In Abroad || รักแกไง... ไอ้ฝรั่ง [18/4/2013 - Season 2 ตอนที่ 1]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: In Abroad || รักแกไง... ไอ้ฝรั่ง [18/4/2013 - Season 2 ตอนที่ 1]  (อ่าน 135761 ครั้ง)

ikora

  • บุคคลทั่วไป
555555 ทุกคนสงสัยเรื่องเดียวกันหมดเลย

แวะเข้ามาเล็กน้อยครับ เพราะตอนนี้ยังปั่นตอนต่อไปได้ไม่มากเท่าไหร่เลย ขอเวลาหน่อยน้าาาา  :pig4:

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
รอเน้อ :man1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พึ่งเข้ามาอ่านได้ไม่กี่ตอนเอง (ยังไม่ถึงปัจจุบัน)
อยากบอกว่าฮามาก ขำน้ำตาเล็ด
พูดกันคนละภาษา ด่ากันไฟแล่บ
สนุกมาก ๆ คนเขียนเก่งจริง ๆ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อ่าา คล้ายๆว่าพริกจะรุก รับไม่ได้หรอไงอ้ะ เค้าอยากให้พริกรับแง้  :o12:

ikora

  • บุคคลทั่วไป
เอาตอนใหม่มาแล้วครับบบ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยฮาเท่าไหร่นะ เครียดๆไปนิด มีสาระไปบ้างนะเออ







“อ่ะ” แม่เรียกผมพร้อมกับยื่นสร้อยที่ร้อยติดกับกุญแจมาให้ผม

“อะไรเนี่ยะ แม่”

“กางเกงในมั้ง ถามได้ ก็เห็นอยู่ว่ากุญแจ” เอ๊า แม่ ถามดีๆ

“ก็รู้แล้วน่าว่ากุญแจ แล้วเอามาทำเป็นสร้อยทำไมล่ะ”

“จะได้ไม่ทำหายอีกไง แม่ต้องไปปั๊มกุญแจมาให้แกสองรอบแล้วนะ 3 เดือนเนี่ยะ แล้วแต่ละครั้งที่หาย ก็ต้องไปกวนพริกเค้า ไม่เกรงใจเค้าบ้างรึไง” แม่ผมเริ่มเทศน์

“ก็... เกรงใจ แต่ทำไงได้อ่ะ มันหายไปตอนไหนผมยังไม่รู้เลย” ผมตอบเสียงจ๋อยๆ

“แอนโทนี่ เราเองก็โตแล้วนะ กุญแจดอกเดียวรับผิดชอบไม่ได้ อีกหน่อยจะไปรับผิดชอบงานใหญ่ๆที่ไหนได้ล่ะลูก” แม่ผมลูบหัวผม ก่อนจะจะหอมแก้มฟอดใหญ่แล้วเดินไปที่ประตู “แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปเป็นเพื่อนน่ะ”

“ผมโตแล้วน่ะแม่ ไปเองได้น่า”

“โตแล้วแต่ก็ทำกุญแจหายไปสองดอกแล้ว”

“แม่อ่ะ” ผมหันไปแขวะแม่เล็กน้อย ซึ่งแม่ผมก็หัวเราะแล้วโบกมือลาก่อนแม่จะออกไปทำงาน

“โชคดีนะลูก” แม่อวยพรผมก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้ผมยืนอยู่กลางห้องด้วยความตื่นเต้น

สามสัปดาห์แล้วครับหลังจากที่ผมได้ออกจากคอนโดไปเที่ยวกับไอ้พริกที่วัดพระแก้ว บอกตามตรง ผมไม่เคยเห็นอะไรที่สวยงามขนาดนี้มาก่อน เหมือนกับไปอยู่ในโลกของนิยายแฟนตาซีจริงๆ ทุกอย่างมันดูตื่นตาตื่นใจ และมันยังฝังอยู่ในความทรงจำผมจนถึงตอนนี้ แต่ว่าหลังจากวันนั้นสามวัน ไอ้พริกมันก็เปิดเรียนของมันครับ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจถามซักเท่าไหร่ว่ามันเรียนที่มหา’ลัยไหน รู้แต่ว่ามันเรียนหลักสูตรภาคภาษาไทยธรรมดา ก็เลยเปิดก่อนผม ส่วนของผมเป็นหลักสูตรนานาชาติ แต่เป็นของมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังย่านกลางเมืองแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ที่ไอ้พริกเปิดเทอมมานี่ผมยังไม่เคยเจอมันเลยซักครั้ง ไอ้เรื่องที่สอนภาษาน่ะเหรอครับ รู้มั้ยครับว่ามันตอบว่ายังไง

“เฮ้ย กูไม่ไหวจริงๆว่ะมึง” มันตอบผมมาอย่างงี้เมื่อสามสัปดาห์ก่อนครับ

“So, we’re not gonna have any practicing from now on?” ผมเริ่มโวยวาย

“ไม่ไหวจริงๆว่ะแอนนี่ งานรับน้องตอนนี้เหนื่อยมากๆ แทบทุกวัน แถมบางครั้งเสาร์อาทิตย์ด้วย” มันตอบพร้อมทำหน้าเหมือนกับว่าจะตายในอีกไม่กี่นาทีนี้

ดูมันสิครับคุณผู้อ่าน แล้วตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมก็แทบไม่เห็นหัวมันเลย แล้วก็ไม่มีการคิดจะมาทักทายอะไรหรอกนะ ห้องก็อยู่ตรงข้ามกันแค่นี้แท้ๆ! คิดแล้วมันก็น่ากระโดดข่วนหน้ามันจริงๆครับ... เอ้อ แต่จะว่าไป เมื่อสัปดาห์ก่อนก็เจอมันอยู่ครั้งนึงที่ฟิตเนส เจอด้วยความบังเอิญมากกว่า แต่ตอนนั้นก็พอได้ทวนภาษาอังกฤษไปบ้างแหละนะ

ส่วนสำหรับวันนี้ การออกนอกคอนโดไปเผชิญโลกกว้างของผมอีกครั้งนึง ซึ่งในวันนี้ผมก็ต้องไปมหา’ลัยของผมเช่นกันครับ เพราะของผมเองตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่เปิดเทอม แต่พวกรุ่นพี่ที่คณะก็มีการนัดให้มารับน้องแล้วเหมือนกัน ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอกครับว่าการรับน้องคืออะไร เพราะที่อเมริกาไม่มีเรื่องแบบนี้ ก็หวังว่าคงจะไม่ใช่อะไรที่โหดร้ายรุนแรงก็แล้วกันน่ะเนอะ





Chapter 7: New Friends


“โอ๊ยยยยยย หิวข้าวแล้ววววว!!” เสียงของไอ้ต้นร้องพลางบิดขี้เกียจหลังจากกิจกรรมรับน้องห้องเชียร์จบลงตอนเที่ยงพอดิบพอดี

“ไปกินอะไรกันดีล่ะ” ผมถามขึ้น อ๊ะๆ สำหรับคุณผู้อ่านท่านไหนที่สงสัยว่าทำไมผมพูดไทยได้ชัดแจ๋ว กับเพื่อนๆคนไทยของผม ไม่ต้องแปลกใจครับ จริงๆแล้วพวกเราคุยกันเป็นภาษาอังกฤษน่ะแหละ แต่เพื่อไม่ให้ทุกท่านงงจนเกินไป ผมเลยจ้างพี่ๆทีมงานพันธมิตรมาช่วยภาคเสียงของพวกผมให้ เสียงหล่อใช่มั้ยล่ะ อะเฮ้อ

“นึกไม่ออกว่ะ กูก็ไม่ค่อยได้มาม. พอๆกับมึงนั่นแหละแอนนี่” ไอ้ต้นตอบ แล้วหันไปหา เพื่อนของผมอีกคนนึง “กินไรดีวะ ไอ้มิว”

Arrrrrr!!!!!! Fuck you I won’t do what you telling me!! เสียงเพลงว้าแหกปากดังมาจากไอ้มิวที่นั่งใส่เฮดโฟนฟังเพลงแบบไม่แคร์สื่ออยู่ข้างๆไอ้ต้น จนไอ้ต้นต้องพยายามพูดอีกที

“เอ่อ – “

Fuck you I won’t do what you telling me!!!

“ไอ้มิว – “

Mother fuckaaaaaaaaaaaaaaa!!!!!!!!!!!!

