มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 711199 ครั้ง)

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พี่สิงห์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว :o8:
จ้อยก็เริ่มชอบสิงห์แล้วด้วย ดีจังเลย
ชอบคู่นี้ รอต่อจ้า :กอด1:

ออฟไลน์ Nemasis

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
อาจารย์คนึง อย่าใจร้ายกับคุณชายเล็กอีกเลย

ออฟไลน์ PoPuAr

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
สงสารหนูเล็ก อาจารย์คนึงเลิกทำร้ายจิตใจกันสักท
อย่าวิิตกกังวลในเรื่องความไม่เหมาะสมอีกเลยนะ
เห็นแก่ความรักที่ทั้งสองมีให้กันเถิิด มาต่อสู้อุปสรรคด้วยกัน
ส่วนบักสิงห์กลับตัวกลับใจเพื่อจ้อย พิิสูจน์ตัวเองให้สำเร็จนะ
จ้อยใจอ่อนลงเยอะแล้ว

ออฟไลน์ Tonglee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงมากกกกกกกกก

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มานิดนึงก็เอา ดีกว่าไม่มา
สงสารเล็กเหมือนเดิม 2-3 ตอนที่แล้ว
หมั่นไส้ครูคนึงเหลือเกิน 55555555555555555
พอมาตอนนี้เริ่มโอเคขึ้นมานิด

รอที่เหลืออยู่นะ  :katai1:

ออฟไลน์ Julytastic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อยากอ่านต่อแล้วค่าาา :hao5:

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
-------------------------------------------------แค่เนี๊ยะะะะ :a5:-------------------------------------
ก็ยังดี :pig4: :pig4: :pig4:

มาอีกนะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Noockie

  • Always keep the faith
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เง้อ พี่สิงห์  :m15: หายไปเช่นนี้แล้วใจน้องเล่าจัทำเช่นไร

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
พ่อสิงห์จะไปเป็นจับกังฤๅพ่อ
เถ้าแก่ฮงดูแลพ่อสิงห์ดีๆหนา ไม่เช่นนั้นจะโดนเหล่าแม่ยกรุม o18

หนูเล็กสู้ๆน๊า :o12:

ออฟไลน์ thebook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้ามารอครับ  :m15: :z3: :z3: :ling1: :z3: :z13:

ออฟไลน์ MiniMick00

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราสงสารทั้งอาจารย์และคุณเล็กเลยอะ  :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ IIMisssoMII

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
ฮัลโหล น้องจ้อย พี่สิงหฺ ปีนี้ลอยกระทงที่ไหนจ๊ะ

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
รอค่ะ ชอบพี่สิงห์กับจ้อย มากกว่า อาจารย์กับหนูเล็กแล้วนะ

ออฟไลน์ SungMinKRu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 570
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-0
    • https://www.facebook.com/pages/SungMinKRu-Boys-Love/311662138876399
 :katai1: :katai1: :katai1:
อยากอ่านแล้ววววววว รอน้าา

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2

พ่อลอยนี่จะเปลี่ยนตัวเองได้มั้ยนะ

อยากให้ไอ้ลอยมีอีกด้านง่ะ

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
ทั้งลุ้นทั้งค้างทั้งดีใจที่มาต่อ
ขอบคุณคุณดอกไม้มากๆคะถ้าไม่มีเวลาต่อจริงๆลงเป็นการ์ตูนให้ฟินก็ยังดีค่ะTT

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
รอคอยย เธอมาแส๊นนนนนน นานนนนนน  :o12: :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
บทที่ ๓๐

ขอรักคืน

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


ซื้อกับข้าวกับปลาไปให้ยายแล้วจ้อยก็พาหัวสมองมึนชามาโรงเรียน  ระฆังเคารพธงชาติยังไม่ตี  เหล่านักเรียนครูเดินแกร่วเกลื่อนสนาม  หากจ้อยไม่สนใจใคร  ในหัวอกอันว้าวุ่นเต็มไปด้วยคำถาม  ไอ้สิงห์ทะเลาะกับแม่เพราะจ้อยหรือ?  มันไปทำอะไรที่โรงสีเถ้าแก่ฮง? ที่มันพูดว่าจะใช้หนี้แทนจ้อยนั้น มันหมายความว่าอะไร?  และมันออกจากบ้านไปตัวเปล่าแบบนั้น  จะกินจะอยู่อย่างไร  ยิ่งคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อพรรค์นั้นด้วยแล้ว..

   “จ้อย!” เสียงสดใสร้องเรียกเล่นเอาจ้อยสะดุ้ง  ความคิดสะระตะหยุดชะงัก  หม่อมราชวงศ์เลอมานกระหืดกระหอบมา  ใบหน้าเปื้อนยิ้มแจ่มใสผิดจากทุกวัน  มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง  ลากจ้อยลิ่วๆ ไปใต้ต้นหูกวางใหญ่  ยิงคำถามเข้าใส่จนจ้อยตั้งตัวไม่ทัน

   “พี่จินดาของจ้อยน่ะ” คำถามกระมิดกระเมี้ยน “เขาดูแลอาจารย์อย่างไรบ้าง”

   ก็จ้อยมัวแต่พะวงถึงไอ้สิงห์ของจ้อย  เลยไม่ทันได้ทักท้วงอะไร  ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่าเพื่อนต่างชนชั้นจะอยากรู้ไปทำไม  เขาถามมาจ้อยก็ตอบไปซื่อๆ  ละเอียดยิบเท่าที่ความทรงจำของจ้อยจะอำนวย

   คุณชายพยักหน้ารับคำอย่างตั้งใจแล้วเริงรื่นจากไป  จ้อยมองตามงงๆ ได้ไม่นานก็ต้องกลับมาครุ่นคิดเรื่องของจ้อยต่อ.. คุ้งหัวแหลมอยู่ตั้งไกล  ถ้าจ้อยจะไปเสียตั้งแต่เที่ยงนี้  จะกลับมาเข้าเรียนคาบบ่ายทันไหมนะ   

   เลอมานลิ่วกลับเรือนพักลิงโลด  ถ้อยสาธยายของจ้อยอยู่ในหัวแจ่มชัดทุกคำโดยไม่ต้องอาศัยอะไรมาจด  เอาความรักแทนปากกา  เอาหัวใจมั่นคงของเขาแทนกระดาษ รายละเอียดทุกอย่างของอาจารย์ผู้เป็นดวงใจจักไม่มีวันเลือนลบ 

   “พี่จินดาเขาก็ดูแลทุกอย่างเท่าที่คนเป็นศิษย์เอกควรทำแหละ  ห้องหับก็เก็บกวาดเช็ดถูให้  เรือนพักอาจารย์ไม่มีแม่บ้าน  พวกอาจารย์ต้องทำความสะอาดเองทั้งนั้น  มีแต่อาจารย์คนึงที่มีพี่จินดาคอยดูแล  จริงๆ อาจารย์ก็ไม่อยากให้พี่ทำหรอกนะ  แต่ดูเหมือนพี่จะยินดีทำให้เอง  ตื่นเช้ามาที่หลับที่นอนก็เก็บให้  อาจารย์คนึงเขาชอบดอกมหาหงส์  พี่ก็จะเด็ดจากต้นที่ตีนบันไดไปวางไว้ข้างหมอนให้ทุกเช้า  แล้วก็เตรียมกาแฟเตรียมอาหารเช้า  กาแฟนี่อาจารย์เขากินกาแฟดำนะ  อ้อ เสื้อผ้าก็เหมือนกัน  พี่จินดาเขาคอยซักรีดให้ตลอด  ดูแลเสียจนอาจารย์คนอื่นเขาแซวว่าถ้าพี่เป็นผู้หญิง  เสียงแห่ขันหมากคงดังลั่นทุ่ง”

   เลอมานหมายใจมั่นแม่น

จินดา.. ขออย่าได้ห่วงอาจารย์เลย  จากนี้เขาจะดูแลแทนให้เอง  จะทำให้ดีเทียบเท่าที่จินดาเคยทำ

   อาจารย์.. ช่องว่างในอกซ้ายที่เกิดกลวงขึ้นนับแต่จินดาจากไป  เล็กจะเป็นคนถมมันเอง!

*****************************

ณ ห้องพักอาจารย์  คนึง วนาสัยนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่โต๊ะทำงาน  การบ้านนักเรียนที่เปิดผ่านไปแต่ละหน้าไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด  ใจมันเฝ้าพะวงแต่รอยหวานละมุนที่ยังเจือจางอยู่บนริมฝีปาก

ไม่น่าเลย  เมื่อเช้านี้พลาดเข้าจนได้  ถูกจับได้เสียแล้ว  เพราะความ ‘ตัดไม่ขาด’ ตัวเดียว  จะทำให้กำแพงที่เขาพากเพียรก่อมาพังทลายหมด  กำลังคิดว่าจะแก้ไขความผิดพลาดนี้อย่างไร  ดวงหน้าผ่องแผ้วของโจทย์ที่เขาย่องเข้าหาเมื่อเช้าก็โผล่พ้นขอบประตูเข้ามา  ราวกับจะมาทวงจูบที่จำเลยคนนี้ขโมยไป

   “อาจารย์..” เสียงใสกังวานมาพร้อมรอยยิ้มเปื้อนแก้ม  โดยไม่รอคำอนุญาต  ร่างโปร่งบางประคองถ้วยกาแฟเดินกร๊องแกร๊งเข้ามา  คนึงมองอย่างพรึงเพริด 

   ยอมรับว่าชั่วขณะหนึ่ง  แสงเช้าอาจหลอกตา  เขาเห็นภาพใครอีกคนทับซ้อน

ถ้วยกาแฟกระเบื้องคู่ใจถูกวางลงบนโต๊ะด้วยทีท่าที่พยายามระงับ ‘ความกระโดกกระเดก’ ไว้อย่างสุดความสามารถ  ก่อนถอยออกไปยืนอมยิ้ม  หูตาวับวาว

   วันนี้มาแปลก?! 

