[จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครในเรื่อง "ปีนเกลียว" คุณชอบใครมากที่สุด

ภู ภูเบศธ์ - หญ้าอ่อนแพ้วัวแก่ ที่จีบไม่เก่ง แถมยังปากหมา
สอง กมลินทร์ - วัวแก่แพ้หญ้าอ่อน แล้วดันชอบแต่คนปากหมา
ตรฤณ - วันๆไม่ทำอะไรนอกจากหาทางประเคนวัวแก่ใส่ปากหญ้าอ่อน
กร ทิวากร - แกนนำผู้ก่อการร้ายของสอง แต่เป็นผู้ก่อการรักของตรฤณ
วิน ชวิน - ชอบทำตัวเป็นพ่อหวงลูกชาย แถมฉลาดร้ายยิ่งกว่ากร

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]  (อ่าน 103185 ครั้ง)

ออฟไลน์ ooopimmyooo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ฮากรมาก
บังคับสองกินซะเลย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ร้ายกาจม๊วกกกก>< แล้วแบบนี้จะเกิดอารายขึ้น

รีบๆม่ต่อนะค๊าฟฟ อยากรู้แล้วๆ!!

รอๆน้า

ออฟไลน์ NONSENSE

  • เพ้อฝัน ไปวันวัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 644
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
เป็นจูบทางอ้อมที่คุ้มรึเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ jobi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ว้าว...ติดตามแน่นอนเลยเรื่องนี้
เคยอ่านเวอร์ชั่นยูซูสนุกมากมาย
เป็นกำลังใจให้นะคะ^^

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 5 เมาไม่นับ!


“ลองทายซิ....ว่าใครจะตื่นก่อน?”

_____________________

“ฉันว่าไอ้ภูเบศธ์”

“ไม่น้า~ ฉันคิดว่าน่าจะเป็นไอ้สอง”

“แต่ฉันว่าภูเบศธ์นะ...ตอนนั้นมันกินไปแค่นี้”พูดไปพร้อมกับทำท่าประกอบว่ามันนิดเดียวอย่างที่ว่าไว้จริงๆ

“แต่ฉันว่าไอ้สอง เพราะว่าไอ้ภูมันกินไปเยอะกว่า”คนตัวใหญ่กว่าเริ่มเถียงพร้อมกับนั่งระลึกชาติแล้วภาพในสมองก็ตีความออกมาบอกว่า เด็กหนุ่มที่ชื่อภูเบศธ์กระดกแก้วเหล้าเอื๊อกๆ จนเหลือค่อนแก้ว...เพราะฉะนั้นคุณกมลินทร์ที่กินแก้วนั้นต่อ คงจะได้รับฤทธิ์ยานอนหลับน้อยกว่าอย่างแน่นอน

“นายเมาแล้ว! ฉันน่ะเห็นกับตาเลยนะ ว่ามันกินไปแค่นี้!”กรเริ่มขึ้นเสียงพร้อมกับทำท่าประกอบให้ดูอีกรอบ ตรฤณได้แต่ยิ้มกริ่ม

“ไม่ ไม่ ไม่ กรนั่นแหล่ะเมา...ตอนที่ไอ้ภูมันวางแก้วมันเหลือนิดเดียวเอง~”ตรฤณเถียงกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆไม่ได้อยากเอาชนะอะไร แต่ดูท่าทางว่าทิวากรจะเดือดดาลขึ้นกว่าเดิมเพราะน้ำเสียงของตรฤณ

“ไม่..ไม่ ไอ้ภูเบศธ์มันกินน้อยกว่าแน่นอน เพราะฉะนั้นไอ้ภูเบศธ์ต้องตื่นก่อน!”กรไม่เถียงธรรมดา แต่หันกลับมาทำตาขวางใส่คนตัวใหญ่ที่หาเรื่องเถียง

กล้ามีเรื่องกับทิวากรอย่างนั้นเหรอครับ! คุณตรฤณ

สายตากรมันบ่งบอกอย่างนั้น แค่คราวนี้ตรฤณกลับไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
ที่ไม่กลัวเพราะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะถึงฆาตเมื่อไหร่มากกว่าซะล่ะมั้ง...

“ฉันว่าไอ้สองมันตื่นก่อนเชื่อเหอะ....”

“ไม่ๆๆๆๆ ภูเบศธ์มันต้องตื่นก่อน! ”

“แต่ฉันว่า..” เพียงแค่อ้าปากก็โดนกรสวนกลับ

“ตรฤณ! หยุดรถเดี๋ยวนี้ แล้วมาคุยกันให้รู้เรื่อง!”เสียงหวานตะโกนดังลั่นรถทำเอาตรฤณแทบหักพวงมาลัยตามคำสั่งไม่ทัน

“เสียงดังทำไมเล่า~ เดี๋ยวพวกนั้นมันก็ตื่นหรอก”ถึงตรฤณจะดูหงอลงไปถนัดตาแต่ก็ขอทำเนียนให้คนสวยใจเย็น โดยการเหลือบไปมองสองร่างที่นั่งคอตกสลบเหมือดอยู่เบาะหลัง คล้ายเป็นห่วงว่าสองคนนั้นจะสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังๆของกร

“มันคงตื่นหรอก! โดนยาซะขนาดนั้น  ถามจริงเถอะใครจะตื่นก่อนใครจะมานั่งเถียงกันทำไม? หา!” กรแว๊ดใส่ตรฤณได้แต่ย่นคอประหนึ่งว่าไหล่จะมาช่วยปิดหูได้ ตอนแรกก็กะจะเอามือขึ้นมาปิด แต่เกรงว่าคนสวยจะตบใส่เสียก่อน ข้อหา ไม่ยอมฟังที่คุณทิวากรพูด

 “ก็กรเถียงก่อนฉันแค่แสดงความคิดเห็น”หน้าของตรฤณอาจจะมีระบบพิเศษหรืออย่างไรไม่มีใครทราบ รู้แค่ว่าตอนนี้มันหดเหลือสองนิ้ว ด้วยความ “เกรงใจ”

ย้ำ! ว่ากูแค่“เกรงใจ” ไม่ใช่ว่า กู “กลัว” เมีย!

“ฉันก็แสดงความเห็น ไม่ได้เถียงสักหน่อย!”

“ทำมาเป็นขึ้นเสียง แถวบ้านเขาเรียกว่าไม่ได้เถียงเลยเนอะ!”ตรฤณประชดเสียงงึมงัมลอดไรฟัน แต่สมรรถภาพในการรับรู้เสียงของทิวากรคงดีเกินไปกระมัง เลยทำให้ใบหน้าหวานหันมาทำตาเขียวใส่ตรฤณผู้ไม่เคยรู้ชะตากรรมตัวเอง

จะถูกตบอยู่รอมร่อ ก็ยังทำหน้าระรื่นได้อีกนะ!

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ!”เสียงของของกรทำเอาตรฤณสะดุ้งวาบ ปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน

“เปล่านี่..ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ” ตรฤณรีบแก้ตัวด้วยความบริสุทธิ์ใจ(?) ก่อนจะยิ้มหวานส่งให้กร เผื่อว่าคนสวยจะหลงรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของตรฤณบ้างไม่มากก็น้อยแล้วแต่ศรัทธา

“ยิ้มไร?!”แต่ดูท่าทางคงไม่มีมากและไม่มีน้อยเรียกว่าไม่มีเสียเลยจะดีกว่าเพราะไม่งั้นกรคงไม่ทำหน้าอยากจะกินเลือดกินเนื้อตรฤณซะขนาดนั้น

“เปล๊า.....แค่อยากยิ้ม”ตรฤณรีบหุบยิ้มก่อนตอบ

กูเพิ่งรู้ว่าเวลากรอารณ์ไม่ดี คนหน้าหมีอย่างกูไม่มีสิทธิ์ยิ้ม!

“แล้วไป” กรว่าพร้อมกับเอนตัวพิงเบาะเหมือนเคยหลังจากที่เอี้ยวหัวหันข้างไปทะเลาะ(หรือหาเรื่อง?)กับตรฤณอยู่ได้นานสองนาน

“ว่าแต่...พรุ่งนี้ใครจะตื่นก่อนกันน้า” ริมฝีปากอิ่มสีสดกลับเอ่ยขึ้นมาลอยๆในเรื่องที่เป็นตัวปัญหาสำหรับตรฤณ

เพราะเรื่องนี้เกือบทำกูโดนตบไปเป็นสิบตลบแล้วครับ

“ก็....ไอ้ภู....ล่ะมั้ง..”สุดท้ายตรฤณเลยจำต้องเป็นฝ่ายยอมเสียเองหลังจากที่คาดการสถานการล่วงหน้าจากสายตาของกรที่หันมาเมื่อตรฤณอ้าปากตอบ
เพราะถ้ากูว่าไม่ใช่ “ไอ้ภู”...กูคงโดนงอนอีกแน่นอน!

ในเมื่อสงครามโลกสงบ ผู้ที่มีหน้าที่เป็นคนขับรถก็จำต้องหักพวงมาลัยรถเพื่อเข้าสู่ถนนและขับต่อให้ถึงจุดหมาย ก่อนที่จะตีกันตายก่อนถึงปลายทาง
ตรฤณขับรถไป พลางนึกอะไรไปพลางๆถึงเรื่องที่เขาเถียงกันกับกร ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กที่คอพับไปทางซ้าย และหลานรหัสของกร นั่งคอพับไปทางขวา จนเกือบจะชนกัน ผ่านทางกระจกส่องหลัง
สงสัยไอ้สองไม่อยู่ให้หาเรื่อง  ปากมันว่างแล้วไปหาเรื่องเถียงกับกรแทน

แล้วเป็นไง? แพ้ใสๆ เลยครับงานนี้

ปึก!

เสียงที่ตรฤณคาดว่าน่าจะเป็นหัวของคนสองคน ที่นั่งอยู่เบาะหลังชนกันเอง เพราะตรฤณตั้งใจขับลงหลุม         ให้หนทางเส้นนี้ดูวิบากขึ้นมานิดหน่อยด้วยความหวังดีว่าอยากให้ไอ้สองคนที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ด้านหลังหัวตกลงมาซบกัน เพราะเท่าที่ดูเมื่อกี้เกือบจะชนกันอยู่มะรอมมะร่อแต่ยังไม่ทันที่ตรฤณจะได้ส่องกระจกหลังเพื่อดูผลงาน เสียงโวยวายของกรดันดังลั่นรถอีกรอบ
“ตรฤณ! นายขับรถประสาอะไร? หลุมเขามีไว้หลบไม่ใช่ลง! บ้าเอ้ย หัวฉันเลยชนกับกระจกมันเจ็บนะ”แล้วตรฤณก็รู้ด้วยสัญชาติญาณทันทีว่าเสียงเมื่อกี้คือเสียงของหัวกรที่กระทบกับกระจกรถโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

“ เฮ้ยๆ...ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ”ถึงจะรีบขอโทษขอโพย แต่ก็อดขำกับการลูบหัวป้อยๆของกรไม่ได้ เห็นแล้วมันน่ารักน่าชังจริงๆนะ ปากเล็กสีสดนั้นยื่นออกนิดๆด้วยความเจ็บ คิ้วเรียวผูกกันเป็นปมด้วยความไม่พอใจ แล้วไหนจะสายตาที่จ้องจะกินเลือดกินเนื้อเขาอีก....รวมๆกันแล้วมันน่ารักมากกว่าน่ากลัว(มั้ง!..)

“ขับดีๆแล้วกัน คนจะนอน”นี่คงเป็นเหตุผลที่หัวของกรเลื่อนลงไปกระทบกับกระจกรถได้เป็นอย่างดี ถึงตรฤณไม่ได้ขับรถตกหลุม แต่ก็คาดว่าไม่เกินอีกสองนาที หัวกลมๆก็คงได้ชนกับกระจกเสียเองเนื่องจากนั่งสัปหงก

เมื่อบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มสงบ ก็ได้เวลาที่ตรฤณเช็คผลงานตัวเองผ่านกระจก
   แล้วก็พบว่าหัวกลมทุยของไอ้สองก็ตกลงไปซบกับไหล่ของไอ้ภูเบศธ์พอดีเป๊ะราวกับจัดฉากให้!

“นี่..กร”

“หือ?”

“ถ่ายรูปแบล๊คเมล์พวกนั้นไว้หน่อยดีมะ?”

“ใช่สิ! ได้ๆๆ ”พูดจบก็รีบควักโทรศัพท์ออกจากมือถือด้วยความตื่นเต้น

ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้าง่วงอยู่ พอกูบอกให้แบล๊คเมล์ ล่ะดี๊ด๊าจนแทบจะเต้นบัลเลต์เชียว!
นิ้วเรียวกดชัตเตอร์ของมือถืออยู่หลายครั้ง เพื่อให้ได้รูปที่ถูกใจที่สุดราวกับว่ากำลังเป็นช่างภาพปาปารัชชี่ที่กำลังเก็บเกี่ยวรูปให้ได้มากที่สุดเพื่อเอารูปมาคัดสรร

“งานนี้ เพื่อนนายได้รับหลานรหัสฉันเป็นเด็กในฮาเร็มอีกแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า”พูดจบก็หัวเราะดังลั่นรถด้วยความพึงพอใจ จนตรฤณรู้สึกขนลุกแปลกๆ แต่ก็ยอมหัวเราะตามทั้งที่ไม่ได้นึกขำด้วยเท่าไหร่

__________________________


ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการขับรถกลับมายังหอพักของภูเบศธ์

ตรฤณไม่ใช่คนขับรถช้า แต่ถ้าไม่ได้หยุดรถทะเลาะกันกลางทาง คงมาถึงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คนที่ทำหน้าที่เป็นสารถี ลงจากรถก่อนโดยมีตุ๊กตาหน้ารถจำเป็นลงตามมาอีกที พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถทางที่นั่งด้านหลัง
กรยืนยิ้มอย่างพอใจกับผลงานตัวเอง แต่ตรฤณกลับรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนซี้ตัวเล็กอย่างบอกไม่ถูก

เกิดไอ้สองโดนไอ้เด็กเวรของมันกินมันขึ้นมาจริงๆว่าไงวะ?

ตรฤณได้แต่ครุ่นคิดด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่อยากยกเลิกแผนนี้ซะแล้วเพราะงานนี้ ไอ้สองมีแต่เสียกับเสีย...
เอ๊ะ? หรือว่าเป็นไอ้ภูเบศธ์ที่จะเสียตัวให้ไอ้สองมันแทนโดยไม่ได้ตั้งใจ?

“เหม่ออะไร?...รีบช่วยกันพยุงสองคนนี้เข้าไปข้างในกันเถอะ” เสียงของกรเรียกสติของตรฤณให้กลับมาอีกครั้งก่อนจะทำตามคำสั่งอีกฝ่ายอย่างทุลักทุเล เพราะสองตัวหนัก และภูก็ตัวใหญ่...นี่ไม่คิดจะมีกะจิตกะใจช่วยคนอื่นบ้างเหรอครับคุณทิวากร!
ไหนบอกว่าช่วยกันพยุง...ตอนนี้กูไม่เห็นลุงคนไหนมาช่วยกูสักตัว!

แต่มีเหรอที่ตรฤณจะกล้าเอ่ยปากถาม ว่าแล้วก็พยายามทำให้ถึงที่สุดตามที่สังขารจะเอื้ออำนวย จนถึงห้องของภูเบศธ์โดย สวัสดิภาพนั่นแหล่ะ กรถึงได้รีบมาคว้าตัวสองออกไปจากแขนของตรฤณ
“จะให้นอนท่าไหนดี?  ”
ดูท่าทางงานนี้กรจะสนุกไม่เลิกกับแผนตัวเอง มือเรียวพยายามจัดท่าทางของสองในนอนสบายที่สุดก่อนจะให้ตรฤณวางภูลงบนเตียงของเจ้าตัว
“เตียงไม่เล็กไปเหรอ?” ตรฤณถามพร้อมกับมองภาพผู้ชายสองคนที่นอนเบียดกันอยู่บนเตียง ถึงสองจะตัวเล็กกว่าผู้ชายทั่วไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่เล็กเท่าผู้หญิง...แถมเตียงในห้องนี้ดันเป็นเตียงขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียวเสียด้วย
“เล็กนั่นแหล่ะดี..จะได้อุ่นๆ ”
แววตาของกรดูเจ้าเล่ห์พร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจ ก่อนจะพลิกให้สองหันหน้าเข้าหาภูแล้วก็เอามือของทั้งสองพาดเอวของแต่ละฝ่ายเอาไว้
“นอนให้สบายนะ...ลาก่อน ”กรโบกมือลาคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ก่อนจะลากให้ตรฤณที่ดูพะว้าพะวงออกจากห้องของภูเบศธ์พร้อมกับตัวเอง

สอง..กูลาก่อนนะมึง...ถ้าพรุ่งนี้มึงตื่นก่อนก็ถือว่าโชคดี

แต่ถ้าไอ้เด็กผีนี่ตื่นก่อน...กูก็ขออวยพรให้ไอ้ภูโชคดีอีกเช่นกัน


“เฮ้อ...”ตรฤณถอนหายใจเบาๆหลังจากที่อวยพรให้เพื่อนรัก ทำเอากรต้องหันกลับมามองด้วยความสนใจ
“เป็นอะไรไป...ทำหน้าหงอยเชียว...เป็นห่วงสองเหรอ?”กรถามพร้อมกับตบไหล่ตรฤณตรฤณเบาๆ
“เปล่า..ฉันเป็นห่วงภูเบศธ์มากกว่า”ตรฤณพูดออกมาตามจริง
“หือ?....ห่วงทำไม”
“เพราะถ้าสองมันตื่นมาแล้วเจอเด็กเวรของมันอยู่บนเตียงเดียวกัน...คาดว่าอายุของหลานรหัสนายจะสั้นกว่าที่ควรจะเป็น”ตรฤณพูดอย่างปลงตกก่อนจะเดินนำกรขึ้นรถไปท่ามกลางความสงสัยของกร
ขอให้โชคดีนะ..ภูเบศธ์

__________________________



“อือ....”ร่างสูงงัวเงียเอามือขยี้หูขยี้ตาด้วยความง่วงเมื่อรู้สึกตัว พร้อมด้วยอาการมึนหัวแปลกๆจนทำให้ลุกแทบไม่ขึ้น ถึงเมื่อคืนภูเบศธ์จะดื่มไปเยอะ แต่ก็ไม่น่าจะถึงทำให้ถึงขั้นเมาค้างได้....ถ้าไม่ได้นับฤทธิ์ยานอนหลับที่เจ้าตัวหลงกินเข้าไปแบบไม่รู้ตัวน่ะนะ

“หือ?”

แต่พอรู้สึกตัวว่าตื่นเต็มตาภูเบศธ์กลับรู้สึกว่าตัวเองมีสามแขน!

“ตายห่า..กูหลับจนแขนงอกเลยเหรอวะ?” เป็นคำถามที่ไม่ค่อยสมควรจะถามกับตัวเองเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็จับแขนที่สามของตัวเองที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มก่อนจะยกมันสูงขึ้นเรื่อยๆ จนผ้าห่มมันล่นลงไปจนเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนของใครบางคน
แล้วนี่มันใครวะ ?

นึกได้อย่างนั้นก็รีบเลิกผ้าห่มออกจากตัวแล้วก็พบกับรุ่นพี่ที่ตัวเองแอบชอบมานานนอนกอดเขาอยู่ใต้ผ้าห่ม คราวนี้แหล่ะภูเบศธ์ถึงกับตื่นเต็มตาโดยไม่ต้องล้างหน้าให้เสียเวลาหรือเปลืองค่าน้ำ

“สอง!?”
โครม!!!

ทั้งสงสัยระคนตกใจจนกลิ้งตกเตียงไปอีกฝั่ง ถึงกระนั้นก็ยังพยายามชะเง้อคอขึ้นมามองบนเตียงอีกรอบเพื่อดูให้เต็มว่าคนที่นอนร่วมเตียงกับเขาทั้งคืนคือสอง กมลินทร์ มือแกร่งถูกยกขึ้นมาขยี้ตาอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตาไม่ได้ฝ้าไม่ได้ฟาง ถึงขนาดเห็นหมอนข้างเป็นคนที่แอบชอบ....แต่ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใด ภาพที่มองเห็นก็ยังคงเป็นสองที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ราวกับว่าเป็นเตียงของตัวเอง
ภูเบศธ์หันรีหันขวางอยู่หลายครั้ง เพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อไป..จะถามว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่ ก็เห็นทีว่าคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อร่างเล็กยังคงหลับอุตุอยู่ ก่อนจะลองหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และมีเหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้เขากับร่างเล็กตรงหน้าต้องมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันเช่นนี้

“เมื่อคืนจำได้ว่า....กินเหล้าแก้วของสอง...แล้วก็ง่วง..” ร่างสูงลองพยายามทบทวนความคิดแล้วเหมือนหน้าของใครบางคนก็ลอยขึ้นมาเพื่อเป็นคำตอบ

“กร!” เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบวิ่งไปหาโทรศัพท์พร้อมกับกดโทรออกในเลขหมายทีตัวเองจำได้ขึ้นใจ

“กร!!!!!”

“โทรมาอะไรแต่เช้า..เป็นไงหลับสบายดีไหม?”เสียงของกรที่ดูเหมือนจะกลั้นหัวเราะนิดๆทำเอาภูเบศธ์กัดปากตัวเองแน่นและรู้ทันทีว่าสองมาอยู่บนเตียงของตนเองได้อย่างไร

“นายทำอะไรของนาย..กร!”ภูเบศธ์รีบถามกลับแต่ก็รีบเอามือปิดปากเมื่อกลัวว่าตัวเองจะทำเสียงดังจนไปรบกวนร่างเล็กที่กำลังหลับอยู่

“ก็ช่วยให้สองเป็นแฟน..อ๊ะ ไม่สิ...เมียแกไง ฮ่าฮ่า”

“โดยการวางยาทั้งฉันทั้งสองเนี่ยนะ..โทษทีเหอะถ้าทำงี้ ชาติหน้าฉันก็ทำให้สองเป็นเมียฉันไม่ได้”ภูเบศธ์ว่ากลับก่อนจะแอบเหลือบมองสองเป็นระยะ

ก็เล่นวางยานอนหลับคู่ ถามจริงเหอะ จะให้ตกเป็นผัวเมียกันในฝันเหรอ?

“อ๊ะๆ...แกนั่นแหล่ะโง่ เสือกไปแดกเหล้าใส่ยาเอาไว้เอง”เมื่อกรพูดออกมาเช่นนั้น ภูเบศธ์เองก็พอจะเข้าใจทันทีว่าที่เค้าหลับเป็นตายเพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่หยิบแก้วสองมาดื่มสินะ

“แล้วทำไมไม่บอกเล่า!”

“โทษทีเหอะแกก็มีแต่อยากจะจูบทางอ้อมบ้าบออะไรของแกแล้วไง สมน้ำหน้าจับเขาทำเมียไม่ได้ เพราะหลับเป็นตายทั้งคู่”

“เออโทษทีที่โง่...แล้วจะให้ฉันทำไงอ่ะ?”พอรู้ถึงที่มาที่ไปจนทะลุปรุโปร่งจนสมแก่ใจ..แต่ภูเบศธ์กลับไม่รู้หนทางข้างหน้าว่าจัดการกับสองอย่างไรต่อไปดี

ปล่อยให้นอนหลับอย่างนั้น....หรือว่า....

“ก็ลักหลับเลยดิ สองจะได้ไม่กล้าไปมีเด็กทางไหนอีก ”

แหม่....ช่างรู้ใจกันจริงๆนะ ทิวากร! 

______________________


หลังจากวางสายจากปู่รหัส ภูเบศธ์ก็เดินวนไปวนมารอบเตียงก่อนจะนึกรำคาญตัวเองเลยต้องทิ้งตัวเองให้นั่งลงบนเตียงข้างๆคนนอนหลับแทน ดวงตาคมไล่สายตาไปตามใบหน้าของสองช้าๆราวกับพินิจพิจารณา ใบหน้าหวานของรุ่นพี่ที่ตนเองแอบชอบนั้น ผิวที่ขาวราวกับน้ำนม พร้อมเนียนละเอียดเหมือนผิวเด็ก...เห็นแล้วมันน่าหลงใหลจนห้ามใจที่จะก้มต่ำเพื่อไปมองใกล้ๆไม่ได้
ตอนนี้ข้างขวาของเขามีเทวดาตัวน้อยๆอยู่พร้อมกับกับบอกเขาว่า

“ปล่อยให้คนรักของนายนอนหลับเถอะ อย่าไปขัดเวลาพักผ่อนเขาเลย ”

แต่พอเสียงนี้จบลง กลับมีเดวิลโผล่ขึ้นมาทางซ้ายแทน

“ได้ไงเล่า! โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆแล้วนะ..เอาเลยสิ ริมฝีปากนั้นจะนิ่มจะหวานแค่ไหนกันนะ? ”

ภูเบศธ์ทำได้แค่เพียงมองเทวดาตัวน้อยและเดวิลน้อยสลับไปมาอย่างสับสน

นั่นสิ..เขาควรจะเลือกฝ่ายไหนดี ในขณะที่ใบหน้าตัวเองอยู่ใกล้ชิดเกือบติดกับใบหน้าของสองเพียงแค่ทางมดเดินผ่าน

“?!”

ยังไม่ทันได้เลือก ตาคมดันสบกันกับดวงตาเล็กที่ลืมขึ้นมาแบบไม่บอกกล่าว

“อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

โครม!!!


ขอบอกว่ากูตกเตียงเป็นรอบที่สองของวันแล้วนะเว้ย!!!! 

“ไอ้ภู! แกมาทำอะไรที่ห้องของฉัน?!”
เมื่อได้สติร่างเล็กก็รีบลุกพรวดขึ้นมาตั้งการ์ดอยู่บนเตียง  หลังจากที่เมื่อกี้ฟรีคลิ๊กเข้ากลางหลังของผู้บุกรุกไปจนมันตกเตียงไปเป็นที่เรียบร้อย

แต่โทษทีเหอะ ได้ข่าวว่านี่ห้องกู-“-
ภูเบศธ์ค่อยพยุงตัวให้ลุกขึ้นก่อนจะใช้แขนเท้าไปยันหลังเอาไว้กันยึด ก่อนจะถอนหายใจพร่ำเพื่อ

“มองดูดีๆก่อนแล้วค่อยพูดว่านี่ห้องใคร”
พอพูดจบร่างเล็กก็รีบกวาดสายตาไปทั่วห้อง...ที่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง

“แล้วนี่มันห้องใครวะ?”สองถามอย่างสงสัยในขณะที่ยังคงมองไปรอบๆห้อง

ก็มีกันอยู่สองคน..ถ้าไม่ใช่ห้องคุณกมลินทร์..ก็คงจะตัดสินว่าเป็นห้องกูซะล่ะมั้ง!
ภูเบศธ์ได้แต่ประชดในใจ

“ถามมาได้ ก็มีกันอยู่สองคน..ถ้าไม่ใช่ห้องรุ่นพี่มันจะเป็นห้องใครได้?”

“ห้องนาย?”สองถามกลับโดยที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก

“ถูกเผง! สงสัยช่วงนี้ไม่ค่อยมีหญ้าให้กินสมองเลยพัฒนาขึ้นเยอะ”ภูเบศธ์ยังคงยียวนกวนประสาทกลับใส่สองตั้งแต่เช้า

“ไอ้ภู!...มากไปแล้วนะ”พูดจบก็กระโดดลงจากเตียงแล้วคว้าคอเสื้อภูเบศธ์เข้ามาหาเรื่อง

มาชมกูเป็นควายแต่เช้า เดี๋ยวแม่งตั๊นหน้าเข้าให้! 

“อยากโดนต่อยปากมากนักหรือไง?!”

เสียงหวานขึ้นคำขู่ แต่ดูว่าภูเบศธ์จะไม่ใส่ใจแถมยังค่อยๆแกะมือเล็กๆนั้นออกจากคอเสื้อตัวเองแล้วจับเอาไว้แน่นโดยที่ร่างเล็กขัดขืนไม่ได้

“แต่ผมว่าผมอยากให้รุ่นพี่จำเรื่องของเราได้มากกว่านะ ” สายตาคมเริ่มกรุ้มกริ่มจนสองที่เหมือนจะเป็นรองชักจะกังวลขึ้นมานิดๆ

“เรื่องของเรา?...”
อารมณ์โมโหเมื่อสักครู่หายไป...แทนที่ด้วยความสงสัยแทน

กูกับมึง เคยไปลึกซึ้งกันตอนไหน? มันถึงได้มีเรื่องของ “เรา” มาพูด!

“อ้าว จำไม่ได้เหรอ? เมื่อคืน....”  ภูเบศธ์เหมือนจะรู้ว่าล่อลวงให้สองเดินตามเกมส์ของตัวเองได้อย่างไม่ยากริมฝีปากหยักยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์แต่ถึงอย่างนั้นสองกลับยังคงทำสีหน้าเหมือนกับนึกไม่ออกอยู่ดี

ถ้านึกออกได้ก็แปลก! หรือว่าไม่จริง?

“เมื่อคืนอะไร!พูดมาดีๆนะ”ในเมื่ออีกฝ่ายเว้นระยะเอาไว้ไม่ยอมเล่าต่อถึงคราวที่สองต้องเค้นคำตอบเอาความจริงในเมื่อไอ้คนเล่ามันไม่ยอมพูดต่อ

“ก็เมื่อคืน.....”

“เมื่อคืน!”

รีบตอบมาสิวะ!  กูจะได้รู้ว่ามึงกะกูไปมีเรื่องของเรา เอาตอนไหน!

“รุ่นพี่เมาแล้วชวนผมขึ้นห้อง....จำไม่ได้จริงๆเหรอรุ่นพี่กมลินทร์”
ภูเบศธ์ก้มลงกระซิบเบาๆกับใบหูเล็กให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะละออกมาเพื่อดูใบหน้าแดงๆของอีกฝ่าย ที่คนกระซิบเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันแดงเพราะว่า   เขินหรือโมโห?

“จะบ้าเหรอ!นายโกหกแล้ว...ฉัน...ฉันจะไปชวนคนอย่างนายขึ้นห้องเนี่ยนะ? มะ..ไม่มีทาง”ถึงจะประกาศเสียงแข็งแต่แววตากับดูล่อกแล่กพิกลราวกับคนพยายามคิดหาคำตอบให้ตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นผมกับ พี่สอง จะมาอยู่ด้วยกันในห้องนี้ได้ยังไง?”
มึงคงลากกูมามั้ง?...กูสาบานได้ว่าไม่ได้ยอมมากับมึงแน่นอน!

“แล้วไง?...เมื่อคืนฉันเมา..ฉันจำอะไรไม่ได้!”สองแก้ตัวน้ำขุ่นๆทั้งที่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเมาจริงหรือเมาดิบ แต่ขอแถไปก่อน เมื่อเหมือนจะรู้ตัวภูเบศธ์คงจะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ไม่งั้นไม่มารื้อฟื้นความหลังกับเขาหรอก

“เล่นง่ายอย่างนี้เลยเหรอ?....ทำอะไรลงไปไม่คิดจะรับผิดชอบกันเลยหรือไง?”ภูเบศธ์พูดพร้อมกับเข้าประชิดร่างเล็กที่ดูเหมือนจะถอยหลังไปเรื่อยๆจนชนขอบเตียง

“สงสัยคงต้องให้เตือนความจำกันหน่อยล่ะมั้ง”พูดจบมือแกร่งก็ผลักไหล่เล็กจนสองเสียหลักหงายลงกับเตียง พร้อมกับร่างสูงรีบคร่อมตาม

“คะ...ความจำอะไร...นี่..ไอ้ภู...อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!”สภาพสองตอนนี้คงเปรียบได้กับลูกกวางที่โดนสิงโตไล่ต้อนจนมุม หาทางรอดไม่ได้

“นี่...ไอ้ภู!!! บอกว่าอย่าเข้ามา!!”
ถึงปากจะร้องโวยวายแต่ดวงตาเรียวเล็กกับหลับตาปี๋ราวกับว่าภูเบศธ์เป็นผี ทำเอาใบหน้าคมที่ค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้หยุดนิดนึงเพื่อกลั้นยิ้มกับความน่ารักของร่างเล็กใต้ร่าง....

“ถ้าจำไม่ได้ ก็ต้องรื้อฟื้นความจำน่ะสิ”สองรู้สึกได้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่ใกล้มากๆถึงจะไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูก็เถอะ เพราะลมหายใจอุ่นๆที่รินรดอยู่กับแก้มใสของตัวเอง บอกได้เป็นอย่างดีว่าภูเบศธ์..กำลังจะ....

“อย่านะ!!!!!!!~” สองตะโกนลั่นด้วยแรงฮึดสุดท้ายก่อนจะโดนไอ้เด็กบ้านี่ล่วงเกินทำให้ขาเล็กยกขึ้นมากระแทกเข้ากลางหว่างขาของภูเบศธ์พอดีเป๊ะ  ราวกับเล็งเอาไว้ตั้งแต่ต้น!

โครม

“โอ๊ย!!” ภูเบศธ์ถึงกับกลิ้งตัวลงกับพื้นอย่างทรมาน ใช้มือกุมลูกรักเอาไว้อย่างน่าสงสาร แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ไม่มีอารมณ์มานั่งนึกเวทนาไอ้เด็กเวรปากหมาที่กำลังจะปล้ำเขา!

ถึงเมื่อคืนจะปล้ำกันจริงๆ...แต่กูถือว่ากูเมา....เมาไม่นับเว้ย!

“ไปตายซะ ไอ้ภู!”สองด่าทิ้งท้ายก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องทันที ปล่อยให้ภูเบศธ์ร้องโอดครวญอยู่คนเดียวในห้อง

เป็นหมันซะได้ยิ่งดี จะได้ไม่มีทายาทไว้สืบสกุล!
พันธ์อย่างภูเบศธ์ จงสูญพันธุ์ไปซะ!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2012 19:38:59 โดย ryoko_chan »

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
__________________


“มึง....ฮือ....มึ๊ง!!!!! มันปล้ำกูแล้ว!! ”
“เออใจเย็นเว้ย...”ตรฤณลูบคอยลูบหลังร่างเล็กอย่างเห็นใจ พร้อมกับมือใหญ่ที่คอยส่งกระดาษทิชชู่ให้เพื่อนเช็ดน้ำตา
“ฟืด...............ดดดด  มึงจะให้กูใจเย็นยังไง?..มันพรากความบริสุทธิ์ของกูไปแล้ว..โถ่..เวอร์จิ้นที่กูอุตส่าห์รักษาเอาไว้มานมนาน ”
สองสั่งน้ำมูกน้ำลายพร้อมกับรำพึงรำพันจนน่าสงสารตรฤณก็ได้แต่ถอนหายใจ ทั้งที่อยากจะบอกใจแทบขาดว่า
...เมื่อคืนมึงกับไอ้เด็กเวรหลับสนิทกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนั่นไปตู่เอาตอนไหนว่าได้มึงเป็นเมีย..

และถ้ากรไม่รีบโทรมารายงานสถานการณ์ว่าเมื่อเช้า “ภูเบศธ์ตื่นก่อน” ซึ่งเป็นคำที่ย้ำนักน้ำหนา (เออกูรู้ว่ากูผิด!) แล้วก็เล่าว่าภูเบศธ์เกือบสูญพันธุ์ด้วยน้ำมือของสอง ตรฤณก็คงมีท่าทีสบายๆเช่นนี้...จะว่าไปเมื่อเช้าเขาฟังกรพูดด้วยรอยยิ้มแบบไหนกันนะ?

ทั้งโล่งใจ....ทั้งตลกแบบบอกไม่ถูก...
บอกแล้ว...ว่าคนที่น่าเป็นห่วงคือภูเบศธ์..

ฤทธิ์ของไอ้กมลินทร์ ถ้าไม่ใช่ตรฤณ ไม่มีใครรู้ร๊อก!

“มึง...ก็คิดซะว่า ได้เด็กตัวจริงซะทีไง..ก็เห็นมีไปเรื่อยไม่หยุดที่ใคร..เห็นทีงานนี้มึงควรจะปิดฮาเร็มมึงได้ละ!”นี่คงเป็นสาเหตุที่ตรฤณไม่ยอมบอกความจริงสองซะล่ะมั้ง
   กูบอกตามตรงว่าอยากให้มึงเป็นฝั่งเป็นฝา ใช่ว่ากูอยากโกหกมึงหรอกนะสอง..

“มึงอ่ะ!มันไม่ใช่เด็กตัวจริงแล้วมึงอย่ามาพูดอย่างนี้เดี๋ยวเด็กๆกูใจสลายแย่เลย”

 แล้วที่รถไฟมันชนกันแล้วมึงเขี่ยพวกมันทิ้งเป็นว่าเล่น เด็กมึงไม่ Pain เลยเนอะ!

“พูดจริงๆนะเว้ย..มึงน่ะปิดฮาเร็ม แล้วมาเริ่มต้นกับไอ้เด็กนั่นเหอะ”ตรฤณลองแนะนำแต่สองกลับส่ายหน้าจนหัวจะหลุดออกจากคอ

“โน๊ววววววว! กูไม่มีทางร่วมหอลงโลงกันมั๊น!”

“ทั้งที่มึงเป็นของมันแล้วนี่นะ?”
ตรฤณลองย้ำอีกสักครั้งเผื่อเพื่อนรักจะยอมๆบ้าง

“ไม่ เมื่อคืนกูเมา เมาไม่นับ!”สองเองก็ยังคงยืนยันเสียงแข็งเช่นเดิมเหมือนกัน ตรฤณเองก็คิดหาคำพูดเพื่อมาหว่านล้อมสองไม่ได้สักที สงสัยงานนี้ต้องมีตัวช่วย

คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ครับ!

เพราะสียงโทรศัพท์ของตรฤณดังขึ้นราวกับเป็นตัวช่วย แถมชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอก็เป็นชื่อของเจ้าของแผนเสียด้วยสิ

“ฮัลโหล...กร...นายรู้มั๊ยว่าหลานรหัสนายทำอะไรไว้กับเพื่อนฉัน!”
เสียงตรฤณดูเข้มขึ้นจนสองต้องรีบหันไปมองด้วยความสงสัยแต่คนที่สงสัยที่สุดเห็นทีว่าจะเป็นคนที่โทรมา

“นายเป็นบ้าอะไรของนาย ตรฤณ!” ถึงเสียงหวานจะติดไม่พอใจ ทำให้ตรฤณรู้ว่ากรไม่ทันแผนของเขา ตรฤณเลยทำหน้าเข้มก่อนจะพูดว่า

“นายก็ลองกลับไปถามภูเบศธ์ดูสิ ว่ามันทำอะไรไว้กับเพื่อนของฉัน!”น้ำเสียงของตรฤณดูมีอำนาจอย่างที่สองเองก็นึกชื่นชม อย่างน้อยงานนี้ก็มีเพื่อนตรฤณอยู่เคียงข้าง นี่ถึงขนาดกล้าขึ้นเสียงใส่กรคิดดู!

สงสัยกูคงไม่ต้องลงมือฆ่าหั่นศพภูเบศธ์คนเดียวซะล่ะมั้ง ฮ่าฮ่า!

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ยินตรฤณหาเรื่องกรอีก ตรฤณก็ลุกเดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ราวกับว่าไม่อยากให้สองได้ยินเรื่องร้ายๆที่สองเพิ่งประสบพบเจอมาอีกครั้ง
กูซึ้งจริงๆครับ เพื่อนตรฤณ!

“ฉันถามว่าเป็นบ้าอะไร มาทำเสียงดุฉัน หา!” เมื่อตรฤณไม่ยอมพูด กรก็รีบถามขึ้นอีกครั้ง แล้วพอก้าวเท้าพ้นจากธรณีประตูห้อง ตรฤณก็รีบพูดจาไพเราะเพราะพริ้งทันที

“เปล่าค๊าบ...เมื่อกี้อยู่กับไอ้สองมัน เลยพูดไม่ได้”

“อ่อ งั้นแล้วไป!”พอได้ยินอย่างนั้นตรฤณก็รีบปาดเหงื่อด้วยความโล่งอก

“เป็นยังไงบ้าง..สองเป็นยังไง..ยอมคบกับไอ้ภูเบศธ์มะ?”

“ไม่เลย.....พูดยังไงมันก็ไม่ยอมท่าเดียว แถมยังร้องไห้เป็นเต่าเผา โวยวายว่าเสียเวอร์จิ้นให้ไอ้เด็กปากหมา” ตรฤณพูดขำๆกับอาการของเพื่อนรักที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อสักครู่

“เอาล่ะ...ในเมื่อไม่ยอม...ก็คงให้เจ้าของเรื่องมาจัดการเอง”กรพูดยิ้มๆ

“หมายถึง?”

“เดี๋ยวฉันจะส่งไอ้ภูเบศธ์ไปถึงห้องเลยคอยดู~”


พูดจบก็ตัดสาย

มึงเตรียมรับศึกหนักอีกครั้งได้เลยว่ะ ไอ้สอง

___________________

“มึง~ เมื่อกี้น้องบอลโทรมาหาอ่ะ บอกว่าอยากขอคืนดี..แล้วก็จะไม่ทำตัวไร้สาระอีกแล้วอ่ะ..มึงว่าไง” พอตรฤณเดินกลับเข้ามาในห้องก็เห็นเพื่อนรักตัวเองนั่งกุมโทรศัพท์เอาไว้พร้อมกับแววตาน่าสงสารดูท่าทางจะอาลัยอาวรณ์เด็กๆในฮาเร็มไม่เลิกรา

“แล้วไอ้ภูเบศธ์ล่ะ? เด็กใหม่ที่เพิ่งได้มึงไปอ่ะ...มึงลืมแล้วเหรอ?”ตรฤณกลับมานั่งลงข้างๆกับสองเช่นเดิม ก่อนจะพูดขึ้นทำเอาสองมองตรฤณด้วยความไม่พอใจ

“กูบอกแล้วไง ว่ากูไม่นับมันเป็นเด็กในฮาเร็มกู!”พูดไปพูดมาสองชักจะโกรธตรฤณขึ้นมาแทน...
ทีเมื่อกี้ยังหาเรื่องมันให้กูอยู่ จู่ๆก็กลับมาหาเรื่องให้มันเป็นเด็กกูอีกละ?

“เออๆ..งั้นก็ตามใจมึงแล้วกัน...เด็กของมึงนี่มึงจัดการเองได้” ตรฤณเริ่มขี้เกียจจะสนใจเพราะเหมือนตอนนี้ปัญหาที่เขาคิดว่ามันคาราคาซังอยู่มันค่อยๆคลี่คลาย ตั้งแต่ที่กรโทรมาแล้ว

เพราะถ้าห้ามเจ้าตัวไม่ให้มีเด็กใหม่อีกไม่ได้... ก็คงต้องเป็นการห้ามไม่ให้มีเด็กคนไหนเข้ามายุ่งกับไอ้สองซะล่ะมั้ง!
งานนี้ ไอ้ภูเบศธ์เตรียมประกาศความเป็นเจ้าของได้เลย!



TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2012 10:48:21 โดย ryoko_chan »

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
5555555555 ตายๆได้สามีแบบตู่ๆเสียแล้ว จงยอมรับมันเสียเถอะ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ร้ายกาจมากกกก อิอิ

อย่าลืมมาต่ออีกน้อออ รอๆค๊าฟฟ

ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
สองรับๆไปเหอะนะ วะฮ่าๆๆๆ

Huasia

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ตลกดี

แต่ว่าถ้าเวลาเปลี่ยนคนเล่าเรื่อง  น่าจะเปลี่ยนสีก็คงจะไม่งง

แต่ว่าเรื่องนี้  มีคนเล่าเรื่อง 4 คน  ก็คงจะงงกับสี

555555

เอาเป็นว่า  เปลี่ยนสลับฉาก ตอนละคนดีกว่า  ตอนเดียวมีหลายคนเล่าก็งงนิดหน่อยอยู่เหมือนกันนะ

เจ้สอง

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จะหนีน้องภูไปได้สักกี่น้ำเชียวสอง?

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งเข้ามาอ่านก็ติดเลยอ่า พี่ภูเยี่ยมมาก o13

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อั้ยยะ ยอมๆ ไปเต๊อะ จิได้เสียตัว เอ้ย มีตัวจริงสักที

 :z1: :z1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
ทำไงล่ะทีนี้เดินหน้าลุยเต็มตัวดีมั้ยภูปากเสียไว้เยอะท่าจะยากนะ

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
5555555 ชอบเรื่องนี้อ่ะ สองเอ๊ยยยยยย เสร็งน้องภูแน่ๆ!!!! ฮ่าาาาาาาา

ออฟไลน์ kuichai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่รอด น้องภูแน่ พี่สอง

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
เออ
พี่สองของน้องภูนี่ออกจะซื่อ(บื้อ)เหมือนกันนะเนี่ย
เชื่อด้วยว่าตัวเองโดนตีประตูเมืองแล้ว
 :oo1:
แต่แบบนี้ก็ดีและ
น้องภูจะได้รุกสนุกๆหน่อย
ชอบน้องภู หัวเถิกเหมือนคนอ่าน
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
 :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
อย่างนี้แสดงว่า สองยังแบคเวอร์จิ้นอยู่อ่ะสิ เพราะยังไม่รู้เลยว่า ตัวเองโดนภูทำอะไรรึเปล่า 55555+ เด็กๆในฮาเร็มเยอะซะขนาดนั้น แต่ยังไม่มีใครได้แอ้มสองอีกเหรอเนี่ยยยยยยยยย ฮี่ๆๆๆๆ เสร็จภูล่ะ!!!!  :oo1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เสียเวอร์จิ้น แบบไม่เจ็บ..

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
เสียเวอร์จิ้น แบบไม่เจ็บ..

ห๋าาาาาาาาา!!! มันทำได้ด้วยหรือ เอ....หรือของภูเล็ก ก๊ากกกกกกกกกกกกกก !!   :laugh:  :laugh:

ออฟไลน์ mild09

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังรออยู่นะค้าาาาาาาาาา

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 6 เด็กปากหมา VS เด็กในฮาเร็ม


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พูดยังไม่ทันขาดคำ..มาซะแล้ว”

 

แล้วใครล่ะที่มา?   

เพียงแค่เสียงเคาะประตูดังขึ้นบุคคลที่เป็นเจ้าของห้องก็รีบลุกขึ้นไปทางประตู หลังจากนั่งเถียงอะไรไร้สาระอยู่กับเพื่อนตรฤณได้อยู่ครู่ใหญ่แล้วก็โดนเอาตรฤณประชดอยู่หลายยก ที่สองรีบร้อนขนาดนั้นเพียงแค่รู้ว่าเด็กมาหา

“ฮ่าฮ่า  สงสัยเด็กกูมา”สองพูดอย่างภูมิใจพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้างๆ เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงเด็กในฮาเร็มโทรมาขอคืนดี มือเล็กเอื้อมมือไปบิดลูกบิดออกโดยไม่จำเป็นต้องส่องตาแมวให้เสียเวลา

“ไม่ส่องดูก่อนเหรอ...ว่าใคร?”
กูเตือนด้วยความหวังดี เพราะบางทีมึงอาจจะช็อคเมื่อเห็นหน้าเด็กมึง

“ไม่จำเป็น...”สองพูดไปอย่างนั้นแต่กลับส่องตาแมวตามอย่างที่ตรฤณว่าทั้งที่ปลดล็อคออกแล้วแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตู เมื่อภาพที่เห็นผ่านตาแมวนั่น คือหน้าตาของเด็กเวรที่สองไม่อยากเจอหน้าที่สุดในตอนนี้

ตายห่าแล้วไง.. 

ใบหน้าหวานซีดลงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะรีบสะบัดหัวแรงๆ และพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าภาพที่เห็นเมื่อสักครู่เป็นแค่เพียงอาการตาฝาดเนื่องจากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ตรฤณเองก็ได้แต่มองหน้าเพื่อนตัวเองด้วยอาการที่เรียกว่า ‘กลั้นหัวเราะ’อยู่บนโซฟาตัวเดิม

ทำไมกูจะไม่รู้ ว่าไอ้สองเจอตัวอะไร
เพราะหน้างี้ถอดสี บอกได้เป็นอย่างดีว่าเจอแจ๊คพ็อต!


ว่าแล้วก็นั่งมองสองที่ลองส่องตาแมวอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจ

“อ๊ะ! น้องบอล”

สงสัยโดนตามหลอกตามหลอนจนตาฝ้าฟาง!

ว่าแล้วมือเล็กก็รีบดึงประตูให้เปิดออกทันทีเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าห้องอยู่นานสองนาน ถึงแม้ตอนแรกจะเห็นว่าเป็น ผีสางนางไม้(?) ก็ตามที แต่เมื่อลองส่องอีกที เห็นเป็นหน้าเข้มๆของน้องน้องบอลลอยเด่นอยู่ในเลนส์ตาแมว สองก็รีบเปิดแบบไม่ต้องคิด

“ว๊ากกกกกกกกกกกก”

ปัง!
เพียงแค่ประตูเปิดออก ดวงตาเรียวเลิกก็เบิกโพลงอย่างตกใจพร้อมกับอาการที่เรียกว่าแหกปากร้องดังลั่นเมื่อเจอคนที่อยู่อีกฝากฝั่งของประตู    พร้อมกับที่มือเล็กรีบดันประตูให้กลับไปปิดดังเดิมแถมปิดท้ายด้วยการล็อคห้องอย่างแน่นหนา
ร่างเล็กหันกลับไปมองเพื่อนรักด้วยการพิงประตูอย่างลนลาน แต่ตรฤณกลับหัวเราะจนเกือบกลิ้งตกโซฟา

“มึง..ภูเบศธ์ว่ะ”ละล่ำละลักบอกเพื่อนซี้ที่กำลังขำแตกอย่างไม่เกรงใจชาวบ้าน

“อ้าว ก็เด็กมึงไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ต้อนรับล่ะ?”ตรฤณถามกลับอย่างขำๆแต่สองกลับส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ไม่ กูไม่เปิด!”สองประกาศเสียงดังลั่น  แต่ตรฤณกลับเดินมาทำท่าจะเปิดประตูออกให้คนที่มาเยี่ยมเยือนเข้ามา จะให้แขกเขารออยู่หน้าห้องนานๆเห็นทีว่าจะดูเหมือนเป็นการเสียมารยาทมากกว่า

“มึงอย่านะ!”สองรีบกระโดดตะครุบเพื่อนตัวใหญ่ทันทีก่อนที่มือใหญ่ๆของเพื่อนรักจะเอื้อมมือไปปลดล็อคประตู

“พี่สอง~”

“???”

แต่เสียงเรียกที่ดังมาจากข้างนอกหาใช่เป็นเสียงของไอ้ภูเบศธ์ไม่? สองคิดว่าครั้งนี้จำเสียงไม่ผิดแน่นอน

“ออกไปเลยมึง”เมื่อคิดได้ว่าเสียงที่เรียกไม่ใช่ผีอย่างที่คิด สองก็รีบดันตรฤณออกแล้วไปยืนอยู่หน้าประตูแทนถึงตรฤณเองจะงงๆอยู่ก็ตามที เพราะเมื่อสักครู่สองหน้าถอดสีหันมาบอกกับเขาว่า คนที่มาคือภูเบศธ์ แต่ทำไมเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ไม่ใช่เสียงไอ้เด็กเวรของสอง

พอประตูเปิดมาอีกที...ความสงสัยทุกอย่างก็คลี่คลาย
เมื่อภาพตรงหน้าคือหนุ่มน้อยสองคนที่พยายามผลักกันไปกันมาเพื่อที่จะแย่งกันมาอยู่ที่หน้าประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย

เออ กูก็เพิ่งรู้วันนี้แหล่ะ ว่าภูเบศธ์ก็ทำตัวไร้สาระเป็น
ด้วยการหาเรื่องกับเด็กในฮาเร็มกู!


แต่รถไฟชนกันครั้งนี้กลับไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆที่เคยผ่านมานอกจากสองจะไม่ตัดเยื่อใยจากเด็กที่ไม่สามัคคีกันเองแล้วสองยังกลับเลือกที่จะเข้าข้าง “น้องบอล” จนออกนอกหน้านอกตา

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ภูเบศธ์”
คำสั่งเสียงดังทำเอาเด็กหนุ่มที่กำลังผลักกันไปมาหยุดทุกการกระทำแล้วมองบุคคลที่เพิ่งโผล่ออกจากจากประตู ภูเบศธ์เองก็ได้แต่มองร่างเล็กด้วยความไม่พอใจ

ทั้งที่เมื่อกี้ไอ้ภูโดนผลัก กลับมาบอกให้มันหยุด มันน่าน้อยใจแทนจริงๆว่ะ


“น้องบอลเป็นไงบ้าง?”สองรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กในสังกัดด้วยความตกใจ มือเล็กจับดูตามเนื้อตัวน้องบอลด้วยความห่วง ทำเอาตรฤณต้องรีบเดินไปประกบภูเบศธ์แทน
ทำไงได้มันทำหน้าอย่างกับจะแดกหัวเด็กในฮาเร็มไอ้สอง...กูกลัวจริงๆครับขอบอก!

“ใจเย็นภูเบศธ์”ตรฤณกระซิบกับภูเบาๆ แต่ดูว่าคำพูดนั้นจะไม่ได้เข้าหูของภูเท่าไหร่ เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง กำมือแน่นเพื่อระงับความโมโห แต่แววตาคมกลับส่อแววตัดพ้อไปทางสองอย่างเห็นได้ชัด

ภูเบศธ์ไม่ใช่คนทำอะไรหุนหันพลันแล่น และไม่ใช่คนใจร้อน แถมยังเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนแต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสอง กลับพร้อมที่จะระเบิดความรู้สึกออกมาได้ทุกเมื่อ รู้สึกอย่างไร ก็อยากจะแสดงออกไปอย่างนั้น..แต่ติดอยู่ที่ว่า ไม่เคยแสดงออกได้ดั่งใจเลยสักครั้งและครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน ทั้งที่อยากจะเข้าไปดึงสองออกมาแล้วประกาศให้ชาวโลกรับรู้ว่าสองเป็นของใครแต่ปากกลับไม่ยอมขยับเขยื้อน ไม่กล้าพูดออกมาเพราะรู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของชายหนุ่มรุ่นพี่ร่วมคณะตรงหน้าด้วยซ้ำ

“สอง แล้วเด็กมึงอีกคนอ่ะ ไม่คิดจะสนใจบ้างเหรอ?”ในเมื่อหนุ่มน้อยภูเบศธ์ทำตัวไม่ได้อย่างใจตรฤณ ก็ถึงคราวที่พี่ตรฤณต้องออกโรงช่วยเด็กตาดำๆกับเขาเสียที

“เด็กพี่สอง?”น้องบอลรีบหันไปถามสองด้วยความสงสัย แต่สองกลับตีหน้าเรียบก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กในสังกัดพร้อมกับบอกว่า

“เด็กไหน?...พี่ก็มีแต่น้องบอลคนเดียวนี่นา อย่าไปสนใจคนอื่นเลย เข้าไปข้างในเหอะ”สองยิ้มหวานให้น้องบอล ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ภูเบศธ์ไม่เคยได้รับ เห็นอย่างนั้นร่างสูงที่ถูกลืมก็ทำได้แค่เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ในใจลึกๆ แล้วปล่อยให้ลูกๆในปากออกมาวิ่งเล่นแทน...

“ชอบกินของเก่ามากหรือไง?..ทั้งที่ของใหม่ก็อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ”

“แกหมายความว่าไง?”เป็นน้องบอลที่ทนไม่ได้ เลยต้องหันกลับไปประชันหน้ากับคู่กรณีอีกครั้ง ซึ่งสองเองก็ทำได้แค่เพียงยืนมองภูเบศธ์ด้วยความลุ้นระทึกเพราะเคยมีความหลังติดค้างกันอยู่

“ก็เมื่อคืน พี่สองอยู่กับฉันทั้งคืน...”

โฮะ! มันช่างตอบได้ถูกใจกูจริงจริ๊ง!(เสียงจากผู้แอบลุ้นอยู่ใกล้ๆ)

“แกว่าไงนะ?!”เด็กในสังกัดของสองถึงขั้นเบิกตาโตเพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ โดยที่มีอาการไม่ต่างจากบุคคลที่ถูกอ้างถึงสักเท่าไหร่ ยังไม่ทันที่น้องบอลจะหันไปถามเอาความจริงจากปากของสอง รุ่นพี่ตัวเล็กก็เดินลิ่วๆเข้าไปหาภูเบศธ์ซะแล้ว

“ไอ้ภูเบศธ์!”ร่างเล็กเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าภูเบศธ์พร้อมด้วยแววตาคาดโทษ

“ครับ?”ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็ยังยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับยักคิ้วอย่างกวนอวับวะเบื้องล่างกลับคืนอยู่ดี

เห็นอย่างนี้แล้วมันน่า...

พลั๊วะ!!
เหมือนจะเป็นเสียงกำปั้นของใครสักคนที่จะพยายามออกหมัดเพื่อมุ่งสู่จุดหมายปลายทาง คือใบหน้าหล่อๆของใครบางคน แต่พอออกหมัด กลับกลายเป็นเพียงแค่เสียงลม เพราะสุดท้ายแล้ว ใบหน้าคนที่เป็นจุดหมายของกำปั้นเล็กๆกลับหลบเบี่ยงออกไปได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับมือแกร่งที่เอื้อมมาคว้ากำปั้นเล็กๆเอาไว้แทน

“อ๊ะ!”
เสียงเล็กหลุดอุทานออกมาพร้อมๆกับการที่ถูกยึดกำปั้นแล้วรั้งเข้าสู่อ้อมอกของภูเบศธ์อย่างสวยงาม ทำเอาคนนอกอย่างน้องบอลถึงขั้นมองจนตาลุกเป็นไฟ ทั้งด้วยความโมโหและความอิจฉา ส่วนตรฤณแทบจะโห่ร้องแล้วเต้นบัลเล่ต์(?)ด้วยความดีอกดีใจ
เพราะนอกจากตรฤณ ก็ยังมีภูเบศธ์ที่หลบหมัดสองได้อย่างสวยงาม
อย่างนี้ล่ะที่เขาเรียกว่าสมน้ำสมเนื้อ!

“ปล่อยนะ!อื้อ..บอกให้ปล่อยไง!”เมื่อเข้าไปสู่อ้อมอก ภูเบศธ์ก็รีบโอบรัดเอาไว้ทันทีป้องกันการดิ้นหลุดของรุ่นพี่ตัวเล็กที่แรงไม่เล็กเหมือนตัวเลยสักนิดเดียว มือเล็กปัดป่ายไปทั่วพยายามอย่างสุดแรงเกิด จนสุดท้ายคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียของการกอดรัดฟัดเหวี่ยงคราวนี้ทนไม่ได้จึงมากระชากแขนของสองออก

   ภูเบศธ์จึงจำต้องปล่อยสองไปอย่างจำใจ เพราะว่ากลัวสองจะแขนหลุดเอาเสียก่อน

พลั่ก!!!!

พอดึงร่างเล็กกลับไปอยู่ข้างๆตนเองได้อีกครั้ง ก็ถึงคราวที่น้องบอลปล่อยหมัดลงใบหน้าหล่อๆของภูเบศธ์อย่างไม่ยั้งมือ เพื่อเป็นการแก้แค้นแทนร่างเล็ก และความโมโหส่วนตัวของตนเองล้วนๆ โดยไม่ต้องมีอากาศร้อนๆมาช่วยเสริมแรง

“บอล!!!” เพียงแค่ร่างสูงล้มลงเพราะถูกชกเข้าที่หน้าอย่างไม่เป็นท่า เจ้าของเสียงก็รีบวิ่งไปรั้งแขนผู้กระทำออกแล้วรีบวิ่งปรี่ไปหาคนที่นั่งแผ่อยู่กับพื้น พร้อมกับการใช้หลังมือเช็ดมุมปากที่มีเลือดซิบออกมานิดหน่อย
สอง กมลินทร์อยู่ที่ไหน เป็นอันต้องมีรถไฟชนกันที่นั่น..อยู่ร่ำไป

ตรฤณมองความโกลาหลตรงหน้าอย่างนึกสนุกโดยที่ไม่ช่วยอะไรทั้งสิ้น ก็แค่อยากลองเชิงว่าหลานรหัสของทิวากรจะแน่สักแค่ไหนพอสองเดินเข้าไปหาภูเบศธ์ ก็ถึงคราวที่ตรฤณต้องรีบกันคนที่ไม่อยากให้เข้ามาเกี่ยวข้องออก

“พี่ตรฤณปล่อยผม...”

“นี่! ไม่เห็นหรือไงว่าสองน่ะ เป็นห่วงเด็กของมันแค่ไหน?”ตรฤณถามเด็กคนเก่าของสองด้วยน้ำเสียงเข้มคล้ายตำหนิ แต่ริมฝีปากกลับแอบกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะว่าภูมิอกภูมิใจเหลือเกินที่เพื่อนตัวเล็กเขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วง ภูเบศธ์ บ้าง ก็เท่านั้น
“แล้วผมล่ะ พี่สอง!”

“ทำไมเป็นคนนิสัยไม่ดีอย่างนี้ บอล? กลับไปก่อนเลยไป พี่ไม่อยากคุยกับบอลแล้ว” สองเข้าไปดูอาการภูเบศธ์ใกล้ๆก่อนจะหันกลับไปตำหนิเด็กที่เคยอยู่ในสังกัดอย่างไม่พอใจที่บอกว่า ‘เคย’ก็คงเป็นเพราะหลังจากนี้สองคงจะเขี่ยน้องบอลทิ้งเหมือนเด็กคนอื่นๆเหมือนที่เคยทำ

“แต่พี่สอง!”

“กลับไปก่อนไป..” ในเมื่อสองพูดแล้วน้องบอลก็ยังไม่ไปก็คงถึงคราวที่เพื่อนตัวใหญ่ของสองต้องเข้ามาช่วยลากน้องบอลให้กลับไปโดยสวัสดิภาพ

“เป็นไงล่ะ? ปากหมาจนได้เรื่อง” ถึงริมฝีปากสีสดจะด่าทอร่างสูงที่ยังคงนั่งแหมะอยู่กับพื้น แต่มือเล็กกลับค่อยๆแตะที่มุมปากของร่างสูงเบาๆ คล้ายกังวลว่าถ้าหากสัมผัสแรงๆจะเจ็บไปมากกว่านี้

“เป็นห่วงล่ะสิ?” ถึงจะเป็นคำถามที่ภูเบศธ์อยากรู้คำตอบจนหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่สำหรับสองฟังเหมือนเป็นการสำคัญตัวเองผิดมากกว่า

“ใคร๊?..ใครเป็นห่วงกัน!”ว่าแล้วคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนอย่างที่ไม่อยากจะกลับไปสนใจคนบาดเจ็บเลยสักนิด

“ก็คนที่กำลังพูดอยู่นั่นแหล่ะ..พูดเองแล้วยังไม่รู้ตัว”

ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมรับ ภูเบศธ์ก็ขอยัดเยียดให้ทันที

“ใคร?..ใครพูดอะไร..มีใครพูดหรือไงว่าฉันเป็นห่วงนาย”

“ก็เมื่อกี้ไงที่พูดน่ะ”

ร่างสูงอมยิ้มนิดๆกับอาการแถไปแบบข้างๆคูของสอง ดวงตาเรียวเล็กดูเลิ่กลั่ก พยายามมองหาทางออก แต่ภูเบศธ์ก็ยังสามารถไล่ต้อนให้จนมุมได้อยู่ดี

“พูด..พูดตอนไหนวะ?!”

กูไปพูดว่ากูเป็นห่วงมึงตอนไหนมิทราบไอ้ขี่ตู่ กรุณาแถลงไขให้กูเคลียร์!

“ก็ที่พูดว่า *มีใครพูดหรือไงว่าฉันเป็นห่วงนาย*....นี่ไงล่ะที่พี่สองพูด ”
ภูเบศธ์ทำหน้าระรื่นก่อนจะโดนฝ่ามือตบลงบนหัวอย่างรุนแรง

“โอ๊ยยยยย ผมเจ็บนะ ตบมาได้ไงเนี่ย”นอกจากปากจะถูกต่อย หัวก็ยังถูกตบอีก เกิดเป็นภูเบศธ์ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ร่างสูงยกมือมาลูบหัวตัวเองป้อยๆพลางตวัดสายตามองร่างเล็กที่ยืนกอดอกเต๊ะท่าหล่อไม่วางตา
เอาคืนได้เมื่อไหร่ จะคิดคิดต้นคิดดอก เอาแบบให้เดินไม่ได้ไปสามวันเจ็ดวันเลยคอยดู!

“อ้าวเห็นว่าเก่ง หลบหมัดได้ แล้วทีนี้ทำไมหลบแค่ลูกตบฉันไม่ได้ โถ่!”สองปรามาสอย่างสนุกปาก แต่ภูเบศธ์กลับไม่ได้นึกสนุกไปด้วย ว่าแล้วร่างสูงก็พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปประชิดคนตัวเล็ก ที่กำลังเงยหน้ามองเขาอย่างไม่กลัว

“แล้วลองดูซิ..ว่ารุ่นพี่จะเก่งสักแค่ไหน...”

“........”ร่างเล็กหรี่ตาอย่างพิจารณาคนที่กำลังเดินเข้ามาหาตนเอง

“ที่หลบจูบผมได้”

เพียงแค่ร่างสูงพูดจบ มือแกร่งก็รั้งคนตัวเล็กเข้ามาพร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากสีสดของอีกฝ่ายแบบที่ร่างเล็กไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนมือเล็กจะรีบผลักอกกว้างออกอย่างตกใจ

ถึงแม้จะแค่จุ๊บ แต่หัวใจกูก็เต้นตุบตับเป็นจังหวะแทงโก้เลยว่ะเฮ้ย!

“ไอ้เด็กเวร! มาจูบฉันทำบ้าอะไร?! ”พอทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัยของตัวเองได้ สองก็รีบใช้หลังมือถูปากแรงๆด้วยความนึกรังเกียจ ใบหน้าหวานกลับแดงซ่านด้วยความเขิน จนทำเอาเด็กเวรอย่างภูเบศธ์เผลอยิ้มแบบไม่รู้ตัว

“ทำเป็นเขินไปได้..เมื่อคืนมากกว่านี้ยังไม่เห็นจะโวยวายเลย” เมื่อร่างสูงพูดให้คิดสองก็ทำตาโตราวกับว่าตกใจกับสิ่งที่ภูเบศธ์พูดทั้งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าเรื่องที่ได้ยินนั้นมีความจริงเท็จมากน้อยแค่ไหน


รู้แค่ว่าเรื่องคืนนั้น...กูจะคิดว่าแค่ฝันไป!แล้วมึงจะมารื้อฟื้นทำไม ภูเบศธ์!

“อะไรที่บอกว่ามากกว่านั้น ห๊า! อย่ามาละเมอแถวนี้ เดี๋ยวได้โดนอีกรอบหรอก!”ถึงจะดูออกได้อย่างง่ายดายว่าคนอย่างสองกำลังเขิน แต่ก็ยังโวยวายปากดีเหมือนอย่างเก่า

“โดนอะไร..โดนจูบ อีกรอบเหรอครับ!”

“อ๊ากกกกก! ไอ้ภู ฉันจะฆ่าแก!”ไม่ว่าจะหลบจะเลี่ยงไปทางไหนภูเบศธ์ก็สามารถตะล่อมให้วกกลับมาเรื่องเดิมได้อย่างแนบเนียนทำเอาความโมโหของสองพุ่งถึงขีดสูงสุด แล้วกระโดดขย้ำคอภูเบศธ์

แต่มองยังไง๊..ยังไง ก็เหมือนลูกแมวพองขนหางฟูตั้งท่าขู่หมาอยู่ดี

ว่าแต่งานนี้ใครเป็นหมาวะ?

“เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย?”
ที่เพิ่งเสร็จจากภารกิจจัดการตัดเด็กในฮาเร็มของสองไปได้อีกหนึ่ง พอกลับมาก็เห็นเพื่อนรักกับไอ้เด็กปากหมาวิ่งไล่อยู่ทางเดินของหอพักจนดูวุ่นวาย จนเกรงว่าจะไปรบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา

“มึง จับไอ้เด็กเวรนั่นไว้!”พูดยังไม่ทันจบและตรฤณยังไม่ทันจะได้จับตามคำสั่ง ภูเบศธ์ก็วิ่งแถ่ดๆเข้าไปหลบอยู่หลังตรฤณ โดยมีสองดักอยู่ทางหน้าเพื่อนตัวใหญ่เอาไว้อีกที

“มึงหลบดิ๊! กูจะเตะมัน!”พอชะเง้อไปทางขวา ไอ้เจ้าภูเบศธ์ตัวดีก็หลบไปทางซ้าย พอชะเง้อไปทางซ้าย ไอ้ตัวดีมันก็เบี่ยงตัวไปทางขวา

แม่ง เตะไม่โดนสักที!

“เฮ้ย....พวกมึงเล่นไรกันเนี่ย!  ”
คนที่อยู่เป็นกำแพงที่ถูกเอาตัวมาเป็นที่กั้น(จำเป็น)เองก็เริ่มตาลาย ไอ้คนนึงก็หลบอยู่ข้างหลัง อีกคนก็อยู่ด้านๆหน้าเบี่ยงตัวหลบกันไปหลบกันมา โคตรลายตาเลยเหอะ ให้ตาย!

“มึงก็หลบไปดิ!”

“พี่ตรฤณช่วยผมด้วย!”

...ว่าแต่ตรฤณจะทำตามคำสั่งใครดี?...

คนนึงก็เพื่อน อีกคนก็ญาติแฟน(เหรอ?) โอย ตรฤณ ตัดสินใจไม่ถูก

“ไอ้เด็กเวรนี่มาให้กูเตะก้นซะดีๆเลยนะ”
หลังจากเบี่ยงตัวซ้ายขวาทำเป็นพระเอกนางเอกหนังอินเดียอยู่ได้เป็นนานสองนาน ก็เริ่มวิ่งหนีกันอยู่รอบตัวตรฤณ และสุดท้ายภูเบศธ์ก็ยึดหลังรุ่นพี่ตัวใหญ่เอาไว้อีกครั้งเพื่อเป็นที่กำบัง

กูพูดตามตรง ตอนนี้กูอยากตายมากครับเพื่อน..
มึงจะจีบกันหรือจะกัดกันมึงก็ไปได้กันไกลๆกูหน่อยได้มะ? กูล่ะตาลายจริงๆครับ


“โอ๊ย!”

ฮะฮ่า ! กูเตะโดนมึงแล้วไอ้เด็กเวร

“มึงเตะกูทำเบี้ยอะไรวะสอง!  ” ตรฤณร้องลั่นในขณะที่เป็นที่กำบังอย่างดีสำหรับภูเบศธ์

“อ้าวกูเตะมึงเหรอโทษที มึงก็หลบดิ! กูจะได้เตะมันถูก”ตรฤณเลยพยายามหลบไปทางซ้ายเผื่อสองจะเตะโดนเป้าหมายของมันสักที

“โอ๊ย! มึงเตะกูอีกแล้วนะ!”

“แล้วทำไมมึงไม่หลบเล่า! ไอ้ภูเบศธ์แน่จริงๆออกมาจากหลังไอ้ตรฤณ ณ บัดนาว!”ถึงอย่างนั้นภูเบศธ์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลบออกจากหลังใหญ่ๆของตรฤณ แถมยังดูเหมือนจะสนุกสนานกับการที่สองเตะไม่โดนตัวเองแต่โดนตรฤณแทน

“แน่จริงก็เตะให้โดนดิ!”

   แน่ะ! ยังมีหน้าไปกวนส้นเพื่อนกูอีก...
   แค่นี้กูก็โดนเตะตูดช้ำจนนั่งไม่ได้แล้วครับ!


“ได้!กล้าท้าฉันเหรอ ไอ้ภู!”ว่าแล้วก็ยกเท้าขึ้นมาเมื่อเห็นอย่างนั้นภูเบศธ์ก็รีบหลบไปได้อย่างหวุดหวิด
จะมีก็แต่ตรฤณเท่านั้นแหล่ะ..ที่หลบไม่เคยทันสักที

กูซึ้งใจมึงมากครับภูเบศธ์! 
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ช่วยมึงให้ได้กันกะเพื่อนกู!

ให้ตายเหอะ! กว่าจะได้กัน...กูคงช้ำในตายก่อนแน่นอน!


“สองมึงเลิกเตะกูได้แล้วเว้ย กูเจ็บ!”

“มึงก็แงะไอ้ลูกลิงนั่นออกจากหลังมึงมาให้กูเตะดิ!”สองยังคงพยายามไม่เลิกในเมื่อสองเตะไม่โดนเป้าหมายสักที จะโดนก็โดนแต่ตรฤณ..ในที่สุดตรฤณก็ยอมเป็นกบฎรัก แล้วยอมส่งตัวภูเบศธ์ให้สองเตะเสียโดยดี

(แล้วอย่าบอกทิวากรล่ะ ไม่งั้นกูถึงขั้นตายได้ง่ายๆเลยนะครับ )

“โอ๊ย! ตีนคนหรือหรือตีนควายเนี่ยหนักเป็นบ้า! ”เมื่อโดนเตะเข้าอย่างจังภูเบศธ์ถึงขั้นร้องลั่น แต่มีเหรอที่คนอย่างสองจะสนใจ แล้วยิ่งได้คำพูดของภูเบศธ์ที่ชอบใช้ประชดประชันสองเจออยู่เป็นประจำ ก็ถึงขั้นปี๊ดแตก กระโดดไล่เตะอีกสักรอบเพื่อความสะใจ

“อ๊ากกกกก! อย่าได้ตายดีเลยไอ้ภูเบศธ์!”


กูหนักใจกับไอ้คู่นี้จริงๆครับ...ท่านผู้ชม
มีใครคิดเหมือนผมมั๊ย?




ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
------------------------------------------

 “มึงอ่ะ! พามันหนีไปทำไม กูยังเตะมันไม่สมใจเลยนะ!”

สองโวยวายทันทีที่ตรฤณกลับห้องมาอีกครั้งหลังจากที่รับหน้าที่เป็นผู้คลี่คลายสถานการณ์โดยการรีบพาภูเบศธ์กลับไปก่อนที่จะเจอลูกเตะของสองอีกรอบ แล้วแยกเอาเพื่อนรักไปขังไว้ในห้องจะได้ตามออกมาไม่ได้ พอกลับมาตรฤณก็นั่งทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรงประหนึ่งว่าเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจอันใหญ่หลวงที่ไปรับใช้ประเทศชาติมา

“เตะกูไม่สมใจมากกว่ามั้ง...เตะมาได้ตูดกูช้ำหมดแล้ว!”ตรฤณโวยวายคืนบ้าง ก่อนสายตาจะเหลือบไปเจอหน้าจอมืดสนิทของจอ LCD ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกรอบ   

“อ๊ากกกก !ทำไมกูถึงได้โทรมเยี่ยงเน้! ”ตรฤณถึงกับสะดุ้งเหมือนเห็นเงาตัวเองในจอ LCD ก่อนจะรีบกระเด้งตัวขึ้นมาเอาหน้าจ่อกับจอTV พร้อมกับรีบเอามือเสยผมให้กลับเข้าที่เช่นเดิม เมื่อก่อนหน้านี้มันชี้ฟู แถมเสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ดีเท่าไหร่ที่ไม่ขาดวิ่น(เนื่องจากการยื้อไปมาของเพื่อนรัก และ ภูเบศธ์)

“มึงอ่ะ เล่นไรกัน ดูซิกูโทรมหมด ถ้ากรไม่รักกู มึงต้องรับผิดชอบกูเลยนะเว้ย!”ตรฤณยังคงบ่นไม่เลิกส่วนสองก็ได้แต่แอบเหล่เพื่อนรักอย่างหมั่นไส้

“ได้ข่าวว่าเขาไม่เคยสนใจมึงเลยสักนิด”สองพูดตามความจริง

ซึ่งความจริงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากสำหรับกูครับ! สอง ถ้ามึงรักกูกรุณาอย่าพูดความจริง

“เออ..ปากดี โดนเด็กเวรขึ้นคร่อมแล้วยังไม่สำนึก”

“แรงไปแล้วนะมึง!”สองถึงกับของขึ้นเมื่อเพื่อนรักพูดอย่างนั้น

“แล้วไง ทีมึงยังพูดอะไรไม่เคยนึกถึงจิตใจกู”

ตรฤณโต้กลับคืนบ้าง แต่ดูเหมือนว่า การทะเลาะครั้งนี้จะเป็นอะไรที่จริงจังจนดูน่ากลัวสำหรับเพื่อนรักคู่นี้

“แล้วมึงล่ะ?..คอยประเค็นกูให้ไอ้เด็กบ้านั่นตลอด มึงเคยคิดบ้างมั๊ยว่ากูรู้สึกยังไงที่มึงตลบหลังกูแล้วไปเข้าพวกกับไอ้คู่ปู่หลานรหัสนั่น!”

เฮ้ย?...สอง มึงรู้ด้วยเหรอวะ?

“มึงรู้?”ตรฤณถามด้วยความไม่ค่อยแน่ใจ

“อ่อ ในที่สุดมึงก็ยอมรับแล้วใช่มั๊ยว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของพวกมึง”สองถามเพื่อนสนิทอย่างตัดพ้อ ถึงแววตาจะแข็งกร้าวแต่ลึกๆแล้วแววตาคู่นั้นกลับดูหวั่นไหวอย่างน่าประหลาดสองเองเหมือนจะสงสัยอยู่ลึกๆ ในหลายเรื่องที่มันดูบังเอิญเกินไประหว่างเรื่องของตนเองและเด็กเวรภูเบศธ์ แต่ก็ไม่เคยเอามาคิดจริงจังอะไร เพราะรู้ดีว่าสุดท้ายยังไงตรฤณก็คือเพื่อน ที่ทำไปคงเพราะหวังดี...จนกลายเป็นหวังร้ายอะไรก็ตามแต่
แต่พอโดนว่ากลับมาอย่างนี้ สองก็สติหลุดเป็นเหมือนกัน จนเผลอพูดเรื่องที่เก็บเอาไว้ในใจออกมา อย่างว่าระหว่างสอง และตรฤณไม่เคยมีปิดบังกัน คิดอย่างไรก็บอกกันออกมาอย่างนั้น แต่ครั้งนี้มันมากไปแล้วจริงๆ

“สอง....”

ตรฤณเองก็ดูเหมือนอารมณ์เดือดเมื่อสักครู่จะลดลงจนหายไปหมด จะเหลือก็แต่ความรู้สึกผิดที่ทำกับเพื่อนรักคนนี้มาตลอดที่ทำไปก็เพราะความสนุก แต่ก็ไม่เคยนึกถึงจิตใจของสองเลยด้วยซ้ำเพราะคิดว่าสองเป็นคนง่ายๆถึงจะขี้วีนขี้โวยวายไปสักหน่อยแต่ก็เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรแต่ถ้าได้พูดจริงจังอะไรขึ้นมาแสดงว่ามันคงหนักหนาสำหรับสองจริงๆ

“เป็นไงล่ะ! สะใจมึงยังที่กูเป็นของมันแล้วน่ะ!”ดวงตาคู่เล็กแดงก่ำจนคนมองรู้สึกใจหาย  ตรฤณอยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าสิ่งที่เพื่อนรักรู้มาเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ก็เหมือนน้ำท่วมปาก เพราะไม่รู้ว่ายิ่งพูดออกไปจะยิ่งเหมือนเป็นการเปิดเผยความผิดของตัวเอง...จนกลัวว่าเพื่อนรักคนนี้ของเขาจะโกรธจนเกลียด..

“คือสอง...คือกูไม่ได้...”

“ไม่ได้อะไร?  กูรู้ว่าที่มึงทำน่ะมันสนุก   แต่ถ้ามึงถูกกรปล้ำมึงบ้างแล้วมึงจะเข้าใจกู”สองพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเข้าห้องนอนไปทิ้งให้ตรฤณยืนเอ๋ออยู่ข้างนอกกับความรู้สึกผิดของตัวเอง


กูก็นึกว่ามึงจะรู้หมด...นี่ถามจริงเหอะมึงไม่รู้จริงๆเหรอว่ามึงไม่ได้โดนเด็กกินอย่างที่มึงเข้าใจ 
สมองปลาทอง....มีแค่ไหนก็แค่นั้นจริงๆ

กูชักรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆแล้วว่ะสองกูไม่น่าเข้าร่วมแผนหลอกคนโง่ๆอย่างมึงเลย (สาบานได้ว่ารู้สึกผิด!)


-----------------------------------


“ไม่ร้องเว้ย..ไม่ร้อง...คนอย่างกมลินทร์ต้องไม่ร้องไห้ง่ายๆ”
พออยู่ในห้องคนเดียว สองก็พยายามเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลไม่ขาดสาย แต่ถึงจะเช็ดอย่างไรน้ำตาก็ไม่ยอมหมดสักที ไม่รู้ไปกักเก็บอยู่ที่ไหนพอแตกมาทีไหลไม่หยุดเลยทีเดียวจนสองนึกรำคาญตัวเอง

“มึ๊งงงง!!! ไอ้ตรฤณ กูเกลียดมึง!”ถึงปากจะว่าไปอย่างนั้นแต่สองกลับไม่ได้รู้สึกเกลียดตรฤณอย่างที่ปากว่าเลยสักนิด แค่รู้สึกน้อยอกน้อยใจนิดหน่อยที่เพื่อนตัวดีของเขาหักหลังตัวเอง แล้วเอาเขาใส่พานถวายเด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ เป็นของกำนัลเพียงเพื่อหวังที่จะได้กรมาเชยชม

“ทำไม ไม่มีใครเห็นใจกูเลยสักคน.....ฮึก....”ร่างเล็กนอนคว่ำหน้ากับเตียงอย่างอ่อนล้าก่อนที่จะเหลือบไปเห็นกรอบรูปที่วางไว้หัวเตียง เป็นรูปของเด็กวัยรุ่นอายุราวๆ สิบห้าหยกๆสิบหกหย่อนๆ เด็กผู้ชายสามคนยืนกอดคอกันอย่างสนิทสนม คนทางซ้ายสุดตาตี่หน้าละม้ายคล้ายหมีขาว คนตรงกลางเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก แถมกับดวงตาดวงเล็กที่มีเสน่ห์ ผิดกับคนทางขวาสุดที่ตาโตดูคมเข้มแถมยังสูงโย่งกว่าคนตรงกลางเยอะ มองๆไปแล้วภาพนี้ก็เหมือนตัว M ดีๆนี่แหล่ะ (เตี้ยอยู่ตรงกลาง<<<ใครพูดวะ?! )

“ชวิน...มึงจะอยู่ข้างกูมั๊ย? รู้มั๊ยตอนนี้ไอ้ตรฤณมันเลิกเข้าข้างกูแล้วนะ...เมื่อไหร่มึงจะกลับมาสักที”สองหยิบรูปนั้นขึ้นมามองพร้อมกับระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งยังเรียนมัธยมปลาย

ความจริงแล้ว...นอกจากตรฤณและสอง เพื่อนซี้แน่นปึกอีกคนของสองคนนี้ก็คือ ชวิน ที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมยันจบมัธยมปลาย แต่พอต้องเข้ามหาวิทยาลัย ชวินที่สมองดีมาแต่กำเนิดเลยได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ

จะว่าไป...พวกเราไม่ได้ติดต่อไอ้ดำนั่นนานแค่ไหนแล้วนะ?



“ชวิน....มึงรับสายกูทีนะ”ว่าแล้วก็กดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ต่างประเทศเพื่อจะได้ติดต่อเพื่อนรักอีกคนของเขา

“Hello”สำเนียงภาษาอังกฤษที่ดีเลิศของชวิน ทำเอาสองขมวดคิ้วเพราะฟังไม่ทัน

เมื่อกี้แม่งพูดไรวะ?  เฮ้ โล... โมโต๊!

“วิน..นี่กูเอง”สองพูดเสียงแผ่วราวกับสัญญาณขาดหาย

“กูไหน?”เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาสองนึกเคือง เพราะรู้ดีว่าไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้ต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นเสียงใคร แต่กระแดะกวนประสาทชาวบ้านไปงั้นๆ

“สองไง มึงโง่ขึ้นหรือเปล่าเนี่ย?”สองถามกลับด้วยความไม่พอใจ

นี่กูอุตส่าห์เสียตังค์โทรศัพท์ข้ามประเทศมึงยังมีหน้ากวนประสาทให้กูเปลืองค่าโทรเล่นได้อีกเนอะ!


“อ้าว สองเองหรอกเหรอ? กูก็นึกว่าวัวแก่ที่ไหนโทรมาหากูแต่เช้า”

กูรู้แล้วว่าไอ้เด็กเวรนั่นเหมือนใคร กูก็ว่าคุ้นๆ!

“มึงอ่ะ...ที่กูโทรมาน่ะเพราะมีปัญหานะเว้ย ไม่ได้โทรมาให้มึงด่ากู!”

“แล้วไง?...ไอ้ตรฤณมันไปไหนล่ะ?ไม่อยู่เป็นกระโถนท้องพระโรงให้มึงระบายเหรอ? มึงถึงได้โทรข้ามน้ำข้ามทะเลยอมเสียตังค์โทรมาหากู ปกติมึง งก ไม่ใช่เหรอ?”

นี่ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้กูตัดไอ้ตรฤณออกจากกองมรดกนะ กูไม่โทรมาให้มึงแขวะกูซะเละอย่างนี้หรอก!

จะว่าไปแล้ว....เมื่อไหร่นะที่ไม่ได้เถียงทะเลาะกันพร้อมกันสามคน?

ไม่สิตอนนี้เหลือสองเพราะกูตัดตรฤณออกจากกองมรดกละ! กูลืมได้ไงเนี่ย?

“กูทะเลาะกับไอ้ตรฤณ....”
น้ำเสียงของสองทำเอาอีกคนที่อยู่อีกฟากฝั่งโลกต้องเงียบฟัง

“ทะเลาะเรื่องอะไร..พวกมึงก็ทะเลาะกันบ่อยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”เสียงชวินดูอบอุ่นและน่าพึ่งพาขึ้นมาทันตา ได้ยินอย่างนั้นสองก็แทบจะน้ำตาไหล

“ถ้าให้กูเล่ามันจะยาว...เปลืองค่าโทร..มึงโทรกลับหากูทีสิ”

   แล้วมีเหรอ?..ที่ชวินจะไม่ยอมทำตามคำพูดของเพื่อนที่แสนน่ารักของเขาคนนี้ พอชวินโทรกลับสองก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่างๆนานามากมายที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ชวินไม่อยู่ รวมถึงเรื่องที่ทะเลาะกับตรฤณให้ชวินฟัง โดยชวินก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี กัดบ้างอะไรบ้างบางครั้งบางคราวพอให้ไม่รู้สึกเครียด   

พูดกันจนไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องอะไร....จนกระทั่งสองพูดว่า

“กูคิดถึงมึงว่ะ..วิน...”สองพูดลอยๆแววตาใสดูดีขึ้นจากก่อนหน้านี้เยอะ

“เฮ้ยๆอย่ามาทำซึ้งแถวนี้กูขนลุกว่ะสอง”    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่สองกลับรู้ดีว่า ชวินกำลังยิ้ม

“มึงลืมไปแล้วเหรอ...ว่ามึงเป็นรักแรกของกูนะ”สองพูดโดยที่ไม่ทันคิด ก่อนที่สุดท้าย เสียงของทั้งสองจะเงียบหายไปดื้อๆโดยไม่มีใครคิดจะพูดขึ้นมาอีก

“วิน...”สุดท้ายก็เป็นสองเองที่ทนความอึดอัดไม่ได้

“สองมึงรอกูหน่อย เดือนหน้ากูจะกลับไทยแล้ว...ฝากบอกไอ้ตรฤณมันด้วย”

“อือ..”

“แค่นี้นะ สงสัยกูคงจนแย่เพราะค่าโทรศัพท์นี่แหล่ะ”ชวินว่าอย่างนั้นก่อนจะตัดสายไปสองทำได้แค่ยิ้มบางๆกับโทรศัพท์อยู่คนเดียว

ทั้งที่เคยตกลงกันไว้แล้ว..ว่าจะรักกันแบบเพื่อน...


ถ้ามึงกลับมากูไม่มั่นใจจริงๆว่ะ ว่าจะรักษาสัญญาได้หรือเปล่า...ชวิน




TBC


ขอโทษนะคะที่มาลงช้า หลังจากที่กลับจากท่องเที่ยว ก็มาเจองาน งาน งาน งาน และ งาน
ไม่มีโอกาสมาแตะเรื่องนี้เลยค่ะ...
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ และ ข้อแนะนำต่างๆด้วยค่ะ จะพยายามลองแก้ไขดูค่ะ

ขอบคุณค่ะ เจอกันต่ออีกที ตอนที่ 7 นะคะ


ตลกดี

แต่ว่าถ้าเวลาเปลี่ยนคนเล่าเรื่อง  น่าจะเปลี่ยนสีก็คงจะไม่งง

แต่ว่าเรื่องนี้  มีคนเล่าเรื่อง 4 คน  ก็คงจะงงกับสี

555555

เอาเป็นว่า  เปลี่ยนสลับฉาก ตอนละคนดีกว่า  ตอนเดียวมีหลายคนเล่าก็งงนิดหน่อยอยู่เหมือนกันนะ

เจ้สอง

ตอนนี้กำลังหนักใจสุดๆเลยล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า เพราะกลัวคนอ่านไม่เข้าใจจริงๆ แต่พอดีว่าเรื่องนี้เขียนไว้แล้วแล้วมารีไรท์น่ะค่ะ
อืม...จะพยายามไม่ให้งงๆแล้วกันนะคะ โดยส่วนใหญ่ที่เป็นตัวหนา
จะเป็นความคิดของคนที่มีบทสนทนาก่อนหน้านั้นน่ะค่ะ (อืออ...อธิบายเองชักงงเองจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ ฮ่าฮ่า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2012 15:55:36 โดย ryoko_chan »

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ชวิน รักแรก??
แล้วภูจะทำยังไงล่ะทีนี้

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด