บทที่ ๒๖
เหลือความดีให้พี่บ้าง (ครึ่งหลังฮะ

)
“หรือมึงลืมไปแล้ว! ต้องให้กูย้ำอีกสักทีให้จำใช่ไหม!” มือแข็งราวคีมเหล็กบีบคางจ้อยแน่น ริมฝีปากรุมร้อนประกบลงมา ร้อนวาบเหมือนถ่านนาบ จ้อยดิ้นรนสุดชีวิต กำปั้นเล็กรัวทุบถองพัลวัน ยิ่งรุนแรงใส่ ไอ้สิงห์ยิ่งหยาบกระด้างคืนกลับ สัมผัสสากระคายด้วยตอหนวดเคราแข็งๆ ซุกไซ้ลงซอกคอ
“อย่า!” จ้อยผลักมัน มันยิ่งกอดรัดแน่น แรงปะทะทำให้เรือน้อยเอียงวูบ น้ำทะลักเข้ากราบเรือ ตำราสองสามเล่มที่วางไว้แตะน้ำไปนิด จ้อยใจหล่นวูบ “อย่า! เดี๋ยวหนังสือเปียก!”
คนตัวโตชะงัก ดวงตาพราวระยับจ้องมองมา มุมปากยักยิ้มเจ้าเล่ห์
เจ้าตัวเล็กหอบหายใจถะถี่
ดะ..เดี๋ยว..จ้อยไม่ได้หมายความว่า..
ถ้าเป็นบนฝั่งละทำได้ใช่ไหม?!
หัวสมองบ้องตื้นอย่างไอ้สิงห์ตีความได้เช่นนั้นแหละ ชักช้าอยู่ไยเล่า ข้อลำล่ำสันพรวดเข้าคว้าไม้พาย ไอ้ตัวจ้อยที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่เมื่อครู่ก็ผวามาแย่งคืนไปจากมือ เรื่องอะไรสิงห์จะคืนให้ ใจมันหมายมาดแต่จะวาดพายเข้าฝั่งที่เต็มไปด้วยเรือกสนรกเรื้อ หนังสือจะได้ไม่เปียกสมใจมัน แต่ ‘อย่างอื่น’ ละเปียกแทนแน่ๆ พ่อจะล่อให้ฉ่ำให้ชุ่มโชกสาสมใจเชียวล่ะ
นี่มันพายไม้ประดู่ แต่ไอ้จ้อยมันยื้อแย่งเสียยังกะพายทอง เรี่ยวแรงเท่ามดอย่างมันหรือจะสู้เขาได้ ลูกกำนันกระชากสุดแรง ลูกแมวขนพองก็ปลิวหวือมาปะทะแผงอก ท่อนแขนกำยำกอดรัดแน่น หอมแก้มขาวอีกฟอดเรียกน้ำย่อย คนพยศเหลือร้ายก็ฟาดเปรี้ยงเข้าให้เต็มกกหู สองคนฟัดกันกลางคลองจนเรือน้อยโคลงวูบลอยวน
“เฮ้ยๆๆๆ!” เสียงเอะอะมะเทิ่งดังขึ้นจากด้านหลัง “ไอ้ลำนั้นมันอะไรกันวะ!”
ทั้งคู่ชะงักกึก ไอ้สิงห์หันขวับ ยอมปล่อยเหยื่อในอุ้งมือทันที อ๋อ นึกว่าใคร เถ้าแก่จั่นเจ้าของแผงหมูในตลาดพายเรือบรรทุกใบตองมาเต็มลำ หนอย ไอ้เจ๊กตื่นไฟ มึงจะโผล่มาทำไมตอนนี้!
“ตีกันทำไม เดี๋ยวก็ตกน้ำตกท่า” ผู้มากวัยกว่าเตือนด้วยเป็นห่วง คนเสียเส้นที่ถูกขัดจังหวะกระฟัดกระเฟียด ส่วนอีกคน.. นั่งหอบฮั่กๆ อยู่หัวเรือ “โพล้เพล้อย่างนี้ ไม่รู้จักกลัว..เอ่อ กันบ้างเลย”
แกกลืนคำว่า ‘ผีน้ำ’ ลงคอไว้ทัน โบราณเขาถือ พายเรือกลางค่ำกลางคืนไม่ให้พูดถึง
ชายจีนตัวกลมเป็นกระปุกตั้งฉ่ายเหลียวซ้ายแลขวา ลมพัดวูบมาพาเย็นเยือก
ดูหรือนั่น.. เรือล่มแถวบ้านแพนแท้ๆ เกณฑ์คนงมหาเท่าไรก็ไม่เห็น อีกสามวันให้หลังกลับลอยมาเกยฝั่งที่ท่าท้ายโรงเรียน แปลกประหลาด ราวกับมีสิ่งใดผูกพันห่วงหา
เถ้าแก่จั่นคันปากเหลือประมาณ อยากจะทักถามผู้เป็น ‘น้องชาย’ ที่นั่งตัวสั่นอยู่หัวเรือว่า.. “จ้อยเอ๋ย.. นี่ก็ล่วงมานานโขแล้ว เมื่อไรจะทำบุญร้อยวันให้พี่ลื้อสักที”
คนเขาลือกันทั้งบาง ไอ้สุ่มขี้เหล้าประจำตลาด มันพายเรือกลับทางนี้ พอผ่านคุ้งน้ำท้ายโรงเรียนฝึกหัดครูมาหน่อย ก็มีมือขาวซีดโผล่ขึ้นจากน้ำมาจับหัวเรือ
ไอ้สุ่มมันขี้เมา พูดอะไรต้องเอาตะแกรงร่อนสองน้ำ คนเลยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่แกไม่สนละ เรื่องมันพอมีเค้า แกเชื่อไว้ก่อนเป็นดี
เช้าก่อนเถอะ แกจะทักยายช้อยเรื่องงานบุญร้อยวันครูจินดา แต่ตอนนี้ ขอพายตีคู่กับเรือลูกชายกำนันเป็นเพื่อนแก้เสียวสันหลังไปก่อนก็แล้วกัน
กว่าจะถึงเรือนกำนันก็มืดค่ำเข้าไต้เข้าไฟ ไอ้ตัวจ้อยมันกอดตำราเรียนไว้แนบอก ตลอดทางลูกชายกำนันเอาแต่แจวเรือนิ่ง เจ๊กจั่นชวนคุยก็ตีหน้ายักษ์ใส่ ไม่พูดอะไรจนคำเดียว
คล้อยหลังเจ้าของแผงหมู ข้อแขนล่ำสันฉุดเหยื่อตัวน้อยขึ้นจากเรือ เรือนทั้งหลังเงียบเชียบ มีเสียงตำน้ำพริกดังมาจากในครัว แว่วเสียงดีดลูกคิดป๊อกแป๊กมาจากห้องแม่ ส่วนพ่อ.. ดูท่าคงไม่อยู่ติดบ้านอีกตามเคย
นักเรียนครูพยายามขัดขืนสุดเรี่ยวแรงที่มี เล็บคมๆ จิกลงท่อนแขนแกร่งจนขึ้นรอย คนใจหินหรือจะแยแส ไอ้สิงห์ออกแรงลากลิ่วๆ
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่หวนคิดถึงเจ็บกาย**“ป่นแน่ไอ้จ้อย คืนนี้ข้าจะขยี้เอ็งให้ป่น” เสียงห้าวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ได้ยินอย่างนั้นจ้อยยิ่งสั่นผวา ต่อต้านหนัก ยิ่งพอถูกลากมาถึงหน้าห้อง พอจะมองเห็นชะตากรรมตัวเองทันที ร่างเล็กดิ้นพราด ทั้งมือทั้งเท้าระรัวทุบถีบไม่ยั้ง ตำราเรียนจะร่วงกระจัดกระจายก็ไม่สนใจแล้ว คนตัวโตกลับไม่สะเทือนสักนิด มือใหญ่กระชากประตูบานเฟี้ยมเปิด ผลักจ้อยเข้าไปก่อนหันมาลงดาลแน่นหนา
ในห้องนรกที่จ้อยพยายามหลีกลี้ ความกลัวรัวเข้าชำแรก แทรกมาในความมืดสลัว แม้เพียงจะหายใจยังติดขัดเหมือนมีอะไรมาจุกคอ เงาทะมึนสูงใหญ่ย่างเข้าหา ดูน่ากลัวราวปีศาจ จ้อยถอยหนีทีละก้าวเงอะงะจนจนมุม
จ้อยอยากกรีดร้องเมื่อ ‘มัน’ ล่วงล้ำเข้ามาทุกที ขาสั่น ไหล่สะท้าน แผ่นหลังติดฝาปะกน ริมฝีปากรุมร้อนแนบลงบดเบียดดุดัน นักเรียนครูสะท้านในอก นี่ริมฝีปากคนหรืออสรพิษ จ้อยกำลังถูกจูบหรือถูกงูพิษกัด ไร้ซึ่งความหวามหวานอาทรเฉกเช่นคุณชายเลอมานได้รับจากอาจารย์คนึง มีเพียงความทรมาน..รวดร้าว..ราวพิษสีดำพุ่งตรงถึงหัวใจ มือหยาบกระด้างสอดเข้าใต้อกเสื้อ ลากไล้หยาบโลนไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง
งูพิษผละออก จ้อยขยับปากจะร้อง มันก็ส่งเสียงชู่ว “อยากเสียงดังให้แม่ข้าได้ยินหรือ” มันขู่เสียงต่ำ อีกมือเลื่อนเข้าอีกทาง ลากแผ่วบนแผ่นหลังเย็นยะเยือก มือหนึ่งตลบชายเสื้อนักเรียนตัวเก่าขึ้น จ้อยสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากผ่าวแนบลง ตวัดลิ้นลงปลายตุ่มไต
ราวกับก้อนเนื้อในอกจะหยุดเต้นฉับพลัน หรือไม่ก็คงถูกมันกัดกินไปหมดสิ้น ความทรมานกรูแทรกเข้าทุกอณูเนื้อ จ้อยเริ่มหายใจไม่ออก หอบหนักถะถี่ ลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ ตัวเกร็งจนสั่นสะท้าน
สิงห์ชะงัก ยอมผละออกเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ทันทีที่ปล่อยมือ น้องก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นราวกับตุ๊กตาหมดลาน เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นขึ้นทุกขณะ นักเลงหนุ่มเริ่มใจไม่ดี รีบผวาเข้าจุดโคมอัจกลับทันใดเพื่อขับไล่ความมืดมิด
ร่างเล็กกอดเข่าซุกกาย ไหล่สะท้านเป็นลูกนก มือขาวเกร็งจิกลงเนื้อเข่าจนเป็นรอย แสงนวลตาสาดส่องกระทบดวงตาฉ่ำด้วยน้ำใสคลอคลอง
บาดหัวใจราวคมมีด!
มีด.. ที่เอาไว้บากคอ ‘โคถึกที่คึกพิโรธ’ ในโรงฆ่าสัตว์!
ร่างสูงใหญ่ทรุดกายลงตรงหน้า เอื้อมมือไปหา.. อนิจจา.. แค่นั้นน้องก็ผวาจนตัวสั่น ถอยร่นจนแทบแทรกลงไปในฝาเรือน ทว่าดวงตาที่มองมา เปี่ยมด้วยความคั่งแค้น จงเกลียดจงชัง
ลมเพชรหึงอ่อนกำลังลงง่ายดายด้วยน้ำตาเพียงหยดเดียว
‘คืนนี้จะขยี้ให้ป่น’ อย่างนั้นหรือ? ทั้งที่หมายมาดไว้เช่นนั้น แต่ตอนนี้สิงห์เริ่มไม่แน่ใจ ใคร? ‘ขยี้’ ใคร? ให้ป่นกันแน่?
ใช่หัวใจเขาหรือไม่ที่ถูกทำให้แตกป่น ด้วยละไอหยาดน้ำที่คลอวับอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“จ้อย..” นักเลงโตครางแผ่ว สองมือยื่นไปหมายจะรั้งน้องมากอดประโลมขวัญ พลันชะงักเพียงเห็นน้องผวาเฮือก ถอยร่น ทว่าดวงตาแข็งกร้าวชิงชัง
แค่สายตาก็พาให้เจ็บแสบเหมือนถูกจับแช่ในน้ำกรด พออาการ ‘หน้ามืดตามัว’ หาย ‘สติ’ ก็ค่อยคืนมา ความจริงความผิดน้องก็แค่กระผีกริ้น แค่ถอดเสื้อเล่นบอลกับเพื่อน แต่ทำไมเขาต้องโมโหหึงจนลุกลามใหญ่โตก็ไม่อาจรู้ รู้เพียงแค่เห็นน้องสนิทสนมยิ้มแย้มเล่นหัวกับชายอื่น หัวใจมันเหมือนถูกเด็ดออกจากขั้ว
พี่แค่.. คิดถึง.. แค่ห่วง.. หวง.. มากเกินไป
เขาโมโหตัวเอง ลุกขึ้นเตะขาเตียงเปรี้ยง กี่หนแล้วที่เป็นแบบนี้ พอหึงขึ้นหน้าก็ฟาดงวงฟาดงาไม่ฟังใคร เอากำลังเข้าหักหาญท่าเดียว สันดาน!
น้องยังกอดเข่าอยู่กับพื้น มองมาอย่างหวาดระแวง ไอ้สิงห์ทนอยู่ในห้องนี้ไม่ได้อีก ขืนอยู่ต่อ สายตานั้นอาจขยี้ใจเขาแตกป่นมากกว่านี้
หัวหน้าอันธพาลสวนกับมารดาที่พาไล มืออวบขาวรั้งแขนไว้หมับ
“ไอ้จ้อยมันกลับมาแล้วเรอะ” คุณนายกระซิบกระซาบ สิงห์เพียงพยักหน้าส่งๆ สลัดมือแม่ออกแล้วเดินขย่มธรณีจากไป
คุณนายเงินกู้หันมองห้องลูกชาย หมั่นไส้เหลือคณา นังแป้นเที่ยวชมกรอกหูว่า ‘ครู’ ราศีจับ คุณนายได้แต่เบะปาก น้ำหน้าอย่างลูกอีกำไลน่ะเรอะจะมีวาสนาได้ถือพานถวายพวงมาลัยดอกไม้ให้เจ้า ลูกอีหยำฉ่าอย่างมัน เทียบกะลูกชายแกไม่ติดด้วยซ้ำไป
ตำราเรียน ๓-๔ เล่มกองเกะกะอยู่หน้าประตู คุณนายหอบเข้าไปโยนใส่นักเรียนครูคนดีที่กอดเข่าตัวสั่นอยู่ภายใน
จ้อยรีบปาดน้ำตาทิ้ง กลืนก้อนสะอื้นกลับคืนลงไปในอก คล้อยหลังไอ้สิงห์ไม่ทันไร คุณนายใจร้ายก็พรวดพราดเข้ามาอีก บ้านหลังนี้มันนรกของจ้อยชัดๆ!
“ไงยะพ่อตัวดี กว่าจะเสด็จกลับมาได้ แหม้” เสียงแหลมสูงค่อนขอด ปากแดงแสยะเหยียดหยัน “อยู่มันแต่โรงเรียนนั่นแหละ จะเรียนให้เป็นเจ้าคนนายคนวันนี้วันพรุ่งเลยหรือไง!”
จากนั้นคุณนายก็สวดยับ สาธยายถึงงานบ้านร้อยแปดที่ไม่มีคนทำตอนจ้อยไม่อยู่ ลำเลิกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่รดกะลาหัว ตอกย้ำถึงหนี้ก้อนโตที่จ้อยมองไม่เห็นทางเลยว่าจะชดใช้หมดได้อย่างไร
“ฉันว่าแกไม่ต้องเรียนหนังสือแล้วดีกว่าไอ้จ้อย! เสียเวล่ำเวลา” เจ้าแม่เงินกู้ว่า “สันดานขี้ข้าจะร่ำเรียนไปทำไมนักหนา”
หนุ่มน้อยชะงัก เงยดวงตาแข็งกร้าวขึ้นมองทันควัน
“อ๊อมองหน้า?” คุณนายเริ่มถลกผ้านุ่งเท้าเอว โทสะแล่นพล่านในแววตาเป็นริ้วๆ “เดี๋ยวนี้กล้ามองหน้าฉันยังงี้เรอะยะ!”
“จ้อยจะเรียน” จ้อยเป็นลูกหนี้ก็จริง แต่มันเรื่องอะไรที่คุณนายต้องริบอนาคตของจ้อยไปเป็นดอกเบี้ยแบบนี้
“ฉันไม่ให้เรียน! แกจะทำไม! ฉันมีสิทธิ์! แกมันขี้ข้า” ปลายนิ้วสั่นระริกชี้หน้า ปลายเท้าก็วาดเตะตำราเรียนที่วางแปะกับพื้นอย่างหยาบคาย “ลองไปเรียนสิ พรุ่งนี้ฉันจะริบที่ยายแกให้หมดเลย! ขายๆ มันไปซะ!”
นักเรียนครูคลานลนลานไปหาหนังสือ หนังสือเรียนของจ้อยเก่ามากแล้วเพราะตกทอดมาจากพี่จินดาอีกที สองมือเล็กคว้ามากอดแนบอกอย่างหวงแหน “จ้อยจะเรียน!”
คุณนายพูนทรัพย์คำรามในคออย่างน่ากลัว ก่อนทำสิ่งที่จ้อยคาดไม่ถึง!
มือขาวสะอาดกระชากตำราไปจากอก แล้วฉีกควากออกต่อหน้า! จ้อยมองอย่างตื่นตะลึงทั้งน้ำตาคลอเบ้า ควากแรกปกถูกฉีกออกจากตัวเล่ม ควากต่อๆ มาถูกดึงหลุดออกเป็นแผ่นๆ และแล้วคุณนายก็กราดเกรี้ยวทั้งขยำทั้งขยี้ทั้งฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ป้าทรัพย์!” หนุ่มน้อยร้องเสียงหลง ผวาเข้ายื้อแย่ง ให้สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เถิด จ้อยอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้อาวุโสมาตลอดชีวิต อย่าว่าแต่ขั้นลงไม้ลงมือ แม้กระทั่งยืนค้ำหัวผู้ใหญ่จ้อยยังไม่เคยทำ แต่หนนี้จ้อยทนไม่ได้อีกต่อไป!
หัวใจจ้อยถูกลูกชายคุณนายทำลายย่อยยับ เหลือเพียงเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งการศึกษาที่ทำให้จ้อยรู้สึกว่าชีวิตยังมีค่า ขอร้อง.. อย่าทำลายความหวังสุดท้าย อย่าดับเปลวเทียนริบหรี่ในชีวิตจ้อยลงเลย หาไม่.. ชีวิตนี้จะมีความหมายอะไรอีก คงไม่ต่างจากก้อนเนื้อที่ยังหายใจได้ ใช้ชีวิตไร้ค่าไปวันๆ
อนิจจา.. ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ สตรีสูงวัยตรงหน้ายิ่งทวีความคลุ้มคลั่ง ตำราเรียนที่จ้อยหวงแหนนักหนา ตำราเรียนที่จ้อยพร่ำกราบเช้าเย็น บัดนี้กระจัดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยเกลื่อนห้อง หลานยายช้อยไล่เก็บทีละชิ้นทั้งน้ำตานองหน้า เท่านั้นยังไม่หนำใจ คนหัวหูยุ่งเหยิง เดือดดาลจนหน้าแดงก่ำ ก็ปราดเข้าไปคว้าตำราของจ้อยที่วางอยู่มุมห้องมาฉีกทำลายอีก ปากก็พร่ำ.. “ไอ้ขี้ข้า! อย่าริจะมาได้ดีเกินหน้าลูกกู!”
“พอแล้ว!” จ้อยพรวดขึ้นยื้อยุด แขนเล็กๆ ผลักอกผู้มากวัยกว่าอย่างสุดทานทน คนไม่ได้ตั้งตัวหงายหลังก้นจ้ำเบ้า แกหอบจนตัวสั่น เลือดฉีดขึ้นหน้าจนแดงก่ำ กรีดร้องแทบไม่เป็นภาษามนุษย์
“ไอ้..ไอ้จ้อย มึงกล้าผลักกู!” สตรีที่คนยกมือไหว้ทั้งตำบลแค้นคลั่งอยู่กับพื้น ทุกคำรีดเร้นออกมาจากหัวใจชิงชัง “ลูกอีดอกทอง มึงผลักกู!”
จ้อยยังกอดตำราย่อยยับไว้กับอก อก..ที่บรรจุหัวใจย่อยยับไม่ต่างจากเศษกระดาษที่ถูกฉีกเกลื่อน คุณนายยังไม่สาสมใจอีกหรือ ไม่สิ.. ดูท่าจะเดือดดาลกว่าเก่าเป็นทวีคูณด้วยซ้ำ ทำลายตำราเรียนจ้อยไปแล้วยังไม่หนำใจ แกปรูดไปหาหีบหวายใบเก่าที่มุมห้อง รื้อชุดนักเรียนของจ้อยที่พับเก็บอยู่ในนั้นออกมา!
“ฮือ.. ป้าทรัพย์ พอได้แล้ว!” ร่างเล็กรี่เข้าห้าม พยายามยื้อคืนสุดกำลัง
“มึง! มึงอย่าเรียนเลยไอ้ขี้ข้า! กูไม่ให้มึงเรียน!” คุณนายฮึดฮัดอาละวาดเหมือนคนบ้า สองมือดึงทึ้งเสื้อเชิ้ตสีหม่น แต่เนื้อผ้าไม่เหมือนกระดาษ แค่สองมือเปล่าตัดไม่ขาดดั่งใจแก!
เจ้าแม่เงินกู้หอบชุดนักเรียนขี้ข้าโอหังออกจากห้อง จ้อยตามไปทันที เสียงโหวกเหวกโวยวายเคล้าเสียงร่ำไห้เรียกน้าแป้นกับน้ำฝนขึ้นมาดู คุณนายโยนกองผ้าไว้กลางชานเรือนก่อนเดินตึงตังเข้าห้อง จ้อยผวาเข้าไปกอดชุดนักเรียนแนบอก ใจหายวาบเมื่อเห็นคนใจร้ายกลับออกมา.. พร้อมกรรไกรคมวาวในมือ!
“ป้าทรัพย์! อย่า! ฮือ..” เหตุการณ์จากนั้นชุลมุนสุดบรรยาย เมียกำนันยื้อแย่งชุดนักเรียนที่จ้อยกอดไว้ ใช้กรรไกรตัดฉับๆ อย่างบ้าคลั่ง จ้อยกรีดร้องลั่นปานดวงใจถูกคร่าไปพร้อมชุดนักเรียนอันทรงเกียรติที่กลายสภาพเป็นเศษผ้าขี้ริ้ว น้าแป้นได้แต่ร้องห้าม ส่วนหนูน้าฝนร้องไห้โฮ
“หัดตักน้ำใส่กะโหลกซะบ้าง! เป็นไม้เท้าอย่าสะเออะมายาวกว่าถ่อ อยู่เป็นขี้ข้าที่นี่ไปจนตายเถอะมึง!” เสื้อเอย กางเกงเอย ถูกคุณนายตัดเสียรุ่ยร่ายเป็นเศษผ้า คมกรรไกรเฉียดมือขาวที่พยายามยื้ออย่างน่าหวาดเสียว
และแล้ว.. สิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็เกิดขึ้น!
“โอ๊ย!” จ้อยร้องลั่น ทรุดฮวบลงกุมมือตัวเองแน่น เลือดแดงฉานไหลทะลักจากง่ามนิ้ว เนืองนองหยดแประลงพื้นเป็นดวงๆ
ทุกคนตกตะลึง ยิ่งเด็กหญิงถึงขั้นร้องไห้กรี๊ดๆ
กรรไกรคมวาวด้ามแดงที่คุณนายพูนทรัพย์ใช้ตัดผ้ามาตลอด ตอนนี้กลับเอามาใช้ตัดเนื้อคนโดยไม่ได้ตั้งใจ! แน่นอน แกไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แกแค่คิดจะตัดชุดนักเรียนไอ้บ่าวตัวดีให้ขาดวิ่น มันจะได้ไม่มีปัญญาไปโรงเรียนได้อีก แต่ไอ้ขี้ข้าเสือกเอามือมาขวางคมกรรไกรทำไม!
ในแววตาตระหนก มีความรู้สึกผิดลอยวูบ แต่แค่เพียงแวบเดียว แกรีบปัดความรู้สึกนั้นทิ้งเช่นเดียวกับกรรไกรเปื้อนเลือดที่ถูกโยนลงพื้น
“ดะ..ดี! มือขาดไปเลย! สมน้ำหน้า!” นางพูนทรัพย์เสียงสั่น เอาความกราดเกรี้ยวเข้ากลบเกลื่อน “ดูซิจะเอามือที่ไหนเขียนหนังสือ!”
หนุ่มน้อยสะอื้นฮั่ก คมกรรไกรเฉือนเนื้อ เจ็บปวดเหลือประมาณ แต่ยังไม่ร้าวรานเท่าคมวาจาที่ผู้อาวุโสพ่นใส่หน้า เฉือนใจแหลกยับไม่เหลือชิ้นดี! น้าแป้นปรูดเข้ามาดู แกครางหวิวในคอเมื่อเห็นแผลฉกรรจ์บนมือน้อย คมกรรไกรกินลึกเข้าไปจนเห็นเนื้อขาวๆ โผล่ออกมาจากมืออาบเลือด
“เอะอะอะไรกัน! แม่!” เสียงฝีเท้าตึงตังจนเรือนสะเทือน ครั้นพอเห็นมือโชกเลือดของเจ้าตัวจ้อยเท่านั้น.. “จ้อย!” คนตัวโตผวาเข้าไปประคอง เอาเศษเสื้อนักเรียนที่ถูกตัดจนวิ่นนั่นแหละห้ามเลือด
เศษเสื้อนักเรียนที่ถูกตัดจนวิ่น?!
“แม่!” เสียงห้าวหันไปตะคอกมารดา หลักฐานทนโท่แบบนี้ ตัวการจะเป็นใครไปได้ “แม่ทำอะไร!”
คุณนายฟังเสียที่ไหน แกเบะปากเชอะแล้วเดินขาปัดเข้าห้อง สิงห์ไม่มีเวลาพิรี้พิไร วงแขนล่ำสันช้อนร่างคนเจ็บขึ้นอุ้มแนบอก เขาต้องพาน้องไปโรงหมอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
จ้อยไร้เรี่ยวแรงจะพยศเช่นเคย ดวงตานิ่งขึงดั่งไม่จดจ่อต่อสิ่งใด สิ่งเดียวที่จับจ้องคือมือขวาของตนที่ถูกห่อหุ้มด้วยเศษชุดนักเรียนเปื้อนเลือด ได้แต่ทอดร่างราวตุ๊กตาในอ้อมอกอุ่นจัด สิ่งเดียวในห้วงคำนึงคือคำพูดของคุณนายเมื่อครู่
‘ดูซิจะเอามือที่ไหนเขียนหนังสือ’ มือขวาที่เจ็บ.. ชา.. แทบไร้ความรู้สึก.. พาให้ใจเสีย..
จ้อยจะเขียนหนังสือได้อีกไหม..
*************************
(มีต่อจ้ะ

)