“มิวครับ –“

- aaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaa!!!! แล้วก็จบเพลงที่มันฟังพอดีกับที่ไอ้ต้นสะกิดเรียกมันอีกครั้ง ไอ้มิวถอดเฮดโฟนออก แล้วหันมาถามพวกผมด้วยเสียงเรียบๆ เย็นชืด ตามสไตล์ของมัน

“ว่าไง?” ให้ตายสิ ทำไมเวลาไอ้มิวมันพูดทีไร ผมได้ยินเสียงแบ็คกราวน์เพลง heavy metal ดังขึ้นมาทันที

“จะกินอะไร” ผมถามย้ำ ในขณะที่ตอนนี้คนในห้องรับน้องออกไปกันเกือบหมดแล้ว

“อะไรก็ได้” มันตอบ พร้อมแบ็คกราวน์เสียงว้ากซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้

“งั้นมึงเลือกเลยต้น” ผมเสนอ

“กูอยากกินฮาจิบังว่ะ”

“แถวนี้มีเหรอวะ” ผมถามขึ้น

“มีดิ่ ห้างใกล้ๆม.นี่ไง กูไปเซอร์เวย์มาตั้งแต่วันสัมพาษณ์แล้ว”

“เหรอ วันสัมพาษณ์กูมาแปบเดียวแล้วก็กลับว่ะ” ผมตอบ

“เอออ มึงก็เปิดหูเปิดตาแบบกูนี่ จะได้รู้ทิศทาง” ไอ้ต้นยิ้มอย่างภูมิใจ แล้วลุกขึ้นนำผมกับไอ้มิวออกไป “ไปเหอะพวกมึง เดี๋ยวคนเยอะ”

เอาล่ะ เพื่อไม่ให้คุณผู้อ่านงงเป็นไก่ตาแตกไปมากกว่านี้ว่าไอ้สองตัวนี้มันมาจากไหน มีบทมาได้ยังไง ช่วงที่พวกเราสามคนเดินไปฮาจิบังกัน ผมจะเล่าให้ฟังคร่าวๆแล้วกันนะ คือ ผมเองก็เคยมามหา’ลัยก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ตอนสอบสัมภาษณ์ งานแรกพบอาจารย์ และงานทั้งหลายแหล่ที่มหา’ลัยผมมีจัดตั้งแต่ช่วงปิดเทอม ทำให้ผมรู้จักกับเพื่อนที่คณะบ้างแล้ว แต่ที่ผมคุยกันจนสนิทตั้งแต่ในเฟสบุ๊คจนถึงตอนเจอกันตัวเป็นๆ (ต้น: กูยังไม่ตายนะ สัส) ...นั่นแหละครับ ก็ที่คุยๆกันบ่อยสุดก็ไอ้ต้นกับไอ้มิวนี่แหละ ซึ่งผมก็ยังงๆอยู่เลยว่า ผมไปสนิทกับมันสองคนได้ยังไง

เริ่มกันที่ไอ้ต้นก่อนละกัน ไอ้นี่มันเฟรนลี่ครับ เข้ามาเป็นฝ่ายทักผมก่อนเลย ไอ้นี่มันตัวพอๆกับผมครับ หน้าตาดูรู้ว่าเป็นคนไทยแท้แน่ๆ ตาโต ผิวคล้ำเล็กน้อย ส่วนนิสัยของมัน จากการที่ผมแอดเฟสบุ๊คมันไปก็พบว่า... มันเป็นคนเพี้ยนมากครับ เข้าไปดูรูปที่มันถ่าย ไม่เคยมีรูปไหนที่ถ่ายท่าธรรมดาๆเลย ไหนจะรูปตบตูดตัวเองตอนงานเลี้ยงรุ่น รูปทำท่าโชว์ดุ้นตอนงานแต่งของลุง ทำท่าหกสูงถ่ายรูปกับรูปปั้นคิวปิ้ด เขี่ยไขรูปปั้นเดวิดตอนไปอิตาลี และอื่นๆอีกมากมาย

ส่วนไอ้มิวสิก ผมรู้จักมันก็เพราะไอ้ต้นไปทักอีกเช่นกันครับ ไอ้นี่มันออกแนวแรงไม่แคร์สื่อ เจาะหูซ้ายสามรูหูขวาอีกห้ารู ย้อมผมสีบลอนด์ไฮไลท์ชมพู ซึ่งก็ไม่ได้ดูแย่กับมันนะ เพราะมันก็ออกแนวตี๋อยู่แล้ว ไอ้มิวชอบทำตัวแนวพั้งค์ อีโมๆ กูเกลียดโลก ขนาดเฟสบุ๊คมัน ยังทำ cover เป็นรูปสีดำเขียนด้วยเลือดว่า Life sucks, fuck you เล่นเอาผมแทบจะปิดโปรไฟล์มันทิ้งเลยทีเดียว

“กี่ท่านคะ” เสียงพนักงานฮาจิบังเรียกสติผม อ้าว นี่มาถึงร้านแล้วนี่หว่า

“สามคนครับ” ไอ้ต้นตอบ

“สามท่านรอประมาณแปดคิวนะคะ”

“แปดคิวเลยเหรอครับ” ไอ้ต้นทำหน้าเบ้ ก่อนจะถามต่อ “ประมาณกี่นาทีครับ”

“อืมมม น่าจะประมาณสี่สิบนาทีค่ะ เดี๋ยวยังไงรบกวนรอด้านนอกแล้วกันนะคะ” พนักงานบอก แล้วเราสามคนก็เดินออกมารอข้างนอกร้าน

“หรือจะกินร้านอื่น” ไอ้มิวถาม “ยังไงก็คงไม่ได้โต๊ะเร็วนี้หรอก”

“หรือจะนั่งกับพี่ล่ะ มิว” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลังพวกเรา เมื่อผมหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นชายใส่แว่น ตัวสูง ท่าทางสุขุม ผู้ชายคนนั้นทักพวกเราราวกับว่ารู้จักใครซักคนในกลุ่มพวกเรา แล้วพี่เค้าก็พูดต่อ ทำให้ผมรู้นั่นเองว่าเค้ารู้จักกับใคร “ไม่ได้เจอกันนานนะมิว ผมสีนี้เข้ากับเราดีนะ”

“ขอบคุณ แต่เรื่องนั่งกับพี่แจ๊ส ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” ไอ้มิวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เอ่ออออ คือ” ไอ้ต้นก็มีท่าทางงุนงงเช่นเดียวกับผม

“อ้อ ขอโทษทีๆ ที่ไม่ได้แนะนำตัว พี่ชื่อแจ๊สเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าของมิวสิกน่ะ” อย่างนี้นี่เอง แต่ทำไมดูไอ้มิวมันดูไม่สบอารมณ์ที่เจอรุ่นพี่มันมันยังไงไม่รู้ “นี่เพื่อนของมิวเหรอ”

“จะรู้ไปทำไม” นั่น ไอ้มิว มึงพูดกับรุ่นพี่มึงอย่างงั้นได้ไงวะ

“เอ่อ ผมต้นครับ เพื่อนของมิว”

“I’m Annie. Nice to meet you”

“Nice to meet you, Annie. แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักต้นด้วยนะ” พี่แจ๊สพูดอังกฤษเก่งมาก สำเนียงเหมือนเป็นภาษาแม่เลยทีเดียว “แล้วนี่ทำไมไม่เข้าไปกันล่ะ”

“คิวมันเต็มน่ะครับ เลยต้องรออีกตั้งสี่สิบนาที” ไอ้ต้นตอบ

“มานั่งโต๊ะพี่สิ เพื่อนๆพี่นั่งกันอยู่ข้างใน”

“Is it okay?” ผมถามด้วยความเกรงใจ

“No, it’s not okay” ไอ้มิวตัดบทก่อนที่พี่แจ๊สจะได้พูดอะไร “เราไปกินที่อื่นกันก็ได้ ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเราหรอก”

“เฮ้ย มิว รุ่นพี่มึงนะเว่ย” ไอ้ต้นเตือน

“แล้วไง! ถ้าพวกมึงอยากกินกับพี่แจ๊สมันมากก็เชิญแล้วกัน เจอกันวันพรุ่งนี้!” ไอ้เชี่ยมิวเหวี่ยงก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ผมกับไอ้ต้นยืนงงอยู่ตรงนั้น

“อ้าวเห้ย ไอ้มิว! ไปไหนของมึงวะน่ะ เห้ย!” ไอ้ต้นตะโกนเรียกมัน แต่ดูเหมือนมันจะไม่สนใจซะแล้ว

“Are you okay?” ผมถามพี่แจ๊สด้วยความเป็นห่วงหลังจากเห็นสีหน้าพี่เค้าไม่ค่อยดี

“I’m fine. Thanks”

“เดี๋ยวผมไปตามมันให้มั้ยพี่” ไอ้ต้นมีท่าทีเป็นห่วงพี่แจ๊สพอๆกับผม

“ไม่เป็นไรหรอกต้น” พี่แจ๊สห้ามต้นไว้ขณะมองไอ้มิวเดินลงบันไดเลื่อนจนลับสายตาไป แล้วจึงเปลี่ยนสีหน้าหันมาพูดอย่างยิ้มแย้มกับผมและไอ้ต้น “ถ้าอย่างงั้น เข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผมกับไอ้ต้นเดินตามพี่แจ๊สเข้าร้านไป ซึ่งพี่เค้าก็ได้บอกพนักงานว่าขอเก้าอี้นั่งเพิ่มหนึ่งตัวให้พวกผมซักคนหนึ่ง เพราะอีกคนนั่งเบียดโซฟากันก็ได้ แล้วพี่เค้าก็เดินนำผมไปที่โต๊ะที่พี่กับเพื่อนๆเค้านั่งอยู่

เก้าอี้ตัวหนึ่งว่าง ซึ่งน่าจะเป็นที่ของพี่แจ๊ส เก้าอี้อีกตัวหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งกับผมทรงรากไทร ส่วนที่โซฟานั้นมีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งรูปร่างพอๆกับผม และมีหน้าตาคล้ายๆกับใครคนนึงที่ผมรู้จัก ในขณะที่อีกคนหนึ่งมีรูปร่างใหญ่ กำยำ และผมก็ถึงกับร้องเหวอทันทีที่มองหน้าชายร่างใหญ่คนนั้น

“Shit!” ผมเผลออุทานออกมาเสียงดัง ทำให้ทั้งโต๊ะหันมามองผม รวมถึงชายร่างใหญ่คนนั้นด้วย... ไอ้พริก!!?

“เห้ย” มันร้องขึ้นมาเหมือนกัน

“เห้ย!” คราวนี้ไม่ใช่เสียงของทั้งผมทั้งไอ้พริกครับ เป็นเสียงของผู้ชายที่นั่งข้างๆไอ้พริกมัน

“เห้ย??” เอาเข้าไป คราวนี้เป็นเสียงไอ้ต้นบ้างและ

“เห้ย...” อ้าว เสียงเจ้ผู้หญิงร้องบ้าง “...เห้ยเหี้ยอะไรกันวะ”

“เอ่ออออ เกิดอะไรขึ้นกันเหรอทุกคน” พี่แจ๊สถามออกมาอย่างงุนงง

“ไอ้ต้น” ผู้ชายที่นั่งข้างๆไอ้พริกเรียกเพื่อนผม

“พี่ต่อ” ไอ้ต้นมองหน้า ‘พี่ต่อ’ งงๆ “มาที่นี่ได้ไงวะพี่”

“กูก็มากินข้าวกับเพื่อนสิวะ” พี่ต่อตอบ

“ต่อ มึงรู้จักน้องเค้าเหรอวะ” พี่แจ๊สถาม

“ทำไมจะไม่รู้จัก น้องกูเอง” อ้าว โลกกลมไปแล้วครับ สรุปว่าพี่คนนี้เป็นพี่ไอ้ต้นนี่เอง มิน่า หน้าตามันถึงคล้ายกัน

“แล้วมึงเห้ยอะไรไอ้พริก” เสียงเจ๊สาวที่ตอนนี้ผมว่าเจ๊โหดมากกว่าถามไอ้ตี๋

“อ่อ... ก้อฝรั่งเนี่ยะ เอ่อออ อยู่คอนโดเดียวกับกู” ทุกคนในโต๊ะหันมามองผมงงๆ จะงงอะไรกันนักหนาวะวันนี้

“Urrrr… Hi! I’m Annie. Nice to meet you” ทำอะไรไม่ถูกครับ แนะนำตัวไปก่อนเลย จังหวะนั้น พนักงานก็ยกเก้าอี้มาวางที่หัวโต๊ะพอดี

“โอ้โห อะไรมันจะโลกกลมขนาดนี้ ดราม่าสุดๆ” เจ๊โหดพูดขึ้น

“ฮ่ะๆๆ นั่นสิ” พี่แจ๊สหัวเราะ แล้วดบกมือให้พวกผม “เอ้าน้องๆนั่งกันก่อน”

ขอบคุณครับพี่ ยืนนานเริ่มเมื่อยและ แล้วก่อนที่ผมจะนั่งไปที่เก้าอี้หัวโต๊ะนั่นเอง ไอ้ต้นก็ลงไปแหมะก้นนั่งเสียแล้ว... นั่นเท่ากับว่า...

“เฮ้ยไอ้พริก เขยิบที่ให้น้องเค้านั่งหน่อยดิ่วะ” พี่แจ๊สบอกไอ้ตี๋

“อ่าวววว แล้วไมมึงไม่เอาเก้าอี้อีกตัวมาให้มันนั่งล่ะวะ” นั่นสิพี่แจ๊ส ผมไม่อยากไปนั่งเบียดกับมันนักหรอก T T

“มึงเห็นคนหน้าร้านมั้ย” เจ๊โหดชี้ไปที่หน้าร้านซึ่งตอนนี้มีคนรอคิวอยู่ล้านแปดเห็นจะได้ “มึงก็เห็นว่าคนเอยะ ถ้าเราไปเอาเก้าอี้มาเยอะ มันก็ยิ่งไม่พอให้เค้านั่งสิวะ อย่าแล้งน้ำใจสิเห้ย!”

“เออ ใจดำว่ะมึง” พี่ต่อสมทบ

“นั่นสิ ไปเบียดเบียนคนอื่นเค้า” ตามมาด้วยพี่แจ๊ส

ส่วนไอ้พริกตอนนี้ หน้ามันเป็นแบบนี้ไปเลยครับ T3T ผมล่ะแอบสะใจ ว่ะฮ่ะๆๆๆๆๆ.... แต่อีกนัยหนึ่งก็เท่ากับว่า ผมไม่มีทางเลือกสินะ

“เอ้า ยูๆ” เฮือก เจ๊โหดเรียกผมเป็นภาษาอังกฤษ “ซิตดาวๆ เน็กซ์ทู ไอ้เหี้ยเนี่ยะ”

ผมทำตามอย่างว่าง่ายครับ เสียงเจ๊แกโหดจริง

“ต้นนี่กูรู้จักและว่าเป็นน้องมึง” เจ๊โหดพูดกับพี่ต่อแล้วหันมาหาผม “ว้อทอะเบายู ว้อทยัวเนม”

“Ur…. Annie” พรืดดดดด เสียงกลั้นขำดังมาจากเจ๊โหดทันที อาร้ายยยยยย ก็กูชื่อนี้นี่หว่า

“ซอรี่ๆ ยัวเนมอีสคิ้ว นะ”

“มึงจะจีบเด็กฝรั่งรึไงมึง” ไอ้พริกแกล้งแซวเพื่อน

“จีบเหี้ยไร กูเป็นทอม” น่านนน ที่ผมสันนิษฐานไว้เป็นจริงซะด้วย “มายเนมอีส ทราย นะ”

ผมพยักหน้ารับ

“ไอแอม ต่อ” พี่ต่อแนะนำตัวบ้าง ก่อนจะหันไปถามน้องชาย  “แล้วนี่มึงกะเพื่อนรู้จักไอ้แจ๊สได้ไงวะ ต้น”

“อ่อออ คือ...” ไอ้ต้นหันแว้บไปมองพี่แจ๊ส เพราะไม่รู้ว่าเรื่องไอ้มิวมันเป็นอะไรยังไง

“พอดี น้องมึงกับแอนนี่เป็นเพื่อนกับรุ่นน้องกูที่โรงเรียนเก่าน่ะ ก็เลยชวนมากินด้วย”

“แล้วรุ่นน้องมึงอยู่ไหนวะ” พี่ต่อถาม

“กลับไปแล้ว... พอดีเค้ามีธุระน่ะ” ผมกับไอ้ต้นเงียบ ไม่มีใครแย้งเรื่องที่พี่เค้าโกหก เพราะมันก็คงเป็นเรื่องระหว่างพี่แจ๊สกับไอ้มิวว่าสองคนนั้นคงไม่ถูกกันด้วยเหตุผลบางอย่าง

“แล้วรุ่นน้องมึงคนนั้นผู้ชายผู้หญิงวะ ถ้าผู้หญิงกูจีบได้ป่ะ” พี่ทรายพูดยิ้มๆ

“ไอ้นี่นิ่ หม้อกว่าผู้ชายอีก” พี่ต่อแขวะพี่ทราย แล้วพี่ทรายก็เถียงกลับฉอดๆ

ในตอนนั้น ผมไม่ค่อยรับรู้อะไรเท่าไหร่หรอกครับ นอกจากตอนที่พนักงานมารับออร์เดรอ์จากผมกับไอ้ต้น เพราะผมก็เกร็งไปหมด ทำตัวไม่ถูก ไอ้พริกเองก็เงียบๆ น่าแปลกที่เมื่อตอนปิดเทอมผมกับมันด่ากันน้ำไหลไฟดับ แต่ตอนนี้พอมาเจอกันข้างนอกกับกลุ่มเพื่อน พวกเราต่างเงียบทั้งคู่ สำหรับผมคงเพราะไม่อยากให้มันเสียภาพพจน์กับคนอื่น แต่สำหรับมันผมไม่รู้ แต่ซักพักนึงเท่านั้นแหละครับ ผมก็รู้แล้วว่า ผมเข้าใจผิดที่ว่ามันเงียบๆไปเพราะมันเกร็ง...

“เอ้อ พวกมึงรู้รึเปล่า จริงๆแอนนี่ฟังภาษาไทยออกนะ พูดภาษาไทยชัดมากเลยด้วย” ที่แท้มันคงหาเรื่องกวนประสาทผมอยู่นั่นเองสินะ

“จริงดิ่” พี่แจ๊สมีท่าทางสนใจทันที

“อยากได้ยินว่ะ” เสียงดังมาจากพี่ต่อ

“เอาคำว่าอะไรดีล่ะ” ไอ้พริกยิ้มแฉ่งแล้วหันมายักคิ้วกับผม ไอ้เวรเอ๊ย ผมขอกระทุ่งเอวมันแรงๆทีนึงเหอะ “อุ๊บ – เฮ้ยพวกมึงลองนึกคำยากๆซักคำดิ่ แอนนี่ได้หมดแหละว่ะ”

กูไปบอกมึงตอนไหนว่ากูพูดได้วะสาดดดดดดดดด!!!!

“เอาอันนี้ๆ เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด” นั่นไง เจอคำยากจากเจ๊โหดเข้าให้

“What?”

“เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด” ไอ้ต้นทวนคำให้ช้าๆ หน้าตามันก็ดูสนใจอยากได้ยินผมพูดเช่นกัน

“Urrrrr…”

“อะไรวะแอนนี่ ตอนอยู่ที่คอนโดพูดคล่องเลยไม่ใช่เหรอ” ไอ้เชี่ยพริก เมิงเลวมาก!!! มากดดันกูอีก!!

“Urrrr – Chaw Fart Fuck Fuck, Yell Fart Fuck Pat”



………………………….

…………………….

………………

……….

……



ทั้งโต๊ะเงียบกันอยู่นานครับ ยกเว้นไอ้พริกที่เม้มปากพยายามกลั้นหัวเราะ และแล้ววินาทีนั้นก็มาถึง

“ว้ากกกกก ฮ่ะๆๆๆๆๆ วะฮ่ะๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังประสานกันไปทั้งโต๊ะ พี่ต่อกับไอ้ต้นถึงกับทุบโต๊ะพร้อมๆกัน

“วะฮ่ะๆๆๆ เป็นไงล่ะมึง แอนนี่มันพูดชัดมั้ยล่ะ อ๊ากกก!!!” เสียงไอ้พริกร้องลั่นเมื่อผมเอาเท้าไปเหยียบมันแล้วขยี้ๆๆ

“What’s wrong, Prick? Are you alright?” ผมถามมันแล้วยิ้มมุมปากอย่างสะใจ

“ไอ้เชี่ย” มันงึมงำขณะกัดฟันกรอดๆ

“By the way, everyone” ผมเริ่มเป็นฝ่ายเปิดประเด็นบ้าง มึงอยากเล่นอย่างงี้กับกูใช่มั้ยไอ้พริก ด๊ายย “I have a word to tell you to day”

“Really, What is it?” ไอ้ต้นถาม

“Do you know that prick, in English, has a meaning?” พรืดดดดดดด เก็ทมุขผมไปแล้วครับหนึ่ง ไอ้ต้นนั่นเอง มันนั่งกลั้มหัวเราะขณะที่ไอ้พริกหันมามองหน้าผมด้วยสายตาปานจะกินเลือดกินเนื้อ

“แปลว่าอะไรเหอร” เจ๊ทรายถาม

“It means…” ผมพูดพร้อมกับโชว์นิ้วกลางไปกลางโต๊ะเล่นเอาพี่แจ๊ส สะดุ้งเล็กน้อย “…this”

“Penis?” พี่แจ๊สถาม ผมจึงพยักหน้าตอบ และแล้ว วินาทีนั้นทุกคนก็เงียบลงอีกรอบ


…………………………………………………………..

……………………………………………………

……………………………………….

……………………….

………………..

……….



“ว้ากกกกก ฮ่ะๆๆๆๆๆ วะฮ่ะๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังประสานกันไปทั้งโต๊ะอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่พี่ต่อกับไอ้ต้นที่ทุบโต๊ะสะใจ แต่ทุกคนบนโต๊ะเลยก็ว่าได้

“โอ๊ยยยย ไอ้หัวค_ย ว่ะฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆ” พี่แจ๊สเรียกขึ้นมาอย่างสะใจ

“เฮ้ย ได้ฉายาใหม่มันแล้วว่ะ” พี่ทรายขำแล้วปาดน้ำตา

ส่วนไอ้พริก ตอนนี้หน้าแดงแจ๋ไปเรียบร้อย แล้วมองผมอย่างเคียดแค้น ส่วนผมน่ะเหรอ ยิ้มเยาะเย้ยมันอย่างมีชัยสิครับ ไงล่ะมึง อย่างมาเล่นกับกูดีนัก

“Oh. I’m sorry. I didn’t mean to make you shy.” ผมกระซิบกระซาบกับมันในขณะที่ทุกคนยังคงฮากร้ากอยู่ แล้วอยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หมัดของไอ้พริกจะซัดเข้าที่หน้าผมท่ามกลางความตกใจของคนอื่นที่นิ่งเงียบลงทันที

****************************************************************************

“ไหวมั้ยวะ แอนนี่” ไอ้ต้นถามผมขณะกลับบ้าน เนื่องจากผมกับมันนั่งรถไฟฟ้าไปทางเดียวกัน ส่วนไอ้พริกน่ะเหรอครับ มันคงไม่มากับผมหรอก หลังจากต่อยผมไปตอนกลางวัน แม่งก็หายหัว

“ก็โอเคอ่ะ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บๆอยู่แหละ” ผมพูดแล้วลูบๆแผลระบมที่อยู่บนหน้าผม

“แล้วมึงจะเอาไงวะ เรื่องพี่พริก เดี๋ยวกลับไปเจอกันไม่ทะเลาะกันตายเหรอวะ”

“กูไม่รู้ ไม่อยากยุ่งกับแม่งและ” ผมตอบอย่างเหนื่อยใจ

“เออๆ ถ้าเจอยังไงมึงกใจเย็นๆละกัน”

ในที่สุดผมก็กลับมาถึงคอนโดผมซะที ตลอดทางผมก็เอามือลูบคลำๆเผลอ เพราะมันยังตุบๆอยู่ที่หน้าผม จนในที่สุดผมก็มาถึงชั้นของผมซะที เมื่อผมออกจากลิฟต์และเดินมาที่ทางเดินไปยังห้องผม ไอ้เชี่ยพริกก็ยืนรอผมอย่ที่หน้าห้องอยู่แล้ว

มันหันมามองผมเหมือนจะพูดอะไร แต่มันก็ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้น ผมเดินมาที่ห้องของผมโดยไม่สนใจการมีตัวตนอยู่ของมัน

“หน้ามึงเป็นยังไงบ้าง...” มันพูดเสียงอ่อยๆ และตะกุกตะกัก ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ ว่าหน้ากูเป็นยังไง ดูซิบวมยังกะเนื้องอก

ผมไม่ตอบมัน และหันไปส่งสายตาท้าทายมัน ก็รู้อยู่หรอกครับว่ามันคงรู้สึกผิด แต่ผมก็เหนื่อยหน่ายที่จะต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับมันแล้ว

“เอ่อ... มึงยังทำกุญแจหายอยู่รึเปล่า... ไม่งั้นมารอแม่มึงในห้องกูก็ได้”

“It’s alright” ผมตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้วหยิบสร้อยที่ร้อยกุญแจไว้ให้มันดู “I have mine”

ผมหันไปไขกุญแจห้องผม แล้วจึงเข้าไปในห้อง โดยไม่ได้ใส่ใจสีหน้าของมันเลย... ว่าสีหน้ามันเศร้าแค่ไหน ย้ำว่า ผมไม่ได้ใส่ใจจริงๆนะ





To be continued
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2012 21:18:52 โดย ikora »

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
คุณพี่พริกคง'หลุด'ไปนี๊ดดดดด

คุณน้องแอนนี่ก็อย่าโกรธไปเลยนะจ๊ะ อิอิ

ตอนนี้น่ารักมากๆ  (ไม่น่าโดนต่อยเลยเชียว 5555)

+1 ให้จ้าาา  มาอัพไวๆน้าาา

ออฟไลน์ karmdodcom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
...ตอนต้นๆมันฮา...ไหนตอนท้ายมันลงซีเรียสอ้ะ T[]T
..
เฮ้ยย!!พริกคะ! ไปต่อยน้องแอนนี่เค้าได้ยังง๊ายยย! ไม่ยุติธรรมอ้ะ แกไปแกล้งเขาก่อนไม่ใช่หรอ เค้าแกล้งคืนก็...สมควร!!
..แอนนี่คะ! งอนไปเล้ยย! งอนให้พี่พริกเขาหน้าเสียเลยค่ะ! ให้พี่พริกเขามาง้อแล้วจับให้จดินเลยค่ะ!
(แค้นแทน...ต่อยหน้าแอนนี่ได้ไงอ๊าาา T[]T!!)

ปล. ..เพิ่งรู้ ว่าพริกเรียนปีสูงกว่าแอนนี่..

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เหอะๆ ทำไมขี้น้อยใจจัง o18

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade

 เจ็บจี๊ดๆ อะเจ็บจี๊ดๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่พริกเอาคืนแรงไปไหมสงสารแอนนี่

ชื่อมีสับสนปนกันค่ะแม็กกับแจ๊ส และมิวกับคิว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ikora

  • บุคคลทั่วไป
พี่พริกเอาคืนแรงไปไหมสงสารแอนนี่

ชื่อมีสับสนปนกันค่ะแม็กกับแจ๊ส และมิวกับคิว

แก้เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากๆค้าบบบบบ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

ออฟไลน์ นิรนาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
พี่พริกไปต่อยแอนนี่ทำมัยอ่าพี่ไปแกล้งเค้าก่อนนะ

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
แอนนี่ของเราโกรธซะแล้ว

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
ทำแอนนี่เจ็บซะงั้น แรงไปนะprick  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ whitefang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
โห ทำไมทำงี้ล่ะพริก อย่าไปยอมนะแอนนี่ :m16:

ออฟไลน์ tra_daday

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :impress3: :impress3: มาต่อยแอนนี่น้อยเค้าทำไมอ่าาาาา งอลลลล  ชอบเรื่องนี้ครับ เป็นกำลังใจให้น่ะ มารอทุกวัน อิๆๆ

ออฟไลน์ minyoung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 417
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม







ไม่รู้จะพูดว่าอะไร แรกๆก็ฮา มาจะบ้าตอนจบเนี่ย อึ้งเลย








แอนนี่จัดให้หนัก เราเชียร์เธออยู่เพราะเราชื่อเหมือนกัน อิอิ

AoR-yayun

  • บุคคลทั่วไป
ค้างงงงงงงงง แอร๊ยย พี่พริกคะ แกล้งน้องเค้าก่อนแล้วจะไปต่อยเค้าทำมายยยยย

ikora

  • บุคคลทั่วไป
แหะๆๆ พริกดูไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่เลยเนอะ เดี๋ยวตอนหน้าจะได้รู้ความคิดของพริกแล้ว อดใจรออีกซักพักนะค้าบบบ

แต่แอบมีดราม่าเยอะอ่ะ ถ้าฮาน้อยๆยังไง ขออภัยไว้  ณ จุดนี้ก่อนนะฮว้าฟ
  :L1: :pig4:



ปล. จริงๆตอนแรกจะให้นิยายนี้มันดราม่านะ แต่ออกมากลายเป็นฮาเลย 55555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
อ้าวววว กลับมาเขียนต่อแล้วเหรอเนี่ย
เรื่องภาษาอังกฤษในบทเนี่ย ผมว่าบางอัน มุกภาษาอังกฤษนะ ถ้าแปลเองเข้าใจ โคตฮาเงิ่บเลย แต่มันก็แล้วแต่คนอ่ะ แปลก็ดีเผื่อคนภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง

ออฟไลน์ naiin

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-9
               แกล้งเค้าแล้วพอเค้าเอาคืนแล้วโกรธ หาความแมนไม่เจอเลย ช่างน่าขำนะ

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ไอ้พี่พริก  :z6:
แม่งทำไมทำตัวงี้วะ ตัวเองไปล้อเขาก่อนแท้ๆ

แอนนี่งอนเลยนะ งอนนานๆเลย ชิชะ

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
กรี๊ด!ไอ้เห้พริก!แค่นี้ต้องต่อยเลยเหรอวะ!!!แม่งเป็นเด็กม.ต้นรึไงถึงโกรธขนาดควบคุมตัวเองไม่ได้น่ะ ห่า!
ขออภัยคนแต่งนะคะถ้าหยาบคายไปนิด แต่เค้าโกรธ แอนนี่ของเค้าโดนรังแกกกกกกกกก :m31:
แอนนี่คะ อย่าไปใจอ่อนง่ายๆ กรุณาโดดถีบขาคู่ก่อนถึงจะใจอ่อนได้นะคะ ฮึ๋ยๆๆๆๆ

ririri

  • บุคคลทั่วไป
เป็นชาวซุ่มมานาน ล๊อคอินเพื่อมาเม้นเลย  อยากบอกว่าสนุกมากเลยเรื่องนี้ แถมได้ฝึกภาษาด้วย อิอิ   :a9:

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
พริกนิสัยเด็กอะ ทำร้ายคนอื่นเวลาไม่พอใจ ไม่ matureเลย

ikora

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกตอนนี้กระแสเกลียดพริกจะเริ่มมาแล้วแหะ  :try2:
แต่เอาจริงๆ คนเขียนเองยิ่งเขียนก็ยิ่งไม่ชอบพริกเหมือนกันอ่ะ ยิ่งตอนล่าสุดนี้ยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ 55555555 (พริก: อ้าวคุณคนเขียน  o18) แต่ยังไงก็นะ ตอนใหม่นี่ ผมตั้งใจจะทำเพื่อให้ข้อคิดกับใครหลายๆคนที่อาจจะทะเลาะกับเพื่อนหรืออะไรก็แล้วแต่เลยละครับ ถือซะว่าไอ้พริกมันเป็นตัวแทนของใครหลายๆคนที่เผลอทำเรื่องแบบนี้ไปก็แล้วกันนะ (จริงๆเรื่องพริกต่อยแอนนี่แอบเอามาจากเรื่องจริงของเพื่อนนิดนึงอ่ะ *w*)








ผมนั่งรอ ยืนรออยู่หน้าห้องของผมอยู่นานเกือบเป็นชั่วโมงแล้ว รอเวลาให้ไอ้คนที่ผมเผลอไปต่อยหน้ามันกลับมาซะที ช่างมันและ รับน้องเย็นนี้ ยังไงผมก็ต้องคุยกับมันให้ได้ ตั้งแต่เมื่อกลางวัน พอผมต่อยมันเสร็จ ผมก็เดินออกมาสงบสติอารมณ์ก่อน ก็มันเล่นเอาเรื่องชื่อผมไปพูดซะให้เสียๆหายๆ มันก็ต้องยั้วะกันบ้างแหละ แต่ตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ผมทำมันไม่ถูก ยังไงก็คงต้องเคลียร์กับมันหน่อยล่ะ...

ไอ้ฝรั่ง... ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกวะ

ติ๊ง

เสียงลืฟต์ดังขึ้นจากอีกฟากของตึก ผมลุกขึ้นยืนเพื่อดูว่าใช่คนที่ผมรออยู่รึเปล่าที่จะออกมาจากลิฟต์แล้วก็พบว่า...

เป็นคุณยายวรนาทที่อยู่ห้องถัดจากผมไปสามห้อง แกยิ้มทักทายก่อนจะถามว่า “ทำไมไม่เข้าห้องไปล่ะจ๊ะพ่อหนุ่ม”

“อ่ออออ พอดีอยากออกมาสูดอากาศนอกห้องน่ะครับ” เป็นการแถที่ดูไร้เหตุผลมาก แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าจะตอบว่ายังไงไม่ให้เป็นเรื่องยาว

แกพยักหน้าแล้วยิ้มตอบ “ระวังมืดๆเข้า เดี๋ยวโดนตะขาบกัดนะพ่อหนุ่ม”

เอ่อออ -_-“ ทำไมต้องตะขาบวะ

ติ๊ง

เสียงลิฟต์ดังขึ้นอีกรอบ ผมจึงหันไป แล้วก็พบว่าไอ้ฝรั่งยืนอยู่ตรงนั้น ถึงตอนนี้อยู่ดีๆในหัวผมว่างเปล่าเลยครับ ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับมันยังไง โดยเฉพาะ ‘มันในตอนนี้’ ที่ดูท่าทาง ไม่มีการโวยวาย ไม่กระโจนเข้ามางับผม ไม่มีอาการว่าอยากจะเดินเข้ามาข่วนผมแต่อย่างใด มีแต่สายตาที่ดูเหมือนจะละเลยการมีตัวตนของผมไปซะแล้ว ถึงตอนนี้ผมก็ยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

ไอ้ฝรั่งเดินมาจนถึงประตูห้องมันแล้ว และผมยังไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว... พูดสิวะไอ้พริก พูดอะไรออกไปซะหน่อยสิ ให้มันรู้ว่าเราก็รู้ว่าสิ่งที่เราทำไม่ถูกต้อง

“อ – เอ่อ หน้ามึงเป็นยังไงบ้าง....” เป็นคำถามที่โง่มากครับ ผมรู้ดี ก็เห็นอยู่ว่าหน้ามันบวมจนจะเป็นเนื้องอกอยู่แล้ว... แต่ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าควรจะพูดอะไร

“........” ผมได้ความเงียบและสายตาดุๆที่ส่งมาเป็นคำตอบ จะพูดอะไรดีวะพริก พูดอะไรที่ทำให้คนตรงหน้ายอมใจอ่อนสิ อะไรซักอย่าง ลองนึกดู

“เอ่อ... มึงยังทำกุญแจหายอยู่รึเปล่า... ไม่งั้นมารอแม่มึงในห้องกูก็ได้”

“It’s alright” มันตอบผมด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมันพูดมาก่อน แล้วมันก็โชว์กุญแจที่ตอนนี้ร้อยมาเป็นสร้อยให้ผมเห็น  “I have mine”

แล้วมันก็หันไปไขประตูเพื่อเข้าไปในห้องมัน ผมพยายามรวบรวมความคิด หาคำพูดที่จะทำให้มันกลับมาเหวี่ยง กลับมาโวยวาย กลับมากวนประสาทผม แต่สิ่งที่ผมทำได้ในตอนนั้นก็เพียงแค่...

“...แอนนี่” ...พึมพำเบาๆในขณะที่มันปิดประตูห้องมันลงตรงหน้าผม

ปัง!!










Chapter 8: ไม่รู้จักโต




“ไอ้พริก” ...............

“ไอ้พริก..” ...............

“ไอ้เชี่ยพริก!!” ใครวะ เรียกอยู่ได้ คนกำลังนึกๆอะไรอยู่ พอหันไปปุ๊บ เหล่าสหายของผมนั่งมองผมด้วยสีหน้าเอือมระอาทันที

“มองอะไรของพวกมึง” ผมถาม

“มองหมามั้งถามได้ ก็มองมึงไง” ไอ้ทรายตอบกวนประสาทอีกตามเคย

“มองกู? แล้วมองทำไมวะ”

“ก็กูเรียกมึงไปเจ็ดแปดรอบแล้ว มึงก็เหม่ออยู่นั่นแหละ” ไอ้แจ๊สตอบ ยังคงมองหน้าผมอย่างพินิจพิเคราะห์ตามสไตล์ของมัน

“อ – อ้าว... เหรอ??”

“ไม่ต้องมาอ้าวเหรอเลยมึง คิดอะไรอยู่ล่ะ” ไอ้ต่อถาม สายตาเพ่งเขม่ง

“คิดถึงเรื่องน้องแอนนี่อยู่อะดี๊” ไอ้แจ๊สเสือกรู้ดี มีการมองผมด้วยหางตาอีกต่างหาก

“ป – ป๊าววว จะไปคิดถึงเรื่องนั้นทำไม๊”

เพี๊ยะ

“เชี่ยทราย ตบหัวกูทำไมเนี่ยะ!” ผมโวยวายถามมัน

“ยังจะมาถามอีก มึงไปต่อยหน้าน้องเค้าแล้วแทนที่จะสำนึกนะ!”

“ก็ – ก็จริงๆ กูก็นึกอยู่แหละว่าจะไปพูดกับมันอยู่เมื่อไหร่ดี” ผมตอบแบบอายๆ เพราะมันเสียฟอร์มครับ ธรรมดาผมเคยง้อใครที่ไหน

“ถ้าคิดแล้ว มึงจะทำยังไงต่อ” ไอ้แจ๊สถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“ก็ยังไม่รู้เลยว่ะ เจ้าตัวก็ไม่ยอมคุยกับกูเลย”

“ก็แล้วมึงไปต่อยหน้าเค้าทำไมล่ะ” ไอ้ต่อถาม

“ก็ตอนนั้นกูปรี๊ดนิ่ อยู่ดีๆเอาชื่อกูไปล้อเลียนกับคนอื่นนี่หว่า”

เพี้ยะ!

“โอ๊ยยย ไอ้ทราย! คราวนี้อะไรมึงอีกเนี่ยะ!”

“ยังจะถามกูอีก ไอ้พริก! มึงนี่มันไอ้หัวกระดอจริงๆว่ะ!ถามหน่อย  มึงเนี่ยนะควรปรี๊ด ได้ข่าวว่ามึงไปกวนตีนน้องเค้าก่อนไม่ใช่รึไง มึงถามคุณผู้อ่านได้เลยว่าใครเป็นฝ่ายกวนประสาทใครก่อน”

“เออ รู้แล้วน่า ก็นี่ไง ถึงหาทางคุยกับมันอยู่เนี่ยะ” ผมตอบไอ้ทรายก่อนจะนึกอะไรดีๆออก “นี่ไง ไอ้ต่อ มึงก็ให้น้องมึงช่วยพาแอนนี่มาหากูหน่อยดิ่”

“เห๊อะ ปัญหามึง มึงก็แก้เองสิวะ” ไอ้ต่อ ไอ้เพื่อนใจร้าย พูดเสร็จมันก็ลุกหนีไปเลย... อ้าว ไอ้ทราย ไอ้แจ๊สก็ลุกด้วย

“อ่าว เห้ย! ไปกันหมดเลย”

“ก็พวกกูมีเรียนบ่ายนี่หว่า บอกให้ลงเรียนด้วยกัน มึงก็เสือกอินดี้ ไม่ยอมลง”ไอ้แจ๊สบอก แล้วจึงเดินตามไอ้ต่อไป

เพี้ยะ!

“มึงตบหัวกูทำไมอีกเนี่ยะทราย!!”

“กูหมั่นไส้มึง” มันตอบหน้ากวนก่อนจะเดินตามไอ้ต่อกับไอ้แจ๊สไปเรียนตอนบ่าย ในขณะที่ผมที่ไม่ได้ลงวิชาเดียวกับพวกมัน ก็นั่งหาทางคุยกับไอ้ฝรั่งต่อไป... จะว่าไป ผมยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่คณะไหน เผื่อวันนี้มันมีรับน้อง ผมจะได้ไปหามันได้

“ไอ้ต่อ!!!” ผมตะโกนเรียกมันก่อนที่มันจะเดินขึ้นตึกวิศวะไป “วันนี้น้องมึงมารับน้องอยู่ป่ะ”

“มา”

“แล้วน้องมึงอยู่คณะอะไรวะ”

“BBA ไง... นี่มึงจะไปหาแอนนี่เลยเหรอวะ?”

“เออดิ่”

“เย้ดดดดด จะเอาจริงแล้วเว้ย” ไอ้แจ๊วยิ้มแฉ่ง

“ต้องอย่างงี้สิมึง!” ไอ้ทรายยิ้มตามพร้อมด้วย เพี้ยะ! ดังๆให้ผม “สู้ๆเว่ย”

“มึงเลิกตีกบาลกูเห๊อะ สมองกูจะไหลอยู่และ” ผมแขวะไอ้ทรายก่อนจะเดินแยกกับเหล่าสหายของผมไป

จากคณะวิศวะของผมไปคณะบัญชีไม่ได้ไกลอะไรมากครับ เดินไปประมาณสิบนาทีก็ถึงพอดี ผมเดินไปที่ตึก BBA ที่อยู่ใกล้ๆกับตึกใหญ่ของคณะบัญชี ที่นี่ค่อนข้างเงียบมาก คงเพราะนอกจากพวกเด็กปีหนึ่งที่มารับน้องแล้ว ปีอื่นๆคงไม่ค่อยมากัน  อีกสิบนาทีน่าจะได้เวลาที่เลิกรับน้องกัน ผมเลยยืนรออยู่ที่ใต้ตึก เพราะเป็นที่ที่พอลงจากลิฟต์หรือบันไดเลื่อนก็ต้องผ่านเสมอ แล้วนั่งรอ ให้ได้เวลาเลิกซะที

.....10 นาทีต่อมา.....

แต่ว่าทำไมถึงยังไม่ลงมากันอีกนะ แปลกจริงๆ มันควรจะได้เวลาลงมาแล้วนี่หว่า นี่นาฬิกาผมก็ตรงเป๊ะนะ ทำไมยังไม่ลงมาอีก

......5 นาทีต่อมา.....

ในที่สุดก็เริ่มได้ยินเสียงคนเดินลงมาจากบันไดแล้ว ลิฟต์ที่ลงมาถึงชั้นล่างเปิดออก เด็กปีหนึ่งหลายคนเดินแห่กันออกมาจากลิฟต์ รวมถึงบันไดที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ผมพยายามชะเง้อมองหาคนที่ผมต้องการจะเจอมากที่สุดในตอนนี้ แต่ผมก็หาไม่เจอซะที จนในที่สุด บริเวณใต้ตึก BBA ก็กลับมาไร้ผู้คนอีกครั้ง... และผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของเด็กฝรั่งหัวฟู ผมบลอนด์ที่ผมอยากเจอเลยแม้แต่นิดเดียว

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเดินออกจากตัวตึกไป แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงคุยดังขึ้นอีกรอบ ถึงผมจะฟังไม่ออก แต่สำเนียงและเสียงนั่น ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปที่ตึก พอดีกับที่คนที่ผมอยากเจอเดินมาเจอกันพอดี จนหน้าเราทั้งคู่เกือบชนกัน

“เฮ้ แอนนี่” ผมเริ่มทักทาย แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่ง มองผมด้วยสายตาเย็นชา ไอ้น้องต้นที่ยืนอยู่ข้างก็ทำสีหน้าบุญไม่รับเมื่อเห็นผมเช่นกัน ส่วนเด็กพั้งค์อีกคนหนึ่งนี่ผมไม่รู้ว่าใครแต่ –

- aaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaa!!!!!

- โอ้ เพลงเฮวี่เมทัลดังมาจากไหนเนี่ยะ

“เอ่ออออ Can I talk to you?” ผมหันกลับมาถามแอนนี่ (เสียงเพลงเมทัลหายไปแล้วแหะ)

“No” มันตอบเสียงเรียบ

“Why?”

“Because I still have a thought inside me” ...มีความคิดบางอย่างอยู่งั้นเหรอ??

“ความคิดอะไร?”

“You now, thought about punching you in the face and kicking your balls until you scream like a dog being slit its throat.” โอเค ผมแปลไม่ออกครับ รู้เรื่องแค่อยากต่อยหน้ากับเตะไข่ผม แถมพวกเสียงโหดซะด้วย

“That’s metal” ไอ้เด็กพั้งค์พูดแล้วยิ้มมุมปาก –aaaaaaaaaaaaaaaaaaa!!!! แล้วเพลงแบ็คกราวน์ก็มาอีกและ

“น่า แอนนี่ กูขอเวลาคุยแปบเดียวเอง”

“Fuck off, Prick. Before I do what I just said.”

“พี่พริกอย่าเพิ่งคุยดีกว่าครับ อย่างที่แอนนี่มันบอก ตอนนี้มันยังปรี้ดอยู่” ไอ้ต้นเสริม ซึ่งผมเองก็จะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากพยักหน้าแล้วปล่อยให้ไอ้ฝรั่งกับเพื่อนๆมันเดินไป

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เด็กพั้งค์นั่นหันมาทักผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งแน่นอนว่าเพลงเมทัลดังขึ้นอีกครั้ง (ให้ตายสิ! ใครเปิดเพลงอะไรกรอกหูจากไหนวะ!!!)

“Oh, by the way.” ไอ้ฝรั่งหยุดหันมามองผม “Forget all about the language lesson ‘cause, you know, I don’t give a single fucking fuck”

อื้อหือ ฟักซะเยอะเชียวพ่อคุณ กะเอาซะหลายรอบเลยรึไง เฮ้อออออ

โอเคครับ ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่า มันโกรธมากแค่ไหน เพราะนอกจากท่าทีเย็นชาแล้ว มันยังดูร้ายกับผมไปเลยด้วย... ร้ายจนผมเองรู้สึกแปลบๆมาก ใจนึงก็อยากเข้าไปกระชากมันเข้ามาคุยให้รู้เรื่อง แต่อีกใจนึงผมก็เข้าใจครับว่าทำไมมันถึงทำอย่างนี้ มันเป็นเพราะผมเองที่คุมอารมณ์ไม่อยู่...

ผมยอมรับว่าผมเครียดเรื่องจัดกิจกรรมรับน้อง เพราะผมเองก็เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในหลายๆเรื่อง แต่ผมก็ควรจะแยกแยะออกในเรื่องอารมณ์ แล้วที่ไอ้ทรายพูดก็ถูก ผมเป็นฝ่ายหาเรื่องแอนนี่ก่อน แต่ตอนนี้ประเด็นอีกอย่างคือ ผมขอโทษไม่เป็น... คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ ผมไม่เคยขอโทษใครมาก่อน มันไม่ใช่วิถีผมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และผมก็ไม่รู้จะทำยังไงด้วย

*********************************************************************************

“กาก” คำพูดจากเพื่อนๆผมซึ่งประสานเสียงพร้อมๆกันเหมือนวงออร์เคสตร้าหลังจากที่ผมเล่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันให้พวกมันฟังในตอนเย็น ซึ่งตอนนี้ พวกเราก็กำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ที่แม็คโดนัลที่พารากอนครับ

“แทนที่มึงจะพูด ‘ขอโทษ’ เลยเนี่ยะ มันจะเป็นอะไรไปวะ” ไอ้ต่อแยกเขี้ยว

“มันง่ายซะทีไหนล่ะวะ พวกมึงก็รู้ว่ากูเคยพูดคำนี้ซะเมื่อไหร่... ยกเว้นกับพ่อแม่”

“มึงก็นึกว่าน้องเค้าเป็นพ่อแม่ดิ่วะ” ไอ้ทรายแนะนำ

“เป็นคำแนะนำที่สมควรมากครับทราย” ไอ้แจ๊สประชด

“แล้วไม่งั้นจะให้ไอ้พริกมันทำยังไงล่ะ แม่งก็ทำตัวปี๋(หิด)อยู่อย่างงี้อ่ะดิ่”

“ก็บอกแล้วววว พวกมึงช่วยกูหน่อย แบบ ไปบอกไอ้ฝรั่งก็ได้ว่า กูเสียใจ” ผมเริ่มงอแง

“ตลกแล้วไอ้พริก ทำอย่างงั้นมันจะมีความหมายอะไรวะ” ไอ้แจ๊สหันมาพูดเสียงจริงจัง

“ปีสองแล้วนะมึง ทำตัวให้มันสมกับอายุด้วย ไม่ใช่มาทำตัวเป็นเด็กม.ต้น ผิดมึงก็ยอมรับผิดดิ่” ไอ้ต่อเทศน์

“แมนๆหน่อยมึง แค่เรื่องไปต่อยเค้าก่อนนี่ก็ไม่แมนอยู่และ” ไอ้ทรายเสริมทัพ เอาเข้าไปครับ แต่ละคน แทบจะกินหัวผมอยู่แล้ว

“เฮ้ย ไอ้พริก มึงดูนู่น” ไอ้ต่อเรียกผมให้มองไปทางทิศที่มันมอง บร๊ะจริงๆครับ บังเอิญหรือฟ้าช่วยผม ไอ้ฝรั่งมันมาเดินเล่นพาราก้อนพอดี แถมมาคนเดียวด้วย อย่างงี้เข้าถึงง่ายหน่อย

“ไปเลย ไอ้พริก” เสียงไอ้แจ๊สเชียร์ ซึ่งตอนนี้เอง ผมก็ไม่รอช้าแล้วครับ รีบลุกขึ้นเดินไปหาไอ้ฝรั่งทันที

“Oh shit” มันครางในลำคอทันทีที่เห็นผม

“ซั่บดู้ดดดดด” ผมทักทายอย่างกวนๆ “ฮาวยู่ แหมน”

“.......” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก... แป้กแล้วกู แค่เริ่มมาก็เน่าแล้ว

 เอ่อๆๆๆ แล้วจะพูดอะไรต่อดีวะ

“เอ่อออ มาคนเดียวหรอวะมึง”

“Nahh” มันตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เอาวะอย่างน้อยก็ยังตอบ

“อ่าว แล้วคนอื่นล่ะ”

“Upstaires” โอเค อยู่ชั้นอื่น

“งั้น... เดี๋ยวกูเดินเป็นเพื่อนให้เอามะ”ผมฝืนยิ้มแฉ่ง

มันหันมายิ้มให้ผมแบบกว้างสุดๆก่อนจะหุบลง “No. Thank you.”

แล้วมันก็เดินหนีผมไปที่บันไดเลื่อน เวรล่ะครับ ผมทำอะไรไม่ถูกและครับ ถึงคราวหันไปหาเพื่อนๆผมที่นั่งหน้าแทบจะติดเป็นหนึ่งเดียวกับกระจกร้านแม็คฯ พวกมันก็ทำท่าทำทางเป็นเชิงให้ผมเดินตามไอ้แอนนี่ไป ผมก็

“เอาล่ะวะ” ผมถอนหายใจแล้วรีบเดินตามมันไป โดยที่ตอนแรกมันก็ไม่ได้สังเกตหรอกว่าผมตามมันมา จนกระทั่งมันขึ้นบันไดเลื่อน

“Urrrrgh. Can you just fuck off and leave me alone, please” มันพูดอย่างหมดความอดทนเมื่อหันมาเห็นผม

“ก็ได้” ผมตอบแล้ววิ่งขึ้นไปที่บันไดขั้นเหนือกว่ามัน “แต่มึงต้องคุยกับกูก่อน”

“No way”

“ถ้างั้นกูก็จะเดินตามมึงไปเรื่อยๆนี่แหละ แต่กูจะพูดไปด้วย”

“Whatever” มันพูดเมื่อมาถึงชั้นบน และพยายามเดินเร็วๆให้พ้นผม แต่มีเหรอผมจะไม่ทัน ในเมื่อผมตัวใหญ่กว่ามันอีก

“ฟังนะ แอนนี่ เรื่องของเรื่องก็คือ กูเครียดเรื่องรับน้อง แล้วพอตอนนั้นมึงโผล่มาพอดี กูก็แค่อยากจะกวนมึงเล็กน้อย แต่พอมึงกวนกูกลับ กูก็ปรี้ดจัดเพราะเรื่องรับน้องอยู่แล้ว กูไม่ได้มีเจตนาจะทำจริงๆ กูก็ตกใจเหมือนกันที่กูทำไปอย่างนั้น เข้าใจกูหน่อยสิวะ”

“How am I supposed to understand?” มันหยุดแล้วหันกลับมามองผมด้วยสีหน้าหงุดหงิดสุดๆ “You embarrassed me first. (คนเขียน: embarrass แปลว่าทำให้อายจ้า คำนี้แอบยากอยู่) And when I embarrassed you, you PUNCH me. Is there anyway I can understand?”

ผมอ้ำอึ้งครับ... ไม่ใช่เพราะผมฟังไม่รู้เรื่องนะ แต่เพราะทุกสิ่งที่มันพูดมามันถูกหมด ใช่ มันจะเข้าใจได้ยังไงในเมื่อผมเป็นฝ่ายทำมันพังหมด

“แอนนี่ มึงน่าจะเข้าใจสิว่ากูรู้สึกยังไง” นั่นคือคำพูดที่ผมตอบเพราะไม่รู้จะตอบว่ายังไง

“Say it. Say how you feel.”

“ห๊ะ ค – คือ มึงก็น่าจะรู้น่า”

“Right. I know. I know that when I ate that spicy Tom Yum Kung and I’m angry, you’re not even say sorry to me. When I waited for your unreasonable situation (situation แปลว่า สถานการณ์คร้าบบ) with your mom and dad in the pool for three hours, you don’t even say you’re sorry.” มันเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ “And now, even when you hurt me, don’t you have anything to say?”

“มันจะไม่เกิดขึ้นอีก กูสัญญา” ผมพูดด้วยเสียงจริงจัง “มึงจะไม่เจ็บตัวอีก”

“Is it?” มันยิ้มมุมปากแล้วชี้ไปที่แก้มข้างที่ยังคงบวมของมัน “Touch this.”

“ห๊ะ?”

“Touch this.”

“เอ่ออออ เอาจริงดิ่” ผมถามด้วยสีหน้างุนงง ซึ่งมันก็พยักหน้าหงึกๆ

ผมเอานิ้วค่อยๆเลื่อนเข้าไปจิ้มแก้มมัน จนบุ๋มลงไปเล็กน้อย แล้วมันก็กระโจนพร้อมเอามือไปปิดแก้มมันทันที

“Aww!!! It hurts!!” แล้วมันก็หันมามองผม “Now, you hurt me again and you promised! ”

“เฮ้ย! แต่มึงบอกให้กูไปจิ้มนะ!” งงสิครับ ก็มันบอกให้ผมไปจิ้มแก้มมันเองนี่หว่า

“That’s not  excuse. And wrong answer for what you have to say.” มันตอบยิ้มๆแล้วเดินไปทางน้ำพุทางเข้าห้าง

“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิมึง เรายังคุยกันไม่ –“

ตู้ม! ซ่า!

ยังไม่ทันที่พูดจบประโยค ผมก็สะดุดเท้าตัวเองแล้วล้มกลิ้งลงไปในน้ำพุ ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของผู้คนแถวนั้น ผมเห็นแอนนี่หันมามองผมซักพัก แล้วจึงเดินหายไป แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างก็เข้ามาช่วยดึงผมขึ้นจากน้ำ

ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมควรทำยังไง คำพูดของไอ้ฝรั่งยังก้องอยู่ในหัวผม

“And now, even when you hurt me, don’t you have anything to say?”

ใช่ ผมมันทำตัวงี่เง่ามาตลอด ไม่รู้จักโต ไม่รู้จักแยกแยะ แถมยังไม่รู้จักขอโทษอีก

ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ที่เพื่อนผมบอก ที่แอนนี่โมโห ผมทำมันพังเอง และผมรู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อไป...

หลังจากเช็ดตัวให้แห้งและเล่าให้เพื่อนๆฟังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ผมกับเพื่อนก็แยกย้ายกลับ โดยที่ผมยังอยู่ในสภาพเปียกปอนอยู่นิดๆ

”แล้วมึงจะเอายังไงล่ะทีนี้” ไอ้แจ๊สถาม ตอนที่พวกเรากำลังจะแยกย้ายกัน

“ท่าทางแอนนี่จะโกรธหนักซะด้วย” ไอ้ทรายพูดสีหน้าจริงจัง

”กูก็จะทำในสิ่งที่กูควรจะทำไปนานแล้วไง” ผมตอบ

”ยังไงวะ” ไอ้ต่อถาม

”ไปขอโทษมัน แต่กูต้องขอให้พวกมึงช่วยด้วยนะ”

”ไอ้พริก ก็กูบอกแล้วไงว่า -” ไอ้ต่อทำท่าจะเทศน์ แต่ผมเบรคมันไว้ก่อน

”เปล่าๆ เรื่องขอโทษ เดี๋ยวกูเป็นคนบอกแอนนี่เอง แต่พวกมึงต้องช่วยอะไรกูซักหน่อย”

เพื่อนๆของผม ทำหน้างงกันหมดครับ ผมจึงบอกพวกมันไปว่า

”พวกมึงฟังเพลงกันบ่อยป่ะวะ”





To be continued





ตอนหน้า พริกจะง้อแอนนี่ได้หรือไม่ แล้วพริกจะขอโทษแอนนี่ยังไง แล้วเกี่ยวอะไรกับการฟังเพลง หึหึหึหึหึหึหึ  :interest:

ออฟไลน์ singalone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ง้อให้ได้นะพริก อิอิ o13 o13 o13

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
พริกกี้  เราเชียร์เธออยู่นะ
สู้ๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด