รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รอยรัก... จำหลักใจ [บทที่ 17 จบ] 6 พ.ย. 55 หน้า 15  (อ่าน 329082 ครั้ง)

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้  สนุกค่ะ

 :L2:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
แอบสวีทนะตอนนี้ :give2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แค่ปรุงก๋วยเตี๋ยวให้กันมันก็ไม่ธรรมดาแล้ว กันเอ๊งกันเอง จริง ๆ นะ
อย่าบอกนะว่ามีผู้ร้ายแอบแฝงอยู่ในบ้านพระยา ใคร???

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
แบบว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกำลังพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
อคติลดลงฮวบฮาบ จะแปรเปลี่ยนเป็นความรักเมื่อไหร่ จะติดตามต่อค่ะ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
โอ๊ย.....อยากไปอัมพวาขึ้นมาซะอย่างงั้น!

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

จ้าาา แค่คนแต่งไม่หายไปไหน
ก็ดีใจแล้วละคะ (:
ว่าแต่ .. เรื่องนี้มันลึกลับซะจริง.
เล่นเอาเดาไม่ค่อยถูกเลยว่าจะไปทางไหน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
+ เป็ดให้น้า

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
:L2:อืมอ่านตามทันแล้วดีใจจังอิอิ :mc4: :mc4:

แล้วจะรอตอนต่อไปนะ :L2: :L2:

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
มาแล้ววว  :mc4:
เม้นก่อนแล้วไปอ่าน มัวจับแมลงก้นกระดก  :sad4:
พี่วินต้องหล่ออยู่ละค่ะ ส่วนน้องจิเนี่ยจินตนาการว่าหน้าสวยๆตัวบางๆไปเรียบร้อยละ  :laugh:

 :pig4: ที่มาอัพนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ  :bye2:

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
เงื่อนงำเริ่มมีมาให้สืบหาความจริงเพิ่มมากขึ้น ท่าทางภวิลจะปวารณาตัวเองเป็นนักสืบในชุดสูทของนักธุรกิจเสียแล้ว กลิ่นอายความรักกรุ่นกระจายไปทั้งเรื่อง ชวนให้ติดตามเช่นเดิม

ออฟไลน์ myd3ar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ช่างเป็นบ้านที่ลึกลับมาก

สนิทกันมากขึ้นไปอีกนะเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Sherbet:)*

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปอ่านมาเริ่มเหมือนเรื่องสยองขวัญ 5555
รู้สึกปมเริ่มเยอะ โดยเฉพาะตอนฝัน
ผีมาชัวร์ 55555
แต่พาร์ทล่าสุดมีโมเม้นอบอุ่นดีแฮะ
ตอนแรกนึกว่าจะหาอารมณ์แบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว

รอตอนต่อไปนะคะ
เป็นกำลังใจให้เสมอ
: ))


ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
คู่นี้ ถ้าจะเรียกว่า 'ค่อยๆ รัก' จะได้มั๊ย? หวานได้ทีละนิดๆ

สู้ๆนะครับ ยังคงรอคอยตอนหวานๆ อยู่น้าาา  o13

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
ทักออกตัวแรงมากเลย
สงสัยไม่แคล้วคุ่กับพี่อาร์มสะละ
แล้วเรื่องนี้จะเป้นยังไงต่อไป
มีเงือนงำอะไรกันแน่นะ เกี่ยวกับบ้านหลังนั้น
ตั้งแต่เราอ่านมาเรายังไม่เอีะใจอะไรเลย
จนพระเอกเรา สงสัยเรื่องอุบัติเหตุอะ
เราก้ยังคิดตามไม่ออกว่ามันจะมีคนร้ายหรอ555+
แต่ก็นะ
ไหนๆพระเอกเราก็คิดว่ามีคนร้ายมันก็ต้องมี
งั้นก็คิดๆเพื่อไปละกัน อะหิอะหิ
ไงก็มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
อ่านเรื่องนี้ตอนหลังชักชอบเก็บมานั่งคิดเล็กคิดน้อย เดาไปต่างๆนาๆ



ตอนนี้ ..มีเบาะแสแล้วก็กลิ่นไอความหวานโชยมาแผ่วเบา ถึงมันจะยังไม่มากก็เหอะนะ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
หืม? เรื่องของยูยังไม่เคลียร์อีกเหรอค่ะ ? ช่างลึกลับ ซับซ้อน ไม่ปล่อยผ่านง่าย ๆ เลยเนอะ 
แต่เราคงไม่พยายามคิดตามแล้วล่ะ ซ่อนเงื่อนเหลือเกิน ขอรอลุ้นปริศนาฆาตกรรม(?)นี้อย่างเดียวดีกว่า  :m23:
ส่วนที่ไม่ต้องลุ้น(เหรอ?) มีแต่จะดีวัน ดีคืน ก็ความสัมพันธ์ของคุณภวิล-น้องจี
ตอนนี้มีไปเที่ยวตลาดน้ำ นั่งกินก๋วยเตี๋ยว เดินซื้อข้าวซื้อของด้วยกัน นี่มัน "เดท"ชัด ๆ ( แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่แรกก็ตามที )
พอเรื่องไม่เข้าใจผ่านพ้นไป คู่นี้ก็ปรากฏเคมีที่แสนจะลงตัว ค่อย ๆ ซึมซับตัวตนของกันและกันที่ละเล็ก ที่ละน้อย  :oni1:   

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
ดีจัง ได้เบาะแสเพิ่มมาอีกนิดดดนึงละ แถมทั้งสองคนก็หวาน(?)ขึ้นมาอีกนิดดดนึงเหมือนกัน  :o8:
ปล.ถึงนิยายแนวนี้จะเขียนลำบาก แต่คุณเดหลีเขียนออกมาดีมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
กะให้อ่านแล้วเชอร์ล็อค โฮมส์หรอค่ะปริศนาหยั่งงี้
อ่านพาร์ทแล้วรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคน 2 คน
พัฒนาไปอีกขั้นถึงจะนิดหน่อยแต่มันก็น่ารักดีนะค่ะ  :3123:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
แอบกุ๊กกิ๊กเล็กๆ อิอิ แหม... อยากให้พี่วินหัวปักหัวปำจัง :laugh:
ตอนนี้ชักจะสงสัยเรื่องบ้านจริงๆซะแล้ว ดูโยงใยพัวพันกันยังไงอยู่
รอติดตามนะคะ แล้วก็บวกจ้าาา :L2:

ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 9

หมอกขาวลอยอวลอยู่รอบกาย ชายหนุ่มสืบเท้าก้าวช้าๆ ราวมีจุดมุ่งหมายทั้งๆ ที่มองอะไรแทบไม่เห็น พื้นหญ้าฉ่ำชื้นด้วยน้ำค้าง บอกไม่ได้ว่าเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศ หรือเพราะความเย็นเยือกเกาะกุมจิตใจที่พาให้รู้สึกหนาวจนเข้ากระดูก

เขาลองยกแขนเมื่อพบว่าเคลื่อนไหวได้ช้าลงทั้งยังอึดอัดแปลกๆ แต่กลับมีแรงต้านเกิดขึ้น บรรยากาศแปรเปลี่ยน พลิ้วไหวลางเลือนเหมือน... มองผ่านม่านน้ำ
 
ที่เท้าเหยียบอยู่ไม่ใช่หญ้านุ่มเย็นอีกต่อไป กลับเป็นโคลนดำเหนียวหนืดฉุดรั้งจนก้าวเท้าไม่ขึ้น เขาเหลียวไปรอบๆ ใจดิ่งวูบเมื่อพลันระลึก...
 
... แท้จริงแล้วคือก้นบึง...


จิรัฐลุกพรวดขึ้นทั้งที่ยังจับภาพรอบข้างไม่ค่อยได้ แขนกวาดไปโดนกองแฟ้มกับเอกสารบนโต๊ะร่วงลงกระจายเต็มพื้น เสียงดังโครมครามจากของหล่นบวกความเจ็บแปลบที่ข้อมือกระแทกโดนขอบโต๊ะทำให้คืนสติเต็มที่ สายตาปะเข้ากับตู้ไม้คุ้นตาด้านข้างทำให้แน่ใจ... ตอนนี้อยู่ในห้องทำงาน

... ก็ไม่ควรจะเป็นที่อื่นอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เข้ามาเมื่อเช้า เขาก็ยังไม่ได้ออกจากห้องเลย แล้วทำไมเมื่อครู่...

เสียงเคาะประตูดังขึ้น จิรัฐพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ “...เชิญครับ”

ธรรมนูญถือแฟ้มงานเข้ามา ความจริงให้ใครในแผนกเอามาก็ได้ แต่บางแฟ้มเกี่ยวข้องกับการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่จิรัฐอาจอยากถามให้กระจ่างเลย

เห็นรุ่นน้องค่อยๆ นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้ท่าทางเหนื่อยๆ ก็เห็นใจ จิรัฐทำงานหนักมาตลอด แต่อันที่จริงเพิ่งมีระยะหลังที่ออกอาการอิดโรยให้เห็น ขัดกับคำพูดท่าทางสบายๆ ไม่ว่าจะกำลังคุยกับผู้ถือหุ้นที่เคยบังคับเทคโอเวอร์หรือแค่พูดถึงคนคนนั้นก็ตามที ทำให้ธรรมนูญรู้สึกเชื่อยากชอบกลว่าความเครียดความกดดันค่อยบรรเทาไปแล้วจริงๆ หรือว่ารุ่นน้องเพียงกำลังบังคับตัวเองให้เป็นอย่างนั้นเพื่อจะได้ทุ่มเทความสนใจให้กับงานได้เต็มร้อยกันแน่

เขาตัดสินใจเอ่ยถึงคนที่โทษว่าเป็นต้นเหตุแห่งความเครียดของรุ่นน้องให้น้อยที่สุด ยกเว้นแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

“เหงื่อแตกเชียว ร้อนเหรอ” ธรรมนูญวางแฟ้มที่ถือมาลงบนโต๊ะก่อนก้มเก็บเอกสารบนพื้นขึ้นให้เรียบร้อย “หน้าต่างก็เปิด... แต่พักนี้มันก็ร้อนขึ้นจริงๆ นั่นแหละ”

จิรัฐเหลียวมองข้างหลังเล็กน้อย แดดยามบ่ายลอดผ่านม่านบางเข้ามาเป็นลำ ภายนอกสว่างจ้าจนแทบต้องป้องตาถ้ามองออกไปตรงๆ

... ไม่มีวี่แววของหมอกขาวที่เขาเห็นสักนิด

เห็น... ใช่ เขาคิดว่าเห็น ความรู้สึกเมื่อครู่ไม่เหมือนฝัน แต่ถ้าไม่ใช่ฝัน จะเป็นอะไรเล่า... ในเมื่อเสื้อผ้าแห้งสนิท และยังนั่งอยู่ในห้องทำงานจนถึงเดี๋ยวนี้

แวบหนึ่งที่จิรัฐคิดถึงน้ำเสียงราบเรียบที่กลับอบอุ่นได้อย่างเหลือเชื่อยามปลอบโยน
 
“... แค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง”

เขานึกอยากได้คำยืนยันอีกสักครั้ง...

“ฝันน่ะ... บางครั้งก็เหมือนจริง”

จิรัฐถอนใจ รวบรวมสมาธิให้จดจ่ออยู่กับแฟ้มงานที่ผู้จัดการการเงินเอามาให้ จนอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น

“เออ... เคาะประตูตั้งนาน เกือบจะนึกว่าจีแอบหลับไปเสียแล้ว ว่าไม่ได้ บ่ายๆ อย่างนี้พี่ก็ง่วง เดี๋ยวต้องไปกินกาแฟเสียหน่อย”

“พอพี่อาร์มเคาะ ผมก็บอกให้เข้ามาเลยนี่”

“ใช่ที่ไหน...” ธรรมนูญว่า นึกขำหน้าตาตื่นๆ ของรุ่นน้อง “ทำงานเพลินหรือหลับเพลินจนไม่ได้ยินกันแน่”

“... ขอโทษครับ” อาการยกสองมือลูบหน้ายิ่งทำให้คนมองลงข้อสรุปว่าเพิ่งตื่นแน่ชัด

“กลางวันกินเยอะล่ะสิ” ธรรมนูญหัวเราะ หลังเหตุการณ์ที่ทำให้เสียเพื่อนไปแล้วจิรัฐก็ยิ้มยากเหลือเกิน เขานึกถึงรอยยิ้มสว่างอย่างเมื่อตอนยังอยู่มหาวิทยาลัย “ฝีมือเชฟเรามันก็ดีวันดีคืน...”

รุ่นน้องเงียบไปนานจนธรรมนูญเอะใจ “นี่อย่าบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว บ่ายแล้วนะ”

จิรัฐยังงงๆ ปนตกใจไม่หาย ไม่น่าเชื่อว่าตอนที่ ‘ฝัน’ นั้นถึงกับไม่ได้ยินเสียงจากความ ‘จริง’ เขาเป็นคนรู้สึกตัวไวมาตลอด นิดหน่อยก็ตื่นแล้ว แต่เมื่อครั้งต้องใช้ห้องเดียวกับภวิลและ ‘ฝัน’ อีกฝ่ายก็ทำท่าเหมือนปลุกเขายากเย็นเช่นกัน ทั้งที่ปกติแค่เรียกหรือแตะตัวก็พอ

เมื่อเช้าเขาเข้ามาทำงาน อ่านเซ็นเอกสารและร่างแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อเตรียมเสนอผู้บริหารใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวอย่างนั้นหรือ สำหรับคนอื่นมองมาอาจไม่ใช่เรื่องแปลกกับแค่งีบนิดงีบหน่อยช่วงสายแล้วตื่นมาทำงานต่อด้วยสมองปลอดโปรงขึ้น แต่จิรัฐรู้ตัวดี เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน

... มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่...

“พักนี้กินไม่ค่อยลงพี่อาร์ม ปวดๆ ท้องไงไม่รู้”

“ก็เพราะไม่กินสิถึงปวด” ธรรมนูญพับแฟ้มงานเก็บ “ไปคุยต่อที่ห้องอาหารแล้วกัน...”

จิรัฐเดินตามไป คิ้วขมวดมุ่น ตอนบิดข้อมือหมุนกุญแจล็อกห้องเจ็บตรงที่กระแทกถูกขอบโต๊ะเมื่อสักครู่ขึ้นมาอีก แต่เขากลับนึกถึงคนที่เพิ่งตื่นแล้วต้องหยิกตัวเองให้แน่ใจ

อย่างน้อย ก็รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่ในความจริง...


ภวิลก้าวเข้าบ้านพระยาก็มองหาตัว ‘เจ้ามือ’ เมื่อวานก่อน เหมือนจะติดเป็นนิสัยไปเสียแล้วเวลาเข้ามาที่นี่ บ่ายอย่างนี้ปกติต้องอยู่ที่ห้องทำงาน แต่ห้องทำงานเล็กล็อกกุญแจ ห้องใหญ่ก็ว่างเปล่า เขาเดินผ่านโถงหน้าทะลุผ่านห้องอาหาร หมายใจว่าอาจจะอยู่ในห้องสมุด

แต่ก็เจอก่อนหน้านั้น... ห้องอาหารค่อนข้างโล่งด้วยความจริงตอนนี้เป็นเวลาน้ำชา แขกที่มาใช้บริการในช่วงนี้นั่งอยู่โซนใกล้สระบัวกันหมด บางส่วนโดยเฉพาะชาวต่างชาติก็เขยิบออกไปนั่งรับแดดภายนอกเสียเลย พอเดินเข้าไปจึงเห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งขวาของประตูได้ถนัด

คนหนึ่งเพิ่งกำลังจะกินข้าว ส่วนอีกคนดูยังไงก็กินกาแฟยืดเวลาชัดๆ

ภวิลเดินตรงไปหา และไม่ต้องรอให้มีใครออกปากเชิญก็นั่งลงแล้ว

ธรรมนูญชะงักค้างกึ่งกลางประโยค สายตายังจับรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงข้าม เรื่องภวิลทำตามใจ อยากนั่งก็นั่งนั้นไม่แปลก แต่จิรัฐดูจะไม่ว่าอะไรนี่สิ เขาคาดหวังวี่แววไม่พอใจบ้างกับการถือวิสาสะแบบนี้ ดูอย่างวันแรกที่ต้องร่วมโต๊ะกับผู้บริหารคนใหม่รุ่นน้องยังพยายามเลี่ยงทั้งทำท่าเต็มกลืน ตอนนี้เขาเลยพาลคิดไปว่าที่เฉยๆ อยู่เพราะเก็บความรู้สึกฝืนใจได้เงียบเชียบ และห่วงว่ายิ่งกดไว้จะยิ่งเครียดไปกันใหญ่

แต่อย่างน้อยถ้าภวิลยินยอมเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในอนาคตเรื่องที่จะกระจายหุ้นออกก็มีทางเป็นไปได้

ธรรมนูญไม่คิดว่านักธุรกิจอย่างภวิลจะดึงดันถือหุ้นไว้เพียงเพื่อควบคุมที่นี่ในเมื่อถ้าขายอาจจะได้กำไรมากกว่า ถึงจิรัฐจะเคยพัวพันกับเรื่องของน้องชาย แต่เขาก็อนุมานเอาว่าภวิลไม่มีอะไรที่จะยึดโยงว่าจิรัฐต้องรับผิดชอบ... ไม่มีประโยชน์ที่จะดึงรั้งบังเหียนเอาไว้ในเมื่อโครงการที่ทำเงินได้มากกว่าโรงแรมบูติกแบบนี้ตั้งหลายเท่ายังรอให้ไปบริหารอยู่มากมาย

และเมื่อรุ่นน้องขอให้ออกจากห้องก่อนที่โรงพยาบาล ธรรมนูญยังรู้สึกว่าอะไรที่ต้องรู้ ภวิลคงหาทางรู้จนหมดแล้ว

... ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อไปใหญ่...

เขาเห็นภวิลหันหาคนยังกินข้าว กวาดตาขึ้นลงรวดเร็ว... เร็วเกินคนถูกมองจะทันสังเกต และเร็วจนเขาไม่คิดว่าคนทำจะรู้ตัวเองเสียด้วยซ้ำ

ธรรมนูญขมวดคิ้ว เพราะถ้าเป็นคนอื่น เป็นเพื่อนหรือญาติ เขาคงคิดว่ามองด้วยความเป็นห่วง เพราะถึงตอนนี้สีหน้าจิรัฐก็ยังไม่ค่อยสบายและออกจะซีดอยู่มาก

ไม่ทันได้นึกอะไรต่อภวิลก็หันมาคุยเรื่องงานกับเขา และคุยต่อเนื่องชนิดที่ธรรมนูญไม่สามารถแบ่งแยกสมาธิคิดเรื่องอื่นได้อีกจนกระทั่งจิรัฐกินข้าวเสร็จ แต่ดูจากที่มองมาผู้จัดการการเงินก็นึกรู้ในใจว่าอีกฝ่ายคงอยากให้เขาไปเต็มที
 
ธรรมนูญเอ่ยขอตัวหลังจากนั้นไม่นานเพราะเข้าใจว่าคงง่ายกว่าหากจิรัฐจะคุยกับผู้บริหารใหญ่เรื่องสำคัญสำหรับอนาคตเบื้องหน้าของบริษัทอย่างเข้าตลาดหลักทรัพย์ตามลำพังก่อนโดยไม่มีพนักงานคนใดอยู่ด้วย เขามองรุ่นน้องแล้วแลเลยไปยังแฟ้มที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ

ในความคิดเขา เรื่องนี้ทำเร็วเท่าไรยิ่งดี

ประโยคแรกจากปากภวิลเมื่อผู้จัดการการเงินเดินออกไปแล้วคือ “ทำไมเพิ่งกินข้าวป่านนี้”

“... ผมลืมเวลา” เป็นคำตอบปลอดภัยที่สุดที่จิรัฐจะให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องพูดว่า ‘หลับจนไม่รู้ว่าพักกลางวันแล้ว’ หรือไม่ก็ ‘ฝันว่าลงไปอยู่ก้นบึงกว่าจะตื่นก็บ่าย’ ซึ่งรู้นิสัยอีกคนต้องซัก และเขาก็ไม่มีคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลเสียด้วย

“พูดเองตั้งแต่วันแรก... คนเรายังไงก็ต้องกินข้าว”

“... จำแม่น” จิรัฐเลียนคำพูดอีกฝ่ายที่ตลาดน้ำไม่มีผิดเพี้ยน ส่งผลให้คนเชิญตัวเองมานั่งด้วยแต่แรกหัวเราะนิด แต่ประโยคถัดไปยังจริงจังตามวิสัย

“เห็นสีหน้าไม่ค่อยดี ปวดหัวอีกหรือ”

“เปล่าครับ” จิรัฐตอบ ก่อนจะถามขึ้นเพื่อให้พ้นจากเรื่องนี้เสีย “เรื่องที่คุณตา... บอกว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นชื่อเหมือนคุณหญิงยายทวดผม เราควรจะเอารูปท่านให้ดูหรือเปล่า จะได้แน่ใจว่าไม่ใช่คนเดียวกันจริงๆ”

“ผมทำแล้ว... ให้คนไปบ้านนั้นแต่เช้า”

จิรัฐหันมองอย่างประหลาดใจ เขาไม่ได้แปลกใจที่ภวิลคิดถึงเรื่องนี้ก่อน และไม่ได้แปลกใจที่บ้านวิรัชภาคย์มีรูปคุณหญิงโชติการพาณิช แต่ไม่นึกว่าจะจัดการทุกอย่างรวดเร็วเพียงนี้ นี่คงเป็นสิ่งที่ภวิลอยากทำเป็นอย่างสุดท้ายให้น้อง เพื่อที่ว่าหากขายหุ้นออกแล้วจะได้เดินจากไปอย่างไม่มีเรื่องค้างคาอะไรต่อกัน

“ลูกน้องผมก็บอก... คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอก ได้ความอยู่อย่างเดียว ตาบอกว่าป้าบัวของแกน่ะสวยกว่าในรูปนี่อีก... แต่มาคิดๆ ดู ก็ระบุอะไรไม่ได้อยู่ดี เพราะรูปถ่ายทั้งเก่าทั้งซีด เห็นหน้าคุณยายทวดคุณไม่ค่อยชัด ถ่ายตอนท่านเริ่มมีอายุแล้วด้วย... เป็นไปได้ว่าแกเคยเจอตัวจริงสมัยสาวๆ และฝังใจว่าสวยกว่าที่เห็นในรูป”

“คุณยายทวดผมถือว่างามหาตัวจับยากแล้ว” จิรัฐบอก จากที่เคยได้ยินมา เขาสงสัยว่าในหมู่สตรีทรงโฉมจนโจษจันในสมัยนั้น จะมีใครเทียมคุณหญิงโชติการพาณิชได้

ภวิลมองแล้วว่า “ผมเชื่อ”

“ครับ?”

“ก็ดูจากคุณ... แม่คุณ ท่านยังงามสมวัยอยู่มาก”

จิรัฐถอนใจ “เลยไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมเท่าไหร่”

“ผมว่าจะเชิญคุณย่ามาทานข้าวที่นี่เร็วๆ นี้ จะได้คุยกับท่านพร้อมกันไปเลย”

จิรัฐพยักหน้า เขาไม่แน่ใจว่าภวิลจงใจเลี่ยงเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญกับคุณรงรองมารดาน้องชายรวมทั้งบิดาของตัวเองถ้าไปบ้านวิรัชภาคย์หรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ต้องการจะเป็นผู้กวนตะกอนในจิตใจของพวกท่านให้ขุ่นขึ้นมาโดยไม่จำเป็นเช่นเดียวกัน

ภวิลเหลือบมองแฟ้มบนโต๊ะ ถามเรื่อยๆ “คุณเอางานมาอ่านตอนกินข้าวด้วยหรือ นี่เรื่องอะไร”

จิรัฐรู้สึกว่าเวลาที่ต้องพูดเรื่องนี้มาถึงเร็วกว่าที่คิด ความจริงเขาก็เตรียมตัวศึกษาหาข้อมูลมาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าต้องคุยตอนนี้ก็คง... ไม่เป็นไร

“คือ... มันน่าจะดีสำหรับบ้านพระยาในหลายด้าน ถ้าเราลองคิดถึงการเข้าตลาดหลักทรัพย์ไว้บ้าง”

พูดไปแล้วเขาแทบกลั้นใจ ภวิลยังถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่เต็มสมบูรณ์ มติของ ‘ที่ประชุมผู้ถือหุ้น’ ตอนนี้ แท้จริงก็คือมติของคนตรงหน้านี่เอง

ถ้าไม่เห็นด้วย... ทุกอย่างก็ดำเนินการต่อไม่ได้จริงๆ

ภวิลนิ่งไปนาน ก่อนจะพูดเสียงเรียบจนเดาอารมณ์ไม่ออก “เรื่องนี้เองที่คุณคิดอยู่กับผู้จัดการ”

“ผมเป็นต้นคิด” จิรัฐบอกตามตรง เพราะที่ผู้จัดการการเงินเคยเสนอนั้นคือจะให้บริษัทอื่นเข้ามาขอซื้อหุ้นไปจากผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อคานอำนาจดื้อๆ เลยต่างหาก

