายว่อน สิ่งที่ตามมาคือ..หูติดเชื้อค่ะ แอร๊  :sad4: แถมวันต่อมา.. มันลามมาต่อมน้ำเหลืองที่ข้างหูด้วย โอ้วม่ายยยย โตเท่าลูกลำไยเลย เดือดร้อนไปหาหมออี๊กก ฮ่วย แรงจะปั่นนิยายเลยไม่มีค่ะ ไข้ขึ้นนอนซม (หรือนี่จะเป็นกรรมที่ดอกไม้ทำกะพี่สิงห์นะ ฮือๆ)

สรุป(อีกที) โดนจับใส่ตุ้มหูห่วงทองๆ ไปอีกนานจนกว่าแผลจะหายเลยค่ะ ห้ามเปลี่ยนตุ้มหูเด็ดขาด ชีช้ำที่สุด

อีกหนึ่งความเลินเล่อที่ต้องแจ้งให้คนอ่านทราบ (เพราะส่งผลต่อช่วงเวลาอัพนิยาย) คือ.. ดอกไม้เสร่อไปรับงานซ้อนกันค่ะ งานแปลนั่นแล ปกติวางมือแล้วแต่รับให้น้องชายทำแทน แล้วทีนี้ เจือกรับสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ปรึกษาน้องก่อน มันก็รับเจ้าอื่นไปแล้วเช่นกัน (ก็นึกว่ามันว่างอ่ะ) รับคำลูกค้าไปแล้วด้วย ดอกไม้เลยต้องโชว์สปิริตแก้ปัญหาด้วยการ.. ทำเองแม่มเลยค่ะ (ขี้เกียจอ่ะ :เฮ้อ:) แต่ไม่เป็นไร แค่สามเรื่องอาทิตย์เดียวก็เสร็จค่ะ ขอไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวกลับมาดราม่าคุณชาย/จารย์คนึงต่อเน้อ

เม้ามาตั้งเยอะ ไม่ได้เกี่ยวกับนิยายเล้ย งั้นขอพูดถึงนิยายนิดนึงก็ได้ค่ะ เพื่อความสมดุล ถ้าพี่สิงห์น้องจ้อยค่อยๆ ดีขึ้น จารย์คนึงกับคุณชายจะค่อยๆแย่ลงนะคะ  :กอด1:

ไปดีกว่า ดึกแล้วคุณขา

รักคนอ่านค่ะ
ดอกไม้

๒๓ ก.พ. ๕๖

ปล. เฉลยกิจกรรมวันวาเลนไทน์แล้วนะคะที่เพจ 'จิฮิโร่และดอกไม้' ผู้ได้รับรางวัลคือน้อง PRIMWI ของขวัญไปถึงมือน้องเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวไว้โอกาสหน้าดอกไม้จะหาอะไรมาเล่นกันอีกน้า



ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้ำตาจะไหลอ่านพี่สิงห์น้องจ้อย คู่นี้เหมือนพระจันทร์ข้างแรม หมองหม่นเหลือแสน
สงสารพี่สิงห์ที่ถูกเมินไม่ไยดี หนำซ้ำถ้ารู้ว่าน้องก่นด่าสาปแช่งอยู่ในใจ มันคงไปโดดน้ำตายแน่ ๆ
ความทรงจำสวย ๆ เมื่อวัยเยาว์จะช่วยอะไรได้บ้างไหมหนอ
ส่วนคุณชายเล็กกับอาจารย์คนึง หวานจนคนอ่านเขินอาย
หวานไม่ทันเท่าไหร่อุปสรรคก้อนใหญ่ก็มาเยือนถึงที่ แต่ละคู่จะลงเอยอย่างไรหนอ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้นะครับ   หายไวๆ

ขอบคุณครับ :3123: :L2:

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
อ่านสิงห์ทีไรเป็นได้เสียน้ำตาทุกที ตอนที่สิงห์ยืนร้องเพลงจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า แถมยังยอมไปนอนข้างล่างเพื่อให้น้องได้นอนสบาย ๆ จ้อยใจร้ายเกินไปแล้ว ต้องสิงห์ตายก่อนใช่มั้ยถึงจะยอมยกโทษให้ #อินจัด *น้ำตาไหล*

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
บอกกงๆ นะ ว่าเริ่มรำคาญจ้อยมาก


สำหรับจ้อย ไม่ว่าใคร คนไหนจะดี จริงใจ ต่อตัวจ้อยเท่าไหร่ ถ้า คนเหล่านั้น ทำผิด หรือ ผิด ในสายตาจ้อย ความดี ความหวังดีจริงใจเหล่านั้น ไม่มีมีค่าอะไรเลย จ้อยจะมองคนเหล่าันั้นเปลี่ยนไปทันที

สิงห์ก็ตายๆไปซะเถอะ จะไปได้จบๆไปบางอย่างยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์

ส่วนคุณเล็กอย่านะ  :sad4: เรื่องพี่สิงห์ ยังไม่เคลียร์ มาม่าจะมาอีกคู่แล้วเหรอ ต้มน้ำไม่ทันแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2013 10:52:31 โดย NOoTuNE »

ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เอาเล้ย แม่ดอกไม้จะทำร้ายคนไหนอื่น ก็ตามใจเลย งานถนัดแล้วนิ ชริ !!!
แล้วเมื่อไหร่พ่อสิงห์กับพ่อจ้อยจะดีขึ้นหล่ะ เห็นมีแต่ทรงๆ กับ ทรุดๆ
นี่ก็จะหันไปเล่นพ่อเล็กกับอาจารย์อีกคู่แล้ว  ยังมีคู่ไหนอีกที่แม่ดอกไม้ยังไม่ได้จัดการ
ก็จัดหนักมาพร้อมๆกันเลยทีเดียวก็ดีนะ คนอ่านจะได้ช้ำทีเดียว ช้ำบ่อยๆ ใจมันรับไม่ค่อยไหว

555  รักนะถึงล้อเล่น  แต่อย่าจัดหนักพ่อสิงห์ให้มันเยอะนัก แม่ยกพ่อสิงห์ไม่ปลื้ม
แล้วพอไม่ปลื้ม เราก็จะไปบึ้มบ้านแม่ดอกไม้ เอาง่ายๆ 555


bow55

  • บุคคลทั่วไป
อยากให้ดีขึ้นทั้งคู่อ่ะค่า

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
สิงห์ ตัดใจสะดีไหมมมมม
ส่วนจ้อยย ไปอยู่คนเดียวเถอะ ถ้าอะไรๆๆมันก็ไม่เป็นที่ชอบของคุณ  :beat: :beat:

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ครูกะชายเล็กหวานไม่เกรงใจคนใกล้เคียงเลยนะ แบ่งๆความหวานให้สิงห์กะจ้อยบ้าง

ออฟไลน์ ~l3aml3ery~

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-0

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
คุณดอกไม้นี่ชอบแกล้งอ่ะ

ขอดีขึ้นทั้งคู่ไม่ได้หรอ????? ทำให้ต้องกลับกันล่ะ เศร้าที่สุด!!!!!!!

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เห็นใจสิทห์มันนะ
จ้อยมันก็ใจแข็งมากๆ
ตอนนี้จ้อยไม่ชอบอาจารย์คนึงกับคุณชายเล็กไปอีกด้วย


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คงจะต้องใช้กำลังแสงอาทิตย์ในระยะประชิดแล้วล่ะ ถึงจะละลายภูเขาน้ำแข็งก้อนมหึมาในใจจ้อยได้

คู่ของคุณชายน่ารักมากๆ แต่อาจจะมีดราม่าแล้ว ก็ดีค่ะ พันกันยุ่งเหยิงให้มากๆ 555 คนอ่านเป็นมาโซคิส

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
จะได้เห็นคู่สิงห์-จ้อยหวาน กันบ้างแล้ว :m4:

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
โอ๊ย ใจจะขาดรอนๆตามพี่สิงห์ โดนรังเกียจปานนี้ :impress3:
จ้อยเองก็ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ได้เด็กๆเป็นยาใจ
แต่ยังเกลียดกลัวสิงห์อยู่มาก แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นไม่สงสารคนป่วยเลยนะ
แถมยังไม่เจอช็อตเด็ด ทำเอาสับสนไปหมด
พวกสง่านี่ก็นิสัยไม่ค่อยดีนะ :m16:
เรื่องของอาจารย์กับคุณเล็กไม่เป็นความลับเสียแล้ว
ดราม่าของคู่นี้จะกำลังมา หวานชื่นได้ไม่เท่าไหร่เล้ย

บวกๆ^^

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
คุณชายเลอมานน่ารักมาก สดใสสุด ๆ แต่ก็เหมือนแก้วที่บอบบางถ้ามีอะไรมากระทบจะน่ากลัวมาก
อาจารย์คนึงปลื้มลูกศิษย์สุด ๆ ขำคนเมาเรื้อนอ่ะ จะไปกอดจูบเค้า ดีนะเป็นสิงห์ เป็นคนอื่นก็อันตรายอีก
ห่างตาไม่ได้เลยคนนี้ จ้อยเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นซะแล้ว ผ่าง!!!!!!!!!!!

ตอนสิงห์ร้องเพลงเหมือนพวกเด็กน่าสงสารอีกแล้ว ได้แต่แอบมองเค้าไกล ๆ ไปนอนห่าง ๆ
มองห่าง ๆ เฮ้อ ทำตัวเองนี่เนอะ รอฟ้าดินให้อภัยละกัน

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Maree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
โอยยยยยยย หม้อเก่ายังไม่อีดเลยนะมาม่า
ต้องเตรียมต้มน้ำรอมาม่าใหม่อีกแล้ว ม่ายยยยยยยย
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
แต่ยังไงก็จะรอนะคะ  :เฮ้อ:

ขอบคุณ คุณดอกไม้สำหรับนิยายสนุกค่ะ จะรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
จ้อยเจอแจคพอตพอดีเลย โถ่ กร๊ากกก สองคนนี้เค้าก็หวานกันจริงๆ  :m25:

จ้อยจ้ะเห็นแก่ความหลังครั้งเก่าให้อภัยพี่สิงห์ สงสารรรรรร

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อะ,,,น้องจ้อยเจอช็อตเด็ดจนได้
จ้อยยังคงคอนเซปใจร้ายได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็ยังแอบมีนึกถึงเหุตการณ์ตอนเด็กๆ
ปล.คู่ครูคนึงจะต้มมาม่าแล้วเหรอนี่

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ตามสบายเลยคะ
ขอให้ตาคนึงกะคุณชาย แย่ๆๆๆๆๆๆ แย่มากๆๆๆๆๆ
 555++

แม่ยกพี่สิงห์น้องจ้อยเต็มตัวคะ งานนี้
อ้างถึง
ขอไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวกลับมาดราม่าคุณชาย/จารย์คนึงต่อเน้อ  
คำผิดคะ
ต้อง ขอไปปั่นงานก่อนเดี๋ยวกลับมาดราม่าพี่สิงห์กะน้องจ้อยต่อเน้อ

annie

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารสิงห์ คงจะเสียใจน่าดูที่เห็นจ้อยเป็นแบบนั้น แต่จ้อยใจร้ายไปไหม ถึงแม้สิงห์จะทำให้จ้อยเจ็บ แต่การกระทำของจ้อยไร้น้ำใจเกินไปไหมนั่น แล้วยังเรื่องคนึงเล็กอีก ทั้ง ๆ ที่สองคนนั้นดีกับจ้อยแท้ ๆ จ้อยยังคิดแบบนั้นได้ลงคอนะ ไม่รู้จะว่ายังไงดีเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด