[จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครในเรื่อง "ปีนเกลียว" คุณชอบใครมากที่สุด

ภู ภูเบศธ์ - หญ้าอ่อนแพ้วัวแก่ ที่จีบไม่เก่ง แถมยังปากหมา
สอง กมลินทร์ - วัวแก่แพ้หญ้าอ่อน แล้วดันชอบแต่คนปากหมา
ตรฤณ - วันๆไม่ทำอะไรนอกจากหาทางประเคนวัวแก่ใส่ปากหญ้าอ่อน
กร ทิวากร - แกนนำผู้ก่อการร้ายของสอง แต่เป็นผู้ก่อการรักของตรฤณ
วิน ชวิน - ชอบทำตัวเป็นพ่อหวงลูกชาย แถมฉลาดร้ายยิ่งกว่ากร

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]  (อ่าน 103137 ครั้ง)

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


____________________________________

เรื่องนี้ เคยเป็นฟิคชั่นที่ลงในเว็บบอร์ด yoosuparadise มาแล้ว(แต่งเองนะคะ...และก็รีไรท์เอง)
แต่ที่ลงบอร์ดนี้เป็นฉบับ รีไรท์ ด้วยการเปลี่ยนชื่อ และเปลี่ยนเนื้อเรื่องบ้าง เพื่อให้เหมาะสมค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ


คิดว่าพยายามรีเช็คแล้วนะคะ ยังมีพลาด ฮ่าฮ่า ถ้าพลาดตรงไหนไปบอกกันได้เลยนะค้า ขอบคุณค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-02-2012 21:44:33 โดย ryoko_chan »

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 1 วัวแก่...แพ้หญ้าอ่อน

“จะกัดกันอีกนานมั๊ย?”

เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นดั่งประกาศิต ทำเอาสองหนุ่มน้อยที่กำลังจะแลกหมัดกันอยู่ตรงหน้าต้องหันกลับมาสนใจตัวต้นเหตุ ที่ทำให้พวกเขาทั้งสองท้าประลองแลกหมัดกันอย่างสมชายชาตรี แต่เห็นทีว่าคนที่กำลังจะถูก “แย่ง” ไม่ได้นึกสนุกไปด้วย

“พี่สอง!”

ทั้งสองหนุ่มเอ่ยรั้งชายหนุ่มร่างเล็กเอาไว้พร้อมกันก่อนจะหันกลับมามาแยกเขี้ยวใส่กันตามประสาเพื่อเป็นการขู่แต่พอหันมาอีกทีเจ้าของชื่อที่โนเรียกก็เดินหายวับท่ามกลางฝูงชนทำเอาหนุ่มน้อยสองคนจำต้องปล่อยมือ และเดินแยกจากกันไป..มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น

นั่นแหล่ะสิ่งที่ ‘สอง’ กมลินทร์ อยากให้เป็น

________________________________
                           
 
“ได้ข่าวว่าเด็กมึงเปิดศึกกลางโรงอาหาร?”
เพียงแค่ชายหนุ่มตัวการเรื่องราวความวุ่นวายก่อนหน้านี้นั่งลงตรงที่นั่งประจำในห้องเรียน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อคมคายเข้าขั้นที่นั่งประจำที่อยู่ก่อน จนเกือบรากงอกคาเก้าอี้ ก็เอ่ยทักขึ้นอย่างที่คนโดนทักรู้ดีว่า ‘ถามกวนประสาท’ แต่มีหรือคนที่เพิ่งเข้ามาจะใส่ใส่ใจ ทำเพียงแค่นั่งลงข้างๆเพื่อนสนิทแล้วเอาหนังสือขึ้นมากาง

“แล้วฝ่ายไหนชนะวะ..น้ำเงินหรือแดง?”

“เขียว! มึงจะถามทำซากอะไรวะ?” เจ้าของดวงตาเรียวเล็กตะคอกกลับ พร้อมกับการเหลือบไปมองเพื่อนรักที่ทำหน้าได้ใจเมื่อรู้ว่ากวนโมโหอีกตัวเองได้

“แหม!!! สอง กมลินทร์ รุ่นพี่ปีสี่ที่น่ารักนักหนาสำหรับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ของคณะบริหารธุรกิจหายไปไหนแล้วหนอ?”เพื่อนสนิทยังคงกวนไม่เลิก สอง จึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแล้วปล่อยให้คำพูดกวนอารมณ์ของเพื่อนสนิทผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาถือเสียว่าไม่ได้ยิน

..ให้มันพูดอยู่คนเดียวเป็นคนบ้าซะให้พอ!...

   “ก็งี้อ่ะมึง ควงเด็กไปเรื่อยไม่เคยเลือก รถไฟชนกันซะบ้าง ปวดหัวดีมั๊ยมึง”

“เออ! สะใจมึงยังที่เห็นกูปวดกบาลเนี่ย?”สองกระแทกเสียงกลับ ก่อนจะขบกัดริมฝีปากตนเองคล้ายคนกำลังครุ่นคิดเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองเจอแต่ช่วงนี้มันชักจะบ่อยจนเริ่มน่ารำคาญ

ตัดเด็กในสต๊อคออกสักคนสองคน ชีวิตมันจะเรียบง่ายกว่านี้มั๊ยวะ?..

แม่งตอนนี้ชีวิตยังกับจังหวะชะชะช่า!


ก็ทำได้แค่คิด    เพราะถ้าขาดเด็กคอยมาฉอเลาะเอาใจใส่อยู่ทุกวัน  สอง กมลินทร์ คน ‘รักเด็ก’ คงขาดใจตาย!

“สมน้ำหน้า..คราวหน้าคราวหลังก็หัดบริหารจัดการเด็กให้มันเข้าที่เข้าทางดิวะ?อยู่เมเจอร์บริหารซะเปล่า มึงนี่อ่อนว่ะ”

“ก็ใครจะไปคิดวะ? ไอ้น้องบอมก็อยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ส่วนไอ้น้องโจก็อยู่วิศวะ ใครจะไปคิดว่าแม่งจะมากัดกันที่บริหาร!”
สองเอ่ยขึ้นอย่างใส่อารมณ์ ทั้งที่คิดไว้แล้วว่าสองคนนี้ไม่น่าจะโคจรมาพบกันได้ง่ายๆ ตามหลักภูมิศาสตร์แล้วคณะเศรษฐศาสตร์ก็กินพื้นที่บริเวณหน้ามหา’ลัยไปซะ ส่วนคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็อยู่ค่อนไปทางส่วนท้ายของพื้นที่ของมหา’ลัย ส่วนคณะบริการและการจัดการ จะว่าไปก็อยู่ตรงกลางของไอ้สองคณะนี้พอดิบพอดี ก็ดั๊นเสือกแจ๊คพ็อตแตกมากัดกันกลางคณะบริหารให้ ‘สอง’ ได้เสียหน้าเล่น..แล้วอย่างนี้เด็กคนไหนจะกล้ามาติดเบ็ดอีกวะ?

คิดแล้วปวดตับเว้ย! 

“คราวหน้าคราวหลังมึงก็ระวังหน่อยแล้วกัน...”
เพื่อนสนิทของชายหนุ่มร่างเล็กเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงคล้ายคนเป็นห่วง เอาสองรีบหันหน้าไปหาเพื่อนรักเผื่อจะทำซึ้งกับเพื่อนสนิทได้บ้าง...แต่ก็เปล่า!

“เดี๋ยวเด็กในฮาเร็มมึงหายหมด แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ได้ทีก็หัวเราะเสียงดังลั่น

โป๊ก!!!

“หุบปากไปเลยไอ้ตรฤณ! ก่อนที่มึงจะไม่มีปากไว้แดกข้าวเที่ยง!” สองเอาสันหนังสือเคาะลงที่ศีรษะเพื่อนอย่างแรงก่อนจะออกคำขู่ที่ทำให้เพื่อนตัวใหญ่ของตัวเองต้องสงบเสงี่ยมเงียบเรียบร้อยเจียมตัวอยู่ข้างๆแทน

...กูยังไม่อยากปากแตกก่อนได้กินข้าวเที่ยงว่ะ..

เพราะตรฤณรู้ดีว่าสองนั้นพูดจริงทำจริง เหมือนเมื่อก่อนก็เคยโดนสองชกจนปากเกือบแตกมาแล้วในข้อหา ปากแกว่งหาเสี้ยนไม่ถูกที่ถูกเวลาคล้ายๆกับครั้งนี้

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาสองคนก็ไม่เคยโกรธกันจริงๆจังเสียที เพื่อนสนิทก็เงี้ยคิดไรมาก!
(แต่เมื่อกี้แม่งเคาะมาได้..หัวกูนะไม่ใช่กลองให้มึงเคาะเล่น ไอ้สอง!)

สอง กมลินทร์ ชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาค่อนไปทางน่ารักมากกว่าหล่อ ปีสี่คณะบริหารและการจัดการ
การเรียนเหรอ...ก็งั้นๆ ไม่ถูกไทร์ก็ถือว่าเป็นบุญหัว
กีฬาเหรอ...จะมีก็แต่ฟุตบอลแหล่ะที่สนและรักเป็นชีวิตจิตใจส่วนเรื่องอื่นๆสัพเพเหระไม่ค่อยจะเห็นสนใจเสียเท่าไหร่ นอกเสียจาก “เด็กในฮาเร็ม”
มีดีก็แค่หน้าตา..อย่างอื่นอย่าได้พูดถึง หน้าตาน่ารักขัดกับความโหดของตัวเองชิบ!

    ไม่อยากสาธยายมาก...เดี๋ยวไอ้คุณกมลินทร์จะมาตั๊นหน้าเอา!



“พี่สอง....ผมมารับไปทานข้าวครับ”
เพียงแค่สองย่างก้าวลงมาจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายของบันไดคณะ เสียงนุ่มทุ้มก็เอ่ยขึ้นเรียกรั้งเจ้าของซื่อเอาไว้ทำเอาเจ้าสองต้องรีบเงยหน้ามอง

   ไม่ใช่อะไรถ้าจำเสียงผิดแล้วจะซวยเอา..

   ทางที่ดีมองหน้าดีกว่าจะได้จำได้ว่าชื่ออะไร!

ว่าแต่ไอ้นี่มันชื่ออะไรวะ?..

“น้องต้อง น้องต้อง” ตรฤณที่เดินมาข้างๆแอบกระทุ้งสีข้างเพื่อนตัวเล็กเบาๆก่อนจะกระซิบทันทีเหมือนรู้ทันว่าไอ้เพื่อนความจำปลาทองของตัวเองจำเด็กในฮาเร็มไม่ได้

“น้องต้องนี่เอง” ว่าแล้วก็รีบเดินไปหา ‘น้องต้อง’ที่ตรฤณว่าพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานๆตามสไตล์

“เอ่อ..ผมบอลครับ”

เพล้ง!!! 

บุคคลตัวต้นเสียง ‘เพล้ง’ กัดฟันแน่นก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับไปหาเพื่อนรัก ที่ยืนทำหน้าระรื่นอย่างถูกอกถูกใจที่เขาทักเด็กในฮาเร็มผิด

“ไอ้เวร!”สองทำปากออกมาเป็นคำด่าแต่ว่าไม่ออกเสียงให้ตรฤณพร้อมกับถลึงตาใส่
หักหลังกันได้ไอ้เพื่อนรัก!

“โทษฐานที่มึงเอาหนังสือเคาะหัวกู บ๊ายบาย~”ตรฤณเองก็ตอบกลับโดยทำปากเป็นคำเช่นกันพร้อมกับเอามือชี้ที่หัวของตนเอง และสองก็อ่านมันออกทุกคำ จนอยากจะเดินไปเตะก้นมันสักสองสามทีให้หายโมโห แต่ติดอยู่ที่ว่าอยู่ต่อหน้าเด็ก
   ทำโหดไม่ได้เดี๋ยวเสียภาพพจน์หมด!

“เอ่อ..พี่สองครับ..จะไปกันหรือยังครับ”
“อ่า ไปไปโทษทีพี่เพิ่งเรียนเสร็จมึนๆไปหน่อย”สองแถไปเรื่อยๆตามนิสัยและเด็กคนนี้ก็เหมือนจะเชื่อเขาเสียเต็มประดาเสียด้วย
“บอล...ใช่มะ?” ลองทดสอบเรียกชื่อดูอีกทีจะได้จำเอาไว้ไม่ให้ผิดตัวอีก
“ครับ?”
“อ่า...ไปเถอะพี่หิวแล้ว”
“ครับพี่สอง”

อย่างน้อยครั้งนี้ก็รอดตัวหวุดหวิดล่ะวะ กมลินทร์!!

 “พี่สอง...ลองทานนี่มั๊ยครับ?” น้องบอลเด็กในสังกัดคนใหม่ของสองเอ่ยขึ้นหลังจากที่สองพึ่งสลัดรักหนุ่มน้อยคณะเศรษฐศาสตร์   และวิศวกรรมศาสตร์ไปหมาดๆ แบบที่ยังไม่แห้งดี

“อื้ม..อร่อยนี่เอาอีกนะ” สองว่าพร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจทำเอาน้องบอลตาพร่ามัวไปชั่วขณะ แต่ก็ส่งยิ้มกลับคืนพร้อมกับช้อนที่ตักอาหารเตรียมให้สอง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ตักใส่จานเหมือนครั้งที่แล้วแต่ตั้งใจจะป้อนเลยต่างหาก
“ทานเลยครับ”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับถือช้อนจ่อปากอีกฝ่าย สองจึงต้องอ้าปากรับด้วยแววตายิ้มแย้ม..
มีความสุขจริงเลยเว้ย!..การมีเด็กคอยเอาใจเนี่ย


“ระวังหญ้าอ่อนติดคอตายก่อนนะครับรุ่นพี่กมลินทร์~”
อาหารในปากที่เคี้ยวไม่ทันหมดก็พรวดออกมาด้วยความตกใจจนนึกเสียดาย ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่คนที่พูดจาส่อเสียด แต่จะพูดก็พูดไม่ออกเหมือนจะสำลักจนติดคอ
“แค่ก..แค่ก...ไอ้..ไอ้.....”สองมองหน้าคนมาใหม่ที่ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดีประหนึ่งว่าไม่ได้ทำอะไรเอาไว้เลย
“พี่สองเป็นยังไงบ้างครับ นี่น้ำครับ...โอเคหรือยังครับ?”บอลรีบลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอาน้ำมาให้พร้อมกับลูบหลังพี่สองอย่างห่วงใย พอได้ดื่มน้ำเหมือนคอจะโล่งขึ้นบ้าง ปากเลยว่างพอที่จะสบถออกมา

“ไอ้..ไอ้ภู!!..ไอ้เด็กเวร!”
 เสียงของสองด่าไล่หลัง ‘ภู’ หรือนามเต็มๆว่า ภูเบศธ์ ไปโดยไม่ได้คำนึงถึงว่าเจ้าตัวจะได้ยินหรือเปล่า แต่ขอแค่ได้ด่าไว้ก่อน เจ็บใจชิบ!

คนถูกด่าไม่ได้ยิน..แต่คนไม่ได้ถูกด่าดูท่าว่าจะตกใจ

“เอ่อ...ขอโทษนะ ต-..เอ้ย! บอล..พี่โมโหไปหน่อย” สองส่งสายตาดุๆไปตามทางที่ “เด็กเวร” เดินไปก่อนจะมาทำสายตาอ่อนหวานให้ “เด็กน่ารัก” ตรงหน้า แต่ก็ไม่วายเกือบเรียกชื่อผิดอยู่ดี...
“ไม่เป็นไรครับ...คนนิสัยไม่ดีอย่างนั้นอย่าไปสนใจ ว่าแต่ใครเหรอครับพี่สองรู้จักคนแบบนั้นด้วยเหรอ?”
“ไม่รู้จักหรอก...”สองว่าก่อนจะตักอาหารยื่นไปตรงหน้าน้องบอลบ้าง
“พี่ป้อน” ก่อนจะค่อยๆบรรจงป้อนให้น้องบอลอย่างเอาอกเอาให้ถือซะว่าเหตุการณ์แย่ๆที่เพิ่งผ่านมาไม่ได้เกิดขึ้น

ไอ้ภูเบศธ์ มารขัดความสุขของกมลินทร์!

ถามว่ารู้จักไหม? ถึงรู้จักก็ไม่อยากรู้จัก แต่มันเสือกดันเป็นหลานรหัสของเพื่อนร่วมเซคชั่น ‘ทิวากร’ หรือ ‘กร’และที่สำคัญ ‘ทิวากร’ คือคนที่ไอ้เพื่อนสนิท ‘ตรฤณ’ มันแอบชอบอยู่แต่อย่างที่บอกก็ได้แค่แอบชอบ บอกรักไปไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนรักเขาจะเหลือซากกลับมาหรือเปล่า

‘ทิวากร’....ขึ้นชื่อเรื่องสวย(?)แล้วหยิ่ง
ไม่ตายเพราะโดนทำเย็นชาใส่ ก็โดนไอ้หลานรหัสนั่นแหล่ะด่ากราดใส่จนไม่เหลือซาก

อย่างที่เห็นมันทำกับนายกมลินร์เมื่อกี้! เจ็บมั๊ยล่ะ?

แม่งเจอกูทีไร ด่ากูเป็นวัวทุกที!

_______________________

“เฮ้ย...สองทางนี้ๆ”หลังจากที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจ ‘กินข้าวกับเด็ก’ สองก็ถูกนำตัวมาส่งด้วยรถยนต์ยี่ห้อหรูด้วยโลโก้ที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะ มีสี่ห่วงคล้องกันแปะอยู่หน้ารถ และท้ายรถติดด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษพร้อมด้วยตัวเลขที่บอกซีรีย์รุ่นล่าสุดเอาไว้ เพียงแค่ย่างก้าวลงจากรถ ตรฤณเพื่อนรักสุดซี้ก็รีบวิ่งมารับ(?)

“มีอะไรวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียวมึง”

“คะแนนวิชามาร์เก็ตออกแล้วมึง...” ตรฤณพูดพร้อมกับกุมหน้าอกด้วยความเหนื่อย คะแนนก็ติดซะชั้นสี่ แล้วก็ต้องรีบปรี่วิ่งมาบอกคะแนนเพื่อนสุดเลิฟด้วยเหตุว่าลิฟต์มันเต็มขี้เกียจรอให้เสียเวลา เพราะคะแนนที่กำลังจะมาบอกเพื่อนตัวเล็กนั้นมันควรบอกด้วยปากมากกว่าเครื่องมือสื่อสารเป็นไหนๆ

“แล้ว?”สองยืนรับฟังอย่างไม่ค่อยจะตื่นเต้นสักเท่าไหร่

“มึงทำใจดีๆนะเพื่อน....”ว่าแล้วก็เอามือตะปบลงบนบ่าเพื่อนตัวเล็ก

“มึงตกมีน”

“หา?! มึงว่าไรนะ?”

มึง......ตก......มีน! ทีนี้น่ะชัดมั๊ยมึง” ตรฤณตะคอกใส่หูจนสองเอามือปิดหูแทบไม่ทัน ก่อนจะหลับตาอย่างเซ็งๆในชีวิต แม่งขนาดวิชาที่ข้อสอบเป็นปรนัยยังตกมีนได้ แล้วอัตนัยกูจะรอดไหมล่ะเนี่ย!

“ได้ข่าวว่ากูลอกมึง..อย่างงี้มึงก็ตกมีนดิ?” สองว่าขำๆทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนคนนี้การเรียนเป็นเลิศ แล้วอีกอย่างไอ้เรื่องตกมีนน่ะเหรอนายกมลินทร์เจอมาบ่อย จนชินแล้วล่ะ แต่ก็ตกแบบไม่ได้น่าเกลียดยังพอถูไถได้หมาได้แมวมา

“โทษทีว่ะ...กูท๊อปเซค” พูดแบบไม่ค่อยอยากจะอวดเลยเนอะไอ้ตรฤณ สองทำได้แต่ค่อนแคะอยู่ในใจ

“แล้วไง..กูตกจนชิน..เรื่องปกติ”พูดอย่างไม่ยี่หร่ะ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าคณะอย่างสบายๆอย่างกับว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายเท่าไหร่ ทั้งๆที่ลืมคิดไปเลยว่าตัวเองอยู่ปีสี่แล้วโอกาสหาทางแก้ตัวมันเริ่มน้อยลงทุกที

“แต่คะแนนมึงน้อยมาก อาจารย์ให้เรียกมึงไปคุยว่าจะให้มึงดรอป”เพียงเท่านั้นเท้าเล็กก็หยุดกึก ก่อนจะหันหน้าไปมองเพื่อนรักอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่

“กูว่าเมิงดรอปเหอะ...ถ้าไม่ดรอปมึงก็เอฟ” ตรฤณว่าก่อนจะเดินเข้าไปหาสองอีกครั้ง ใบหน้าหวานของเพื่อนตัวเล็กตอนนี้เริ่มดูเป็นกังวลจนเห็นได้ชัด

“หรือมึงจะลองไฟท์เอาด๊อก?”

“เมิงคิดว่าหน้าอย่างกูนี่นะจะไฟท์?”สองรู้ดีว่าถ้าถึงขั้นที่อาจารย์เรียกพบโอกาสไฟท์เพื่อให้รอดเอฟนั้นริบหรี่เต็มที

“เฮ้ยกูจะช่วยมึงเอง...เพราะถ้าเมิงดรอปตัวนี้ มึงมีโอกาสแก้ตัวอีกแค่เทอมเดียวคือเทอมหน้านะเว้ย” ตรฤณลองเสนอหนทางเพราะตอนนี้พวกเขาเองก็ปีสี่กันทั้งคู่จะจบกันอยู่แล้ว ถ้าปีหน้าสองยังได้คะแนนแบบนี้อยู่เกรงว่าจะไม่จบทันเพื่อนทันฝูงเขา

“แล้วไงกูไม่มีทางเลือก”ใบหน้าเรียวเล็กดูเครียดจนดูแปลกตาเพราะว่าสองมักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ(เวลาอยู่กับเด็กในฮาเร็ม) และใบหน้าอันสุดแสนกวนบาทาเวลาอยู่กับเพื่อนเลิฟอย่างตรฤณ

“เอางี้...เดี๋ยวยังไงเทอมหน้ากูไปเรียนเป็นเพื่อนเอามะ?” ตรฤณว่าพร้อมกับตบหลังเพื่อนเบาๆเพื่อเป็นกำลังใจ ทำเอาสองน้ำตาแทบจะไหลพราก นี่ถ้าลงไปกราบมันได้จะลงไปกราบขอบคุณแทบเท้าไอ้เพื่อนเลิฟคนนี้เลยทันที

“นี่เมิงจะดรอป แล้วไปเรียนเป็นเพื่อนกูเทอมหน้าใช่มะ?”สองทำแววตาใสวิ๊งใส่เพื่อนรักทำเอาตรฤณต้องรีบเอามือตบหน้าผากสองเข้าไปหนึ่งทีดังแป๊ะ!

“มึงใช้ไรคิด? กูยังไม่โง่ถึงขั้นดรอปเพื่อไปเรียนกับมึงเทอมหน้าหรอกนะ! กูหมายถึงเทอมหน้ากูจะไม่ลงเรียนเวลาที่มึงเรียนมาร์เก็ตไง กูจะได้ไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนมึง” ถึงจะไม่ใช่คนดีจนถึงขั้นเทพบุตรแต่อย่างน้อยตรฤณก็รักและเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ไม่น้อย

“โถ่..กูก็นึกว่ามึงจะเป็นคนดี” สองแอบทำปากยื่นด้วยความงอน

“นี่ขนาดกูไม่เรียกว่าคนดี กูก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว งั้นเทอมหน้าเชิญมึงเรียนมาร์เกตคนเดียวแล้วกัน!”
เสนอตัวขนาดนี้ยังงอนกันมาได้ คนอย่างตรฤณก็เคืองเป็นนะครับขอบอก ว่าแล้วก็เดินลิ่วๆเข้าคณะปล่อยให้เพื่อนตัวเล็กรีบวิ่งตามไปง้อ



“เตรียมลงมาร์เกตเทอมหน้าได้เลย...ไอ้ภูเบศธ์”

ตรฤณพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ปล่อยให้เพื่อนรักวิ่งตามอยู่ไกลๆ ไม่ใช่อะไรขามันสั้นเลยวิ่งไม่เคยทัน


“ไอ้ตรฤณ รอกูด้วย!” สองวิ่งตามตรฤณเข้ามาภายในตัวตึกของคณะแต่พอเข้ามากลับไม่เห็นแม้แต่เงาจะมีก็แต่เสียงมารผจญ

“อย่างนี้แหล่ะกินแต่หญ้า สมองเลยไม่พัฒนากับชาวบ้านชาวช่องเขาสักที”ทิ้งระเบิดไว้ลูกใหญ่ก่อนจะเดินจากไปพร้อมริมฝีปากที่ยกขึ้นยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีที่แกล้งยัวะอีกฝ่ายได้ ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดดูถูกดูแคลนแต่อย่างใด ถึงคราวนี้ไม่ได้ด่าว่าเป็น “วัว” แต่มันก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นสัตว์สายพันธุ์ใกล้เคียง อย่างน้อยก็กินหญ้ากินฟางเหมือนกัน

ดูมันด่ากันมาได้...ว่าแต่มันรู้ได้ไงวะ ว่ากูตกมีน! 

“ไอ้....ไอ้....ไอ้เถิก! ถ้าฉลาดแล้วหัวเถิกอย่างแก ฉันก็ไม่อยากฉลาดหรอกเว้ย!”
สองด่าไปตามหลังนึกไม่ออกว่าจะด่า “ไอ้เด็กเวร” ที่หน้าตาดี เรียนดีกีฬาเด่นจนเป็นที่หมายปองของคนทั้งคณะว่าอะไร..อย่างน้อยก็จับเอาปมด้อยมันมาเล่นนี่ล่ะวะ

แม่ง..วันนี้เสือกมัดจุกหน้า เปิดเหม่งโชว์โหงวเฮ้งความฉลาดมาเชียวนะมึง!

ถึงดูเหมือนว่าภูจะชะงักไปเล็กน้อย กับคำด่าที่สุดแสนจะทิ่มแทงใจดำจนเจ็บปวดไปถึงตับก็เหอะ แต่ก็มิวายหันมาเหน็บแนมพอเป็นน้ำจิ้ม

“เถิกแล้วฉลาด ดีกว่าหน้าผากแคบแล้วโง่ล่ะน่า~ อ๊ะ..อย่าโมโหให้มาก แก่แล้วเดี๋ยวเส้นเลือดในสมองแตกแล้วจะหาว่าไม่เตือน”
เม้ง ! ยกที่หนึ่งนายภูเบศธ์ชนะน็อค

“ไอ้เด็กเวร!!!!!!!! แกไม่ได้ตายดีแน่ไอ้ภู!!!”

ในขณะที่สองและภูยืนทะเลาะกันอย่างเมามันกลับเป็นเรื่องตลกในสายตาสองคู่ที่ยืนมองอยู่ห่างๆ


“ถามจริงเหอะ..หลานรหัสนายจีบเพื่อนฉันอย่างนี้ชาติหน้าจะติดมั๊ยอ่ะ?”ตรฤณเกาหัวแกรกๆอย่างงงๆ ถ้า ‘กร’ไม่บอกเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอนว่าภูเบศธ์หลานรหัสปากร้ายของนายทิวากร กำลัง “จีบ” สองเพื่อนรักของตรฤณอยู่

“ไม่รู้...มันบอกว่านี่แหล่ะวิธีของมัน” ริมฝีปากสีสดเอ่ย พร้อมกับดวงตากลมโตที่มองบุคคลที่สนทนาด้วย หากไม่มีคำว่า “นาย” นำหน้าไอ้ตรฤณคนนี้เองก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคนคนนี้คือผู้ชาย

“ยังไงก็ช่วยมันหน่อยแล้วกัน...นะถือว่าช่วยฉันไอ้หลานคนนี้มันมาโอดครวญกับฉันเช้าเย็น ว่าเพื่อนนายควงเด็กใหม่อีกแล้ว”

“อ่า......”

“นะ...ตรฤณ”พูดไม่พูดเปล่า ยังส่งสายตาอ้อนวอนมาด้วยเป็นของกำนัล

โฮะ! จะฆ่าตรฤณทางอ้อมด้วยสายตาเหรอวะ คุณทิวากร!
แค่ได้คุยด้วยก็จะละลายเป็นน้ำอยู่แล้วเนี่ย~

“ได้...ฉันจะช่วยนายเองกร” น้ำเสียงของตรฤณเต็มไปด้วยด้วยความมั่นใจพร้อมกับมือใหญ่ตบลงบนไหล่บางของอีกฝ่ายอย่างจงใจ(ล่วงเกิน)
แต่พอหันไปเจอหน้าคนสวยก็ต้องตกใจกับสายตาดุๆที่ส่งมา ทำเอาตรฤณรู้สึกกลัวขึ้นมาเลย จำต้องเอามือออกจากไหล่กรพร้อมกับเอามาตีประหนึ่งว่ามือข้างนี้ไปทำนิสัยไม่ดีเข้า

“อ่า..โทษที...”

“งั้นฉันขอตัวก่อนนะ”พูดจบก็เดินจากไปทำให้ตรฤณต้องมองตามหลังคนสวยด้วยตาละห้อย...ช่างเหอะอย่างน้อยวันนี้ก็ได้จับไหล่

ว่าแล้วก็เอามือข้างที่ไปจับไหล่กรขึ้นมาสูดดม...
อ่า...เหมือนพวกโรคจิตเลยแฮะ!
ทำไงได้ก็หลงรักไปหมดหัวใจแล้วนี่หว่า><

“ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อนาย..กร” ตรฤณเอ่ยอย่างมาดมั่นกำมือไว้แน่นอย่างมั่นใจ  นี่ถ้าไม่ใช่ว่ากรมาขอร้องด้วยตัวเอง ตรฤณเองจะไม่ทุ่มทุนสร้างให้ขนาดนี้เลยนะครับ!

แถมความลับที่เพิ่งรู้มาอีกอย่างทำให้ตรฤณเบาใจไปได้อีกเยอะ หลังจากที่กังวลๆอยู่เรื่องกรกับภูที่เป็นหลานรหัส จะมีความสัมพันธ์ที่เกินเลยเนื่องจากสนิทกันเกินไป แต่พอมารู้จากปากของกรว่า ‘ภู’ ภูเบศธ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง  เลยทำให้ประเด็นนี้ตกไป...ตรฤณเป็นปลื้ม!

และคราวนี้แหล่ะ ไอ้กมลินทร์เอ้ย มึงจะได้มีเด็กเป็นตัวเป็นตนกะชาวบ้านเขาสักที! ตรฤณคนนี้เอาหัวเป็นประกัน!



___________________________
TBC
___________________________

สวัสดีค่า ^^
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ปล. มารีไรท์เรื่องนี้ใหม่ไป มีความสุขกับ ชื่อตัวละครมากๆเลยล่ะค่ะ
ฮะฮ่า ปกติ จะแต่งแต่ฟิคชั่น โดยใช้ชื่อ บุคคล ดารา ที่มีอยู่แล้ว
แต่นี่ต้องมาคิดชื่อเอง...อ๊ายยย คิดเองชอบเองค่ะ (ไม่ค่อย-"-) ฮ่าฮ่า

ปล. ตรฤณ อ่านว่า ตริน นะคะ (ชื่อนี่ เผื่อบางคนอ่านเจอตอนแรกอาจจะงงๆ ว่าอ่านยังไง ฮ่ะฮ่าาา)

ยังไงพรุ่งนี้อาจจะมาลงตอนต่อไปเลยนะคะ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2011 16:50:52 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
สนุกดี แต่แอบมีผิดอ่ะน้องชื่อเพื่อนนายเอกอ่ะมียุนโฮด้วยแหละ

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
“ระวังหญ้าอ่อนติดคอตายก่อนนะครับรุ่นพี่กมลินทร์~”

ชอบคำนี้อ่ะ เหอๆ

ออฟไลน์ WyJeen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
คอยๆ ตอนต่อไป พระเอกน่ารักนะ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
จะติดตามอ่านต่อไปนะครับ

เป็นกำลังใจให้นะ

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ชอบๆๆ พระเอกกวนติงดี
แต่ก็นะ แหม นายภูไปว่าพี่สองเป็นวัวเรอะ
คอยดูเถอะ ต่อไปเอ็งก็เป็นหญ้าอ่อน(ที่ยินดีเดิน)เข้าปากพี่สองเหมือนกันล่ะ
คิดภาพตอนภูไปครวญเรื่องสองมีเด็กใหม่ในสต๊อกแล้วตลกดี :-D

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ชอบเด็กด้วยคน
เด็กๆมันน่ารักกกกกกกกกก :o8:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
แล้วจะรอตอนต่อไปนะจ้า แอบมีคำผิดอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆค่ะ แต่การจัดเรียง อ่านง่ายดีแล้ว

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
คุณพระเอกนี่น่ารักจริงๆ 

จะคอยดูว่ามุขชอบเขาแล้วแกล้งเนี่ยจะยังใช้ได้กันมั้ย  5555

สองก็เจ้าชู้น้าาา  ใครจะมาหยุดได้ล่ะเนี่ยย

ปล.แอบคุ้นชื่อคนเขียนน้าาา  ใช่คนเดียวกับที่เม้นในบอร์ดคุณจูออนป่ะคะ  อิอิ

ติดตามต่อค่าาา  สนุกมากๆๆ 

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2

ออฟไลน์ miya_pp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกดีนะ o13 o13

รีบบบบบบบบบบบมาต่อเลยด้วย^3^

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
เข้ามาจารึกชื่อไว้ว่า จะตามมาอ่านอีก~~ อิอิ

สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อร๊ากกก........ต้องติดตามซะแล้วละ มันต้องมีอารายเด็ดๆแน่ๆเลย

อย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟฟ รอๆน้ออ^^!!

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 2 ลูกในปาก

“กร”

“พี่กร”

“กร”

“พี่กร”

“กร”

“ฉันบอกว่าให้เรียก ‘พี่’ ไอ้เด็กนี่!”
หลังจากที่ผลัดกันพูดชื่อของตนเองมาอยู่นานหลายตลบ ถึงคราวที่ “พี่กร” หมดความอดทนจนต้องระเบิดเสียงใส่หลานรหัสหน้าหล่อ พ่อรวย พ่วงตำแหน่งลูกพี่ลูกน้องอีกหนึ่ง ที่ไม่เคยเรียกทิวากรคนนี้ว่า “พี่” เลยสักครั้งทั้งที่อายุอานามก็ห่างกันถึงสามปี

ให้ตายเหอะ กูไม่เคยสั่งสอนให้มันเรียกกูแต่ชื่อ!

“หงุดหงิดอะไรกัน เมียมีชู้เหรอไง?”คนถูกด่ายังคงตีสีหน้าเรียบเฉยแถมถามกลับด้วยความฉงนจนเกือบโดนฝ่ามืออรหันต์ฟาดกลับทำเอาหนุ่มน้อยปีหนึ่งอย่างภูเบศธ์ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวขึ้นมาบ้างใครจะอยากไปเจอลูกตบมหาประลัยของทิวากรกัน..

“เพราะปากหมาอย่างนี้ไงสองถึงไม่สนใจแก!”
กรว่าเข้าให้พร้อมด้วยสายตาอาฆาตที่ใครๆต่างก็กลัวสายตาแบบนี้ของทิวากร จะมีก็แต่ภูคนเดียวนี่แหล่ะที่ยังคงนิ่งเฉยไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมา

“ใครว่าสองไม่สนใจฉันล่ะ”หรือว่าจะเถียง..เจอหน้าทีไรแยกเขี้ยวใส่ทุกที พร้อมกับคำว่า “ไอ้เด็กเวร”อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่สนใจได้เหรอ?

“ไอ้นี่ ! สองเป็นพี่แกกี่ปี...ไปเรียกชื่อเขาเฉยๆได้ยังไง หา!”กรตวาดไปอีกรอบ จะว่าไปไอ้อาการโมโหจนดูน่ากลัวแบบนี้ของกรไม่ค่อยมีใครได้เห็นกันสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่ภูเบศธ์หลานรหัสของกรคนนี้แหล่ะที่เจอประจำอยู่ทุกวัน

   จะว่าไปการเกิดเป็นภูเบศธ์มันน่าดีใจมั๊ยวะ?

“อ๊าววว! นี่กรรู้อะไรมั๊ย? ว่าคนจะเป็นแฟนกันน่ะ เค้าไม่เอาเรื่องอายุมาคิดกันหรอก”เด็กหนุ่มหน้าหล่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าหวานของญาติผู้พี่จนเกือบติดกัน ก่อนจะส่งสายตายียวนให้ตบท้าย ทำให้มือของกรยกขึ้นมาแบบอัตโนมัติฟาดเข้าให้ที่หัวของภูแบบไม่ยั้งแรง

“เพราะอย่างนี้ไง เขาถึงไม่เคยเหลียวแลเด็กอย่างแก ไอ้ภูเบศธ์ ชาติหน้าแกก็จีบไม่ติด รู้ตัวไว้ซะ!”กรว่าหลังจากที่ตบหัวหลานรหัสไปหนึ่งทีจนมือแดง โดยมีเสียงบ่นอุบอิบว่า “เวลาที่อยู่ต่อหน้าสอง ฉันก็เรียกเขาว่ารุ่นพี่นา”

ถามทีเหอะนี่หัวคนหรือหัวหมา แข็งชิบ!
กรสะบัดมือเบาก่อนจะเหลือบไปมองไอ้ลูกผู้น้องที่พูดเสียงอ่อยๆเมื่อครู่ได้สักประโยคแล้วเงียบเสียงไป

“อ้าว ทำเป็นเงียบ..แทงใจดำอ่ะดิ” กรลองหยั่งเชิงถามเด็กหนุ่มเมื่อเห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ตัวเองพูดออกไปเช่นนั้น ภูก็ดูจะสลดลงไปในทันตา จะด่าจะว่ามันเรื่องอะไรไม่เคยเห็นมันจะสะทกสะท้าน แต่ถ้าเรื่องเกี่ยวกับนายกมลินทร์เมื่อไหร่....
หงอยเป็นไก่ติดโรคเชียวนะมึง!

“นั่นสิ...แล้วทำไมสองถึงไม่เคยสนใจฉันสักทีล่ะ?”     สายตาทะเล้นกลับกลายเป็นสายตาที่ดูจริงจังส่งกลับมาให้กร ถึงกรจะยังคงระคายหูในเรื่องที่ภูไม่เคยเรียกสองว่าพี่หรือแม้แต่กระทั่งตัวเองที่เป็นทั้งปู่รหัสและญาติผู้พี่ว่า ‘พี่กร’เลยก็ตาม...แต่กรก็ตอบกลับไปทันทีว่า

“เป็นกู กูก็ไม่สนว่ะไอ้คุณภูเบศธ์!”
พูดใส่หน้าให้เต็มเสียงจนภูต้องเบือนหน้าหนี

“ฉันก็ไม่ได้บอกให้กรมาสนฉันสักหน่อย...อย่างกรนะ แถมเงินให้ไม่อยากได้เลย อ่า ถ้าแถมรถนอกอีกสักคันสองคัน ฉันยังต้องขอคิดดูอีกทีเลยอ่ะ!”
ผีเจาะปากมันให้พูดหรือไงวะ กูอยากกระโดดถีบขาคู่ไอ้เด็กนี่จริงๆ!

“ไอ้ภูเบศธ์..แกอยากให้สองสนใจแกมะ?”กรเองก็ไม่รู้ว่าจะเถียงกับเด็กไปเพื่ออะไรเพราะรู้ว่าชาตินี้ก็ไม่เคยเถียงชนะ เลยจำใจต้องพูดกับมันดีๆก่อนที่มันจะหันมาแว้งกัดเอาอีก

คิดดูเหอะกับคนที่มันรักมันชอบ..ยังโดนซะขนาดนั้น
แล้วทิวากรล่ะจะขนาดไหน? โดนกัดทีตายห่าไปเลยดีกว่า...

“อยากสิ..แต่จะให้ทำไงล่ะ เจอหน้าสองทีไรอดไม่ไหวที่จะปล่อยลูกออกมาวิ่งเล่น”ภูเบศธ์คงจะหมายถึงลูกๆในปากที่เลี้ยงเพาะพันธุ์ไว้เป็นฟาร์ม ว่าแต่ใครสนใจมาซื้อไปเลี้ยงภูเบศธ์ก็ไม่เคยขัดเพราะรู้ดีว่าลูกในปากตัวเองพันธุ์ดีเฝ้าบ้านได้!

“หึงล่ะสิ...”

เออ!...โอ๊ย!”ตอบกลับไปคำร้องตามมาอีกคำ

ทำไมนายทิวากรถึงได้ชอบตบหัวกูนักนะ!

“ตอบผู้ใหญ่น่ะหัดพูดเพราะๆแกนี่สอนไม่จำ!”พูดดีๆกันไม่ทันถึงสองประโยคdiก็อดไม่ไหวที่จะสั่งสอนไอ้หลานรหัสคนนี้อีกครั้ง

“รู้แล้วๆ!” ภูกระชากเสียงตอบส่งๆอย่างกับคนรำคาญเพราะรู้ว่าถ้าขืนยังทำให้กรด่าอีกเป็นรอบที่สาม กระโหลกข้างซ้ายอาจจะบุบจนพิกลพิการได้

“แต่หึงแล้วจะได้อะไร สองควงเด็กเคยซ้ำหน้าเมื่อไหร่ เขาไม่เคยแลฉันด้วยซ้ำ”เด็กหนุ่มเริ่มเข้าสู่โหมดเครียดจนกรต้องตบบ่าเบาๆ

“ก็เอาลูกในปากแกออกซะให้หมดสิ..จะได้ไม่ออกมาเพ่นพ่านกัดคนเขาอีก~”กรยิ้มหวานแต่กลับดูประชดประชันไม่เข้ากับคำพูด
สงสัยทิวากรจะติดเชื้อปากหมาจากภูเบศธ์ซะแล้ว!

“ปากหมา!”ภูว่าเข้าให้ ถึงจะเป็นคำด่าที่ถือธรรมดามากถ้าเปรียบจากคำด่าที่ภูเคยด่ามา แต่ไม่รู้ทำไมกรรู้สึกจี๊ดไปถึงไต

“ไอ้นี่! นี่ถามจริงเหอะ คิดจะจีบเขาจริงจังป่ะเนี่ย? คนเขาก็อุตส่าห์จะช่วย!”กรขึ้นเสียงอีกรอบ ชักเริ่มไม่ค่อยอยากจะสนทนากับร่างสูงตรงหน้า พูดคำทะเลาะคำจนรำคาญเสียเอง

“จริงจัง ล้านเปอร์เซ็นต์!”

“งั้นก่อนอื่นฉันแนะนำ ให้เอาลูกในปากออก ก่อนเจอสอง”

“เอาไปฝากไว้ในปากกรแทนได้มะ?”

“อย่ากวนตีน!”

“ก็ได้”

“ต่อมา คือหัดทำตัวน่ารักให้สมกับฐานะเด็กในฮาเร็มของสอง” กรเริ่มบรรยายต่อหลังจากที่ศึกษาข้อมูลเรื่องของ “สอง กมลินทร์” มาแน่นปึ้กจากตรฤณผู้นำเสนอข่าวและเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า กมลินทร์ ดียิ่งเสียกว่าเจ้าตัวเอง(มันบอกมางั้น ก็โฆษณาให้มันหน่อย)

“ฉันไม่ได้อยากเป็นเด็กในฮาเร็มสองนะ! นี่กร~ ฉันอยากเป็นแฟนสองนะไม่ได้อยากเป็นเด็กในฮาเร็มสักหน่อย” เจ้าภูรีบเกาะแขนกรพร้อมกับรำพึงรำพันจนคนโดนเกาะชักรำคาญ

“ก็รู้อยู่ว่าสองฮอตแค่ไหน อย่างแกก็ต้องเริ่มจากเด็กในฮาเร็มเขาล่ะไม่งั้นแกจะได้ใกล้ชิดเขาไหมล่ะ? แม่งเจอเขาทีไรไม่กัดก็ประชด”

“ก็ไม่รู้นี่หว่าจะเข้าไปหายังไง กรก็รู้ว่าฉันเอาใจคนไม่เป็น”พูดไปก็นึกโมโห หวนนึกถึงภาพเก่าๆที่ต้องเห็นทุกครั้งเวลาที่สองอยู่กับเด็กๆในฮาเร็ม     เด็กหนุ่มน้อยทั้ง หลายต่างก็รูปหล่อพ่อรวย แถมพ่วงด้วยความเอาใจเก่ง...
ภูเบศธ์มีเหรอจะไม่สู้ แต่บังเอิญดันเกิดเป็นคนเอาใจคนไม่เป็น ปากหมาก็เท่านั้น เอาแต่ใจก็เท่านี้ ไม่ได้อยู่ในคุณสมบัติของเด็กในฮาเร็มของสองเลยสักนิด (ยกเว้นสองข้อแรก...รูปหล่อพ่อรวยนี่ทิวากรยืนยันได้!)

“ก็หัดเอาใจคนบ้างเซ่! เพราะถ้าไม่...ต่อให้ไดโนเสาร์มันเกิดใหม่มาอีกรอบแกก็ยังไม่ได้สองเป็นแฟน ชัดมะ?”กรพูดพร้อมกับมองหลานรหัสที่กำลังตีสีหน้าไม่ถูก และกรเองก็อ่านไม่ออกเสียด้วย


“ว่าแต่ไอ้ไดโนเสาร์เกิดใหม่อีกรอบเนี่ยมันนานมะ?”นายภูเบศธ์ถามด้วยความสงสัยพร้อมหน้าตาแสดงความฉงน
สรุปว่ามันเครียดเรื่องสองหรือเรื่องไดโนเสาร์?

“ไอ้คุณภูเบศธ์! อย่ามาโง่ในเรื่องที่ควรฉลาด ไดโนเสาร์บ้านป๊าเหรอมันเกิดใหม่ได้”
แม่ง สูญพันธ์ไปกี่สิบชาติแล้ววะนั่น! มึงยังจะเอามาคิดให้ปวดหัวแม่เท้าอีก
ไอ้นักเรียนสี่จุด!*

(* เกรดเฉลี่ย 4.00 = สี่จุด เรียกย่อๆ)

“อ้าว...ก็นึกว่ากรจะรู้ เห็นโง่ๆ เลยถามลองเชิง”จากใบหน้าครุ่นคิดเมื่อสักครู่กลับกลายเป็นรอยยิ้มกวนตีนที่กรอยากจะเอาตีนลูบหน้าให้สมกับรอยยิ้มของมัน!

“ภู..กูไม่ช่วยมึงแล้ว!”ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไม้หินอ่อนที่นั่งสนทนาอยู่กับภูได้อยู่นานสองนาน ทำเอาร่างสูงที่เพิ่งถูกทิ้งวิ่งตามแทบไม่ทัน

“กร....ก๊อนนนนนน รอก่อน....อย่างอนตูดบิดคิดมากจนเป็นตุ๊ดดิ!”

“หุบปากแกไปเลยไอ้น้องเลว”หันกลับมาด่าคืนบ้าง เห็นเรียกเอาไว้ก็นึกว่าจะมาง้อ ที่ไหนได้มาด่าทิวากรเป็นตุ๊ด..ไม่ปลื้มเว้ย!
“โอ๋~ พี่กร....ช่วยน้องชายสุดหล่อคนนี้ให้ได้สองมาเป็นแฟนด้วยนะคร๊าบ” ร่างสูงโปร่งวิ่งตาม ‘พี่กร’ มาติดๆพร้อมกับพูดเสียงนุ่มเสียงหวานจนชวนขนลุก...
ทีอย่างนี้ทำมาเป็นเรียก “พี่” เชียวนะ!

“แกก็หัดฟังที่ฉันพูดบ้างสิ!” คำอ้อนของเจ้าหลานรหัสทำให้กรหยุดที่จะเดินหนี และหันกลับมาพูดกับภูดีๆ ต่อให้มันปากหมากว่านี้อีกสักสิบเท่ากรก็โกรธไอ้น้องคนนี้ไม่ลง ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก รักมันอย่างกับน้องแท้ๆ ด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวด้วยเลยทำให้กรยากจะมีน้องสักคนบ้าง แล้วบังเอิญว่าคุณน้าของกรมีลูกเป็นเด็กผู้ชาย เลยทำให้เป็นเพื่อนเล่นกับกรตั้งแต่ยังเล็ก
ช่างสมเป็นน้องชายที่ฟ้าถีบส่งลงมาให้กูเสียจริงๆ!

“ก็ได้ครับ  ” นายภูเบศธ์พูดจาไพเราะเพราะพริ้งจนฟังลื่นหู จนกรนึกภูมิใจที่สั่งสอนจนน้ำลายแห้งไม่ได้เสียเปล่าสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าที่มันเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้ขนาดนี้ก็เพราะต้องการความช่วยเหลือ

“งั้น ฟังฉันแล้วทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างโอเคมะ?” กรเริ่มมีแผนในหัวคร่าวๆก่อนจะพูดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ได้เลยครับพี่กร”

ทีเงี้ย เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้(แล้วยัดใส่ตู้)เชียวนะมึง

________________________________________

“กรครับ...ทานข้าวกลางวันหรือยัง ถ้ายังไง....”
หนุ่มหล่อมาดเข้มหน้าตาดีคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาหนุ่มหน้าสวยของคณะบริหารก่อนจะพยายามเอ่ยชวน ‘ทิวากร’ ไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน แต่พูดยังไม่ทันจบก็โดนขัดขึ้นเสียก่อน

“โทษทีฉันไม่ว่างคุย” กรเพียงแค่ปรายตาไปมองด้วยหางตาก่อนจะนั่งนิ่งอยู่กับที่ จะว่านั่งรอคนก็ไม่น่าจะใช่เพราะดูจากท่าทางแล้วไม่เห็นว่าจะชะเง้อมองหาใคร จะว่านั่งรอเรียน...ก็ไม่เห็นจะมีหนังสือเรียนสักเล่ม แล้วคนสวยมานั่งเป็นเป้าสายตาอยู่กลางคณะทำไม อันนี้ก็ไม่มีล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ได้

“แต่ว่า...”

“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเถอะ...ฉันไม่ว่างจริงๆ”กรยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่มาพร้อมแววตาสุดแสนเย็นชา    ประหนึ่งว่าคนตรงหน้าไม่ได้มีความหมายอะไร แถมพอยิ่งอยู่นาน  ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงสายตาของคนสวยที่ค่อยๆเพิ่มดีกรีความไม่พอใจทางสายตามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาคนที่มาทักทายต้องรีบถอยทัพกลับไปในทางที่ตัวเองมา
เป็นอย่างนี้เสมอสำหรับหนุ่มหน้าสวยประจำคณะบริหาร ที่ใครหลายคนก็ต่างหวังว่าจะเข้าไปใกล้ชิดเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจ แต่เวลาสี่ปีที่กรอยู่ในมหาวิทยาลัยก็เป็นตัวพิสูจน์ถึง “ความสวยแล้วหยิ่ง” ได้เป็นอย่างนี้ เพราะจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครเคยได้กรมาครอบครองเลยสักคน
จีบได้จีบไป ไม่สนใจซะอย่าง..มีปัญหามะ?

และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ตรฤณคอยเฝ้ามองตั้งแต่เดินออกมาจากห้องเรียน ทำเอาร่างสูงใหญ่หัวใจห่อเหี่ยว พอเห็นกรนั่งอยู่คนเดียวก็กะว่าจะเดินไปทักสักหน่อยตามประสาคนรู้จักคุ้นเคย(?) แต่พอเจอเหตุการณ์เมื่อสักครู่เข้าไปทำเอาตรฤณก้าวขาไม่ออก ลืมวิธีเดินไปชั่วขณะกันเลยทีเดียว

ถ้ากูเป็นไอ้หน้าหล่อนั่น...กูคงสั่นจนช็อคอ่ะ

นี่ขนาดเป็นแค่ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ยังรู้สึกกลัวจนฉี่แทบเล็ดเล้ย!

ตรฤณก็ทำได้แค่คิด...คิดแล้วก็ถอนหายใจ...แล้วก็เดินหันหลังกลับไป
กูไม่โง่พอที่จะเดินเข้าไปให้เขาทำเย็นสาใส่แล้วมานั่งปวดใจเล่นหรอกเว้ย!

“ตรฤณ..นั่นตรฤณใช่มั๊ย?”

แต่ได้ข่าวว่าเขาเรียก ‘ตรฤณ’ว่ะ?

เฮ้ย นั่นชื่อกู!!

“อ้อ..กร”
ร่างสูงใหญ่รีบหันไปตามเสียงเรียกและทำหน้าประหนึ่งว่าเพิ่งเห็นว่ากรนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่ในใจกู่ ร้องเป็นภาษาเคนย่าด้วยความปลื้มปิติ
“ตรฤณ....ฉันมารอตั้งนาน..เพิ่งเรียนเสร็จเหรอ?”

โฮะ! ได้ยินมั๊ยมึง เขามานั่งรอกู ทิวากรมานั่งรอตรฤณ!

   (พูดในใจพร้อมกับส่งสายตาเยาะเย้ยไปให้ไอ้หน้าหล่อ ที่เดินเข้าไปทักกรก่อนหน้านี้ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้สังเกตการณ์แทนตรฤณเสียเอง)

“อ่า..ใช่เพิ่งเรียนเสร็จ มีอะไรหรือเปล่าล่ะกร?”ตรฤณรีบยกมือขึ้นเซตผมอย่างตื่นเต้นพยายามคิดตลอดเวลาว่าตอนนี้ตัวเองดูดีหรือยัง ก็เคยคิดอยากพกกระจกไว้เช็คความหล่อบ้างอยู่หรอก แต่ติดว่าเดี๋ยวโดนไอ้สองหาว่าเป็นตุ๊ด
“เอ่อ..แล้วสองไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
มาหากูแต่ถามถึงไอ้สองนี่นะ?

“เออ..แล้วไอ้สองมันหายไปไหนของมันล่ะเนี่ย” ตรฤณดูเหมือนจะคิดได้เมื่อโดนกรทักเพราะปกติเพื่อนตัวเล็กเขาจะเดินตามเขามาติดๆตลอดปานลูกเจี๊ยบเดินตามแม่ไก่เลยไม่ต้องถามหาหรือเรียกให้เสียเวลา แต่ตอนนี้มันไปไหนของมันวะ?
หรือว่า....

“ตายห่า!ลืมมันไว้ที่ห้อง..แม่งหลับคาห้องแล้วลืมปลุก!”พูดจบร่างสูงใหญ่ของตรฤณก็รีบหันหลังกลับแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสองไปยังห้องที่เพิ่งออกมาเมื้อสักครู่ทันที ทิ้งให้กรยืนทำตาปริบๆมองตรฤณที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งพรวดพราดกลับไป ก่อนจะค่อยๆหัวเราะออกมาราวกับว่ามันเรื่องตลก....

และไม่นานเกินรอ ตรฤณก็เดินกลับมาพร้อมชายหนุ่มตัวเล็กที่เดินโงนเงนพิกลราวกับคนเมา

“มึงอ่ะ! ทิ้งกูได้”ถึงตาจะยังไม่ลืมเต็มตาแต่ปากก็เริ่มขยับด่าเพื่อนตัวใหญ่ที่เพิ่งไปปลุกตัวเองให้ลุกออกจากห้องเรียนที่ปิดไปจนมืดสนิท ก็เพราะตอนลืมตามาอีกทีก็เห็นแต่หน้าไอ้ตรฤณมันอยู่คนเดียวในห้อง ทำให้สองรู้ตัวเลยทันทีว่าหลับคาห้องแล้วไอ้ตรฤณมันลืมปลุก

“ไม่ต้องมาด่ากู บุญไหร่แล้วที่กูไม่รอให้ภารโรงขังมึงไว้ในห้องน่ะ!”ตรฤณด่าเข้าให้ทำเอาสองเถียงไม่ออกเนื่องจากเพิ่งตื่นสมอง เลยต้องรับคำพูดของเพื่อนรักแล้วมาผ่านกระบวนการประมวลผลที่ช้าราวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีแรมเพียงแค่256 MB
“ฮ่าฮ่าฮ่า  ” แต่เสียงหัวเราะของกรก็ขัดขึ้นมาทำให้เพื่อนซี้สองคนรีบหันไปมองด้วยความสงสัย
“พวกนายสองคน...สนิทกันจังเลยนะ”กรว่าพร้อมด้วยรอยยิ้ม ซึ่งสองเองก็พยักหน้ารับกับคำพูดของกร ส่วนตรฤณ ล่องลอยไปกับรอยยิ้มของทิวากรเป็นที่เรียบร้อย
คนบ้าอะไร อยู่เฉยๆก็สวยโคตรๆ แล้วนี่ยังมายิ้มอีก สวยยกกำลังสองเลยเหอะ!

“ไหนๆ ก็อยู่ครบกันแล้ว พอดีฉันจะมาชวนพวกนายสองคนน่ะ...ไปเลี้ยงสายด้วยกันเอามะ?”
“ไปสิ!” ตรฤณรีบยกมือพร้อมกับปากที่ตอบโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดจากสมอง ทำให้สองหันไปมองหน้าเพื่อนซี้อย่างเอือมระอา

นี่มึงคิดจะถามเพื่อนมึงก่อนบ้างมั๊ย? มึงเคยสนใจเพื่อนมึงบ้างมั๊ย
ไอ้คนเห็น(ว่าที่)เมียดีกว่าเพื่อน! 

ถึงตอนแรกก็คิดอยากจะเออออห่อหมกไปตามเจ้าตรฤณแต่พอเห็นหน้าผากกว้างๆที่ล่อแสงอาทิตย์ยามเที่ยงวันมาแต่ไกลที่ค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้กมลินทร์ตระหนักได้ว่าถ้าไปเลี้ยงสายรหัสร่วมกันกับทิวากร....อย่างนั้นไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ก็ต้องไปด้วยสิ
เฮ้อ....กมลินทร์อยากผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอก!

“อ้าวกรอยู่นี่เอง...”
นั่นไงเสียงสวรรค์ คู่กัดของสองตั้งแต่ชาติปางก่อนที่จองล้างจองผลาญตามมาเกิดอยู่ใกล้ๆมาถึงแล้ว

“อ้าววันนี้ไม่ออกไปหาหญ้ากินเหรอ?”และพอภูเบศธ์เข้ามาร่วมวงสนทนา สองก็คือเป้าหมายต่อไปที่คนคนนี้เลือกที่จะพูด(?)ด้วยทันทีสองทำได้แค่เพียงกำมือแน่นเพราะพยายามระงับอารมณ์ที่เริ่มเดือดปุดๆ โดยที่ตรฤณเองก็มองอาการเพื่อนรักอย่างขำๆสลับกับมองหน้าไอ้เด็กหล่อที่บอกว่าจะ “จีบ” สอง ส่วนกรก็รีบกระชากแขนภูพร้อมกับกระซิบ

เก็บหมาเข้าคอกเดี๋ยวนี้ นายภูเบศธ์!”

“เอ่อ...สองอย่าไปสนใจมันเลย ว่าแต่..จะไปด้วยกันใช่มั๊ย?”เมื่อหันไปจัดการช่วยเก็บหมาในปากของภูเบศธ์ ก็รีบหันไปถามสองด้วยความลุ้นเพราะอาการของคนตัวเล็กตรงหน้าเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบว่า Just say No!

“เอ่อฉันว่า...ให้ตรฤณมันไปเถอะพอดีฉันเองไม่แน่ใจว่าน้องๆในสายฉันจะว่างตรงกันหรือเปล่า” สองพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพแต่กลับถูกตรฤณรั้งแขนเอาไว้แล้วหันไปคุยกันสองคน

“เฮ้ยมึงนี่! กูไปมึงก็ต้องไปสิ  มึงกล้าทิ้งเพื่อนอย่างกูเหรอ?”ตรฤณรีบทักท้วง

“เพื่อนอย่างมึงนั่นแหล่ะสมควรทิ้งเป็นที่สุด..กูรู้หรอกว่ามึงระริกระรี้อยากไปกับกรจนใจแทบขาด...แต่มึงก็รู้ว่ากูเกลียดไอ้เด็กนั่น!”
สองพูดอย่างอารมณ์เสียก่อนจะแอบเหล่ไปทางไอ้คนที่สองนึกเกลียดนักเกลียดหนา

“มึงอ่ะ ไม่ไปกูงอนนะ!”

“เชิญ..”

“เฮ้ยกูจะโกรธจริงๆ...แล้วนะ”

“ตามสบาย กูไม่ซีเรียส ถ้าจะเสียเพื่อนอย่างมึงไป”

“สองงงงงงง....น้า...กูขอร้อง ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย มึงก็รู้ว่ากูทำตัวไม่ค่อยถูกเวลาอยู่กับกร..ถ้ามึงไม่ช่วยกูแล้วหมาตัวไหนจะช่วย..ก็มีมึงคนเดียวนี่แหล่ะที่ช่วยกูได้ มึงลองนึกย้อนไปเมื่อสมัยก่อนบ้างสิว่ากูช่วยอะไรมึงไว้บ้างเวลากูมีปัญหากูก็ช่วยมึงตลอด แล้วเรื่องแค่นี้มึงช่วยกูไม่ได้กูก็หมดคำจะพูดว่ะ สอง”
“แล้วหมดหรือยังวะ? ไอ้คำพูดน่ะ แม่งร่ายมาซะยืดยาว แล้วก็เลิกทวงบุญคุณกูสักที เพราะมันไม่ได้ทำให้กูรู้สึกผิด!”
“สองอ่า....”ตรฤณเริ่มโยเยเป็นเด็กเล็กแขนใหญ่คล้องแขนเพื่อนตัวเล็กอย่างออดอ้อนช่างไม่เข้ากับหน้าตาและบอดี้
แม่งตัวใหญ่อย่างกับหมี แต่ทำตัวอย่างกับเด็กป.สี่ กูงี้เครียดแทนมึงว่ะ ไอ้คุณตรฤณ

“ก็ถ้าเมิงไม่ไปกูก็ไม่เลิกทำตัวปัญญาอ่อน!”ตรฤณประกาศความตั้งใจทั้งที่ผู้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมาสนใจพวกเขาทั้งสอง
“ตามสบาย มึงทำมึงอายเอง”สองเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทำตามคำร้องขอของตรฤณ...ใจแข็งใช่ย่อย
“สอง...ฮือ.....มึง..ฮึก...มึง..มึงจะทิ้งกูจริงๆเหรอ....มึงกล้าทิ้งกูเหรอ?...มึงไม่คิดถึงความที่เป็นเพื่อนกันเป็นสิบๆปีเลยเหรอ ฮึก...ฮึก มึงอ่ะ ใจร้าย!”แต่เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ในเมื่อตรฤณก็พยายามทุกวิถีทาง ที่จะทำให้สองไปงานเลี้ยงสายด้วยกันให้ได้แต่สองก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะไม่ไป ตรฤณเลยต้องงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาให้

อย่างน้อยกูก็ไม่ต้องอายคนเดียวเว้ยไอ้สอง ฮ่าฮ่าฮ่า!

ชายหนุ่มนามว่าตรฤณกุมรีบกุมมือสองเอาไว้แน่น แล้วรำพึงรำพันออกมา พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าเพื่อให้ตกเป็นเป้าสายตาทุกคู่ที่อยู่ในคณะทำเอาสองรู้สึกอายขึ้นมาเสียเอง

“ไอ้ตรฤณ มึงหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว่ย!”

“กูไม่หยุด..ฮึก...กูจะหยุดต่อเมื่อมึงไปด้วย”

“ไอ้ตรฤณ..มึง..ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” สองหันรีหันขวางเริ่มทำตัวไปถูกเมื่อตรฤณล้มตัวลงนั่งกับพื้นแล้วเกาะแข้งเกาะขาเขาเอาไว้เสียแน่น ตรฤณเองก็รู้ดีว่า “ละครห่วยๆ” ที่ตรฤณกำลังเล่นไม่อาจสามารถตบตาเพื่อนรักอย่างสองได้แต่รู้ว่าสองเป็นพวกรักษาภาพพจน์ตัวเอง เลยทำให้เพื่อนตัวเล็กได้อายเล่นกลางโรงอาหาร เชื่อเหอะไม่เกินสองนาทีเดี๋ยวมันก็ Say yes เอง!

“เอ่อ..ถ้าสองลำบากใจขนาดนั้นฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ...” การแสดงออกของตรฤณ ขนาดกรยังมองออกว่าเป็นการเล่นละคร เลยขอลองเข้าร่วมอีกคนในเมื่อสองใจแข็งกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ เลยต้องร่วมเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทพ่วงรางวัลตุ๊กตาทองมาล่อให้สองตกหลุมพรางที่ตนเองวางขึ้น

“แต่งานนี้คงไม่สนุกแน่ๆเลยถ้าไม่มีสองน่ะ”กรพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้าๆจนสองรู้สึกผิดเลยต้องรีบสะบัดขาไล่ไอ้เพื่อนหน้าหมีออกจากขาแล้วรีบเดินไปหากร

“เอ่อ...คือ....เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะกร..”

“เพราะมีฉันไปใช่ไหมล่ะ?... ฉันเองก็ไม่ได้อยากไปงานที่มีคนบางคนไปด้วยสักเท่าไหร่หรอกนะ...กรฉันไม่ไปหรอก เชิญนายชวนเพื่อนนายไปเลี้ยงเถอะ ขาดฉันสักคนงานคงไม่แกร่วหรอก”ภูเบศธ์รีบออกตัวพร้อมด้วยส่งสายตาตัดพ้อไปให้สอง ซึ่งสองเองก็ไม่ค่อยที่จะเข้าใจนัก ก็พอรู้ว่าเหมือน ภูเบศธ์กำลังน้อยใจตนเองอยู่
ว่าแต่มันเป็นใคร? มาบังอาจทำมาเป็นน้อยใจ เด็กในฮาเร็มก็ไม่ใช่ แล้วใช่เรื่องเหรอที่จะไปใส่ใจ ไม่ไปสิดี กมลินทร์คนนี้จะได้ลัลล้าไปงานปาร์ตี้เลี้ยงสายอย่างไม่มีหมามาคอยกัดคอยเห่าให้รำคาญแก้วหู

ตกลงว่าฉันไปนะกร”สองเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าจะต้องไปพูดเสียงดังเพื่อประชดกลับใส่ใคร แต่สายตากลับเหล่ไปทางเด็กปากหมาที่กำลังเดินออกจากวงสนทนา

“อ่า..เอาเป็นว่าไปนะ แต่ฉันขอตัวก่อนนะไปเคลียร์ธุระส่วนตัวก่อน”     เมื่อได้คำยืนยันจากปากของสองกรก็รีบขอตัวแล้ววิ่งตามไปเด็กปากหมาที่กระแดะไม่เข้าเรื่อง


“ไอ้คุณภูเบศธ์ครับ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ..แกเป็นอะไรของแก ฉันรึก็อุตส่าห์พยายามจนสายตัวแทบขาดเพื่อให้สองไปเลี้ยงสายด้วย จะได้หาโอกาสให้แกได้อยู่กับสอง แล้วนี่อะไร! ดันมาทำงอนไม่ไปงานซะดื้อๆ !”

“กรไม่เห็นหรือไง ว่าเขาไม่เต็มใจไปถ้ามีฉันอยู่” ร่างสูงโปร่งที่ออกมาจากกลุ่มสนทนาก่อนเพื่อนหยุดเดินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาคมที่ดูขี้เล่นอยู่ตลอดเวลากลับดูหม่นหมองจนน่าเป็นห่วง

“แล้วจะไปบังคับเขาให้ได้อะไรขึ้นมา..ฉันพอจะรู้ตัวแล้วล่ะ ว่าไอ้เด็กเวรอย่างฉันเขาไม่เคยเห็นหัวอยู่แล้ว”ร่างสูงแหงนมองเพดานตึกอย่างไร้จุดหมายคล้ายพยายามหาจุดสนใจอื่นเพื่อบังคับไม่ให้ตนเองคิดมากไปมากกว่านี้

ก็คนมันรัก..แต่แค่จีบไม่เป็น..คนอย่างภูเบศธ์ผิดด้วยเหรอ?

“งั้นก็พูดไปเลยสิ...ว่าจะจีบเค้าน่ะ”กรพูดพร้อมกับเดินเคียงข้างไปกับภูช้าๆ...เพราะรู้ดีว่าถึงจะปากเสียไปบ้าง(?)แต่ก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถ้าได้รักใครก็รักมาก แต่แค่เป็นคนที่แสดงความรู้สึกไม่ค่อยเก่งเลยทำให้ภูเป็นโสดมาตลอดจวบจนอายุสิบเก้าปี ทั้งที่ก็มีสาวเล็กสาวน้อยเข้ามาอยู่ไม่ขาด แต่ภูกลับไม่เคยมีความรู้สึกพิเศษกับใคร

จนมาเจอสองนี่แหล่ะที่ทำให้ไอ้เด็กปากหมาของทิวากรเปลี่ยนไป...

เปลี่ยนไป......เป็นไอ้เด็กเวรของกมลินทร์แทน ฮ่าฮ่าฮ่า

“คิดว่าฉันกล้าเหรอ?...”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“งั้นฉันไปบอกให้”กรลองเสนอ

“อย่าเลย..ฉันอยากบอกด้วยตัวเองมากกว่า”

เอ๊าไอ้นี่! สรุปมึงจะเอาไง ?


“ให้ไปบอกเอง ก็ไม่กล้าจะไปบอกให้ก็ไม่เอามึงจะเอายังไงกันแน่ ไอ้คุณภูเบศธ์ กูชักเอาใจมึงไม่ถูกแล้วนะ!”

“กร..ฉันควรทำยังไงดี”เสียงดุๆของกรไม่ได้ทำให้ภูหลุดออกจากความกังวล แต่ดูยิ่งกังวลหนักเข้าไปอีก

“ฉันรักเขาจนจะบ้าอยู่แล้ว..”และถ้าหากสองไม่ได้มีเด็กในสังกัดเยอะขนาดนั้น ภูก็คงไม่ต้องมานั่งเครียดขนาดนี้เช่นกัน
กรทำได้เพียงแค่ถอนหายใจคิดไม่ตกกับปัญหาความรักของหลานรหัส กรพยายามคิดหาทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่รู้จะสำเร็จหรือเปล่า อย่างน้อยแผนแรกของเขาก็กำลังจะเริ่มขึ้น แล้วคงต้องขอให้ตรฤณช่วยอีกแรง

________________________



ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
“แบงค์..มาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย?” เพียงแค่เดินออกจากโรงอาหารของคณะสองก็รีบเดินแยกออกจากตรฤณไปหาเด็กหนุ่มที่ดูก็รู้ว่ามายืนรอสอง แต่แค่ทำท่าเหมือนกับว่ามาที่นี่แล้วเจอสองโดยบังเอิญ ตรฤณมองหน้าเด็กคนใหม่ของสองที่รู้สึกว่าไม่เคยเห็นหน้าอย่างพินิจพิจารณา

“เด็กใหม่มึงเหรอ?”ตรฤณรีบเดินมาเทียบเคียงก่อนจะกระซิบถามสองที่ดูจะอารมณ์ดีเมื่อได้พูดคุยกับหนุ่มน้อยที่เพิ่งเดินมาทัก
คราวนี้มีเด็กใหม่แบบกูไม่รู้ ชักจะร้ายเกินไปแล้วนะเว้ย ไอ้กมลินทร์!

“อืม...”สองตอบในลำคอก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มพร้อมกับแนะนำตรฤณให้รู้จัก

“นี่แบงค์...นี่ตรฤณเพื่อนพี่เอง”สองยิ้มหวานพร้อมกับแนะนำตรฤณให้เด็กใหม่ในสังกัดรู้จัก ซึ่งตรฤณก็ผงกหัวเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย โดยที่หนุ่มน้อยโค้งกลับให้ตรฤณอย่างนอบน้อม ว่าแล้วทั้งสามก็พากันย้ายตัวเองไปนั่งโต๊ะหินอ่อนใต้คณะแทน

ในขณะที่สองพูดจากับน้องแบงค์กันอย่างออกรส ตรฤณเองที่นั่งเป็นตอประดับโต๊ะก็เริ่มไล่สายตาไปทางอื่นด้วยความเบื่อ แต่อีกนัยหนึ่งก็คือช่วยสอดส่องสายตามองหาเด็กของสองคนอื่นๆไม่ให้ใกล้เข้ามาในระยะสามสิบเมตร ไม่งั้นรถไฟอาจจะชนกันได้อีก

แต่ครั้งนี้สายตาของตรฤณกลับไปเจอเด็กหนุ่ม ‘ภูเบศธ์’ ที่ไม่ใช่เด็กในสังกัด แต่ตรฤณกลับรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาของภูเบศธ์ที่มองมาทางสองที่พูดจายิ้มแย้มแจ่มใสกับน้องแบงค์เด็กใหม่ของสองมัน

และถัดไปทางซ้ายของโฟกัสสายตา...ตรฤณก็เจอของดีเข้าให้เสียแล้ว

“สอง...”
ตรฤณแอบสะกิดเรียกเพื่อนตัวเล็กเบาๆ ทำให้สองหันมาสนใจเพื่อนสนิทชั่วคราว

“น้องบอลมึงมา”เพียงแค่นั้นสองถึงกับทำตาเหลือกแล้วรีบหันมามองหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้างหน้าอย่างคิดอะไรไม่ออก

“เฮ้ย..จริงดิ งั้นมึงช่วยไปจัดการน้องบอลก่อนแล้วกัน บอกว่ากูไม่อยู่ บอกว่าไปไหนก็ได้แล้วแต่มึงจะคิดออก” สองหันมากระซิบกับตรฤณก่อนจะรีบกลับไปยิ้มหวานให้น้องแบงค์ปกปิดความผิดของตัวเอง
ซึ่งคำพูดของสองทำให้ตรฤณถึงกับยิ้มออกมา อย่างน้อยบางทีมันก็อาจจะทำให้ตรฤณรู้สึกผิดต่อไอ้เด็กเวรของสองน้อยลงได้บ้างไม่มากก็น้อยล่ะว่ะ!




“น้องบอ...น้องบอล”ตรฤณรีบเดินปลีกตัวออกมาจากสองที่นั่งอยู่อีกฝั่งของตัวตึก ที่บอลได้เดินผ่านมาแล้วโดยที่ไม่เห็นว่าหวานใจของตนเองนั่งอยู่

“อ้าว..พี่ตรฤณมีอะไรเหรอครับ?...แล้วพี่สองล่ะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ?”

“อ๋อ...เมื่อกี้อยู่ด้วยกัน..แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว

...กูยืนยันได้นะ..ว่ากูพูดตามที่มึงบอก...

“แล้วไปไหนเหรอครับ..นี่ผมก็กะว่าจะมารับพี่สองไปทานของว่างยามบ่าย”

“อ๋อ...เห็นมันบอกว่ากำลังจะไปดูหนังกับน้องแบงค์น่ะ...”
กูคิดได้แค่นี้อ่ะเพื่อนเกลอ...

“พี่ตรฤณว่าอะไรนะ...แบงค์เป็นใคร...แล้วตอนนี้พี่สองอยู่ไหน?”เอาเป็นว่าเหยื่อติดกับเป็นที่เรียบร้อย ตรฤณยิ้มหวานก่อนจะบอกว่า

“อยู่ไหนไม่รู้แต่ระวังว่าถ้าปล่อยสองไว้กับน้องแบงค์นานๆน้องบอลจะตกกระป๋องพี่ขอเตือน” ว่าแล้วก็เดินจากไปทำเอาบอลเดือดพล่านแล้วทำท่าจะเดินออกจากคณะไปในทางที่เคยเดินมา...แล้วก็เจอกับภาพที่เคยพลาดไป

พี่สองกำลังนั่งยิ้มหวานให้ไอ้เด็กหนุ่มหน้าอ่อนที่ไหนก็ไม่รู้!

“นายเป็นใคร...มานั่งอะไรอยู่กับพี่สองที่นี่ห๊า!” เสียงของบอลทำเอาคนนั่งอยู่ก่อนสะดุ้ง ก่อนที่ตัวต้นปัญหาจะรีบเดินไปขวางเด็กหนุ่มที่เตรียมวางมวยใส่กัน

วันนี้มันวันซวยอะไรของกู! เป็นข่าวใหญ่กลางโรงอาหารถึงสองครั้งสองคราภายในวันเดียว

“เอ่อ...บอล..มาได้ยังไง”

“แล้วพี่สองล่ะ นั่งยิ้มอยู่กับไอ้หมอนี่ มันหมายความว่ายังไง”

..จะให้หมายความว่ายังไงล่ะ ก็ไอ้เด็กนี่เป็นเด็กในฮาเร็มกูอีกคน..

“แล้วนายเป็นใครมาตะคอกใส่พี่สองได้ยังไงวะ?!”
ดีกรีเด็กในฮาเร็มของสองคนล่าสุดก็แรงไม่หยอก ถึงขั้นไปกระชากคอเสื้อของผู้มาใหม่อย่างหาเรื่อง ทำเอาสองต้องกุมขมับอีกรอบ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนตัวดีแล้วก็เห็นว่าไอ้เพื่อนตัวดียืนยิ้มอยู่กับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!
เออ หัวเราะเยาะกันเข้าไป ไม่โดนแบบนี้บ้างไม่เข้าใจกูหรอก!

ว่าแล้วก็หันมามองตัวปัญหาสองตัวอยู่ตรงหน้า ที่ใกล้จะปล่อยหมัดกันเต็มที สองถอนหายใจแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเอ่ยลั่นว่า

“ถ้าจะกัดกันก็ไปกัดกันที่อื่นแล้วอย่ามาให้พี่เห็นหน้าอีก!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะเห็นว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้เมื่อไหร่ สองมักจะเลือกตัดปัญหาโดยการเดินจากไป และไม่ต้องมาเจอกันอีกเลยกับเด็กในฮาเร็มที่ไม่สามัคคีกันเอง

เฮ้อ..ช่วงนี้ชักจะสลับรางไม่ค่อยทัน เพราะไอ้เพื่อนตัวดีดันมาหักหลังกันเอง!



“ไงมึง? สนุกดีมะ”พอเห็นเพื่อนตัวเล็กเดินหน้าเครียดมาแต่ไกล ตรฤณก็ยิ้มแป้นรับราวกับว่าสนุกสนานนักกับการที่ได้เห็นสีหน้าอมทุกข์ของกมลินทร์

“ไอ้นี่! กูบอกว่าไง ให้ไปจัดการกับน้องบอล บอกว่ากูไม่อยู่  แล้วนี่อะไรเดินไปหากูซะถูกที่แบบไม่ต้องถามทางให้เสียเวลาเลยอ่ะมึง!” มาถึงสองก็ตะโกนด่าเพื่อนรักโดยที่ตรฤณก็เตรียมใจรับคำด่าอยู่แล้ว

“กูบอกแล้วนะว่ามึงไม่อยู่”

“ไม่อยู่บ้านป๊ามึงดิแล้วมันรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นั่น!”

“อันนี้กูไม่รู้ มึงให้บอกว่ามึงไม่อยู่ กูก็บอกว่าน้องเขาไปว่ามึงไม่อยู่กับกู แล้วมึงบอกอีกว่า มึงไปไหนก็ได้แล้วแต่กูจะคิดออก กูเลยบอกไปว่ามึงจะไปดูหนังกับน้องแบงค์...แล้วกูผิดตรงไหน?”พูดจาได้กวนอวัยวะเบื้องล่างถึงที่สุดว่าแล้วสองก็วิ่งไล่เตะก้นตรฤณจนรอบคณะ

ไอ้ส้นตรฤณ เมิงไม่ได้ตายดีแน่!!!!” บังเอิญว่าชื่อของเพื่อนสนิทมันดังไปออกเสียงคล้ายอวัยวะเบื้องล่าง ก็เลยขอด่าควบชื่อมันไปเลยแล้วกัน

“สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่โดนแบบนี้บ้าง อยากกินหญ้าที่ละหลายกอ ติดคอซะบ้างจะได้รู้สึก”ภูเบศธ์พูดพร้อมกับยืนกอดอกทำเอาคนได้ยินชะงัก ถึงจะโกรธที่โดนไอ้เด็กเวรกัด แต่ครั้งนี้สองกลับไม่นึกอยากด่ากลับ...แต่กลับรู้สึกว่าคิดได้ขึ้นมาซะอีก
ว่าที่ชีวิตของกมลินทร์มันวุ่นวายอยู่แบบนี้ก็เพราะตัวเองนั่นแหล่ะที่โลภควงเด็กหลายๆคนในเวลาเดียวกัน

“ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะด่า แต่แค่อยากบอก”
ภูพูดเรียบๆถึงก่อนจะหน้านี้จะเป็นคำที่ชอบใช้พูดกับสองอยู่เป็นประจำ แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นไม่ได้ดูกวนโมโหเหมือนอย่างเคย

ทำไมสองถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงแบบนี้ของเด็กปากหมานามว่าภูเบศธ์ เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใย

เอ๊ะ...หรือว่ากูคิดมากไปวะครับ?

___________________
TBC

___________________


แอบมาลงยามดึกๆค่ะ :t3: ง่วงนอน แต่พอดีพรุ่งนี้คงออกไปข้างนอกทั้งวัน เ้ลยมาลงไว้ก่อน กันไม่ได้ลง
ขอบคุณที่ติดตามและอ่านเรื่องนี้นะค้า
จะค่อยๆมาทยอยลงค่าาา

____________________________

สนุกดี แต่แอบมีผิดอ่ะน้องชื่อเพื่อนนายเอกอ่ะมียุนโฮด้วยแหละ
แก้ให้แล้วนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่า เปลี่ยนชื่อไปเบลอเอง :z3:

แล้วจะรอตอนต่อไปนะจ้า แอบมีคำผิดอยู่บ้างเล็กๆน้อยๆค่ะ แต่การจัดเรียง อ่านง่ายดีแล้ว
จะพยายามรีเช็คนะคะ...แบบว่าพิมพ์เอง อ่านเอง เบลอเอง ฮ่าฮ่า o2


ปล.แอบคุ้นชื่อคนเขียนน้าาา  ใช่คนเดียวกับที่เม้นในบอร์ดคุณจูออนป่ะคะ  อิอิ


ใช่เลยค่าาาาาาา เค้าเป็นแฟนคลับคุณจูออน อิอิ o13

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2011 00:45:10 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
นายตรฤนนี่แสดงแบบทุ่มทุนมาก กรก็ช่วยเห็นใจหน่อยนะ ฮะๆ
น้องภูยังจีบได้ไม่คืบหน้าไปไหนเล๊ย ตอนนี้ก็ค่อยๆเคลียร์(เขี่ย)เด็กในสังกัดสองออกไปเรื่อยๆก่อนนะ
แล้วรุกเลย ให้ไวๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
นายเอกแปลกดี ปกติจะเจอแต่แบบว่าพระเอกเจ้าชู้ กว่าจะมาเจอนายเอกนี่มีเมียมาเป็นร้อย อะไรประมาณนั้น แปลกดีค่ะ ที่เป็นฝ่ายนายเอกที่มีเด็กเยอะ และพระเอก โสด หึหึ รอตอนต่อไปนะคะ สนุกดี ยาวด้วยอ่านอิ่มเลย

ออฟไลน์ WinterRose

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เค้าเคยอ่านเรื่องนี้ในบอร์ดฟิกกกกกกกกกกกก
รอตอนต่อไปด้วยจ๊า คิดถึงเรื่องนี้นะ
ไม่รู้จะไปหาอ่านที่ไหนแล้วด้วย
ดีใจที่เอามารีไรท์ที่นี่ค่ะ ^^

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 3 เพราะอยากจีบ



“สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่โดนแบบนี้บ้าง อยากกินหญ้าที่ละหลายกอ ติดคอซะบ้างจะได้รู้สึก”

….
...

“ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะด่า แต่แค่อยากบอก”

_______________________


“เดี๋ยวก่อน ไอ้ภูเบศธ์!!!”
สองรีบเรียกรั้งเอาไว้ก่อนชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจะเดินจากไป ทั้งที่ยังทิ้งความสงสัยเอาไว้ ไม่ว่าจะการกระทำหรือคำพูดที่สื่อออกมาของภูเบศธ์
“เมื่อกี้ที่นายพูดหมายความว่ายังไง..”สองลองเอ่ยปากถามด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกแถมยังเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะแล้วสองเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกแบบนี้และทำไมต้องอยากรู้ความหมายที่ ‘ไอ้เด็กเวร’คนนี้มันพูดด้วย
ภูเบศธ์หันกลับมาช้าๆ ประหนึ่งว่าเป็นพระเอกในมิวสิควิดีโอที่กำลังถูกนางเอกเรียกเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากให้พระเอกจากไปไหน~
ช่างเป็นภาพที่ขัดลูกกะตากูจริงๆ!

ภูเบศธ์หันกลับมาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มว่า

“ถ้าไม่ได้โง่เกินไปก็คงคิดออกเองแหล่ะ”

สาบานได้จริงๆว่าไม่ได้ตั้งใจปล่อยลูกมากัด!

“ไอ้ภูเบศธ์!! วันนี้เตรียมจองโลงได้เลย!” คำพูดของเด็กหนุ่มรุ่นน้องทำเอาสองปี๊ดแตก เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆเป็นจังหวะร็อค มือเล็กกำหมัดเอาไว้แน่น เตรียมพุ่งเข้าใส่ภูเบศธ์ที่เดินหันหลังจากไปด้วยท่าทีสบายๆ

แต่ยังไม่ทันสตาร์ทก็ดันโดนเพื่อนตัวใหญ่สต๊อปเอาไว้ก่อน
ปลอดภัยไว้ก่อน


ดูเหมือนว่าคำนี้จะเหมาะกับสภาพของภูเบศธ์ตอนนี้เป็นที่สุด เพราะถ้าตรฤณไม่ล็อคเพื่อนตัวดีเอาไว้ รับรองได้เลยว่าภูเบศธ์จะไม่ได้กมลินทร์มาเป็นแฟนเนื่องจากเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

“เฮ้ยใจเย็นสิวะ สอง เด็กมันก็แกล้งเล่นไปงั้นมึงจะไปคิดจริงจังอะไร”ในเมื่อหนุ่มร่างเล็กที่ถูกตรฤณล็อคตัวยังคงดิ้นขลุกขลัก เท้าเล็กปัดป่ายพยายามกระโดดถีบไปข้างหน้าทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าขาสั้นขนาดนั้น ถีบยังไงก็ไม่ถึงไอ้เด็กหนุ่มร่างสูงที่เดินลอยชายไปไกลแล้วถึงอยู่ใกล้กันสักสองฟุต ตรฤณเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่า สองจะแตะถึงเอวภูเบศธ์หรือเปล่า
ตรฤณนั้นไม่เคยว่าเพื่อนของตัวเองว่าเตี้ย แต่แค่เพียงไอ้เด็กเวรภูเบศธ์มันสูงเกินไปเท่านั้นเอง!
“มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้กูจะไปเตะก้านคอม๊านนนนน”สองพยายามอย่างสุดแรงเกิดแต่ดิ้นอย่างไรก็สู้แรงของเพื่อนไม่ได้สักที

“ถึงกูปล่อยมึงไป กูถามจริงเหอะ อย่าว่าแต่ก้านคอ หัวเข่ามันอ่ะมึงเตะถึงหรือเปล่า?!”

“มึงว่ากูเตี้ยเหรอ!”

จากที่เมื่อกี้ยังจ้องอาฆาตภูเบศธ์อยู่ แต่ไหงจู่ๆหันมาตะคอกกูวะ?

“กูยังไม่ได้พูดสักคำ”ตรฤณพูดตามความจริง เพราะลองไปทวนดูประโยคที่ตรฤณพูดยังไม่เห็นมีคำว่า “เตี้ย” หลุดออกมาสักกะคำ

“มึงพูด!” สองยังคงเถียง

“กูไม่ได้พูด...ถามกรเอาก็ยังได้”ในเมื่อศึกครั้งนี้ไม่มีใครยอมใคร ตรฤณเลยต้องหันไปหาที่พึ่งที่ยืนมองคู่เพื่อนรักอยู่ห่างๆ
   ไม่ใช่อะไร..ทิวากรก็แค่กลัวลูกหลง! นี่ขนาดหลบออกมา ยังหาเรื่องลงที่กูจนได้!

“แต่มึงหมายความอย่างนั้นนี่ ”

“อ๊าว...ไอ้นี่กูบอกว่าไม่ได้พูด”

“แต่มึงด่ากู!”

“เออ! มึงเตี้ยพอใจยัง”

“งั้นมึงอย่าอยู่เลย!” พูดจบร่างเล็กก็ดิ้นสุดแรงเกิด แล้วก็หลุดออกจากอ้อมอกของเพื่อนรักที่ไม่ค่อยอยากอยู่มาตั้งแต่แรกจนได้

“หยุ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้ายังไม่ยอมหยุด ฉันจะเตะพวกนายเองกันกันเป็นหมาไปได้!” เพียงแค่สองกำลังจะประทานฝ่ามือลงบนกบาลของเพื่อนรัก เสียงของกรดังขึ้นคล้ายคนรำคาญเต็มทน จนสองตกใจชักมือกลับแทบไม่ทัน คู่เพื่อนซี้สงบศึกกันชั่วคราวเพื่อมองหน้ากันก่อนจะหันไปตามต้นเสียงพร้อมด้วยแววตาสงสัย

“เอ่อ....ขอโทษคือ ฉันไม่ค่อยชอบคนทะเลาะกันน่ะพวกนายอย่าทะเลาะกันเลยนะ” เหมือนจะรู้สึกตัวกรรีบหาคำมาแก้ต่างทั้งที่มาดนางมารเวลาอยู่กับภูเบศธ์เพิ่งหลุดออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ว่า 

ทิวากร ... นอกจากสวยแล้วหยิ่งแล้วยังโหดอย่างกับเสือสิงห์ได้อีกด้วย!

“เอ่อ...พวกเราเลิกทะเลาะกันก็ได้ เนอะ...ตรฤณ...”เสียงของกรทำเอาหัวใจสองตกลงไปตาตุ่มด้วยความตกใจ และอึ้งๆในเวลาเดียวกันก่อนจะรีบจับมือเช็คแฮนด์เพื่อนรักเสมือนว่ายอมสงบศึกกัน(เฉพาะกิจ)

“ใช่ๆ...ไม่ทะเลาะแล้ว”ตรฤณกลืนน้ำลายลงคอจนสองได้ยินเสียงดังเอื๊อกก่อนจะมองหน้าอย่างรู้กัน

หลานรหัสปากหมา...ส่วนปู่รหัสก็ดุอย่างกับหมา ช่างเข้ากั๊นนน เข้ากัน!

____________________



“เออมึง กูลืมสมุดแลคเชอร์ไว้ที่ห้องว่ะ”ตรฤณและสองเดินออกมาด้วยกันหลังจากเรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ ตรฤณกลับหยุดชะงักอยู่หน้าคณะก่อนที่จะควานหาของบางอย่างในกระเป๋าแล้วถึงได้พูดขึ้น

“ก็เข้าไปเอาดิกูรอที่นี่แหล่ะขี้เกียจกลับไปอีก”สองพูดก่อนจะใช้สายตาเสาะหาที่ร่มๆไว้เป็นที่ยืนรอตอนตรฤณกลับไปเอาแลคเชอร์

“เมิงไปเอาให้กูหน่อยสิ”

“เรื่อง?!”

“เพราะถ้ามึงไม่ไปเอา มึงก็ไม่มีแลคเชอร์ไว้ลอก...ก็แค่นั้น”ตรฤณพูดอย่างไม่สนใจ ทำเอาสองต้องเตะฝุ่นเล่นด้วยความไม่พอใจ

“เออ กูไปเอาก็ได้!”พูดจบก็เดินกระฟัดกระเฟียดกลับเข้าไปคณะอีกพร้อมๆกับริมฝีปากหยักของเพื่อนรักที่ค่อยๆเหยียดยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์

____________________


“ตรฤณหรือเปล่า?” เสียงหวานนุ่มส่งมาตามเครื่องมือสื่อสารของตรฤณ โดยฝ่ายที่เป็นคนกดรับสายแอบรับสายด้วยความประหม่า
ไม่ใช่อะไร...ก็หน้าจอเครื่องมือสื่อสารดันขึ้นชื่อ “กร” เอาไว้ชัดเจน ตรฤณนั้นไม่เคยให้เบอร์กับกร และกรก็ไม่เคยให้เบอร์กับตรฤณ แต่จะแปลกอะไรถ้าเกิดตรฤณอยากจะมีเบอร์คนที่แอบชอบเมมเอาไว้ในเครื่องมือสื่อสารส่วนตัวบ้างทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าชาตินี้หรือว่าชาติไหนกรก็ไม่อาจโทรมาหาตนเองได้หากว่าตรฤณยังไม่ให้เบอร์กับกรสักที แต่นี่อะไร...กรโทรมาหา หรือว่ากรก็ชอบเขาแล้วแอบไปหาเบอร์มาจากคนอื่น?

ถ้าเป็นอย่างนั้นตรฤณจะได้เตรียมขันหมากไปสู่ขอ!

“เอ่อ...ใช่ครับ..นั่นใครหรือครับ?”ไม่รู้ว่าเพราะความประหม่าหรืออย่างไร ตรฤณถึงได้ดัดเสียงหล่อแกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้ว่าใครโทรมาทั้งที่ชื่อก็เด่นหราอยู่หน้าจอขนาดนั้น

“อ่อ..นี่กรเองนะ”ยืนยันทั้งเสียงทั้งชื่อขนาดนั้น ตรฤณเป็นปลื้ม!

“เอ่อ...กรโทรมามีอะไรหรือเปล่า แล้วเอาเบอร์ตรฤณมาจากไหน?”ลองถามดูเผื่ออีกฝ่ายจะตอบว่าแอบมีเบอร์ตรฤณมาตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าโทรหา~ (คิดไปคิดมา ก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองคล้ายคนบ้ามากขึ้นทุกวันทุกวัน)

“เอามาจากหนังสือรุ่นน่ะ”

เออ..ได้ข่าวว่ากูก็เอาเบอร์กรมาจากหนังสือรุ่นเหมือนกัน..
คิดมากไปได้!


“แล้ว....มีอะไรล่ะ?”

“คืออย่างนี้นะ...นายเห็นใช่มั๊ยว่าวันนี้สองโกรธไอ้ภูมาก”

“อ่าฮะ...”

“ฉันเลยอยากให้สองคนนั้นปรับความเข้าใจกัน..น่ะ” ตรฤณพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แต่ในส่วนหนึ่งของสมองกลับมีความคิดประหลาดขึ้นมาว่า “สองคนนั้นมันเคยไปเข้าใจกันตอนไหน? ถึงได้ต้องปรับความเข้าใจกันอีก”

“หมายถึง อยากให้สองคนนั้นเจอกันเหรอ?”

“ถูกต้อง!”

“ถ้าไม่มัดพวกมันติดกัน ถามเหอะมันจะยอมอยู่ด้วยกันมั๊ยล่ะ?”

“นั่นแหล่ะประเด็น”กรพูดก่อนจะค่อยๆเล่าแผนการที่วางเอาไว้ให้ตรฤณได้ฟัง ซึ่งตรฤณก็รับฟังพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

สนุกแน่งานนี้ ไอ้กมลินทร์เอ้ย!

________________________



“อยู่ไหนวะ?”สองเดินเข้าไปในห้องเรียนที่เพิ่งเดินออกมา ก่อนจะเดินกลับไปยังที่นั่งที่เดิมที่เพื่อนซี้กับตนเองนั่งเรียน(และนอนหลับ)อยู่ด้วยกัน คนตัวเล็กก้มๆเงยๆอยู่ใต้โต๊ะแลคเชอร์อยู่สองสามหนแต่ก็ไม่พบสมุดของตรฤณสักที จนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้อง แต่คนที่วุ่นวายกับการหาของก็ไม่ได้หันไปมองคนที่เข้ามาใหม่เพราะคาดการณ์เอาเองว่าคนที่เข้ามาน่าจะเป็นตรฤณ แต่ถ้าไม่ใช่ แล้วจะเป็นตัวอะไร เห็นแล้วค่อยคิดอีกทีแล้วกัน

“เฮ้ยมึง..กูหาไม่เจอว่ะ มึงเอาไว้ไหนวะ?”เพราะเดาเอาว่าตรฤณเดินตามเข้ามาเลยถามออกไปอย่างนั้น แต่พอไม่ได้ยินเสียงตอบกลับสองจึงจำต้องเงยหน้าขึ้นมอง จะได้รู้ว่าถ้าไม่ใช่ไอ้ตรฤณ แล้วจะได้บอกถูกว่าเป็นตัวอะไรที่เดินเข้ามา

“ภูเบศธ์?” ชื่อของภูเบศธ์ถูกเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลง ตามด้วยเสียง “แกร๊ก!” ที่ทำให้สองรับรู้โดยสัญชาติญาณว่าห้องนี้ถูกปิดตายลงโดยไม่ต้องหาทฤษฎีอะไรมาอธิบายให้เสียเวลา
“เฮ้ย!!” เพียงแค่ประตูถูกปิดดูเหมือนสองจะเลิกสนใจ ภูเบศธ์ ไปชั่วขณะพร้อมกับที่มือเล็กพยายามบิดลูกบิดไปมา เผื่อว่ามันจะเป็นแค่เพียงการปิดเอาไว้โดยไม่ได้ถูกล็อคจากข้างนอก แต่ความหวังของสองก็พังทลายในเมื่อ...มันถูกล็อคจากข้างนอกอย่างสมบูรณ์แบบ
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง!! ช่วยด้วย  ฉันติดอยู่ในนี้!!! ..ไอ้ตรฤณ กูติดอยู่ในนี้มึงช่วยกูด้วย”มือเล็กทุบประตูปึงปังเสียงดัง ทำเอาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในห้องปิดตายร่วมกับสองนั่งลงบนเก้าอี้แลคเชอร์ที่อยู่ห่างไปจากสองไม่ไกลนัก ด้วยท่าทางสบายๆไม่ใช่ว่าไม่เดือดร้อน แต่เพราะรู้ดีว่าโวยวายไปก็ไประโยชน์

ส่วนบุคคลที่ถือกุญแจห้องอยู่ด้านนอกก็ได้แต่หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนก่อนจะเดินลงไปหาอะไรกิน ในขณะที่ภูจะได้ปรับความเข้าใจกันกับสอง....

ส่วนทางตรฤณก็ขอพัฒนาความสัมพันธ์กับกรบ้างอะไรบ้าง
งานนี้มีแต่ได้กับได้ หรือว่าใครจะเถียง!

“เปิดสิวะ!!เฮ้ย ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยยย!”คนตัวเล็กตะโกนแหกปากจนคอแห้งแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลดละความพยายาม มือเล็กยังคงทุบประตูจนแดงไปทั้งมือ

“พอสักทีเหอะ หนวกหู!”ในที่สุดภูเองต่างหากที่ทนเสียงของสองไม่ไหวถึงได้เดินเข้าไปประชิดสองจากทางด้านหลัง ถึงปากจะด่าจะว่าแต่มือกลับคว้ามือเล็กที่กำลังทุบประตูอย่างบ้าดีเดือดเอาไว้ พร้อมกับค่อยๆนำมาดูใกล้ๆทำเอาเจ้าของมือเล็กนิ่งเงียบไปพร้อมกับสังเกตท่าทีของภูแทน

“แดงหมดเลย...”ริมฝีปากหยักพึมพำเบาๆก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองตาร่างเล็กตรงหน้าที่กำลังยืนนิ่งราวกับรูปปั้น

กูขอถาม..นี่คือไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ตัวจริงเสียงจริงแน่เหรอวะ?

“ละ..แล้วไปทุบประตูทำบ้าอะไร! เห็นมั๊ยประตูพังไปถึงไหนแล้ว ทำลายข้าวของของมหาวิทยาลัยเป็นความผิดนะ!” ดูเหมือนภูเบศธ์เองก็เพิ่งจะรู้สึกตัวถึงได้รีบทิ้งมือสองลงพร้อมกับต่อว่าอีกฝ่ายไปอย่างข้างๆคูๆทั้งที่จริงแล้วเป็นห่วงมือเล็กๆนั้นหาได้ใช่ประตูไม่

“ก็ถ้าไม่ทุบ จะมีคนมาช่วยมั๊ยเล่า! ถ้าไม่ช่วยก็อย่าเอาตีนราน้ำ!”สองเองก็ตอกกลับไปเช่นกันทั้งที่ก็ปฏิเสธความรู้สึกแปลกๆเมื่อสักครู่ ตอนที่ภูเบศธ์จับมือตัวเองเอาไว้ไม่ได้

“ก็เห็นว่าทุบแล้วไม่มีคนมาช่วย ก็ยังจะโง่ทุบอยู่ได้ตั้งนาน”

“นี่ไอ้ภูเบศธ์! คำก็โง่ สองคำก็วัวแก่ เลิกด่าฉันอย่างนั้นสักทีได้มะ?!”

“แล้วมันจริงมั๊ยล่ะ?”ภูเบศธ์ย้อนกลับทำเอาสองความดันขึ้น

“ไอ้ภูเบศธ์! ..นายนี่มัน....”

“มัน?”

“หัวเถิกจริงๆเลยให้ตายเหอะ!”

...หมดคำจะด่าแล้วหรือยังไงนะ?...คนถูกด่าได้แต่อมยิ้ม

“โถ่เว้ย! ไอ้ตรฤณ อย่าให้กูรู้นะว่ามึงขังกูไว้ในนี้!”ในเมื่อไม่รู้จะด่าคนตรงหน้าให้ได้อะไรขึ้นมาอีก สองก็หันไปด่าไปว่าคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแทน ทั้งที่ก็พยายามคิดอยู่หลายตลบว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างตรฤณจะขังเขาไว้กับไอ้เด็กปากหมาคนนี้ทำไม

“ฉันว่า..เราถูกขังไว้ด้วยกัน”ภูเบศธ์ว่า

    เออ กูรู้! เพราะนอกจากมึงกะกู มึงเห็นหนูสักตัวอยู่ในห้องนี้อีกมะ?

สองทำได้เพียงแต่ค่อนแคะในใจ เพราะไม่กล้าพูดออกไป กลัวว่าจะโดนตอกกลับจนไม่เหลือชิ้นดี

“หมายถึง....จงใจขังเราไว้ด้วยกัน” ในเมื่ออ่านสายตาค่อนแคะของสองออกภูเบศธ์เลยต้องรีบอธิบาย เพราะเหตุผลที่เขามายืนอยู่ในห้องนี้ก็เป็นเพราะว่ากรวานให้มาเอาของที่ลืมเอาไว้

ของที่ให้หา หาไม่เจอ แต่ดันมาเจอรุ่นพี่ตัวเล็กกำลังก้มๆเงยๆเหมือนหาของบางอย่างอยู่

“แล้วหมาตัวไหนมันบังอาจนักวะ!” สองสบถ
หมาตรฤณแน่ๆตัวนึง  กูรู้!

“แล้วทำไมมันต้องขังเราไว้ด้วยกัน?...”สองยังสงสัยไม่เลิก ทั้งที่ภูเบศธ์ถึงบางอ้อตั้งแต่ที่เห็นสองอยู่ในห้องนี้แล้วถ้าไม่ใช่เพราะกรอยากให้เขาหาเรื่องพูดคุยกับสองแล้วสารภาพความในใจซะ!

“ไม่รู้สิ.. สงสัยพี่ตรฤณอยากแกล้งมั้ง”ภูตอบก่อนจะค่อยๆนั่งลงอีกครั้งโดยมีสองนั่งลงตามด้วยเพราะหมดหนทางในการพยายามร้องเรียกให้คนมาช่วย
“ช่วงนี้ชักจะแกล้งกูมากเกินไปแล้วนะเว้ย~”สองบ่นกับตัวเองเมื่อรู้ว่าการโดนขังครั้งนี้มีตรฤณเพื่อนตัวดีเป็นตัวตั้งตัวตี ส่วนจะมีคนอื่นร่วมด้วยหรือไม่นั้นสองไม่รู้เพราะขี้เกียจคิด

ตั้งแต่เรื่องเด็กๆในฮาเร็ม
รวมมาถึงการขังให้อยู่กับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์ที่สองเกลียดหน้ามันที่สุด
คราวหน้ามึงไม่ขุดดิน แล้วเอาเศษหินมากลบตัวกูเลยล่ะ ไอ้ส้นตรฤณ!

ถึงกมลินทร์จะรู้สึกไม่ชอบภูเบศธ์อยู่มาก     และเตรียมลงไม้ลงมือทุกครั้งหลังจากที่โดนเด็กเวรปากหมาใส่ แต่พอต้องมาอยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองกันจริงๆ กลับไม่มีกะจิตกะใจลงมือฆ่าหั่นศพนายภูเบศธ์อย่างที่ตั้งใจไว้สักที
มือเล็กเคาะโต๊ะแลคเชอร์เป็นจังหวะพร้อมกับฮัมเพลงคลอเบาๆกันเบื่อ  ที่ต้องโดนขังอยู่ในห้องนี้นานนับชั่วโมง โดยที่ภูเบศธ์เองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ได้แต่นั่งเงียบงัน ประหนึ่งว่าไม่มีกันและกันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้

แต่ถ้ามองดูดีๆ จะเห็นว่าภูเองก็แอบมองสองอยู่บ่อยๆ....แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่เคยรู้ตัว

ทั้งที่แอบรักมานาน.....แต่สองก็ไม่เคยรู้สักที

ความจริง....

ความรักของภูเบศธ์มันอาจจะดูราบรื่นกว่านี้ ถ้าหากว่าตั้งแต่ที่เริ่มรักกมลินทร์ไม่ได้มีใครและถ้าหากกมลินทร์ไม่ได้มีคนรายล้อมมากมาย ภูเบศธ์อาจจะหาวิธีอื่นที่จะเข้าไปอยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายได้ง่ายกว่านี้ในเมื่อหาทางเข้าไปไม่ได้ ก็ขอหาทางที่ทำให้จำชื่อ “ภูเบศธ์” ได้ขึ้นใจ ยังดีกว่าที่ต้องไปเป็นเด็กในสังกัดที่สองจำชื่อไม่เคยได้

“เอ่อ...คือ”
พอจะพูดทั้งสองคนกลับพูดขึ้นพร้อมกันทำลายความเงียบ

“จะด่าอะไรฉันอีกล่ะ?” พอเห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดสองก็รีบชิงพูดตัดหน้าทันที เพราะเมื่อไรที่เจอหน้ากัน ถ้าภูอ้าปาก เดาไว้ได้เลยว่าประโยคที่พูดออกมา ไม่ด่าก็กัดสองแน่นอน

“แล้ว..รุ่นพี่กมลินทร์จะพูดอะไรล่ะ?”ภูเบศธ์ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ร่างเล็กพูดพร้อมกับถามกลับ

“ก็เปล่า...แค่อยากบอกว่า..ฉันหิว”

“หิว?”

“อื้ม...”

เพียงแค่สองพูดจบมือของภูก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นไปให้ร่างเล็กที่มองลูกอมช็อคโกแลตในมือของอีกฝ่ายอย่างงงๆ

“รองท้องไปก่อน......”ภูเบศธ์ยื่นให้ทั้งที่ไม่ได้หันไปมองร่างเล็กที่กำลังมองมาทางตัวเองด้วยแววตาสงสัย

“ถามจริงเหอะ? ใส่สลอดไว้ป่ะเนี่ย”

“ไม่กินก็ตามใจ”ในเมื่อร่างเล็กยังมีปัญหามากแถมยังไม่มีท่าทีว่าจะหยิบลูกอมในมือของตนเองไปง่ายๆภูเบศธ์ก็ทำท่าจะชักมือกลับ

“ได้ไง! กินก็ได้”แต่ดันถูกสองรีบตระครุบมือใหญ่เอาไว้ก่อนจะแงะมืออีกฝ่ายเพื่อเอาลูกอมออกมาแล้วรีบแกะกิน ภูเบศธ์มองการกระทำของสองด้วยรอยยิ้ม แต่พอสองหันกลับมาก็แทบหุบยิ้มไม่ทันแน่ะ!
“นี่~ถามจริงเหอะ..ทำไมนายถึงได้ชอบว่าฉันนักล่ะ”ไม่รู้อะไรดลใจให้สองเอ่ยถามออกไปอย่างนั้นในขณะที่ปากเล็กกำลังอมลูกอมรสช็อคโกแลตด้วยความเอร็ดอร่อย หรือเพราะความหวานของมันเลยทำให้สองอารมณ์ดีจนยอมพูดดีๆกับคนที่เกลียดนักเกลียดหนาก้ไม่รู้
“เพราะ.....มั้ง”ถึงภูเบศธ์จะตกใจที่โดนถามตรงๆแบบนี้แต่ก็กลั้นใจตอบออกไปทั้งที่คำตอบจริงๆนั้นแผ่วเบาจนสองฟังไม่ออก

“เพราะอะไรนะ?” สองเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยก่อนจะกระเถิบตัวเองให้มานั่งใกล้กับภูเบศธ์มากขึ้น

“เพราะ..อยากจี...”


ปัง!!!

เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างใหญ่ๆของตรฤณที่ยืนอยู่กลางประตู ทำเอาสองเลิกสนใจคำตอบของภูเบศธ์แล้วเตรียมลุกออกไปหาตรฤณ แต่กลับโดนมือแกร่งคว้าต้นแขนเอาไว้แล้วดึงให้เข้าไปแนบชิด

เพราะอยากจีบ...ชัดมั๊ยครับ  รุ่นพี่กมลินทร์” เสียงกระซิบข้างใบหูทำเอาสองรู้สึกขนหัวลุก แต่พอรู้ตัวอีกทีตรฤณกลับกลายมาอยู่ข้างๆตัวแล้วภูเบศธ์ก็เดินจากไปจนลับตา

ตอนนี้อยากได้เกลือ....รู้สึกว่าจะได้ยินเรื่องน่าเหลือเชื่อเพราะหูมันฝาด...หาเกลือสักถาดมาจิ้ม ยังไม่รู้เลยว่าถ้าชิมดูอีกครั้งจะหายฝาดหรือเปล่า?

นี่ถ้าไม่บอกกูไม่รู้นะนี่ ไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!

แบบนี้มันปีนเกลียวชัดๆ!


_______________________


“ไง..พูดออกไปหรือยัง?”เมื่อเห็นหลานรหัสเดินออกมาจากตัวตึกกรก็รีบวิ่งไปประกบก่อนจะเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“สอดรู้”

โป๊ก!!

“ปากเสีย กล้าด่าฉันเหรอไอ้ภูเบศธ์ รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดี!”กรแหวใส่หลังจากที่ตบหัวหลานรหัสไปหนึ่งฉาดใหญ่

“แล้วไง?...ไม่รู้ว่าพูดไปรายนั้นจะเข้าใจหรือเปล่า”

“แล้วทำไมสองถึงจะไม่เข้าใจ แล้วแกไปบอกเขาว่าอะไรล่ะ?”ถึงจะยังโกรธเคืองที่โดนด่าว่า ‘สอดรู้’ แต่พอภูเบศธ์เกริ่นถึงเรื่องที่กรอยากรู้ ก็รีบถามต่อทันที

“ก็บอกว่าจะจีบ...”

   พูดไปเอามือถูจมูกไปแบบนี้แถวบ้านเขาเรียกว่าเขินว่ะ ไอ้คุณภูเบศธ์!

“แล้ว...?”

“ก็อึ้งแดก เป็นวัวตากแห้งเลยอ่ะดิ” ภูเบศธ์พูดยิ้มๆเมื่อนึกถึงอาการอ้าปากตาค้างของสองเมื่อเขาบอกเหตุผล...น่ารักชะมัด!

 “ช่างเปรียบนะ!”  นี่ถ้ากรอึ้งแดกบ้างมันจะเปรียบเทียบว่ากูเป็นตัวอะไร?

“ฮ่าฮ่าฮ่า....แต่ตอนที่สองรู้ท่าทางสองตลกจริงๆนะ...น่ารักสุดๆไปเลยล่ะ^^”ภูเบศธ์พูดไปยิ้มไปจนแก้มปริทำเอากรนึกหมั่นไส้

“โรคจิตหรือไง แกน่ะ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า....”ถึงจะโดนจิกกัดแต่ภูเบศธ์กลับรู้สึกมีความสุข(?) บางทีการได้พูดความในใจออกไปบ้างมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน


แล้วเจอกันวันเลี้ยงสายนะ..รุ่นพี่กมลินทร์~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2011 22:02:10 โดย ryoko_chan »

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 4 จูบทางอ้อม

“สอง”

“.......”

“สอง...”

“.......”

“ไอ้สอง!”

“มึงเรียกชื่อกูหาป๊ามึงเรอะ! ไอ้ตรฤณ”
กลับมาสติดีอีกรอบมึงก็เปิดปากด่ากูเลยเนอะ!


“ก็มึงนั่นแหล่ะ กูเรียกตั้งนาน ปล่อยวิญญาณไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ถึงสวรรค์ชั้นไหนไม่ทราบห๊า!” ตรฤณตะหวาดกลับอย่างไม่มีเกรงใจในเมื่อเพื่อนตัวเล็กเตรียมจะซัดปากเขาได้ทุกเมื่อ แต่ตรฤณก็ไม่มีหวั่นเกรง

   ไม่ใช่อะไรอยู่มากันจนป่านนี้หลบหมัดไอ้สองเก่งซะยิ่งกว่าหนูหลบแมวซะอีก

“ชั้น 7 มั้งมึง!  แม่งคนกำลังใช้ความคิดขัดอยู่ได้”สองตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้เลคเชอร์ตัวเดิม


“กูอุตส่าห์มาช่วยมึง แล้วสรุปมึงจะนั่งอยู่ในนี้? รู้งี้กูไม่น่าไปหากุญแจมาเปิดให้เสียเวลา”ตรฤณควงกุญแจพวงใหญ่เล่นก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้อง

“สรุปมึงไม่ได้ขังกูกับไอ้เด็กเวรไว้ในนี้?” สองลองถามแบบไม่ค่อยอยากเชื่อกับสมมุติฐานที่มันขัดกับความเป็นจริงเช่นนี้
ต่อให้มึงออกลูกเป็นปู กูก็ไม่เชื่อว่ามึงไม่ได้ขังกู ไอ้ตรฤณ!

“เปล๊า! กูไม่ได้ขังมึ๊ง! หมาตัวไหนมันพูดว่ากูขังมึงวะ?” สองได้แต่ถอนหายใจกับคำตอบตอแหลของไอ้เพื่อนตรฤณที่รักนักรักหนา แถมยังขึ้นเสียงสูงได้ผิดปกติเป็นอย่างมาก

“มึงอย่าตอแหลให้มันมากกูแค่อยากรู้เหตุผล”สองเดินไปหาตรฤณอีกครั้งพร้อมด้วยสายตาที่คาดคั้นเอาคำตอบ เพราะตอนนี้สมองน้อยๆของสองกำลังประมวลผลเอาเรื่องโน้นมาโยงเข้ากับเรื่องนี้จนเป็นเรื่องเป็นราว เกือบใกล้คำว่าละครน้ำเน่าเข้าไปทุกที

“เปล๊า! ไม่มีอะไรจริงๆ มึงไม่เชื่อกูเหรอ? ที่กูขังมึงไว้กับเด็กเวรนั่นน่ะ..ไม่มีเหตุผลจริงๆนะ!”สองยืนฟังสิ่งที่ตรฤณเผลอตัวหลุดพูดออกมาด้วยความใจเย็น ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าไอ้เพื่อนตัวดีมันขังเขาเอาไว้ แต่ยังไง๊ยังไง สองก็ยังอยากรู้เหตุผล   คนเราทำอะไรไปโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้..สองเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น

“สรุปมึงขังกู?”สองถามย้ำพร้อมกับการยืนกอดอก เท้ากระดิกเป็นจังหวะมันทำให้ตรฤณรู้ตัวดีว่าไม่ควรโกหกต่อไปเพื่อการมีชีวิตที่สวยงามบนโลกใบนี้

“เออกูยอมรับก็ได้! ว่าแต่มึงเหอะ หิวมะ? กูอยากกินติม”ตรฤณยอมรับอย่างเสียไม่ได้แต่ก็ขอต่อท้ายด้วยการแถเปลี่ยนเรื่อง เผื่อสองจะใจเย็นขึ้นบ้างไม่มากก็น้อยล่ะวะ!

“เดี๋ยว....ตรฤณ...มึงตอบกูมาก่อนว่ามึงขังกูไว้ในนี้มีจุดประสงค์อะไร”สองรีบคว้าคอเสื้อไอ้เพื่อนตัวใหญ่ที่ทำท่าจะเดินหนีเพื่อมาคาดคั้นเอาคำตอบอีกครั้ง เพราะตอนนี้ไอ้ตรฤณเพื่อนเลิฟเขาเปลี่ยนไป และไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าไอ้เพื่อนตรฤณไม่ค่อยเข้าข้างเขาเหมือนเคย คอยหาแต่เรื่องให้เด็กในฮาเร็มของเขาทะเลาะกันเอง
ทั้งที่อยู่มาสี่ปีไม่เคยเจอเหตุการณ์โลกาวินาศเหมือนช่วงนี้ ที่ดูเหมือนจะเกิดบ่อยเสียด้วยแถมยังมีตัวแปรเพิ่มมาอีกคือ คู่ปู่-หลานรหัสนรกส่งมาเกิด ที่สองกำลังคิดว่านี่คือเหตุผลหลักที่ทำตรฤณเริ่มมีใจออกห่าง(?)

หรือว่ามิสชั่น “จีบ” ที่ไอ้เด็กเวรเพิ่งพูดออกมา ไอ้หมาตรฤณมันก็รู้!
เห็นไหมว่าถึงจะแดกแต่หญ้าแต่ฟาง
สมองกูก็ฉลาดเฉียบขาดแบบหาตัวจับได้ยากนะเว้ย!


“ก็....ก็ไม่มีอะไรนี่...กูแค่อยากแกล้งมึง แต่กูไม่รู้นี่ว่าไอ้เด็กนั่นอยู่ในห้องด้วย..ใครจะไปรู้ล่ะ ห้องนี้มันห้องวิชาเรียนปีสี่ กูจะไปรู้ได้ไงว่าเด็กปีหนึ่งอย่างไอ้ภูเบศธ์จะกระแดะเข้าไปอยู่ในนั้น” ตรฤณรีบใช้วิชามารส่วนตัวแถจนสีข้างถลอก
แต่อย่างว่า..วิชามารก็คือวิชามาร...เทพบุตรอย่างสองเรอะจะรู้ทัน?

“มึงพูดก็มีส่วนที่ถูก...แต่มึงจะแกล้งกูทำไมห๊า!” เหตุผลที่เพื่อนรักเอ่ยออกมาทำเอาสองแทบเชื่อเต็มร้อยว่าตรฤณจงใจแกล้งเขาเล่น โดยไม่ได้มีคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ทำให้ตรฤณโล่งใจไปได้อีกในเมื่อ      สมองอันชาญฉลาดระดับวัวแก่ของเพื่อนรักเขาสงสัยได้แค่นี้..และยอมเชื่อด้วยเหตุผลเท่ามด ตรฤณก็ไม่ขอหาคำพูดมาแก้ตัวเพิ่ม

“ก็กูอยากแกล้ง..กูก็แกล้งมึงประจำมึงคิดมากอะไร?”

ไอ้แกล้งประจำมันไม่เท่าไหร่..แต่ครั้งนี้มึงแกล้งขังกูไว้กับไอ้เด็กเวรเนี่ยนะ?
แถมประโยคที่มันพูดตอนท้าย ทำเอาโรคหัวใจกูแทบกำเริบ!

“ไม่คิดมากได้ไง...มึงขังกูไว้ในนั้นกับไอ้เด็กนั่น...มึงรู้มั๊ยมันพูดอะไรกับกู?”สองตีหน้าเครียดเมื่อรู้ว่าสมมุติฐานที่ตั้งขึ้นมาไม่มีทางเป็นจริงได้

อย่างน้อยก็โล่งใจที่เพื่อนรักอย่างตรฤณไม่ได้แปรพรรคไปเข้าร่วมกับไอ้เด็กเวรภูเบศธ์! (แน่ใจ?)

“แล้วมันพูดอะไร?”

เพราะกูกำลังอยากจะรู้อยู่พอดีว่าการที่กูขังมึงกะเด็กเวรไว้ในนั้น เกิดเหตุการณ์ ตะลึง ตึง โป๊ะ อะไรบ้าง

“มันบอกว่า...มันอยากจีบกู

“หา?”
ตรฤณถึงขั้นอึ้ง เพราะไม่คิดว่า การที่ขังสองไว้กับภูเบศธ์เพียงแค่ชั่วโมงเศษมันทำให้ภูเบศธ์กล้าพูดว่าจะจีบ...

รู้งี้ กูหาทางขังสองคนนี้ไว้ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กเวรนั่นเริ่มชอบไอ้สองซะก็ดี!

“เมิงก็คิดดูเอาแล้วกัน..กูถามมันว่าทำไมมันถึงชอบด่ากู แต่มันตอบว่าเพราะมันอยากจีบกู...มึงว่ามันตอบตรงประเด็นมั๊ยวะ?”
จนป่านนี้สองก็ยังไม่เลิกสับสนกับความรู้สึกของภูเบศธ์

แม่ง ด่าเพราะอยากจีบ ถามเหอะ ชาติหน้ามึงจะจีบติดมั๊ย!

“ตรงเป๊ะเลยล่ะมึง!”
ตรงใจกูมากขอบอกครับขอบอก!

ไม่เสียแรงที่ลงทุนขังเพื่อนตัวเองทั้งที่เป็นห่วงแทบแย่ ความจริงแล้วกรไม่ยอมให้ไปปล่อยสองคนนั้นจนกว่าจะมืด แต่ว่าเขาเองที่ทนไม่ไหว เพราะรู้ว่าเพิ่งเรียนเสร็จ สองยังไม่ได้กินอะไรถ้าโดนขังไว้ต้องหิวแย่แน่ๆ....กูเป็นเพื่อนที่ประเสริฐมะ?

“ตรงบ้านม๊ามึงดิ! กูยังเครียดไม่หาย”

“มึงจะเครียดอะไรก็แค่เด็กมันอยากจีบ...มึงเองก็โดนเด็กจีบมาเยอะ...แค่ไอ้เด็กนี่มาจีบอีกสักคนมึงก็รับๆไว้ดิ ปากหมาๆแบบนี้หาไม่ได้ตามท้องตลาดนะมึง!”

“เป็นมึง  มึงอยากได้เหรอ? ด่ากูทุกทีที่เจอหน้า กูว่ากูตั้งรับไม่ทันว่ะ ลองเปลี่ยนเป็นกรมาจีบมึงบ้าง แล้วหมาใส่มึงทุกวันมึงจะรู้มั๊ยว่าเขาจีบมึง?”

“กูรู้โดยสัญชาตญาณว่ะ ก็คนมันเกิดมาเพื่อคู่กัน ทำไมกูจะไม่รู้”


ถ้าลองเปลี่ยนเป็นกรมาจีบไอ้ตรฤณคนนี้บ้าง..ก็ดีน่ะสิ!

“กูเลิกคุยกับมึงละ ไอ้คนหลงตัวเอง!”พูดจบสองก็เดินอาดๆออกจากห้องไปทิ้งไว้ให้ตรฤณยืนยิ้มอยู่คนเดียว

แต่ถือว่าแผนครั้งนี้สำเร็จและบรรลุวัตถุประสงค์เกินคาดนะ! กร
โอ๊ย...ภูมิใจมีแฟนสวยแถมยังฉลาดแบบคาดไม่ถึง!


______________________



“เพราะอยากจีบ...”
“เพราะอยากจีบ..”
“เพราะอยากจีบ...”


“เพราะอยากจีบ...ชัดมั๊ยครับ  รุ่นพี่กมลินทร์”

“โว๊ยยยยย!”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“พี่สอง เป็นอะไรไปเหรอครับ?”เด็กหนุ่มสารถีจำเป็นของสองเอ่ยถามขึ้นในขณะที่กำลังขับรถด้วยท่าทางสบายๆไม่เร่งไม่รีบเพราะรถไม่ติด แต่ถ้ารถติดก็คงรีบไม่ได้อยู่ดี และเหตุผลสำคัญคือการพารุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งข้างๆกินลมชมวิวไปในตัว แต่ไม่ทันไรสองกลับโวยลั่นรถทำเอาหนุ่มเจ้าเอาตีนแตะเบรกแทบไม่ทัน และไม่ได้นึกถึงคันหลังที่ขับตามมาจะด่าพ่อด่าแม่หรือไม่ เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหนุ่มรุ่นพี่ที่ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีตั้งแต่เดินออกมาจากคณะแล้ว

“เอ่อ...วันนี้พี่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย...ไปส่งพี่ที่หอหน่อยแล้วกัน”สองเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรก็รีบหันไปบอกเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่เอารถมาจอดรอที่หน้าคณะอยู่นานสองนานแต่สองก็ไม่ยอมออกมาสักที แต่ถือว่าความพยายามมันสูง รออยู่ได้เกือบสองชั่วโมง พอเห็นหน้าเท่านั้นแหล่ะรีบวิ่งมารับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม

“ไม่ไปหาอะไรทานก่อนเหรอครับ?” หนุ่มน้อยยังคงเอ่ยถามด้วยความห่วงใยแต่รุ่นพี่แสนน่ารักกลับส่ายหน้าเป็นคำตอบมือแกร่งจึงรีบหักพวงมาลัยรถ เพื่อเปลี่ยนทิศทาง แล้วมุ่งสู่หอพักของสองตามคำขอทันที

“ยังไง พรุ่งนี้ให้ผมมารับนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกเขม....พี่ไปเองได้..ขอบใจมากนะที่มาส่ง” สองยิ้มหวานให้น้องเขมอย่างเคย และเชื่อมั่นสุดๆว่าเด็กคนนี้คือน้องเขมแน่ไม่มีพลาดแบบคราวที่แล้ว
ไม่ใช่อะไรป้ายชื่อบนเสื้อกราวน์บอกเอาไว้ซะเด่นหราว่า
“นศ.พ. เขมชาติ” ไม่มีทางผิดตัวแน่นอน!

มันคงไม่บ้าเอาเสื้อกราวน์คนอื่นมาใส่หรอกว่ะ

เพียงแค่รถ BMW ซีรีย์7 เคลื่อนตัวผ่านหน้าหอพักของสองไป รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหวานก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่สายตาอาฆาตแค้นแทน

“พรุ่งนี้มึงตายแน่ ไอ้ภูเบศธ์!”

โทษฐานทำกูสับสนวุ่นวายใจได้ขนาดนี้
ว่าแต่ว่า.....ทำไมกูต้องเป็นเอามากด้วยวะ?


“เรียกหาผมอยู่เหรอครับ?”

ยังไม่ทันที่สองจะเคลียร์ปัญหาของตัวเอง เสียงสวรรค์ของสองก็ลอยมากระทบโสตประสาท แค่พูดถึงก็มาหาตายยากจริง พับผ่า!

นี่มันตามมาจองเวรจองกรรมถึงหอกูเลยเหรอเนี่ย!

“ไอ้ภูเบศธ์!”

“ครับ?” ขานรับด้วยรอยยิ้มกวนตีนที่สองนึกอยากเอาตีนลูบหน้าสักครั้งสองครั้ง....ถ้าไม่กลัวว่าขาจะไม่ถึงอ่ะนะ!

“มาทำไม!” ถามกลับด้วยเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าสู่บริเวณหอพักโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มตัวสูงโย่งที่ยืนไขว้ขาอย่างสบายอารมณ์ โดยที่มุมปากยกยิ้มอย่างนึกสนุกที่ก่อกวนสองได้...สงสัยภูเบศธ์คงจะโรคจิตอย่างที่กรว่าจริงๆ...

“มาส่งไง”
ภูเบศธ์ไม่คิดจะเดินตาม เพราะคิดว่าคำพูดของตัวเองคงจะมีอะไรดีพอที่จะทำให้สองหยุดเดิน ซึ่งเป็นอย่างที่คาดเอาไว้ นอกจากสองจะหยุดเดินแล้ว...เจ้าตัวยังหันมาจ้องหน้าภูด้วยการขมวดคิ้วระคนสงสัย

“หา?...มาส่ง?!”

ได้ข่าวว่ากูนั่งBMW ของหมอเขมมาจนแทบจะเกยหน้าหอ แต่มึงแค่มายืนรอแล้วมันติ๊ต่างเอาเองว่ามาส่ง 
ถ้าจะละเมอก็กลับบ้านไปหลับก่อนไป ไอ้ภูเบศธ์!

“อ๊าว...ก็นี่ไงกำลังจะส่งขึ้นหอ” พูดไปพร้อมกับเดินมาเทียบเคียงด้านซ้ายของสอง

กูเพิ่งรู้ว่านอกจากมันจะปากหมาเป็นที่หนึ่ง...
ความหน้าด้านมันก็ไม่เป็นสองรองใครซะด้วยเว้ยเฮ้ย!

“ไอ้...ไอ้”ทำไมจนซูถึงรู้สึกด่าไอ้เด็กเวรนี่ไม่ออกทั้งที่คำด่าต่างๆนาๆพร้อมใจกันเดินทับมาเต็มสมอง แต่ปากดันพูดออกมาไม่ได้อย่างที่คิด
ให้ตายเหอะ! อยู่ต่อหน้าไอ้เด็กนี่ทีไรใบ้แดกทุกที!

“ก็คนอื่นๆมาส่งแค่หน้าหอ แต่ผมจะไปส่งรุ่นพี่ให้ถึงหน้าห้องเลย ไม่ดีเหรอครับ?”

“ไม่จำเป็น...ไม่มีใครขอให้ทำ” สองทำได้แค่ปฏิเสธเสียงแข็งใส่ไอ้เด็กเวรหน้าหล่อที่ทำหัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยๆ

“งั้นแสดงว่าไม่เคยมีใครไปส่งรุ่นพี่ถึงหน้าห้อง?” เพราะถ้าไม่มีภูเบศธ์จะได้โล่งใจไปอีกหนึ่ง...เพราะสองยังไม่ถูกเด็กกินอย่างที่ได้ยินคำล่ำลือ

“จะถามเอาไปทำสำมะโนครัวประชากรโลกหรือไง?..จะไปไหนก็ไปฉันจะขึ้นห้อง!”สองทำเป็นโมโห ก่อนจะเดินนำหน้าภูเบศธ์ไปโดยไม่หันมาสนใจเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“เมื่อวานก็ Audi วันนี้ก็ BMW วันพรุ่งนี้ไม่ให้หญ้าอ่อนในสนามขับ Rolls-Royce มาส่งเลยล่ะ”

ก่อนไปมึงยังมีกะจิตกะใจมาประชดกูอีกเนอะ!

สาธุ เกิดอย่าชาติหน้าอย่าได้เจอไอ้เด็กเวรนี่อีกเล้ยยยยยยย

“เออ! คอยดูแล้วกัน จะนั่ง Rolls-Royce มาอวดให้ดู!”สองตะโกนกลับออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าภูเบศธ์จะได้ยินมันหรือเปล่า

พูดมาได้ โรลสรอยซ์งั้นเหรอ มึงมีปัญญาหาให้กูนั่งมั๊ย! ไอ้เด็กเวร

ว่าแต่ไอ้โรลสรอยนี่มันกี่สิบล้านร้อยล้านวะนั่น?

พอกันที กับวิธีที่มึงจีบกู ไอ้เด็กเวรภูเบศธ์!

_______________________________

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...

เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กดังขึ้น    รบกวนโสตประสาทของร่างเล็กที่กำลังหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ก่อนที่ร่างเล็กจะโผล่พรวดออกมาจากผ้าห่มด้วยความ ที่เพิ่งนึกได้ว่ารู้สึกตัวเพราะเสียงโทรศัพท์ดัง ว่าแล้วก็ควานหามือถือเครื่องเล็กที่อยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด..
เสียงเครื่องมือสือสารยังคงดังไม่หยุดเพราะไม่มีคนกดรับสาย จนทำเอาเจ้าของมือถือหัวเสีย ทั้งที่พลิกผ้าห่มหาก็แล้วค้นเอาตามตัวจนหัวยุ่งหัวฟูก็แล้วไม่เจอสักทีจนนึกโมโหขึ้นมาเอง

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด..

อ้าว? อยู่โต๊ะข้างหัวนอนกูนี่เอง...โถ่..หาตั้งนาน!

“โหล!”

“สองโหล?”

“อย่ามากวนกูแต่เช้าตรู่ กูยิ่งนอนไม่พอ”สองกรอกเสียงไปตามสายมือเล็กขยี้หัวตัวเองเพื่อไล่ความง่วง

“เช้าตรู่? ก่อนที่มึงจะด่ากู กรุณาแหกขี้ตามองนาฬิกาตามฝาบ้าน แล้วมึงจะรู้ว่าพระจะฉันเพลอยู่แล้วเว้ย!”
“เออ! มึงมีไรก็ว่ามา”สองเหลือบตาไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บอกว่าขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆ เลยต้องผ่อนเสียงลงบ้าง ขี้เกียจจะเถียงให้ความมันยาว

“วันนี้ ตอนหกโมงเย็นเจอกันที่หน้าคณะ รวมพลก่อน”ตรฤณรีบพูดจุดประสงค์ของการโทรศัพท์เสียตังค์มาหาเพื่อนรัก

“วันนี้วันเสาร์มึงจะเข้าคณะหาพระแสงอะไร?”

“ก็วันนี้นัดกันเลี้ยงสาย หรือมึงจะไม่ไป?”

“เออๆ...เดี๋ยวกูโทรไปบอกน้องๆกูก่อน”สองว่าก่อนจะตัดสายไป แต่ไม่ทันไรเจ้ามือถือเครื่องเล็กก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับชื่อ “ไอ้ส้นตรฤณ” ขึ้นที่หน้าจอ

“มีไรอีก?”สองรีบถามทันทีที่กดรับสาย

“กูยังพูดไม่จบ มึงตัดสายทำไม?”เสียงที่เล็ดลอดมาตามสายดูขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย..แต่มีเหรอที่สองจะใส่ใจ?

 “เออมีไรพูดมา...”

“กูแค่อยากจะบอกมึงว่า...”

“ว่า?”

“ที่รักมึงก็ไป...แค่นี้นะ”

พูดจบตัดสายใส่กู แล้วเมื่อกี้มึงด่ากูทำแมวอะไร?

“แล้วใครคือที่รักกูวะ?....แม่งเด็กยิ่งเยอะๆอยู่ไม่ใช่ว่าไปให้รถไฟมันชนกัน ไม่ตายห่ากันยกใหญ่เลยเหรอวะ” สองพูดด้วยความปลงตกกับชีวิต เพราะการเลี้ยงสายครั้งนี้ไม่รู้ว่าทางกรจะชวนเพื่อนทางไหนไปอีกบ้าง เด็กๆปีหนึ่งปีสองในคณะที่เคยเป็นเด็กในฮาเร็มสองก็มากอยู่  ไปซวยเจ๊อะกันงานนี้ทำไง?
ช่างเหอะ เดี๋ยวให้ไอ้ตรฤณมันจัดการ..(อ๊าว...ซวยกู : ตรฤณ)

พอคิดได้ดังนั้น สองก็กดโทรออกไปยังน้องยันหลานรหัส เพื่อนัดไปรวมพลกันหน้าคณะก่อนออกไปสังสรรค์ในคืนนี้

________________________________


งานเลี้ยงสายวันนี้กรเลือกที่จะไปร้านอาหารที่เป็นร้านนั่งดื่มไปในตัว บรรยากาศสบายๆมีวงดนตรีเล่นเพลงจังหวะเบาๆฟังแล้วลื่นหู เพราะอาจจะมีคนเอาน้ำมันมาทาไว้(หูมันเลยลื่น?) เหมาะกับพวกชอบดื่มเหล้าดื่มเบียร์ มากกว่าพวกขาแดนซ์ ถึงจะไม่ค่อยถูกใจใครหลายคนที่อยากจะไปที่ที่แดนซ์ได้มากกว่า แต่สถานที่แบบนี้แหล่ะที่สองพึงพอใจ นั่งดื่มไปโยกหัวไปช้าๆตามเสียงเพลงมันส์กว่าเยอะ!

“นี่ ขอถามหน่อยนะกร...สายนายมีกันแค่สองคนเนี่ยนะ?”สองเอ่ยถามขึ้นหลังจากดื่มหมดเป็นแก้วที่สอง ค่อยจะมานึกสงสัยในสายรหัสของกรที่มีเพียงแค่สองคนคือปีสี่กับปีหนึ่ง แล้วปีอื่นๆหายหัวไปไหน?

“อือ...ใช่สายฉันมีแค่นี้ล่ะ”กรพูดก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มตาม แต่ไม่วายแอบเหลือบมองตรฤณเป็นระยะๆ เพราะรายนั้นเมาแล้วเลื้อย~ สองแก้ว ก็หัวหนัก ชอบเอนเอาหัวมาแหมะกับไหล่เขาอยู่เรื่อย!

“น้องรหัสฉันย้ายคณะ ส่วนหลานรหัสอีกคนก็ถูกไทร์...เหลือรอดมาสองกับสายนี้ก็ถือว่าคุ้มฮ่าฮ่า” กรพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลกซึ่งสองเองก็ไม่ได้คิดว่ามันหนักหนาอะไรดีซะอีกไม่เปลืองตังค์เลี้ยงหลานคนเดียวพอ
ส่วนสายของสองเหรอ? อยู่กันครบหน้าครบตา อยู่รอทะลุทะลวงเงินในกระเป๋ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ไอ้วันๆที่ไปคณะก็ไม่เคยเจอหน้า แต่พอบอกว่าจะเลี้ยง มาให้เห็นตั้งแต่น้องยันโหลน!

“เฮ้ย ไอ้ตรฤณ! มึงเมาก็กลับเข้าเล้าไปเลยไป!”สองเองที่เป็นคนออกปากไล่ ก่อนที่ตรฤณจะได้ใจไปมากกว่านี้ หลังจากที่เห็นเอาหัวเอนซบคนสวยอยู่ได้นานสองนานทั้งๆที่เมาจริงไม่จริงไม่มีใครรู้

แต่ที่สองรู้ เบียร์หมดไปลังไอ้ตรฤณยังไม่กึ่ม!
แล้วนี่อะไร? สองแก้วทำเป็นเมา..กระแดะจริงนะมึง!


“กูไม่ใช่หมูไอ้นี่~ ” ตรฤณที่โดนว่าเช่นนั้นก็รีบเถียงกลับคอตั้งตรงเป๊ะเหมือนคนที่กินแค่น้ำอัดลมไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สักนิด

“สร่างเมาเชียวนะ!” เสียงของกรทำเอาคนที่เพิ่งสร่างเมาตัวหดเหลือสองนิ้วก่อนจะหันหน้าไปแยกเขี้ยวใส่สองอย่างนึกโกรธ

“เลวจริง” ตรฤณแอบพึมพำด่าสองโดยที่สองเองก็ลอยหน้าลอยตายิ้มเยาะอย่างสะใจ  อย่าให้ถึงคราวกูมั่งแล้วมึงจะหนาว ไอ้สอง!


_____________________________________


“ข้อห้าม เวลาที่จะดื่มกับสอง”

“.......”

“คือการห้าม ท้าดวลแข่งดื่มเหล้ากับมัน...เพราะคนท้าจะแพ้เองเสมอ”

“สองคอแข็งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“โอย อย่าเรียกว่า แข็ง ท่อแป๊บยังเรียกพี่!”

“แล้วเราจะมอมเหล้าสองยังไง?”

“ปัญหานั้นตัดไป เพราะตั้งแต่คบกับมันมายังไม่เคยเห็นมันเมา!”ตรฤณว่าไปตามที่เคยประสบพบเจอมา ถึงสองจะคอแข็งอย่างที่ว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าแข็งถึงขั้นเทพ เพราะเจ้าตัวเป็นพวกกินแล้วรู้ลิมิตของตัวเอง สองจะพอเมื่อเริ่มรู้ว่าตัวเองจะเมา ต่อให้รบเร้าให้มันดิ่มต่อ เกรงว่าจะโดนถีบตกท่อเอาเสียก่อนน่ะสิ

“ขนาดนั้น?...แล้วเราจะทำยังไงดีละ?”

“มีวิธีเดียว คือดักตีหัวแล้วบอกให้ภูเบศธ์ลากมันขึ้นห้อง!”ตรฤณเสนอแต่กรคนสวยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“จะบ้าเหรอ? นายจะทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง?”

“เชื่อด้วยเหรอ?...นายนี่น้า...น่ารักชะมัด><”พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่มๆของอีกฝ่ายโดยไม่ได้กลัวรังสีอำมหิตที่เริ่มแผ่ซ่านของกร

เพี๊ยะ!!!
เสียงมือกรฟาดเข้าให้กับมือของตรฤณ

กูรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเลยครับขอบอก! T^T

“อ่อ ... มีอีกวิธี”เมื่อโดนฟาดเข้าให้ สติสตังก็เริ่มกลับมาทำให้ตรฤณรู้ว่าควรเข้าสู่โหมดจริงจังในการวางแผน
“จับเพื่อนให้เป็นแฟนหลานรหัสของกร”

“อะไรเหรอ?”ดูกรจะตื่นเต้นกับแผนการที่ตรฤณคิดถึงขั้นเอาหน้ายื่นเข้าไปใกล้ของตรฤณ งานนี้ก็กำไรกูสิครับ!

“ยานอนหลับ...รับรองมันดับสนิท!”ตรฤณพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างผู้ชนะ

งานนี้มึงได้เด็กในสังกัดเพิ่งอีกคนแน่ ไอ้สอง!

_____________________________________



“แต่ฉันว่าเป็นเพราะสายกุด รักมันเลยคุดกันทั้งปู่ทั้งหลานฮ่าฮ่า”กรยังคงมีอารมณ์ขันต่อเมื่อเหล้ากระแทกปากเป็นแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้ สองรู้แค่ว่า ไอ้เด็กเวรของสองไม่ได้อยู่ในงานด้วย ทั้งที่เมื่อตอนรวมพลกันอยู่หน้าคณะก็เห็นมันเดินลอยชายอยู่แถวนั้นแต่พอมานั่งดื่มนั่งกินจริง...ภูเบศธ์กลับหายหัวไป
แล้วกูจะไปสนใจมันทำไมวะ?

“หาใครอยู่เหรอ?” ประหนึ่งว่ากรอ่านความคิดของสองออกเลยถามคำถามที่ทิ่มแทงใจสองยิ่งนัก

หน้ากูมันบอกชัดเจนเลยเหรอว่ากำลังมองหาคน?   

“เปล่าหรอก แค่มองอะไรไปเรื่อย”ตอบส่งๆในขณะที่นั่งมองตรฤณยกแก้วขึ้นดื่ม และกรเองก็กำลังจะเอาแก้วของเขาไปรินเหล้าให้เพิ่ม

“งั้นเหรอ..นึกว่ามองหาหลานรหัสฉันซะอีก”เพียงแค่กรเอ่ยออกมาสองก็หันขวับไปมองกรทันที

“เอ่อ..ฉันแค่พูดเล่นน่ะ”
แค่พูดเล่นก็แล้วไป..มึงดูแล(ว่าที่)เมียมึงดีๆนะตรฤณ แล้วจะหาว่ากูไม่เตือน คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี

“งั้นฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”สองว่า ทำเอาตรฤณที่นั่งหัวโงนเงนไปมากลับมาตั้งตรงอีกรอบ เมื่อสองเดินไปจนลับตาตรฤณก็รีบควักสิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้มา แล้วยื่นให้กร

“ใส่เลยกร..รับรองคืนนี้สนุกแน่”ตรฤณแอบกระซิบกับกรเบาๆ ก่อนที่กรจะใส่อะไรบางอย่างลงไป ใบหน้าหวานต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อดูลู่ทางว่าโล่งสนิทด้วย...

ว่าแล้วก็ใส่มันไปจนหมดห่อ~

“เฮ้ยๆๆ ...ใส่หมดเลยเหรอ?”หลังจากที่เคลิ้มไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆใกล้ซอกหูของกรอยู่สักพักพอหันมาอีกที ยาที่อยู่ในซองก็หายไปหมดซอง ตรฤณรีบเอาซองกระดาษนั้นมาเทดูเพื่อความแน่ใจว่าหมดไปแล้วจริงๆ ก่อนจะตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งแปะ!

“มึงนอนข้ามวันข้ามคืนแน่ๆ สอง!”

ยังไม่ทันที่ตรฤณจะได้คร่ำครวญไปมากกว่านี้ ก็มีคนเดินเข้ามา บุคคลสองคนที่แอบทำการลับเลยต้องรีบปรับตัวให้เป็นปกติมือเรียวรีบวางแก้วของสองไว้ที่เดิมพอดิบพอดี ราวกับมาร์คเอาไว้ แต่คนที่เดินเข้ามาใหม่กลับไม่ใช่สอง....กลับเป็นภูเบศธ์ตัวสำคัญของแผนการครั้งนี้เพราะถ้างานนี้ไม่มีภูเบศธ์ แผนของตรฤณและกรก็ไม่สำเร็จ

“ ทำอะไรกันอยู่ลับๆล่อๆ?”

“ปะ..เปล่า...ไม่มีอะไรจริงๆ”กรรีบแก้ตัว พร้อมกับชวนให้หลานรหัสตัวเองนั่งลง ที่จริงภูเบศธ์ก็อยู่ในร้านอาหารนั่นแหล่ะ แต่พอดีเจอเพื่อนต่างคณะเลยหาโอกาสไปนั่งกับเพื่อน ไม่อยากนั่งแถวนี้กลัวเกิดสงครามกลางร้านอาหารพอเห็นว่าสองเดินไปเข้าห้องน้ำ ถึงได้พาตัวเองกลับถิ่น

“แล้วนี่แก้วใคร?”ภูเบศธ์ถามขึ้น พร้อมกับยกมันขึ้นมาดู

“แก้วสอง ทำไมเหรอ?”

“แก้วสอง?...ดีเลย”ยังไม่ทันที่ใครจะได้ร้องห้าม แก้วก็จรดลงกับริมฝีปากหยักของภูเบศธ์เสียแล้ว แถมยังกลืนเอื้อกๆแบบไม่ยั้ง!

“ได้จูบทางอ้อมด้วยแฮะ”พูดด้วยสีหน้าระรื่น แต่อีกสองคนที่นั่งตรงข้ามกลับเหงื่อตกจนซับไม่ทัน

“เอ่อ......”กรถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก..แผนการณ์กำลังจะล้มไม่เป็นท่า เพราะการที่จะให้ภูเบศธ์หลับอยู่ที่นี่ แล้วบอกให้สองหิ้วภูเบศธ์กลับไปด้วย เห็นทีว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้

เพราะฉะนั้น....

ก็ให้ไอ้ภูเบศธ์นี่แหล่ะหลับไปก่อนแล้วเดี๋ยวสองหลับตามไปจะได้ไม่มีปัญหา!


“มีอะไรกันเหรอ?...ทำหน้าทำตาแปลกๆ”ภูเบศธ์ถามกลับโดยยังไม่รู้ถึงภัยที่กำลังคลืบคลานมาใกล้แบบไม่รู้ตัว

“นอนหลับให้สบายนะ...ภูเบศธ์”เพียงแค่เสียงของกรพูดจบ....

สติของภูเบศธ์ก็ดับวูบตามไปแบบกู้คืนไม่ได้





“แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้? สอง อย่าเพิ่งมาเลยน้า~”
กรเริ่มเป็นกังวล ใบหน้าหวานชะเง้อมองดูต้นทางเพราะตรฤณกำลังจัดการเอาตัวเด็กเวรของสองไปยัดไว้ในรถ ยังไม่ทันที่ตรฤณจะกลับเข้ามา..สองก็เดินมาถึงโต๊ะเสียแล้ว

“อ้าว..ไอ้ตรฤณมันไปไหนล่ะ?”สองกลับมาอีกครั้งก็พบว่ากรนั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะเลยถามขึ้น

“อ๋อ ไปเอาของที่รถ นี่สองดื่มก่อนสิ”พอสองนั่งลงปุ๊บ กรก็รีบยื่นแก้วของสองที่พร่องลงไปนิดหน่อยใส่มือสอง

“ว่าแต่มันไปเอาอะไรล่ะ?”

“ไม่รู้สิ บอกแค่ว่าจะไปเอาของน่ะ ”กรยิ้มสู้พร้อมกับลุ้นให้สองดื่มเร็วๆ แต่เพียงแค่สองจะจรดแก้วลงกับปากตัวเอง ก็ต้องมีเรื่องสงสัยให้ถามอีกจนได้

“แล้วไปนานหรือยัง?”กรถอนหายใจเป็นครั้งที่สองเมื่อสองยังไม่ยอมดื่มเหล้าแก้วที่เขาใส่ยาไว้สักที

“ไม่รู้สิ...ช่างตรฤณมันเถอะ นายเองก็รีบๆดื่มรีบๆกินจะได้รีบกลับไปนอน!”กรขึ้นเสียงใส่ทำเอาสองรีบยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

ขอบอกว่ากูกับไอ้ตรฤณกลัวนายทิวากรโหมดนี้สุดๆเลยครับ!


ถึงตรฤณมันจะไม่ได้อยู่ด้วยก็เหอะแต่สองมั่นใจว่าไอ้เพื่อนก็กลัวเหมือนกัน






ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยกินเหล้าแล้วง่วงนอนขนาดนี้เลยให้ตาย!


“ตรฤณมึงอยู่ไหน?มึงมาเอากูกลับไปนอนด่วน!”ไม่ต้องรอให้เสียเวลาเพียงไม่กี่นาทีสองก็คอพับลงไปแหมะกับพื้นโต๊ะทันที
“ได้ตามคำขอเลยครับสองมึงไปนอนกับเด็กเวรของมึงให้สบายใจไปเลยนะ ฮ่าฮ่า ”พูดจบก็อุ้มเพื่อนตัวเล็กอย่างทุลักทุเลไปที่รถ แล้วเอาไปยัดไว้เบาะหลังที่มีภูเบศธ์หลับสบายอยู่ก่อนหน้าแล้วรถ Audi สีน้ำเงินเข้ม มีที่คนขับชื่อตรฤณ ตุ๊กตาหน้ารถชื่อกร และภูเบศธ์ที่มีสองนอนหลับไร้สติอยู่ข้างตัวที่เบาะหลัง...

มุ่งหน้าสู่หอพักของ”ภูเบศธ์”

ส่วนใครจ่ายตังค์ค่าอาหาร

กูไม่รู้ ฮ่าฮ่า

(เลว!)


____
TBC
____



พรุ่งนี้และมะรืนอาจไม่มีเวลามาลงต่ะนะค่ะเลยอัพให้เลย สองตอนรวด อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามกันนะค้าาาา
สวัสดีปีใหม่ค่ะ :กอด1:

ปล.มุกบางมุกมัน...ฮ่าาาา เล่นเองยังขำไม่ค่อยจะออกเลยล่ะค่ะ ถ้าอ่านแล้วไม่ขำ ก็ช่วยขำให้หน่อยนะคะ ก๊ากกกกกกกกกกก :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2011 22:09:31 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อะ จูบทางอ้อม ไปซะแล้วภูของช้านนนน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2012 08:53:41 โดย Alone Alone »

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
หนูสองเอ้ยยย  เข็ดสักทีเถอะ  ยอมเป็นของพระเอกเราซะดีดี  555

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยค้างคาสิแบบนี้อ่ะ

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2971
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด