เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๓๑ ๑๘/๐๕/๒๕๕๕ (จบแล้วคร๊าบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๓๑ ๑๘/๐๕/๒๕๕๕ (จบแล้วคร๊าบ)  (อ่าน 451987 ครั้ง)

ออฟไลน์ anukul

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-6
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #60 เมื่อ05-01-2012 09:39:46 »

รออยู่นะครับ  เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะครับ  รีบๆมาละ

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #61 เมื่อ05-01-2012 13:54:51 »

ขอบคุณมากๆ  :L2:

nacc

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #62 เมื่อ05-01-2012 17:01:28 »

รอ  :undecided: 

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #63 เมื่อ05-01-2012 18:05:08 »

สนุกมากกก เริ่มอยากเห็นฉากsm(จะมีมั้ย)

แต่ค้างอ่ะ

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #64 เมื่อ05-01-2012 18:20:04 »

 :L2:

แสนเสน่หา

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #65 เมื่อ05-01-2012 21:18:15 »

สนุกมากกก เริ่มอยากเห็นฉากsm(จะมีมั้ย)

แต่ค้างอ่ะ

ฉากsm จะมีไม่มี ก็ต้องรอลุ้นแหละครับ
จะsm หรือแค่ncธรรมดา ต้องติดตามนะ อิอิ

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #66 เมื่อ05-01-2012 21:23:48 »

กำลังรออ่านให้ทันตอนเก่า ก็เหลืออีกหลายตอนเลยอะ
อาจจะเพราะเราอ่านจากตอนเก่ามา แล้วกำลังรอให้ทันตอนเก่า เราเลยรู้สึกว่าคุณนักเขียนอัพช้าจัง
เราเลยไม่ค่อยได้กระตือรือล้นที่จะมาเช็คสักเท่าไหร่ ขออภัยมาณที่นี้ เราชอบเรื่องนี้มาตั้งแต่อ่านครั้งแรกๆแล้ว
แต่หยุดไปนานเลยเกิดอารมณ์หมดไฟนิดหน่อย ยังไงก็จะรอให้ถึงตอนล่าสุดไวไว ยังไงก็จะติดตามอ่านจนจบเรื่องจ๊ะ

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #67 เมื่อ05-01-2012 22:15:48 »

เอ่อออ

ทำไมตอนนี้มันค้างจัง
หวังว่าพ่อคงไม่ตายนะ

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #68 เมื่อ05-01-2012 22:17:02 »

อยากเห็นsmด้วยคนค่ะหึๆ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #69 เมื่อ06-01-2012 10:57:20 »

น้องซนใกล้จะได้ฤกษ์ไปบ้านพี่เทียนซะที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
« ตอบ #69 เมื่อ: 06-01-2012 10:57:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ j4c9y

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-7
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #70 เมื่อ06-01-2012 14:01:15 »

สู้ๆครับ

แสนเสน่หา

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #71 เมื่อ07-01-2012 07:21:46 »

กำลังรออ่านให้ทันตอนเก่า ก็เหลืออีกหลายตอนเลยอะ
อาจจะเพราะเราอ่านจากตอนเก่ามา แล้วกำลังรอให้ทันตอนเก่า เราเลยรู้สึกว่าคุณนักเขียนอัพช้าจัง
เราเลยไม่ค่อยได้กระตือรือล้นที่จะมาเช็คสักเท่าไหร่ ขออภัยมาณที่นี้ เราชอบเรื่องนี้มาตั้งแต่อ่านครั้งแรกๆแล้ว
แต่หยุดไปนานเลยเกิดอารมณ์หมดไฟนิดหน่อย ยังไงก็จะรอให้ถึงตอนล่าสุดไวไว ยังไงก็จะติดตามอ่านจนจบเรื่องจ๊ะ


ใจเย็นครับ เหลืออีกไม่กี่ตอน เพราะว่าได้เอาหลายๆ ตอนมารวมเป็นตอนเดียว มันจะได้ยาวขึ้น
ยังไงก็อ่านตอนเก่าๆ ไปก่อนนะครับ ขอบคุณที่ติดตามเน้อ

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #72 เมื่อ07-01-2012 08:12:44 »

ชอบแนวนี้...><

แสนเสน่หา

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๕ ๐๓/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #73 เมื่อ08-01-2012 14:22:15 »

ตอน๖ ฐานะเชลย

ในเวลานี้ผมไม่อยากจะนึกโทษใคร
นอกเสียจาก ‘ความโลภ’


 “ซน ลูก”
   
ถ้าผมมีปืนสักกระบอกอยู่ในมือ ผมจะไม่ลังเลที่จะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายเลย
เขาสั่งให้ลูกน้องของเขาคุมตัวพ่อผมเอาไว้ มีคนหนึ่งคอยเอาปืนจ่อหัวเหมือนกับว่าเอาพ่อผมเป็นตัวประกัน
   
นายเทียนยืนกอดอกมองลูกน้องที่เขาสั่งงานอย่างไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร
   
“คุณหนู”
   
“นม”
   
แม่นมก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากพ่อ แต่เขาเอาแม่นมไว้อยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง
ร่างท้วมสั่นด้วยความตื่นกลัว ขนาดคนแก่เขายังเอาปืนจ่อหัว
ถ้าแม่นมหัวใจวาย ผมไม่ปล่อยพวกเขาให้รอดไปจากบ้านผมแน่
   
“ปล่อยพ่อกับแม่นมฉันเดี๋ยวนี้” ผมตวาดสั่งลั่นบ้าน
   
พวกเขากลับนิ่งเฉยไม่มีใครสนใจ ปล่อยให้คำพูดผมเป็นเพียงลมที่ผ่านหูไปเท่านั้น
นายเทียนออกคำสั่งให้ลูกน้องเอาแม่นมมานั่งบนโซฟาข้างๆ พ่อ
โดยมีลูกน้องในชุดดำสนิทหน้าเหี้ยมยืนเอาปืนจ่อหัวคุมไม่ให้ขยับหนีไปไหน
   
ส่วนผมยืนประจันหน้ากับเจ้าพ่อตัวดีที่กล้ามาเหยียบถิ่นผมถึงที่นี่
   
“สมใจที่อยากจะกลับบ้านมาเห็นสภาพนี้หรือยัง” เสียงเรียบเอ่ยถามขึ้นมา
   
“นายรีบปล่อยพ่อกับแม่นม แล้วออกจากบ้านฉันไปเดี๋ยวนี้
ก่อนที่ฉันจะไม่ปล่อยให้พวกนายมีชีวิตรอดออกจากบ้านฉันได้แม้แต่คนเดียว”
   
เขาแสยะยิ้มออกมา แล้วใช้มือหนาเอื้อมมาบีบปากผมอย่างแรง
ปากผมอ้าออกจากกันด้วยความเจ็บตามแรงกดของนิ้ว แล้วเขาก็เอ่ยปากพูดออกมาอย่างชัดเจน
   
“ยังจะปากดีอีก คงไม่รู้สินะว่าตอนนี้ที่นี่เป็นของใคร”
   
ผมใช้แรงเท่าที่มีปัดมือเขาออก ปวดแก้มชะมัด บีบมาได้เต็มแรง ทำอย่างกับว่าผมไม่ใช่คน
แล้วที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร ที่นี่ ที่บ้านหลังนี้ มันก็เป็นของผม เป็นของพ่อ ของต้นตระกูลผม
แต่ที่เขาพูดแบบนี้เขากำลังจะหมายถึงอะไร
   
“ซน พ่อขอโทษ ซน พ่อ...”  พ่อพูดด้วยสายตาแดงกล่ำ ผมไม่อยากหันหน้าไปมองพ่อตอนนี้เลย
เหมือนกำลังมีลางสังหรณ์ว่าสิ่งที่ไม่ดีกำลังมาเยือนชีวิตผมอยู่
   
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พ่อ มันเกิดอะไรขึ้น”
   
ทุกคนอยู่ในความเงียบ ไม่เว้นแม้แต่พ่อผม ที่ไม่ยอมปริปากตอบผมมา เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างเดียว
แม่นมก็ได้แต่ร้องไห้ น้ำตาไหลไม่มีหยุด
ส่วนนายเทียนก็หันไปมองพ่อผมด้วยสีหน้ามีความสุข ต่างจากผมที่หายใจไม่ทั่วท้อง
อยากจะพูดก็เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ อยากจะร้องไห้ตามแม่นมแต่น้ำตามันก็ไม่ไหลออกมา
   
“บอกลูกคุณไปสิคุณไพโรจน์ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณ กับสมาคมของคุณ”
   
“พ่อขอโทษลูก ซน...พ่อ พ่อผิดไปแล้ว พ่อน่าจะเชื่อลูก”
   
“หมายความว่าไง นี่มันหมายความว่ายังไง” ผมหันไปตะคอกถามคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า
   
“หึ เข้าใจอะไรยากเย็นเหลือเกิน ก็สมาคมของนายจะเหลือแต่ชื่อแล้วน่ะสิ
ตอนนี้พ่อนายล้มละลาย ธุรกิจทั้งหลายก็ถูกปิด หมดอำนาจ แถมยังติดหนี้อีก”
   
“เป็นไปไม่ได้” มันจะเป็นไปได้อย่างไร ใครก็ได้ช่วยแย้งทีว่าที่ไอ้หมอนี้พูดเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ 
   
“เป็นไปได้สิ ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าฉันสั่งให้เป็น”
   
ผมอ้าปากค้าง พูดอะไรต่อไม่ออก ประธานสมาคมคนใหม่ผู้อ่อนหัดที่พ่อผมเคยดูถูกดันรู้ทันแผนการทั้งหมด
แล้วกลับมาตลบหลังแค่ไม่กี่วัน เป็นการแก้แค้นของเจ้าพ่อมือใหม่ที่ทำให้คนในสมาคมผมแทบกระอักเลือดได้
โดยไม่มีการทำร้ายร่างกาย ถ้าเป็นสมาคมอื่นโดน ไม่พ่อก็ผมจะเอ่ยปากชมแผนการลึกล้ำขนาดนี้
แต่สมาคมที่โดนกลับเป็นสมาคมผมนี่เอง
   
ผมไม่รู้รายละเอียดหรอกว่าเขาเล่นงานสมาคมผมด้วยวิธีไหน รู้เพียงว่าเขาเล่นปิดธุรกิจพ่อผมจนหมด
กุมอำนาจทั้งหมดไว้ที่เขา ทำให้พ่อผมล้มละลายได้ภายในไม่กี่วันหลังพ่อผมเริ่มแผนการ
แล้วทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวผมก็ถูกโอนไปเป็นของเขา จนครอบครัวผมไม่เหลืออะไร
แม้แต่สมาคมและอำนาจ
   
ในเวลานี้ผมไม่อยากจะนึกโทษใคร นอกเสียจาก ‘ความโลภ’
เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่อย่างเจ้าพ่อไพโรจน์ จะต้องมาตกม้าตายง่ายๆ จากเดิมที่พ่อเป็นคนรอบคอบ ไม่ประมาทสักแผนการเดียว
แต่เพราะความโลภนี่แหละ ที่ทำให้พ่อรีบร้อน ด่วนตัดสินใจแบบนี้
   
“นายต้องการอะไรอีก ถ้าชีวิต ก็เอาของฉันไปคนแรกเลย อ๋อ! อย่าลืมเอาปืนใส่ลูกกระสุนนะ”
   
“ไม่นะคุณหนู คุณหนูอย่าพูดอย่างนั้น อย่าทำอะไรคุณหนูนะ” แม่นมคร่ำครวญบอกด้วยน้ำตา
   
จะทำอย่างไรได้ล่ะแม่นม ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว ไ
ม่เว้นแม้กระทั่งแม่นม พ่อ หรือตัวผม ผมจะไม่โทษใคร จะไม่โทษพ่อ จะไม่โทษตัวเอง
เพราะผมเชื่อว่าทุกคนทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องและดีที่สุดทั้งนั้น
   
ผมเคยบอกว่าไม่อยากตายด้วยน้ำมือศัตรู แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถเลือกวิธีการ หรือที่ตายได้
ผมขอทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองไว้บ้านหลังนี้ ให้คนที่ขึ้นชื่อว่าศัตรู คนที่เอาทุกสิ่งทุกอย่างผมไปเขายิงกระบาลทิ้งเสีย
เอาให้สะใจกันไปข้างหนึ่งเลย
   
“อยากตายด้วยปืนกระบอกไหน เลือกมาเลยสิ” มันยิ้มเยาะ
   
“อย่านะ แกอย่าทำอะไรลูกฉันเป็นอันขาดนะ” พ่อพยายามลุกขึ้นมาช่วย แต่ถูกลูกสมุนที่คุมตัวอยู่จับตัวไว้ แล้วเอาปืนกดจ่อเข้าที่หัวให้นั่งลงเหมือนเดิม
คนเป็นพ่อคงทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกในสภาพเสี่ยงตายแบบนี้
ก็เหมือนกับลูกที่ทนเห็นสภาพพ่อและแม่นมตัวเองถูกเอาปืนจ่อหัวไว้อย่างนี้ไม่ได้หรอก
   
“ขอร้องง่ายดีนะ แล้วตอนที่คุณทำกับผมล่ะ ห๊ะ คุณไพโรจน์”
   
“แต่ฉันก็ไม่ได้คิดฆ่าแกเลยนะ”
   
“หึ งั้นหรอ ก็ได้ ความจริงผมก็ไม่ได้คิดจะมาฆ่าใครตั้งแต่แรก แค่คิดจะมาโปรดสัตว์”
   
“สัตว์พ่อแกสิ” ผมสวนกลับทันควัน
   
~ผัวะ~
   
ผมโดนหมัดหนักของเขาสวนกลับมาทันทีที่พูดจบ มันรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน
หน้าหันเบ้ไปตามแรงหมัด เลือดซึมออกจากปากหน่อยๆ หมัดหนักใช่เล่น ต่อยมาได้จนปากแตก
คิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วจะรังแกได้อย่างเดียวหรอ
คอยดูเถอะ ถ้าเขาปล่อยให้ผมรอดไป จะถึงตาผมเอาคืนบ้าง เจ้าพ่อใหญ่ทิวากร

ผมสะบัดหน้ากลับมามองคนตัวใหญ่ที่ปล่อยหมัดออกมาด้วยสายตาอาฆาตแค้น
   
“คุณหนู ฮือ คุณหนู” แม่นมร้องไห้จนตัวสั่นเมื่อเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากปากผม
   
“ผมจะมายื่นข้อเสนอ แลกกับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดที่คุณเคยมี เพราะผมก็ไม่ได้ต้องการของๆ ใครเหมือนกับคุณ”
เสียงเขาราบเรียบจนน่าขนลุก ผมยืนจับแผลที่มุมปากแล้วฟังคำที่เขาเสนอพ่อผม
   
“แกคิดจะทำอะไรทุเรศอีก” พ่อถามอย่างสงสัย
   
“ใครกันแน่ที่ทำเรื่องทุเรศไว้ครับคุณไพโรจน์ สิ่งที่ผมจะแลกเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกก็คือลูกชายคุณ”
นิ้วเรียวยาวชี้มาที่ตัวผม เล่นเอาผมตกใจอยู่ไม่น้อย
   
“ไม่นะ แกห้ามทำอะไรลูกฉันเป็นอันขาด”
   
“ผมไม่ฆ่าเขาหรอก แต่ในเมื่อคุณคิดจะเล่นงานสมาคมผม ผมก็จำเป็นต้องมีตัวประกันไว้
โดยรับเข้าไปไว้ในบ้าน ในฐานะคนรับใช้”
   
“ลูกฉัน ไม่ใช่พวกไพร่ที่ไหนถึงจะขายตัวเป็นทาสรับใช้ได้” พ่อพูดขึ้นมาอย่างเหลืออด ผมก็เดือดไม่แพ้พ่อ
เขาคิดจะแก้แค้นคืนด้วยการย่ำยีศักดิ์ศรีตระกูลผมให้ป่นปี้ไปกว่านี้หรอ
   
“อะไรกัน ยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย แต่ทำตัวเป็นพวกไร้การศึกษาไปได้ เดี๋ยวนี้เขาเลิกมีการขายตัวเอาไปเป็นทาสกันแล้ว
ไม่ได้เรียนมาหรือไง”
   
“ยังปากดีได้เหมือนวันนั้นเลยนะ แต่ขอให้ปากดีได้ตลอดไปเถอะ อีกอย่างฉันจะเอานายไปเป็นคนรับใช้ ไม่ใช่ทาส”
   
“คนรับใช้กับทาสมันต่างกันก็จริง แต่ถ้าได้ไปอยู่กับนาย มันก็คงมีความหมายเหมือนกัน”
   
“หรือจะไม่เป็นก็ตามใจ ฉันอุตส่าห์มีตัวเลือกมาให้พวกนายเลือก ศักดิ์ศรีแลกกับล้มละลาย หมดตัว แถมยังติดหนี้ฉันอีกนะ”
   
“ฉันไม่มีทางให้ลูกฉันไปเป็นคนรับใช้ใครทั้งนั้น ฉันยอมล้มละลาย ติดหนี้แก แต่ห้ามเอาลูกฉันไป
ห้ามแตะต้องลูกฉันเป็นอันขาด” คำตอบของพ่อผมเรียกเสียงหัวเราะให้กับนายเทียน
มันตลกมากหรือไง
   
“ก็แล้วแต่นะคุณไพโรจน์ งานนี้คุณเลือกเอง แต่จะว่าไป นอกจากล้มละลาย ติดหนี้แล้ว
ยังมีสมาคมที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่บรรพบุรุษจะต้องถูกยุบลง มารวมตัวกับสมาคมที่เป็นคู่แข่งอย่างสมาคมผม
แต่เอาเถอะ ยังไงนี่ก็เป็นทางเลือกของคุณ ผมให้สิทธิ์คุณเลือกแล้ว”
   
พ่อผมยอมล้มละลาย ยอมทิ้งอำนาจ ยอมเป็นหนี้เขาเพื่อไม่ให้ผมลำบาก ผมก็เคารพในการตัดสินใจของพ่อ
แต่นี่เขาหมายจะเอาสมาคมผมไปด้วย ไปอยู่ใต้อำนาจของเขา สมาคมที่เป็นของตระกูลผม ถูกก่อตั้งมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
ถ้าจะต้องมาสูญเสียสมาคมที่บรรพบุรุษก่อตั้งมาช้านาน รวบรวมอำนาจไว้มากมาย
ผมคงทนเห็นไม่ได้ ผมจะเป็นคนเห็นแก่ตัวไม่ได้ ผมต้องช่วยพ่อ ช่วยสมาคมตัวเองให้ถึงที่สุด
   
“ฉันยอมเป็นตัวประกันให้กับนาย ยอมเป็นคนรับใช้ที่บ้านนาย” ผมพูดโผงออกไป
ทำเอาทั้งพ่อ ทั้งแม่นม รวมถึงเขาสะดุ้งตกใจกันไปตามๆ กัน
   
“ไม่นะลูก ไม่ พ่อเสียทุกอย่างได้ แต่พ่อเสียลูกไม่ได้”
   
“ไม่เป็นไรครับพ่อ ผมไม่ได้ไปตายสักหน่อย พ่อยังมีผมอยู่ ตกลงฉันจะไปกับนาย
แต่นายต้องคืนทุกสิ่งทุกอย่างตามที่สัญญา”
   
“อะไรกัน เมื่อกี้คนเป็นพ่อปฏิเสธ แต่ตอนนี้คนเป็นลูกกับยอมรับเงื่อนไข เอาให้แน่สิ”
   
“ไม่...” พ่อผมพูดขึ้นมา แต่ผมพูดแทรกขัดเสียก่อน
   
“ฉันตกลง นายจะเอาฉันไปเป็นคนรับใช้ เป็นทาส เป็นตัวประกัน หรือเป็นเชลยก็ได้
ฉันยอมทุกอย่าง แต่นายต้องคืนทุกสิ่งทุกอย่างมาเดี๋ยวนี้”
   
“เอายังไงครับคุณไพโรจน์ ลูกชายคุณยอมรับข้อเสนอนี้แล้ว คุณจะว่ายังไง” นายเทียนหันไปถามพ่อผม

สีหน้าพ่อผมบอกบุญไม่รับ แววตาเศร้าทอดยาวมองมาที่ผม ผมเห็นนัยน์ตาแดงกล่ำของพ่อก็ยิ่งสะเทือนใจ
แต่ผมทำอะไรไม่ได้มาก ได้แค่ฉีกยิ้มออกน้อยๆ แล้วพยักหน้าให้กับผู้เป็นพ่อพร้อมน้ำตาที่หน่วงบริเวณรอบตา
ตอนนี้มีแค่สอง ทางเลือก แล้วที่ผมตัดสินใจไป คงเป็นทางที่เหมาะสมที่สุด

“ตามนั้น” พ่อตอบสั้นๆ แล้วก้มหน้าลง ผมไม่รู้ว่าพ่อจะคิดอย่างไร
แต่ขอให้รู้ไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำไปก็เพื่อพ่อ เพื่อสมาคม และเพื่อทุกๆ คนที่จงรักภักดีเรา

“ดี แล้วหวังว่าคุณจะไม่ตุกติกนะคุณไพโรจน์”

“หึ แล้วนายไม่กลัวฉันจะแอบล้วงความลับของสมาคมนายมาบอกพ่อฉันหรือไง”

“ถ้านายกล้าก็เชิญ แต่อย่าลืมนะว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือฉัน ถ้านายตุกติกก็ต้องมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซ้ำสอง
แต่ครั้งหน้าคงไม่มีทางเลือกให้แบบนี้ ส่วนคุณไพโรจน์ ถ้าคุณคิดตุกติก เล่นแง่คิดร้ายต่อสมาคมผมเหมือนอย่างนี้
หรือคิดจะชิงตัวลูกชายคุณไป ลูกชายคุณอยู่ในกำมือผม ผมฆ่าลูกคุณด้วยมือผมเองแน่”
เขาพูดแล้วก็เอามือมาขย้ำท้ายทอยผม

ท้ายทอยที่อยู่ในอุ้งมือเขาค่อยๆ ถูกนิ้วเรียวยาวบีบให้เจ็บ สีหน้าผมเบ้ด้วยความเจ็บ
มือใหญ่หนานั่นจับท้ายทอยผมได้รอบเชียว ถ้าโดนบีบคอคงตายคามือภายในไม่กี่นาที

“แกทำอะไรลูกฉัน”

“นั่นมันเรื่องของผม อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์ในตัวเชลยของผมแล้ว
อ๋อ! ที่สำคัญ ห้ามคุณกับลูกของคุณเจอกันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผมเด็ดขาด”

“แก...แกมัน...”

“ผมต้องขอตัวก่อนนะคุณไพโรจน์ ต้องรีบเอาตัวเชลยไปเก็บก่อนที่พ่อเขาจะขาดใจตาย
เพราะต้องเห็นลูกอยู่ในสภาพไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้” เขาพูดขัดพ่อผมที่อารมณ์กำลังเดือด

พ่อได้แต่พะงาบปากด่ามันโดยไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา
น้ำตาของแม่นมไหลมาไม่หยุด ร่างท้วมสั่นตามแรงสะอื้น
ผมต้องไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปเป็นเชลยของมันแล้ว 

“คุณหนู ฮือ...คุณหนูขา คุณหนูอย่าไป เอาตัวฉันไปแทนได้ไหม เอาตัวฉันไปแทนคุณหนู ฮือ”

“นายจะพาฉันไปแล้ว ฉันขอลาพ่อกับแม่นมได้ไหม” ผมหันไปถามเขาด้วยสายตาแดงกล่ำ
พยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อไม่ให้ไหลออกมา

“ไม่ได้ เสียเวลา ไป ไปได้แล้ว” เขาขยุ้มคอผม แล้วเดินลากไป

“อย่าทำร้ายคุณหนู ฮือ...ได้โปรด ฮึก ฮือ...”

“ซน ซนลูก”

“ฮือ...ไม่นะคุณหนู คุณหนูของนม เอาคุณหนูกลับมา ฮือ...”

ร่างผมออกมาจากตัวอาคารบ้านตามแรงลากคอของเขา
หูทั้งสองข้างได้ยินเสียงคร่ำครวญของแม่นม กับเสียงเรียกหาของพ่ออย่างชัดเจน สมองผมว่างเปล่า
แต่ในใจมันรู้สึกสะเทือนอารมณ์ที่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่นมดังออกมา
พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาให้เขาได้เห็น ผมต้องเข้มแข็ง
เรื่องบ้านี้มันเกิดขึ้นในชั่วเวลาเดียว จนผมตั้งตัวไม่ทัน แต่ถึงอย่างไรผมก็คิดว่าผมเลือกทำในสิ่งที่ควรทำที่สุด
วิธีนี้จะทำให้พ่อผมได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมา





ผมเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สร้างตามความนิยมของเจ้านายสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงกลาง
คือสถาปัตยกรรมตึกสองชั้น สร้างแบบยุโรปสมัยเรเนสซอง ข้างหน้ามีมุก ถัดไปตรงกลางเป็นโดม
ผนังด้านนอกมีลายปูนปั้นรูปลายไทยต่างๆ ประดับหน้าซุ้มประตูและหน้าต่างอย่างลงตัว

ข้างหน้าเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่ถูกตัดแต่งให้มีระเบียบ พุ่มไม้เล็กๆ ถูกปลูกแซมไปกับต้นปาล์มโบราณราคาแพง
ก่อนถึงตัวคฤหาสน์มีวงเวียนขนาดย่อม มีบ่อน้ำพุสีขาวลายสลักตั้งตระหง่านกลางวงเวียน
โอบล้อมไปด้วยหมู่มวลดอกไม้หอมนานาชนิด
   
ข้างเคียงของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ผมมาเหยียบมีเรือนหลังเล็กกว่าอยู่ถัดข้างหลังไป ๒-๓ เรือน ที่สร้างด้วยไม้สักทอง เป็นแบบเรือนไทย
มีหลังคารูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วประดับกาแลแบบบ้านของคนภาคเหนือ

ส่วนห้องที่ผมยืนหน้าตายอยู่ตอนนี้ คงจะเป็นห้องที่สวยที่สุดในคฤหาสน์ คือห้องโถงกลางชั้นล่าง
ลวดลายกระเบื้องปูพื้นที่สวยงามทำให้ห้องดูสว่าง ภาพเขียนปูนเปียกบนเพดานเป็นรูปมังกรลอยอยู่บนสรวงสวรรค์
เสาแต่ละต้นจะมีลายปูนปั้นหัวมังกรงามอลังการสมความยิ่งใหญ่
   
“คุกเข่า คุกเข่าลง ฉันบอกให้คุกเข่า” เสียงทรงพลังของชายชราที่ร่างกายยังแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
แต่หลังเริ่มคดงอออกคำสั่งผม
   
ประธานสมาคมนั่งลงบนโซฟาขนาดใหญ่ตรงหน้าผม ผมยืนตัวตรงบนพรมแดงท่ามกลางโซฟาขนาดเล็กอีกสองตัวที่ขนาบข้างโซฟาตัวใหญ่ที่เจ้าของนั่ง
ผมมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยราวกับไร้ความรู้สึก และไม่ยอมทำตามคำสั่งของตาเฒ่านั่น
   
ตาเฒ่าคำรามเสียงเบาข้างๆ หูผมอยู่หลายครั้งเพื่อไม่ให้รบกวนเจ้านายตน จนหมดความอดทน
ใช้ไม้ตะพดที่ถืออยู่กับมือเพื่อค้ำพื้นง้างขึ้นมาจะฟาดขาผม
ผมหลับตาแน่นรอรับความเจ็บปวด
   
“หยุด พ่อบ้าน ไม่ต้อง ฉันจัดการมันเอง”
   
ผมลืมตาเมื่อได้ยินเสียงเรียบเฉยของชายคนที่นั่งอยู่ บัดนี้นายเทียนลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงมาที่ผม
แล้วมองผมด้วยสายตาที่ยากจะเดาออก แต่ถ้าให้ผมคิด คงเป็นสายตาที่กำลังเยาะเย้ย
   
“ครับ คุณทิวากร”
   
“นายรู้ใช่ไหมว่านายเข้ามาในฐานะอะไร”
   
ผมนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยปากอะไร ตามองตรงไปข้างหน้า ทำตัวราวกับว่าผมยืนอยู่คนเดียว
ไม่มีนายเทียนหรือตาเฒ่าพ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ
   
จำเป็นด้วยหรอที่ผมต้องพูด ทำไมผมต้องตอกย้ำฐานะตัวเองด้วย
   
“นายใหญ่ถาม แกต้องตอบ”
   
“ไม่เป็นไรพ่อบ้าน มันคงกำลังเป็นบ้าเป็นใบ้ แต่มันคงไม่ลืมว่ามาที่นี่ในฐานะอะไร หรือถ้าลืมฉันจะย้ำให้มันฟังเอง
นายมาที่นี่ในฐานะตัวประกันและทำหน้าที่คนรับใช้ของบ้านหลังนี้
เพราะฉะนั้นนายไม่มีสิทธิ์มายืนค้ำหัวฉันได้ คุกเข่า คุกเข่าลง”
   
~พลั่ก~
   
เข่าผมทรุดลงไปกองกับพื้นตามแรงขานายเทียนที่เตะเข้ามาตรงข้อพับ เล่นทำผมขาอ่อนลง ลุกขึ้นสู้ไม่ไหว
เมื่อเขาทำให้ผมนั่งคุกเข่าต่อหน้าแล้ว เขาก็เดินกลับเข้าไปนั่งที่เดิม
โดยไม่สนใจความเจ็บปวดของผมแม้แต่น้อย
   
พ่อบ้านเฒ่าก็คุกเข่าลงตาม แล้วคลานเข่าออกห่างไปนิด ไปนั่งตรงข้างโซฟาตัวเล็กที่ไม่มีใคร
   
“ฉันคงไม่ได้เป็นตัวประกัน แต่ฉันเป็นเชลยต่างหาก”
   
“อ้าว พูดได้แล้วหรอ นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก” น้ำเสียงเขายียวนกวนประสาทชะมัด
   
“พูดเฉพาะกับบุคคลที่ควรจะพูดด้วยเท่านั้น”
   
“ไหนบอกว่าตัวเองเป็นเชลยไง แล้วทำไมถึงยังกล้าต่อปากต่อคำกับฉันอีก”
   
“เป็นเชลย มันก็คนเหมือนกัน”
   
“นี่ หยุดต่อปากต่อคำกับนายใหญ่เดี๋ยวนี้เลยนะ” พ่อบ้านห้ามผมเสียงเข้ม แต่มีหรือที่ผมจะฟัง
   
“เหอะ นายใหญ่หรอ ใหญ่แค่ตำแหน่ง แต่สมองคงเล็กนิดเดียว”
   
“เล็กไม่เล็ก ก็ลองถามพ่อนายดูสิ ว่าสมองเล็กๆ แบบฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง
แต่อย่างหนึ่งที่นายน่าจะรู้ดีก็คือ ฉันสามารถเอาลูกชายสุดที่รักของเจ้าพ่อราชาพยัคฆ์มาเป็นเชลยได้”
   
ผมเงียบ พูดอะไรไม่ออก เขากำลังตอกย้ำความเจ็บแค้นที่ผมมีอยู่ ผมได้แต่เม้มปากเข้าหากันแน่นสนิท มือกำแน่นด้วยความแค้น
จ้องมองเขาด้วยสายตาเขม็งเพราะความไม่พอใจ ริมฝีปากได้รูปของคนที่นั่งอยู่สูงกว่าเหยียดตรงเหมือนเยาะเย้ย
อย่างไรเสียผมก็ไม่มีทางยอมเขาง่ายๆ หรอก
   
“นายเอามาได้ นายก็เสียไปได้เช่นกัน”
   
“เหมือนที่พ่อนายคิดจะเอาอำนาจ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับเสียลูกอย่างนั้นน่ะหรอ”
   
ผมได้แต่ฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจที่เถียงเขาต่อไม่ได้ เขาจ้องหน้าผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ ใครจะไปทนอยู่ต่อได้
ผมตัดสินใจจะเดินหนีมันออกไป ไม่อยากเห็นหน้าเขา
แต่เพียงแค่ขยับตัว ยังไม่ทันได้ลุก เสียงของตาเฒ่าพ่อบ้านก็ดุก่อน
   
“จะไปไหน นายใหญ่ยังไม่สั่ง ห้ามลุกออกไป”
   
ผมได้แต่เบะปากด้วยความไม่ชอบใจ แม้ว่าใจจะไม่อยากนั่งอยู่ต่อนัก แต่ในที่สุดผมก็เลือกที่จะนั่งฟังมันดูถูกเยาะเย้ยต่อ
เพราะไม่อย่างนั้นอาจมีเรื่องวุ่นๆ ตามมาก็ได้
   
“ทนฟังไม่ได้ จนจะต้องลุกขึ้นหนีเลยหรอ”
   
“ใช่ รู้ว่าทนฟังไม่ได้ แล้วจะพูดอีกทำไม”
   
“นายมีสิทธิ์เรียกร้องให้ฉันพูดหรือไม่พูดได้ด้วยหรือไง นายอยู่ที่นี่ใน...”
   
“ฐานะเชลย ฉันเป็นเชลย ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ใช่ไหม นี่คือสิ่งที่นายต้องการจะพูดใช่ไหม แล้วยังไงล่ะ
ฉันก็บอกแล้ว ว่าเชลยมันก็คนเหมือนกัน หรือนายไม่ใช่คน เป็นเทวดาจากสรวงสวรรค์ หรือเป็นภูตผีปีศาจ
อ๋อ! จะว่าไปนายก็หน้าเหมือนสัตว์นรกอยู่เหมือนกันนะ”
   
“นี่แก ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้ แกไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดอย่างนี้กับนายใหญ่นะ” ตาเฒ่าชี้หน้าว่าผม แต่ผมไม่สนใจ
ใครจะยอมทำร้ายตัวเอง
   
“เอาเถอะ ฉันยังไม่อยากมีเรื่องกับเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังมีอีกเรื่องที่ต้องตกลงกับมัน
นาย...ชื่อวิศิษฏ์ใช่ไหม แล้วชื่อเล่นล่ะ จะได้เรียกใช้ง่ายๆ หน่อย”
   
“ซน ชื่อซน ไม่ได้ยินตอนที่แม่นมคร่ำครวญเรียกหาฉันตอนที่นายกำลังเอาตัวไปหรือไง”
   
“เป็นเชลยแล้วหยุดปากดีสักที ฉันรำคาญเต็มทีที่ต้องมานั่งฟังเชลยอย่างนายเล่นลิ้น ฉันจะคุยเรื่องเรียนของนาย”

“พูดมาสิ”
   
เขามองหน้าผมนิ่ง เหมือนกำลังออกคำสั่งว่าไม่ให้ผมพูดจาขัด หรือไม่เข้าหูเขาอีก
ปกติผมฟังใครที่ไหนกัน แต่สายตาคู่นั้นคราวนี้ช่างเกรงขามยิ่งนัก 
ใครบอกว่าเขาเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัยที่ขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อคนใหม่
แต่ผมกำลังมองว่าถึงแม้เขาจะอายุยังน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าพ่อหรือใครหลายคนที่อยู่ในวงการ
แต่เขากลับมีความรู้ ความสามารถ เล่ห์เหลี่ยมที่ซ่อนแฝงอยู่ในฝัก
   
“ฉันจะให้นายยังคงไปเรียนที่เดิม ที่เดียวกับที่ไต้ฝุ่นเรียนใช่ไหม จะได้ไม่มีปัญหาอะไรมาก
ส่วนเรื่องเสื้อผ้า รวมถึงชุดนักเรียน ฉันสั่งคนไปเอามาให้แล้ว ป่านนี้คงเอาไปกองอยู่ที่ห้องนอนใหม่ของนาย
แล้วเวลาไป-กลับโรงเรียน ก็ไปพร้อมไต้ฝุ่นมัน” ส่งผมให้ไปกลับพร้อมไต้ฝุ่น สู้ส่งผมไปตายจะดีกว่า
   
“ฉันนั่งรถเมล์ หรือแท็กซี่เองก็ได้”
   
“ทำไม คิดจะแอบหนีหรือไง ทำตามที่ฉันบอกนั่นแหละ ส่วนเรื่องงานบ้าน นายทำอะไรเป็นบ้าง”
เหมือนเขากำลังสัมภาษณ์คนรับใช้ที่มาสมัครงานเลย
   
“ไม่เป็น” ผมตอบไปอย่างนั้นแบบไม่ใส่ใจอะไร ความจริงผมก็พอทำอาหาร หรือกวาดบ้านถูบ้านนิดๆ หน่อยๆ ได้บ้าง
   
“ไม่เป็นอะไรเลยอย่างนั้นหรอ” เขาทวนอีกครั้ง
   
“อย่างกับว่านายทำงานบ้านเป็นอย่างนั้นแหละ”
   
เขานิ่งเงียบไปสักพัก สงสัยผมจะพูดถูก
โธ่เอ้ย! ผมไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนูจัดเหมือนเขาสักหน่อย ความสามารถเราเลยต่างกัน
   
“ถ้าอย่างนั้น นายไปทำความสะอาดข้างบนก็แล้วกัน”
   
“แต่คุณทิวากรครับ คือว่า...”
   
“เอาเถอะพ่อบ้าน ถ้าจะให้หุ่นอย่างมันไปเป็นคนสวน เราคงขาดทุนแน่”
   
จะขาดทุนอะไร เงินค่าจ้างผมก็ไม่ได้สักแดงเดียว เขาให้พ่อผมโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผมตามปกติ
แต่ก็ยังดี ดีกว่าเขาไม่อนุญาตอะไรเลย แล้วผมจะไม่มีเงินใช้สักบาท
   
“เทียน เทียน นี่มันอะไรกัน” เสียงของชายวัยสูงคนดังมาตั้งแต่หน้าประตูบ้าน
นายเทียนที่ชักสีหน้าราวกับไม่พอใจที่มีคนมาเอะอะภายในบ้าน
ทุกคนในวงสนทนาเมื่อครู่ ซึ่งรวมทั้งตัวผมด้วยต่างหันไปตามต้นตอของเสียง
ก็พบกับคนร่างท้วมที่ผมเคยเจอเมื่อในงานฌาปนกิจศพเจ้าพ่อคนเก่า เดินเข้ามาในบ้าน




ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #74 เมื่อ08-01-2012 14:47:12 »

มาต้มน้ำร้อน...

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #75 เมื่อ08-01-2012 20:45:14 »

กรี๊ดดดดด

กลับกับอีตาไต้ฝุ่นนี่ได้เรื่องแน่ๆ

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #76 เมื่อ08-01-2012 22:12:52 »

ใกล้แล้วๆๆๆ  :mc4:

ออฟไลน์ Karn12

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +165/-2
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #77 เมื่อ08-01-2012 22:22:13 »

อดทนไว้ซน

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #78 เมื่อ08-01-2012 22:33:49 »

จริงๆแล้วชอบไต้ฝุ่นนะ
ถึงจะดูเยอะแต่ก็ดีกับซน  :กอด1:

ออฟไลน์ kny

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-15
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #79 เมื่อ08-01-2012 22:37:16 »

 :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
« ตอบ #79 เมื่อ: 08-01-2012 22:37:16 »





ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #80 เมื่อ08-01-2012 22:42:02 »

น่าสงสารพ่อกับแม่นมของซน :sad11:

แสนเสน่หา

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #81 เมื่อ08-01-2012 22:45:58 »

มาต้มน้ำร้อน...

อยากกินมาม่าขนาดนั้นเชียว อิอิ

ออฟไลน์ kp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #82 เมื่อ08-01-2012 23:29:10 »

มาต่อเถอะ อยากรู้เรื่องว่าจะเป็นงัยต่อ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #83 เมื่อ09-01-2012 00:50:55 »

แวะเข้ามาดูว่าลงทันตอนเก่าหรือยัง :m22:

ออฟไลน์ jaijaiz

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #84 เมื่อ09-01-2012 16:51:29 »

เล็งไว้นานแล้ว พึ่งจะได้ฤกษ์มาอ่าน แฟะๆ

ซนกลายเป็นเชลยไปซะแล้ว เทียนคงไม่โหดมากใส่น้องมากน้า
แล้วยังมีไต้ฝุ่นอีกคน ลุ้นจังเลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป  o13

Pairwha

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #85 เมื่อ09-01-2012 23:48:35 »

สงสารซน  :sad4:

ออฟไลน์ anukul

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3086
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-6
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #86 เมื่อ11-01-2012 16:29:10 »

อะไรกันจะต้นนํ้าร้อนกินมาม่ากันแล้วหรอ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #87 เมื่อ12-01-2012 13:29:42 »

น้องซนนนน

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #88 เมื่อ12-01-2012 13:48:55 »

อยากให้ถึงตอนที่อัพไว้คราวก่อนเร็ว ๆ

แสนเสน่หา

  • บุคคลทั่วไป
Re: เชลยเจ้าพ่อ {Yaoi} ตอน๖ ๐๘/๐๑/๒๕๕๕
«ตอบ #89 เมื่อ13-01-2012 12:49:29 »

ตอน๗ ศักดิ์ศรีที่เ่หลืออยู่

เรามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร
จะเรียกร้องให้คนมาชอบ มารักได้อย่างไรกัน


“มีอะไรครับอาชนินทร์” นายเทียนถามเสียงเรียบ ซึ่งต่างกับน้ำเสียงของผู้เป็นอาตัวเอง
   
คุณชนินทร์เดินมาถึงก็ตวัดสายตามองผมด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก ผมมาอาศัยในที่ๆ ไม่มีคนรักเลยหรอ
   
“นี่มันอะไรกัน ไหนเทียนบอกว่าจะจัดการเอง ไม่ให้อามายุ่งไง”
   
“ใช่ ก็นี่ไงครับ ผมจัดการเอง”
   
“จัดการ จัดการอะไรกัน แล้วทำไมไอ้ไพโรจน์มันยังไม่ตาย”
   
ตัวผมสะดุ้งไปพร้อมกับประโยคของคนมาใหม่ รู้สึกใจหายอย่างไรก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
แต่ต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ในใจ ไม่ให้แสดงออกมามากกว่านี้
   
“ก็ผมไม่ได้ฆ่า เขาจะตายได้ไง”
   
“ไม่ได้ฆ่า ทำไมไม่ฆ่ามัน กลัวทนเห็นเลือดแล้วจะเป็นลมหรือไง
มันทำตัวเป็นพระเจ้าอชาตศัตรูที่ส่งวัสสการพราหมณ์มายุให้คนของเราแตกความสามัคคี
เพื่อที่จะได้หมดความเคารพยำเกรงประธานสมาคมอย่างหลานแล้วรวบสมาคมเราซะ
เราก็ตลบหลังแก้เผ็ดมันได้ ทำธุรกิจมันให้ล้มละลาย เตรียมที่จะยึดสมาคมของมันมาเป็นการแก้แค้นคืน
แต่หลานกลับคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับมัน ซ้ำยังปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่ออีก
แถมยังคิดโง่ๆ โดยการเอาไอ้นี่มา มันเป็นลูกของไอ้ไพโรจน์ จะเอามันเข้ามาในบ้านทำไม หรือจะให้มันมาเป็นตัวประกัน คิดได้อย่างไร
มันอาจเป็นแผนส่งตัววัสสการพราหมณ์มาอีกก็ได้” คุณชนินทร์ยืนต่อว่าด้วยอารมณ์เหลืออด
   
“คุณไพโรจน์คงไม่กล้าเอาลูกตัวเองมาเสี่ยงแน่”
   
“ส่งคนไปฆ่าไอ้ไพโรจน์ซะ ส่วนเด็กนี่ ก็จัดการมันซะตรงนี้เลย ไม่อย่างนั้นหลานจะเสียทีที่รู้ทันมันตั้งแต่แรก
และเสียโอกาสที่จะทำให้ไอ้พวกหมาข้างถนนเห็นบารมีมังกรหนุ่มอย่างหลาน”
คุณชนินทร์ยื่นปืนกระบอกดำเงาให้นายเทียน ใจผมหายวาบ
   
แต่นายเทียนกลับทำหน้าเฉย ไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของผู้เป็นอา และไม่ยื่นมือไปรับปืนกระบอกนั้น
แต่กลับปริรอยยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยปากพูดตอบ
   
“ตอนนี้ผมปกครองเทียนหลงต้องไม่เปื้อนเลือดอีก เราทำการค้า ไม่ใช่ฆาตกร”
นั่นแสดงว่าตามแผนเขาต้องฆ่าพ่อผม แต่สุดท้ายเขากลับเลือกที่จะไม่ทำ แล้วหาวิธีอื่นมาแทนอย่างนั้นหรอ
   
“เป็นแค่เด็กทำไมถึงกล้าลบลู่ ไม่ฟังคำแนะนำของอา ไม่ทำตามคำสั่ง แล้วจะมีความหมายอะไร”
   
“ใช่ คำสั่งต้องเป็นคนสั่ง ในฐานะที่ผมเป็นผู้นำของที่นี่ ตามกฎของเทียนหลงคำสั่งของผู้นำถือเป็นที่สุด
ถ้าใครไม่ทำตามคำสั่งละก็ ผมก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
   
“อ๋อ อาลืมไป ตอนนี้หลานเป็นประธานแล้วนี่ อาเป็นแค่ลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับบัญชา คงไม่มีความหมายอะไร”
คุณชนินทร์พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันเพราะความน้อยใจ เล่นทำเอาคนที่นั่งอยู่บนโซฟาสะดุ้งนิดๆ
   
“เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับคุณอา ผมแค่...อยากให้โอกาสฝ่ายนั้นดูสักครั้ง”
   
“เอาอสรพิษเข้ามา สักวันมันต้องแว้งกัดเราอย่างแน่นอน หลานยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก” คุณชนินทร์พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น
ก็เดินจากไปด้วยอาการไม่สบอารมณ์สักเท่าไร
   
ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงถอนหายใจของเจ้าพ่อวัยเยาว์ พ่อบ้านก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ผมจะเดินหนีความเงียบนี้ก็ไม่ได้ เพราะยังไม่มีคำสั่งให้ผมลุกไปไหน ประเดี๋ยวจะโดนดุเอาอีก
ผมเลยเลือกที่จะทำลายความเงียบด้วยการพูดออกมา
   
“เออ...ขอบคุณนะ ที่ไม่ฆ่าพ่อและ...ฉัน”
   
หวังว่าเขาจะตอบอะไรออกมา แต่เปล่าเลย เขากลับมองหน้าผมด้วยสีหน้าเฉยๆ ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา
ทำไมเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งอย่างนี้ ถ้าเป็นบ้าแล้วไปพบนักจิตวิทยาเขาคงเครียด เพราะดูอาการเขาไม่ออกเลย
   
“พ่อบ้าน พามันไปส่งที่เรือนคนใช้ไป”
   
พ่อบ้านเดินนำหน้าออกมา พาผมไปยังเรือนคนใช้ตามคำสั่งเจ้านาย
เรือนคนใช้ที่ว่าอยู่ติดกับเรือนใหญ่ที่ผมเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ เป็นเรือนไม้ทรงไทยชั้นเดียว
ถูกแบ่งเป็นห้องติดๆ กันไว้สำหรับเป็นห้องพักคนงาน
   
พ่อบ้านเดินมาส่งผมที่ห้องหนึ่ง ที่มีเสื้อผ้าเครื่องใช้ของผมกองอยู่หน้าประตู
ผมออกอาการไม่พอใจนิดๆ ที่เอาของผมมากองสุมกันแบบนี้
แต่พ่อบ้านก็ไม่สนใจ ยื่นกุญแจให้ผมแล้วเดินจากไป
   
ผมไขประตูเข้าไป พบเพียงแต่ตู้เสื้อผ้ากับเตียงขนาดเล็ก อ๋อ! มีพัดลมเพดานอยู่อีกตัว
ผมขนเสื้อผ้าและเครื่องใช้ต่างๆ เข้าห้อง เขาขนมาให้เกือบหมดจริงๆ
จนทำให้ห้องขนาดเล็กแน่นไปด้วยข้าวของที่ถูกขนย้ายมา
ผมจัดข้าวของจนเกือบเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงคนโหวกเหวกขึ้นมา
   
“ต๊ายตาย นี่หรือเด็กรับใช้คนใหม่ ท่าทางแบบนี้จะมีแรงทำอะไร เลี้ยงไปก็เปลืองข้าวสุก” เสียงผู้หญิงวัยชราดังขึ้นหน้าประตู
จนผมต้องเดินออกไปดู
   
ก็พบหญิงวัยชราสองคน ที่มีรูปร่างผอมคล้ายๆ กัน แต่อีกคนมีรอยยิ้มที่มอบความอบอุ่นให้ผม ส่วนอีกคนหน้าตาดุอย่างกับยักษ์
แล้วยังมีหนุ่มสาววัยแก่กว่าผมไม่เท่าไรยืนอยู่ข้างหลัง สองคนนี้คงเป็นเพื่อนกันมากกว่าคู่รัก
คนทั้งสี่ใส่ชุดฟอร์มของคนรับใช้บ้านหลังนี้ เลยเดาไม่ยากว่าเขาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะอะไร
   
“นี่ นางฟัก พ่อหนูคนนี้เขาเป็นใคร แกไม่รู้เลยหรือไง” สาววัยชราหน้าตาใจดีเอ็ดเพื่อนวัยไล่เลี่ยกัน
   
“ทำไมล่ะนางยิ้ม ลูกเจ้าพ่อที่ถูกจับมาเป็นตัวประกัน ให้มาอยู่ในฐานะคนรับใช้ ก็ถือว่าเท่าเทียมกับพวกเรานี่แหละวะ”
   
“อย่าเรียกว่าคนรับใช้ หรือตัวประกันอะไรเลย เรียกว่าเชลยดีกว่า” ผมยิ้มตอบด้วยเสียงเรียบ
   
“ในเมื่อรู้ฐานะของตัวเองก็ต้องช่วยกันทำงาน ไม่ใช่มาอู้งาน ทำตัวเป็นคุณชายเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะ อย่าทำเชียว”
ยายฟักชี้หน้าเตือนผมก่อนจะเดินจากไป ดูท่าทางแกจะไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไร
แต่เอาเถอะ อย่าไปคิดมากเลย เรามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร จะเรียกร้องให้คนมาชอบ มารักได้อย่างไรกัน
   
“อย่าคิดมากนะพ่อหนู นางฟักแกก็ดุไปเรื่อย” ยายยิ้มเข้ามาปลอบผม ผมได้แต่ยิ้มจางๆ ตอบกลับ
หน้าตาแกยิ้มแย้มสมชื่อดีจัง
   
“ครับ ผมชื่อซนครับ เรียกผมว่าซนก็ได้”
   
“ถ้าอย่างนั้นเรียกยายว่ายายยิ้มก็ได้ ส่วนเมื่อตะกี้ยายฟัก เราสองคนเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านหลังนี้ตั้งแต่สมัยคุณท่าน
ส่วนนี่...อนงค์กับโชติ”
   
ผมหันไปยิ้มให้กับพี่อนงค์กับพี่โชติ พี่แกก็ยิ้มตอบมาอย่างเป็นมิตร
อย่างนี้ผมค่อยสบายใจหน่อยที่อย่างน้อยก็ไม่มีใครเกลียดเราเสียหมด
อย่างว่าแหละ คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ จะให้มีคนรักเรามากกว่าคนชังคงยาก 
หรือจะให้มีแต่คนชังอย่างเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้
   
“แล้วห้องคุณซนเล็กอย่างนี้ อยู่ได้หรือคะ” พี่อนงค์เอ่ยปากถาม
   
“เรียกผมว่าซนเฉยๆ ก็ได้ ผมมาอยู่ที่นี่โดยไม่มีเกียรติอะไร ทำไมผมจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับ”
   
“ห้องพี่อยู่ข้างๆ นี้เอง ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกได้ ส่วนห้องอนงค์กับยายยิ้มอยู่ฝั่งนู้น คนละฝั่งกัน” พี่โชติบอก
ที่อยู่กันคนละฝั่งเพราะว่าเรือนคนรับใช้ที่นี่เขาแยกฝั่งชายหญิงกัน
   
“ครับ”
   
“เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวพี่แนะนำให้ฟังว่าห้องไหนคือห้องไหน จะได้ไม่หลง
ตรงที่นู้นคือครัวใหญ่ มียายยิ้มเป็นคนคอยดูแล เวลากินข้าวเราก็จะกินพร้อมกันที่นั่น
เรือนหลังใหญ่ที่เราเรียกกันว่าเรือนใหญ่ เป็นเรือนของนายใหญ่
ส่วนเรือนหลังเล็ก คือเรือนของคุณชนินทร์ และเรือนท้ายสุดเป็นของคุณพิสมัย แม่นายใหญ่” พี่โชติแนะนำ
   
“อ้าว แล้วทำไมคุณพิสมัยไม่มาอยู่เรือนใหญ่ด้วยกันล่ะ”
   
“นายหญิงยังทำใจไม่ได้ที่นายใหญ่ขึ้นเป็นประธานสมาคม ท่านไม่อยากยุ่งหรือรับรู้เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับสมาคม
ท่านเลยขอแยกตัวออกไป” พี่อนงค์อธิบาย
   
“และเวลาคุยกับนายใหญ่ ต้องเรียกแทนตัวท่านว่า ‘คุณทิวาการ’
ถ้านายใหญ่นั่ง ก็ต้องนั่งต่ำกว่านาย ส่วนข้อห้ามต้องถามยายยิ้ม พี่จำไม่ค่อยได้ เพราะพี่ไม่ค่อยได้ไปยุ่งกับตรงส่วนนั้นมาก”
พี่โชติส่งต่อไปที่ยายยิ้ม คนเก่าแก่ของตระกูลนี้น่าจะรู้และจดจำรายละเอียดอะไรได้มากที่สุด
   
“ข้อห้ามมีอยู่ไม่กี่ข้อ แต่ซนต้องจำให้แม่นๆ และห้ามแหกกฎเป็นอันขาดเลยนะ
อย่างแรกคือจะพูดจะคุยอะไรก็อย่าเอะอะเสียงดัง ระมัดระวังคำพูดคำจา อย่าทะเลาะกันให้นายใหญ่หรือเจ้านายได้เห็น
ข้อสองก็อย่าเดินไปวุ่นวายที่อื่นนัก เวลาเดินก็ค่อยๆ เดิน แม้ว่าเรือนนี้จะเป็นตึกปูนก็ตาม
อีกอย่างอย่าขึ้นไปข้างบนโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
และที่สำคัญคืออย่าเข้าไปยุ่งที่ห้องนอนนายใหญ่โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด ท่านไม่ชอบความวุ่นวาย”
   
“แต่เขาให้ผมไปทำความสะอาดข้างบนนะครับ”
   
“จริงดิ เป็นไปได้ยังไงกัน พี่ทำงานที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปข้างบนนั้นเลย”
พี่อนงค์แสดงสีหน้าตกใจไม่ต่างกับพี่โชติและยายยิ้ม
   
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เขาสั่งมาอย่างนี้”
   
“เอาเถอะ จะด้วยเหตุผลอะไรก็เรื่องของนายใหญ่ เอาเป็นว่าเวลาซนขึ้นไปข้างบนก็อย่าไปยุ่งอะไรกับที่ของท่านมาก”
ยายยิ้มเตือน
   
ยายยิ้มยังบอกอีกว่าเรื่องที่ไม่ค่อยชอบให้ใครขึ้นไปยุ่งบนเรือนนั้นเป็นมาตั้งแต่สมัยนายใหญ่คนก่อนแล้ว
เป็นเพราะพวกท่านไม่ชอบความวุ่นวายกัน แต่บางทีนายใหญ่คนปัจจุบันก็ชอบพาแขกขึ้นไปทำธุระข้างบน
ส่วนแขกที่ว่าเป็นใคร ผมก็ไม่ได้ถามรายละเอียดมากนัก
   




เช้าวันนี้ผมนั่งรถคันหรูมาโรงเรียนพร้อมกับรุ่นพี่ที่ชื่อไต้ฝุ่น
ตอนขึ้นรถเขาก็มีสีหน้าตกใจไม่น้อยที่เห็นผมอาศัยอยู่ในเขตรอบรั้วบ้านเขาในฐานะคนรับใช้
ระหว่างทางมาโรงเรียนเขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ได้แค่ชวนผมกวนตีนไปตามประสาของเขา
โชคดีหน่อยที่ระยะทางไม่ไกลมาก เพราะไม่อย่างนั้นผมคงหมดความอดทนตัดสินใจกระโดดลงรถอีกรอบแน่
   
เมื่อคืนเป็นคืนแรก ไม่สบายเอาซะเลย สมกับที่เรียกตัวเองว่าเชลยจริงๆ
ห้องนอนที่ผมคิดเอาไว้แต่แรกว่านอนได้ สบายมาก แต่พอนอนเข้าไปจริงๆ เตียงก็แข็ง
พัดลมเพดานที่มีอยู่ก็ไม่ได้ช่วยให้เย็นขึ้นมาเลย กว่าจะนอนหลับก็ข้ามมาอีกวัน
แต่โชคดีหน่อยที่ตื่นเช้ามาไม่เจอเจ้าพ่อตัวดี สงสัยยังไม่ตื่นเลยเป็นโชคของผม
   
หลายคู่สายตาที่เห็นผมมาโรงเรียนพร้อมกับพี่ไต้ฝุ่น เอาเป็นหัวข้อสนทนาของวันนี้ รวมถึงเพื่อนๆ ในห้อง
ไม่เว้นแม้แต่นายพงษ์ ก็เข้ามาถามผมอยู่เรื่อย ถึงเหตุผลที่ผมนั่งรถมาคันเดียวกับขวัญใจของใครหลายๆ คน
   
“ซน บอกข้าได้ไหมว่าทำไมถึงมาพร้อมกับพี่ไต้ฝุ่น” พงษ์ถามผมระหว่างที่ผมกำลังตักข้าวมื้อกลางวันเข้าปากตัวเอง
   
“เปลี่ยนเรื่องเถอะ” ผมตอบเขาสั้นๆ แล้วเอาข้าวเข้าปากทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเขา
   
เพราะในหัวสมองมีเรื่องเข้ามาให้คิดเยอะมาก รวมทั้งเรื่องที่เขาถามเมื่อครู่นี้ด้วย
เรื่องนี้ผมควรบอกเพื่อนสนิทอย่างพงษ์ให้รู้ดีไหม แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาไม่ควรรู้
แต่ถ้าเขารู้ขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นตามมา การที่ผมถูกนำไปเป็นตัวประกันแบบนี้ ใช่ว่าจะทุกอย่างจะกลับมาดีเสียหมด
ชีวิตผมอยู่ในกำมือประธานสมาคมเทียนหลง เขาจะทำอะไรก็ได้
ไม่ใช่แค่ผม แต่รวมถึงคนรอบข้างผมด้วย ผมไม่รู้ว่านายเทียนเป็นคนอย่างไร ไว้ใจได้มากแค่ไหน
ถ้าผมบอกเรื่องนี้ให้พงษ์รู้ ผมไว้ใจเพื่อนก็จริงเถอะ แต่ถ้าดันหลุดให้คนอื่นรู้ เขาคงเยาะเย้ยตระกูลศารทูลนฤบาลของเราแน่
   
“เออ...แล้วเมื่อวานเป็นไง รถเสียหรอ”
   
“อืม รถเสีย แล้วดันไม่โทรมาบอกอีก คิดแล้วหงุดหงิด แต่โชคดีส่งรถมารับข้าหลังแกกลับไม่กี่นาที” ผมไหลไปตามน้ำ
ทำเป็นใส่อารมณ์เพื่อความแนบเนียน ผมไม่อยากโกหกเพื่อนเลย ให้ตายเถอะ
   
“น้อง ออกไปก่อนดิ” เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลังผม
   
พงษ์เงยหน้าขึ้นมามองเหนือผมขึ้นไปด้วยแววตาหวาดกลัวนิดๆ จนผมต้องหันหลังมองตาม
ก็เจอคนที่ผมจำเป็นต้องรู้จักเป็นอย่างดี แม้ไม่อยากจะรู้จักก็เถอะ แต่จะเลี่ยงอย่างไรก็คงเลี่ยงไม่ได้
เพราะได้อยู่รั้วบ้านเดียวกันแล้ว
   
พี่ไต้ฝุ่นยืนหน้าขรึมพยักหน้าไล่พงษ์ให้ลุกออกไป เพื่อนผมก็ทำท่าเลิ่กลั่กส่งสายตาให้ผมช่วย
แต่ตอนนี้ผมไม่อยากมีเรื่องหรือให้พี่ไต้ฝุ่นพูดบางเรื่องให้เพื่อนผมได้ยิน
เลยต้องพยักหน้าบอกพงษ์ให้ถือจานข้าวไปกินที่โต๊ะกลุ่มเพื่อนในห้องใครสักคนก่อน
   
พอพงษ์ลุกไป แทนที่พี่ไต้ฝุ่นจะเข้าไปนั่งแทนที่ กลับมานั่งเบียดผมซะนี่
ใครจะไปทนให้เขามานั่งเบียดและตกเป็นเป้าสายตาของหลายคนในโรงอาหารได้
ผมจึงต้องเป็นฝ่ายลุกไปนั่งแทนที่พงษ์เอง
   
“มีอะไร” ผมถามเสียงเรียบ
   
“เปล่า แค่คิดถึง” เขาไม่พูดเปล่า แต่กลับย้ายมานั่งเบียดผมอีกฝั่ง
คราวนี้เขาเอามือโอบรอบเอวผมเพื่อกันไม่ให้ผมลุกไปไหน เล่นทำเอาสายตาของผู้คนมองมาเป็นจุดเดียวกัน
   
~อึ่ก~ ผมกระทุ้งศอกเข้าไปที่หน้าท้องพี่ไต้ฝุ่น
   
เขารีบปล่อยมือออกทันที เอามือกุมที่ท้องแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนเรียกร้องให้ผมสนใจความเจ็บปวดของเขา
ผู้ชายอะไร มารยาชะมัด
   
“ที่บ้านไม่มีใครรักหรือไง ถึงได้ขาดความอบอุ่น จนต้องมาเที่ยวระรานคนอื่นแบบนี้”
   
“ไม่ต้องสนว่าที่บ้านจะมีคนรักพี่ไหม สนแค่ว่าพี่รักน้องซนก็พอ”
   
ข้าวที่ผมเพิ่งตักเข้าปากได้ไม่กี่คำ แทบจะอ้วกออกมาเพราะคำพูดพวกนี้
พูดมาได้อย่างไรไม่อายเทวดาฟ้าดิน เจ้าที่เจ้าทางในโรงเรียนบ้างเลย
อยากจะลองเลาะหน้าเขาออกมาว่ามีคอนกรีตเสริมปูนอยู่กี่ชั้น
   
 “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม จะได้ขอตัวไปอ้วก”
   
“แพ้ท้องหรอ พี่บอกแล้วว่าพี่จะป้องกัน แต่ซนไม่ยอมเอง แต่ไม่เป็นไรนะ พี่รับผิดชอบได้”
ความอดทนผมกำลังจะหมดไปเพราะคำพูดบ้ากามของชายคนนี้
เขาใช้หัวสมองส่วนไหนกลั่นกรองคำพูดออกมานี่
   
“อย่าเลยดีกว่า เอาเวลารับผิดชอบไปฉีดวัคซีนหมาในปากเถอะ มันจะได้ไม่บ้าเห่าหอนหรือกัดคนอื่นไปทั่ว”
   
“น้องซนมาฉีดให้พี่หน่อยสิ” เขายื่นหน้าอ้าปากเข้ามาใกล้ผม ดีนะปากไม่เหม็น ไม่อย่างนั้นผมขอยกธงขาวยอมแพ้เลย
   
“ไม่ใช่สัตวแพทย์ ถึงจะได้รักษาสัตว์ได้”
   
“ถ้าอย่างนั้นคอยมารักษาหัวใจให้พี่ละกัน”
   
“เป็นโรคหัวใจ หรือว่าลิ้นหัวใจรั่ว แล้วเมื่อไหร่จะตายสักทีล่ะ ถ้ายังจะได้ช่วยแช่ง”
   
“ยังไม่ตายตอนนี้หรอก ยิ่งรู้ว่าน้องซนได้เข้ามาอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันด้วยแล้ว ใครกันจะอยากตาย จริงไหมครับ”
เขาทำท่าจะเข้ามาโอบเอวผมอีก แต่คราวนี้ผมกำหมัดเตรียมตอบโต้มันทันที
ทำให้เขาค้างมือไว้อย่างนั้น แล้วค่อยๆ ลดมือลงเองในที่สุด
   
 “ผมนี่แหละอยากจะตาย ซวยชะมัด”
   
นึกถึงชะตาตัวเองแล้วเศร้า ทนเจอพี่ไต้ฝุ่นมาระรานแค่ที่โรงเรียนก็พอจะทนไว้ อย่างนี้ต้องไปเจอเขาหลังเลิกเรียนอีก
อย่างไต้ฝุ่นพอรับมือได้ แต่พี่ชายเขาสิ นายเทียน นายจอมโหด วันนั้นก็ทั้งต่อยหน้า เตะขาผมจนช้ำ
ทำอย่างกับว่าผมไม่ใช่คน
คอยดูเถอะนะ รู้จักคนอย่างผมน้อยไปซะแล้ว จะทำให้ลืมคนที่ชื่อ ‘ซน’ ไม่ลงเลย
   
“แล้วเป็นไงมาไงถึงเป็นคนที่เรือนใหญ่ได้ หรือคิดถึงพี่จัด”
   
“ถูกลากคอมา”
   
“ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรอ”
   
“พ่อพี่ก็น่าจะรู้ดี ไปถามเอาเองละกัน” ผมพูดด้วยความไม่สบอารมณ์
   
พูดถึงเขาคนนั้นแล้วโมโห เขากล้าพูดต่อหน้าผมได้อย่างไรว่าสั่งให้ฆ่าพ่อผม แล้วยังจะฆ่าผมอีก ทั้งๆ ที่ผมก็นั่งขวางโลกอยู่ตรงนั้น
เอาเถอะ...ก็ถือว่ายังเป็นโชคดีที่ได้มาเจอกับนายเทียน ที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งของอาตัวเอง
ไม่อย่างนั้น ป่านนี้ผมคงต้องนอนตายเป็นผีเฝ้าบ้านเขาโดยที่รับรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับพ่อตัวเอง
หรือจะเป็นโชคร้ายก็ไม่รู้
   
“พ่อพี่ยังไม่รู้ล่ะสิว่าซนคือว่าที่ลูกสะใภ้”
   
“ถ้ารู้แล้วอาจจะหน้ามืด ที่ลูกเกิดมาวิปริตผิดเพศ ชอบเพศเดียวกัน” ผมตั้งใจด่าเขาแค่คนเดียวจริงๆ นะ ไม่ได้ด่าใคร
   
“ปากนี่ดีจัง อย่างนี้น่าจับจูบโชว์สักหน่อย”
   
“ถ้ากล้าก็ลองดูสิ” ผมท้าทายเขา
   
ใครจะคิดว่าเขากล้าจริง สองมือแกร่งจับหน้าผมไว้ เขากำลังโน้มหน้าเข้ามา
แต่คิดหรอว่าคนอย่างผมจะปล่อยให้พลาดไปได้ง่ายๆ มือทั้งสองข้างยังว่าง ผมยังมีสิทธิ์ที่จะสู้
   
ผมรีบคว้าจานข้าวบนโต๊ะที่อยู่ใกล้มือ แล้วเอาโป๊ะหน้าเขาก่อนที่ใบหน้านั้นจะเลื่อนเข้ามาถึง
ทั้งข้าวทั้งกับที่ซื้อมาที่เหลือจากการกินไปได้ไม่กี่คำ กองอยู่บนหน้าเขาหมด
ผู้คนในโรงอาหารต่างแตกตื่นมายืนมุงดู ผมได้ยินเพื่อนเรียกชื่อผมเสียงหลง
   
เขาทำหน้าบอกบุญไม่รับ มือสั่นเกร็งค่อยๆ จับไปที่หน้าตัวเองเพื่อสัมผัสเศษอาหารที่ผมเป็นฝ่ายประเคนให้
พี่ไต้ฝุ่นลุกพรวดจะหาเรื่องผม แต่มีหรือที่ผมจะยอมอยู่ต่ำกว่าให้เสียเปรียบ
ผมก็ลุกขึ้นยืนเสมอกัน แม้ตัวผมจะเตี้ยกว่ามากก็ตาม ถ้าจะมีเรื่อง ผมก็พร้อมที่มีเรื่อง
ผมนั่งกินข้าวอยู่ดีๆ เขาคิดทำอะไรอุบาทว์อย่างนั้นก่อน
อีกอย่างผมเป็นเชลยบ้านเขาก็จริง แต่ไม่ใช่ลูกไล่ที่เขาจะทำอะไรก็ได้
   
“จะมากเกินไปแล้วนะ”
   
“โทษทีพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีว่าตื่นเต้นที่กำลังจะโดนหมาเลียปาก” ผมทำเสียงสั่น สายตาเว้าวอน
   
“ถ้าไม่ใช่ซนนะ...” เขาพูดอย่างเคียดแค้น
   
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าขอโทษจริงๆ ล้างหน้าหน่อยไหมพี่ อ๊ะ!”

ผมหยิบขวดน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ เปิดฝาแล้วเทสาดเข้าไปที่หน้าอย่างรวดเร็ว
คราวนี้จากกับข้าวที่แห้งๆ กลายเป็นของเปียกยิ่งเลอะกันไปใหญ่
พี่ไต้ฝุ่นถลึงตาใส่ผมด้วยความโกรธ

มีเสียงพูดวิพากษ์วิจารณ์ดังตามมา จนพี่ไต้ฝุ่นต้องหันไปตวาด
พวกเพื่อนเขาก็รีบวิ่งเข้ามาดูแลเพื่อนตัวเอง ส่วนผมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาเป็นว่าเรื่องนี้ครูอาจารย์ไม่รู้ก็พอ
ผมเลี่ยงตัวออกมาหาเพื่อน แล้วชวนกันขึ้นห้อง ไม่วายที่โดนยายสวยแฟนคลับพี่ไต้ฝุ่นนั่งบ่นผมจนหูชา

เรื่องที่ผมทำไปเมื่อกลางวันถูกเพื่อนในห้องกล่าวถึงตลอดจนเย็น
ส่วนคนข้างนอกจะพูดอะไรบ้างผมก็ไม่รู้ เพราะตลอดบ่ายนั่งเรียนในห้องอย่างเดียว
พวกเพื่อนสาวในห้องก็มีบ่นผมบ้างตามประสาคนปลื้มพี่ไต้ฝุ่นเหมือนกับคนสวยประจำห้อง
ส่วนพวกผู้ชายแท้ๆ ก็มีมาบอกสะใจกับการกระทำของผมเพราะความหมั่นไส้
เรื่องนี้ผมรู้ตัวว่าผมก็ทำผิดเหมือนกันที่ไปยั่วโมโหเขาเข้า แทนที่จะพูดจาดีๆ กลับไปกวนประสาท
แต่เพราะสาเหตุอะไรไม่รู้ ที่ทำให้ผมไม่สามารถพูดดีกับคนตระกูลนี้ได้
อย่างไต้ฝุ่น คนที่พ่อเขาจะสั่งฆ่าพ่อและผม
หรือนายเทียน แม้ว่าเขาจะช่วยให้พ่อผมรอดพ้นจากความตาย แต่เขาก็ทำกับสมาคมผมไว้ใช่ย่อย

พอเลิกเรียนผมเดินออกมารอรถเป็นเพื่อนพงษ์ตามปกติ แต่พอชำเลืองมองที่รถบ้านผมเคยมาจอดแล้วใจหาย
บัดนี้เป็นรถของใครมาจอดแทนที่แล้วก็ไม่รู้ ยิ่งคิดใจมันก็ยิ่งเต้นรัว
น้ำตาที่กักเก็บไว้ภายในใจก็เหมือนจะเอ่อออกมา

“ไอ้ซน เป็นอะไรหรือเปล่า” พงษ์เขย่าแขนผม

“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไร”

“ทำไมวันนี้รถแกไม่มารอเหมือนเดิม สงสัยคงจะเสียอีกแล้ว”

ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรเพื่อนสนิท ปล่อยให้เขาพูดอยู่คนเดียว
ตอนนี้ทุกเสียงที่พูด ก็เหมือนลมที่ผ่านหูผมไปมา ใจผมลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้

รู้แต่ว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่นม
เคยไปเข้าค่ายตั้งหลายครั้ง เคยจากบ้าน ไปนอนที่อื่นตั้งหลายหน แต่นี่เพิ่งจากไปแค่คืนเดียว
ทำไมความเหงาเข้ามาจับใจขนาดนี้ ผมอยากกลับบ้าน อยากไปหาแม่นม
อยากกลับไปเถียงพ่อ ให้พ่อสอน ให้แม่นมมาปลอบ
ผมรู้สึก...ผมจะไม่ได้กลับบ้านหลังนั้นอีกแล้ว ผมควรจะทำอย่างไรดี
ดวงตารู้สึกร้อนผะผ่าวเหมือนน้ำสักหยดกำลังเอ่อไหลออกมา

ก่อนที่ม่านตาจะถูกปกปิดไปด้วยน้ำตาแห่งความคิดถึง ผมก็เห็นบุคคลร่างสูงในชุดนักเรียนชายเดินมุ่งตรงมาหาผม
เพื่อนสนิทอย่างพงษ์รีบสะกิดผมใหญ่ จนสติผมเริ่มกลับมา

ใช่...วันนี้ผมต้องกลับพร้อมกับเขา พี่ไต้ฝุ่นกำลังเดินตรงมา
ผมควรจะทำอย่างไรดี เรื่องเมื่อตอนพักกลางวันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ตอนนี้ใจผมคงสลายเมื่อไม่ได้กลับไปบ้าน

“แกรอรถคนเดียวได้ใช่ไหม” ผมหันไปถามพงษ์ที่ตอนนี้ใกล้เวลารถเขาจะมาถึงแล้ว

“ได้ๆ สบายมาก ไม่ต้องห่วง”

“งั้นข้าไปก่อนนะ แล้วเจอกัน” ผมพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วรีบวิ่งออกมาโบกรถแท็กซี่ที่แล่นผ่านไปมาตลอด

โชคดีที่ผมได้รถแท็กซี่ก่อนที่พี่ไต้ฝุ่นจะเดินมาถึงตัว เอาเถอะ...ผมจะได้กลับบ้านแล้ว

“ไปบ้านเจ้าพ่อไพโรจน์ครับ” หลังจากความตื่นเต้นสงบลง ผมก็บอกลุงคนขับ

“ครับ” เขาพยักหน้าแล้วชำเลืองมองผมทางกระจกส่องหลัง
คงสงสัยว่าผมเป็นใคร ทำไมถึงไปบ้านผู้มีอิทธิพลขนาดนั้น ผมก็ได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่มองมา
   
ตอนนี้ผมควรที่จะนั่งยิ้มหน้าบานอยู่บนรถด้วยความดีใจที่จะได้กลับบ้าน
แต่ทำไมในใจผมรู้สึกทั้งกลัวทั้งกังวล นายเทียนสั่งห้ามไม่ให้ผมกับพ่อเจอกันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเขา
แต่ทำไมผมต้องเชื่อเขาด้วย เพราะนี่คือชีวิตผม เขาไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตใครสักหน่อย
   
“เปลี่ยนไปบ้านเจ้าพ่อไพฑูรย์ สมาคมมังกรสวรรค์แทนครับ” จู่ๆ ปากผมก็พูดไปอย่างนั้น
เล่นเอาคนขับรถทำหน้างง ผมก็งงกับตัวเองเหมือนกัน โชคดีที่ยังไปไม่ไกลสักเท่าไร
   
ผมนั่งคิดว่าทำไมผมถึงเปลี่ยนใจ ถ้าผมขัดเงื่อนไขที่เขาตั้งไว้
ทุกสิ่งทุกอย่างของผมที่อยู่ในกำมือมันจะคอยป่นปี้ไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนในบ้าน พ่อ ธุรกิจ หรือสมาคม
จะต้องถูกเขาทำอะไรสักอย่างตามใจชอบ
และที่สำคัญศักดิ์ศรีของราชาพยัคฆ์จะสูญหายถ้าผมลอบไปหาพ่ออย่างนี้
   
เอาเถอะ รออีกสักหน่อย รอให้วันที่เป็นของเรามาถึง
ผมก็จะได้กลับบ้าน ไปอยู่กับพ่อ ไปหาแม่นมอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องเกรงว่าใครจะมาทำอะไร
และได้กลับไปอย่างมีศักดิ์ศรีของลูกราชาพยัคฆ์




   

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด