บาปรัก...บาปบริสุทธิ์♥นิยายรักหื่นเซ็กเศร้าเอาฮา ตอนพิเศษ (9) หน้า 89 (24-02-14)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาปรัก...บาปบริสุทธิ์♥นิยายรักหื่นเซ็กเศร้าเอาฮา ตอนพิเศษ (9) หน้า 89 (24-02-14)  (อ่าน 908765 ครั้ง)

totoken

  • บุคคลทั่วไป
มานอนอืดรอ พรุ่งนี้ไม่อยู่ยาว ได้กลับมาอ่านหลังปีใหม่แน่เลย

Happy New Year ล่วงหน้านะค่ะ
ขอให้นักเขียน มีความสุข หล่อๆๆ รวยๆ เอิกๆๆๆ
มาลงไวๆ นะค่ะ รอติดตามอยู่ ^  ^ :L2: :3123:

ขอบคุรมากครับ ขอให้มีความสุขในปีหใม่นี้เช่นกันนะครับ จะรีบปั่นมาให้อ่านกันนะครับทุกคน

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 09 “กรหยก”
«ตอบ #61 เมื่อ30-12-2011 00:56:14 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 09 “กรหยก”
เพราะเธอคือคนแรก ที่ฉันให้ความรัก และยังปักใจไม่คิดมีคนอื่น คนแรกที่ฉันไม่อาจลืม และเพียงคนเดียวคือเธอเท่านั้น

          หลังจากเราสองคนช่วยกันทำวุ้นมะพร้าวใส่ในตู้เย็นเก่าๆ ที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ภายในบ้านเพียงชิ้นเดียวเสร็จแล้วคุณยายก็ทำกับข้าวข้างล่างเสร็จพอดี ผมกับนายกฤษก็ลงไปช่วยยกกับข้าวขึ้นมาตั้งข้างบน เราสี่คนนั่งทานข้าวเย็นพร้อมหน้ากัน คุณตากับคุณยายของนายกฤษใจดีมากตักอาหารใส่จานผมตลอดเลย ระหว่างทานข้าวคุณตาถามผมเรื่องอายุ พอผมบอกว่ายี่สิบสองก็ทำให้ผมทราบว่านายกฤษอายุยี่สิบสี่แล้ว นายกฤษอายุมากกว่าผมจริงๆ

          คุณตาก็เลยให้ผมเรียกนายกฤษว่าพี่กฤษ ผมไม่มีความคิดปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะมันให้ความรู้สึกอบอุ่นดีขึ้นเสียอีก เราสี่คนคุยกันหลายเรื่องทำให้รู้ว่าตอนเด็กๆ พี่กฤษไม่มีเพื่อนเลย แถมยังโดนล้อเรื่องที่มีแม่เป็นคนบ้าอีก แล้วก็ยังโดนรังเกียจที่บ้านยากจนอีกต่างหาก พอเรียนจบมัธยมปลายก็ไปเกณฑ์ทหารอีกตั้งสองปี แต่ก็ไม่มีเพื่อนที่สนิทกันมากนัก คุณตากับคุณยายเลยบอกว่าดีใจที่ผมไม่รังเกียจจะคบกับหลานชายเค้าเป็นเพื่อน ไม่อยากจะบอกท่านเลยว่าผมเป็นมากกว่าเพื่อนกับหลานชายท่านไปเสียแล้ว

          หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ หลังจากนี้ผมก็เรียกนายพี่กฤษว่าพี่ตลอด ผมบอกเค้าไปว่าดีใจมากที่ได้มีพี่กฤษเป็นพี่ชายพราะผมเป้นลูกคนเดียว พี่กฤษเอามือมาลูบหัวผมเบาแล้วโยกหัวผมอย่างเอ็นดู ผมดีใจขึ้นไปอีกเพราะเค้าบอกว่าอยากมีน้องชายมานานแล้วเหมือนกัน เราเลยยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดีระหว่างที่อาบน้ำกันสองคน

          พอเข้ามาในห้องผมก็พยายามถามพี่กฤษซ้ำอีก เรื่องที่ขอมาพักที่นี่แทนที่จะไปพักที่โรงแรม ผมถามไปตั้งแต่เมื่อตอนเย็นแต่พี่กฤษไม่ยอมตอบผม ทั้งที่ผมก็ยอมจ่ายค่าเช่าเท่ากับที่โรงแรมหรือจะขอมากกว่าก็ได้ ผมยินดีจ่ายให้ ซึ่งถือว่าช่วยเหลือครอบครัวพี่กฤษไปในตัว ยิ่งพี่กฤษเลี่ยงที่จะไม่ตอบตกลงหรือปฏิเสธทำให้ผมคิดว่าเค้าคงอึดอัดที่อยู่คนเดียวมาดีๆ ผมก็ขอมาอาศัยอยู่ด้วยกับเค้าสักพัก

          พออาบน้ำเสร็จคนที่นี่ก็เตรียมตัวเข้านอนกันทันที ความรู้สึกของผมคือช่วงเวลาที่นี่มันเร็วเกินไปไหม ทำไมรีบนอนกันจังเลย อาจเพราะที่นี่ไม่มีโทรทัศน์ให้ดูเลยสักเครื่อง แถมบ้านอื่นๆ ยังอยู่ห่างไกลกันค่อนข้างมากกง่าจะเดินถึงกันก็เหนื่อย ทำให้เกิดบรรยากาศความเงียบสงัด ฟังดีๆ จะได้ยินแต่เสียงแมลงร้องกันระงมแต่ผมไม่ได้รู้สึกว่าที่นี่ไม่น่าอยู่ อาจเพราะมีพี่กฤษของผมอยู่ตรงนี้ก็ได้ เมื่อก่อนเป็นของใครไม่รู้แต่ตอนนี้ผมแอบเข้าข้างตัวเอง รู้ว่าเค้าเป็นของผมเพียงคนเดียว คิดได้แค่นี้ผมก็มีความสุขมากมายเหลือเกิน

          ผมมองดูทุกอิริยาบถของพี่กฤษตั้งแต่เค้าเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จ วันนี้พี่กฤษใส่เสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขาสั้น ไม่เหมือนคืนแรกที่นอนถอดเสื้อใส่แค่กางเกงฟุตบอลตัวเดียว ทำให้ผมแอบคิดไปเองว่าพี่กฤษกลัวผมลวนลามแบบเมื่อคืนแรกหรือเปล่า จากนั้นเค้าก็กางมุ้งเตรียมตัวนอนแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาหัวค่ำอยู่เลย

          ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะกลับไปพักที่โรงแรมแล้วรีบทำธุระของผมให้เสร็จ ถึงยังไงผมก็ยังได้เจอกับพี่กฤษที่โรงแรมอยู่ดี แม้ว่าผมจะคิดไปเองว่าการมีอะไรกันกับพี่กฤษมันคงเร็วเกินไป แม้ตัวผมเองก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่วันเดียวเท่านั้นมาก่อนก็ตาม

          แต่กับพี่กฤษนั้น...ผมมีความรู้สึกพิเศษกับเค้าจริงๆ แค่ได้อยู่ใกล้ชิดกันไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้ผมรู้สึกหลงใหลอะไรหลายอย่างในตัวเค้า ทำไมผมถึงใจง่ายแบบนี้นะ...เฮ้อ พี่กฤษคงเป็นผู้ชายที่ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ เค้าคงจะคิดว่าผมเป็นแค่ที่ระบายเท่านั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพียงเพราะผมเป็นฝ่ายเริ่มทั้งหมด ตอนนี้ผมแอบน้ำตาซึม แต่ในใจผมน้ำตามันไหลพรากอยู่ตลอดเวลา

           “พี่กฤษ...หยกอยากไปดูหิ่งห้อย” ผมตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้น เพราะผมรู้มาจากอินเตอร์เน็ตว่าที่อัมพวานี้มีการนั่งเรือชมหิ่งห้อยที่เป็นแมลงตัวเล็กมีแสงกระพริบที่ก้น หิ่งห้อยที่นี่มีจำนวนเป็นร้อยอยู่ตามต้นไม้ที่ขึ้นริมน้ำ บรรยากาศคงโรแมนติกน่าดูถ้าผมได้ไปชมกับพี่กฤษ ขอแค่คืนนี้คืนเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับผม

           “อยากดูหิ่งห้อยเหรอ...คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดด้วยสิ เอายากันยุงไปทาก่อนมันไกลพี่จะพายเรือไปไม่มีเรือยนต์แบบที่โรงแรมนะอาจใช้เวลานานหน่อย แต่มันจะได้ไม่มีเสียงเครื่องยนต์รบกวนชาวบ้านด้วย คนที่นี่เค้านอนกันเร็ว” พี่กฤษพูดจบก็ยื่นขวดยาทากันยุงที่เอามาจากถุงหิ้วพลาสติกให้ผม

          ผมว่าผมเพิ่งสังเกตเห็นถุงจากร้านสะดวกซื้อ พี่กฤษซื้อมาไว้ใช้เองหรือว่าพี่กฤษตั้งใจซื้อมาให้ผมทาเพราะเตรียมจะพาผมไปดูหิ่งห้อยนะ ผมอดที่จะแอบคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เพราสังเกตจากบิลที่อยู่ในถุงเป็นวันนี้ที่เพิ่งซื้อมา แต่ผมไม่กล้าถามเพราะกลัวคำตอบของพี่กฤษจะทำให้ผมผิดหวัง แค่เค้ายอมพาผมไปดูหิ่งห้อยสองต่อสองผมก็ดีใจมากแล้ว

          ผมรับเอาขวดยาทากันยุงมาบีบลงบนฝ่ามือข้างซ้ายมันเป็นแบบเนื้อครีมมีกลิ่นหอม ผมวางขวดไว้ข้างตัวแล้วเอาเนื้อครีมยาทากันยุงมาลูบไปให้ทั่วแขนขวา ช่วงเวลานั้นพี่กฤษลงมานั่งข้างๆ ตัวผมที่นั่งอยู่ แล้วก็เอาขวดยาทากันยุงมาบีบเนื้อครีมใส่มือตัวเอง ผมมองตามแล้วคิดว่าตัวผมน่าจะทาให้พี่กฤษก่อน แต่วันนี้ผมไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น ไม่รู้สิว่าทำไม

           “มานี่ พี่ทาให้” คนเป็นพี่แตะปลายนิ้วลงบนแขนซ้ายของผม แล้วบรรจงทาครีมยากันยุงให้ผมอย่างเบามือจนผมถึงกับนั่งตัวเกร็งไม่กล้าขยับเขยื้อน การกระทำและความรู้สึกมันเกินคาดเดา สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมหวั่นไหวไปกับความอ่อนโยนที่พี่กฤษมอบให้

           “ผิวหยกทั้งขาวทั้งเนียน นี่ถ้าโดนยุงกัดมันคงเป็นรอยแดงเห็นชัดมากเลยสินะ” ผมมองตามมือใหญ่ที่ลูบไล้แขนผมอย่างเบามือ เพราะไม่กล้าสบตาคนที่กำลังพูดอยู่ตรงหน้า

           “พี่กฤษรู้ได้ไง ว่าถ้าหยกโดนยุงกัดแล้วจะเป็นรอยแดงเห็นชัดขนาดนั้น” ผมถามแก้เขินไปงั้นเอง

           “ก็ขนาดรอยที่พี่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมันยังชัดอยู่เลยตอนนี้” พี่กฤษกระซิบตอบข้างหูผมตอนที่ผมยังไม่ทันระวังตัว ทำให้ได้ยินทุกคำพูดและโดนลมหายใจคนตรงหน้ากระทบเข้ากับใบหูผม มันทำให้ผมขนลุกและเขินอายมากเพราะตอนนี้ผมรู้ตัวว่าใบหน้าผมร้อนผ่าวคงจะแดงไปดึงใบหูไปแล้วล่ะตอนนี้

           “แหม...พูดเรื่องจริงแค่นี้ ทำเอาหน้าแดงหูแดงไปเลยนะ” พี่กฤษแอบหัวเราะเบาๆ ในลำคอยิ่งทำให้ผมเขินมากเข้าไปอีก เลยรีบดึงแขนกลับมาแล้วเตรียมจะลุกขึ้นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรแก้ตัวออกไปดี

           “อะไรเนี่ย พูดแค่นี้ทำเขินไปได้ ที่เมื่อคืนนี้...” พี่กฤษรีบจับแขนผมไว้แล้วพูดได้แค่นั้นผมก็รีบหันมาพูดแทรกด้วยเสียงที่ดังพอได้ยินกันสองคน

           “บ้า...” ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน หรือจะทำอะไรดี ก็เป็นคนเริ่มดันไปลักหลับเค้าก่อนจริงๆ เลยแก้ตัวไม่ออก ได้แต่ทรุดตัวลงไปนั่งแล้วแสร้งหันหน้าไปทางอื่นเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหนอยู่ รู้แค่ว่าร้อนไปทั้งตัวแล้วก็อายมาก อยากหายตัวไปจากตรงนี้เดี๋ยวนี้เลยจริงๆ

           “ทายากันยุงให้พี่บ้างสิ เดี๋ยวพี่ก็โดนยุงกัดอยู่คนเดียว เป็นไข้เลือดออกตายกันพอดี” คนพูดยื่นขวดยากันยุงมาให้แต่ยังคงยิ้มหวานแล้วทำหน้าทำตากรุ้มกริ่มล้อเลียนผมอยู่ในที

           “น่าจะให้ยุงกัดตายไปเลย คนอะไรเสร็จครั้งเดียวยังไม่รู้จักพอ ยังจะมารังแกคนอื่นอีกเหนื่อยจะตาย” ผมแกล้งพูดให้คนตรงหน้าอายบ้าง แล้วก็รับเอาขวดยากันยุงมาบีบเนื้อครีมทาแขนให้คนตรงหน้าอย่างเต็มใจ

           “ก็อยากมาแหย่เสือหลับเลยโดนเสือจับกินซะเลยไงล่ะ แล้วรับรองว่าต่อไปไม่ต้องแอบมาลักหลับพี่ให้เหนื่อยหรอกนะ เพราะพี่คิดจะให้เราจ่ายค่าเช่าให้พี่ แบบที่ทำกับพี่เมื่อคืนทุกคืนที่นอนอยู่ที่นี่เลยเป็นไง...เราจะจ่ายไหวหรือเปล่า...ยังคิดอยากจะอยู่ที่นี่อีกไหม” ผมมองพี่กฤษที่พูดจบแล้วนั่งยิ้มหวานทำตาเยิ้มใส่ผม มันก็ดีใจอยู่หรอกที่พี่กฤษเค้าตอบรับให้ผมอยู่ด้วยได้ แต่ไม่นึกว่าคนตรงหน้าผมจะทะลึ่งตึงตังอะไรได้ขนาดนี้ แม้จะรู้สึกว่าน่าอายเป็นบ้าแต่ก็แอบมีความสุข

           “ทุเรศ...พูดออกมาได้ไง พี่กฤษหื่นไปหรือเปล่า ไม่อยากให้หยกอยู่ด้วยก็บอกตรงๆ ก็ได้นี่” ผมแกล้งงอนปาขวดยากันยุงใส่คนตรงหน้าเบาๆ แก้เขินแล้วรีบหันหลังไปทางอื่นทันที

           “โธ่...อยากให้อยู่จะตายไป แต่กลัวหยกจะลำบาก ที่นี่มันไม่สะดวกสบายเหมือนที่โรงแรม แล้วค่าเช่าบ้านพี่คิดหยกแพงไปเหรอ คืนไหนไม่มีแรงจ่ายก็ค่อยทบต้นทบดอกเอาอีกคืนก็ได้นี่” คนพูดเอามือสองข้างสอดเข้ามาใต้รักแร้ผมแล้วดึงตัวผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม แล้วก้มลงมาพูดข้างหูผมด้วยเสียงพร้อมลมหายใจปะทะเข้ารูหูทำให้ผมขนลุกทันที

           “พี่กฤษ...ยิ่งพูดยิ่งทุเรศ” ผมได้ฟังก็ทำตาโตโวยออกมาเสียงดัง กำมือขวาตัวเองเป็นกำปั้นแล้วทุบแขนใหญ่ของพี่กฤษพร้อมใช้มือซ้ายพยายามดันแขนของเค้าออก คนอะไรจะทะลึ่งได้ขนาดนี้

           “พี่กฤษเป็นเกย์หรือเปล่าเนี่ย” ผมหลุดออกจากอ้อมแขนคนตัวใหญ่ที่ยังหัวเราะร่วน แถมยังทำตาเยิ้มใส่ผมอีก ผมรีบหันกลับมาถามเพราะเริ่มไม่แน่ใจในพฤติกรรมคนตรงหน้าเสียแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 00:26:47 โดย AxCiO@ToToKeN »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
จ่ายค่าเช่าแบบนั้นจริงๆมีหวังตาย ฮิฮิ

Akad3ar

  • บุคคลทั่วไป

totoken

  • บุคคลทั่วไป
มีครับ ใจเย็นๆ นะครับ กะลังรับปั่นมาให้ได้ติดตามกันครับผม ^^

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
โห ดูเค้าคิดค่าเช่า ฮว้ากกกกก

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 10 “กรหยก”
«ตอบ #66 เมื่อ30-12-2011 02:33:32 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 10 “กรหยก”
หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู

          “พี่ไม่ได้เป็นเกย์หรอก แต่ตอนนี้กำลังจะเป็นเพราะน้องชายของพี่คนนี้ล่ะ” พี่กฤษยังคงแกล้งผมด้วยการพูดแล้วเอามือสองข้างมาจับใบหน้าผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แถมทำหน้าทำตาล้อเลียนใส่ผมอีก ผมรีบดันหน้าพี่กฤษออกทันทีด้วยความตกใจปนความเขินอาย

           “แล้ว...เอ่อ...พี่กฤษเคยมีประสบการณ์แบบนี้ด้วยเหรอ ถึงว่า...เมื่อคืนนี้พี่ดูไม่มีอาการอยากปฏิเสธผมเลยสักนิด แถมผมว่าพี่ยังดูคล่องไปด้วยซ้ำ” ผมอดคิดไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าเมื่อคืนผมเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมพี่กฤษตอนที่หลับอยู่ก่อนก็จริง แต่หลังจากที่พี่กฤษตื่นมาแล้วนั้นเค้าเป็นคนนำเกมตลอดเลย แม้กระทั่งเป็นฝ่ายรุกผมจนตั้งรับแทบไม่ทันเสียด้วยซ้ำ คิดภาพเรื่องเมื่อคืนนี้แล้วก็ได้แต่อายในการกระทำของตัวเองแท้ๆ

           “หยก...เชื่อพี่นะ...พี่ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนเลยจริงๆ พี่มีหยกเป็นผู้ชายคนแรกที่เป็นเมียพี่” ผมได้ยินดังนั้นก็ร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า ไม่นึกว่าพี่กฤษจะใช้คำนี้กับผม แสดงว่าพี่กฤษเคยมีอะไรกับผู้หญิงมาก่อนแล้วแต่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีใจหรือเปล่า นี่ตัวผมเป็นผู้ชายคนแรกที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่กฤษ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเขินมากจริงๆ ที่พี่กฤษพูดออกมาชัดเจนอย่างไม่เคอะเขินอะไรเลย

           “แล้วพี่ไม่...รู้สึกแย่เหรอที่มีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้ ผมเองรู้ตัวว่าเป็นเกย์แล้วก็ชอบแต่ผู้ชายมาตลอดด้วย แต่พี่กฤษเป็นไบเซ็กช่วลหรือไงถึงได้มีอะไรกับผู้ชายก็ได้” ผมถามแก้อายไปอย่างนั้นเอง

          พี่กฤษจะมีใครหรือจะเป็นอะไรผมก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เพราะแม้แต่ตัวผมเองเค้ายังไม่ถามเลยว่าผมเป็นเกย์แล้วมีอะไรกับผู้ชายมาแล้วกี่คน ขอแค่ตอนนี้ผมมีเค้าคนนี้อยู่กับผมในช่วงที่ผมมาเที่ยวที่เมืองไทยก็เพียงพอ ส่วนอนาคตผมยังไม่อยากคิดถึงมันว่าจะเอายังไงต่อไป

           “พี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นไบเซ็กช่วลหรือเป็นอะไร แต่เรื่องแบบนี้พี่เคยรู้เคยเห็นมาแล้วตั้งแต่ตอนที่ไปเกณฑ์ทหาร ตอนแรกก็ตกใจ แต่สักพักมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เพื่อนพี่บางคนมีเมียมีลูกแล้วก็ยังจะมีอะไรกับเกย์ที่เข้ามาหาในค่ายทหารได้อย่างสบายอารมณ์ แถมบางคนที่มันเอายังเป็นผู้ชายแปลงเพศแล้วอีก แล้วพี่มีเพื่อนที่เป็นเกย์แอบมาทำแบบหยกตอนที่พี่หลับเหมือนกันนะ แต่พี่ไม่เคยเล่นด้วยไม่ว่ากับใครหรือผู้ชายคนไหน ก็เลยไม่มีใครกล้ายุ่งกับพี่อีก” ผมได้ฟังแล้วก็แอบดีใจเล็กๆ อยู่ในใจแต่ยังสงวนท่าทีเอาไว้

           “แล้วทำไมพี่ไม่ทำล่ะ ที่สำคัญนึกยังไงพี่ถึงยอมมีอะไรกับหยกแบบเมื่อคืนนี้ หรือว่าแค่อยากลองมีอะไรกับผู้ชายเอาตอนนี้” ที่ถามไปเพราะอันนี้สงสัยจริงๆ สำหรับผมมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าพี่กฤษไม่เป็นเกย์แล้วทำไมไม่ปฏิเสธผมไปล่ะ

           “ก็ตอนนั้นคนที่อยากมีอะไรกับพี่แต่ละคนมันไม่น่ารักเหมือนหยกเลยสักคนนี่นา คนอะไรผิวก็ขาว หน้าตาก็น่ารักยังกับผู้หญิง ตากลมโต ขนตางอน แก้มขาวใสจนเห็นเส้นเลือดเหมือนแก้มเด็กๆ เลย จมูกก็โด่ง ปากเล็กๆ สีแดงยังกับทาลิปสติกน่าจูบดีออก หยกเป็นผู้ชายคนแรกที่น่ารักที่สุดเท่าที่พี่เคยเห็นมา” พี่กฤษพูดไปทำหน้าจริงจังไปด้วยจนผมไม่กล้าคิดเลยว่าจะแกล้งพูดแหย่ผมเล่น

           “พี่บอกตรงๆ ว่าพี่เห็นหยกครั้งแรก ก็ได้แต่ยืนมองเราดูขนมที่โรงแรมอยู่ตั้งนาน อยากจะเข้าไปมองใกล้ๆ แต่ก็กลัวเราเหม็นกลิ่นเหงื่อแล้วรังเกียจพี่แถมยังโดนหยกมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีก พี่เลยไม่อยากจะไปทำให้หยกรังเกียจพี่ไปมากกว่านี้” พี่กฤษบรรยายเสียใจผมอ้าปากค้างไปไม่ถูกเลย

          ดวงตาพี่กฤษจ้องมองผมตลอดเวลา จนบางครั้งเป็นผมเสียเองที่ต้องหลบสายตาที่จ้องผมเสียหวานหยาดเยิ้มแบบนั้น แถมยังจับมือขวาผมเอาฝ่ามือขึ้นไปลูบแก้มตัวเองอีก หนวดเคราที่เพิ่งโกนบนหน้าเนียนนั้นเพิ่งขึ้นบางๆ ผมรู้สึกว่าตอของหนวดสากมือนิดๆ พอจั๊กจี้ แต่การกระทำแบบนี้คนตรงหน้าจะรู้ไหมว่ามันทำให้ผมเคลิ้มไปขนาดไหนแล้วตอนนี้

           “ถ้าพี่บอกว่า...ตอนนั้นพี่เสนอให้หยกมานอนกับพี่ที่บ้าน เป็นเพราะพี่อยากอยู่ใกล้ชิดกับหยก...เอ่อ...หยกจะเชื่อพี่ไหม พี่เป็นอะไรไม่รู้ ไม่เคยคิดจะชอบผู้ชายมาก่อนด้วยซ้ำ ไม่เคยมีแม้แต่เพื่อนสนิทมานอนที่บ้าน แต่แค่ขอให้ได้พาหยกมานอนที่นี่สักคืน ให้พี่ได้ใกล้ชิดกับหยกสักครั้งก็ยังดีแม้ว่าหยกจะรังเกียจว่าพี่ยากจน แล้ววันรุ่งขึ้นหยกจะกลับไปนอนที่โรงแรมแล้วไม่สนใจพี่อีกเลยก็ตาม” ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่ผมได้ยินนั้นไม่ใช่ฝันไป

           “หยกไม่รู้สึกรังเกียจอะไรพี่เลยนะ หรือความรู้สึกว่าที่นี่ลำบากอะไรเลยก็ไม่มี หยกคิดว่าพี่ดูไม่เป็นมิตรเท่าไรในตอนแรกที่เจอกัน แต่สักพักหยกก็รู้เองว่าพี่เป็นคนมีน้ำใจมากเลยที่ยอมให้หยกมานอนด้วย แล้วก็ยังดูแลหยกอย่างดีทั้งที่เราเพิ่งเคยได้เจอกันเสียด้วยซ้ำ” เราทั้งคู่ยังไม่ปล่อยมือที่สัมผัสแก้มของพี่กฤษ ผมอยากจับไว้อย่างนี้นานๆ

           “เอ่อ...วันแรกที่หยกมองพี่หัวจรดเท้าแบบนั้น เพราะแค่ไม่คิดว่าคนหน้าตาดีหุ่นก็ดีแบบพี่จะมาใส่ผ้ากันเปื้อนน่ารักๆ แล้วยังมีเหงื่อเต็มหน้า แถมเสื้อผ้ายังเปียกเหงื่อขนาดนั้น มันดูไม่เข้ากันเลยต่างหาก” ผมอยากอธิบายความในใจที่มีให้คนตรงหน้าฟังบ้าง

           “หยก...พี่ว่าเราไปดูหิ่งห้อยกันเลยดีไหม มัวแต่คุยกันคืนนี้หยกคงไม่ได้ดูหิ่งห้อยแน่นอน แล้ว...ก่อนที่พี่จะอดใจไม่ไหวบังคับให้หยกดูใจพี่แทน” พี่กฤษพูดยิ้มๆ ทำให้ผมได้สติรีบผลักหน้าคนตรงหน้าไปเบาๆ ด้วยอาการเขินในลูกหยอดของเค้า

          เราทั้งคู่ลุกขึ้นยืน แล้วพี่กฤษก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเอาเสื้อวอร์มของเค้าออกมาสวมให้ผม พี่กฤาบอกว้เอากันน้ำค้างเพราะผมเพิ่มหายไข้ ใส่กันไว้ก่อนเดี๋ยวจะไม่สบายอีก ผมยิ้มรับอย่างสุขใจเดินตามคนตรงหน้าออกไปจากห้องด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข แม้คืนนี้จะเป็นคืนเดือนมืด แต่หัวใจเราทั้งคู่ตอนนี้กำลังเปล่งแสงสว่างไสวไม่แพ้หิ่งห้อยน้อยที่แข่งกันกระพริบแสงจับคู่ยามค่ำคืนอย่างแน่นอน

          ระหว่างที่พี่กฤษพายเรือออกไปในคลองเพื่อพาผมไปดูหิ่งห้อย พี่กฤษก็เล่าเรื่องสมัยเด็กให้ฟังไปเรื่อย สลับกับผมก็เล่าเรื่องของผมให้พี่กฤษฟังบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อนของผม พ่อแม่ผม ป้าของผม แฟนคนแรกของผม คุณป้าผมรู้มาตลอดว่าผมชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ท่านไม่เคยขัดใจหรือทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจเลย แถมยังเป็นที่ปรึกษาให้ผมในเวลาที่ผมมีปัญหากับแฟนป็อบปี้เลิฟตั้งแต่สมัยผมเรียนไฮสคูลด้วยซ้ำ พ่อแม่ผมเสียอีกที่ไม่แน่ใจว่ารู้หรือเปล่าว่าลูกชายตัวเองเป็นเกย์

          มาอยู่ที่นี่ได้สองวันผมโทรกลับไปหาคุณป้าที่อเมริกาได้แค่ครั้งเดียวเอง คิดว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะโทรหาคุณป้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผม เราคุยกันอีกหลายเรื่องผมเล่าเรื่องที่ต้องมาเมืองไทย เพราะผมหาเรื่องมาจัดการโอนที่ดินที่เป็นมรดกจากคุณพ่อแล้วผมเองไม่อยากได้มันเก็บไว้

          ผมคิดว่าพี่กฤษก็ไม่ยอมเล่าถึงเรื่องของคุณพ่อหรือคุณแม่ตัวเองเลย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของสองพี่น้องพลอยสวยกับทองหล่อที่เป็นเพื่อนพี่กฤษมาตั้งแต่ยังเล็ก ท่าทางคุณพ่อคุณแม่ของคุณทองหล่อกับคุณพลอยสวยจะใจดีมากๆ เพราะจากที่พี่กฤษเล่าด้วยความชื่นชม และยังดูท่าทางจะเคารพบูชาท่านมากด้วย

          ผมอยากจะถามเรื่องคุณพ่อ กับคุณแม่ของพี่กฤษเหมือนกันแต่ยังไม่กล้า คิดว่าถึงเวลาพี่กฤษคงจะเล่าให้ฟังเอง หรือไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร เพราะผมคิดว่าการที่พี่กฤษโดนล้อเรื่องเป็นเด็กกำพร้าพ่อ แล้วยังมีแม่ที่เป็นบ้าตั้งแต่เด็กคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดน่าดู

           “นั่นไง...เห็นแสงเล็กๆ ตรงต้นไม้นั่นไหม...นั่นล่ะหิ่งห้อย” พี่กฤษพูดออกมาให้ผมได้ยิน ทำให้ตื่นจากความคิดของตัวเอง ผมหันหลังไปมองแสงเล็กๆ สีเหลืองกระพริบไปมาข้างหน้า เพราะผมหันหน้าเข้าหาพี่กฤษที่กำลังพายเรือไปข้างหน้าตอนที่มัวแต่คุยกัน

          หิ่งห้อยสวยจริงๆ เหมือนไฟต้นคริสมาสต์เมื่อมันมากระพริบรวมกันเยอะๆ ดูแล้วสงบใจเหลือเกิน ผมหันมายิ้มให้พี่กฤษที่ชี้ชวนให้ผมดูว่า อีกฝั่งข้างหน้ายังมีหิ่งห้อยรวมกันอีกเยอะ ผมรู้สึกว่าอยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้ตรงนี้จริงๆ

          พี่กฤษพายเรือเข้าไปใกล้ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในน้ำริมคลอง ข้างลำต้นมีแท่งไม้ยาวๆ ขึ้นจากรากใต้ดินเป็นแท่งตรงซึ่งเห็นบริเวณรอบๆ โคนต้นไม้ที่พี่กฤษบอกว่ามันคือต้นลำพูที่หิ่งห้อยชอบมาเกาะหาคู่กันรอบต้นไม้ชนิดนี้ ผมมองดูแสงกระพริบจากหิ่งห้อยที่แต่ละตัวจะมีจังหวะการกะพริบแสงที่แตกต่างกัน สักพักก็มีหิ่งห้อยตัวหนึ่งบินเข้ามาใกล้ ผมลุ้นว่ามันจะบินไปทางไหน หิ่งห้อยตัวน้อยส่องแสงสว่างๆ ขึ้นที่ละน้อยๆ แต่ก็ยังวนอยู่อย่างนั้น

          ความรู้สึกอบอุ่นก็แทรกขึ้นมา เมื่อมีแสงสีอ่อนบินมาจากจุดที่ผมไม่ได้สังเกตเข้ามาใกล้ๆ แสงอ่อนสองดวงบินรอบๆ ตัวผม หิ่งห้อยสองตัวบินวนใกล้ๆ กันอยู่พักหนึ่งจนแสงของมันที่มาเจอกันเมื่อกี้ผมยังเห็นว่าต่างกระพริบไม่พร้อมกันเลย ตอนนี้เริ่มปรับเป็นกระพริบเกือบจะพร้อมกันแล้ว ผมมองตามจนเห็นแสงเล็กๆ สองดวงก็เริ่มกระพริบพร้อมกัน

          เมื่อรู้สึกว่าดีจังที่ได้เห็นการจับคุ๋ของมองตัวน้อยสองตัว แสงสีอ่อนสองดวงก็บินสูงขึ้นห่างผมหายเข้าไปในพุ่มใบลำพู ข้างในนั้นมืดมากแต่ว่าแสงสีอ่อนกลับกระพริบส่องสว่างขึ้นอย่างประหลาด ผมมองตามจนขึ้นสูงเกือบมองไม่ง่ายเหมือนตอนแรก แล้วผมก็อมยิ้มไม่หาคำตอบต่อว่ามันจะไปไหน เพราะได้แต่คิดว่าว่ามันคงจะเจอคู่ของมันแล้วเหมือนผมในตอนนี้

           “สวยไหมครับ...” เสียงนุ่มของพี่กฤษพูดเบาๆ พอให้ผมได้ยิน ผมหันกลับมายิ้มแล้วพยักหน้าตอบ อากาศในตอนนี้เริ่มเย็นลงจนรู้สึกหนาวขนาดที่ผมใส่เสื้อวอร์มอีกชั้นหนึ่ง แล้วพี่กฤษใส่แค่เสื้อยืดตัวบางกับกางเกง นอนขาสั้นผมคิดว่าคงจะรู้สึกหนาวกว่าผมแน่นอน

           “กลับไปนอนกันไหมครับ” ผมถามพี่กฤษแล้วยิ้มอย่างมีความสุขให้คนตรงหน้า เราทั้งคู่อมยิ้มให้กันอย่างรู้ความหมายแล้วพี่กฤษก็พายเรือกลับบ้าน ค่ำคืนนี้ผมช่างมีความสุขมากมายเหลือเกินครับป๊ากับม๊า ผมได้แต่แหงนหน้าขึ้นแล้วบอกท้องฟ้าผ่านไปยังกับคุณพ่อกับคุณแม่ของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 00:30:07 โดย AxCiO@ToToKeN »

wolfram

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านแต่ตอนหวานๆอย่างนี้อ่ะ!!  :o12:

เอาเป็นว่าตัดตอนกลางเรื่องออก(มาม่า)แล้วข้ามไปตอนจบเลยดีกว่าเนอะ!!  :laugh:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
หวานๆไปก่อนทำให้คนอ่านหลงกลติดงอมแงม แล้วก็จัดมาม่าหนักๆเลยหละซี่ ไม่เอามาม่าเยอะน๊าาาาาาา   แต่อ่านแล้วเขินแทนหยกอ่ะ อิจฉา อยากมีพี่ชายบ้างอะไรบ้าง

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 11 นิดๆ

   หลังจากที่เรากลับมาบ้านก็เดินเบาๆ เข้ามาในห้องนอนแล้วเราก็ปิดไฟนอนในมุ้งบนฟูกผืนเดียวตัวเรานอนติดกัน ในความมืดนั้นพี่กฤษรวบปลายนิ้วผมไว้พร้อมกับพลิกตัวนอนตะแคง ผมชะงักกึกแทบหยุดหายใจกับปลายจมูกที่แนบข้างแก้ม “คืนนี้มีความสุขไหม” พี่กฤษกระซิบถามผมที่ข้างหู แล้วจูบเบาๆ ที่ติ่งหูผมทำให้ผมขนลุกซู่ด้วยความสยิว

   พี่กฤษค่อยๆ ขยับเข้าหา นิ้วยาวเกลี่ยไล้ลงกลางฝ่ามือ ผมกลั้นใจด้วยความร้อนลุ่ม ลมร้อนผ่าวรินรดอยู่ข้างซอกคอ ริมฝีปากเราสัมผัสกันบางเบา หัวใจผมเต้นอย่างรุนแรง มันดังระรัวคล้ายกำลังจะระเบิดออกมานอกอก พี่กฤษทาบริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากผมอีกครั้งและผมก็แย้มเผยอปากรับน้อยๆ เค้าขบกัดผมด้วยความนุ่มนวลที่ริมฝีปากล่าง ผมหลับตานิ่งด้วยความเคลิบเคลิ้มและมีความสุข

   “ผม...รักพี่กฤษ” เค้าหยุดนิ่งเพียงแค่นั้น จ้องมองผมในความมืด ได้ชั่วเวลาสั้นๆ แล้วรวบตัวผมมากอดไว้ด้วยแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสองข้าง ร่างเราแนบสนิทชิดติดกัน ผมบอกคำว่ารักออกมาจากดวงตาย้ำให้คนข้างบนรู้ว่าผมรู้สึกอย่างนั้นจากใจจริง แม้ว่าเราจะเพิ่งได้เจอกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่หัวใจผมยืนยันอย่างหนักแน่นว่าผมรู้สึกกับพี่กฤษแบบนั้นอย่างไม่มีคำอธิบาย

   ส่วนแววตาของพี่กฤษ มีความตกตะลึงปนกับความหวานเยิ้มว่าจะเอายังไงกับคำพูดของผมดี ผมไม่รอช้าใช้มือสองข้างรวบคอแกร่งของพี่กฤษประกบริมฝีปากเอาลิ้นสอดเข้าไปในข้างใน พี่กฤษไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น แต่บดริมฝีปากผมอย่างหื่นกระหายเอาเป็นเอาตาย ในเมื่อพี่กฤษขอค่าเช่าที่พักในรูปแบบนี้ มีหรือที่ผมจะไม่ยอมจ่าย ในเมื่อผมอยากอยู่ใกล้เค้าใจจะขาด ผมก็จะขอจ่ายให้คุ้มค่าและแถมทิปหนักให้เจ้าของบ้านพอใจจนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

****************************************************************************************

เอามายิ่วน้ำลายกันก่อนนอน อิอิ อยากรู้กันมั้ยว่าหยกจะจ่ายให้พี่กฤษคุ้มค่าขนาดไหน ^^  :z1: :m25: :haun4: :pighaun:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2011 03:03:00 โดย AxCiO@ToToKeN »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0







totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 11 “กรหยก”
«ตอบ #71 เมื่อ30-12-2011 05:18:53 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 11 “กรหยก”
อยากจะขอบคุณในความรัก ที่ทำให้ได้มีรอยยิ้ม โลกนี้ดูดีขึ้นมา อยากจะขอบคุณเป็นพันครั้ง อยากจะขอบคุณที่บนฟ้า ได้ส่งฉันมา

          หลังจากที่เรากลับมาถึงบ้านก็เดินเคียงคู่ขึ้นมากันเบาๆ พอเข้ามาในห้องนอนแล้วเราก็ปิดไฟเข้านอนในมุ้งบนฟูกผืนเดียวกัน ตัวเรานอนเบียดติดแนบชิดกัน ในความมืดนั้นพี่กฤษรวบปลายนิ้วผมเอาไว้พร้อมกับพลิกตัวนอนตะแคง ผมชะงักกึกแทบหยุดหายใจกับปลายจมูกที่แนบลงข้างแก้ม

           “คืนนี้มีความสุขไหม” พี่กฤษกระซิบถามผมที่ข้างใบหู แล้วจูบขบด้วยรมฝีปากหนาเพียงเบาๆ ที่ติ่งหูผมทำให้ผมขนลุกซู่ด้วยความสยิว

           “ผมมีความสุขมากครับ” ผมพูดจบพี่กฤษก็ค่อยๆ ขยับเข้าหา นิ้วยาวเกลี่ยไล้ลงกลางฝ่ามือ ผมกลั้นใจด้วยความร้อนลุ่ม ลมร้อนผ่าวรินรดอยู่ข้างซอกคอ ริมฝีปากเราสัมผัสกันบางเบา หัวใจผมเต้นอย่างรุนแรง มันดังระรัวคล้ายกำลังจะระเบิดออกมานอกอก

          พี่กฤษทาบริมฝีปากบดลงมาบนริมฝีปากของผมอีกครั้ง และผมก็แย้มเผยออ้าริมฝีปากปากรับน้อยๆ เค้าขบกัดผมด้วยความนุ่มนวลที่ริมฝีปากล่าง ผมหลับตานิ่งด้วยความเคลิบเคลิ้มและมีความสุข กลิ่นลมหายใจของพี่กฤษที่ราดรดอยู่ตามใบหน้าทำให้ผมมีอารมณ์ลึกจนควบคุมแทบไม่อยู่

           “ผม...รักพี่กฤษครับ” เค้าหยุดนิ่งเพียงแค่นั้น จ้องมองผมในความมืดได้ชั่วเวลาสั้นๆ แล้วรวบตัวผมมากอดไว้ด้วยแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสองข้าง ร่างเราแนบสนิทชิดติดกัน ผมบอกคำว่ารักออกมาจากดวงตาย้ำให้คนข้างบนรู้ว่าผมรู้สึกอย่างนั้นจากใจจริง แม้ว่าเราจะเพิ่งได้เจอกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่หัวใจผมยืนยันอย่างหนักแน่นว่าผมรู้สึกกับพี่กฤษแบบนั้นอย่างไม่มีคำอธิบาย

          ส่วนแววตาของพี่กฤษ มีความตกตะลึงปนกับความหวานเยิ้มว่าจะเอายังไงกับคำพูดของผมดี ผมไม่รอช้าใช้มือสองข้างรวบคอแกร่งของพี่กฤษประกบริมฝีปากเอาลิ้นสอดเข้าไปในข้างใน พี่กฤษไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น แต่บดริมฝีปากผมอย่างหื่นกระหายอย่างเอาเป็นเอาตาย

          ในเมื่อพี่กฤษขอค่าเช่าที่พักในรูปแบบนี้มีหรือที่ผมจะไม่ยอมจ่าย ในเมื่อผมอยากอยู่ใกล้ชิดกับเค้าแทบใจจะขาด ผมก็จะขอจ่ายค่าเช่าให้คุ้มค่า และคิดว่าจะแถมทิปหนักๆ ให้เจ้าของบ้านพอใจจนลืมผมไม่ลงเลยทีเดียว

          คืนนี้ผมเป็นผู้โชคดีที่มีโอกาสลิ้มรสร่างกายที่สมบูรณ์แบบสุดเซ็กซี่ของพี่กฤษอีกครั้ง ผมพลิกตัวมาอยู่ด้านบนซุกหน้าลงไปข้างซอกคอของพี่กฤษ ใช้ริมฝีปากขบลงที่ติ่งหูแล้วฉกลิ้นร้อนชุมชื้นลงในรูหูจนได้ยินเสียงต่ำครางยาวทำให้ผมรู้ว่าคนตัวใหญ่ข้าวล่างพอใจในการกระทำของผม

          จากนั้นผมเริ่มใช้ลิ้นร้อนๆ ลากผ่านแก้มลำคอแล้วสอดฝ่ามือเข้าไปใต้ชายเสื้อยืดตัวบางแล้วเลิกขึ้นมาจนถึงคอหนา ผมจูบเบาๆ ตรงไหปลาร้าของพี่กฤษเรื่อยลงมาจนหน้าอกที่หนานูนบึกบึน แล้วฉกปลายลิ้นเปียกชื้นสัมผัสปลายหัวนมอย่างบางเบาด้วยความรวดเร็วทำให้คนข้างล่างถึงกับสะดุ้งน้อยๆ มือของพี่กฤษโอบรัดแน่นอยู่ตรงท้ายทอยของผมตลอดเวลา

          แค่นั้นยังไม่พอสำหรับราคาที่ผมอยากจ่าย ผมออกแรงดูดดุนหะวนมจนคนตัวใหญ่บิดตัวรางด้วยความเสียว ก่อนที่ผมเลื่อนตัวต่ำลงมาเลียสีข้างของลำตัวแกร่ง คนตัวใหญ่สะดุ้งโหยงบิดตัวเล็กน้อยพร้อมด้วยเสียงผ่อนลมหายใจ

          ผมรีบเงยหน้าขึ้นมามองแต่พี่กฤษกลับยิ้มให้ผมบอกว่า “จั๊กจี้ดี” ผมคิดว่าคงยังจ่ายไม่หนักพอ ผมเลยยิ้มตอบแล้วใช้ปลายลิ้นแยงลงไปกลางสะดือบุ๋มน้อยๆ เป็นลักยิ้มสวยอยู่บนผิวขาวเนียนกว่าผิวภายนอกที่กร่ำแดดจนเข้ม พี่กฤษเริ่มใช้ฝ่ามือหนาลูบไปมาบนหัวผม แล้วเปล่งเสียงครางออกมาดังขึ้น

          ผมยิ้มในใจเมื่อเห็นว่าลมหายใจของพี่กฤษเริ่มมีเสียงที่ดังและถี่มากขึ้น ริมฝีปากผมจูบไล่ลงมาจนถึงขอบกางเกงบอลผ้าลื่นสีดำที่ตัดกับผิวขาวๆ ที่ซ่อนจากแสงแดดในร่มผ้าของพี่กฤษ แต่ผมยังไม่ถอดกางเกงขาสั้นนั้นออกในทันที ขอเล่นกับร่างกายแกร่งข้างล่างนี้จนพอใจก่อน

          ผมชอบกลิ่นอายความเป็นชายที่อบอวลอยู่รอบตัวคนตรงหน้า ผมโลมเลียตรงเป้ากางเกงจนสิ่งที่อยู่ใต้กางเกงผ้าลื่นนั้นเริ่มโป่งนูนออกมาจนเป็นรูปล่างของมันอย่างชัดเจน นี่พี่กฤษไม่ได้ใส่กางเกงในหรอกเหรอเนี่ย ส่วนแข็งขืนตุงขึ้นยาวเป็นลำ มีหยดน้ำเปียกซึมตรงส่วนปลายเป็นวง

          ผมใช้ลิ้นน้อยๆ ของผมเลียไปรอบๆ ส่วนโป่งนูนไปพักใหญ่ ปลายจมูกของผมก็ไปสัมผัสกับเมือกลื่นๆ ที่ซึมออกมาจากปลายยอดเสากระโดงที่นูนสูงจนโด่งเป็นเสาเต็นท์ มันแฉะชื้นเป็นวงเล็กๆ ทำให้ผมรู้ว่าพี่กฤษคงจะอดทนกับการยั่วเย้าของผมพอสมควร

           “ซี๊ดดด...อย่าแกล้งพี่เลยนะ...อาาา...ช่วยพี่หน่อยเถอะนะครับ...น้องหยกคนดี” ผมเลยค่อยๆ ถอดกางเกงตัวบางของพี่กฤษออก เจ้าตัวก็เป็นใจช่วยยกก้นยกแข้งยกขาให้ผมถอดสะดวก ผมจ้องมองส่วนที่อวบใหญ่และแข็งแกร่งเต็มที่นอนอยู่บนขนฟูดกดำหนานุ่ม มันตั้งโด่งยาวตรงจนเกือบถึงสะดือคนที่นอนอยู่ตรงหน้าผม เจ้าตัวมองดูผมที่จ้องมองของสำคัญของเค้าแล้วยักคิ้วให้ผมอย่างภูมิใจในขนาดและความแข็งแกร่งนั้น ผมรู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน แต่มาถึงขั้นนี้แล้วจะมาล้มเลิกความตั้งใจที่จะจ่ายค่าเช่าที่พักให้เจ้าของจนถึงใจก็ใช่เรื่อง

          แฟนคนแรกของผมนั้นเป็นฝรั่ง แล้วเค้าก็มีท่อลำที่อวบใหญ่แล้วยาวอาจจะมากกว่าคนตรงหน้าผมตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่ผมรู้สึกว่าของพี่กฤษมีความแข็งแกร่งกว่ามันแข็งยังกับหิน แถมยังร้อนผ่าวอีกด้วย ผมไม่เคยมีอะไรกับคนไทย แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าคนไทยก็ไม่น้อยหน้าคนอเมริกันอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

          ผมเริ่มใช้ลิ้นสัมผัสกับส่วนปลายจนได้ยินเสียงซี๊ดปากเบาๆ ของคนที่นอนมองการกระทำผมอยู่ตลอดเวลา ผมลากลิ้นอุ่นชื้นไล่ไปตามความยาวลงมาจนถึงส่วนล่าง ผมโลมเลียอยู่ตรงถุงนุ่มๆ ที่ห่อหุ้มแหล่งผลิตอสุจินับล้านจนหดตัวไปตามลิ้นของผม พี่กฤษเกร็งตัวด้วยความเสียวจนเชิดหน้าหลับตาวนเวียนเรียกชื่อผมอยู่อย่างนั้น

          ผมตัดสินใจใช้มือจับส่วนแข็งแกร่งให้ตั้งขึ้น แล้วบรรจงครอบริมปีปากกลืนกินตั้งแต่ส่วนปลายเข้าไปทั้งด้ามโดยไม่ให้กระทบกับฟันของผม เสียงสะอึกกลืนน้ำลายพร้อมอาการสะดุ้งกับเสียงร้องครางต่ำลากยาวของเจ้าตัวทำให้ผมรู้ว่าการกระทำของผมสร้างความหฤหรรษ์ให้คนที่นอนอยู่ตรงหน้านี้ชื่นชอบมากแค่ไหน

          ฝ่ามือของพี่กฤษที่โอบท้ายทอยของผมข้างหนึ่ง สอดนิ้วลงบนเส้นผมจับหัวผมแน่นขึ้นเหมือนกับว่าริมฝีปากอุ่นร้อนของผมเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อยากให้หลุดออกจากตัว ผมบรรจงเลื่อนริมฝีปากขึ้นลงตามแรงกดให้คนตรงหน้าไปสักพัก แล้วก็ถอนริมฝีปากตัวเองออกจากส่วนแกร่งของพี่กฤษจนเจ้าตัวต้องแอ่นสะโพกตาม

          ผมลุกขึ้นนั่งแล้วถอดชุดนอนตัวเองอย่างเชื่องช้า แล้วล้มตัวลงนอนหงายแทนพี่กฤษที่ลุกขึ้นมาพร้อมกับโน้มตัวลงมาแลกลิ้นกับผม ไม่มีเสียงพูดคุย มีแต่เสียงลมหายใจที่หนักหน่วงของเราสองคน ไม่ต้องพูดอะไรกันทั้งนั้น ปากพี่กฤษนุ่มดีเหลือเกินโดยเฉพาะลิ้นร้อนลุ่มกวาดเข้ามาในปากผม ความดูดดื่มเกินจะบรรยายเลยทีเดียว

           “หยกขาวเหลือเกิน...กลิ่นตัวก็หอม” พี่กฤษถอนปากออกแล้วพูดออกมาเบาๆ เหมือนละเมอ จากนั้นก็ฝังจมูกโด่งไซร้ที่ซอกคอผมแล้วก็ดูดดุนด้วยริมฝีปากหนาจนเสียงดังไปด้วย หนวดของพี่กฤษที่เพิ่งขึ้นมาบางๆ ให้ความรู้สึกเสียวสยิวดีเหลือเกิน พอเลื่อนลงมาถึงหน้าอกพี่กฤษก็ดูดเลียตรงหัวนมแล้วยังเอาฟันขบเล่นเบาๆ อีกด้วยทำให้ผมรู้สึกสะดุ้งด้วยความเสียวมากๆ จนหัวนมผมแข็งขึ้นเป็นไตไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปเรียนมาจากไหน

          พี่กฤษเขยิบตัวมานั่งอยู่ตรงหว่างขาผมแล้วจัดท่าทางให้ถนัด พร้อมแยกยกขาสองข้างของผมกางออกพาดบนบ่ากว้างของตัวเอง หยิบเจลหล่อลื่นที่ผมหยิบมาใช้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังไม่ได้เก็บเอาไว้ในเป้ออกมาทาตรงส่วนแข็งแกร่งของตัวเอง สีหน้าพี่กฤษตอนนี้เหมือนเตรียมพร้อมจะหลอมรวมตัวเองเข้ามาอยู่ภายในตัวของผม เรากำลังจะเป็นผัวเมียกันอีกครั้งเหมือนที่พี่กฤษได้เรียกผมเมื่อตอนหัวค่ำ พี่กฤษใช้เจลที่เหลืออยู่ตรงปลายนิ้วสอดเข้ามาในช่องทางคับแคบของผม

           “อื้ออ...เบาครับ” ผมนิ่วหน้าร้องบอกเมื่อนิ้วยาวสอดเข้ามาจนสุดแล้วคว้านเพื่อให้ช่องทางขยับขยาย ผมจุกเสียดนิดๆ แต่ก็ทนเพราะผมรักคนตรงหน้าอย่างหมดหัวใจ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดเมื่อนิ้วยาวถอนออกไปส่วนปลายทู่กลมมนกลมของคนตัวสูงใหญ่ก็ถูกดันเข้ามาแทนที่ ผมพยายามผ่อนคลายความคับแน่น เพื่อให้คนตัวสูงเข้ามาได้จนสุดอย่างช้าๆ

           “อาาา...แน่นเหลือเกิน” พี่กฤษนิ่วหน้าครางยาวออกมาเมื่อเข้ามาได้จนสุดทาง เมื่อตัวเราทั้งคู่เชื่อมกันแนบสนิทแล้ว ผมชักจะหายเจ็บและความเสียวก็กลับเข้ามาแทน เพราะคนข้างบนมีประสบการณ์จากเมื่อคืนที่สอนให้ใช้มือข้างขวามาจับคลึงส่วนอ่อนไหวของผมที่นอนพับอยู่อย่างเบามือ จนมันกลับมาแข็งแกร่งเต็มที่เหมือนแรกเริ่มเดิมที่ได้สัมผัสร่างกายกันในช่วงต้น พี่กฤษคงรู้ว่าเมื่อคืนผมยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย แล้วผมก็ไม่มีแรงมากนักด้วยเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง

          ตอนนี้คนข้างบนก็ถอนลำแกร่งออกมาช้าๆ แล้วค่อยดันกลับเข้าไปจากช้าๆ ก็ค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นทำให้ผมเสียวกระสันจนต้องร้องครางออกมาแผ่วเบา พี่กฤษใช้มือช่วยให้ผมมีความสุขร่วมกับแรงกระทบข้างล่างจนเป็นจังหวะเดียวกัน แล้วยังโน้มตัวลงมาไซร้ที่ซอกคอของผม ผมเลื่อนมือสองข้างขึ้นโอบหลังพี่กฤษไว้แน่นมากด้วยความเสียวกระสันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่น และหยาดเหงื่อของคนตัวใหญ่ที่เอ่ยเรียกผมว่าเมียได้อย่างเต็มปาก ผู้ชายหุ่นดีคนนี้เหมือนคนในฝันที่ผมรอมานานแสนนาน

          เสียงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยประกอบกับเสียงครวญครางเบาๆ ของผมกับพี่กฤษทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมได้มากมายจนใกล้ถึงขีดสุด พี่กฤษจ้องมองผมพร้อมออกแรงมาขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อแตกเต็มตัวทั้งผมแล้วคนข้างบนจนบางครั้งมันหยดไหลรดลงใบหน้าผม แรงกระทบกระแทกของผิวหนังมันดังมากจนผมส่ายหน้าไปมาพอรู้สึกว่าใกล้จะถึงปลายทางเต็มที

           “ไม่ไหวแล้วพี่กฤษ...พี่...ครับ...ซี๊ดดด” พี่กฤษเร่งมือกับส่วนนั้นของผมจนผมต้องหวีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แล้วน้ำขุ่นข้นจากตัวผมก็สูบฉีดพุ่งออกจากส่วนปลายมันพวยพุ่งออกมามากมายเพราะเก็บกักเอาไว้นานหลายวัน สายน้ำขาวราดลงบนหน้าอกแกร่งของคนตัวสูงข้างบนจนเป็นทางยาวในระลอกแรก แล้วรดลงบนตัวผมในระลอกต่อๆ มาตอนนี้ช่องทางของผมเกร็งถี่กระชั้นขึ้นจากอาการเกร็งกระตุกบีบรัดจนคนข้างบนร้องออกมาบ้าง ผมรู้สึกเจ็บมากขึ้นเพราะความแกร่งของคนตัวใหญ่สวนเข้าออกจนไปชนผนังด้านใน

           “อื้อออ...พี่ไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ...ซี๊ดดด” เสียงทุ้มครางดังแนบหูผม เมื่อพี่กฤษก้มลงมาเกร็งตัวกอดกระชับผมไว้ ส่วนสะโพกเน้นกระแทกกับส่วนล่างของผมหนักหน่วง และรวดเร็วขึ้นจนเกิดเสียงดัง พร้อมแรงกอดรัดตัวผมแน่นจนรู้สึกเจ็บ พี่กฤษร้องครางออกมาเสียงยาว จากนั้นผมรู้สึกว่าภายในช่องทางด้านหลังอุ่นร้อนด้วยของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาภายในท้องน้อย แล้วตามมาด้วยแรงกระตุกเกร็งอีกสองสามครั้งตามด้วยเสียงหอบหายใจอย่างหนัก ร่างใหญ่ที่ฟุบลงมาทับตัวผมใบหน้าซุกแนบอยู่ที่ซอกคอของผมจนได้ยินเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยพร้อมลมหายใจอุ่นๆ ราดรดอยู่ที่ต้นคอ ผมเอื้อมมือไปกอดกระชับลูบไล้ความเปียกชื้นของเหงื่อที่พราวอยู่บนแผ่นหลังกว้างแกร่งของคนข้างบนอย่างรักใคร่

           “หยกจ่ายค่าเช่าให้คุ้มค่าไหมครับ” พี่กฤษได้ยินก็มองผมพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ และพยักหน้าน้อยๆ ก่อนก้มลงมาจูบซับที่ขมับผม เรื่อยลงมาที่แก้มผ่านปลายจมูกจนถึงริมฝีปาก เราบดเบียดแลกลิ้นกันทั้งที่ยังกอดกระชับแน่นอยู่อย่างนั้น จากนั้นร่างแกร่งค่อยๆ ถอนลำตัวออกจากตัวผมช้าๆ หยาดหยดอุ่นร้อนไหลจามออกมาจนเปียกแฉะ เมื่อเราหลุดออกจากกันให้ผมรู้สึกถึงความโล่งสบาย แล้วคนตัวใหญ่ก็ลุกขึ้นไปเอาผ้าขาวม้าที่เพิ่งใช้อาบน้ำแล้วพาดตากเอาไว้ตรงหน้าต่างเดินกลับมาหาผม พี่กฤษก้มลงคุกเข่าบรรจงเช็ดคราบคาวบนตัวผม และก้มลงข้างล่างเช็ดความเปียกชื้นที่หลั่งไหลออกมาจากช่องทางจนเปรอะเปื้อนตามร่องเนื้อของผม จากนั้นก็เช็ดส่วนที่ฉ่ำชื้นบนท่อนลำของตัวเองแล้วโยนผ้าขาวม้าทิ้งไว้ที่มุมห้อง

           “อยากอาบน้ำไหม” พี่กฤษล้มตัวลงมาคร่อมตัวผมไว้แล้วเอามือลูบหัวผมเบาๆ พร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ผมส่ายหน้าตอบเบาพลางส่งยิ้มให้บางๆ อย่างเหนื่อยอ่อน พี่กฤษยิ้มรับแล้วล้มตัวลงนอนข้างผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเราทั้งสอง จากนั้นเราสองคนนอนกอดก่ายกันท่ามกลางหยาดเหงื่อ และความหนาวเย็นของอากาศแต่มีไออุ่นของกันและกันทำให้ผมไม่รู้สึกว่าคืนนี้หนาวตรงไหนเลย กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายด้วยซ้ำจนกระทั่งหลับไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 00:36:59 โดย AxCiO@ToToKeN »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 12 “กรหยก”
«ตอบ #73 เมื่อ30-12-2011 09:52:20 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 12 “กรหยก”
จากฝันก็กลายเป็นมากกว่านั้นเมื่อเธอได้เดินเข้ามา หนึ่งคนที่มองหาไม่เคยใช่ใคร...แต่ใช่เธอ

          ผมได้ยินเสียงดังกุกกักอยู่รอบตัว ปลุกให้ต้องตื่นจากการหลับใหลจึงพยายามลืมตาขึ้น ข้างนอกยังคงมืดคงจะยังไม่เช้ามาก พอขยับร่างกายก็รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะส่วนล่างตรงสะโพก มันรู้สึกปวดร้าวระบมเสียเหลือเกินเมื่อพยายามยันกายเพื่อลุกขึ้นนั่ง

           “พี่ทำเสียงดังจนหยกตื่นเลยเหรอ หืม...หยกลุกไหวไหม” พี่กฤษเพิ่งปิดตู้เสื้อผ้าหันมาถามผม เหมือนกำลังเตรียมตัวลงไปอาบน้ำ ยืนนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวแล้วถือขันใส่อุปกรณ์อาบน้ำเตรียมพร้อมเรียบร้อย

           “พี่กฤษจะไปอาบน้ำแล้วเหรอครับ นี่มันกี่โมงแล้ว” ผมถามพี่กฤษที่เดินเข้ามานั่งยองแล้วประคองผมให้ลุกขึ้นมานั่งพิงผนังห้องได้อย่างทุลักทุเล ตอนนี้เริ่มมีแสงสว่างเป็นสีฟ้าจางๆ เหมือนยังเช้ามืดอยู่ ทำให้ผมได้เห็นรูปร่างที่สวยงามสมส่วนของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน เลือดในกายก็สูบฉีดจนร้อนรุ่มขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเราสองคนเมื่อคืน

           “ตอนนี้หกโมงกว่าๆ ตากับยายตื่นแล้วกำลังเตรียมใส่บาตร พี่จะรีบไปอาบน้ำแล้วค่อยกลับมาเช็ดตัวให้หยกนะ” ได้ยินคำตอบก็งงว่าทำไมต้องให้ผมเช็ดตัวด้วย ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้รู้สึกป่วยไข้อะไรสักหน่อย แค่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตัวนิดๆ หน่อยๆ  เท่านั้นเอง

           “หยกสบายดีนี่ครับพี่กฤษ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรแค่เมื่อยตัวเฉยๆ เดี๋ยวหยกลงไปอาบน้ำด้วย พี่กฤษรอแป๊บเดียว” ผมยันตัวจะลุกขึ้น หลังจากรู้สึกสบายขึ้นนิดหน่อย เพราะลุกขึ้นมานั่งได้สักครู่แล้ว

           “พี่ไม่ได้บอกว่าหยกป่วยเสียหน่อย แต่ลองมองดูตัวเองตอนนี้สิจะลงไปข้างล่างจริงๆ เหรอ ถ้ายายพี่ถามจะบอกว่ายังไง ยายกำลังรอใส่บาตรอยู่ที่ท่าน้ำด้วย” ผมก้มลงมองร่องรอยที่โดนคนตรงหน้าทำทิ้งเอาไว้บนร่างกาย

          อึ้กกก...ผมสะอึกในใจทำตาโตมองรอยปื้นแดงจากการถูกดูด รอยขบ รอยกัดกัดที่มีกระจายอยู่ทั่วตัวผมอย่างชัดเจน ทำไมรอยมันถึงชัดเจนจนน่าตกใจได้ขนาดนี้ ผมเงยหน้ามองพี่กฤษที่นั่งยองอยู่ข้างๆ ทำเป็นอมยิ้มมองตามรอยที่ตัวเองทำไว้บนตัวผม แล้วอยากจะผลักให้ล้มหงายหลังไปเหลือเกิน

           “ยังจะมีหน้ามายิ้มเยาะอีก แล้วนี่หยกจะทำยังไงเนี่ย ลงไปข้างล่างยายก็รู้สิว่าเราทำอะไรกันเมื่อคืนนี้” อายแสนจะอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วตอนนี้

           “พี่จะไปบอกยายว่า เมื่อคืนพาหยกไปดูหิ่งห้อยมันหาคู่จนไข้กลับแล้วทำให้ไม่สบายอีกแล้วกัน เดี๋ยวพี่เอาผ้ามาเช็ดตัวให้ ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าก่อนรอพี่แป๊บเดียวเองนะ” พี่กฤษเอามือขยี้หัวผมเบาๆ แล้วเดินยิ้มออกไปนอกห้องด้วยท่าทีสบายอารมณ์

          ผมได้แต่คิดว่าไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเองเลยจริงๆ ให้ตายสิ แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้ไปตลาดน้ำอีกเช่นเคยแน่ๆ แล้วจะทำอะไรดีล่ะ คงต้องให้พ่อคนตัวใหญ่รับผิดชอบเสียแล้วล่ะ คิดแล้วก็ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืนแล้วเก็บที่นอน ทำลายร่องรอยและหลักฐานต่างๆ ให้หมดเกลี้ยง

           “เป็นไง...หายปวดตัวรึยัง พี่เอายามาให้ด้วย กินสักเม็ดนึงก่อนไหม” ใช้เวลาไม่นานพี่กฤษก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินตัวเปียกนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวมาเก็บอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเอายามาใส่ไว้ในมือผม พร้อมเดินออกไปหยิบแก้วใส่น้ำมาให้ ผมรับยามาทานแล้วดื่มน้ำตาม

           “พี่เช็ดตัวให้ก่อนนะแล้วสายๆ ถ้ายังเหนียวตัวก็ค่อยลงไปอาบน้ำก็ได้” พี่กฤษถอดผ้าขาวม้าตรงหน้าเลย ยืนตัวเปล่าเปลือยโทงเทง เดินไปเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผมเฉยเลย ใช่ว่าไม่เคยเห็นคนแก้ผ้า แต่กับคนคนนี้ ผมรู้สึกว่ามันเขินจนหน้าร้อนผ่าวแทนคนที่แก้ผ้าตรงหน้าจริงๆ พี่กฤษคงเห็นผมหน้าแดงเลยหันมาขำผม

           “อะไรกัน...ทำเป็นไม่เคยเห็นแก้ผ้าไปได้ แก้ให้ดูตั้งสองคืนแล้วยังไม่ชินอีกเหรอ” พี่กฤษพูดพลางหยิบเสื้อผ้าในตู้มาเปลี่ยน คนอะไรทะลึ่งตึงตังทั้งคำพูดทั้งการกระทำได้ตลอดเวลา ผมไม่ตอบอะไรแต่คิดหมั่นไส้พี่กฤษในใจ

           “หน้าแดงขนาดนี้สงสัยจะเป็นไข้ขึ้นมาจริงๆ แล้วมั้ง” พี่กฤษยังคงขำ พอเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วผมยังรู้สึกอายๆ จนต้องก้มหน้าหลบก็มันเขินจริงๆ นี่นา คนตรงหน้าผมยังคงขำหัวเราะในลำคอแล้วเดินออกไปหยิบกะละมังใส่น้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กเข้ามาวางไว้บนโต๊ะทำงานตัวเก่าในห้อง

           “ถอดเสื้อก่อนนะหยก พี่ต้มน้ำอุ่นผสมลงไปด้วย เช็ดตัวก่อนจะได้สบายตัวขึ้นมาหน่อย” พี่กฤษเดินปรี่เข้ามาถอดเสื้อให้ผมจนผมเองที่ตั้งตัวไม่ทัน ได้แต่ยืนกางแขนให้คนตรงหน้าถอดเสื้ออกได้สะดวก แล้วหันไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาบิดหมาดๆ แล้วเช็ดบนใบหน้าผมก่อนช่วยให้รู้สึกอุ่นสดชื่นขึ้นมาจริงๆ

          พี่กฤษเช็ดไล่ไปทั่วซอกคอและจนทั่วตัวผม ทั้งซอกรักแร้แล้วก็ซอกนิ้วมือทุกนิ้ว พี่กฤษเช็ดทุกส่วนจริงๆ ผมรู้สึกดีมากๆ อบอุ่นกับการกระทำของคนทะลึ่งคนนี้มากเหลือเกิน พอทั่วตัวแล้วก็หันไปชุบน้ำอุ่นอีกรอบในกะละมังแล้วบิดหมาดๆ หันกลับมาหาผมแล้วใช้สายตาเหมือนจะสั่งให้ผมถอดกางเกงออก

           “ข้างล่างไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวหยกเช็ดเอง พี่กฤษไปช่วยยายเตรียมของใส่บาตรเถอะครับ” ผมรีบพูดออกไปเพราะเขิน ถ้าตอนนี้จะมาแก้ผ้าให้คนตรงหน้าดู มันรู้สึกเหมือนกับเราเป็นเด็กเล็กๆ ที่กำลังโดนผู้ใหญ่คอยแหย่คอยแกล้งให้อายให้เขินได้ตลอดเวลาเมื่อต้องอยู่ตรงหน้าคนตัวใหญ่คนนี้จริงๆ

           “แหม...พอมีอะไรกันแล้วก็ขับไสไล่ส่งไม่ให้พี่ถูกเนื้อต้องตัวเลยนะ” พูดพลางทำหน้าเศร้าเหมือนเสียใจเล็กน้อย ผมตาโตกับคำพูดของพี่กฤษ กล้าพูดได้ยังไงกันละนี่ เมื่อกี้ก็ให้ถอดเสื้อเช็ดตัวจนทั่วไปเรียบร้อยแล้ว นี่แค่อยากจะแกล้งผมให้อายแน่ๆ เลยอยากจะจับผมแก้ผ้าให้หมดตัวแบบนี้

           “ไม่ต้องมาทำเป็นเล่นเลยไปหายายที่ท่าน้ำได้แล้ว เดี๋ยวผมเช็ดเอง” ผมทำเสียงหงุดหงิด ดึงผ้าขนหนูในมือแล้วรีบไล่คนตรงหน้าให้ออกไปเสียที คนอะไรขี้แกล้งชะมัด แล้วพี่กฤษก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับเดินผิวปากอารมณ์ดีออกจากห้องไป

          ผมต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเดินไปปิดประตูห้องนอนแล้วถอดกางเกงออกเพื่อเช็ดตัว จนรู้สึกสะอาดแล้วก็ทาโรลออนดับกลิ่นที่รักแร้ ผมบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากจนสะอาด จากนั้นก็หาเสื้อผ้ามาลลชุดใหม่ในเป้มาสวมใส่จนเรียบร้อย

          ตอนนี้ว่างๆ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรรายงานตัวกับคุณป้า เล่าเรื่องราวที่พบเจอโดยเฉพาะเรื่องของพี่กฤษให้คุณป้าฟัง ท่านก็ได้แต่ฟังแล้วชื่นชมในตัวพี่กฤษ และครอบครัว ก่อนวางสายคุณป้าบอกให้ผมดูแลตัวเองให้ดี

          ผมลองคิดทบทวนการกระทำของพี่กฤษแล้ว ผมไม่อยากเข้าข้างตัวเองเอาซะเลยว่าคนคนนี้ก็มีใจให้ผมเหมือนกัน แม้เค้าจะยังไม่กล้าเอ่ยคำว่ารักเหมือนที่ผมพร่ำบอก เพราะคิดว่ามันคงเร็วไปสำหรับความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง ที่จะมาคิดรักผู้ชายด้วยกันที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่กี่วันง่ายๆ ได้ยังไง แค่ตอนที่ผมอยู่กับเค้าแล้วผมมีความสุขเพียงเท่านี้รู้สึกดีใจมากแล้วที่การมาเมืองไทยครั้งนี้ทำให้ผมเจอคนในฝันที่เหมือนรอมานาน

          ผมเก็บข้าวของเสร็จก็เปิดประตูห้องนอนพาตัวเองลงไปข้างล่าง เจอคุณตากับคุณยายและพี่กฤษนั่งอยู่ตรงบันไดท่าน้ำ ทั้งสามกำลังนิมนต์พระท่านที่พายเรือมาบิณฑบาต คุณตาคุณยายกำลังตักข้าวสวยใส่อาหารที่ห่อด้วยใบบัวกับใบตอง พร้อมถุงขนมใส่ลงบาตรพระ พอพระท่านเอาฝาบาตรปิดพี่กฤษก็เอาช่อดอกกล้วยไม้มัดไว้อย่างสวยงามวางลงบนฝาบาตรอีกที ทั้งสามยกมือไหว้พระอยู่ตรงท่าน้ำ ผมยืนมองได้สักพักก็กำลังจะเดินไปหา ทั้งสามคนกำลังลุกขึ้นหันหลังเดินกลับเข้ามาในบริเวณบ้านพอดี

           “อ้าว...ไอ้หนูเอ็งจะรีบตื่นขึ้นมาทำไม พักผ่อนให้หายดีก่อนก็ได้ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งกันเข้าให้” คุณตาของพี่กฤษเดินมาจับหน้าผากของผมแล้วบ่นใส่ผมด้วยความเป็นห่วง ผมยิ้มรับแล้วรีบตอบกลับว่าสบายดีแล้วแค่ยังปวดเมื่อยตัวเล็กน้อยเมื่อเช้านี้เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว

           “ตอนเช้ายายทำข้าวต้มให้กินกับยำปลาเค็มนะ มีไข่ผัดกับมะระด้วยหนูกินมะระได้ไหม” เสียงคุณยายบอกผมด้วยท่าทีห่วงใยไม่แพ้คุณตา ผมรีบตอบรับคุณยายว่าทานได้ทุกอย่างผมทานง่ายอยู่แล้ว พูดจบก็ได้เห็นคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังสุด มองผมยืนคุณกับคุณตาคุณยายของเค้าด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง แล้วอาสาเอาขันใส่ข้าวสวยกับถาดเปล่าไปเก็บในครัวข้างบน

          ผมเดินตามขึ้นมาช่วยคุณยายจัดสำรับอาหารมื้อเช้าวันนี้ ทานกันพร้อมหน้าสี่คนด้วยกับข้าวเพียงไม่กี่อย่าง แต่รู้สึกถึงความอร่อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น เราสี่คนพูดคุยถามไถ่กันไปมา จนเข้าเรื่องว่าวันนี้เป็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดงานพี่กฤษของทุกสัปดาห์ เค้าจะเอาวุ้นมะพร้าวกับน้ำตาลมะพร้าวไปขายที่ตลาดน้ำ ช่างขยันดีจริงๆ เลยคนรักของผม

          คุณตาบอกผมหลังเราทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ ว่าทุกวันจะต้องเข้าสวนไปเอาน้ำตาลมะพร้าว มากวนเพื่อทำน้ำตาลไปขายที่ตลาด ผมกำลังช่วยคุณยายเอาสำรับที่ทานเสร็จแล้วไปเก็บ แล้วรีบหันมาบอกว่าอยากไปดูด้วยแต่ขอล้างจานให้เสร็จก่อน พี่กฤษเลยบอกว่าเสร็จแล้วให้ตามเข้าสวนมะพร้าวไปกับคุณตา ส่วนคุณยายลงไปใต้ถุนบ้านเตรียมอุปกรณ์ทำน้ำตาลมะพร้าว

          ผมเก็บจานชามไปช่วยล้างจนสะอาดแล้วคว่ำรอให้แห้งก็ว่างแล้ว ผมเดินเข้าไปในสวนมะพร้าวเพียงไม่ไกลผมก็เจอคุณตานั่งอยู่ที่แคร่ไม้ไผ่สูบบุหรี่พื้นบ้านที่มวนเอง พี่กฤษบอกผมว่ามันเรียกว่าบุหรี่ใบจาก พอคุณตาเห็นผมก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินพาผมเดินไปหาพี่กฤษ

          ระหว่างที่เราเดินเข้าไปในสวน คุณตาบอกผมว่าเมื่อก่อนนั้น ตัวคุณตาเองปีนต้นมะพร้าวมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ทำอาชีพขายน้ำตาลมะพร้าวมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ตอนนี้คุณตาปีนต้นมะพร้าวไม่ค่อยจะไหวแล้วต้องให้ลูกหลานมาทำแทน คุณตาชี้ให้ผมดูบนยอดมะพร้าวต้นหนึ่งก็เห็นพี่กฤษกำลังปีนขึ้นไปแล้วนำกระบอกไม้ไผ่ไปรองน้ำตาลมะพร้าว

          คุณตาบอกว่าตรงยอดที่พี่กฤษกำลังเอากระบอกไม้ไผ่ลงมานั้นเรียกว่างวงมะพร้าว ในกระบอกไม้ไผ่จะใส่ไม้พยอมลงไปเล็กน้อยเพื่อป้องกันการบูดเสียของน้ำตาล เมื่อทิ้งไว้จนได้เวลาก็จะปีนต้นมะพร้าวไปเก็บกระบอกที่รองน้ำตาลลงมาหลายๆ กระบอกแล้วเอากระบอกไม้ไผ่เปล่าไปเปลี่ยนมาแขวนแทน

          ผมช่วยพี่กฤษกับคุณตาขนกระบอกไม่ไผ่ที่รองน้ำตาลเอาไว้กลับมาที่ใต้ถุนบ้าน เจอคุณยายกำลังตั้งไฟกระทะใบใหญ่ คุณตาใช้ผ้าขาวบางกรองน้ำตาลมะพร้าวจากกระบอกไม่ไผ่ใส่ลงไปในกระทะเคี่ยวบนไฟร้อนๆ จนเดือดเป็นฟองขาวปุดๆ กลิ่นหอมหวานดีเหลือเกิน จากนั้นพี่กฤษก็ใช้ไม้พายด้ามยาวเคี่ยวน้ำตาลจนงวดเหนียวเข้มข้นจนได้ที่ก็ใช้ผ้าจับที่หูกระทะใบใหญ่กับคุณตาคนละข้างยกลงมาตั้งพักไว้ให้เย็นตัวลงบนพื้น

          จากนั้นพี่กฤษก็ปั่นน้ำตาลมะพร้าวที่เหนียวเข้มข้นด้วยไม้ยาวๆ ในกระทะใลใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้น ตรงปลายไม้มีลวดหนาขดเป็นสปริงเหมือนที่ตีไข่ให้ฟูแต่อันใหญ่กว่ามาก พี่กฤษให้ผมลองทำแต่น้ำตาลมันเหนียวและหนักมากผมกลัวจะทำให้กระทะคว่ำเสียมากกว่า ผมมองดูพี่กฤษปั่นน้ำตาลสองมือด้วยความชำนาญจนเนื้อน้ำตาลมะพร้าวเป็นสีน้ำตาลเหนียวหนืดเนื้อเนียน แล้วให้ผมช่วยปูผ้าขาวบางลงในถ้วยตะไลแบนๆ เหมือนถ้วยใส่น้ำจิ้มที่ใช้ในร้านอาหารของป้าผม

          แล้วเราทั้งสี่คนช่วยกันใช้ไม้พายอันเล็กกับช้อนสั้นสีน้ำเงินบางๆ ตักน้ำตาลเหนียวๆ จากกระทะหยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็มทุกใบ ตากลมรอจนแห้งแล้วจึงแกะออกจากผ้าขาว เมื่อน้ำตาลแข็งได้ที่คุณยายก็บรรจงหยิบน้ำตาลมะพร้าวที่แข็งเป็นก้อนแล้ว นำมาเรียงใส่ถุงพลาสติกใบใหญ่อย่างเป็นระเบียบจนเต็ม แล้วมัดปากถุงให้แน่นเพื่อเตรียมให้พี่กฤษนำไปขายที่ตลาดน้ำ พี่กฤษเปิดตู้เย็นแล้วนำวุ้นมะพร้าวน้ำหอมที่ทำไว้เมื่อคืนนี้ มาจัดลงในตะกร้าใบใหญ่ยังดีนะที่บ้านหลังนี้มีตู้เย็นไว้แช่ของสด

          สายมากแล้วอากาศก็เริ่มร้อน พี่กฤษชวนผมไปอาบน้ำหลังจากตอนนี้ที่เราได้เหงื่อกันทุกคน ผมกับพี่กฤษอาบน้ำกันอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมตัวไปตลาดน้ำกัน ส่วนคุณยายกำลังเตรียมข้าวมื้อเที่ยงพอดี ผมเลยเข้าไปช่วยคุณยาย แต่ท่านบอกว่าทำจนจะเสร็จแล้วรอแค่ยกมากินกันเท่านั้น ผมกับพี่กฤษเลยช่วยกันทยอยยกอาหารออกมา มื้อเที่ยงวันนี้มีน้ำพริกมะขามกับผักสด แกงจืดตำลึงหมูสับ ปลาทูทอด แล้วก็ผัดเผ็ดไก่ใส่ยอดมะพร้าว กับข้าววันนี้อร่อยมาก วัตถุดิบส่วนใหญ่หาเอามาจากในบริเวณสวนนี้นี่เอง มื้อนี้เราทั้งสี่คนทานกันอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยงเพราะใช้แรงงานกันไปเยอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 00:39:55 โดย AxCiO@ToToKeN »

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

totoken

  • บุคคลทั่วไป
ให้น้องหยกแฮปปี้ได้อีกตอนนึงแล้วจะพาไปกินมาม่าแล้วน๊า

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
พี่กฤษคงจะหลงรักหยกมากเลย :กอด1:
+1+น้องเป็ดด้วย

ออฟไลน์ Still_14OC

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-7
ถ้ามาม่าก็เอารสหมูสับละกัน ไม่เอาต้มยำกุ้งมันเผ็ด!!!!

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
นึกไม่ออเลยจะมาม่ายังไง ก้ออกจะรักกันขนาดนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ lidelia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
อยากให้หวานทุกตอนเลยอ่า เค้ายังไม่อยากกินมาม่าตอนนี้อ่า  :z3: :z3: :z3:

arun do d

  • บุคคลทั่วไป

อั๊ยย้ะ!  :a5: ไมมาม่ามาไวจัง กำลังหวานได้ที่เลยตอนนี้
ตอนหน้าต้องเปลี่ยนโหมดแล้วเหรอออออ  :a6:
เข้ามากอด :กอด1: ปลอบน้องหยก  :yeb: นะ

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 13 “กรหยก”
«ตอบ #84 เมื่อ31-12-2011 00:16:55 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 13 “กรหยก”
อย่าเพิ่งหมดความหวาน แม้นานสักเท่าไร หวานน้ำตาลไม่หวานเท่าใจของเธอ โอ้ เธอทำให้ฉันรัก ยิ่งหวานก็เลยต้องยิ่งรัก ยกให้เธอเป็นความหวานของใจ ยกใจให้เธอเลยที่รัก ยกใจให้เธอหมดแล้ว หวานใจ

          พี่กฤษพาผมขึ้นมอเตอไซด์คันเก่าพร้อมหอบหิ้วตะกร้าน้ำตาลมะพร้าว และวุ้นมะพร้าวที่หนักอึ้งมาค่อนข้างไกลมากจากตลาดเดิมที่อัมพวา ที่นี่เรียกว่าตลาดน้ำดำเนินสะดวกจังหวัดราชบรี พี่กฤษบอกว่าคนส่วนใหญ่มาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวาแค่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ และจะมีนักท่องเที่ยวกับผู้ค้าหนาแน่นในช่วงเย็นเป็นต้นไป แต่พี่กฤษหยุดวันจันทร์ทั้งวันส่วนวันอังคารถึงวันพฤหัสบดีจะเข้าไปทำงานที่โรงแรมในช่วงเย็นเท่านั้น

          ปกติช่วงกลางวันพี่กฤษจะนำน้ำตาลมะพร้าว หรือขนมที่ทำเองมาขายที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นเขตจังหวัดราชบุรี ผมรู้จักจังหวัดนี้เพราะเป็นบ้านของคุณปู่ผม ครอบครัวผมอยู่ที่นี่ก่อนที่ผมจะจำความได้ หลังจากนั้นครอบครัวของเราย้ายจากราชบุรีไปอยู่อเมริกาตามคุณป้ากันหมด

          ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเต็มด้วยเรือพายลำย่อมบรรทุกสินค้าประเภทอาหาร ขนม ผลไม้ พ่อค้าแม่ค้าที่นี่สวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน สวมใส่หมวกงอบใบลานร้องเรียกให้ลูกค้าชม ให้ซื้อสินค้าของตัวเองจากในลำเรือ คนที่มาเดินที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมาก พี่กฤษบอกว่าที่นี่จะมีบริษัททัวร์พาลูกค้ามาเที่ยวตลาดทุกวัน คนจึงเยอะมาก

          พี่กฤษพาผมเดินข้ามสะพานไปยังข้างในตลาด เราหยุดที่หน้าร้านขายของชำที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาด มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ พี่กฤษยกมือไหว้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินออกมาจากในร้าน พี่กฤษให้ผมเรียกว่าป้านิด ผมเลยยกมือไหว้ตาม พี่กฤษทักทายคนแถวนั้นอย่างคุ้นเคย ก่อนจะนำเอาโต๊ะพับในร้านของป้านิดออกมากางที่ข้างร้านขายของชำ แล้วเดินกลับเข้าไปหยิบเอาลังโฟมสีขาวขนาดใหญ่ออกมาพร้อมถุงกระสอบพลาสติกสีขาวที่มีน้ำแข็งอยู่ครึ่งหนึ่งมาเทใส่ลังโฟม

           “ปกติมาขายของคนเดียว แล้ววันนี้มากับใครล่ะกฤษหน้าตาน่ารักเชียว ป้าว่าป้าไม่เคยเห็นมาก่อนนะ” ป้านิดเดินออกมาช่วยพี่กฤษจัดของพร้อมมองหน้าผมแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ผมได้แต่ยืนยิ้มรอให้พี่กฤษตอบเองจะดีเสียกว่า เพราะไม่รู้จะแนะนำตัวเองว่าเป็นอะไรกับพี่กฤษดี

           “น้องผมเองครับ เพิ่งมาจากต่างประเทศเลยพามาช่วยขายของด้วยครับ” พี่กฤษตอบ แล้วเล่าให้ผมฟังว่าเค้ามาเช่าพื้นที่หน้าร้านขายของชำของป้านิด วางโต๊ะขายของทุกวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีตรงนี้ ป้านิดเป็นคนใจดี แล้วก็คิดค่าเช่าไม่แพงเพราะเห็นว่าพี่กฤษเป็นเด็กขยัน ก็เลยอยากช่วยเหลือกัน

           “ไม่เคยเห็นบอกป้าเลยว่ามีน้องหน้าตาน่ารักขนาดนี้ พี่ชายก็หล่อน้องชายก็น่ารัก แหม...น่าอิจฉาพ่อแม่เนาะ” พี่กฤษก้มหน้าก้มตาจัดของแล้วยิ้มแห้งๆ ผมสังเกตดวงตาพี่กฤษไม่ได้ยิ้มไปด้วย ผมทราบดีว่าไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องอธิบายให้รู้ว่าพ่อแม่ของเราทั้งคู่ไม่อยู่ด้วยแล้ว แม้พ่อพี่กฤษจะยังมีชีวิตอยู่แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน พี่กฤษไม่เคยพูดถึงพ่อและไม่มีรูปของพ่อทิ้งไว้ที่บ้านเลย

           “เอ้อ...วันก่อนนังยิ้มลูกเจ้ติ๋มร้านเสริมสวยตรงท้ายตลาด มันมาถามป้าว่ากฤษมีเมียหรือยัง สงสัยมันจะชอบกฤษนะป้าว่า” ป้านิดท่าทางจะเป็นคนกว้างขวางแถวนี้ แล้วก็ชอบพูดชอบเจรจาหรือเรียกสั้นๆ ว่าชอบเม้าท์นี่แหล่ะ แกช่วยพี่กฤษเรียงถุงน้ำตาลจากตะกร้าที่ผมหอบมาแล้วยังชวนคุยเจื้อยแจ้วไม่หยุด ผมก็ได้แต่ยืนฟังเฉยๆ ไม่รู้จะคุยอะไร

           “ผมมีเมียแล้วล่ะครับป้านิด เพิ่งจะมีตั้งแต่วันที่น้องชายผมมาไม่กี่วันนี้เอง...ฝากป้าไปบอกคนแถวนี้ด้วยนะครับ ว่าผมไม่โสดแล้ว” พี่กฤษวางมือจากการเรียงวุ้นในลูกมะพร้าวน้ำหอมลงในลังโฟมที่ใส่น้ำแข็งแล้วเงยใบหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ป้านิดแล้วตอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันมาหาผมที่ตอนนี้กำลังยืนหน้าร้อนผ่าวๆ ใจเต้นตุบๆ อีกแล้ว ท่าทางสองสามวันนี้อุณหภูมิเลือดในกายผมคงสูงขึ้นแน่ๆ ก็พี่กฤษเล่นแหย่ให้ผมได้อายอยู่ตลอดเวลาแบบนี้

          เจ้าตัวพูดจบก็ยักคิ้วหลิ่วตาข้างเดียวแถมยังทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์ที่สุดใส่ผม จนผมรู้สึกอยากจะปาลูกมะพร้าวใส่คนตรงหน้าจริงๆ พี่กฤษเห็นสายตาผมก็ขำอีก แล้วรีบหันไปเอาเปลือกมะนาวในตะกร้าที่ผมถืออยู่ไปถูลงบนฝาลูกมะพร้าวซึ่งพี่กฤษบอกว่าจะทำให้ฝามะพร้าวดูขาวไม่เปลี่ยนเป็นสีคล้ำดูน่ากินมากขึ้น

           “แหม...ป้าว่าแล้วเชียว รูปหล่ออย่างเราไม่มีทางโสดหรอกจริงไหม นี่คงเป็นน้องเมียล่ะสิ มีน้องเมียหน้าสวยขนาดนี้เมียกฤษคงสวยน่าดูเชียวนะ จะแต่งงานกันเมื่อไหร่ก็อย่าลืมมาบอกป้าบ้างนะ” ป้านิดหันมาเล่นงานผมซะแล้ว แต่ผมคิดว่าป้าคงไม่รู้ความหมายที่พี่กฤษพูดหรอกนะ

           “ใช่แล้วครับป้า เมียผมสวยมากเลยครับ ผมเห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรัก ตอนนี้ก็หลงจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้นแล้วล่ะครับ ผมมันจนยังไม่มีปัญญาไปขอเค้ามาแต่งงานหรอกครับ คงต้องอยู่กินกันไปก่อน” ไอ้พี่กฤษบ้า...เล่นพูดแล้วทำสายตาหวานเยิ้มมามองผมแบบนั้น เดี๋ยวป้านิดเค้าก็รู้หรอกว่าเราเป็นอะไรกัน ผมรีบก้มหน้าก้มตาจัดของดีกว่า คนบ้าอะไรพูดจาทะลึ่งแทะโลมผมได้ทั้งวัน

           “นั่นแน่...พอมีเมียสวยเข้าหน่อยก็หลงหัวปักหัวปำเชียวนะ ดีแล้วลูก...การแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญ สร้างเนื้อสร้างตัวกันก่อนดีกว่า ป้าเห็นกฤษมานานไม่เห็นเราจะชอบพอกับใครเค้าซะที เป็นฝั่งเป็นฝาได้ป้าก็ดีใจ ตามสบายนะลูกจะเอาอะไรก็เข้าไปเรียกป้าข้างในนะ ขยันขันแข็งกันจริงๆ เสียดายลูกป้ามีแต่ผู้ชายอยากได้เป็นลูกเขยจริงๆ หน้าตาดีทั้งคู่นะเรา” ป้านิดเห็นว่าจัดโต๊ะขายของเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในร้านขายของดูทีวีต่อ ไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่พี่กฤษพูดแหย่ผม กลับคิดว่าที่พี่กฤษพูดเป็นเรื่องจริงจังซะได้

           “ช่วยพี่ทำมาหากินแล้วเก็บเงินเยอะๆ นะจะได้มีเงินไปขอหยกมาแต่งงาน” พี่กฤษพาตัวเองมายืนชิดข้างหลังผม แล้วก้มหน้าลงมากระซิบคำพูดหวานๆ ที่ข้างหูให้ผมได้อายอีกแล้ว จนผมต้องหันไปต่อว่าเบาๆ แก้เขิน คนบ้าอะไรไม่รู้เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ แค่นี้ผมก็หลงจะตายอยู่แล้ว

          เราช่วยกันขายน้ำตาลมะพร้าวกับวุ้นในลูกมะพร้าวน้ำหอมไปเรื่อยๆ พี่กฤษหน้าตาดีมีสาวๆ มาถามไถ่ทั้งซื้อของแล้วก็มาขอคุยด้วยเฉยๆ จนถึงกับขอเบอร์โทรศัพท์ไปเลยก็มี จะว่าผมหึงก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ แค่รู้สึกว่าเด็กสาวสมัยนี้มันใจกล้าหน้าด้านกันจริงๆ เห็นหนุ่มหล่อหน่อยไม่ได้ต้องพุ่งเข้าใส่ เอ๊ะ...จะว่าไป...ตัวเราเองก็พุ่งเข้าใส่พี่กฤษก่อนด้วยเหมือนกันนี่นา อ๊ากกก...อายยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 00:54:42 โดย AxCiO@ToToKeN »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
กฤษเปลี่ยนจากพ่อค้าขายน้ำตาลมะพร้าว มาขายขนมจีบเหอะ
หวานจนเบาหวานจะขึ้นแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
วันนี้ไม่ว่างเข้าเนตเลย กลับมาอ่านทียาวมากๆ ^^

กำลังจะมาม่าใช่ม้ายยยย T___T

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
กินของหวานจนแสบคอแว้ว.....
หิวแล้ว....  อยากกินมาม่า ;-)

totoken

  • บุคคลทั่วไป
บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 14 “กรหยก”
«ตอบ #88 เมื่อ31-12-2011 01:45:41 »

บาปรัก...บาปบริสุทธิ์ 14 “กรหยก”
แม้มีปีกโผบินได้เหมือนนก อกจะต้องธนูเจ็บปวดนัก ฉันจะบินมาตายตรงหน้าตัก ให้ยอดรักเช็ดเลือดและน้ำตา

          ระหว่างที่เราสองคนช่วยกันขายของกันอย่างสนุกสนาน พอมีลูกค้าฝรั่งเข้ามาผมก็พูดภาษาอังกฤษแทนพี่กฤษทำให้ขายได้เยอะ ปกติพี่กฤษจะพูดภาษาอังกฤษอธิบายส่วนประกอบกับวิธีการทำไม่รู้เรื่อง ได้แต่ให้ลูกค้าลองชิมแทน ถ้าถูกใจก็ซื้อเอาเอง ผมสอนพี่กฤษว่าวุ้นในลูกมะพร้าวน้ำหอมเรียกว่า Young Coconut in Jelly ส่วนน้ำตาลมะพร้าวเรียกง่ายๆ ว่า Coconut Sugar พี่กฤษบอกจะพาผมมาขายของด้วยทุกวัน จะได้คุยกับฝรั่งแทนเค้า

           “พี่กฤษให้ผมคุยกัยฝรั่ง แล้วตัวเองจะได้มีเวลาไปคุยกับสาวไทยแทนใช่ไหมล่ะ” ผมแกล้งงอนที่พี่กฤษเอาแต่สนใจลูกค้าสาวๆ คนไทย ยังดีนะที่พี่กฤษไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่อย่างนั้นถ้ามีการแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะก็ หึหึ อย่าหาว่าผมโหดก็แล้วกัน มีแฟนหล่อก็ต้องหวงกันเป็นธรรมดา

           “โธ่...มีเมียมายืนขายของด้วยทั้งคน ใครจะกล้าไปสนใจคนอื่นละครับ เมื่อก่อนพี่ยืนขายของอยู่คนเดียวยังไม่เคยสนใจใครเลยนะ” พี่กฤษหยอดผมได้ตลอด เรียกผมว่าเมียเต็มปากเต็มคำจนผมรู้สึกเริ่มเขินน้อยลง และชินกับคำพูดทะลึ่งๆ ของพี่กฤษแล้วล่ะ

          พอลูกค้าเริ่มซาลงพี่กฤษก็แวบไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเรือมาให้ผมลองทาน ราคาถูกมากแค่สิบบาทเอง พี่กฤษบอกผมว่าลูกค้าจะกินก๋วยเตี๋ยวเรือนั้นต้องสั่งทีละหลายๆ ชามจะได้อิ่ม พี่กฤษสั่งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กมาในถ้วยกำลังพอดี ภายในชามอัดแน่นไปด้วยเนื้อสดลวก มีตับที่ยังแดงนิดๆ ดูนุ่มนิ่มไม่สุกแข็งเกินไป ลูกชิ้นเนื้อลูกกลมๆ พอดีคำสี่ลูกและผักบุ้งกับถั่วงอกเล็กน้อยดูน่ากินดี

          ผมลองใช้ตะเกียบคีบชิมเนื้อเคี้ยวนุ่มหนึบหนับ น้ำซุปเผ็ดร้อนผสมเลือดสดที่สุกแล้วแลดูสีสันเข้มข้นโดนใจมากแบบไม่ต้องปรุงรสชาติอะไรเพิ่มเติมก็อร่อย ผมซดน้ำจนถึงคำสุดท้าย ไม่เหมือนก๋วยเตี๋ยวที่ผมเคยกินตอนอยู่ร้านป้าที่อเมริกาเลยสักนิด

          พอเราสองคนขายของจนหมดผมกับพี่กฤษเก็บของจนเสร็จ เราลาป้านิดเตรียมกลับบ้าน พี่กฤษแวะซื้อไส้กรอกอีสานมาให้ผมลองทานอีก เค้าว่าผมคงเคยทานแต่ไส้กรอกฝรั่งมาลองไส้กรอกไทยดูบ้าง ในถุงที่พี่กษซื้อมามีสองแบบ รสเปรี้ยวกับไม่เปรี้ยว ไส้กรอกชิ้นอ้วนกลมย่างจนเกรียมนิดๆ ดูน่ากินมาก ไม้หนึ่งมีสี่คำพอดีๆ คนขายให้ผักกะหล่ำปลีกับขิงและพริกขี้หนูสดมากินคู่กันเยอะพอสมควร ตัวไส้กรอกเนื้อไม่ค่อยแน่นเพราะคนขายกรอกลงไส้หมูด้วยตัวเองไม่ได้ใช้เครื่องมือทำ พอเผลอถือเอียงลงพื้นนิดเดียวก็เสร็จน้องหมาแถวนั้นไปซะ ในตลาดมีสุนัขค่อนข้างเยอะเชียว

          ผมหยิบเอาไส้กรอกมาหนึ่งไม้ขึ้นมาเป่าลมไล่ความร้อนแล้วกัดกินดูรสชาติเปรี้ยวๆ มีหมูสับกับวุ้นเส้นมีมันและหนังหมูผสมด้วยกันย่างเกรียมกำลังดี ไส้หมูที่ใช้ห่อไส้กรอกก็ไม่ได้เหนียวมากกินตอนร้อนๆ อร่อยดี พี่กฤษซื้อมาหลายไม้กินกันสองคนไม่ได้กินทีเดียวหมด มากินอีกทีตอนไม่ร้อนแล้วรู้สึกถึงมันหมูเยอะเกินไปจนเลี้ยน เราชวนกันเดินหาซื้อของกินกลับมาฝากคุณตากับคุณยายด้วย

          ระหว่างเดินมาใกล้ถึงที่จอดรถ เราแวะซื้อน้ำอัญชันมะนาวกับน้ำอัญชันธรรมดาใส่น้ำแข็งมาอย่างละแก้ว สีมันสวยดี ไม่อยากเชื่อว่ามีน้ำสมุนไพรไทยที่ทำจากดอกไม้ได้ด้วย น้ำดอกอัญชันผสมมะนาวเป็นน้ำสมุนไพรสีม่วงใส พอใส่มะนาวให้มีรสหวานอมเปรี้ยวก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพูใส พี่กฤษชอบที่มันหอมกลิ่นมะนาว ทำให้ดื่มล้างความมันจากการกินไส้กรอกเมื่อกี้ได้อย่างดีเลย

           “หยกเหนื่อยไหม ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้พามาเดินเที่ยวแต่ต้องมาช่วยพี่ขายของอีก” พี่กฤษพูดด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกผม ผมรีบส่ายหน้าตอบ

           “ผมสนุกดีครับพี่กฤษ ผมชอบขายของอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่อเมริกาป้าก็เคยพาไปออกร้านช่วยขายอาหารไทยโปรโมทลูกค้าอเมริกัน ผมก็ไม่เคยพลาดเลยสักครั้งนะ” ผมเล่าประสบการณ์ตอนช่วยป้าไปขายอาหารไทยให้ฝรั่งได้ชิมตามงานเทศกาลต่างๆ ให้พี่กฤษได้ฟังเจื้อยแจ้ว

          ระหว่างที่เราเลี้ยวตรงมุมสะพานที่ไม่ค่อยมีคนเดินไปเอารถนั้น ปรากฏร่างผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาโหดเหี้ยมสวมแว่นตากันแดดสีดำ ทำท่าทางเป็นนักเลงโตเดินมายืนดักหน้าดักหลังเราสองคนอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้ง ตัว

           “มึงชื่อกฤษกรใช่ไหม” คนที่ยืนตรงหน้าถอดแว่นตากันแดดสีดำออกแล้วเหน็บเข้ากับคอเสื้อยืดรัดรูปจนเห็นกล้ามใหญ่โตยังกับนักมวยปล้ำ หน้าตาที่มีหนวดเคราดกหนาเหมือนพวกผู้ร้ายในทีวีที่เคยดูจากละคร เอ่อยถามพี่กฤษออกมาด้วยเสียงห้วนเข้ม พี่กฤษไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่กลับยืนนิ่งจ้องหน้าคนถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กว่าทุกที

          ไอ้หน้าโหดตรงหน้าหันไปมองคนข้างหลังผมแล้วพยักหน้าทีหนึ่ง ผมก็ต้องตกใจทันทีเพราะไอ้คนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังมันเอาสองแขนล็อกตัวผมไว้ ผมดิ้นแรงๆ ด้วยความตกใจ และพยายามสะบัดตัวขัดขืนให้หลุดออกจากพันธนาการ

          พี่กฤษดูท่าตกใจมากเหมือนกันจะหันมาช่วยผม แต่กลับถูกไอ้หน้าโหดตรงหน้าเอามือจับไหล่พี่กฤษทั้งสองข้างแล้วตีเข่าเข้าท้องน้องพี่กฤษด้วยความรวดเร็ว ผมได้ยินเสียงพี่กฤษร้องอั๊กกก...เอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวดทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ผมกำลังจะร้องให้คนช่วยไอ้คนข้างหลังก็รีบเอามือหนามาปิดปากผม

           “อย่าโวยวายไอ้หน้าอ่อน เดี๋ยวมึงจะโดนเหมือนมันอีกคน” ไอ้หน้าโหดมันตวาดกระชากเสียงใส่ผมแล้วเดินเข้ามาใกล้ พี่กฤษรีบเงยหน้าแล้วพยายามลุกขึ้นก็ถูกมันหันกลับไปเอาเท้าเตะเสยเข้าใต้คางพี่กฤษจนล้มตัวหงายไปข้างหลัง พี่กฤษนอนครางด้วยความเจ็บปวด มีเลือดไหลซึมออกมาจากด้านมุมริมฝีปากและจมูก ผมตาโตตกใจสุดขีด

           “อื้อ...อ่า...อำ...เอ้า” ผมพยายามพูดห้ามให้คนตัวใหญ่ตรงหน้าไม่ให้มันเข้าไปทำร้ายพี่กฤษอีก ไอ้หน้าโหดมันเดินเข้าไปหาร่างพี่กฤษที่นอนหงายบิดตัวเอามือกุมท้องและปากครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผมพยายามดิ้นให้แรงขึ้นพร้อมตะกายขาที่ไม่ได้โดนจับไว้ ทำให้ไอ้หน้าโหดเลยหันกลับมามองผม แล้วเดินมาหยุดตรงหน้า

           “เฮ้ย...ไอ้สัตว์....อย่าทำอะไร...เค้าไม่เกี่ยว...มึงจะคุยอะไรก็คุยกับกูนี่...อูยยย” พี่กฤษตะโกนใส่ไอ้หน้าโหดจนมันต้องหันกลับไปมองแล้วยิ้มเยาะใส่ แล้วหันหน้ากลับมาหาผม

           “ไอ้หน้าอ่อนนี่มันเป็นเมียมึงรึไง...กูถึงแตะต้องตัวมันไม่ได้” มันเอานิ้วมือมาเขี่ยเส้นผมที่ปรกอยู่บนใบหน้าของผมอย่างเชื่องช้า แล้วก็แสยะยิ้มให้ ผมรู้สึกว่าสายตามันดูอุบาทว์ชาติชั่วยังไงไม่รู้

          พี่กฤษลุกขึ้นได้ก็พยายามปรี่เข้ามาช่วยผม แต่โดนลูกน้องมันอีกสองคนรีบเข้ามาขวางแล้วจับตัวพี่กฤษไว้ไว้คนละข้าง  ไอ้หน้าโหดมันหยุดชะงัก แล้วหันไปหาพี่กฤษมันล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงข้างหลัง ปารูปใบหนึ่งใส่หน้าพี่กฤษ ผมมองตามรูปใบนั้น มันเป็นภาพชายวัยกลางคนที่ถูกถ่ายเห็นตั้งแต่บริเวณอกขึ้นไป ชายคนนั้นไม่สวมเสื้อแต่มีรอบแผลสดที่ยังช้ำเลือดอยู่ตามใบหน้าเหมือนโดนทำร้ายอย่าง หนัก

           “พ่อมึงติดเงินพวกกูหนึ่งล้าน...แล้วมันเสือกคิดจะหนี กูเลยจับมันมากระทืบแล้วขังมันไว้ในบ่อน มันบอกว่ามึงเป็นลูกมัน ให้มาหามึงแล้วให้เอาเงินไปไถ่ตัวมันออกมา” ไอ้หน้าโหดเข้าไปยืนใกล้พี่กฤษแล้วจ้องตา พูดด้วยน้ำเสียงที่เหี้ยมเกรียม

           “ถ้ามึงไม่เอาเงินมาไถ่มันคืน มึงก็เตรียมตัวจัดงานศพให้พ่อมึงแทนแล้วกันนะโว้ย กูจะเอาซากมันมาทิ้งไว้ให้ตรงหน้าบ้านมึงเลย ฮ่าๆๆ” มันพูดจบก็หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะกำหมัดชกเข้าตรงท้องพี่กฤษอีกที พี่กฤาร้องเสียงดังแล้วล้มตัวลงนอนกับพื้น ผมเห็นแล้วอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ

          ไอ้โหดมันหันไปสั่งให้ลูกน้องมันทั้งหมดปล่อยตัวผมกับพี่กฤษ แล้วพวกมันก็รีบเดินไปขึ้นรถยนต์ที่ติดเครื่องยนต์รออยู่แล้ว รถเคลื่อนตัวจากไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ทำไมมันช่วงอำมหิตโฉดชั่วทำร้ายคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้

           “พี่กฤษเป็นไงบ้าง..ฮื่อออ...ฮือออ..พี่เจ็บไหมครับ...ฮือ...พี่กฤษ” ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพพี่กฤษที่ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น จนต้องรีบเข้าไปนั่งคุกเข่าแล้วประคองตัวพี่กฤษเอาไว้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครโดนทำร้ายต่อหน้าแบบนี้มาก่อน แล้วนี่ยังเป็นคนรักของผมอีก

           “หยก...หยกไม่เป็นไรใช่ไหม...โอยยย หยกเจ็บตรงไหนหรือเปล่า...พี่...ขอโทษนะ...หยกตกใจมากเหรอครับ...อย่าร้องไห้เลยนะคนดี....พี่ไม่เป็นไรหรอก” พี่กฤษที่ยังมีเลือดกำเดาไหลอยู่เต็มหน้าแถมยังพยายามปลอบใจและยังเป็นห่วงผมอีก ผมพยายามใช้แขนเสื้อของตัวเองช่วยเช็ดเลือดบนใบหน้าของพี่กฤษที่ยังไหลซึมออกมา ตอนนี้ผมร้องไห้โฮไปด้วยเพราะมันกลั้นไว้ไม่อยู่จริงๆ รู้สึกเจ็บปวดแทบจะขาดใจ ตอนนี้ผมรักคนตรงหน้าคนนี้เหลือเกิน ขออย่าให้เค้าเป็นอะไรมากเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2012 00:57:17 โดย AxCiO@ToToKeN »

totoken

  • บุคคลทั่วไป
กฤษเปลี่ยนจากพ่อค้าขายน้ำตาลมะพร้าว มาขายขนมจีบเหอะ
หวานจนเบาหวานจะขึ้นแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ตอนนี้รักกฤษให้น้อยๆ ต่อไปก็รักกฤษให้นานๆ แล้วกันนะครับ อย่าเปลี่ยนใจน๊าาา  :impress2:

วันนี้ไม่ว่างเข้าเนตเลย กลับมาอ่านทียาวมากๆ ^^

กำลังจะมาม่าใช่ม้ายยยย T___T

คาดว่าวันสองวันนี้จะได้อีกหลายตอนครับเพราะตอนนี้หยุดปีหใม่แล้วล่ะครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับที่ติดตามผลงานชิ้นแรกของผม เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ^^

กินของหวานจนแสบคอแว้ว.....
หิวแล้ว....  อยากกินมาม่า ;-)

มาม่าเส้นค่อนข้างยาวนะครับ ระวังติดคอละกันน๊าาา  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด