------------------------------------------
“มึงอ่ะ! พามันหนีไปทำไม กูยังเตะมันไม่สมใจเลยนะ!”
สองโวยวายทันทีที่ตรฤณกลับห้องมาอีกครั้งหลังจากที่รับหน้าที่เป็นผู้คลี่คลายสถานการณ์โดยการรีบพาภูเบศธ์กลับไปก่อนที่จะเจอลูกเตะของสองอีกรอบ แล้วแยกเอาเพื่อนรักไปขังไว้ในห้องจะได้ตามออกมาไม่ได้ พอกลับมาตรฤณก็นั่งทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรงประหนึ่งว่าเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจอันใหญ่หลวงที่ไปรับใช้ประเทศชาติมา
“เตะกูไม่สมใจมากกว่ามั้ง...เตะมาได้ตูดกูช้ำหมดแล้ว!”ตรฤณโวยวายคืนบ้าง ก่อนสายตาจะเหลือบไปเจอหน้าจอมืดสนิทของจอ LCD ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบ
“อ๊ากกกก !ทำไมกูถึงได้โทรมเยี่ยงเน้! ”ตรฤณถึงกับสะดุ้งเหมือนเห็นเงาตัวเองในจอ LCD ก่อนจะรีบกระเด้งตัวขึ้นมาเอาหน้าจ่อกับจอTV พร้อมกับรีบเอามือเสยผมให้กลับเข้าที่เช่นเดิม เมื่อก่อนหน้านี้มันชี้ฟู แถมเสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ดีเท่าไหร่ที่ไม่ขาดวิ่น(เนื่องจากการยื้อไปมาของเพื่อนรัก และ ภูเบศธ์)
“มึงอ่ะ เล่นไรกัน ดูซิกูโทรมหมด ถ้ากรไม่รักกู มึงต้องรับผิดชอบกูเลยนะเว้ย!”ตรฤณยังคงบ่นไม่เลิกส่วนสองก็ได้แต่แอบเหล่เพื่อนรักอย่างหมั่นไส้
“ได้ข่าวว่าเขาไม่เคยสนใจมึงเลยสักนิด”สองพูดตามความจริง
ซึ่งความจริงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากสำหรับกูครับ! สอง ถ้ามึงรักกูกรุณาอย่าพูดความจริง“เออ..ปากดี โดนเด็กเวรขึ้นคร่อมแล้วยังไม่สำนึก”“แรงไปแล้วนะมึง!”สองถึงกับของขึ้นเมื่อเพื่อนรักพูดอย่างนั้น
“แล้วไง ทีมึงยังพูดอะไรไม่เคยนึกถึงจิตใจกู”
ตรฤณโต้กลับคืนบ้าง แต่ดูเหมือนว่า การทะเลาะครั้งนี้จะเป็นอะไรที่จริงจังจนดูน่ากลัวสำหรับเพื่อนรักคู่นี้
“แล้วมึงล่ะ?..คอยประเค็นกูให้ไอ้เด็กบ้านั่นตลอด มึงเคยคิดบ้างมั๊ยว่ากูรู้สึกยังไงที่มึงตลบหลังกูแล้วไปเข้าพวกกับไอ้คู่ปู่หลานรหัสนั่น!”
เฮ้ย?...สอง มึงรู้ด้วยเหรอวะ?
“มึงรู้?”ตรฤณถามด้วยความไม่ค่อยแน่ใจ
“อ่อ ในที่สุดมึงก็ยอมรับแล้วใช่มั๊ยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของพวกมึง”สองถามเพื่อนสนิทอย่างตัดพ้อ ถึงแววตาจะแข็งกร้าวแต่ลึกๆแล้วแววตาคู่นั้นกลับดูหวั่นไหวอย่างน่าประหลาดสองเองเหมือนจะสงสัยอยู่ลึกๆ ในหลายเรื่องที่มันดูบังเอิญเกินไประหว่างเรื่องของตนเองและเด็กเวรภูเบศธ์ แต่ก็ไม่เคยเอามาคิดจริงจังอะไร เพราะรู้ดีว่าสุดท้ายยังไงตรฤณก็คือเพื่อน ที่ทำไปคงเพราะหวังดี...จนกลายเป็นหวังร้ายอะไรก็ตามแต่
แต่พอโดนว่ากลับมาอย่างนี้ สองก็สติหลุดเป็นเหมือนกัน จนเผลอพูดเรื่องที่เก็บเอาไว้ในใจออกมา อย่างว่าระหว่างสอง และตรฤณไม่เคยมีปิดบังกัน คิดอย่างไรก็บอกกันออกมาอย่างนั้น แต่ครั้งนี้มันมากไปแล้วจริงๆ
“สอง....”
ตรฤณเองก็ดูเหมือนอารมณ์เดือดเมื่อสักครู่จะลดลงจนหายไปหมด จะเหลือก็แต่ความรู้สึกผิดที่ทำกับเพื่อนรักคนนี้มาตลอดที่ทำไปก็เพราะความสนุก แต่ก็ไม่เคยนึกถึงจิตใจของสองเลยด้วยซ้ำเพราะคิดว่าสองเป็นคนง่ายๆถึงจะขี้วีนขี้โวยวายไปสักหน่อยแต่ก็เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรแต่ถ้าได้พูดจริงจังอะไรขึ้นมาแสดงว่ามันคงหนักหนาสำหรับสองจริงๆ
“เป็นไงล่ะ! สะใจมึงยังที่กูเป็นของมันแล้วน่ะ!”ดวงตาคู่เล็กแดงก่ำจนคนมองรู้สึกใจหาย ตรฤณอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าสิ่งที่เพื่อนรักรู้มาเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะไม่รู้ว่ายิ่งพูดออกไปจะยิ่งเหมือนเป็นการเปิดเผยความผิดของตัวเอง...จนกลัวว่าเพื่อนรักคนนี้ของเขาจะโกรธจนเกลียด..
“คือสอง...คือกูไม่ได้...”
“ไม่ได้อะไร? กูรู้ว่าที่มึงทำน่ะมันสนุก แต่ถ้ามึงถูกกรปล้ำมึงบ้างแล้วมึงจะเข้าใจกู”สองพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเข้าห้องนอนไปทิ้งให้ตรฤณยืนเอ๋ออยู่ข้างนอกกับความรู้สึกผิดของตัวเอง
กูก็นึกว่ามึงจะรู้หมด...นี่ถามจริงเหอะมึงไม่รู้จริงๆเหรอว่ามึงไม่ได้โดนเด็กกินอย่างที่มึงเข้าใจ
สมองปลาทอง....มีแค่ไหนก็แค่นั้นจริงๆ
กูชักรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆแล้วว่ะสองกูไม่น่าเข้าร่วมแผนหลอกคนโง่ๆอย่างมึงเลย (สาบานได้ว่ารู้สึกผิด!)-----------------------------------
“ไม่ร้องเว้ย..ไม่ร้อง...คนอย่างกมลินทร์ต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ”
พออยู่ในห้องคนเดียว สองก็พยายามเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลไม่ขาดสาย แต่ถึงจะเช็ดอย่างไรน้ำตาก็ไม่ยอมหมดสักที ไม่รู้ไปกักเก็บอยู่ที่ไหนพอแตกมาทีไหลไม่หยุดเลยทีเดียวจนสองนึกรำคาญตัวเอง
“มึ๊งงงง!!! ไอ้ตรฤณ กูเกลียดมึง!”ถึงปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่สองกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดตรฤณอย่างที่ปากว่าเลยสักนิด แค่รู้สึกน้อยอกน้อยใจนิดหน่อยที่เพื่อนตัวดีของเขาหักหลังตัวเอง แล้วเอาเขาใส่พานถวายเด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ เป็นของกำนัลเพียงเพื่อหวังที่จะได้กรมาเชยชม
“ทำไม ไม่มีใครเห็นใจกูเลยสักคน.....ฮึก....”ร่างเล็กนอนคว่ำหน้ากับเตียงอย่างอ่อนล้าก่อนที่จะเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่วางไว้หัวเตียง เป็นรูปของเด็กวัยรุ่นอายุราวๆ สิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆ เด็กผู้ชายสามคนยืนกอดคอกันอย่างสนิทสนม คนทางซ้ายสุดตาตี่หน้าละม้ายคล้ายหมีขาว คนตรงกลางเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก แถมกับดวงตาดวงเล็กที่มีเสน่ห์ ผิดกับคนทางขวาสุดที่ตาโตดูคมเข้มแถมยังสูงโย่งกว่าคนตรงกลางเยอะ มองๆไปแล้วภาพนี้ก็เหมือนตัว M ดีๆนี่แหล่ะ (เตี้ยอยู่ตรงกลาง<<<ใครพูดวะ?! )
“ชวิน...มึงจะอยู่ข้างกูมั๊ย? รู้มั๊ยตอนนี้ไอ้ตรฤณมันเลิกเข้าข้างกูแล้วนะ...เมื่อไหร่มึงจะกลับมาสักที”สองหยิบรูปนั้นขึ้นมามองพร้อมกับระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเรียนมัธยมปลาย
ความจริงแล้ว...นอกจากตรฤณและสอง เพื่อนซี้แน่นปึกอีกคนของสองคนนี้ก็คือ
ชวิน ที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมยันจบมัธยมปลาย แต่พอต้องเข้ามหาวิทยาลัย ชวินที่สมองดีมาแต่กำเนิดเลยได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
จะว่าไป...พวกเราไม่ได้ติดต่อไอ้ดำนั่นนานแค่ไหนแล้วนะ?“ชวิน....มึงรับสายกูทีนะ”ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ต่างประเทศเพื่อจะได้ติดต่อเพื่อนรักอีกคนของเขา
“Hello”สำเนียงภาษาอังกฤษที่ดีเลิศของชวิน ทำเอาสองขมวดคิ้วเพราะฟังไม่ทัน
เมื่อกี้แม่งพูดไรวะ? เฮ้ โล... โมโต๊!“วิน..นี่กูเอง”สองพูดเสียงแผ่วราวกับสัญญาณขาดหาย
“กูไหน?”เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาสองนึกเคือง เพราะรู้ดีว่าไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงใคร แต่กระแดะกวนประสาทชาวบ้านไปงั้นๆ
“สองไง มึงโง่ขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?”สองถามกลับด้วยความไม่พอใจ
นี่กูอุตส่าห์เสียตังค์โทรศัพท์ข้ามประเทศมึงยังมีหน้ากวนประสาทให้กูเปลืองค่าโทรเล่นได้อีกเนอะ!“อ้าว สองเองหรอกเหรอ? กูก็นึกว่า
วัวแก่ที่ไหนโทรมาหากูแต่เช้า”
กูรู้แล้วว่าไอ้เด็กเวรนั่นเหมือนใคร กูก็ว่าคุ้นๆ!“มึงอ่ะ...ที่กูโทรมาน่ะเพราะมีปัญหานะเว้ย ไม่ได้โทรมาให้มึงด่ากู!”
“แล้วไง?...ไอ้ตรฤณมันไปไหนล่ะ?ไม่อยู่เป็นกระโถนท้องพระโรงให้มึงระบายเหรอ? มึงถึงได้โทรข้ามน้ำข้ามทะเลยอมเสียตังค์โทรมาหากู ปกติมึง
งก ไม่ใช่เหรอ?”
นี่ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้กูตัดไอ้ตรฤณออกจากกองมรดกนะ กูไม่โทรมาให้มึงแขวะกูซะเละอย่างนี้หรอก!
จะว่าไปแล้ว....เมื่อไหร่นะที่ไม่ได้เถียงทะเลาะกันพร้อมกันสามคน?
ไม่สิตอนนี้เหลือสองเพราะกูตัดตรฤณออกจากกองมรดกละ! กูลืมได้ไงเนี่ย?
“กูทะเลาะกับไอ้ตรฤณ....”
น้ำเสียงของสองทำเอาอีกคนที่อยู่อีกฟากฝั่งโลกต้องเงียบฟัง
“ทะเลาะเรื่องอะไร..พวกมึงก็ทะเลาะกันบ่อยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”เสียงชวินดูอบอุ่นและน่าพึ่งพาขึ้นมาทันตา ได้ยินอย่างนั้นสองก็แทบจะน้ำตาไหล
“ถ้าให้กูเล่ามันจะยาว...เปลืองค่าโทร..มึงโทรกลับหากูทีสิ”
แล้วมีเหรอ?..ที่ชวินจะไม่ยอมทำตามคำพูดของเพื่อนที่แสนน่ารักของเขาคนนี้ พอชวินโทรกลับสองก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆนานามากมายที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ชวินไม่อยู่ รวมถึงเรื่องที่ทะเลาะกับตรฤณให้ชวินฟัง โดยชวินก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี กัดบ้างอะไรบ้างบางครั้งบางคราวพอให้ไม่รู้สึกเครียด
พูดกันจนไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร....จนกระทั่งสองพูดว่า
“กูคิดถึงมึงว่ะ..วิน...”สองพูดลอยๆแววตาใสดูดีขึ้นจากก่อนหน้านี้เยอะ
“เฮ้ยๆอย่ามาทำซึ้งแถวนี้กูขนลุกว่ะสอง” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่สองกลับรู้ดีว่า ชวินกำลังยิ้ม
“มึงลืมไปแล้วเหรอ...ว่า
มึงเป็นรักแรกของกูนะ”สองพูดโดยที่ไม่ทันคิด ก่อนที่สุดท้าย เสียงของทั้งสองจะเงียบหายไปดื้อๆโดยไม่มีใครคิดจะพูดขึ้นมาอีก
“วิน...”สุดท้ายก็เป็นสองเองที่ทนความอึดอัดไม่ได้
“สองมึงรอกูหน่อย เดือนหน้ากูจะกลับไทยแล้ว...ฝากบอกไอ้ตรฤณมันด้วย”
“อือ..”
“แค่นี้นะ สงสัยกูคงจนแย่เพราะค่าโทรศัพท์นี่แหล่ะ”ชวินว่าอย่างนั้นก่อนจะตัดสายไปสองทำได้แค่ยิ้มบางๆกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว
ทั้งที่เคยตกลงกันไว้แล้ว..ว่าจะรักกันแบบเพื่อน...
ถ้ามึงกลับมากูไม่มั่นใจจริงๆว่ะ ว่าจะรักษาสัญญาได้หรือเปล่า...ชวินTBCขอโทษนะคะที่มาลงช้า หลังจากที่กลับจากท่องเที่ยว ก็มาเจองาน งาน งาน งาน และ งาน
ไม่มีโอกาสมาแตะเรื่องนี้เลยค่ะ...
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ และ ข้อแนะนำต่างๆด้วยค่ะ จะพยายามลองแก้ไขดูค่ะ
ขอบคุณค่ะ เจอกันต่ออีกที ตอนที่ 7 นะคะ
ตลกดี
แต่ว่าถ้าเวลาเปลี่ยนคนเล่าเรื่อง น่าจะเปลี่ยนสีก็คงจะไม่งง
แต่ว่าเรื่องนี้ มีคนเล่าเรื่อง 4 คน ก็คงจะงงกับสี
555555
เอาเป็นว่า เปลี่ยนสลับฉาก ตอนละคนดีกว่า ตอนเดียวมีหลายคนเล่าก็งงนิดหน่อยอยู่เหมือนกันนะ
เจ้สอง
ตอนนี้กำลังหนักใจสุดๆเลยล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า เพราะกลัวคนอ่านไม่เข้าใจจริงๆ แต่พอดีว่าเรื่องนี้เขียนไว้แล้วแล้วมารีไรท์น่ะค่ะ
อืม...จะพยายามไม่ให้งงๆแล้วกันนะคะ โดยส่วนใหญ่ที่เป็นตัวหนา
จะเป็นความคิดของคนที่มีบทสนทนาก่อนหน้านั้นน่ะค่ะ (อืออ...อธิบายเองชักงงเองจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า)