ถ้วยกาแฟตรงหน้า  คราบกาแฟเป็นรอยกระฉอกตรงขอบแก้ว  แถมยังมีผงสีน้ำตาลหกเกลื่อนจานรอง  ไอร้อนยังลอยกรุ่นอยู่เหนือของเหลวสีน้ำตาลใสที่ดูจะเจือจางกว่าปกติ 

ความเอ็นดูแผ่ซ่านขึ้นมาจากก้นบึ้ง  หากเขาพยายามปกปิดไว้ภายใต้ใบหน้าขึงตึงอย่างแนบเนียน  หนูเล็กของครู.. ตั้งใจชงกาแฟมาให้ครูหรือ?  ดอกฟ้าที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไข่ในหิน  มีแต่คนเฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจ  อุตส่าห์ชงกาแฟมาให้หมาวัดอย่างครูหรือ?

กาแฟหน้าตาขี้ริ้ว  หากคนึงแน่ใจว่าคนชง  ใส่หัวใจมาด้วยเต็มเปี่ยม

หัวใจที่เขาไม่อาจเอื้อม

หัวใจที่เขาพยายามผลักไส

คนึงรีบปัดความเอ็นดูทิ้ง  ความรักที่เกิดขึ้นชั่ววูบในวันนี้มันจะทำลายชีวิตของเล็กจนพังพินาศในวันหน้า  เพื่อให้วันนั้นมาไม่ถึง  เกลียดชังครูเถิด.. หนูเล็กของครู

มือใหญ่ยกกาแฟขึ้นจิบอย่างเสียมิได้  แค่ปลายลิ้นแตะก็กระแทกถ้วยคืนจานดังเปรื่อง  เล่นเอาคนที่รอคำชมใจจดจ่อหน้าเสีย

“รสชาติเหมือนน้ำล้างแก้ว” แค่ผรุสวาจาไม่พอ  ซ้ำสาดที่เหลือออกนอกหน้าต่างให้ช้ำเล่น “คราวหลังไม่ต้องชงมา  เสียดายของ”

คนึงไม่ทันได้อยู่ดูสีหน้าหม่อมราชวงศ์เลอมาน  ไม่ทันได้เห็นว่าดวงตาที่มองมาอย่างปวดร้าวนั้นมีน้ำตาเอ่อคลอหรือไม่  แค่เห็นริมฝีปากคู่นั้นเม้มแน่น  ชายหนุ่มก็เก็บหนังสือบนโต๊ะปึงปัง  เดินหนีออกมาไม่สนใจ 

ถ้าจะมีหัวใจใครอยู่ในกาแฟแก้วนั้น  ป่านนี้มันคงนองไหลไร้ค่าไปกับพื้นดิน  รอแสงแดดส่องมาก็ระเหยหายไปในที่สุด 

*****************************

   สิ่งที่เต้นตุบอยู่ในอกซ้ายของมนุษย์นั้นน่าประหลาดนัก  มันก็แค่ก้อนเนื้อเท่ากำปั้น  ใครจะเชื่อ.. แค่มีความรักบรรจุอยู่ภายใน  เหมือนใยรักหนาแน่นร้อยรัดเป็นเกลียวฟั่น  จะตัดจะดึงอย่างไรก็ไม่ขาดเสียที 

   อย่าว่าแต่อาจารย์คนึงเลยที่จะแปลกใจ  เลอมานเองยังแปลกใจตน  ตั้งแต่จำความได้  เขาไม่เคยหยิบจับงานบ้านเลยสักครั้ง  แม้จะอยู่โรงเรียนประจำ  แต่บุตรชายท่านทูตก็มีคนรับใช้คอยทำทุกอย่างให้เสมอ  เขาเคยมองว่างานพวกนี้คืองานชั้นต่ำ  และงานชั้นต่ำก็ต้องเป็นของคนชั้นต่ำ  คนเกิดมาสูงส่งเหมือนหงส์ในกรงทองอย่างเขาหรือจะลดตัวลงไปหยิบจับ

   แล้วนี่อะไร...

   หม่อมราชวงศ์หนุ่มค่อยๆ จับจีบแขนเสื้อเชิ้ตวางบนผ้าผวยปูรอง  ปลายนิ้วจุ่มน้ำในขันรองหินพรมลงพอชื้น  หยิบเตารีดที่บรรจุถ่านร้อนไว้เต็มนาบลงใบตองด้านนวล  ก่อนยกมาวางบนเสื้อที่วางแผ่ตรงหน้า

เครื่องแบบข้าราชการสีกากีของอาจารย์คนึง

เตารีดยิ่งดูจะทวีความหนักอึ้ง  เมื่อมือเขาแสบร้อนและแดงเป็นปื้นแบบนี้  จะอะไรเสียอีก  ก็ตอนกลางวันเขาหอบเสื้อผ้าอาจารย์มาซัก  อาศัยช่วงทุกคนพักเที่ยงพอดี  เด็กหนุ่มไม่คิดว่าจะมีใครมาเห็น  ที่ไหนได้  อาจารย์โผล่มาที่ลานซักล้างเงียบๆ  มาตอนไหนไม่มา  ทำไมต้องมาเห็นตอนเขากำลังกอดเสื้ออาจารย์แนบอก  จรดปลายจมูกสูดกลิ่นกายที่ยังหลงเหลืออย่างน่าอาย 

อาจารย์ยืนมองนิ่งตอนเขาใช้ถังสังกะสีตักน้ำจากตุ่มมาเทใส่กะละมังทุลักทุเล  แล้วพอเขาตีฟองพูนเป็นภูเขา  ฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงของผงซักฟอกก็สำแดงเดช  มือที่ไม่เคยแตะงานหนักทั้งแสบและร้อนผ่าวไปหมด  เขาไม่บ่นสักคำ  ได้แต่กัดฟันอดทน 
พอหันไปสบตาอาจารย์  ดวงตาคู่นั้นมองมาอย่างสมเพช  ค่อนแคะให้คำหนึ่งว่าซักให้สะอาดก็แล้วกัน  ก่อนจากไปอย่างไม่ใยดี

หึ!  คิดหรือว่าคนอย่างเขาจะยอมแพ้  จะทำทุกอย่างให้อาจารย์ยอมรับให้ได้ละ 

หรือความพยายามจะสัมฤทธิ์ผล  เมื่อกำลังรีดผ้าอยู่ดีๆ อาจารย์ก็เปิดประตูเข้ามา!

“อาจารย์!” เลอมานดีใจจนออกนอกหน้า  อาจารย์กลับมาแล้ว  คืนนี้จะมานอนที่นี่  จะไม่ทิ้งเขาไปไหนอีกแล้วใช่ไหม 

หากคนที่เพิ่งเข้ามากลับตีหน้ายักษ์ “ทำอะไรอีก!?” คำถามหงุดหงิด “พอได้แล้ว  เอาไปเก็บไป  ไม่ต้องมาทำให้ผมหรอก”

“จินดาทำได้เล็กก็ทำได้” เลอมานเถียงคำไม่ตกฟาก  ทว่าเมื่อดวงตาสีเข้มคู่นั้นหยุดนิ่งลงตรงมือแดงจัดที่จับหูเตารีดแน่น  คนปากเก่งรีบเอามือกุมกันไว้ 

   เสียงทุ้มครางอ้อ “เพราะอย่างนี้สินะถึงพากเพียรมาทำนู่นทำนี่ให้” เขาหัวเราะในคอดั่งจะเยาะ  และแล้วประโยคถัดมา  ก็ส่งผลให้ความยินดีที่ได้เจอหน้าคนรักระเหิดหายดั่งละอองน้ำที่ถูกเตารีดนาบ

   “ที่ห้ามนี่ผมไม่ได้ห่วงคุณนะ  ผมห่วงเสื้อผมมากกว่า” เสียงทุ้มค่อนไม่ดูดำดูดี “เกิดเสียหายไป ครูจนๆ อย่างผมไม่มีปัญญาซื้อใหม่หรอก”

   “ถ้ามันขาด  ผมจะซื้อให้ใหม่ก็ได้” คนรั้นหายอมแพ้ไม่  คว้าเตารีดนาบลงเสื้อซ้ำๆ  พยายามทำเหมือนช่ำชอง  แต่ก็ทุลักทุเลเต็มทน 

   “ตัวไหนก็ไม่เหมือนตัวนี้  ตัวนี้มีรอยมือจินดา” สิ้นคำพูดนั้น  มือเรียวชะงักงัน “ผมไม่อยากให้คุณแตะด้วยซ้ำ”

   ไม่ใช่เพียงความยินดีแล้วที่ระเหิดหาย  หัวใจชั้นลึกลงไปดั่งถูกถ่านร้อนนาบจนเกรียมไหม้  ผะผ่าวมาถึงกระบอกตา 

   เตารีดเจ้ากรรมทำพิษซ้ำ  ถ่านไม้ที่ลุกแดงอยู่ในรังจู่ๆ ก็แตกปุ  กระเด็นตกลงบนเนื้อผ้า  คนไม่ทันยั้งคิดรีบหยิบออก.. ด้วยปลายนิ้ว! 

   “ทำอะไร!” เสียงห้าวตะคอกลั่น  คนตัวโตก้าวปราดเดียวถึงตัว “จนได้สิน่า!” เขาดุเสียงดังจนเลอมานสะดุ้ง  มือใหญ่ข้างนั้นยื่นมา.. ทำท่าจะคว้ามือกัน  ก่อนชะงัก  หันไปคว้าเสื้อแทน  คนเจ็บตัวได้แต่กุมมือกันหน้าม่อย   

   อ้อ.. ห่วงเสื้อ.. เสื้อที่จินดาเคยรีด.. 

   เขาหายไปครู่หนึ่ง  กลับมาพร้อมแง่งว่านหางจระเข้โยนลงบนตัก “ทาซะ  เกิดลูกหลานเขาเป็นอะไรไป  ผมชดใช้ท่านพ่อคุณไม่ไหวหรอก”

   เด็กหนุ่มสูงศักดิ์หยิบมาทาเซื่องซึม  อ้อ.. ห่วงท่านพ่อจะพิโรธ..

   ภารกิจวันแรกล้มเหลว..

   ไม่ได้เรื่องเลย.. ไม่ได้เรื่องสักอย่าง.. 

   แต่เลอมานหายอมแพ้ไม่  คอยดูก็แล้วกัน  วันพรุ่งนี้  วันต่อๆ ไป  เขาต้องทำได้ดีกว่านี้แน่  รับรอง! 

*****************************
   
   แดดอ่อนเหลืองรำไรพาสีเหลืองทองคำฉาบทิวเมฆไกลโพ้น  แสงสีหมากสุกกระจายทั่วฟ้า  ฉาบหน้าจ้อยจนต้องหยีตา  ท้องน้ำสะท้อนแดดเป็นประกายระยับ  นกยางสีขาวเกาะกลุ่มไกวปีกช้าพาฝูงกลับรวงรัง  เสียงกระดึงจากคอวัวของพวกเกวียนขนถ่านดังแว่วมาแต่ไกล  กิ่งตาลแห้งถูกลมตีเสียงดังแกรกกราก   

   โรงสีไฟของเถ้าแก่ฮงอยู่ไกลไปทางเบื้องตะวันตกลิบๆ พู้น  จ้อยต้องพายเรือพ้นปากคลองเมืองออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  เข้าหน้าหนาวแบบนี้  แม่น้ำจะมีคลื่นลมแรง  ลมพัดล่องพาเรือบดของจ้อยไปฉิวๆ แทบไม่ต้องออกแรงพายให้เมื่อย     

   แม้ใจจ้อยจะบินไปโรงสีตั้งแต่ตอนพักเที่ยง  แต่ก็คิดถูกแล้วที่ค่อยออกมาตอนเลิกเรียน  ระยะทางอันไกลโขบวกกับเปลวแดดยามเที่ยง  ไหนจะขากลับที่ต้องพายเรือทวนน้ำ  จ้อยคงกลับมาเข้าเรียนคาบบ่ายไม่ทันแน่ๆ 

   จ้อยพาเรือเฉียงข้ามแม่น้ำ  หนีคุ้งน้ำยาวไปฝั่งหัวแหลม  โรงสีที่ตั้งทะมึนอยู่ริมน้ำเหมือนปราสาทขังยักษ์อยู่ภายในก็ปรากฏแก่สายตา  เสียงเครื่องยนต์อันเกิดจากเชื้อเพลิงแกลบส่งเสียงหึ่งๆ สะท้อนไปทั่ว  สะพานปูนที่ทอดจากโรงสีออกไปริมน้ำมีโป๊ะจอดเรือ  เรือบรรทุกข้าวเปลือกขนาดสามเกวียนจอดนิ่งริมฝั่ง   คนงานหลายคนยังทำงานง่วน  เสียงพูดคุยดังแว่วอยู่ไกลๆ 

   จ้อยจอดเรือเทียบโป๊ะแล้วก้าวขึ้นไป  จับกังไม่ใส่เสื้อเนื้อตัวมันปลาบนับสิบชะงักมอง  ทั้งคนที่ใช้ขอเหนี่ยวกระสอบข้าวเปลือกลงมา  ทั้งคนที่มีกระสอบหนักร้อยสิบโลอยู่บนหลัง

   มันแน่ล่ะ  นักเรียนครูสะอาดสะอ้านมาโผล่อยู่กลางดงกุลี  ใครต่อใครย่อมหันมองเป็นตาเดียว  สายตาบางคู่.. มองมาอย่างสอดรู้  แต่มีบางคู่.. มองเอามองเอาด้วยลูกตาวาววับ 

   จ้อยพยายามมองหาคนที่มาตามหา  ใจหนึ่งก็ประหวั่นกับสถานที่และผู้คนอันไม่เคยคุ้น  หากอีกใจที่แฝงลงไปลึกเร้น  มีความยินดีซุกซ่อน  จ้อยจะได้เจอหน้ามัน  หลังจากไม่ได้เจอมาตั้งนาน

   “มาหาใครเรอะ” เสียงห้าวๆ ดังขึ้นข้างหลัง  จ้อยหันไปมอง  คนงานรุ่นพ่อตัวดำเป็นเหนี่ยง  ริมฝีปากหนาคาบมวนยาเส้นพ่นปุ๋ยๆ  แกมองหัวจรดเท้าเห็นเครื่องแบบแล้วก็ตัดสินใจเรียก “ครู” 

   “รู้จักนายสิงห์ไหมจ๊ะ” หนุ่มน้อยถามนอบน้อม

   “สิงห์ไหนวะ”

   “ลูก..ลูกชายกำนันเสริม”

   “อ้อ” แกหัวเราะเฮ่อะ “ไอ้ตะเข้คับคลองน่ะเรอะ” นักเรียนครูนึกฉงนกับฉายานั้น  ตะเข้คับคลอง?  ทำไมจึงเป็นตะเข้คับคลอง?

   “นู่น” ชายคนงานบุ้ยปาก  นิ้วอันหยาบกร้านและเล็บดำเขรอะชี้ไปทางโคนต้นไม้ใหญ่  จ้อยหันมองตามมือชี้  ไม่ยักกะเห็นลูกชายกำนัน  เห็นแต่คนงานคนหนึ่งนั่งหันหลังให้  ผมยาวระบัดต้นคอ  ผิวคล้ำแดดมันปลาบ  กล้ามเนื้อหลังไหล่ล่ำสันเป็นมัด  ดูจากท่าทางแล้วคงกำลังพุ้ยข้าวเข้าปาก 

   จ้อยสายหน้าระอา  เอาเถิด.. ถามคนนี้ไม่ได้ความ  เปลี่ยนไปถามคนนั้นแทนก็ได้  หนุ่มน้อยสาวเท้าเข้าไปใกล้  ก้มหน้าลงถาม
   “น้าครับ” สิ้นเสียงจ้อย  ชายแปลกหน้าหันมาทันใด “น้าพอจะรู้..”

   แค่ใบหน้านั้นหันมา  ถ้อยคำที่จ้อยจะพูดติดขัดอยู่ในลำคอ  ต่างฝ่ายต่างตกใจ! 

   ‘มัน’ ตกใจที่เห็นจ้อยมาที่นี่  แต่จ้อยตกใจเสียยิ่งกว่า  อยู่ใกล้กันแค่คืบ  แต่จ้อยจำ ‘มัน’ ไม่ได้

   ไอ้สิงห์....

   ร่างสูงทะมึนผึงขึ้นยืนตระหง่าน  จ้อยจึงได้เห็นมันเต็มตา  มัน.. มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ  เมื่อก่อนนี้.. ถึงมันจะเถื่อนถ่อยเป็นสันดานอย่างไร  แต่พออยู่ใต้เสื้อผ้าราคาแพง  มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ  มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลัง  มันจึงยังมีราศีลูกชายกำนันจับ  แล้วดูตอนนี้.. คนตัวยักษ์ตรงหน้าหมดมาดนักเลงคุมตลาด  ใบหน้ารกเครา  เนื้อตัวอาบเหงื่อมีแต่ร่องรอยเคี่ยวกรำลำเค็ญ  กางเกงขาก๊วยที่ใส่มอมแมมและเก่าจนเนื้อน่าย     

   เหมือน.. เหมือนกุลี  เหมือนโจรป่า!

   สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือสายตาที่มันมองจ้อย

   นักเรียนครูเพิ่งสังเกต  ในห่อใบตองที่ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นข้าว  พอได้เห็นใกล้ๆ  แท้จริงแล้วมันคือ.. มันคือหัวมันขี้หนูต้ม

   ราคาถูกที่สุดในบรรดาของกินที่แม่ค้าหาบสาแหรกมาขายหน้าโรงสี 

   “มาทำไม!” มันต้อนรับจ้อยด้วยการตะคอกใส่หน้า  หนวดครึ้มเหนือริมฝีปากยังมีเศษมันต้มสีขาวติด “กลับไป!”

   นักเรียนครูเม้มปากแน่น  ไม่ต้อนรับไม่ว่า  ยังมีหน้ามาไล่กันอีก 

   “เอ็งมายังไง”

   “พะ..พายเรือมา..” เสียงเล็กตะกุกตะกัก  และโดยไม่ฟังอีร้าค่าอีรม  มือใหญ่เทอะทะก็คว้าแขนจ้อยหมับ  จ้อยถึงกับสะดุ้ง  ไอ้
สิงห์มันมือหยาบ..จ้อยรู้.. แต่หนนี้มือมันแข็งกระด้างและสากระคายมากขึ้นกว่าเก่า  มันลากจ้อยหัวซุนกลับมาที่โป๊ะ  พวกคนงานมองตามเป็นตาเดียว

   “ดงเสือดงตะเข้ทั้งนั้น  กลับไปซะ” มันกระซิบลอดไรฟัน  แทบจะโยนจ้อยลงเรือ “แล้วอย่ามาอีก!”

   จ้อยหน้าชา  อย่าว่าแต่หน้า.. หัวใจก็เหมือนจะชาวาบไปด้วยความผิดหวังความเสียหน้าประดังประเด  ดูรึ  คนเขาอุตส่าห์มาหา  มันจะดีใจที่เห็นหน้ากันสักนิดก็หาไม่  ไม่นึกเลยว่าคนที่เคยเดินตามกันต้อยๆ จะมาไล่จ้อยเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนี้  ไหนจะตกใจกับสารรูปมัน  อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่า.. ตั้งแต่พ้นชายคาบ้านกำนันมาอาศัยลำแข้งตัวเองที่นี่  มันใช้ชีวิตแบบไหน  มันกินอยู่อย่างไร  มันลำบากมากไหม

   นึกแล้วอยากตบหน้าตัวเองสักฉาด!  มันยังไม่ห่วงจ้อยเลยสักนิด  แล้วจ้อยจะเป็นห่วงมันทำไม!

   จ้อยคิดอยู่ในใจตลอดทางที่จ้ำพายทวนกระแสน้ำกลับบ้าน  คอยดูเถอะ  จ้อยจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก  ถ้าเห็นจ้อยมาหามันอีกล่ะก็  เรียกจ้อยว่าลูกหมาได้เลย!

*****************************
   
(มีต่อจ้า :hao7:)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
   “บ๊อกๆ”

   หลานยายช้อยสะดุ้งโหยง  เอ๊ะ!  ไอ้ลูกหมานี่มันยวนจริง  กวนประสาทที่สุด!  คนเตะบอลกันหน้าโรงเรียนเยอะแยะไม่ไปไล่เห่า  มาเดินเห่าบ๊อกแบ๊กตามจ้อยอยู่ได้!       
   
“ไปไป๊ ชิ่วๆ” นักเรียนครูบ่นหงุงหงิง  ไล่ไอ้ตูบไปให้พ้นๆ พลางประคองห่อใบตองในมืออย่างหวงแหน  หันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครก็ผลุบหายเข้าไปในประตูเงียบเชียบ

   สี่ห้าวันมานี้  สองสหาย จ้อยและเลอมาน ต่างยุ่งขิง  ต่างวุ่นวายอยู่กับธุระของตน  ธุระของเลอมานจะเป็นอะไรไปได้  นอกเสียจากปรนนิบัติดูแลอาจารย์สุดที่รัก  แต่ทุกสิ่งที่ทำไปเหมือนตบมือข้างเดียว.. ไม่สิ.. ตบมือข้างเดียวยังดีไป  เรียกว่าตบมือไปแล้วเจอลูกถีบสวนกลับมาเสียดีกว่า 

   หลังจากเช้าวันนั้น  ไม่มีเลยสักวันที่กาแฟซึ่งเขาตั้งใจชงให้จะถูกอาจารย์แตะต้อง  ไม่กินไม่ว่า  เททิ้งให้ดูต่อหน้าด้วยซ้ำ  กับข้าวกับปลาที่ซื้อหามาบ้าง เอามาจากโรงอาหารตระเตรียมไว้ให้บ้างก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน  อาจจะดีกว่าหน่อยตรงที่ไม่ถูกสาดทิ้งลงถังขยะ  แต่พอเลอมานมาเห็นอาหารแห่งความรักของตนกองเขละอยู่ในชามข้าวหมาใต้ถุนเรือนแล้ว  อกเอ๋ยมันเจียนจะขาดเสียให้ได้

   อ้อ.. มีบางอย่างที่อาจารย์ไม่ปฏิเสธ  หรือเรียกอีกนัยคืออยู่ในภาวะที่ปฏิเสธไม่ได้  อย่างเช่นดอกมหาหงส์ที่เขาเพียรไปตัดมาวางไว้ข้างหมอนอาจารย์ทุกคืน  อาจารย์ไม่ยักกะเอาไปทิ้ง  แต่ก็มีเหตุผลเสียดแทงใจมาบอกว่า.. เพราะมันเป็นดอกไม้ที่จินดาปลูก  ส่วนเสื้อผ้าที่เขาตั้งใจหอบไปซักรีดให้ด้วยตัวเองนั้น  แรกๆ อาจารย์ก็ห้ามอยู่หรอก  แต่สักพักคงเห็นว่าห้ามไปเขาก็ดันทุรังเอามาซักให้อยู่ดี  เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย  เช่นเดียวกันกับงานปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดห้องที่เขาทำให้ทุกวัน   
   
แค่ไม่กี่วัน  มือเขาก็มีแต่แผลเต็มไปหมด  แต่มันเทียบกันไม่ได้เลยกับแผลที่ใจ  แผลจากการถูกคนรักถากถางตัดเยื่อใย  จะยับเยินสักปานใดก็ลองคิดดูเถิด 

   น่าประหลาด  ถูกรังแกใจถึงปานนี้  หม่อมราชวงศ์หนุ่มยังไม่ยอมละเลิกความพยายาม
   
คุณชายเลอมานงานยุ่งแค่ไหน  จ้อยก็งานยุ่งไม่แพ้กันแหละ  ออกจะหนักกว่าด้วยซ้ำเพราะต้องถ่อไปถึงคุ้งหัวแหลมพู้น  ความจริงโดนมันไล่ตะเพิดมาหนนึงแล้วจ้อยก็เจ็บจำ  ย้ำหัวตะปูว่าจะไม่ไปเหยียบที่นั่นเป็นครั้งที่สอง  ฝังใจอยู่เช่นนั้นได้สองวันกระมัง  น้าแป้นก็วิ่งโร่มาหาถึงตลาด  คาบความมาบอกว่าคุณนายพูนทรัพย์ดีใจนักหนาที่รู้ว่าจ้อยไปเยี่ยมไปหามัน  ฝากจ้อยไปดูมันบ่อยๆ แทนแกที  เพราะตัวแกเป็นแม่จะบากหน้าไปง้อลูกก็ใช่เรื่อง  จ้อยได้แต่รับฟังด้วยใบหน้างอง้ำเป็นจวัก

   จ้อยละอยากรู้นัก  ถ้าคนที่พายเรือไปหามันถึงโรงสีเป็นคุณชายเลอมาน  จะถูกมันไล่เหมือนหมูเหมือนหมาแบบนี้ไหม  เลยสะบัดเสียงใส่น้าแป้นไปว่า

   ‘เขาไม่อยากเห็นหน้าจ้อยละมั้ง  ไปขอคุณชายเล็กโน่นซี  ถ้าเป็นคุณชายเล็กไปหา  เขาอาจดีใจก็ได้’

   น้าแป้นงง  แกถามว่าคุณชายฝรั่งมาเกี่ยวอะไรด้วย  จ้อยเลยเริ่มมีมะโห  พาลพาโลใส่แกไปว่าก็วันก่อนนู้นเขาซ้อนรถเครื่องไปเที่ยวกันไม่ใช่หรือ  ไปหัวรอไม่พอ  ถ่อนั่งรถไฟไปถึงพระนครด้วยซ้ำ!? 

   แกทำตาปริบๆ อยู่สองทีก่อนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ‘โอ๊ยครูเอ๋ย  นี่พ่อช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย’ แกหัวร่องอหาย  ตีแขนจ้อยป้าบๆ ‘เขาพากันไปซื้อหนังสือเรียนให้ครูสิเล่า  ตาสิงห์เขาอ่านหนังสือไม่ออก  ไอ้น้าเองก็จนปัญญา  ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลยไปหาคุณชายฝรั่งให้ช่วย’

   คราวนี้เลยกลายเป็นจ้อยบ้างที่อึ้งเหมือนถูกตีแสกหน้า  กลิ่นหนังสือใหม่อันหอมอวลความหวังที่กอดตระกองไว้แนบอกวันนั้นยังฟุ้งอยู่มิจาง

   ใจอันขึงตึงด้วยทิฐิของจ้อยก็พลันหย่อนยวบลงอย่างง่ายดาย 

   นั่นละ  จ้อยเลยจำใจไปหามันที่โรงสีไฟอีก  อย่าเชียวนะ.. อย่าคิดว่าจ้อยดูดำดูดีมันนักหนา  จ้อยก็แค่สงสารคนแก่ลูกหายอย่างคุณนายพูนทรัพย์เท่านั้น  จะสละเวลาไปดูมันบ้างนานๆ ทีก็ได้! 

   นานๆ ทีที่ว่า  ก็แค่วันละครั้งหลังเลิกเรียนเอง  แต่บางวันช่วงพักเที่ยงจ้อยก็แว่บไป  พอระฆังดังปุ๊บ  นู่น.. หลานยายช้อยไปนู่น  ลิ่วๆ ไปโรงอาหาร  มื้อกลางวันมีอะไรก็จัดแจงใส่ปิ่นโต  หายตัวไปไม่มีใครรู้เห็น  กลับมานั่งเรียนคาบบ่ายอีกทีด้วยเสื้อเปียกเหงื่อโชก 

   ยอมรับว่าวันแรกๆ จ้อยหัวเสียไม่เบา  ก็มันไล่กันอีกแล้ว!  แต่พอยืนกรานไม่กลับเสียอย่าง  ใครจะมีน้ำอดน้ำทนมาไล่กันได้ทั้งวัน  มันก็ต้องปลีกตัวไปทำงาน  มายืนเถียงกับจ้อยนานๆ ก็ไม่ได้  สายตาคนงานคนอื่นมองมาวาววับ  ไหนจะเสียงเถ้าแก่ฮงโวยวายหาว่ามันอู้  สุดท้ายมันเลยได้แต่ปล่อยให้จ้อยนั่งจ๋องเฝ้าปิ่นโตอยู่ใต้ร่มไม้อย่างนั้น

   ยิ่งวัน.. ความหัวเสียของจ้อยก็แปรเปลี่ยน  พอจะเดาออกแล้วว่าทำไมมันไม่อยากให้จ้อยอยู่ที่นี่นานนัก 

   นักเลงโตที่เคยเดินกร่าง  มามีกระสอบข้าวสารแบกอยู่บนหลังไหล่เปลือยเปล่าแบบนี้.. จ้อยไม่เคยเห็น  ท่ามกลางเปลวแดดที่เต้นระยับ  มันเดินตีนเปล่าแบกกระสอบหนักอึ้งเที่ยวแล้วเที่ยวเล่า  มีอยู่วัน.. จ้อยไปหาแล้วไม่เห็นมันอย่างเคย  ถามใครก็ได้ความว่ามันไปกับเรือบรรทุกข้าวเปลือก  เถ้าแก่ฮงกะเวลาน้ำลงพลาด  เรือติดค้างอยู่ในลำคลอง  ทำเอาจ้อยใจหายวาบ  มันไปทั้งแต่เช้า  ข้าวเช้าข้าวเที่ยงจะตกถึงท้องบ้างหรือยังก็ไม่อาจรู้

   พอน้ำเริ่มขึ้นบ่ายสามโมงเย็นนั่นแหละ  มันถึงได้กลับมา  หิวซ่กจนมือไม้สั่น  และแล้ววันนั้นสำรับที่จ้อยอุตส่าห์กระเตงไปก็ไม่เป็นหมันเหมือนที่ผ่านมาอีก  มือใหญ่เทอะทะงัดปิ่นโตพุ้ยข้าวผัดเย็นชืดเข้าปากไม่พูดไม่จา  จ้อยได้แต่นิ่งมองด้วยความรู้สึกที่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจ้อยจะมีให้มันได้อีกครั้ง

   ทั้งเอ็นดู.. ทั้งห่วงใย.. 
     
หัวใจอันแข็งกระด้างและเต็มไปด้วยความชิงชังก็ดั่งจะหลอมละลายลง

   นั่นแหละ.. ทั้งเลอมานทั้งจ้อยต่างมีธุระหนักอึ้ง  ต่างจึงไม่มีเวลา ไม่มีกะใจมาพูดคุยปรับทุกข์กันเท่าไร  ถ้าไม่ใช่ในห้องเรียนแล้ว  ทั้งคู่แทบไม่เจอหน้ากันเลยด้วยกระมัง

   จนกระทั่ง.. มาปะหน้ากันที่นี่..

   โรงครัวของนางนกแก้ว

   ก็ไม่มีอะไรมาก  แค่ต่างคิดว่าหากลองร่ายเสน่ห์ปลายจวัก  ทำอาหารให้ ‘เป้าหมาย’ ของตนด้วยตนเอง  บางทีผลแห่งความพยายาม  อาจส่งให้ต่างมีตัวตนในสายตาใครคนนั้นขึ้นมาบ้าง 

   จ้อยยืนงงทำตาปริบ  อุตส่าห์แอบย่องเข้ามาเงียบๆ หลังเลิกเรียน  ในห้องครัวที่คิดว่าไม่มีใคร  กลับเจอหม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์ยืนงกๆ เงิ่นๆ หน้าเตา 

   “คุณชายมาทำอะไร”

   “ทะ..ทำกับข้าว” คำตอบตะกุกตะกัก  มิหนำซ้ำ.. ต่างซ่อน ‘อะไรบางอย่าง’ ไว้ข้างหลังพร้อมเพรียงกัน  ของจ้อยเป็นปลาทูน้อยนอนอัดกันอยู่ในเข่ง  ส่วนของคุณชายเป็นปลานิลตัวโตพันห่อมาในใบตอง 

   โฮ่.. เงินหนากว่า  ปลาเลยตัวใหญ่กว่า 

   หากคนมีปลาตัวใหญ่กว่า  กลับไม่มีปัญญาทำให้มัน ‘กินได้’

   จ้อยร้องลั่นตอนคุณชายเล็กทำท่าจะโยนปลานิลตัวเป้งลงกระทะทั้งหัวทั้งหาง  ปรูดเข้าไปแย่งมาแทบไม่ทัน  ไม่แย่งได้หรือ  ปลานิลตาใสแจ๋ว หัวหางยังไม่ได้ตัด ไส้ยังไม่ได้ควักเลยด้วยซ้ำ!

“ทำไมไม่ให้เขาทำมาให้ล่ะ” นักเรียนครูเอ็ดเข้าให้ “ขอดเกล็ด ควักไส้ ตัดหัว”

   “ฉันไม่รู้นี่..” บุตรท่านทูตหน้าม่อย

   “หาเรื่องให้จ้อยมือเลอะแท้ๆ” ปากก็บ่น มือก็ขอดเกล็ดปลาควากๆๆ “ว่าแต่ซื้อมาทำไมน่ะ  แล้วทำไมต้องเอามาทอดเอง”

   “เอ่อ.. ก็..” คุณชายอึกอัก “แล้วจ้อยล่ะ  ทุกทีกินที่โรงอาหารไม่ใช่หรือ” ชะ!  ถามแล้วย้อน  เล่นเอาเส้นที่ขมับจ้อยตึงเปรี๊ยะ  ช่างเถอะ  งั้นอย่าถามเลย  จ้อยไม่อยากให้ใครถูกสาวไส้ออกมาเหมือนปลาตัวนี้  ไม่ว่าจะคุณชายเล็กหรือตัวจ้อยเอง 

   เดชะบุญจริงๆ ที่จ้อยเข้ามาเจอคุณชายเล็กที่นี่  หาไม่แล้วโรงครัวอาจต้องวอดวายเปิดเปิงไปแล้ว  มีอย่างที่ไหน  เทน้ำมันเสียท่วมกระทะ  จ้อยบอกให้รอให้น้ำมันร้อนคุณชายก็รอจนควันขึ้นโขมงแล้วปลาชุ่มน้ำทั้งตัวก็ถูกโยนโครมลงกระทะ

   โอ้โห.. นี่มันระเบิดลูกย่อมๆ  เสียงฉ่ามาพร้อมน้ำมันร้อนๆ กระเด็นเปรี๊ยะปร๊ะเป็นห่าฝน  ตัวการน่ะโดดเหยงเป็นกุ้งเต้น  คว้าฝาหม้อเบอร์หกสิบมาป้อง  มือหนึ่งถือตะหลิว  ยังกะอัศวินยักแย่ยักยัน

   จ้อยไม่มีเวลาไปช่วยมากนักหรอก  เพราะจ้อยก็ต้องดูปลาทูในกระทะจ้อยเหมือนกัน  ได้แต่คอยส่งเสียงช่วย “เบาไฟๆ ไฟแรงเกินไปแล้ว! รีบกลับปลาเร็วเดี๋ยวไหม้!  เดี๋ยว กลับข้างเดียวพอ อีกข้างไม่ต้องรีบกลับ!”

   สมรภูมิย่อมๆ ผ่านไป  ผลคือปลานิลตัวใหญ่  ด้านหนึ่งไหม้  ด้านหนึ่งไม่สุก  เนื้อตัวล่อนจ้อนไร้หนัง  เพราะมันไปไหม้ติดก้นกระทะเละเทะเป็นเทือกเสียหมดแล้ว  พื้นครัวยันผนังมีแต่รอยน้ำมันกระดำกระด่าง  เลอมานได้แต่ถอนใจมองปลาอัปลักษณ์ในจาน  ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้  แขนขาวๆ มีรอยลวกแดงเป็นจุดๆ  โชคดีเท่าไรแล้วที่ไม่กระเด็นใส่หน้า 

   ปลาทูของจ้อยนอนมาในจานเรียบร้อย  เหลืองทองกรอบสวยดูน่ากิน  คุณชายมองสองจานสลับกันตาละห้อย

   “น่ากินเนอะ” หมายถึงปลาทูของจ้อยแหละ “ขอฉันตัวนึงสิ” สุ้มเสียงเว้าวอนเหลือหลาย

   “ไม่ให้!” จ้อยปฏิเสธฉับไร้เยื่อใย

   “ขอฉันตัวนึงเถอะน้า”

   “ยังไงก็ไม่ให้!”

   “ขี้งก!”

   อย่ามาเร้าหรือเสียให้ยาก  จ้อยซื้อมาแค่สี่ตัวเอง  ขืนให้คุณชายไปตัว  พี่สิงห์ของจ้อยกินไม่อิ่มขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!?

*****************************
   
   เย็นนี้จ้อยพายเรือไปโรงสีเถ้าแก่ฮงเช่นทุกวัน  แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างไปคือในปิ่นโตเถาเก่ามีกับข้าวที่จ้อยลงมือทำด้วยตนเอง  และหัวใจที่หมายมั่นเหลือเกินว่าวันนี้ ‘เขา’ คงยอมให้จ้อยได้เข้าไปถึงที่รโหฐานเสียที  จ้อยแค่อยากรู้ว่าเขาซุกหัวนอนที่ไหน  ริ้นจะไต่ไรจะตอมบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง

   ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ที่โป๊ะ  ระยะหลังนี้เขามารอรับจ้อยทุกวัน 

   “ทำไมวันนี้มาเสียเย็นย่ำ” แสงตะวันรอนอาบใบหน้ารกเคราถมึงทึง  มือแข็งแรงยุดข้อมือเล็กขึ้นไป  จ้อยอมยิ้ม  ถามแบบนี้.. แสดงว่า.. รอคอยกันอยู่สิหนอ

   คนงานส่วนใหญ่กลับกันหมดแล้ว  เหลืออยู่ไม่กี่คนที่พักที่กระท่อมซึ่งเถ้าแก่ฮงปลูกไว้ท้ายโรงสีสำหรับกุลีแร้นแค้น  ต่างทักทายจ้อยอย่างกันเอง เรียกครูๆ กันให้ขรม  จ้อยก็ส่งยิ้มให้ไว้ก่อน  แต่ดูเหมือนอดีตอันธพาลจะไม่ค่อยพอใจ  มือใหญ่ดึงมือจ้อยเดินลิ่วๆ  ปากก็พร่ำบ่นไปตลอดทาง  จะมาทำไม.. ใครเขาขอให้มา.. มาได้ทุกวี่ทุกวัน.. พวกเสือพวกตะเข้มันจ้องกันตาเป็นมันรู้ไหม..

   บ่นไปเถิด  บ่นได้บ่นไป  แต่มือแข็งแรงนั้นยังเกาะเกี่ยวมือจ้อยไม่ปล่อย  มีเสียงเป่าปากเป็นนกอีแซวไล่หลัง  แต่จ้อยหาได้สนใจไม่  ใจมันเต้นรัวเมื่อถูกพาลัดเลาะไปท้ายโรงสี 

   จ้อยจะได้เห็นแล้วว่าเขากินอยู่อย่างไร 

   กระท่อมริมคลองหลังนั้นปุปะอนาถานัก  แม้โรงควายกำนันเสริมยังใหญ่โตเสียกว่า  หลังคามุงจากไว้หยาบๆ  ไอ้ข้างฝาที่โหว่ก็ได้ใบตาลเอามาปะมาปิดไว้แค่พอซังกะตายขอไปที  ถัดจากกระท่อมไปไม่ไกลมีท่าเล็กๆ ต่อลวกๆ ยื่นลงไปในคลอง

   จ้อยยืนมองนิ่งงัน  คนตัวโตปลดผ้าขาวม้าเคียนเอวออกปัดแคร่ไม้รวกหน้ากระท่อมให้ “วันหลังถ้าจะมาก็มานั่งรอตรงนี้  อย่าไปนั่งให้ไอ้พวกนั้นมันจ้องเอาๆ แบบนั้นอีก” ปัดกวาดเสร็จแล้วก็ทำท่าจะจากไป 

   จ้อยหรือจะยอมให้หนีหน้ากันไปไหนอีก  ร่างเล็กหิ้วปิ่นโตมาดักหน้า “กินข้าวหรือยัง”

   “ไม่หิว” ใบหน้ารกเคราตอบห้วน 

   “แต่คราวนี้ลงมือทำเองเลยนะ” หลานยายช้อยอวดสรรพคุณ  “ที่มาช้าเพราะมัวแต่ทำกับข้าวอยู่นี่แหละ”

   สิงห์แอบกลืนน้ำลายเอื๊อก เหลือบมองกับข้าวในเถาปิ่นโตเหลืองขลิบเขียวที่มือเล็กบรรจงแกะออกวางเรียงราย มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีแต่ของชอบของเขาทั้งสิ้น

   "กินข้าวเถอะ" เสียงใสคะยั้นคะยอ เลื่อนสำรับมาให้ตรงหน้า คนใจหินกลับมองเมินไปทางอื่น

   "กลับไปซะ" เขาว่าไม่ดูดำดูดี "ที่แบบนี้ไม่เหมาะกับครูหรอก เอากับข้าวกลับไปด้วย พี่ไม่หิว"

   ถูกเขาไล่อีกแล้วสิ

   น่าแปลกที่จ้อยไม่ยักโกรธ ถูกตะเพิดแค่นี้คิดหรือว่าจ้อยจะพับฐานกลับง่ายๆ

   คนเรานี่หนา.. ปากก็ไล่ส่ง  หน้าตาก็ถมึงทึงขึ้งเครียด  แต่ทำไมท้องไส้มันร้องโครกครากประท้วงอย่างนั้นเล่า 

   "โถ..น่าสงสารปลาทูจ๋า" จ้อยทำตาละห้อย ทำเสียงระโหย ประคับประคองปลาทูทอดตัวอ้วนไว้ในอุ้งมือ "ยอมตายให้เขากิน เขากลับไม่เหลียวแลเลยเนอะ" มีการพยักพเยิดกับปลาทูในมือด้วยเอ้า

   พี่หันมามองแล้ว แล้วดูทำหน้าเข้า จ้อยไม่ได้มีเขามีเขี้ยวงอกออกมาสักหน่อย  จ้อยแค่.. พูดกับปลาทูเอง

   "โถ..ปลาทูจ๋าอย่าร้องไห้" จ้อยเอาปลาทูมาแตะแก้มประหนึ่งจะปลอบขวัญ  จ้อยก็ทำแบบนี้เสมอแหละเวลาเจอเด็กกินข้าวยากเย็น  แต่ไม่นึกว่าวันหนึ่งจะได้เอามาใช้กับเด็กโค่งตัวเท่ายักษ์

   "พี่..พี่ไม่ใช่เด็กนักเรียนของเอ็งนะ" เสียงห้าวตะกุกตะกัก แก้มบุ๋มอย่างคนพยายามกลั้นยิ้ม จ้อยอมยิ้มขำยามวางปลาทูคืนปิ่นโต
จัดแจงยื่นปิ่นโตชั้นล่างที่มีข้าวสวยหอมๆ อยู่พูนยื่นให้  อย่ากระไรเลย  จ้อยมือเล็กกว่า  ให้จ้อยแกะก้างปลาให้สะดวกกว่าเยอะ  ครั้นเหลือบมองมือใหญ่เทอะทะ  อื้อหือ.. เล็บดำปี๋  ไล่ให้ไปล้างมือก่อนกินข้าวแทบไม่ทัน  และจ้อยว่า.. วันหลังจ้อยเอากรรไกรตัดเล็บติดมาด้วยดีกว่า 

   จ้อยมองพี่กินข้าวด้วยความปลาบปลื้มใจ  น้ำพริกปลาย่าง  ผักบุ้งยอดอ่อนที่เก็บจากริมคลอง  ต้มโคล้งปลาช่อนถูกตักซดเอาๆ  เขาชวนกินด้วยกัน  จ้อยเลยแบ่งข้าวใส่ฝาปิ่นโตมานั่งเคี้ยวเอื้อง  ไม่อยากบอกเลยว่าแค่เห็นเขากินเอร็ดอร่อยจ้อยก็อิ่มอกอิ่มใจ 
มือน้อยบรรจงแกะปลาให้เพลิดเพลินไม่รู้ตัว 

   เอ๊ะ.. จ้อยทอดปลามา ๔ ตัว

   แล้วทำไมในปิ่นโตมีแค่ ๓ ตัว?!

   หนุ่มน้อยสุดแสนสงสัย  มองหาในปิ่นโตชั้นนั้นชั้นนี้ก็แล้ว  นับหัวปลาทูที่ถูกแกะทิ้งก็แล้ว  นับอย่างไรก็ได้แค่ ๓ ตัว!  ตัวที่สี่มันหายไปไหน!  แมวที่ไหนมาคาบไป 

   หรือว่า.....

   เลอมาน!!

   จ้อยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน  หัวเสียเหลือหลาย  ให้ตายสิน่า  หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์มาแอบลักปลาจ้อยไปแบบนี้  มันน่าตีนักเชียว  แล้วแอบลักไปตอนไหนก็ไม่รู้  ไวเป็นปรอทจริงๆ  ไม่ได้การ!  พรุ่งนี้ก่อนเถอะ  จ้อยจะจัดการแมวขโมยให้เข็ดหลาบเชียวคอยดู!

*****************************
   
(ยังมีอีกน๊า :hao7:)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
   “เมี้ยวววว” แมวขาวตัวอ้วนโดดตุบขึ้นมาบนแคร่  เล่นเอาเลอมานสะดุ้งโหยง  ยกถาดกับข้าวอันประกอบไปด้วยปลาทอดและน้ำพริกปลาทูที่ขอแบ่งภรรยาอาจารย์ใหญ่มาหนีเจ้าแมวจ้าละหวั่น 

   “ไปไป๊! ชิ่ว!” พอไล่แล้วเจ้าสี่ขาก็ลงไปป้วนเปี้ยนแถวใต้แคร่  เอาสีข้างนุ่มๆ ถูไถแข้งเขา  ทิ้งขนขาวๆ ติดตามกางเกงชุดนอนเป็นเทือก  ส่งเสียงครางในคอครืดๆ  คนขี้หวงเห็นแล้วก็ใจอ่อน “ถ้าจะกินก็รอก่อนแล้วกัน  อาจารย์กินเหลือแล้วจะเก็บไว้ให้  ตกลงนะ” มีการสัญญิงสัญญากัน  ประหนึ่งว่ามันฟังรู้เรื่อง

   เลอมานถอนใจยาว  ม่านสีดำเริ่มคลี่คลุมแผ่นฟ้ากว้าง  บรรยากาศยามโพล้เพล้ช่างเหว่ว้านัก เสียงนกเพรียกหากันบินกลับรวงรัง  แล้วรังหัวใจของเขาเล่า  ป่านฉะนี้ทำไมยังไม่มา 

เด็กหนุ่มท้องร้องจ๊อก  เลยเวลามื้อเย็นมานานแล้วแต่เขาก็ปักหลักรอจะกินพร้อมกัน  หลังจากนั่งตบยุงอยู่พักใหญ่  อาจารย์คนึงก็กลับมา  เสื้อกุยเฮงกางเกงแพรที่สวมอยู่บ่งบอกว่าอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว 

ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังบันได  ประหนึ่งมองไม่เห็นคนที่นั่งเฝ้าสำรับกับข้าวที่แคร่  เลอมานรีบปรูดไปดักหน้า  “อาจารย์ ทำไมเพิ่งกลับมาล่ะครับ”

คำตอบที่ได้รับคือสายตาเย็นชา  หากคนรั้นหาได้ยอมแพ้ไม่ “เล็กทำกับข้าวไว้รออาจารย์”

   “ผมไม่หิว”

   “แต่เล็กทำเองเลยนะครับ” เสียงใสคะยั้นคะยอ  ยื่นจานปลานิลทอดขึ้นอวดด้วยดวงหน้าแช่มชื่น  ปลานิลหน้าตาขี้เหร่  แต่ปลาทูตัวน้อยที่อยู่เคียงกันนั้น  เต็มสิบให้ร้อยคะแนนเลย 

อะแฮ่ม.. เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยซื้อคืนให้จ้อยละกัน 

ท่ามกลางแสงไฟสลัว  อาจารย์เห็นรอยแดงเป็นจุดๆ บนแขนขาวแน่แท้  ดวงตาเขาหรี่ลง  จ้องมองนิ่ง

“เพื่ออะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ย “คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” คุณชายยังวาดยิ้มสุกใส  แม้อีกฝ่ายตั้งท่าจะปฏิเสธกันอีก.. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..

“อาจจะสู้ที่จินดาทำไม่ได้  แต่เล็กตั้งใจทำให้อาจารย์จริงๆ” ใบหน้าอ่อนเยาว์ก้มลงซ่อนยิ้มในแสงจันทร์นวล  จานกับข้าวที่ยื่นให้  ดั่งพานรองหัวใจที่ยอมพลี

...และโดยไม่คาดคิด...

เพล้งงงง!!!

มือใหญ่ปัดจานลงพื้นแตกเปรื่อง  จานเอย ปลานิลขี้ริ้วเอยกระเด็นไปคนละทิศละทาง

ปลานิลที่เขาตั้งใจทอดแทบตาย..

หัวใจรักของเขาที่ยินยอมทุ่มเทให้..

เหตุใดจึงไร้ค่าเพียงนี้..

น้ำตาจากไหนไม่รู้เอ่อขึ้นกลบตา  อาจารย์ผลุนผลันขึ้นบันได  เลอมานวิ่งตาม  จนกระทั่งถึงในห้องสะอาดเรี่ยมที่เตรียมพร้อมไว้รอคนรัก  กลิ่นหอมเย็นของดอกมหาหงส์ที่ถูกจัดวางไว้ตามจุดต่างๆ ทั้งบนโต๊ะทำงาน ทั้งข้างหมอนส่งกลิ่นหอมอวล 

คนึงหันมองรอบห้องเพริดไป  ทุกสิ่งทุกอย่าง  เหมือนที่จินดาเคยทำให้ไม่ผิดเพี้ยน

“ทั้งหมดที่เล็กทำ  เล็กแค่อยากให้รู้ว่าเล็กทำเพื่ออาจารย์ได้” สุ้มเสียงเลอมานแผ่วหวิว หากชัดเจนหนักแน่นนัก “จะลำบากแค่ไหน จะยากดีมีจน เล็กก็มีความสุข  ขอแค่เราอยู่ด้วยกัน”

อาจารย์หนุ่มขบกรามกรอด  มือแข็งแรงคว้าต้นแขนเล็กหมับ 

   “อยากจะเป็นตัวแทนจินดาอย่างนั้นหรือ” เสียงต่ำๆ กระซิบลอดไรฟัน  บุตรท่านทูตเงยหน้ามองใบหน้าถมึงทึง  หากในดวงตาแข็งกร้าว  ผสานไปด้วยความรู้สึกปนเปที่เขาอ่านไม่ออก

   “เล็กไม่ได้หวังจะแทนที่ใคร  แต่สิ่งใดที่จินดาทำได้  เล็กก็ทำได้”

   แม้กระทั่งดูแลและรักอาจารย์ให้เหมือนที่จินดารัก

   ประโยคนี้เขาไม่ได้พูดออกไป  แต่ทุกการกระทำที่ผ่านมา  อาจารย์ยังไม่เข้าใจอีกหรือ
   
“ทำทุกอย่างที่จินดาทำได้? หึ” อาจารย์แค่นหัวเราะ “ซักผ้าก็ไม่ได้เรื่อง  รีดผ้าก็ทำยับทำไหม้  ชงกาแฟก็เหมือนน้ำล้างแก้ว  ทำกับข้าว คนยังกินไม่ได้เลย” เด็กหนุ่มสะอื้นลึกในอก  น้ำตาคลอ..

รู้แล้วล่ะว่าเทียบไม่ได้..

“แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่คุณชายทำได้ดีกว่าเขา” มือแข็งแกร่งกระชากร่างเล็กปะทะแผงอกแกร่ง  เลอมานตกใจเกินตั้งรับ  ไม่ทันได้เปล่งเสียงใดเพราะริมฝีปากถูกประกบปิด  ฝากฝังรสจูบดุดันรุนแรง  ปลายลิ้นสอดแทรกลง  ดูดกลืนทุกอย่างไปสิ้น  เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน  แทบขาดอากาศหายใจกว่าอาจารย์จะผละออก 

ร่างเล็กหอบหนัก  สะดุ้งอีกหนเมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวจูบไซ้ตามซอกคอ  สัมผัสที่ร้างรามานานหลอมหัวใจเขาไหวยวบ  โอนอ่อน.. ยอมสิ้นทุกสิ่ง.. ดั่งมงกุฎสวยมีคมหนามซ่อน  คนึงยื่นให้  เลอมานรับไว้  สวมศีรษะด้วยความเต็มใจ

   สองแก้มขาวถูกหอมเอาๆ ดังฟอดๆ เหมือนคนกระหายหิว 

“แก้มจินดาไม่นุ่มอย่างนี้” เพียงคำพูดเดียว  กระชากหัวใจที่ทะยานขึ้นฟ้าเขวี้ยงลงดินแข็ง  คุณชายชะงักนิ่ง  มงกุฎหนามบาดลึก  เขาหอมซ้ำอีกข้าง ไล้ข้อนิ้วลูบแก้มขาวอ้อยอิ่ง “ยิ่งวันไหนไปทำงานกลางแจ้งแก้มก็คล้ำแดด  ไม่ขาวอย่างนี้ด้วย”

กระบอกตาเขาร้อนผ่าว 

   “มือเขากร้านเพราะทำงานหนักทุกวัน  ไม่นิ่มเหมือนมือคุณชายหรอก” อาจารย์คว้ามือขาวขึ้นกดจูบลงกลาง
ฝ่ามือ  เลอมานพูดไม่ออก  ดั่งมีก้อนแข็งแล่นลามขึ้นจุกคอ “เนื้อตัวหรือเล่า  อย่างดีก็แป้งราคาถูกๆ ไม่หอมกลิ่นสบู่นอกแบบนี้”

จมูกโด่งเป็นสันไล่รุกรานไปทั่ว  สองแก้ม  ซอกคอ  เสื้อชุดนอนถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด 

   “กว่าจะได้ตัวเขามาครองก็ยากแสนยาก  ผมเฝ้ารอ  แสดงความจริงใจให้เขาเห็นอยู่เป็นปี” เลอมานตัวสั่น  หอบหายใจหนักขึ้นทุกที  แต่กลับไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน  ฝ่ามือร้อนและริมฝีปากผ่าวที่สำรวจไปทั่วเรือนกาย 

   “ไม่เหมือนคนบางคน  แค่ผมทำดีด้วยนิดหน่อย  ไม่กี่เดือนก็ทอดกายให้แล้ว” ทุกจุดที่ถูกสัมผัส  ดั่งถูกแส้ที่มองไม่เห็นโบยตีแสนสาหัส

   “ผมถึงรักเขามากกว่า  ทั้งที่เขาไม่มีอะไรดีสู้คุณชายได้เลยสักอย่าง” เลอมานมองหน้าคนรักผ่านม่านน้ำพร่าเลือน  เพียงกะพริบตาเดียว  หยาดน้ำที่เอ่อคลอก็ไหลพรากลง

   “ผมไม่ได้พิศวาสอะไรคุณหรอก  คุณชายเล็ก” ดวงตาสีนิลที่มองมา  หิวกระหายเหมือนเสือมองเหยื่อ  เด็กหนุ่มตัวสั่น  พยายามสลัดจากอ้อมแขน 

   นี่ไม่ใช่.. นี่ไม่ใช่อาจารย์ที่เขารู้จัก..

   แค่คิดจะหนี  ต้นแขนก็ถูกมือแข็งแรงกระชากกลับมาจนตัวปลิว  เหวี่ยงหวือลงบนเตียง 

   “แต่ในเมื่อคุณเสนอตัวให้ขนาดนี้  ผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน  จะสนองให้ก็ได้  คิดเสียว่าแก้ขัด”

   ความกลัว ความเสียใจ แข่งกันแล่นเข้าเสียดแทงหัวอก  บุตรท่านทูตตัวสั่น  สองขาปัดป่ายหาทางหนี  ช่อดอกมหาหงส์ที่บรรจงวางไว้ข้างหมอนหล่นลงพื้น  ฝ่าเท้าอาจารย์เหยียบย่ำมันไม่ใยดี  ร่างสูงใหญ่โถมทับลงมา 

*****************************

   อดีตนักเลงโตก่ายหน้าผากเอนหลังพิงกองฟาง  แหงนมองฟ้าบ้านนาดาระดาดด้วยดวงดาว  เจ้าประคุณเอ๋ยสายลมเย็นโชยกลิ่นดอกไม้มาชื่นหัวใจ  ถ้ามีน้องมาแนบข้างดูดาวด้วยกันจะชื่นหัวใจสักปานไหน  อนาถนักหนาด้วยหนทางที่จะได้น้องมาร่วมเรียงเคียงหมอนนั้นมันสุดกู่  ตะก่อนเป็นลูกชายกำนันมั่งมียังถูกรังเกียจเดียดฉันท์  หนนี้ถูกแม่ตัดหางปล่อยวัดเหลือแต่ตัวอาศัยงานกุลีเลี้ยงชีพไปวันๆ  แล้วหมาแมวที่ไหนมันจะมาแลเหลียว 

   สิงห์ถอนใจพรู  อดคิดไม่ได้  ที่โผล่หน้าแวะเวียนมาหาทุกวันนี่  คงไม่แคล้วถูกแม่เขาอ้อนวอนให้มา  น้าแป้นก็คงช่วยกรอกหู  คนใจอ่อนอย่างจ้อยหรือจะปฏิเสธ 

   ดาวจระเข้โผล่หัวขึ้นมาแล้ว  ได้เวลากลับเสียที  ป่านฉะนี้มันคงหอบปิ่นโตกลับบ้านไปแล้วกระมัง

   ปิ่นโตเถาน้อยยังวางอยู่บนแคร่ไม้รวกตอนสิงห์กลับมาอีกที  ไร้วี่แววนักเรียนครูตัวดี  ที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่นี่

   ใช่.. ไม่ผิดหรอก  เป็นชั่วโมงเลยแหละ  ตั้งแต่ผีตากผ้าอ้อมจนกระทั่งดาวจระเข้ขึ้น   

   สิงห์ยอมรับว่าเขาจงใจถ่วงเวลาไม่ยอมกลับที่พัก  ดึงเวลาให้ยาวนานออกไป 

   “กลับไปได้แล้ว” ฟาดข้าวเกลี้ยงแล้วก็ไล่ส่งอีกที  แค่ยอมกินข้าวที่มันเอามาให้ก็ถือว่ารอมชอมเกินพอ

   “จะรอ” มันเสือกทำหน้าเหลอไม่รู้เรื่อง 

   “ไม่ต้องรอ  นาน!”

   “รอได้” ไอ้ตัวเล็กยืนยันคำเดิม  ดวงตาใสแจ๋วแน่วแน่

   แล้วไงเล่า  ไอ้คนที่บอกว่าจะรอ  แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เปิดแน่บไม่เห็นหัว  เข็มเล่มหนึ่งสะกิดกลางใจ  ไหนบอกว่าจะรอกัน?

   แถมทิ้งปิ่นโตเถาน้อยไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก  เข็มเล่มเดิมกดลึกลงไปอีก  พรุ่งนี้.. จะไม่มีคนกระเตงปิ่นโตมาให้แล้วสินะ
   เสียงกุกกักดังมาจากในกระท่อมกงโกรย  ประตูปุปะเปิดแง้มออก 

   “กลับมาแล้วหรือ” คนที่คิดว่ากลับไปแล้ว  โผล่หน้าออกมา  ยิ้มร่า ดวงตาสุกใส  แสงตะเกียงเรืองรองสะท้อนวงหน้ามอมแมม  ผมเผ้ายุ่งเหยิง  เสื้อนักเรียนปล่อยชายออก  พันขากางเกงขึ้นมาถึงเข่า  ค่อยๆ ไต่ลูกบันไดที่ทำด้วยไม้ไผ่ลงมา “ไปคุยกับเถ้าแก่นานจัง”

   “ก็บอกแล้วว่านาน” ใต้ใบหน้าถมึงทึง  กระแสยินดีซุกซ่อนในส่วนลึก  ไปคุยกะเถ้าแก่ที่ไหน  พี่ไปนอนดูดาวเฝ้าฝันถึงเอ็งมาต่างหาก 

   ทำไมเขาถึงพูดคำนั้น  คำอื่นที่ปั้นเตรียมไว้ในหัว  คำที่ตั้งใจจะพ่นใส่หน้ายามเห็นไอ้ตัวจ้อยยังไม่ยอมกลับบ้าน  คำประเภท ‘ทำไมยังอยู่!’ หรือหนักหน่อยก็.. ‘เสือกไม่เข้าเรื่อง!’ คำพวกนั้นเล่าหายไปไหน 

   นี่หรือคนกำลัง ‘ตัดใจ’ 

   “เข้าไปทำอะไร” คำถามห้วน สั้น แม้หน้ายังไม่อยากมอง 

   “ยุงกัด เลยเข้าไปรอข้างใน” นักเรียนครูเกาแขนแกรกๆ  บุ้ยบ้ายไปในกระท่อม “แล้ว.. เห็นฝุ่นเยอะ  เลยถูพื้นให้” 

   เอาเลยไอ้สิงห์  สถานการณ์นี้ คำว่า ‘เสือกไม่เข้าเรื่อง!’ เหมาะที่สุด  ตะคอกใส่หน้าแม่งเลย

   เอาเลย!  ตะคอกเลย!

   “สะ..” เสือก!  เสือกไงไอ้สิงห์! เสือก! ด่าให้แม่งร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับไปหายายมันเลยไป๊ เสือก!

   “เสื..” เสือกไงไอ้เหี้ย!

   เสือก!

   “เสื้อเอ็งเปื้อนหมด”

   โธ่เอ๋ย ไอ้เวรตะไล ไอ้สังคะโลก ไอ้กะโปกหมา! ไอ้ห่ารากตับ! 

   “มาทายาก่อน” สิงห์ลากน้องมานั่งที่แคร่  มือสากเหมือนหนังกระเบนค่อยแต้มยาหม่องแห้งขอดก้นตลับลงรอยแดงบนท่อนแขนขาวแผ่วเบา

   ไอ้สิงห์เอ๋ย  แพ้ทางหมดรูป  ถ้าเป็นมวยก็โดนน็อคตั้งแต่ยกแรก 

   “เอาอะไรถูน่ะ” ผ้ามอมเหม่ในมือน้อยมันคุ้นๆ ลูกตาพิกล 

   “ผ้าขี้ริ้วน่ะซี”

   คนตัวโตถอนใจหน่าย “นั่นมันเสื้อพี่” มีอยู่ตัวเดียวด้วย  ดูดู๋แล้วคืนนี้กูจะเอาอะไรใส่นอน  ลมหนาวยิ่งพัดตึงๆ

   จ้อยทำตาประหลับประเหลือก  เหมือนจะบอกว่าผ้าขี้ริ้วที่บ้านมันสะอาดกว่านี้ด้วยซ้ำ  พร่ำขอโทษไม่ขาดปาก  ทำท่าเหมือนจะซักคืนให้เดี๋ยวนั้น

   “ไม่ต้องซักหรอก” พี่แย่งมาโยนลงแคร่สิ้นเรื่องสิ้นราว ก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไป ค่ำแล้ว เดี๋ยวไปส่ง” ว่าพลางฉวยฉุดข้อมือเล็ก 

   “เดี๋ยว” หากแรงน้อยนิดขืนรั้งไว้

   ไอ้สิงห์แทบซวนเซลงทั้งกายและใจ  หาใช่ด้วยแรงเท่ามดที่ดึงรั้งไว้ไม่  แต่เพราะลูกตาแวววาวที่มองตรงมา  เพราะเสียงใสๆ ที่เอื้อนเอ่ยสั้นๆ

   “คืนนี้.. นอนนี่ก็ได้”    


โปรดติดตามตอนต่อไป
_______________________________________________________________________
* ขอรักคืน, สมศักดิ์ เทพานนท์ คำร้อง, รวงทอง ทองลั่นทม ขับร้อง


ช่วงดอกไม้เม้ามอย :L2:

สวัสดีค่ะคนอ่านที่รัก เค้ากลับมาต่อแล้วนะ หายไปนานแต่ตอนนี้ก็ยาวนะก๊ะ
ตอนนี้อัพไปทำงานไป ติดขัดตรงไหน พบคำผิดคำซ้ำประปรายต้องขอโทษด้วยนะคะ
จบตอนนี้พูดได้คำเดียว....จ้อย.. เอ็งมันแฮ่น  :-[
รักคนอ่านค่ะ

ดอกไม้
๒ ธ.ค. ๕๗

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ขอคืนเเล้วไปเริ่มใหม่ > < มาเเว้ววววววว ขอจิ้มก่อนนะคะคุณดอกไม้ เด๋วมาเม้นค่าาาาา
อาจจะกลับมาช้า ยังไงอย่าลืมวกมาอ่านนะคะ

------------------------------------------------------------------------

เเอร๊ยยยยย "พี่สิงห์ของจ้อย"  :hao7: ตอนนี้จ้อยน่ารักมากกกกกก ไม่ได้ยินประโยคนี้จากปากจ้อยนานเเค่ไหนเเล้วเนี่ยยยย
ตอนนี้น่าเอ็นดูสุดๆไปเลย พี่สิงห์นี่ก็แหมมมมม ใจเเข็งกับน้องได้เเค่นั้นหราาาาาา เเล้วมาดูสิ...น้องมาขอนอนด้วยเเบบนี้
จะทำยังไง กิ๊วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ตัดกลับมาที่คุณเล็ก มันช่างเเตกต่างอะไรยังงี้ เหมือนที่คุณดอกไม้บอกถ้าสถานการณ์จ้อยเริ่มดีขึ้นเมื่อไหร่
ของคุณเล็กจะเเย่ลง ไอ้ครูนี่ก็ครูเเค่ตำแหน่งจริงๆ เป็นถึงครูความคิดยังสู้ไอ้พี่สิงห์ใจนักเลงของน้องก็ไม่ได้
พี่สิงห์ก็พยายามผลักไส รู้ตัวว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับจ้อย รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับว่าที่คุณครู
แต่เค้าก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจจ้อยแบบที่คนเป็นครูทำเลย
จะบอกว่าสถานะของคุณเล็กไม่เหมือนจ้อย ก็ถ้ามองดีๆ มันต่างกันตรงไหน ครูอย่างนายก็ไม่ต่างอะไรกับพี่สิงห์
ความทุกข์จะมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ชีวิตจะอยู่ได้นานเเค่ไหนก็ไม่มีใครรู้อีก
ทำไมไม่เอาเวลาที่อยู่ด้วยกันทำมันให้ดีที่สุดล่ะ เวลาที่ต้องจากกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ
ทำไมไม่สู้ไปด้วยกันวะ ขี้ขลาด คุณเล็กคิดจะเอาผู้ชายคนนี้เป็นที่พึ่งจริงๆเหรอ
ขนาดสู้เพื่อเราเค้ายังทำสู้คุณเล็กไม่ได้เลย เค้าปกป้องคุณเล็กไม่ได้หรอก ปล่อยเค้าไปเถอะ
ถ้าการที่เค้าคิดว่าการปกป้องเราคือการทำให้เราเสียใจ ก็ปล่อยแม่งไปไกลๆเลย ไอ้คนเฮงซวย
เออ!!! ใช่!!! ไอ้คะนึง แกมันเป็นเเค่ไอ้กระจอก ไอ้ครูกระจอก ไอ้จอมห่วย
รู้จักที่ต่ำที่สูงน่ะมันดี...แต่ถ้ารู้จักจริงๆแกต้องไม่ทำตั้งเเต่เเรก แต่นี่แกทำไปเเล้ว เสือกมาทำดัดจริตคิดได้ ทุเรศที่สุด
สักวันแกต้องเสียใจมากกว่าที่คุณเล็กเสียใจ!!!! :z6: :beat:

หนูเล็กสู้ๆนะคะ หนูเล็กจะต้องผ่านมันไปให้ได้ หนูเล็กมีค่าเสมอ   :กอด1:

ปล.หนูเล็กน่ารักจังเลยตอนที่ไปขโมยปลาของจ้อย น่าเอ็นดูที่สุด ใครไม่รู้ไม่เห็นไม่เป็นไรนะลูก เจ้รู้เจ้เห็น
ม่ะ.....โอ๋ๆๆๆๆๆๆกันน๊าาาา  :man1: :man1:

เป็นกำลังใจให้คุณดอกไม้เเละจะติดตามเรื่องนี้จนกว่าจะรวมเล่มเลย อิอิอิอิอิอิอิอิ
 :L2:

ปลล.อีกนานมั๊ยคะคุณดอกไม้กว่าคุณเล็กจะเป็นฝ่ายเอาคืนซะที อยากให้คุณเล็กเลิกตามเเล้ว อีกนานมั๊ยคะ  :sad5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2014 16:03:13 โดย narunarutoboyz »

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
เกลียดอาจารย์แล้วอ่ะ
ถ้าจะเลวใส่เล็กขนาดนี้ก็อย่ารักกันเลย
เรายังเสียใจมากกกถ้าเราเป็นเล็กคงไม่ทนจริงๆ
สงสารเล็ก ฮืออออออกลับประเทศเลยค่า
เอาให้ช้ำกันไปข้าง อาจารย์ใจร้าย

แต่ตลกตอนเลอมานขโมยปลาทูจ้อย5555

ออฟไลน์ iiam

  • อัยแอม Bulan
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2

ฮ้อยยยย >< พ่อตะเข้คับคลอง  :m1:

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
อาจารย์จะฝืนไปได้นานแค่ไหน? สงสารคุณชายจัง

ออฟไลน์ Nae_Nae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
งื้ออออ สงสารคุณชายเล็ก  :hao5: :o12:  ฟินจ้อยยยย  ให้มันได้ยั่งงี้จ้อยยยยยยยยยยยย   หุหุหุหุ :o8: :o8:

ออฟไลน์ Julytastic

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โอยยยยยย อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่าาาา
ถ้าจ้อยจะรุกขนาดนี้ พี่สิงห์ทนไหวก็ให้มันรู้ไป :hao7:
ตอนนี้มันน่ารักมากกกก
ชอบประโยคนี้มาก >> พี่สิงห์ของจ้อยกินไม่อิ่มขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!?
ตกลงยอมรับแล้วสินะ ว่าพี่สิงห์ของจ้อย :hao3:
ส่วนอาจารย์คนึง :beat: :beat:
อาจารย์คะะะ ยอมเถอะค่ะ สงสารคุณชายจนไม่รู้จะสงสารยังไงแล้ว :o12:
รออ่านตอนต่อไปนะคะ คุณดอกไม้ :L1:

ออฟไลน์ jilantern

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
โอยยยย จ้อยจะแฮดแล้ววววว
น้องค้างคืนกับปู้จายยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด