บทที่ 4 จูบทางอ้อม“สอง”
“.......”
“สอง...”
“.......”
“ไอ้สอง!”
“มึงเรียกชื่อกูหาป๊ามึงเรอะ! ไอ้ตรฤณ”
กลับมาสติดีอีกรอบมึงก็เปิดปากด่ากูเลยเนอะ!“ก็มึงนั่นแหล่ะ กูเรียกตั้งนาน ปล่อยวิญญาณไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ถึงสวรรค์ชั้นไหนไม่ทราบห๊า!” ตรฤณตะหวาดกลับอย่างไม่มีเกรงใจในเมื่อเพื่อนตัวเล็กเตรียมจะซัดปากเขาได้ทุกเมื่อ แต่ตรฤณก็ไม่มีหวั่นเกรง
ไม่ใช่อะไรอยู่มากันจนป่านนี้หลบหมัดไอ้สองเก่งซะยิ่งกว่าหนูหลบแมวซะอีก“ชั้น 7 มั้งมึง! แม่งคนกำลังใช้ความคิดขัดอยู่ได้”สองตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เลคเชอร์ตัวเดิม
“กูอุตส่าห์มาช่วยมึง แล้วสรุปมึงจะนั่งอยู่ในนี้? รู้งี้กูไม่น่าไปหากุญแจมาเปิดให้เสียเวลา”ตรฤณควงกุญแจพวงใหญ่เล่นก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้อง
“สรุปมึงไม่ได้ขังกูกับไอ้เด็กเวรไว้ในนี้?” สองลองถามแบบไม่ค่อยอยากเชื่อกับสมมุติฐานที่มันขัดกับความเป็นจริงเช่นนี้
ต่อให้มึงออกลูกเป็นปู กูก็ไม่เชื่อว่ามึงไม่ได้ขังกู ไอ้ตรฤณ!“เปล๊า! กูไม่ได้ขังมึ๊ง! หมาตัวไหนมันพูดว่ากูขังมึงวะ?” สองได้แต่ถอนหายใจกับคำตอบตอแหลของไอ้เพื่อนตรฤณที่รักนักรักหนา แถมยังขึ้นเสียงสูงได้ผิดปกติเป็นอย่างมาก
“มึงอย่าตอแหลให้มันมากกูแค่อยากรู้เหตุผล”สองเดินไปหาตรฤณอีกครั้งพร้อมด้วยสายตาที่คาดคั้นเอาคำตอบ เพราะตอนนี้สมองน้อยๆของสองกำลังประมวลผลเอาเรื่องโน้นมาโยงเข้ากับเรื่องนี้จนเป็นเรื่องเป็นราว เกือบใกล้คำว่าละครน้ำเน่าเข้าไปทุกที
“เปล๊า! ไม่มีอะไรจริงๆ มึงไม่เชื่อกูเหรอ?
ที่กูขังมึงไว้กับเด็กเวรนั่นน่ะ..ไม่มีเหตุผลจริงๆนะ!”สองยืนฟังสิ่งที่ตรฤณเผลอตัวหลุดพูดออกมาด้วยความใจเย็น ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีมันขังเขาเอาไว้ แต่ยังไง๊ยังไง สองก็ยังอยากรู้เหตุผล คนเราทำอะไรไปโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้..สองเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น
“สรุปมึงขังกู?”สองถามย้ำพร้อมกับการยืนกอดอก เท้ากระดิกเป็นจังหวะมันทำให้ตรฤณรู้ตัวดีว่าไม่ควรโกหกต่อไปเพื่อการมีชีวิตที่สวยงามบนโลกใบนี้
“เออกูยอมรับก็ได้! ว่าแต่มึงเหอะ หิวมะ? กูอยากกินติม”ตรฤณยอมรับอย่างเสียไม่ได้แต่ก็ขอต่อท้ายด้วยการแถเปลี่ยนเรื่อง เผื่อสองจะใจเย็นขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยล่ะวะ!
“เดี๋ยว....ตรฤณ...มึงตอบกูมาก่อนว่ามึงขังกูไว้ในนี้มีจุดประสงค์อะไร”สองรีบคว้าคอเสื้อไอ้เพื่อนตัวใหญ่ที่ทำท่าจะเดินหนีเพื่อมาคาดคั้นเอาคำตอบอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไอ้ตรฤณเพื่อนเลิฟเขาเปลี่ยนไป และไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าไอ้เพื่อนตรฤณไม่ค่อยเข้าข้างเขาเหมือนเคย คอยหาแต่เรื่องให้เด็กในฮาเร็มของเขาทะเลาะกันเอง
ทั้งที่อยู่มาสี่ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์โลกาวินาศเหมือนช่วงนี้ ที่ดูเหมือนจะเกิดบ่อยเสียด้วยแถมยังมีตัวแปรเพิ่มมาอีกคือ คู่ปู่-หลานรหัสนรกส่งมาเกิด ที่สองกำลังคิดว่านี่คือเหตุผลหลักที่ทำตรฤณเริ่มมีใจออกห่าง(?)
หรือว่ามิสชั่น “จีบ” ที่ไอ้เด็กเวรเพิ่งพูดออกมา ไอ้หมาตรฤณมันก็รู้!
เห็นไหมว่าถึงจะแดกแต่หญ้าแต่ฟาง
สมองกูก็ฉลาดเฉียบขาดแบบหาตัวจับได้ยากนะเว้ย! “ก็....ก็ไม่มีอะไรนี่...กูแค่อยากแกล้งมึง แต่กูไม่รู้นี่ว่าไอ้เด็กนั่นอยู่ในห้องด้วย..ใครจะไปรู้ล่ะ ห้องนี้มันห้องวิชาเรียนปีสี่ กูจะไปรู้ได้ไงว่าเด็กปีหนึ่งอย่างไอ้ภูเบศธ์จะกระแดะเข้าไปอยู่ในนั้น” ตรฤณรีบใช้วิชามารส่วนตัวแถจนสีข้างถลอก
แต่อย่างว่า..วิชามารก็คือวิชามาร...เทพบุตรอย่างสองเรอะจะรู้ทัน?
“มึงพูดก็มีส่วนที่ถูก...แต่มึงจะแกล้งกูทำไมห๊า!” เหตุผลที่เพื่อนรักเอ่ยออกมาทำเอาสองแทบเชื่อเต็มร้อยว่าตรฤณจงใจแกล้งเขาเล่น โดยไม่ได้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ทำให้ตรฤณโล่งใจไปได้อีกในเมื่อ สมองอันชาญฉลาดระดับวัวแก่ของเพื่อนรักเขาสงสัยได้แค่นี้..และยอมเชื่อด้วยเหตุผลเท่ามด ตรฤณก็ไม่ขอหาคำพูดมาแก้ตัวเพิ่ม
“ก็กูอยากแกล้ง..กูก็แกล้งมึงประจำมึงคิดมากอะไร?”
ไอ้แกล้งประจำมันไม่เท่าไหร่..แต่ครั้งนี้มึงแกล้งขังกูไว้กับไอ้เด็กเวรเนี่ยนะ?
แถมประโยคที่มันพูดตอนท้าย ทำเอาโรคหัวใจกูแทบกำเริบ!“ไม่คิดมากได้ไง...มึงขังกูไว้ในนั้นกับไอ้เด็กนั่น...มึงรู้มั๊ยมันพูดอะไรกับกู?”สองตีหน้าเครียดเมื่อรู้ว่าสมมุติฐานที่ตั้งขึ้นมาไม่มีทางเป็นจริงได้
อย่างน้อยก็โล่งใจที่เพื่อนรักอย่างตรฤณไม่ได้แปรพรรคไปเข้าร่วมกับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์! (แน่ใจ?)
“แล้วมันพูดอะไร?”
เพราะกูกำลังอยากจะรู้อยู่พอดีว่าการที่กูขังมึงกะเด็กเวรไว้ในนั้น เกิดเหตุการณ์
ตะลึง ตึง โป๊ะ อะไรบ้าง
“มันบอกว่า...
มันอยากจีบกู”
“หา?”
ตรฤณถึงขั้นอึ้ง เพราะไม่คิดว่า การที่ขังสองไว้กับภูเบศธ์เพียงแค่ชั่วโมงเศษมันทำให้ภูเบศธ์กล้าพูดว่าจะจีบ...
รู้งี้ กูหาทางขังสองคนนี้ไว้ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเวรนั่นเริ่มชอบไอ้สองซะก็ดี!“เมิงก็คิดดูเอาแล้วกัน..กูถามมันว่าทำไมมันถึงชอบด่ากู แต่มันตอบว่าเพราะมันอยากจีบกู...มึงว่ามันตอบตรงประเด็นมั๊ยวะ?”
จนป่านนี้สองก็ยังไม่เลิกสับสนกับความรู้สึกของภูเบศธ์
แม่ง ด่าเพราะอยากจีบ ถามเหอะ ชาติหน้ามึงจะจีบติดมั๊ย! “ตรงเป๊ะเลยล่ะมึง!”
ตรงใจกูมากขอบอกครับขอบอก! ไม่เสียแรงที่ลงทุนขังเพื่อนตัวเองทั้งที่เป็นห่วงแทบแย่ ความจริงแล้วกรไม่ยอมให้ไปปล่อยสองคนนั้นจนกว่าจะมืด แต่ว่าเขาเองที่ทนไม่ไหว เพราะรู้ว่าเพิ่งเรียนเสร็จ สองยังไม่ได้กินอะไรถ้าโดนขังไว้ต้องหิวแย่แน่ๆ....กูเป็นเพื่อนที่ประเสริฐมะ?
“ตรงบ้านม๊ามึงดิ! กูยังเครียดไม่หาย”
“มึงจะเครียดอะไรก็แค่เด็กมันอยากจีบ...มึงเองก็โดนเด็กจีบมาเยอะ...แค่ไอ้เด็กนี่มาจีบอีกสักคนมึงก็รับๆไว้ดิ ปากหมาๆแบบนี้หาไม่ได้ตามท้องตลาดนะมึง!”
“เป็นมึง มึงอยากได้เหรอ? ด่ากูทุกทีที่เจอหน้า กูว่ากูตั้งรับไม่ทันว่ะ ลองเปลี่ยนเป็นกรมาจีบมึงบ้าง แล้วหมาใส่มึงทุกวันมึงจะรู้มั๊ยว่าเขาจีบมึง?”
“กูรู้โดยสัญชาตญาณว่ะ ก็คนมันเกิดมาเพื่อคู่กัน ทำไมกูจะไม่รู้”ถ้าลองเปลี่ยนเป็นกรมาจีบไอ้ตรฤณคนนี้บ้าง..ก็ดีน่ะสิ!
“กูเลิกคุยกับมึงละ ไอ้คนหลงตัวเอง!”พูดจบสองก็เดินอาดๆออกจากห้องไปทิ้งไว้ให้ตรฤณยืนยิ้มอยู่คนเดียว
แต่ถือว่าแผนครั้งนี้สำเร็จและบรรลุวัตถุประสงค์เกินคาดนะ! กร
โอ๊ย...ภูมิใจมีแฟนสวยแถมยังฉลาดแบบคาดไม่ถึง!______________________
“เพราะอยากจีบ...”
“เพราะอยากจีบ..”
“เพราะอยากจีบ...”
“เพราะอยากจีบ...ชัดมั๊ยครับ รุ่นพี่กมลินทร์”
“โว๊ยยยยย!”
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด“พี่สอง เป็นอะไรไปเหรอครับ?”เด็กหนุ่มสารถีจำเป็นของสองเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังขับรถด้วยท่าทางสบายๆไม่เร่งไม่รีบเพราะรถไม่ติด แต่ถ้ารถติดก็คงรีบไม่ได้อยู่ดี และเหตุผลสำคัญคือการพารุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งข้างๆกินลมชมวิวไปในตัว แต่ไม่ทันไรสองกลับโวยลั่นรถทำเอาหนุ่มเจ้าเอาตีนแตะเบรกแทบไม่ทัน และไม่ได้นึกถึงคันหลังที่ขับตามมาจะด่าพ่อด่าแม่หรือไม่ เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหนุ่มรุ่นพี่ที่ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีตั้งแต่เดินออกมาจากคณะแล้ว
“เอ่อ...วันนี้พี่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย...ไปส่งพี่ที่หอหน่อยแล้วกัน”สองเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรก็รีบหันไปบอกเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่เอารถมาจอดรอที่หน้าคณะอยู่นานสองนานแต่สองก็ไม่ยอมออกมาสักที แต่ถือว่าความพยายามมันสูง รออยู่ได้เกือบสองชั่วโมง พอเห็นหน้าเท่านั้นแหล่ะรีบวิ่งมารับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ไม่ไปหาอะไรทานก่อนเหรอครับ?” หนุ่มน้อยยังคงเอ่ยถามด้วยความห่วงใยแต่รุ่นพี่แสนน่ารักกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบมือแกร่งจึงรีบหักพวงมาลัยรถ เพื่อเปลี่ยนทิศทาง แล้วมุ่งสู่หอพักของสองตามคำขอทันที
“ยังไง พรุ่งนี้ให้ผมมารับนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกเขม....พี่ไปเองได้..ขอบใจมากนะที่มาส่ง” สองยิ้มหวานให้น้องเขมอย่างเคย และเชื่อมั่นสุดๆว่าเด็กคนนี้คือน้องเขมแน่ไม่มีพลาดแบบคราวที่แล้ว
ไม่ใช่อะไรป้ายชื่อบนเสื้อกราวน์บอกเอาไว้ซะเด่นหราว่า
“นศ.พ. เขมชาติ” ไม่มีทางผิดตัวแน่นอน!มันคงไม่บ้าเอาเสื้อกราวน์คนอื่นมาใส่หรอกว่ะ
เพียงแค่รถ BMW ซีรีย์7 เคลื่อนตัวผ่านหน้าหอพักของสองไป รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวานก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่สายตาอาฆาตแค้นแทน
“พรุ่งนี้มึงตายแน่ ไอ้ภูเบศธ์!”
โทษฐานทำกูสับสนวุ่นวายใจได้ขนาดนี้
ว่าแต่ว่า.....ทำไมกูต้องเป็นเอามากด้วยวะ?
“เรียกหาผมอยู่เหรอครับ?”
ยังไม่ทันที่สองจะเคลียร์ปัญหาของตัวเอง เสียงสวรรค์ของสองก็ลอยมากระทบโสตประสาท แค่พูดถึงก็มาหาตายยากจริง พับผ่า!
นี่มันตามมาจองเวรจองกรรมถึงหอกูเลยเหรอเนี่ย!“ไอ้ภูเบศธ์!”
“ครับ?” ขานรับด้วยรอยยิ้มกวนตีนที่สองนึกอยากเอาตีนลูบหน้าสักครั้งสองครั้ง....ถ้าไม่กลัวว่าขาจะไม่ถึงอ่ะนะ!
“มาทำไม!” ถามกลับด้วยเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าสู่บริเวณหอพักโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มตัวสูงโย่งที่ยืนไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์ โดยที่มุมปากยกยิ้มอย่างนึกสนุกที่ก่อกวนสองได้...สงสัยภูเบศธ์คงจะโรคจิตอย่างที่กรว่าจริงๆ...
“มาส่งไง”
ภูเบศธ์ไม่คิดจะเดินตาม เพราะคิดว่าคำพูดของตัวเองคงจะมีอะไรดีพอที่จะทำให้สองหยุดเดิน ซึ่งเป็นอย่างที่คาดเอาไว้ นอกจากสองจะหยุดเดินแล้ว...เจ้าตัวยังหันมาจ้องหน้าภูด้วยการขมวดคิ้วระคนสงสัย
“หา?...มาส่ง?!”
ได้ข่าวว่ากูนั่งBMW ของหมอเขมมาจนแทบจะเกยหน้าหอ แต่มึงแค่มายืนรอแล้วมันติ๊ต่างเอาเองว่ามาส่ง
ถ้าจะละเมอก็กลับบ้านไปหลับก่อนไป ไอ้ภูเบศธ์!“อ๊าว...ก็นี่ไงกำลังจะส่งขึ้นหอ” พูดไปพร้อมกับเดินมาเทียบเคียงด้านซ้ายของสอง
กูเพิ่งรู้ว่านอกจากมันจะปากหมาเป็นที่หนึ่ง...
ความหน้าด้านมันก็ไม่เป็นสองรองใครซะด้วยเว้ยเฮ้ย!
“ไอ้...ไอ้”ทำไมจนซูถึงรู้สึกด่าไอ้เด็กเวรนี่ไม่ออกทั้งที่คำด่าต่างๆนาๆพร้อมใจกันเดินทับมาเต็มสมอง แต่ปากดันพูดออกมาไม่ได้อย่างที่คิด
ให้ตายเหอะ! อยู่ต่อหน้าไอ้เด็กนี่ทีไรใบ้แดกทุกที!“ก็คนอื่นๆมาส่งแค่หน้าหอ แต่ผมจะไปส่งรุ่นพี่ให้ถึงหน้าห้องเลย ไม่ดีเหรอครับ?”
“ไม่จำเป็น...ไม่มีใครขอให้ทำ” สองทำได้แค่ปฏิเสธเสียงแข็งใส่ไอ้เด็กเวรหน้าหล่อที่ทำหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยๆ
“งั้นแสดงว่าไม่เคยมีใครไปส่งรุ่นพี่ถึงหน้าห้อง?” เพราะถ้าไม่มีภูเบศธ์จะได้โล่งใจไปอีกหนึ่ง...เพราะสองยังไม่ถูกเด็กกินอย่างที่ได้ยินคำล่ำลือ
“จะถามเอาไปทำสำมะโนครัวประชากรโลกหรือไง?..จะไปไหนก็ไปฉันจะขึ้นห้อง!”สองทำเป็นโมโห ก่อนจะเดินนำหน้าภูเบศธ์ไปโดยไม่หันมาสนใจเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“เมื่อวานก็ Audi วันนี้ก็ BMW วันพรุ่งนี้ไม่ให้หญ้าอ่อนในสนามขับ Rolls-Royce มาส่งเลยล่ะ”
ก่อนไปมึงยังมีกะจิตกะใจมาประชดกูอีกเนอะ!สาธุ เกิดอย่าชาติหน้าอย่าได้เจอไอ้เด็กเวรนี่อีกเล้ยยยยยยย
“เออ! คอยดูแล้วกัน จะนั่ง Rolls-Royce มาอวดให้ดู!”สองตะโกนกลับออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าภูเบศธ์จะได้ยินมันหรือเปล่า
พูดมาได้ โรลสรอยซ์งั้นเหรอ มึงมีปัญญาหาให้กูนั่งมั๊ย! ไอ้เด็กเวร
ว่าแต่ไอ้โรลสรอยนี่มันกี่สิบล้านร้อยล้านวะนั่น?
พอกันที กับวิธีที่มึงจีบกู ไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!_______________________________
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด... เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กดังขึ้น รบกวนโสตประสาทของร่างเล็กที่กำลังหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ก่อนที่ร่างเล็กจะโผล่พรวดออกมาจากผ้าห่มด้วยความ ที่เพิ่งนึกได้ว่ารู้สึกตัวเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง ว่าแล้วก็ควานหามือถือเครื่องเล็กที่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด.. เสียงเครื่องมือสือสารยังคงดังไม่หยุดเพราะไม่มีคนกดรับสาย จนทำเอาเจ้าของมือถือหัวเสีย ทั้งที่พลิกผ้าห่มหาก็แล้วค้นเอาตามตัวจนหัวยุ่งหัวฟูก็แล้วไม่เจอสักทีจนนึกโมโหขึ้นมาเอง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด..
อ้าว? อยู่โต๊ะข้างหัวนอนกูนี่เอง...โถ่..หาตั้งนาน!
“โหล!”
“สองโหล?”
“อย่ามากวนกูแต่เช้าตรู่ กูยิ่งนอนไม่พอ”สองกรอกเสียงไปตามสายมือเล็กขยี้หัวตัวเองเพื่อไล่ความง่วง
“เช้าตรู่? ก่อนที่มึงจะด่ากู กรุณาแหกขี้ตามองนาฬิกาตามฝาบ้าน แล้วมึงจะรู้ว่าพระจะฉันเพลอยู่แล้วเว้ย!”
“เออ! มึงมีไรก็ว่ามา”สองเหลือบตาไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บอกว่าขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆ เลยต้องผ่อนเสียงลงบ้าง ขี้เกียจจะเถียงให้ความมันยาว
“วันนี้ ตอนหกโมงเย็นเจอกันที่หน้าคณะ รวมพลก่อน”ตรฤณรีบพูดจุดประสงค์ของการโทรศัพท์เสียตังค์มาหาเพื่อนรัก
“วันนี้วันเสาร์มึงจะเข้าคณะหาพระแสงอะไร?”
“ก็วันนี้นัดกันเลี้ยงสาย หรือมึงจะไม่ไป?”
“เออๆ...เดี๋ยวกูโทรไปบอกน้องๆกูก่อน”สองว่าก่อนจะตัดสายไป แต่ไม่ทันไรเจ้ามือถือเครื่องเล็กก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชื่อ “ไอ้ส้นตรฤณ” ขึ้นที่หน้าจอ
“มีไรอีก?”สองรีบถามทันทีที่กดรับสาย
“กูยังพูดไม่จบ มึงตัดสายทำไม?”เสียงที่เล็ดลอดมาตามสายดูขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย..แต่มีเหรอที่สองจะใส่ใจ?
“เออมีไรพูดมา...”
“กูแค่อยากจะบอกมึงว่า...”
“ว่า?”
“ที่รักมึงก็ไป...แค่นี้นะ”พูดจบตัดสายใส่กู แล้วเมื่อกี้มึงด่ากูทำแมวอะไร?“แล้วใครคือที่รักกูวะ?....แม่งเด็กยิ่งเยอะๆอยู่ไม่ใช่ว่าไปให้รถไฟมันชนกัน ไม่ตายห่ากันยกใหญ่เลยเหรอวะ” สองพูดด้วยความปลงตกกับชีวิต เพราะการเลี้ยงสายครั้งนี้ไม่รู้ว่าทางกรจะชวนเพื่อนทางไหนไปอีกบ้าง เด็กๆปีหนึ่งปีสองในคณะที่เคยเป็นเด็กในฮาเร็มสองก็มากอยู่ ไปซวยเจ๊อะกันงานนี้ทำไง?
ช่างเหอะ เดี๋ยวให้ไอ้ตรฤณมันจัดการ..(อ๊าว...ซวยกู : ตรฤณ)
พอคิดได้ดังนั้น สองก็กดโทรออกไปยังน้องยันหลานรหัส เพื่อนัดไปรวมพลกันหน้าคณะก่อนออกไปสังสรรค์ในคืนนี้
________________________________
งานเลี้ยงสายวันนี้กรเลือกที่จะไปร้านอาหารที่เป็นร้านนั่งดื่มไปในตัว บรรยากาศสบายๆมีวงดนตรีเล่นเพลงจังหวะเบาๆฟังแล้วลื่นหู เพราะอาจจะมีคนเอาน้ำมันมาทาไว้(หูมันเลยลื่น?) เหมาะกับพวกชอบดื่มเหล้าดื่มเบียร์ มากกว่าพวกขาแดนซ์ ถึงจะไม่ค่อยถูกใจใครหลายคนที่อยากจะไปที่ที่แดนซ์ได้มากกว่า แต่สถานที่แบบนี้แหล่ะที่สองพึงพอใจ นั่งดื่มไปโยกหัวไปช้าๆตามเสียงเพลงมันส์กว่าเยอะ!
“นี่ ขอถามหน่อยนะกร...สายนายมีกันแค่สองคนเนี่ยนะ?”สองเอ่ยถามขึ้นหลังจากดื่มหมดเป็นแก้วที่สอง ค่อยจะมานึกสงสัยในสายรหัสของกรที่มีเพียงแค่สองคนคือปีสี่กับปีหนึ่ง แล้วปีอื่นๆหายหัวไปไหน?
“อือ...ใช่สายฉันมีแค่นี้ล่ะ”กรพูดก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มตาม แต่ไม่วายแอบเหลือบมองตรฤณเป็นระยะๆ เพราะรายนั้นเมาแล้วเลื้อย~ สองแก้ว ก็หัวหนัก ชอบเอนเอาหัวมาแหมะกับไหล่เขาอยู่เรื่อย!
“น้องรหัสฉันย้ายคณะ ส่วนหลานรหัสอีกคนก็ถูกไทร์...เหลือรอดมาสองกับสายนี้ก็ถือว่าคุ้มฮ่าฮ่า” กรพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกซึ่งสองเองก็ไม่ได้คิดว่ามันหนักหนาอะไรดีซะอีกไม่เปลืองตังค์เลี้ยงหลานคนเดียวพอ
ส่วนสายของสองเหรอ? อยู่กันครบหน้าครบตา อยู่รอทะลุทะลวงเงินในกระเป๋ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไอ้วันๆที่ไปคณะก็ไม่เคยเจอหน้า
แต่พอบอกว่าจะเลี้ยง มาให้เห็นตั้งแต่น้องยันโหลน!“เฮ้ย ไอ้ตรฤณ! มึงเมาก็กลับเข้าเล้าไปเลยไป!”สองเองที่เป็นคนออกปากไล่ ก่อนที่ตรฤณจะได้ใจไปมากกว่านี้ หลังจากที่เห็นเอาหัวเอนซบคนสวยอยู่ได้นานสองนานทั้งๆที่เมาจริงไม่จริงไม่มีใครรู้
แต่ที่สองรู้ เบียร์หมดไปลังไอ้ตรฤณยังไม่กึ่ม!
แล้วนี่อะไร? สองแก้วทำเป็นเมา..กระแดะจริงนะมึง!“กูไม่ใช่หมูไอ้นี่~ ” ตรฤณที่โดนว่าเช่นนั้นก็รีบเถียงกลับคอตั้งตรงเป๊ะเหมือนคนที่กินแค่น้ำอัดลมไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สักนิด
“สร่างเมาเชียวนะ!” เสียงของกรทำเอาคนที่เพิ่งสร่างเมาตัวหดเหลือสองนิ้วก่อนจะหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่สองอย่างนึกโกรธ
“เลวจริง” ตรฤณแอบพึมพำด่าสองโดยที่สองเองก็ลอยหน้าลอยตายิ้มเยาะอย่างสะใจ
อย่าให้ถึงคราวกูมั่งแล้วมึงจะหนาว ไอ้สอง!_____________________________________
“ข้อห้าม เวลาที่จะดื่มกับสอง”
“.......”
“คือการห้าม ท้าดวลแข่งดื่มเหล้ากับมัน...เพราะคนท้าจะแพ้เองเสมอ”
“สองคอแข็งขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“โอย อย่าเรียกว่า แข็ง ท่อแป๊บยังเรียกพี่!”
“แล้วเราจะมอมเหล้าสองยังไง?”
“ปัญหานั้นตัดไป เพราะตั้งแต่คบกับมันมายังไม่เคยเห็นมันเมา!”ตรฤณว่าไปตามที่เคยประสบพบเจอมา ถึงสองจะคอแข็งอย่างที่ว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าแข็งถึงขั้นเทพ เพราะเจ้าตัวเป็นพวกกินแล้วรู้ลิมิตของตัวเอง สองจะพอเมื่อเริ่มรู้ว่าตัวเองจะเมา ต่อให้รบเร้าให้มันดิ่มต่อ เกรงว่าจะโดนถีบตกท่อเอาเสียก่อนน่ะสิ
“ขนาดนั้น?...แล้วเราจะทำยังไงดีละ?”
“มีวิธีเดียว คือดักตีหัวแล้วบอกให้ภูเบศธ์ลากมันขึ้นห้อง!”ตรฤณเสนอแต่กรคนสวยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“จะบ้าเหรอ? นายจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง?”
“เชื่อด้วยเหรอ?...นายนี่น้า...น่ารักชะมัด><”พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่มๆของอีกฝ่ายโดยไม่ได้กลัวรังสีอำมหิตที่เริ่มแผ่ซ่านของกร
เพี๊ยะ!!!
เสียงมือกรฟาดเข้าให้กับมือของตรฤณ
กูรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเลยครับขอบอก! T^T
“อ่อ ... มีอีกวิธี”เมื่อโดนฟาดเข้าให้ สติสตังก็เริ่มกลับมาทำให้ตรฤณรู้ว่าควรเข้าสู่โหมดจริงจังในการวางแผน
“จับเพื่อนให้เป็นแฟนหลานรหัสของกร”
“อะไรเหรอ?”ดูกรจะตื่นเต้นกับแผนการที่ตรฤณคิดถึงขั้นเอาหน้ายื่นเข้าไปใกล้ของตรฤณ งานนี้ก็กำไรกูสิครับ!
“ยานอนหลับ...รับรองมันดับสนิท!”ตรฤณพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ
งานนี้มึงได้เด็กในสังกัดเพิ่งอีกคนแน่ ไอ้สอง!
_____________________________________“แต่ฉันว่าเป็นเพราะสายกุด รักมันเลยคุดกันทั้งปู่ทั้งหลานฮ่าฮ่า”กรยังคงมีอารมณ์ขันต่อเมื่อเหล้ากระแทกปากเป็นแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้ สองรู้แค่ว่า ไอ้เด็กเวรของสองไม่ได้อยู่ในงานด้วย ทั้งที่เมื่อตอนรวมพลกันอยู่หน้าคณะก็เห็นมันเดินลอยชายอยู่แถวนั้นแต่พอมานั่งดื่มนั่งกินจริง...ภูเบศธ์กลับหายหัวไป
แล้วกูจะไปสนใจมันทำไมวะ?“หาใครอยู่เหรอ?” ประหนึ่งว่ากรอ่านความคิดของสองออกเลยถามคำถามที่ทิ่มแทงใจสองยิ่งนัก
หน้ากูมันบอกชัดเจนเลยเหรอว่ากำลังมองหาคน? “เปล่าหรอก แค่มองอะไรไปเรื่อย”ตอบส่งๆในขณะที่นั่งมองตรฤณยกแก้วขึ้นดื่ม และกรเองก็กำลังจะเอาแก้วของเขาไปรินเหล้าให้เพิ่ม
“งั้นเหรอ..นึกว่ามองหาหลานรหัสฉันซะอีก”เพียงแค่กรเอ่ยออกมาสองก็หันขวับไปมองกรทันที
“เอ่อ..ฉันแค่พูดเล่นน่ะ”
แค่พูดเล่นก็แล้วไป..มึงดูแล(ว่าที่)เมียมึงดีๆนะตรฤณ แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี “งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”สองว่า ทำเอาตรฤณที่นั่งหัวโงนเงนไปมากลับมาตั้งตรงอีกรอบ เมื่อสองเดินไปจนลับตาตรฤณก็รีบควักสิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้มา แล้วยื่นให้กร
“ใส่เลยกร..รับรองคืนนี้สนุกแน่”ตรฤณแอบกระซิบกับกรเบาๆ ก่อนที่กรจะใส่อะไรบางอย่างลงไป ใบหน้าหวานต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อดูลู่ทางว่าโล่งสนิทด้วย...
ว่าแล้วก็ใส่มันไปจนหมดห่อ~
“เฮ้ยๆๆ ...ใส่หมดเลยเหรอ?”หลังจากที่เคลิ้มไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆใกล้ซอกหูของกรอยู่สักพักพอหันมาอีกที ยาที่อยู่ในซองก็หายไปหมดซอง ตรฤณรีบเอาซองกระดาษนั้นมาเทดูเพื่อความแน่ใจว่าหมดไปแล้วจริงๆ ก่อนจะตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งแปะ!
“มึงนอนข้ามวันข้ามคืนแน่ๆ สอง!”
ยังไม่ทันที่ตรฤณจะได้คร่ำครวญไปมากกว่านี้ ก็มีคนเดินเข้ามา บุคคลสองคนที่แอบทำการลับเลยต้องรีบปรับตัวให้เป็นปกติมือเรียวรีบวางแก้วของสองไว้ที่เดิมพอดิบพอดี ราวกับมาร์คเอาไว้ แต่คนที่เดินเข้ามาใหม่กลับไม่ใช่สอง....กลับเป็นภูเบศธ์ตัวสำคัญของแผนการครั้งนี้เพราะถ้างานนี้ไม่มีภูเบศธ์ แผนของตรฤณและกรก็ไม่สำเร็จ
“ ทำอะไรกันอยู่ลับๆล่อๆ?”
“ปะ..เปล่า...ไม่มีอะไรจริงๆ”กรรีบแก้ตัว พร้อมกับชวนให้หลานรหัสตัวเองนั่งลง ที่จริงภูเบศธ์ก็อยู่ในร้านอาหารนั่นแหล่ะ แต่พอดีเจอเพื่อนต่างคณะเลยหาโอกาสไปนั่งกับเพื่อน ไม่อยากนั่งแถวนี้กลัวเกิดสงครามกลางร้านอาหารพอเห็นว่าสองเดินไปเข้าห้องน้ำ ถึงได้พาตัวเองกลับถิ่น
“แล้วนี่แก้วใคร?”ภูเบศธ์ถามขึ้น พร้อมกับยกมันขึ้นมาดู
“แก้วสอง ทำไมเหรอ?”
“แก้วสอง?...ดีเลย”ยังไม่ทันที่ใครจะได้ร้องห้าม แก้วก็จรดลงกับริมฝีปากหยักของภูเบศธ์เสียแล้ว แถมยังกลืนเอื้อกๆแบบไม่ยั้ง!
“ได้จูบทางอ้อมด้วยแฮะ”พูดด้วยสีหน้าระรื่น แต่อีกสองคนที่นั่งตรงข้ามกลับเหงื่อตกจนซับไม่ทัน
“เอ่อ......”กรถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก..แผนการณ์กำลังจะล้มไม่เป็นท่า เพราะการที่จะให้ภูเบศธ์หลับอยู่ที่นี่ แล้วบอกให้สองหิ้วภูเบศธ์กลับไปด้วย เห็นทีว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้
เพราะฉะนั้น....
ก็ให้ไอ้ภูเบศธ์นี่แหล่ะหลับไปก่อนแล้วเดี๋ยวสองหลับตามไปจะได้ไม่มีปัญหา!“มีอะไรกันเหรอ?...ทำหน้าทำตาแปลกๆ”ภูเบศธ์ถามกลับโดยยังไม่รู้ถึงภัยที่กำลังคลืบคลานมาใกล้แบบไม่รู้ตัว
“นอนหลับให้สบายนะ...ภูเบศธ์”เพียงแค่เสียงของกรพูดจบ....
สติของภูเบศธ์ก็ดับวูบตามไปแบบกู้คืนไม่ได้
“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้? สอง อย่าเพิ่งมาเลยน้า~”
กรเริ่มเป็นกังวล ใบหน้าหวานชะเง้อมองดูต้นทางเพราะตรฤณกำลังจัดการเอาตัวเด็กเวรของสองไปยัดไว้ในรถ ยังไม่ทันที่ตรฤณจะกลับเข้ามา..สองก็เดินมาถึงโต๊ะเสียแล้ว
“อ้าว..ไอ้ตรฤณมันไปไหนล่ะ?”สองกลับมาอีกครั้งก็พบว่ากรนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะเลยถามขึ้น
“อ๋อ ไปเอาของที่รถ นี่สองดื่มก่อนสิ”พอสองนั่งลงปุ๊บ กรก็รีบยื่นแก้วของสองที่พร่องลงไปนิดหน่อยใส่มือสอง
“ว่าแต่มันไปเอาอะไรล่ะ?”
“ไม่รู้สิ บอกแค่ว่าจะไปเอาของน่ะ ”กรยิ้มสู้พร้อมกับลุ้นให้สองดื่มเร็วๆ แต่เพียงแค่สองจะจรดแก้วลงกับปากตัวเอง ก็ต้องมีเรื่องสงสัยให้ถามอีกจนได้
“แล้วไปนานหรือยัง?”กรถอนหายใจเป็นครั้งที่สองเมื่อสองยังไม่ยอมดื่มเหล้าแก้วที่เขาใส่ยาไว้สักที
“ไม่รู้สิ...ช่างตรฤณมันเถอะ นายเองก็รีบๆดื่มรีบๆกินจะได้รีบกลับไปนอน!”กรขึ้นเสียงใส่ทำเอาสองรีบยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
ขอบอกว่ากูกับไอ้ตรฤณกลัวนายทิวากรโหมดนี้สุดๆเลยครับ! ถึงตรฤณมันจะไม่ได้อยู่ด้วยก็เหอะแต่สองมั่นใจว่าไอ้เพื่อนก็กลัวเหมือนกัน
ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยกินเหล้าแล้วง่วงนอนขนาดนี้เลยให้ตาย! “ตรฤณมึงอยู่ไหน?มึงมาเอากูกลับไปนอนด่วน!”ไม่ต้องรอให้เสียเวลาเพียงไม่กี่นาทีสองก็คอพับลงไปแหมะกับพื้นโต๊ะทันที
“ได้ตามคำขอเลยครับสองมึงไปนอนกับเด็กเวรของมึงให้สบายใจไปเลยนะ ฮ่าฮ่า ”พูดจบก็อุ้มเพื่อนตัวเล็กอย่างทุลักทุเลไปที่รถ แล้วเอาไปยัดไว้เบาะหลังที่มีภูเบศธ์หลับสบายอยู่ก่อนหน้าแล้วรถ Audi สีน้ำเงินเข้ม มีที่คนขับชื่อตรฤณ ตุ๊กตาหน้ารถชื่อกร และภูเบศธ์ที่มีสองนอนหลับไร้สติอยู่ข้างตัวที่เบาะหลัง...
มุ่งหน้าสู่หอพักของ”ภูเบศธ์”
ส่วนใครจ่ายตังค์ค่าอาหาร
กูไม่รู้ ฮ่าฮ่า (เลว!)
____
TBC
____พรุ่งนี้และมะรืนอาจไม่มีเวลามาลงต่ะนะค่ะเลยอัพให้เลย สองตอนรวด อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะค้าาาา
สวัสดีปีใหม่ค่ะ

ปล.มุกบางมุกมัน...ฮ่าาาา เล่นเองยังขำไม่ค่อยจะออกเลยล่ะค่ะ ถ้าอ่านแล้วไม่ขำ ก็ช่วยขำให้หน่อยนะคะ ก๊ากกกกกกกกกกก