“คุณคงอยากให้ผมออกไปมาก”

อีกครั้งที่น้ำเสียงราบเรียบจนติดจะเฉยชาไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่คล้ายคนพูดเพียงบ่งบอกความรู้สึกออกมา และจิรัฐก็รีบแก้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาคงไม่สนใจ

“เปล่า! คุณก็รู้นี่ว่าถึงจะทำแบบนั้นมันก็ไม่กระทบสัดส่วนการถือหุ้นถ้าคุณไม่ขาย ผมก็... ไม่ได้บอกว่าคุณต้องขาย” เขานิ่งไปนิดก่อนเสริมเสียงเบา “... ทันที”

ที่พูดอย่างนั้นก็เพราะแน่ใจ ภวิลไม่อยู่นาน ต้องมีสักวันที่ไป โดยที่ความ ‘อยาก’ หรือ ‘ไม่อยาก’ ของเขาไม่มีบทบาทเลยสักนิดเดียว ถ้ามีวันหนึ่งที่ภวิลเลือกจะขายหุ้นให้ใคร เงินทุนมาจากประชาชนที่ซื้อ ก็ยังดีกว่าไปกระจุกอยู่ในมือบริษัทข้ามชาติเพียงสองสามแห่ง ลำพังเขาไม่มีเงินทุนหนาพอจะซื้อคืนมาเองได้อยู่แล้ว
 
“จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ขั้นแรกต้องทำอะไร”

จิรัฐรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ถามทดสอบความรู้เขาแน่ แต่ก็ยังตอบ “แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน...”

“ใช่ ต้องจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ คุณไม่ว่าอะไรหรือที่คนภายนอกจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ ‘ธุรกิจในครอบครัว’ คุณมากขนาดนี้”

จิรัฐมองคนพูด เขาไม่คิดว่าภวิลต้องเดือดร้อน ในเมื่อจริงๆ แล้ววินเนอร์พร็อพเพอร์ตี้ก็ไม่เสียประโยชน์ทางธุรกิจ จริงอยู่ในอนาคตสัดส่วนการถือหุ้นอาจจะลดลงบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่กระทบสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดหากต้องการจะคงไว้จริงๆ และถ้าไม่ต้องการจะถือครองไว้แล้วยิ่งง่าย

“ผมก็คิดไว้ในระยะยาว... ถ้าจะระดมทุนเพิ่มแล้ว... คุณอยากออกไปสักวัน จะได้ไม่ลำบาก ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลา พูดตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะขายหุ้นในตลาดได้พรุ่งนี้เลยนี่ครับ ก็แค่... เตรียมไว้ก่อนเท่านั้นเอง”

ภวิลรู้ดีว่าอีกฝ่าย ‘เตรียม’ อะไร ก็วันแรกที่เข้ามาเขายังคิดเลยไม่ใช่หรือว่าไม่ได้ตั้งใจจะเกี่ยวข้องอยู่นาน ถ้าพูดกันในเชิงธุรกิจแล้วเขาไม่มีเหตุผลจะค้าน และไม่แปลกด้วยที่จิรัฐจะหาแหล่งเงินทุนระยะยาวเสริมเอาไว้

เขาเข้าใจทุกอย่าง เพียงแต่ตอนนี้... ‘จุดคุ้มทุน’ ของเขาคงต่างไปแล้วจริงๆ

“ผมว่าเรายัง... ไม่พร้อม”

“เหตุผลครับ”

จิรัฐดูไม่แปลกใจเท่าใดที่เขายังไม่ยอม แต่แน่นอนว่าเขาต้องมีเหตุผลที่ดีพอ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงเสียความเชื่อถือที่ภวิลรู้สึกว่าเพิ่งจะได้มาในระยะหลังไปโข เขาเค้นสมองคิด ธุรกิจของเศรษฐสุทธ์ไม่เหมือนฝั่งเขา เครือของวิรัชภาคย์นั้นไม่จำเป็นต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะไม่มีความเร่งด่วนในการระดมทุน ทายาทรุ่นต่อมาทั้งพ่อทั้งเขามั่นใจพอว่าจะพาทุกอย่างไปรอดโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง ‘ผู้ทรงคุณวุฒิ’ จากภายนอก แถมยังมีญาติคนอื่นหนุนไว้อีก

แต่อย่างจิรัฐว่าไปแล้วก็เหลือตัวคนเดียว เขารู้ว่าจิรัฐต้องคิดถึงการรักษาบ้านพระยาเอาไว้เป็นสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นข้อด้อยอื่นๆ ของการเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อย่างต้องเปิดเผยผลการดำเนินงานหรือว่ายินยอมให้มีการตรวจสอบต่างๆ เป็นเรื่องรองลงไป

ภวิลรีบพูด “หุ้นกระจายออกง่ายมาก เผื่อมีคนอื่นมากว้านซื้อไปล่ะ”

จิรัฐขมวดคิ้วมองเขา และภวิลก็เพิ่งรู้ว่าที่พูดไปน่ะมันเข้าตัวชัดๆ ตอนแรกเขาก็ทำแบบนี้แม้จะยังไม่ได้เข้าตลาดเลยไม่ใช่หรือไง
 
“กำหนดสัดส่วนก่อนได้นี่ครับว่าจะกระจายออกเท่าไหร่”

เป็นอันตกไป... ภวิลนึกขึ้นได้อีกอย่าง ถ้าอันนี้ยังไม่ได้เขาก็เริ่มคิดไม่ออกแล้ว

“ระยะนี้ตลาดกับเศรษฐกิจผันผวนมาก กลายเป็นว่ามูลค่าธุรกิจคุณมันจะไปผูกติดอยู่กับตลาด โดยที่ไม่เกี่ยวกับความเป็นจริงของธุรกิจเลยก็ได้”

จิรัฐนิ่งไปนิด ก่อนจะยอมรับว่าจุดนี้เขาคงต้องไปศึกษาเพิ่มเพื่อหาช่วงเวลาเหมาะสมที่ควรดำเนินการ ภวิลลอบถอนใจ แต่อีกฝ่ายก็ว่า

“ยังไงคุณก็อย่าเพิ่งโยนเรื่องนี้ลงถังขยะนะครับ ไว้ถ้าอีกหน่อย... จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ให้เป็นหนึ่งในทางเลือกก็แล้วกัน”

ภวิลรู้ว่า ‘การเปลี่ยนแปลง’ ที่จิรัฐพูดถึงคือการที่เขาถอนหุ้นออก หรือคิดจะขายนั่นเอง เขาพยักหน้า

ทั้งที่ในใจก็รู้ ที่ว่ายังไม่พร้อมนั้นไม่ใช่เพียงบริษัท แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก เขาไม่อาจยอมให้กระบวนการแปรสภาพเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างและต้องยุ่งเกี่ยวกับคนอีกมากมายเกิดขึ้นตอนนี้ ในเมื่อต้องการแน่ใจว่าเหตุการณ์ที่บ้านหลังนั้นไม่มีความเชื่อมโยงกัน เป็นเพียงอุบัติเหตุอันหลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เลยกับคนรอบข้างจิรัฐ เพราะถ้าไม่ใช่ นั่นหมายความว่าอาจเกิดเรื่องซ้ำเดิมขึ้นอีก

... และจะให้แน่ใจได้ เขาก็ต้องจำกัดวงทุกอย่างลงให้แคบและควบคุมตัวแปรแวดล้อมให้ยังคงสภาพเดิมมากที่สุด การเข้าตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้รังแต่จะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น

นี่คือเหตุผลที่ภวิลบอกตัวเอง แต่อีกอย่างที่ไม่มีเหตุผลเลยก็คือ เมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายไล่ เขาน้อยใจวูบ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นถ้าเรื่องนี้เป็นเพียงความรับผิดชอบอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้ลุล่วง

ภวิลสั่นศีรษะ เรื่องบางเรื่องก็อธิบายได้ยากจริงๆ


ธรรมนูญเดินมุ่งหน้ากลับห้องทำงานตัวเอง หลังลุกจากโต๊ะแล้วเขาก็แวะไปคุยกับแผนกอื่นเรื่องงานนิดหน่อย แต่ก่อนถึงห้องตัวเองก็ต้องชะงัก

รุ่นน้องโผเผออกมาจากห้องน้ำ อาการยกมือปิดปากกับหยดน้ำที่ยังเกาะพราวบนใบหน้าทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น เขายืนนิ่ง รู้ดีว่าจิรัฐไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น มองอีกฝ่ายขยับจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงาน แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินลงบันไดไปช้าๆ คงตัดสินใจกลับเร็วสักวัน

ธรรมนูญเปลี่ยนจุดหมายมาเคาะห้องทำงาน ‘ต้นเหตุ’ แทน เปิดเข้าไปทันทีเมื่อได้ยินเสียง “เชิญ”

ภวิลเงยหน้าขึ้นจากรายงานที่กำลังอ่าน ขมวดคิ้วนิดเมื่อเห็นเป็นผู้จัดการการเงิน ธรรมนูญก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง โพล่งขึ้น

“คุณไม่สงสารเขาบ้างหรือ”

คนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะทำงานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ธรรมนูญสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติ
 
“ถ้าเดาไม่ผิด คุณคงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้เอาโรงแรมเข้าตลาดหลักทรัพย์”

“คุณไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดเรื่องนี้กับผมนะ คุณธรรมนูญ” ภวิลพูดเสียงเย็น และในเวลาอื่นธรรมนูญก็คงจะเกรงอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธเสียแล้ว จึงไม่ทันเห็นด้วยว่าถ้าภวิลคัดค้านข้อเสนอนี้แบบปิดประตูตาย ก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งอ่านแฟ้มรายงานที่จิรัฐทำหรอก

“ผมก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน ถึงมันจะแค่กระผีกเดียวเมื่อเทียบกับของคุณก็เถอะ คุณก็รู้ว่าจิรัฐทำงานหนัก ทำทุกอย่างเพื่อบ้านหลังนี้ที่เขารัก จะต้องให้ป่วยให้ตายไปก่อนหรือคุณถึงจะนึกเห็นใจบ้าง แค่นี้เขาก็เครียดจนอาเจียนแล้ว”

“อะไรนะ”

“ตอนนี้คงกลับไปพักที่บ้าน แต่ดีขึ้นมันก็ชั่วครั้งชั่วคราว ผมถึงถามว่าคุณไม่สงสารเขาบ้างหรือ... จิรัฐต้องปวดหัวปวดท้อง อาเจียนอยู่อย่างนี้ ไม่หายหรอก เพราะสาเหตุยังไม่ไปไหน”

ภวิลนิ่งอึ้ง นึกถึงตอนที่จิรัฐปวดหัวจนเดินตกสระ ปวดท้องก่อนไปตลาดน้ำ ฝันร้าย... ทั้งหมดเพราะเครียด และที่เครียดก็เพราะ... เขา

ใจหนึ่งอยากปฏิเสธไม่เชื่อเรื่องนี้ เท่ากับว่าความพยายามที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า ที่เขายืนยันจะอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์แบบที่บ้านหลังนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกมันไร้ประโยชน์ทั้งนั้น เพราะตัวเขาเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอันตรายต่อคนที่คิดว่าต้องรับผิดชอบปกป้องความปลอดภัย

แต่อีกใจหนึ่งก็รู้... ตลอดเวลาที่ธรรมนูญดูไม่มีปากเสียงนั้นเพราะไม่อยากให้กระทบถึงจิรัฐ นี่คงอดรนทนเไม่ไหวแล้วถึงได้พูดออกมา ลักษณะไม่ได้กลัวตัวเองจะถูกไล่ออกเลยสักนิดเดียว

และลองไม่ห่วงตัวเองเสียแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหกเลย

ธรรมนูญเห็นสีหน้าคนยืนตรงข้าม และนึกรู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่สังเกตว่าจิรัฐเริ่มป่วยไข้และเป็นมากขึ้นในระยะหลัง เขาโทษภวิล เพราะลำพังงานหนักไม่เป็นปัญหาสำหรับจิรัฐ ถ้าเป็นงานที่รักแล้วรุ่นน้องทำทุกอย่างด้วยความสุข อายุก็เพิ่งยี่สิบสี่เท่านั้นเอง ถึงเหนื่อยก็เหนื่อยธรรมดา ไม่ได้ออกอาการเพลียเหมือนจะพับได้อย่างบางวันในตอนนี้ สรุปได้อย่างเดียวว่าเป็นสาเหตุทางด้านจิตใจ

“จิรัฐจะบอกผมเอง” ภวิลพูด พยายามบังคับเสียงให้ราบเรียบที่สุด “เขาพูดกับผมได้”

“คุณจะให้จีไล่คุณหรือไง ให้พูดหรือว่ายิ่งคุณอยู่เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ... เชื่อผมเถอะ จีเขามารยาทดีเกินกว่าจะทำอย่างนั้น ที่คุณเข้ามาบริหารน่ะมันทำให้แขกมากขึ้นจริง กำไรดี โบนัสให้พนักงานก็ดี จีเป็นคนแบบนี้ ใครทำประโยชน์ให้บ้านเขาก็ถือเป็นบุญคุณหมด เพราะฉะนั้นถึงอยากให้คุณไปเขาคงไม่ออกปากหรอก”

ภวิลนิ่งเป็นคำรบสอง จนธรรมนูญทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“อย่างน้อย... เขาก็เป็นเพื่อนที่ดีของน้องชายคุณมาโดยตลอด ถ้าไม่เห็นแก่เขา ก็เห็นแก่น้องคุณบ้างก็ได้”

ภวิลเม้มปากแน่น ธรรมนูญออกจากห้องไปแล้วเขาก็ยังยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนยกหูโทรศัพท์ขึ้น


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เดหลี

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +254/-3
บทที่ 9 (ต่อ)

วันรุ่งขึ้นจิรัฐจอดรถที่ประจำก่อนออกเดินมุ่งไปท่าน้ำ หลังนอนยาวไปตื่นเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก เรียกว่าอาการเมื่อวานแทบจะเป็นปลิดทิ้ง จนเหลือบเห็นรถคันดำเจ้ากรรมอีกครั้ง

คราวนี้ภวิลมองมาราวกลัวเขาจะเดินเลย แถมยังพูด “ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาใช่มั้ย”

จิรัฐพยักหน้า เขาแทบกินสามมื้อที่ทำงาน และภวิลก็น่าจะรู้ว่าปกติมื้อเช้าเขาก็กินที่บ้านพระยานั่นแหละ อีกฝ่ายผงกศีรษะนิดอย่างพอใจในคำตอบพลางปลดล็อกรถ

“นี่เราจะไปไหนกันครับ”

“โรงพยาบาล”

“ใครเป็นอะไรหรือเปล่า” จิรัฐออกตกใจ แวบหนึ่งเขานึกถึงคุณยาย เพราะเป็นคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับทั้งเขาและภวิล

“ยัง... แค่จะไปเช็คให้แน่ว่าคุณไม่เป็นอะไร”

มือที่กำลังจะเปิดประตูขึ้นนั่งชะงัก “ผมไม่เป็นไร”

“ก็บอกว่าเช็คเฉยๆ”

“ก็เห็นนี่ว่าสบายดี”

“ถ้าคุณไม่ไปผมก็จะ...”

“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกล่ะ”

“ไม่มีหรอก... ก็แค่จะบอกว่า ถ้ายังอยากอยู่กับบ้านกับคนที่คุณรักไปนานๆ น่ะก็ใส่ใจสุขภาพตัวเองเสียบ้าง เริ่มต้นด้วยการไปตรวจกับผมวันนี้แหละ”

เงียบกันไปนิด ก่อนจิรัฐจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งโดยไม่พูดอะไรอีก ภวิลมองอีกฝ่ายอย่างสังเกตสังกา แต่เขาไม่คิดว่าจิรัฐโกรธ ไม่พอใจ หรืออะไรก็ตามที่จะเป็นสาเหตุแห่งความเครียดที่ต้องนั่งรถไปกับเขา

ขับไปได้หน่อยภวิลก็พูดอย่างระมัดระวัง “ผมคิดว่าถ้าบ้านพระยาค่อยๆ โตในอัตราขนาดนี้ ยังไม่ต้องเร่งระดมทุนเพิ่ม”

“ครับ” จิรัฐก็รับคำท่าทางปกติ

“ผมหมายถึง... คุณยังไม่ต้องเครียด... ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินทุนหรอก ปีนี้กำไรดี เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แค่รอไปอีกหน่อยเท่านั้นเอง”

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ” จิรัฐบอกแล้วยังยิ้มให้อีกนิดด้วย ก่อนเอนหลังพิงเบาะมองตรงไปข้างหน้า ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่เครียดจนลงกระเพาะเลย

อันที่จริงเมื่อวานที่เขาเห็นกับตาชัดๆ ก็เพียงแต่หน้าซีดไปหน่อย อาจจะเหนื่อย ร้อน หิว คืนก่อนนอนไม่พอ สารพัดเหตุผล ซึ่งว่าไปก็ไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไร แต่ภวิลก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้จัดการการเงินจะกุเรื่องรุ่นน้องคลื่นไส้อาเจียนแม้เพียงเพื่อให้เขาออกไปพ้นจากชีวิตจิรัฐก็ตามที


จิรัฐก้าวเข้าไปในส่วนต้อนรับผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อเสียงอย่างไม่ค่อยจะสบายใจ เขาไม่เคยชอบโรงพยาบาล หลายคนอาจจะได้มารับน้องใหม่หรือญาติที่หายแล้วกลับบ้าน ซึ่งล้วนเป็นความทรงจำที่มีความสุข แต่แม้จะตกแต่งไว้งดงามเพียงใด กลิ่นยาและแอลกอฮอล์เจือจางก็ยังผสานแทรกมาเป็นระยะ ว่ากันว่ากลิ่นเป็นตัวกระตุ้นความทรงจำที่ดีที่สุด ตอนที่เขาพาเพื่อนไปห้องฉุกเฉิน กลิ่นแบบนี้ก็...

ภวิลหันมาเห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีของคนพามาก็รีบบอก

“ไม่ต้องห่วง คนนี้ผมไว้ใจ เขาเก่ง”

จิรัฐมองป้าย อักษรสีดำเด่นชัดบนพื้นขาวสะอาดตา... แพทย์หญิงมทนา ไกรสารสรพงศ์

ความจริงเขาไม่ควรจะแปลกใจที่ภวิลเลือกพามาหาคุณหมอคู่หมั้น จะมีใครที่ ‘ไว้ใจ’ ได้ยิ่งไปกว่าคนที่กำลังจะแต่งงานกัน

เขาถอนใจเบาๆ เมื่อพนักงานต้อนรับยกมือไหว้ภวิลอย่างนอบน้อมและ... เคยคุ้นด้วยคงมาบ่อย ก่อนนางพยาบาลจะเชิญวัดความดัน

เจาะเลือดความจริงให้นางพยาบาลเจาะต่อเลยก็ได้ แต่ภวิลเจ้ากี้เจ้าการจะให้หมอเจาะ ก็เลยต้องอพยพกันเข้ามาในห้องหมอทั้งหมด มทนาทักทายคนพามาอย่างสนิทสนม ก่อนจะเผื่อแผ่รอยยิ้มที่ทำให้จิรัฐต้องยิ้มตอบออกไปมาด้วย

หมอชวนคุยโน่นคุยนี่ แต่จิรัฐรู้ว่าเป็นการซักประวัติกลายๆ เขาก็ตอบทุกอย่าง ภวิลนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนมทนาจะเตรียมเจาะเลือด

“ไม่กลัวเข็มนะคะ...” เธอว่า ยิ้มอีกราวจะบอกให้สบายใจ

จิรัฐส่ายหน้า เพียงครู่เดียวก็เสร็จ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ” คุณหมอบอก เหลือบมอง ‘เจ้าของไข้’ นิดหนึ่ง

“ให้หมัดเจาะน่ะดีแล้ว ไม่ค่อยเจ็บ” ภวิลเอ่ยคล้ายจะอธิบาย เหตุก็คงมาจากน้องอีกตามเคย เพราะกฤตวัตเกลียดเข็มอย่างกับอะไร

“จ้า...” มทนากดสำลีลงที่แผลเบาๆ ก่อนปิดทับด้วยสก็อตเทปที่ใช้กับผ้าพันแผลก่อนตรวจเบื้องต้นตามปกติ หลังจากนั้นจิรัฐก็ต้องเข้าห้องโน้นออกแล็บนี้จนเหลือจะจำว่าตรวจอะไรไปแล้วบ้าง ก่อนผลทั้งหมดจะกลับมาที่ห้องหมอ เขาเดินผ่านก็เห็นภวิลออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์กินกาแฟข้างนอกเฉยในขณะที่หมอทำงานอยู่ในห้องไป จิรัฐกระซิบถามพยาบาล

“ทำไมตรวจเยอะนักล่ะครับ”

“คุณหมอสั่งทุกอย่างเลยนี่คะ” เธอตอบ

จิรัฐพอจะรู้อยู่บ้างว่าตรวจร่างกายธรรมดาไม่มีทางที่หมอจะต้องระบุขนาดนี้ แต่อาจเป็นแบบตรวจละเอียดเป็นพิเศษของโรงพยาบาลก็ได้

พอฟังผลก็ได้ยินแต่คำว่า “ปกติ” กับ “อยู่ในเกณฑ์ดี” กางฟิล์มเอ็กซเรย์ออกก็ “ปกติดี” จนเขาอยากจะย้ำกับคนพามาว่านี่มันผลของคนสุขภาพดีชัดๆ มีแต่ผลเลือดเท่านั้นที่มทนาบอกว่า

“เม็ดเลือดขาวสูงนิด... เดียว อาจจะเป็นเพราะเครียดก็ได้ ส่วนที่ปวดหัวนี่ดูเหมือนจะไม่ได้ถึงขนาดรบกวนชีวิตประจำวัน ก็รับยาอย่างที่เคยทานอยู่ไม่มีปัญหา ปวดท้องน่าจะโรคกระเพาะเบื้องต้น เดี๋ยวพี่สั่งยาให้” เธอแทนตัวเองอย่างเป็นกันเอง คงเพราะรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนของน้องชายคู่หมาย แล้วก็ทำงานอยู่กับคู่หมายที่ว่าด้วย “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก็อย่าเครียด กินอาหารให้ตรงเวลา พักผ่อนให้พอ ทั่วๆ ไปแหละค่ะ”

“... อย่าเครียด” จิรัฐพึมพำ

แปลกที่มทนาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ความจริงเขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองเครียดอะไรเป็นพิเศษมาสักพักแล้ว ปวดหัวเรื่องธรรมดา ปวดท้องมีบ้างก็เพราะกินข้าวสายไปหน่อยแค่ไม่กี่วัน ไม่น่าจะมีอะไรจนกระทั่งเขาอาเจียนเมื่อวาน แต่หมอว่าคลื่นไส้แบบนี้ก็โรคกระเพาะเหมือนกัน กินยากันก่อนอาหารก็ไม่ควรเป็นอีก

“... มีเรื่องให้เครียดเหรอคะ”

“ก็... บ้างครับ”       

“หุ้นส่วนพาเครียดหรือเปล่า”

“หมัด...” ภวิลส่งเสียงปราม มทนาหัวเราะ

“เอาอย่างนี้ ต้องเจาะเลือดคนไข้ของพี่คงยังไม่ได้ทานของเช้ามา หิวแย่แล้ว ไปรับยาแล้วไปทานข้าวด้วยกันดีกว่าค่ะ”

จิรัฐปฏิเสธไม่ทัน ส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าสองคนควรจะได้ไปทานกันตามลำพัง แต่ภวิลลิ่วไปจ่ายค่ายาก่อนแล้วนำไปที่จอดรถ เขาจะปลีกตัวไปก็ไม่มีโอกาส จนกระทั่งออกจากลิฟต์แล้วภวิลชะลอฝีเท้าลงไปเดินคู่กับคุณหมอ เขาก็จงใจทิ้งห่างคิดว่าคงมีเรื่องอยากคุย

ไม่รู้เลยว่ามีแต่เรื่องตัวเองล้วนๆ

“... วินก็เห็นผลออกมาปกติดี วินจะเอาละเอียด... หมัดก็ให้ทำทุกอย่าง นี่ตรวจทุกชิ้นส่วนที่ตรวจได้ในร่างกายมนุษย์เลยนะ”

“แล้วมันเพราะเครียดแค่นั้น? คนทำงานก็ต้องมีเรื่องเครียดเป็นธรรมดา เอาเลือดหมัดเลือดเราไปตรวจผลอาจจะออกมาไม่ต่างกันเท่าไหร่”

“มันก็ใช่... แต่เริ่มแสดงอาการทางร่างกายนี่แสดงว่าสะสมมาระยะหนึ่งแล้ว นอนไม่สนิทด้วย... ที่หมัดบอกว่าอย่าเครียดเพราะทุกอาการที่เป็นอยู่นี่ถ้าเครียดก็แย่ลงอีกได้ทั้งนั้นแหละ”

ภวิลนิ่งไป สรุปแล้วก็เพราะว่าเครียดจริงๆ สรุปแล้วก็เป็นเพราะ...

... การที่เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวใช่หรือเปล่า

“วินก็ให้ไปพักร้อนบ้าง... ใช้งานเขาหนักล่ะสิ” มทนาว่า

จิรัฐอดชำเลืองมองไปข้างหลังไม่ได้ ขนาดคุยกับคู่หมั้นคู่หมายชายหนุ่มยังแทบไม่ยิ้ม แต่คุณหมอก็ดูจะชินเสียแล้ว เขาหยุดยืนรอ ว่าจะขอตัวกลับเองก่อน

“ไปรถหมัดนะ มีสติกเกอร์จอด” มทนาว่า 

“ขับให้” ภวิลว่า มทนาก็ล้วงกระเป๋าส่งกุญแจให้โดยดี

จิรัฐรีบพูด “ผมว่าจะ...”

“เชิญเลยค่ะ” มทนาเปิดประตูรถตัวเองให้เขาก่อนจะขึ้นไปนั่งหน้าคู่คนขับ และจิรัฐก็เกรงใจเกินกว่าจะบอกปัดอีกครั้ง เลยลงเอยด้วยการต้องนั่งติดไปด้วยข้างหลัง

เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ผู้โดยสารกับคนขับจะคุยกันได้สะดวกกว่า ส่วนใหญ่คุณหมอเป็นคนพูด ในขณะที่คนขับอือออราวพะวงเรื่องอื่นในใจ มทนาหันมาชวนเขาคุยเป็นระยะเช่นกันตามวิสัยคนอัธยาศัยดี

พอถึงก็เข้าร้านได้ทันทีเพราะมีบริการจอดรถให้ เป็นร้านอาหารฝรั่ง ต่างคนต่างสั่งของตัวเองไป ไม่ทันไรมทนาก็เอ่ยชื่นชมบ้านพระยา แล้วยังว่า

“เห็นกลางคืนตอนที่ไปงานวันเกิดคุณย่า พี่ชอบมาก... ถ้าแต่งงานนะยังนึกอยากจัดงานที่นั่นคงดี ได้ไหมคะ”

จิรัฐยิ้ม พยักหน้า และตอบว่ายินดี ทั้งที่รู้สึกประหลาดชอบกล แต่จะคิดอะไรมาก บ้านของเขาก็ใช้เป็นที่จัดงานมงคลออกบ่อยไป
 
“วินว่าไง” มทนาถามเพื่อนขำๆ เพราะในความเข้าใจของเธอภวิลร่วมบริหารจัดการที่นั่นอยู่ ก็เท่ากับดูแลสถานที่อยู่เหมือนกัน ท่าทางคงไม่วางมือเร็วๆ นี้แน่

“ตามใจสิ” เป็นคำตอบสั้นๆ ก่อนจะว่า “เจ้าบ่าวอยู่ไหนล่ะ”

มทนาหัวเราะ และช่วยไม่ได้ที่จะดูเหมือนการหยอกล้อระหว่างคู่ที่คบกันมานานและรู้จักกันดี ในเมื่อใครๆ ก็รับรู้ว่าแพทย์สาวคนเก่งทายาทเครือโรงพยาบาลกับชายหนุ่มเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีธุรกิจของครอบครัวอยู่ในมืออีกเป็นกระบุงเป็นคู่หมายกันตั้งแต่ไหนแต่ไร เจ้าบ่าวของมทนา ไกรสารสรพงศ์คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้

จิรัฐก้มมองจานพยายามจดจ่อกับอาหาร ในขณะรู้สึกเป็นส่วนเกินนิดๆ แต่แล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องธุรกิจ และกลายเป็นเรื่องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างไรไม่รู้ มทนาหันไปตื่นเต้นกับรถของหวานที่เต็มไปด้วยขนมกับเค้กต่างๆ นานานิดหนึ่งก่อนจะเลือกมาชิ้น และกลับมาต่อบทสนทนาได้ไม่มีพลาด

“อย่างเครือโรงพยาบาลบ้านพี่ก็มีแผนจะกระจายหุ้นให้ประชาชนแล้วจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เหมือนกันนะ ได้เงินมาซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ พัฒนาโรงพยาบาลได้อีกเยอะ...”

“หมัดพูดอย่างกับกระจายหมด พนันกันไหมว่าคุณลุงยอมให้อยู่ในตลาดได้กี่หุ้น” แน่นอนว่าภวิลต้องขัด

“หมัดก็แค่จะบอกว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจครอบครัวเท่านั้นเอง เข้าตลาดหลักทรัพย์มันกึ่งกลางระหว่างขายกิจการเอาตังค์เลยกับให้ในครอบครัวถือหุ้นอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เงินหนาอย่างวิรัชภาคย์นี่จ๊ะ”

“บ้านพระยาก็คง... ต้องเข้าสักวัน” ภวิลพูดเบาๆ สบตากับคนที่นั่งตรงข้ามกันแวบหนึ่งก่อนจิรัฐจะก้มหน้าลง

ถ้าพูดแบบนี้แล้ว ก้าวแรกที่จะนำไปสู่การปล่อยมือจากเรื่องทั้งหมดก็ใกล้เข้ามาทุกที

จิรัฐรู้ว่าครอบครัวของมทนามีโครงการลงทุนสร้างศูนย์วิจัยกับโรงพยาบาลใหม่อีก และรู้ว่าบิดาของมทนาและภวิลเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่มีอะไรเหมาะเกินกว่าใช้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของลูกชายหากโครงการนี้เกิดขึ้น และภวิลก็คงไม่มีเวลาเหลือพอให้โรงแรมบูติกเล็กๆ ที่เขาเคยซื้อไว้อีก

ทานเสร็จจิรัฐยังคิดว่าจะเอ่ยลาคุณหมอและให้ภวิลกลับไปส่งคู่หมั้นที่โรงพยาบาล แต่มทนาเดินไปเข้าห้องน้ำ เขาเลยต้องรออยู่ข้างหน้าก่อน

ภวิลมองอีกฝ่ายหันไปรับถุงพูดจากับพนักงาน ต้องถาม “นี่ซื้อขนมฝากใครอีก”

จิรัฐส่งถุงใส่กล่องเค้กชิ้นน้อยหน้าตาจุ๋มจิ๋มให้ คนถามมองอย่างประหลาดใจ “... ผมไม่ค่อย...”

“ให้คุณให้คุณหมอ” จิรัฐว่า “ตอนรถของหวานมาเห็นชอบสองอย่างนี้แต่ก็เลือกไปอันหนึ่ง ชิ้นนี้เผื่อไว้ทานตอนบ่าย”

ภวิลย่นหัวคิ้ว ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเกิดจะอยากทำหน้าที่คล้ายเลขาฯ อะไรขึ้นมาตอนนี้ในเมื่อมื้อที่ผ่านไปก็ไม่ใช่นัดเจรจาทางธุรกิจที่ต้องเอาใจภรรยาคู่ค้าเสียหน่อย ยังไม่ทันพูดอะไรผู้ช่วยตัวอย่างก็ว่า

“ไม่ต้องห่วง อันนี้ผมลงบัญชีคุณแน่”

“ไปไหน” ภวิลต้องเรียกเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปดื้อๆ “เดี๋ยวไปส่งหมัดแล้วกลับด้วยกั...”

“ผมกลับเองจากที่นี่ดีกว่า” จิรัฐบอก คิดว่าคนเป็นคู่หมายกันทั่วโลกก็ต้องอยากมีเวลาส่วนตัวทั้งนั้น

“ไปด้วยกันนี่แหละ”

จิรัฐยังนิ่ง เขาต้องงัดไม้ตาย “ผมนัดคุณย่าไว้จะขับไปรับท่าน ไปด้วยกัน”

ในที่สุดอีกฝ่ายก็พยักหน้านิด พอดีกับมทนาเดินมาใกล้

ภวิลยื่นถุงขนมส่ง หมอก็รับงงๆ “ขอบใจวิน รู้ได้ไงอยากกินอันนี้ด้วย”

“โน่น คนโน้น เห็นหมัดดูไว้สองอย่าง” เขาว่า สายตายังจับอยู่ที่แผ่นหลังคนเดินลิ่วไปบอกพนักงานให้ถอยรถมาเทียบแล้ว

เสียงเพื่อนชื่นชมความช่างสังเกตละเอียดอ่อนและแสนจะมีน้ำใจของจิรัฐ ภวิลถอนใจ ตอนนี้งานอย่างสุดท้ายของเขา ก็มีเพียงพยายามติดต่อหาตัวเจ้าของบ้านเพื่อย้ายมาปลูกในที่บ้านพระยา โดยหวังว่าคุณย่าอาจจะให้ความกระจ่างในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหญิงยายทวดบัวของจิรัฐได้บ้าง

เพราะสิ่งที่เขาติดใจสงสัยว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เหมือนกันที่บ้านหลังเดียวกันในเวลาที่จิรัฐไปอยู่ที่นั่นทั้งสองครั้ง จนกลายเป็นห่วงไปถึงว่าแท้จริงจิรัฐกำลังไม่ปลอดภัยหรือไม่ ป่านนี้ก็ยังไม่มีเบาะแสใดที่ชัดเจนอีก

ตอนแรกภวิลยึดโยงกับน้องเป็นที่ตั้ง บอกตัวเองว่าเพราะน้องรักเพื่อนคนนี้มาก อย่างน้อยเขาไม่สมควรปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอันตรายทั้งๆ ที่ช่วยได้ ต่อมาก็บอกตัวเองว่าเพราะอาจมีคนไม่หวังดี เพราะการบริหารบางอย่างยังไม่เข้าที่ เขาจึงต้องยังอยู่

แต่ที่เมื่อวานโทรนัดหมอ วันนี้ที่มารอแต่เช้า ที่กำชับให้ตรวจจนละเอียด ทำไมถึงยังยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่า ที่แท้ก็... ห่วงนั่นแหละ ห่วงเจ้าตัวเอง ห่วงโดยไม่ต้องอ้างใคร หรือสถานการณ์ใดๆ มาประกอบทั้งสิ้น

แต่ถ้าเขาเป็นสาเหตุ หรือแม้แต่หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้จิรัฐต้องป่วยอย่างทุกวันนี้ ก็คงไม่สามารถใช้เหตุผลใดแม้แต่ความห่วงใยเพื่ออยู่ต่อได้อีก

เขาไม่เกี่ยงว่าต้องไป แค่... ขอให้แน่ใจว่าในระยะเวลาที่ยังมีอยู่น้อยนิด ได้ทำทุกอย่างจนสุดความสามารถแล้วก็พอ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณลูกลิงตัวอ้วน ขอบคุณมากค่ะที่ชอบ จะพยายามปั่นสุดความสามารถค่า
คุณ patee ขอบคุณมากค่า ฝากตอนต่อด้วยน้า
คุณ bulldog17 นิดดดนึง แต่เรื่องนี้คนเขียนเองยังรู้สึกเลยว่าของหวานหายาก บุคลิกอิคุณพระเอกล็อกมือไว้ (โทษเขาไปทั่ว)
คุณ malula ก็สนิทกันมากขึ้นบ้างไรบ้าง นั่นสิ มีผู้ร้ายในบ้านพระยาหรือเปล่า แล้วเขาคือใคร??? เด๋วก็รู้ :)
คุณ yeyong มาถึงบทที่เก้าก็ต้องก้าวหน้าสิเนอะ (ใช่เปล่าเนี่ย)
คุณ uknowvry 55 ตลาดน้ำเลยนะ
คุณ namngern มาแล้วนะคะ ขอบคุณมากสำหรับการติดตามและบวกค่า
คุณ ormn ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า ฝากตอนต่อด้วยน้า
คุณ Pupay ขอบคุณมากสำหรับการติดตามค่า จริงๆ แล้วคนเขียนก็คิดว่าจีผอมนะ แต่เป็นพวกผอมแล้วแรงเยอะประมาณนั้น 55
คุณ AprilSnow เงื่อนมาอีกหน่อยแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะคะ
คุณ myd3ar บ้านนั้นลึกลับจริงๆ แหละ ฝากต่อด้วยนะคะ
คุณ Sherbet:)* สยองขวัญเลยนะ 55 (ดูตอนต้นบทที่ 9 ซะก่อน) แต่จริงๆ มันไม่เชิงผีหรอก ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจค่ะ
คุณ PetitDragon ค่อยๆ รักแต่รักแล้วรักเลยค่ะ กร๊าก อยากให้มันหวานๆ เหมือนกัน (ไม่ค่อยเลย) จะพยายามค่ะ ขอผ่านมรสุมลูกนี้ไปก่อน
คุณ Ipatza เรื่องทักษ์นี้ต้องดูกันต่อนิดนึงนะ ฮีออกจะเป็นตัวละครลับ อาจจะแบบ... เป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน (มั้ง อาจจะไม่ 55) พระเอกฮีก็ขี้สงสัย แค่คิดว่าอะไรมันจะประจวบเหมาะไม้ร่วงสองครั้งติด ต้องมีคนในบ้านด้วย และคนนั้นเผอิญเป็นนายเอกของเราด้วย แต่ไม่มีหลักฐานก็ชักนึกว่าตัวเองคิดไปเองละ (คิดไปเองจริงรึเปล่านั้นเด๋วก็รู้)
คุณ berlyn ยินดีค่ะ ลองเดาดู อิอิ (แล้วทำไมเรื่องนี้มันไม่ค่อยหวานเลยเนี่ย)
คุณ Cherry Red ความสัมพันธ์คู่นี้มันดีวันดีคืนจริงรึเปล่า กร๊าก คนเขียนก็ว่าเหมือนเดทนะตอนนั้น แต่เป็นเดทที่นายเอกออกตังค์เองเกือบหมดเลยนะ 55
คุณ @Iriz บทนี้ก็เบาะแสมาอีกหน่อยเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจนะคะ ปล. แอบเห็นแนะนำที่ทู้แนะนำนิยายด้วย ขอบคุณมากค่ะ ดีใจมากเลย
คุณ janamanza ไม่รู้จะถึงขั้นโฮล์มส์หรือเปล่าสินะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะสำหรับการติดตาม
คุณ cavalli ขอบคุณที่แวะเข้ามาค่า
คุณ pattybluet เริ่มหัวปักหัวปำรึยางงง 555 ขอบคุณมากๆ สำหรับการติดตามและบวกด้วยค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอาล่ะ... ใบ้คุณภวิล คุณตาพูดจริงนะ บทนี้จีดูป่วย แต่... บางทีก็ไม่ป่วย (อะไรเนี่ย)

สำหรับคนอ่าน มันยังไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติน้า ทุกอย่างมีเหตุผลอธิบายได้ แค่มีเรื่องในอดีตมาเกี่ยวพัน (บ้าง) เท่านั้นเองงง และเรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ (แต่คนเขียนรู้สึกว่าตัวเองเขียนบทหนึ่งๆ ยาวเท่านั้นเอง กร๊าก) ทุกอย่างก็เริ่มงวดเข้ามาแล้วแหละ

ขอบคุณคนอ่านทุกๆ ท่านมากเลยค่า
  :กอด1:

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
 :z13: จิ้มเบาๆ
พี่วินแอบคลุมเครืออ่ะ จิก็เครียดสิ  :laugh:
พี่วินอย่าเพิ่งไปเลยนะคะ จิยังไม่เคลียกะหลายปัญหาอยู่ดูแลกันก่อน
เชื่อว่าพี่วินไม่ใช่สาเหตุแน่ๆ เรื่องราวต่างๆในอดีตยังน่าติดตามตอนต่อไป  :กอด1:

 :pig4: นะคะ >,,<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2012 12:14:37 โดย Pupay »

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
อร๊าก... อ่านแล้วบีบหัวใจ...เศร้าอ่ะ

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
อืม
ยังคงไม่รุ็ใจตัวเองกันสินะ
ว่าเริ่มมีความผูกพันธ์กันแล้วอะ
รอไห้เกิดอะไรขึ้นมากว่านี้หน่อยละกัน
ลุ้นๆว่าจะเป้นยังไงเรื่องของ บ้านหลังนั้น
มาต่อเร็วๆเน้อ

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมักมาก o13

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ตอนนี้อ่านแล้วเครียดจัง  :z3:

กว่าจะได้รักกันคงอีกนานเลยหรือเปล่า?

เรารอได้ อิอิ  o13

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
เดาตามความเข้าใจของตัวเองนะ เรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับคุณทวดของจีแน่นอน และคงมีใครสักคนอยู่ในบึงบัวนั้น

ปล.เดาเอานะจ๊ะ อย่าคิดมาก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ต่างคนก็เหมือนจะเป็นห่วงอีกฝ่าย โดยไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ลึกๆลงไปคืออะไร
อ่านทีก็ถอนหายใจที

ออฟไลน์ @Iriz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-2
 :กอด1:จี อ่านบทนี้แล้วแอบเครียด รู้สึกสงสารจียังไงก็ไม่รู้
ไหนจะฝันร้าย ไหนจะไม่สบาย ไหนจะต้องไปอยู่เป็นส่วนเกินของภวิลกับคุณหมออีก  :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด