[จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครในเรื่อง "ปีนเกลียว" คุณชอบใครมากที่สุด

ภู ภูเบศธ์ - หญ้าอ่อนแพ้วัวแก่ ที่จีบไม่เก่ง แถมยังปากหมา
สอง กมลินทร์ - วัวแก่แพ้หญ้าอ่อน แล้วดันชอบแต่คนปากหมา
ตรฤณ - วันๆไม่ทำอะไรนอกจากหาทางประเคนวัวแก่ใส่ปากหญ้าอ่อน
กร ทิวากร - แกนนำผู้ก่อการร้ายของสอง แต่เป็นผู้ก่อการรักของตรฤณ
วิน ชวิน - ชอบทำตัวเป็นพ่อหวงลูกชาย แถมฉลาดร้ายยิ่งกว่ากร

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]“ปีนเกลียว”...(นึกแล้วเชียว ว่าต้องจีบติด!) บทพิเศษ ชวิน VS หมอเขม P.10 [Up 27/2/12]  (อ่าน 103178 ครั้ง)

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 9 บรรยากาศมันพาไป ~

“เฮ้ย!”

“มึงตามกูมาทำไม?”


_______________


ชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่ คนหนึ่งตัวเล็ก พากันเบียดเสียดยัดเยียดอยู่ในห้องน้ำของโรงภาพยนตร์ โดยที่คนภายนอกต่างก็พาสงสัยว่าสองคนนั้นเข้ากันไปในนั้นทำไม?

“กูตกใจหมด นึกว่ากระเทยควายที่ไหนฉุดกูเข้าห้องน้ำ!”ตรฤณรีบต่อว่าก่อนจะเอามือลูบอกช้าๆคล้ายปลอบใจตัวเอง   หลังจากที่เคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยน่าจดจำเกี่ยวกับห้องน้ำสาธารณะแบบนี้สักเท่าไหร่

แค่ลองนึกถึงวันนั้น...ใจกูก็ยังสั่นไม่หายเลยครับ!

“ทำไม? นึกว่าโดนกระเทยฉุดเหมือนเมื่อคราวนั้นหรือไง?”ดูเหมือนคำพูดของสองจะยียวนกวนประสาทตรฤณอยู่ไม่น้อยเมื่อตนเองก็เป็นผู้ร่วมเหตุการณ์ ทั้งที่วันนั้นสองก็เข้าห้องน้ำมาพร้อมกันกับตรฤณผู้เคราะห์ร้าย แต่สาวประเภทสองรายนั้นกลับฉุดคุณชายตรฤณเข้าห้องน้ำไปต่อน้าต่อตา ถึงตอนนั้นสองจะรู้สึกดีใจที่ไม่โดนฉุดเหมือนตรฤณ แต่ก็แอบน้อยใจไม่ได้ว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี ไม่หล่อเตะตาใครบ้างหรืออย่างไร...แต่ก็ขอเก็บความน้อยใจเอาไว้แค่นั้นก่อนจะหาวิธีทะลุทะลวงประตูเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตและพรหมจรรย์ของเพื่อน...สุดท้ายก็รอดกันมาได้ทั้งคู่

“ก็เออสิวะ! แม่ง สยอง~”ตรฤณลูบแขนตัวเองลวกๆเพื่อสยบเหล่าขนแขนที่พร้อมใจกันแสตนด์อัพเพียงแค่นึกถึงวันวานเก่าๆที่ตรฤณเกือบเสียตัวให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้

“ว่าแต่มึงตามกูมาทำไม! ไอ้ตรฤณ ” ในที่สุดสองก็วกเข้าเรื่องที่สงสัยอีกครั้ง แต่ตรฤณกลับมีท่าทีสบายๆ ไม่ได้เหมือนคนที่แอบตามมาแล้วโดนจับได้เลยแม้แต่น้อย

“ป๊าว! กูไม่ได้ตาม...”ฟังดูก็รู้ว่าแหลสด สองเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะมองหน้าคนโกหกอีกรอบ

“แล้วที่มึงขับรถตามกูกับน้องบอล จนรถมึงจะจูบตูดรถกูอยู่รอมร่อมันหมายความว่าอะไร?!”

“มันก็หมายความว่า กูอยากมาดูหนังไง~”ตรฤณพยายามใช่วิมารเฉพาะตัวแถไปข้างๆคูๆ ทั้งที่รู้ตัวว่าโดนจับได้อยู่ก่อนหน้าแล้ว

“เหอะ! ตลก...ขับตามมาขนาดนี้มึงไม่นั่งติดรถน้องบอลมากะกูซะเลยล่ะ? จะได้ช่วยลดโลกร้อน!”สองประชดเข้าให้ แต่มันก็ไม่สามารถกระทบกระเทือนหนังหน้าหนาๆของตรฤณได้แม้แต่นิดเดียวเพราะคนถูกประชดประชันยังคงลอยหน้าลอยตาประหนึ่งว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆทั้งสิ้น

“ตอนแรกกูก็ว่าจะติดรถมาด้วยแล้วล่ะ..”

“ตรฤณมองปากกูนะ....‘กูประชด’...”

“โอเคๆ...กูรู้ว่ามึงประชดก็ได้”ตรฤณยกมือขึ้นเหมือนเป็นการยอมแพ้

เพราะดูจากสายตาของมึงตอนนี้ กูควรยกธงขาวเอาไว้ท่าจะดีต่อชีวิตกูเอง

“เมื่อกี้มึงบอกว่าอยากมาดูหนัง..มึงอยากมาดูหนังกับไอ้เด็กเวรนั่นน่ะนะ?ถึงได้หนีบมันติดรถมาด้วย”
ไม่รู้อะไรดลใจให้สองสนใจเรื่องของเด็กปากหมาอย่างภูเบศธ์ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้สองก็ถามออกมาซะแล้ว

“แน่นอน~ กูกับมันอยากมาเดทบ้างอะไรบ้าง...มึงหึงหรือไง?”

“มึงจะให้กูหึงใคร?”สองถามอย่างสงสัย

เพราะถ้าเป็นภูเบศธ์...สองตอบได้เลยทันทีว่าไม่มีทาง

“กูมั้ง..”ตรฤณตอบยิ้มๆแต่สองทำได้แค่การเบะปากใส่อย่างเอือมๆ

แต่ถ้าเป็นตรฤณ...คนอย่างกมลินทร์จะโห่ร้องด้วยความยินดีที่เพื่อนอย่างมึงเอาเด็กปากหมาอย่างนั้นออกไปจากชีวิตกูได้สักที

“ละเมอละมึง!งั้นก็คู่ใครคู่มันแล้วกัน เชิญมึงไปดูหนังก็ไอ้เด็กนั่นตามสบาย~”สองเองก็ขี้เกียจจะใส่ใจ ทั้งที่รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ตรฤณเอ่ยปากออกมาว่ามา “เดท” กับภูเบศธ์

หลังจากที่เคลียร์ปัญหาร้อยแปดกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็โผล่หัวออกมาจากห้องน้ำ แต่กลับต้องโดนสายตาหลายสิบคู่จับจ้องเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันถึงสองคน

“เวรแล้วไหมล่ะ?...คนเขาเข้าใจผิดกันพอดี ”ตรฤณพูดเบาๆกับสองในขณะที่พากันรีบเดินทำตัวลีบออกมาจากห้องน้ำให้เร็วที่สุด

“เพราะมึงนั่นแหล่ะ!”สองกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องของตรฤณเบาๆ

“มึงนั่นแหล่ะที่ฉุดกูเข้าไปในนั้นน่ะ”

“แล้วมึงอยากตามกูมาทำไมล่ะ?”

“กูจะมาเข้าห้องน้ำ กูไม่ได้ตามมึงมาสักหน่อย”

“เออ! กูผิด พอใจยัง?!”สองกระแทกเสียงใส่และยอมรับผิด แต่ดูจากน้ำเสียงแล้วตรฤณคิดว่ามันยังคงห่างไกลกับคำว่า “ยอมรับผิด” อีกหลายร้อยปีแสง...

“รู้ตัวก็ดี งั้นกูไปเดทกับเด็กใหม่กูนะ~”ตรฤณโบกมือลาส่งท้ายก่อนจะเดินหายวับไปท่ามกลางฝูงชน สองเลยต้องชะเง้อมองหาเด็กของตัวเองแทน

“พี่สองผมอยู่ทางนี้!”และไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มนามว่าบอลก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับตั๋วหนังสองใบ

“ไปซื้อมาแล้วเหรอ?”

“ครับ...อีกสิบห้านาทีก็เข้าโรงหนังได้แล้วครับ”บอลว่า สองจึงทำได้แค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเคียงคู่กันไป พร้อมๆกับสายตาสองคู่ที่แอบมองตามอีกที





“แล้วเราจะทำยังไงดี...”

“นั่นสิ..ไม่รู้ด้วยว่าสองคนนั้นดูเรื่องอะไรและเลือกที่นั่งตรงไหน”

เสียงแรกเป็นเสียงของภูเบศธ์ และตามด้วยเสียงของตรฤณ

“ก็ดักตีหัวไอ้เด็กนั่น แล้วเอาไอ้ภูเบศธ์ไปสลับตัว แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”

แล้วนี่มันเสียงใครวะ? โหดสิ้นดี!

“กร?”ทั้งตรฤณและภูเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แล้วก็หันไปเจอกับหนุ่มหน้าหวานนามว่ากรที่มายืนแทรกกลาง ระหว่างตรฤณและภูเบศธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบได้

“ปล่อยให้ทำงานกันสองคนไม่ได้เลย ดูท่าทางแผนพวกนายจะล้มไม่เป็นท่า”กรวิเคราห์เหตุการณ์ก่อนหน้า ถึงได้ตามมาอีกที และยังไม่ทันที่ทั้งตรฤณและภูเบศธ์จะได้แย่งพูดอะไร กรก็ลากสองหนุ่มตัวใหญ่ไปยังช่องขายตั๋วชมภาพยนตร์เสียแล้ว

“แล้วเราจะดูเรื่องอะไร? อีกอย่างพวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคนนั้นจองที่นั่งอยู่แห่งหนใดของโรงหนัง”ตรฤณเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่กรกลับไม่ใส่ใจในคำถามแล้วหันไปบอกพนักงานว่าขอเอาหนังเรื่องที่ตนเองอยากจะดู และขอแถวหลังสุด แถมท้ายด้วยการหันมาไถเงินกับตรฤณเพื่เป็นค่าตั๋ว ซึ่งตรฤณก็ยอมจ่ายแต่โดยดีไม่มีขัดข้อง

“เฮ้ย! นายรู้เหรอว่าสองมันนั่งแถวตรงนี้อ่ะ” พอได้ตั๋วมาสามใบตรฤณก็รีบยิ้มด้วยความดีอกดีใจที่กรเจ้าพ่อนักวางแผนแอบมาสือเสาะหาข่าวไว้แต่แรก

กูล่ะปลื้มจริงๆถึงจะสวยแล้วหยิ่งแต่ก็โคตรเก่งเหมาะสมกับการเป็นแม่พันธุ์ให้กูจริงๆเลยครับขอบอก!

“เปล่า”แต่กรกลับตอบสั้นๆแล้วเดินลากคอภูเบศธ์นำหน้าตรฤณไป

“อ๊าว?”ตรฤณหลุดคำสงสัยทันที

“เอาเหอะน่า..รับรองได้รู้แน่ๆว่าเพื่อนนายนั่งที่ไหน” พูดจบก็เดินไปยังลานนั่งก่อนทางเข้าโรงภาพยนตร์ ที่มีคนนั่งรออยู่เป็นจำนวนมหาศาล

“ตอนนี้พวกนายแค่หาสองให้เจอก็พอ”กรสั่งก่อนจะเผยยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เจอละๆ”ในที่สุดตรฤณก็ตาไวมองเห็นเพื่อนสองเป็นคนแรก

“เอาล่ะ..แค่จับตาดูไว้ สองคนนั้นเดินเข้าไปเมื่อไหร่ก็ค่อยเดินตาม...”ตอนนี้ตรฤณและภูเบศธ์ทำได้แค่เพียงการทำตามคำสั่งของกรทีละขั้นตอน โดยไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆในความคิดทั้งสิ้นและก็ไม่คิดที่จะถามอะไรต่อด้วยเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนเอาเปล่าๆ   ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อสองเดินเข้าไปในส่วนของโรงภาพยนต์ สามหนุ่มที่คอยแอบมองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจึงต้องรีบวิ่งตามเข้าไปอย่างที่ไม่ให้สองรู้ตัว









“มีอะไรหรือเปล่า บอล”สองมองเห็นเด็กหนุ่มข้างๆตัวหันซ้ายหันขวาอยู่หลายที บ้างก็หันไปมองข้างหลังเหมือนระแวงอะไรสักอย่างจึงต้องถามขึ้น

“ผมรู้สึกว่าเหมือนมีคนตาม”แต่ก็อย่างที่บอก มันเป็นได้แค่ความรู้สึกเพราะพอลองหันไปทีไรก็ไม่เห็นว่าจะพบใครที่มีท่าทีมีพิรุธ

“คิดมากหรือเปล่า?”สองเองลองหันตามบอลบ้างแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติเลยแม้แต่น้อย

“เข้าไปกันแถอะ..”สองยิ้มก่อนจะเดินนำหน้าบอลเข้าโรงหนังไปแล้วหาที่นั่งของตนเอง แต่พอหันมาอีกทีบอลกลับไม่ได้ตามมาเสียแล้ว ถึงจะนึกสงสัย แต่ก็เป็นไปได้ที่เด็กของตัวเองอาจจะปลีกตัวเพื่อไปเข้าห้องน้ำ สองจึงทำได้แต่นั่งรออยู่ตรงที่นั่ง โดยที่ไม่ได้นึกเอะใจกับความโกลาหลที่ทิ้งไว้เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย

_____________________



“มาแล้วเหรอ..หายไป.....ไหนมา” เมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้างๆตัวเองก็รีบหันไปถามทันที แต่ทว่าคำพูดสุดท้ายกลับดูเหมือนว่าคนพูดเองจะตกใจกับอะไรบางอย่างมันถึงทำให้คำถามขาดช่วงไป
“ขอโทษนะครับที่เข้ามาช้าไปหน่อยรอนานหรือเปล่า?”
น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของภูเบศธ์ทำเอาสองอึ้งไปไม่น้อยที่ไอ้เด็กนี่เข้ามาหาตนเองถึงในโรงหนัง แถมยังพูดเหมือนกับว่ามาด้วยกันอีกต่างหาก

“ใครรอนาย?..แล้วบอลล่ะ” สองทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อมองหาเด็กของตัวเอง แต่กลับถูกมือแกร่งฉุดข้อมือแล้วรั้งเอาไว้ให้นั่งลงตามเดิม

น้องบอลของพี่สองเหรอครับ?
   โดนพี่ตรฤณพี่กรจับไปดูหนังโรงอื่นเป็นที่เรียบร้อย~


“หนังเริ่มแล้วจะไม่ดูหรือไงครับ?”
ภูเบศธ์ไม่ได้ตอบคำถามทั้งที่ในใจอยากบอกความจริง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องจนสองกลับมีท่าทีขัดขืนและไม่ค่อยพ่อใจอย่างเห็นได้ชัด

“ฉันไม่อยากดูกับคนอย่างนาย”น้ำเสียงของสองไม่ได้ฟังเหมือนคนโกรธ แต่กลับฟังดูเหมือนคนที่กำลังน้อยใจ

   มึงนะมึงเมื่อตอนบ่ายทำอย่างกับคนไม่รู้จักทีอย่างนี้ล่ะเข้ามาทักขอนั่งดูหนังด้วย

“คนอย่างผมมันเป็นยังไงเหรอครับ เลวร้ายถึงขั้นไม่อยากดูหนังด้วยเลยเหรอ?”ภูเบศธ์โน้มเข้าไปกระซิบถามเบาๆเมื่อภาพยนต์เริ่มฉาย

“ฉันเบื่อหน้านายเข้าใจมะ!”สองตอบกลับเสียงดัง แต่ก็ต้องตะครุบปากตัวเองเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ในโรงหนัง แถมด้วยไอ้เด็กหน้าอ่อนทำมาเป็นเอานิ้วชี้ปิดปากสั่งสอน

“เบาๆหน่อยสิครับ..รบกวนคนอื่นเขาไม่รู้หรือไง”ถึงคำพูดของสองก่อนหน้านี้จะเป็นคำที่ดูจะทำร้ายจิตใจคนฟังอยู่ไม่น้อย แต่ภูเบศธ์กลับไม่เอามาคิดให้หนักใจเพราะโดนมาเยอะมากกว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว จึงหาเรื่องมากลบเกลื่อน

“เออ..ฉันรู้! แล้วก็ไม่ต้องให้เด็กอย่างนายมาสั่งสอนด้วย!”สองกัดฟันพูดด้วยความหมั่นไส้ และลดวอลลุ่มลงจากเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเด็กปากหมาของสองก็ยังยิ้มรับจนเห็นฟันขาวๆในความมืด

“ครับ~รุ่นพี่กมลินทร์”ภูเบศธ์รับคำพร้อมกับหันไปยิ้มกวนๆให้ก่อนจะรีบรั้งข้อมือของร่างเล็กที่ทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง

“จะไปไหน?”เสียงทุ้มถามเบาๆ

“จะไปตามหาเด็ก! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“อ้าว...ก็นั่งดูหนังเป็นเพื่อนอยู่นี่ไง”ภูเบศธ์แกล้งโง่ ทำเป็นตอบไม่ตรงคำถามทั้งที่รู้ว่า “เด็ก” ที่สองหมายถึงคงจะหมาย “บอล” ที่โดนตรฤณล็อคคอ(แถมด้วยแขนและขา )   ลากไปดูหนังกันสามคนแต่ก็ยังพยายามทำให้ตัวเองเป็นเด็กของ
สองจนได้

“ประสาทแกเนี่ยนะเป็นเด็กฉัน ฝันไปเหอะ อีกร้อยปีก็ไม่มีวันนั้น”สองขึ้นเสียงใส่พร้อมกับจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโรงหนัง แต่สุดท้ายก็ไม่เคยสู้แรงไอ้เด็กตัวใหญ่ได้สักครั้ง เลยจำต้องนั่งจุมปุ๊กอยู่กับที่ตามเดิม

ก็จะให้ทำไงได้ เล่นล็อคแขนกูไว้อย่างนี้...
แต่นี่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ยังไม่โดนล็อคขาเอาไว้ด้วย


“ผมอยากดูเรื่องนี้กับพี่สองมานานแล้วนะ”เพียงแค่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาทำเอาคิ้วของสองขมวดเป็นปมเข้าหากัน

“เรื่องนี้?”จนซูถามอย่างสงสัย

“ใช่”

“หนังผีเนี่ยนะ?”

“ใช่~”ภูเบศธ์ตอบสั้นๆ แต่ทำเอาสองยิ่งคิดหนัก

นี่มึงอยากทำให้โรแมนติก ด้วยการคิดดูหนังผีกับกูเนี่ยนะ?

และยังไม่ทันที่จะให้สองสงสัยอะไรไปมากกว่านี้คำพูดของภูเบศธ์ก็เป็นคำตอบได้เป็นดิบดีสำหรับข้อสงสัยในใจของสอง

“ก็เพราะเวลามีผีโผล่ออกมา พี่สองก็จะตกใจแล้วจะได้หันมาเกาะแขนซบไหล่ผม....ดีจะตายไป~”ภูเบศธ์ยังคงมองจอยักษ์อย่างไม่ได้สนใจว่าคำตอบของตนเองว่าจะทำเอาร่างเล็กที่นั่งข้างๆเดือดดาลแค่ไหน

“ไอ้ทะลึ่ง!”ถึงจะกัดฟันด่าเบาๆ แต่แรงมือที่ผลักหัวกลมๆของอีกฝ่ายไม่ได้เบาอย่างเสียงเลยสักนิด

“อ้าวหรือไม่จริง?”ใบหน้าคมยู่ไปด้วยความเจ็บแต่ก็ยังมีกะจิตกะใจหันกลับมาถาม แต่พอมองหน้าของร่างเล็กแล้ว ดูท่าว่าภูเบศธ์มีโอกาสสูงมากที่จะโดนตบหัวอีกรอบ

“ขอโทษที คนอย่างสอง กมลินทร์ ไม่กลัวผีเว้ย!”ประกาศออกไปให้โลกรับรู้ซึ่งภูเบศธ์ก็ได้แต่พยักหน้าแกนๆรับคำอย่างเสียไม่ได้

“แล้วอย่ามากรี๊ดทีหลังแล้วกัน”ภูเบศธ์พึมพัมกับตัวเองเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เรียกให้สองหันมาถลึงตาใส่ได้อย่างไม่ยากเย็น

“พูดอะไร?!”

“เปล่า...ดูหนังต่อเหอะ”

บอกอย่างเดียวว่ากูเซ็งครับ ที่สองไม่กลัวผีอย่างที่คิดเอาไว้ เพราะอย่างนี้ฝันเลยสลายละลายไปจากหัวหมด!

และแล้วเวลาในโรงหนังก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่หนังบนจอไม่สามารถทำให้ภูเบศธ์สนใจได้ จะมีก็แต่ใบหน้าหวานๆของคนที่นั่งข้างๆพร้อมด้วยมือนุ่มๆที่ถูกมือใหญ่กุมเอาไว้....โดยที่คนตัวเล็กก็ไม่ได้ขัดขืนเหมือนในตอนแรก

“จบแล้ว...ไม่เห็นน่ากลัวเลย”ริมฝีปากเล็กบ่นเบาๆก่อนจะเหลือบมองไปยังมือของตนเองก่อนจะรีบชักมือออกเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าโดนไอ้เด็กเวรข้างๆจับเอาไว้ตั้งแต่แรกจนลืมไปเลย

“ลามปามเกินไปแล้วนะมาจับมือฉันได้ยังไง!”
เมื่อคนเริ่มทยอยออกจากโรงหนัง สองและภูก็จำต้องเดินออกไปตามกลุ่มฝูงชนด้วย พร้อมกับการต่อว่าของสอง

“อ้าว..นึกว่าชอบ...ถ้าไม่ชอบก็ดึงมือออกตั้งแต่แรกก็ได้นี่นา”ร่างสูงลอยหน้าลอยตาพูดทำเอาสองอยากจะกระชากคอภูเบศธ์มาบีบซะให้ตายคามือ

“แล้วหมาตัวไหนมันล็อคมือฉันเอาไว้ล่ะวะ?”

“แล้ววัวแก่ตัวไหนล่ะที่ทำท่าจะลุกหนีลูกเดียว?”

“ไอ้ภูเบศธ์!!!! ”

“เรียกทำไมเหรอครับพี่สอง”

   ทำมาเป็นขานรับหน้าตาเฉย..กูละอยากจะเสยคางมึงให้ฟันร่วงจริงๆเหอะให้ตาย!

“ด่าฉันเป็นวัวอีกแล้วนะ!”

“พี่สองก็ว่าผมเป็นหมาอีกแล้วเหมือนกัน”

ดูท่าทางจะเกิดสงครามย่อมๆตรงทางออกของโรงหนังซะแล้ว

“แต่ฉันไม่ใช่วัว!”สองรีบเถียงกลับ

“ผมก็ไม่ใช่หมาเหมือนกัน”

หน้ามึงน่ะไม่เหมือนหรอกหมาน่ะ...แต่ปากมึงมีหมาเต็มคอกเลยกูรู้!

“ขี้เกียจเถียงด้วยแล้วเว้ย!”สองสบถทิ้งท้ายเพราะรู้ดีว่าไม่เคยเถียงชนะก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวพยายามหนีให้พ้นจากรัศมีความยาวแขนของภูเบศธ์

แขนแม่งก็ยาวเหลือเกิ๊นน กูเดินเท่าไหร่ก็ไม่เคยหนีพ้นวงสวิงมึงสักที!

“จะไปไหน”ถามอีกครั้งพร้อมกับล็อคแขนร่างเล็กเอาไว้ แต่ดูท่าว่าสองจะไม่ยอมหันมาพูดคุยด้วยดีๆ

“ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีนาย!”สองหันมาตอบกระแทกเสียงใส่ พร้อมกับพยายามดึงมือตัวเองออก แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าต้องเดินตามไอ้เด็กตัวใหญ่มันต้อยๆ เพราะดูเหมือนคำพูดของสองจะทำเอาภูเบศธ์อารมณ์ขึ้นได้ง่ายๆ

   จะพากูไปไหนอีกวะ? หวังว่าคงไม่คิดจับกูฆ่าหั่นศพแล้วทิ้งลงแม่น้ำหรอกนะเว้ย!

สองก็ได้แต่คิดหลังจากเห็นใบหน้าอันคร่ำเครียดของร่างสูงหลังจากที่สองพูดว่าไม่อยากอยู่ในที่ที่มีภูเบศธ์

สุดท้ายแล้ว...ภูเบศธ์ก็หยุดลง ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวอาคารของโรงหนังนั้นเอง
สองมองร้านอาหารตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองภูเบศธ์ที่มองเข้าไปในร้านเหมือนอยากจะเข้าไป...แต่ก็ไม่ได้เดินเข้าไปเท่านั้นเอง

หรือว่าเมื่อกี้มึงโมโหหิวแต่ไม่มีตังค์กินข้าว เลยต้องมายืนจ้องเอาหน้าร้าน?

“เห็นผู้หญิงคนนั้นไหม?”ในที่สุดภูเบศธ์ก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบและทำลายจินตนาการของสองเป็นที่เรียบร้อย สองมองเข้าไปในร้านก่อนจะหันมาสบตากับภูเบศธ์อีกครั้ง

“ผู้หญิงคนนั้นทำไมเหรอ?”

“แม่ผมเอง”

เฮ้ย แค่ได้ปล้ำกันคืนเดียว นี่มึงคิดจะพากูมาแนะนำกับครอบครัวเลยเหรอวะ?!

“แต่แม่กับพ่อเลิกกันไปตั้งนานแล้วล่ะ....”

แต่สุดท้าย....สองก็เข้าใจผิดเป็นรอบที่ร้อยแปดสิบแปดของวัน

“แล้ว...ไม่เข้าไปหาแม่หน่อยเหรอ?” ในเมื่อสีหน้าของคนข้างๆดูเรียบนิ่งแถมด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ สองก็ได้แต่มองหน้าภูเบศธ์พร้อมกับถามขึ้นมาเบาๆ...ด้วยความเห็นใจ

ยังว่า ภูเบศธ์ถึงได้ปากหมา เพราะครอบครัวมีปัญหานี่เอง!
(ทฤษฎีของศาสตราจารย์กมลินทร์ ผู้รอบรู้ไปทุกเรื่อง)

“ไม่หรอก...พ่อไม่ยอมให้ติดต่อกับแม่อีกเลย..เพราะแม่เป็นคนทิ้งพวกเรา...”น้ำเสียงของภูเบศธ์พร้อมกับเรื่องราวที่เล่ามาทำเอาฝ่ายที่รับฟังอยู่น้ำตาซึม หันกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นก่อนจะหันกลับมามองภูเบศธ์ด้วยความสงสารปนเห็นใจ

“ทำไมแม่นายถึงใจร้ายจัง...พ่อนายเองก็ใจร้ายนะ..”น้ำใสปริ่มขอบตาพร้อมกับหันหน้าไปอีกทางเพื่อเช็ดน้ำตาลวกๆ เลยไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มร้ายของร่างสูงที่ยินอยู่ข้างๆ

“ถามจริง....เชื่อด้วยเหรอ?” ยังไม่ทันที่จะเช็ดน้ำตาออกหมดจากใบหน้ากลับมีเสียงทุ้มๆเข้ามากระซิบใกล้ๆใบหู ทำเอาสองรีบหันขวับไปทางต้นเสียงทันที

แหมมึง! ยืนยิ้มหน้าบานเชียวนะ...สะใจมากล่ะสิที่หลอกกูได้ ไอ้เด็กชั่ว!

“ไอ้บ้า! อย่าเล่นอย่างนี้อีกนะ มาหลอกว่าเป็นเด็กบ้านแตก เดี๋ยวจะจัดให้มึงหัวแตกแทนซะนี่!” สองถึงขั้นกับลมออกหูทั้งที่ดวงตาแดงก่ำหลังจากเข้าสู่โหมดซึ้งกับเรื่องราวหลอกเด็กที่ภูเบศธ์บรรจงสรรสร้างขึ้นมา เพื่อทดสอบอะไรบางอย่างสองผู้กล้าและเก่งไปซะทุกเรื่อง...แต่สุดท้ายก็อ่อนไหวในเรื่องแบบนี้อยู่ดี~

เจอจุดอ่อนละ คราวนี้ล่ะเสร็จแน่ๆ!

“ฮ่าฮ่า..ก็ไม่คิดว่าจะเชื่อจริงๆนี่นา~ นี่แค่พูดไปนิดเดียวก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว นี่ถ้าผมบอกว่าผมอยู่กับพ่อไม่มีความสุขเลย เพราะพ่อมีแม่ใหม่อะไรทำนองนี้ ท่าทางจะร้องไห้เป็นเขื่อนแตกแน่ๆ! ฮ่าฮ่า”

“ไอ้บ้า! อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ..ฉันไม่ชอบ!”สองตวัดสายตามองร่างสูงอย่างขุ่นเคืองแต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะสุดท้ายก็รู้ตัวดีว่าโง่เองที่ให้คนอื่นเขาหลอกได้ง่ายๆ

“ก็เพราะพี่สองเป็นอย่างนี้ล่ะน้า ผมถึงได้ชอบมากๆยังไงล่ะ” เหมือนเป็นคำพูดที่พูดกับตัวเอง แต่บังเอิญว่าพูดดังไปหน่อยคนข้างๆเขาถึงได้ยินด้วย ถึงสองจะสงสัยในคำพูดของเด็กปากหมา แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่ารู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

“เป็นแบบนี้แล้วเป็นแบบไหนล่ะ?” เอ่ยถามเสียงห้วนทั้งที่ใบหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก

“ก็แบบนี้แหล่ะ”ภูเบศธ์ตอบยิ้มๆ

“แบบไหนล่ะวะ!”

ถามดีๆไม่ค่อยจะยอมตอบ ชอบให้กูตะคอกมากกว่าใช่มะ?

“ก็แบบที่เป็นอยู่...”ภูเบศธ์ตอบอีกครั้งทั้งที่มันไม่ได้ไขข้อสงสัยของสองได้มากขึ้นจากเดิม และยังไม่ทันที่สองจะได้ถามอะไรอีก มือแกร่งก็คว้ามือเล็กนั้นพาเดินเข้าร้านอาหารตรงหน้าเสียแล้ว

“นี่! เมื่อกี้นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ ตอบมาเลย มันข้องใจรู้มั๊ย?”เมื่อหาที่นั่งพร้อมกับการสั่งอาหารไปเสร็จสรรพสองก็อ้าปากถามอีกครั้ง

“ก็เพราะเป็นคนหัวอ่อนใครหลอกก็เชื่อยังไงล่ะ” ถึงจะตรงกับความเป็นจริง(?)แต่ภูเบศธ์ก็คิดว่าคำตอบที่ตัวเองพูดออกมานั้นเป็นคำตอบที่ไม่ได้ตรงกับความจริงในใจของเขา ที่ตอบออกไปอย่างนั้นเพียงเพราะกลบเกลื่นความเขินอายของตัวเองแถมยังได้แอบหลอกกัดบ้าง พอให้ได้ชื่นใจ

“เออ ขอบคุณที่ชม!”

แม่งหลอกด่ากู ไอ้เด็กเวร!

แต่พอลองนึกๆดูแล้ว...เพราะกูเป็นอย่างนี้หรือเปล่าถึงโดนไอ้เพื่อนชั่วปั่นหัวอยู่เช้าเย็น!

“ฮ่าฮ่า ผมล้อเล่นหรอก...ผมมีเหตุผลของผมแล้วกัน”ไม่รู้ว่าสายตาของสองผิดปกติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้สองรู้สึกว่ารอยยิ้มของร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้น..ดูดีเหลือเกิน


ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
______________


“ปล่อยผมเดี่ยวนี้เลยน้า~ ผมจะกลับไปหาพี่สอง!”บอลที่ถูกสองหนุ่มกรและตรฤณร่วมมือกันล็อคตัว แล้วให้ภูเบศธ์ไปเสียบแทนที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้ากำลังโวยวายอย่างเต็มกำลัง แต่สุดท้ายก็สู้แรงผู้ชายสองคนไม่ได้อยู่ดี

“ไม่ได้! ถ้าปล่อยนายไปนายก็จะกลับไปเป็น กขค. ระหว่างสอง กับเด็กของมันสิ!”ตรฤณตะคอกกลับพร้อมกับล็อคแขนขวาของบอลไว้อย่างแน่นหนาโดยมีกรช่วยอีกแรงในการล็อคแขนซ้าย

“แต่ผมมากับพี่สอง ไอ้หมอนั่นไม่ใช่เด็กของพี่สองด้วยซ้ำ”บอลเถียงเสียงแข็ง

“นี่ยังไม่ตาสว่างอีกเหรอ สองน่ะเป็นของภูไปตั้งนานแล้วนะ!..ยังจะไปตามราวีสองไม่เลิกอีก”ถึงคราวกรออกโรงบ้าง

“แต่พี่สองโทรหาผมก่อนนะ!”

“เอ่อ...นั่นก็เป็นเพราะว่าสองคนนั้นทะเลาะกันน่ะสิ เลยเอานายมาเป็นตัวแทนทำประชดไงล่ะ”แล้วตรฤณก็พยายามหาทางมาแย้งบอลจนสำเร็จ

“พี่สองคบกับไอ้หัวเถิกนั่นจริงๆเหรอ?”ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ ก็หลุดคำว่า “โอ๊ย”ออกมาเสียก่อนด้วยน้ำมือของกร

“มาด่าหลานรหัสฉันอย่างนั้นได้ยังไงหา! หา! หน้าผากตัวเองแคบนักนี่~ นี่ๆ จมูกก็บานได้อีก ยังไม่รู้ตัว!”กรด่าออกมาเป็นชุดพร้อมด้วยมือที่ยกขึ้นขู่ว่าจะฟาดลงกะบาลของเด็กปากไม่ดีอีกรอบ ถึงกรจะคิดว่าภูเบศธ์นั้นหัวเถิก...แต่โทษทีหลานรหัสกูด่าได้คนเดียว คนอื่นห้ามด่า!

“ก็มันจริงนี่~”

“กล้าเถียงเหรอห๊า!”กรขึ้นเสียงใส่ทำท่าจะฟาดลงอีกรอบทำเอาบอลต้องสงบปากสงบคำไป ตรฤณที่มองภาพตรงหน้าอยู่ก็ถึงกับหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“กร...นายชักจะเหมือนพวกมาเฟียขู่รีดไถเงินเอากับเด็กเลย รู้ตัวมะ? ฮ่าฮ่า”

หรือจะให้กูเป็นมาเฟีย..แล้วกรเป็นเมียมาเฟียดี?

“นี่ก็อีกคนอยากโดนมากหรือไงห๊า! ไม่พูดขึ้นมาก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอก”
เอ่อ..กูคาดว่าถ้าเกิดมีคนอยากทำหนังเรื่อง “ขอโทษครับ เมียผมเป็นมาเฟีย” สงสัยผู้กำกับต้องมาทาบทามให้กูเป็นพระเอกแน่เลยว่ะ!

“ครับๆ...ไม่พูดก็ไม่พูด”สุดท้ายตรฤณก็ต้องยอมสงบปากสงบคำตามไอ้เด็กบอลไปติดๆ

“ไม่รู้ว่าฝั่งนู้นจะเป็นยังไงแล้ว...นี่ตรฤณโทรถามไอ้ภูเบศธ์มันหน่อยสิ”

พอเห็นกูสงบปากสงบคำดี ได้ทีก็สั่งๆๆ อย่างเนี้ยล่ะครับ เกิดเป็นสามีมาเฟียทั้งทีก็ต้องทนเอาหน่อย~
แต่อย่าได้แอบไปบอกกรเชียวนะครับ ว่าผมเรียกเขาว่า “เมีย” เพราะผมอาจโดนมาเฟียเผานั่งยางได้ง่ายๆ

ว่าแล้วมือใหญ่ก็ควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออก

~เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่ค่ะ~

เสียงหวานๆของระบบตอบรับอัตโนมัติ ทำให้ตรฤณมองมือถืออย่างเซ็งๆ พลางคิดไปว่าภูเบศธ์คงจะปิดมือถือตอนอยู่ในโรงหนังแล้วลืมเปิดเครื่อง

“มันปิดเครื่องอ่ะ”ตรฤณหันไปบอกกรที่นั่งคุมบอลอยู่

“ก็โทรไปอีก...โทรจนกว่าจะติด..ถ้าไม่ติดไม่ต้องหันมาบอก!”

กูขอถามสักคำถาม...อะไรมันเข้าสิงร่างของทิวากรครับ?...กรุณาออกจากร่างทีเห๊อะ กูกลัวจนน้ำตาแทบเล็ดแล้ว!

“ฮัลโหลภูเบศธ์เหรอ?”  เวลาผ่านไปได้สามสิบสองนาทีกับอีกสี่สิบสี่วินาทีหลังจากที่ตรฤณพยายามโทรหาภูเบศธ์ ในที่สุดก็เปิดเครื่องแล้วรับสายได้สักที

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”เสียงที่ตอบกลับมากดูเบากว่าปกติ ถ้าหากตรฤณเดาไม่ผิดคงแอบรับสายในขณะที่อยู่กับสอง

“กรให้โทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง? โอเคดีหรือเปล่า? หรือว่าโดนไอ้สองเตะผ่าหมากเข้าให้แล้ว”ตรฤณรีบถามรัวหลายคำถามทันทีที่อีกฝ่ายเปิดทางให้พูด

“ไม่ต้องอวยพรขนาดนั้นก็ได้ครับ...เอาเป็นว่าพายุไม่เข้าลมสงบก็พอแล้ว”ภูเบศธ์ตอบกลับพร้อมกับเหลือบมองร่างเล็กที่กำลังเดินไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมายตรงทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตนเองพามา

“ว่าแต่ตอนนี้อยู่ไหนล่ะ? ฉันจะปล่อยบอลได้หรือยัง”

“ปล่อยเถอะครับ..ตอนนี้ผมอยู่ที่แม่น้ำเจ้าพระยาไกลจากโรงหนังตั้งเยอะเลย”ภูเบศธ์ตอบพร้อมกับมองสองอีกครั้งแล้วตัดสายไป



“ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?”ร่างสูงเดินเข้าไปขนาบข้างร่างเล็กที่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษที่ได้มาเดินเล่นริมแม่น้ำยามกลางคืนเช่นนี้

“นายไม่ใช่เหรอที่ชอบน่ะ”สองไม่ตอบคำถามแต่กลับถามกลับเรียกรอยยิ้มจากภูเบศธ์ได้ไม่ยาก  เพราะว่าตนเองเป็นคนบอกเองว่าจะพาสองไปยังสถานที่ตัวเองชอบไป

“ก็แค่คิดไว้แล้วน่ะ...ว่าพี่สองต้องชอบเหมือนกัน”ภูเบศธ์ยิ้มกับคำพูดของตัวเอง แต่ก็ต้องรีบหุมบยิ้มเมื่อเจอสายตาดุๆของสอง
เมื่อกี้ก็อารมณ์ดีอยู่แท้ๆ...แต่จู่ๆมาตีหน้ายักษ์ใส่กูอีกละ!

“อย่าสำคัญตัวเองผิด แค่ลมมันเย็นเลยทำให้อารมณ์ดีเท่านั้นแหล่ะ”สองพูดขึ้นพร้อมกับการเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นก่อนจะไปเกาะเข้ากับราวเหล็กกั้น    แล้วโยกตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ได้รับลมได้เต็มที่ แต่อาจจะเพราะสบายไปหน่อยเลยทำให้สองเผลอแล้วคลายมือจากราวเหล็กจนหน้าเกือบทิ่มลงแม่น้ำ

“อ๊ะ!”

“ระวังหน่อยสิ”แต่ดีที่ร่างสูงคว้าเอามาแนบกับอกตัวเองไว้ได้ทัน ใบหน้าหวานตกใจก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่โอบตนเองเอาไว้ ทำให้ใบหน้าของคนทั้งสองห่างกันเพียงแค่คืบ พร้อมกับสายตาสองคู่ที่จ้องประสานกัน ทั้งคู่ต่างก็มองตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งใบหน้าคมเลื่อนลงไปใกล้กับร่างเล็กเรื่อยๆ....เรื่อยๆ...จนแทบจะแนบชิดติดกัน



~RRRRRRRRRRRR~

เสียงโทรศัพท์มือถือของใครสักคนดังขึ้น เรียกสติของคนทั้งสองให้ผละออกจากกัน ทั้งสองและภูเบศธ์ทำอะไรไม่ถูกจนไม่รู้ว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังนั้นเป็นของใครเพราะทั้งสองต่างก็ควานหามือถือในกระเป๋ากางเกงกันทั้งคู่

“สวัสดีครับ?”และแล้วมันก็คือโทรศัพท์ของสอง ภูเบศธ์เองก็หันหน้าออกจากสองไปมองน้ำมองฟ้าไปตามประสาของคนที่พยายามระงับความขุ่นเคือง   ที่โดนขัดจังหวะเวลาโรแมนติค

“มีไร?”

‘เป็นไงบ้าง..อยู่กับไอ้เด็กปากหมานั่น..มีความสุขดีมะ? เมื่อกี้กูเห็นมึงกะมันจะจูบกันอยู่รอมร่อ ฮ่าฮ่า!’

“อ่อ! ที่ไอ้เด็กนี่ระเห็จมาดูหนังกับกูได้เพราะมึงใช่มะ? แล้วนี่มึงอยู่ไหนเนี่ย บอกกูมาเดี่ยวนี้”สองพูดไปก็หมุนตัวรอบทิศเพื่อเสาะหาเจ้าของเสียง แต่แล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า

‘เออ กูโทรมาขัดมึงแค่นี้ล่ะ..โอ๊ย โอ๊ย...เดี๋ยวกูขอเคลียร์กับเมียเดี๋ยว โอ๊ย!

เสียงร้องโอ๊ยเป็นคำสุดท้ายที่สองได้ยินจากปลายสาย และกำลังคิดอยู่ว่าจะได้ยินเสียงนี้อีกมั๊ยหลังจากได้ยินเสียงกรเล็ดลอดเข้ามาบ้าง ประมาณว่า ไปขัดๆ อะไรสักอย่าง เกรงว่าตรฤณจะจบชีวิตทันทีหลังจากที่วางสายไปก็เท่านั้น

“เอ่อ...อยากกลับแล้วล่ะ”พอวางสายไป ก็หันไปบอกกับภูเบศธ์เพราะตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว แค่นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หน้าก็แดงขึ้นมาซะแล้ว

เมื่อกี้นี้บรรยากาศพาไป...กูก็ไม่นับเหมือนเดิมเว้ย!

“ให้ไปส่งมั๊ย?”

ได้ข่าวว่ามึงเป็นคนลากสังขารกูมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยามันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอที่จะต้องไปส่งกู!

“ถ้าไม่ไปส่งจะให้ฉันเดินกลับเองหรือไง?”พูดจบก็เดินนำภูเบศธ์กลับไปที่รถของกรที่ภูเบศธ์ขับพาสองออกมา

ในที่สุด...ก็ถึงหอพักของสองโดยสวัสดิภาพ และไม่กัดกันตายคารถเสียก่อน

“ให้ขึ้นไปส่งมั๊ย?”

“ไม่จำเป็น..”
เพราะเกรงว่าถ้า “บรรยากาศ” มันพาไปอีก..จะเป็นการหาเรื่องเสียตัวอีกเปล่าๆ

“งั้น..ฝันดีนะครับ...พี่สอง” ภูเบศธ์ก้มลงมองลอดหน้าต่างฝั่งขวาก่อนจะยิ้มหวานและโบกมือลา ทำเอาสองใจสั่นอีกรอบโดยที่เริ่มจะรู้ตัวว่าตนเองต้องมีอะไรผิดปกติ ตั้งแต่เห็นว่าไอ้เด็กปากหมายิ้มแล้วดูดี แล้วไหนจะคำพูดบอกว่า “ฝันดี” แค่เนี้ยใจก็เต้นโครมครามจนจะออกมาเต้นอยู่นอกอก...งานนี้สองต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ

“เออ!”สองรับคำห้วนๆก่อนจะโบกมือลาทั้งที่ได้หันกลับไปมอง ภูเบศธ์ที่แอบยิ้มด้วยความสุขใจ

เข้าใกล้ได้อีกนิดนึงแล้วสินะ...หัวใจของสองน่ะ...
ภูเบศธ์ยิ้มค้างกับท่าทางของร่างเล็ก ก่อนจะออกรถไปด้วยรอยยิ้ม

___________________


“บ้าๆๆ ! สองมึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”สองกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อรับรู้เสียงหัวใจของตนเองที่เต้นตึกตักได้ดังเหลือเกิน

“แค่คำว่าฝันดี...เด็กมึงก็พูดออกบ่อย...อย่าหวั่นไหวสิ...อย่าหวั่นไหว..” สองพยายามพูดกับตัวเองอยู่คนเดียว เพื่อทำให้จิตใจสงบขึ้นมาพร้อมกับการหายใจเข้าออกลึกๆ แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจดวงน้อยๆก็ไม่เคยคิดจะทำตามคำสั่งอยู่ดี

~RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR~

เสียงโทรศัพท์ร้องเรียกสติอีกครั้ง ทำให้สองต้องทิ้งเรื่องหัวใจเอาไว้สักครู่แล้วมองโทรศัพท์ที่ขึ้นเบอร์แปลกๆ

“สวัสดีครับ”

‘สอง...นี่ฉันเองนะ...’

“วิน...”

“ใช่กูเอง...กูถึงไทยแล้วนะ”

ทั้งที่ดีใจจนอยากร้องออกมาดังๆ    เพราะคนที่แอบรักมาตลอดได้กลับมาเสียทีแต่ทำไมตอนนี้สองถึงได้แปลกๆที่อกข้างซ้ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   เพราะว่าชวินกำลังจะกลับมา...
   หรือเพราะรู้ว่าภูเบศธ์กำลังจะหายไปจากใจกันแน่



TBC

คราวนี้ ชวิน กลับมาออกโรงจริงๆนะคะ ฮ่าฮ่า...เห็นชื่อโผล่มาหลายตอน แต่ตัวยังไม่โผล่..
ตอนหน้าชวินโผล่แน่ค่ะ ฮ่าฮ่า เดี่ยวมาคอยดูกันว่า...ชวินจะเป็นอย่างไร อิอิ o18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2012 19:45:00 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
เริ่มหวั่นไหวแล้วกับชวินขอให้เป็นเพื่อนกันต่อไปนะ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ความซวยมาเยือนนายแล้วภู...

...เดอะวินเนอร์คนเก่าเขามาแล่วววว

เชียร์พระเอก!!!

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
ภูจีบยังไม่คืบหน้าเลยยยย....แล้ววินจะกลับมาอีก...
ทำใจนะภู....

หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
พี่ชวินพี่อย่ามาเปลี่ยนแนวเอาตอนนี้นะ ไม่งั้นบ้านพี่โดนเผาแน่ๆ o18

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
มาแล้วๆ
รักแรก ปะทะ รักสุดท้าย..

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
งานเข้าแล้วววววภูเอ๊ยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ร้ายกาจๆ........สองจะเลือกใครนะ

แอบสงสารภูเหมือนกานะนี่ ถ้าสองเลือกที่จะรักวินข้างเดียวเหมือนเดิม

ตายแระๆ ต้องตามอ่าน อิอิ

อย่าลืมมาต่ออีกน้า อิอิ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 10 เพื่อนสนิทคิดลักหลับ

“วิน...”

‘ใช่กูเอง...กูถึงไทยแล้วนะ’

______________


“เฮ้ย! มึงถึงไทยแล้วจริงๆเหรอ? ไหนบอกว่าอีกเดือนนึงไง?”ดวงตาเรียวเล็กเบิกโพลงด้วความตกใจเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของเพื่อนรักผ่านโทรศัพท์

‘เปล่า กูล้อเล่น  มึงเชื่อด้วยเหรอ?’สองกำมือแน่นพร้อมด้วยการกัดฟันระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้

แม่งคุยกับกูทีไร หาเรื่องทำให้กูโง่ได้ทุกที!!

จะว่าไปวันนี้กูโดนหลอกมากี่รอบแล้ววะ? นับรวมนิ้วมือนิ้วตีนยังไม่เท่ากับครั้งที่กูโดนหลอกเลย!

“เออ! แล้วโทรมามีไร?”

‘โทรมาหลอกให้คนบางคนดีใจเล่น’ น้ำเสียงขี้เล่นของชวินทำเอาสองยิ้มตามได้ไม่ยากนักถึงก่อนหน้านี้จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ก็ตามที

“ใครดีใจ! อย่ามาสำคัญตัวเองผิดนะเว้ย”ถึงจะถามกลับด้วยเสียงห้วนๆแต่ริมฝีปากบางกลับยกยิ้มด้วยความดีใจ

‘เหรอ?...มึงแน่ใจจริงๆเหรอว่ามึงจะไม่ดีใจที่กูกลับมา’ชวินถามลองเชิง

“ก็ตอนนี้มึงยังไม่กลับมา กูจะดีใจหาเป็ดอะไรล่ะ?”น้ำเสียงของสองก็ดูจะไม่ใส่ใจอะไรนักกับสิ่งที่ชวินพูด กลับเดินไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแผ่ด้วยความสบายใจ

‘มึงเปิดประตูสิ แล้วมึงจะรู้’ ถึงสองจะรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของวิน แต่ก็ยอมลากสังขารตัวเองไปยังหน้าประตูแล้วเปิดมันออกโดยที่ไม่ได้ส่องตาแมวก่อน

“Hi....My Friend”
เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่ก็ทำให้สองทิ้งมือถือแล้วกระโดดกอดร่างสูงโปร่งที่ยืนรออยู่หน้าประตูทันที

“วิน...มึงกลับมาแล้วเหรอ? นี่มึงจริงๆใช่มั๊ย? แล้วไปอยู่ที่เมกาตั้งนานทำไมมึงยังดำเหมือนเดิมเลยวะ?”ได้ทีถามรัวเป็นชุดๆ แต่วินกลับไม่เลือกที่จะตอบแล้วดันให้สองเข้าห้องพร้อมกับสมภาระเยอะแยะที่วินหอบหิ้วติดตัวมาด้วยถึงไม่เยอะ...แต่ก็ไม่ได้น้อย

“กูอยากนอน..”พอเข้ามาในห้องปุ๊บวินก็ทำตาปรือปรอยคล้ายคนง่วงจริงๆ

“เดี๋ยวมึงยังไม่ตอบคำถามกูเลย...แต่ที่สำคัญมึงรู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นี่...   นี่วิน!”แต่ดูท่าว่าจะสายไปเสียแล้ว กับคนตัวใหญ่ที่เดินเข้ามาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงคนอื่นอย่างไม่เกรงใจเจ้าของเตียงเลยสักนิด แต่ดวงตาคมยังปิดสนิทเป็นสิ่งยืนยันคำพูดได้ดีทีเดียว

“วิน....ไอ้คุณชวิ๊น! นี่เตียงกูนะ..ถ้ามึงนอนนี่แล้วกูจะนอนไหนเล่า!”ถึงจะโวยวายให้โลกแตก แต่ดูท่าว่าคุณชวินจะเข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่อยากหันมาสนใจเสียงนกเสียงกาที่ดังอยู่รอบๆบริเวณ

“ไอ้ดำ!” สองตะโกนใส่คนที่นอนหลับอุตุบนเตียงตนเองอย่างเหลืออด แต่สุดท้ายก็ได้แค่เพียงความเงียบกลับคืนมา จนเจ้าของเตียงถึงกับถอนหายใจเตรียมหันหลังเดินหนี

“ก็นอนด้วยกันบนเตียงนี่แหล่ะ..ไม่เห็นจะเป็นไร” แต่เสียงของวินกลับรั้งให้สองหันกลับไปสนใจร่างที่นอนบนเตียงอีกครั้ง

“นี่มึงจะยั่วกูเหรอ?”สองหยั่งเชิงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง

“.............”ใช้ความเงียบแทนคำตอบ

“นี่~ กูเคยปล้ำเด็กในฮาเร็มแล้วนะเว้ยอย่ามาท้า”   สองพูดขึ้นอีกครั้งแต่ดูท่าว่าชวินจะยังใช้ความเงียบแทนคำตอบเช่นเดิม

ว่าแต่กูไปนับไอ้เด็กเวรนั่นเป็นเด็กในสังกัดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
หรือว่ากูลืมไปว่าเมาไม่นับ?(ว่าแล้วก็เกาหัว)

“นี่..กูพูดจริงนะวิน มึงไม่กลัวกูลักหลับมึงจริงๆเหรอ?”สองก้มลงไปใกล้ๆกับใบหน้าคมก่อนจะกระซิบถามเบาๆทั้งที่น้ำเสียงติดจะล้อเล่นอยู่ในที

“ทำเมียให้เป็นก่อนแล้วค่อยมาลักหลับกู”

ในที่สุดเสียงที่สองอยากได้ยินก็ดังขึ้นมา ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพอใจที่วินยอมลืมตาตื่นแล้วหันมาสนใจตนเองสักที

“แล้วถ้ากูทำเมียเป็น มึงจะยอมเป็นเมียกูมั๊ยล่ะ?”สองเริ่มวกเข้าเรื่องสองแง่สามง่ามจนวินต้องเด้งตัวลุกขึ้นมาแล้วผลักหัวกลมๆของเพื่อนตัวเล็กเบาๆ

“อย่ามาทำกูขนลุกแถวนี้ไอ้สอง” วินมองหน้าเพื่อนตัวเล็กก่อนจะดีดหนาผากมนอีกครั้งเพื่อเตือนสติ แต่ถึงสองจะโดนผลักหัวบ้าง ดีดหน้าผากบ้าง กลับไม่ร้องโวยวายหรือโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง...หากแต่ตอนนี้สองกลับยิ้มจนแก้มแทบปริราวกับไม่ใช่สองของเพื่อน ที่คอยแต่จะหาเรื่องต่อยได้ทุกเมื่อหากตรฤณทำอะไรให้สองไม่พอใจ หรือสองรุ่นพี่ที่น่ารักของภูเบศธ์เด็กปากหมาที่เจอหน้าเมื่อไหร่ต้องเตรียมลับริมฝีปากไว้ปะทะต่อสู้....

แต่ถ้าเป็นวิน...สองกลับยิ้มรับราวกับไม่ใช่ตัวของตัวเอง

“ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่นี่?”ร่างเล็กถามเสียงเจื้อยแจ้วจนวินต้องอมยิ้ม

“โทรถามที่บ้านมึงกริ๊กเดียวก็รู้แล้ว” ชวินตอบความจริงเพราะตั้งแต่ลงเหยียบแผ่นดินไทยก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อใครอยากทำเซอไพร์สเพื่อนเกลอสองหน่อ เลยจำต้องโทรกลับไปถามเอาถึงแม่ของสองรวมถึงแม่ของตรฤณ แต่ทว่ารายหลังนี้โทรไปหาไม่ติด พอลองโทรหาสองปรากฏว่ารับสาย วินจึงเลือกที่จะมาหาสองก่อนก็เท่านั้น

“แล้วมึงไม่กลับบ้าน?” สองรัวคำถามต่อทันทีเหมือนกับเป็นนักข่าวหัวเห็ดที่เจอดาราดังแล้วต้องรีบรัวคำถามเป็นชุดๆเผื่อดาราคนนั้นมีเวลาให้น้อย

“ถ้ากูกลับบ้านเกรงว่าจะไม่ได้โผล่หน้ามาให้พวกมึงเห็น พ่อกูจับกูยัดเข้าทำงานกับญาติเรียบร้อย...เห็นแบบนี้กูเลยรีบกลับมาก่อนกำหนดเพื่อจะมาอยู่กับพวกมึง” และประโยคนี้เองที่ไขข้อสงสัยให้สองได้หมดทุกคำถามจนเจ้าตัวไม่ต้องยิงคำถามอีก

“ยังไง..สงสัยต้องวานให้พวกมึงพากูเที่ยวสักหน่อยละ~ ฮ้า...ชีวิตหลังเรียนจบของกู”วินพูดด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเอนหลังลงบนเตียงอีกครั้ง

“แต่กูยังเรียนไม่จบสักหน่อย...”สองพูดพร้อมกับตีหน้าเศร้าเมื่อนึกไปถึงเกรดอันสวยงามของตนเองที่สั่งสมมาตั้งแต่ปีหนึ่งที่ดูท่าว่าจะได้สี่จุดเหมือนอย่างชาวบ้านเขาบ้างแต่หากต้องเป็นการเอาเกรดสักสองเทอมมารวมกัน...คิดแล้วก็เศร้า

ว่าแล้วร่างเล็กก็เอนหลังลงบนเตียงบ้าง แล้วบังเอิญว่าหัวกลมๆนั้นกลับนอนลงบนท่อนแขนของชวินราวกับตั้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นชวินไม่ได้คิดเอาแขนออกแต่อย่างใดกลับให้สองนอนอยู่อย่างนั้น

“นี่..มึงให้กูนอนแขนมึงอย่างนี้..กูคิดลึกนะเว้ย~”

สองพูดยิ้มๆก่อนจะร้อง “โอ๊ย” ตามมาทันทีเมื่อฝ่ายที่เสียเปรียบดึงแขนตัวเองออกทำให้หัวทุยๆของสองกระแทกลงกับเตียงนอนโดยไร้หมอนนุ่มๆรองรับ

“เวรนี่! มึงเอาออกทำไมกูกำลังนอนสบาย”สองหันไปขึ้นเสียงใส่ชวินพร้อมกับลูบหัวทุยๆของตัวเองจนชวินต้องหลุดหัวเราะ

“ก็มึงอยากพูดจาส่อแบบนั้นเองนี่หว่า..ว่าแต่เจ็บมากมั๊ยวะ?” ถึงจะหัวเราะเยาะแต่วินกลับใช้มือใหญ่ๆของตนเองยีหัวสองเบาๆอย่างเป็นห่วง

“เจ็บดิ มึงมาลองมั๊ยล่ะ?!”    สองถลึงตาใส่วินอีกครั้งแต่ถึงอย่างนั้นตัวต้นเหตุก็กลับหัวเราะไม่หยุดและไม่มีทีท่าว่าจะกลัวสายตาดุๆราวกับลูกแมวตัวน้อยเลย จะมีก็แต่ตรฤณคนเดียวซะล่ะมั้งที่ทำท่ากลัวสองเสียเต็มประดาเวลาสองขึ้นเสียงขู่ ทั้งที่ความจริงคงไม่เคยมีคนบอกสองว่าไอ้ท่าทางโกรธหรือโมโหของสองนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรฤณทำไปเพื่ออะไร..เวลาสองขึ้นเสียงใส่ล่ะทำเป็นหงอทุกที

“พอดีกูไม่ได้โง่ เลยไม่อยากจะลอง”ชวินยักคิ้วกวนๆให้หนึ่งทีก่อนจะโดนกำปั้นเล็กชกเข้าให้ที่ต้นแขนถึงไม่เจ็บจนต้องร้องออกมาแต่ก็ขอถลกแขนเสื้อดูสักหน่อยว่าแดงไปหรือเปล่า...

..ตัวเล็ก มือก็เล็ก แต่แรงไม่เล็กตามตัวเลยว่ะ..

“มึงนี่ชอบด่าว่ากูโง่เหมือนไอ้เด็กเวรนั่นเลย!”พอโดนตอกย้ำความทรงจำ สองกลับเห็นหน้าภูเบศธ์ลอยขึ้นมาทันที

“เด็กไหน?...ไอ้เด็กปากหมาที่มึงเคยเล่าให้กูฟังอ่ะนะ?”

“เออ ปากหมาเหมือนมึงอ่ะ! จำได้ยัง?”
มาว่าแต่กูปากหมา มึงนี่จะว่าไปก็ปากกรรไกรตัวพ่อเหมือนกันล่ะวะสอง!

“ที่ได้เวอร์จิ้นมึงอ่ะนะ?”

พอโดนคำถามนี้ยิงกลับแทบทำเอาสองลมจับได้ง่ายๆ

“อ๊ากกกก! อย่ารื้อฟื้น กูลืมไปหมดแล้ว!”ถึงปากจะโวยวายว่าลืมๆ แต่ใบหน้าหวานกลับแดงซ่านเหมือนสาวน้อยแรกรุ่นเวลานึกถึงเรื่องสวีทหวานแหว๋วกับคนรัก

“มึงนี่เขินน่ากลัวว่ะสอง มึงรู้ตัวบ้างมะ?”วินมองเพื่อนรักด้วยอาการกลั้นหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทางของสองฟัดเหวี่ยงไปมาเหมือนกับพยายามทำเข้มปกปิดความเขินตัวเอง แต่คนอย่างสองนั้นมองออกง่าย เพราะคงเป็นคนตรงๆคิดอะไรสีหน้าท่าทางก็จะออกมาอย่างนั้น เลยกลายเป็นถูกแกล้งเอาอยู่บ่อยๆ

“ไม่รู้เว้ย! แล้วที่สำคัญกูไม่ได้เขิน! ”

แล้วไอ้ที่ตบป้าบๆที่ไหล่กูพร้อมด้วยแก้มแดงเป็นตูดลิง กูถามจริงๆว่านี่แถวบ้านมึงเขาไม่เรียกว่าเขิน?

แต่พอดีคงเป็นพวกเขินรุนแรงไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะฉะนั้นเวลาสองเขินกรุณาอยู่ห่างให้พ้นรัศมีครีบ ชวินคนนี้ขอเตือนด้วยความหวังดี

“แน่ใจ?....หรือว่ามึงชอบเด็กนั่นเข้าแล้ว”

“หือ? กูเนี่ยนะชอบเด็กนั่น ตลกแล้ววิน สมองมึงมีไว้คิดน้า~ ไม่ใช่มีไว้ประดับอยู่บนหัว”

“แหม~ กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงมีสมองไว้ใช้หรือมีไว้ให้หนักหัวมึงเล่น?”

   """"................. .........""...มึงถึงได้โดนไอ้ตรฤณกับพรรคพวกรวมหัวหลอกได้ทุกวี่ทุกวัน!

“เจ็บอ่ะ! เจ็บจี๊ดเลยมึง”

สองทำหน้าบูดก่อนจะค้อนเข้าให้หนึ่งวงสวิงพอดิบพอดี

“ก็มึงอยากมาว่ากูก่อนเองช่วยไม่ได้~”พูดจบก็ล้มตัวลงนอนปิดท้ายด้วยการปิดเปลือกตาลงเสียสนิททำเอาสองไม่กล้ารบกวนอีกครั้งคงเพราะรู้ว่าวินคงจะเหนื่อยกับการเดินทางมาที่ไทยจริงๆ

อีกอย่างสิ่งที่ตัวเองสงสัย วินก็ไขให้กระจ่าง พร้อมด้วยการพูดเล่นกันอีกนิดหน่อย ก็ช่วยให้สองหายคิดถึงเพื่อนรักคนนี้ได้เยอะ

“จะนอนแล้วเหรอ?”แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ยังอยากที่จะถามอีกสักหนึ่งคำถาม

“อือ....”พอได้รับคำตอบสองก็ถอนหายใจก่อนจะเดินลุกจากเตียงไปอาบน้ำ...แล้วค่อยมาคิดอีกทีว่าจะเอายังไงเรื่องที่นอน

______________



“โถ่..กร คืนโทรศัพท์ให้ฉันเหอะนะ..นะๆๆ” สีหน้าร่างสูงดูหวั่นวิตกพร้อมกับอาการพูดขอร้องอยู่นานหลายชั่วโมง เมื่อเห็นว่ากรถือเครื่องมือสื่อสารของตรฤณเอาไว้ในมือ แต่สาเหตุที่ทำให้ตรฤณขอร้องเสียงอ่อนเสียงหวาน อาจคงจะเป็นเพราะว่ามือข้างที่ถือโทรศัพท์ของตรฤณ กลับยื่นออกไปด้านนอก ถ้าปล่อยเมื่อไหร่ ก็ตกน้ำดังตู้ม! เมื่อนั้น

ทำไมสถานที่พลอดรักของไอ้ภู แต่พอถึงทีกูกลายเป็นสนามรบได้วะ?

เพราะตอนนี้กรประหนึ่งเป็นเครื่องบินรบอเมริการเตรียมหย่อนปรมาณูที่เมื่อฮิโรชิม่าแต่ทว่า ณ ประเทศไทย จากระเบิดก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นมือถือของตรฤณก็เท่านั้นเอง

“รู้ใช่มั๊ยว่ามือถือเค้ามีไว้สื่อสารให้เป็นประโยชน์..ไม่ใช่ให้โทรไปขัดความสุขของคนอื่น...รู้ใช่มั๊ย!!” กรขึ้นเสียงถามแถมท้ายด้วยการทำท่าจะปล่อยโทรศัพท์ของตรฤณอยู่รอมร่อจนตรฤณต้องคอยลุ้นว่าสุดท้ายแล้วมือถือสุดรักของเขาจะตกลงแม่น้ำหรือว่าจะยังคงอยู่ในมือของกรต่อไป

“เฮ้ยๆๆ กรทำอย่างนั้นเดี๋ยวมันก็ตกน้ำหรอกมันแพงนะ~”
ตรฤณพยายามทำเสียงอ่อนเต็มที่เผื่อว่ากรจะเห็นใจ แต่สุดท้ายทุกสิ่งที่ตรฤณทำมายิ่งพยายามเท่าไหร่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเข้าใกล้ศูนย์ขึ้นทุกที

เพราะสุดท้าย...กรก็ปล่อยมันลงไปอยู่ดี ตรฤณได้แต่หลับตาปี๋ไม่อยากเห็นภาพอันน่าสลดที่เมือถือสุดรักต้องตกน้ำตายอย่างน่าเวทนา โดยที่เจ้าของมันก็ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ได้

เอ๊ะ?  ทำไมไม่มีเสียง ตู้ม! วะ?

พอลืมตาขึ้นมาอีกที โทรศัพท์มือถือกลับยังคงอยู่ในมือของกรเช่นเดิม ตรฤณจึงคาดการณ์เอาว่า กรคงกะปล่อยให้เขาใจเสียเล่น    แต่สุดท้ายก็คงไปงมมันกลับมาให้ อ่า...ไม่สิคงยังไม่ถึงขั้นลงไปงมในน้ำ อาจจะถึงเพียงแค่ว่าพอปล่อยปุ๊บก็รีบเลื่อนมือลงไปคว้าปั๊บก่อนที่มันจะตกน้ำก็เท่านั้นเอง

เฮ้อ...โล่งอก...ลูกจ๋าเรายังมีบุญวาสนาต่อกันอยู่สินะ~
ตรฤณมองลูกในมือของกรด้วยความปลาบปลื้มใจ จนน้ำตาจะไหลเลยล่ะ

“ทีหลังอย่าโทรไปขัดคู่นั้นอีกเข้าใจ?”
ในที่สุดกรก็ยื่นมือถือกลับให้ตรฤณคืน แต่ตรฤณกลับคว้าทั้งมือถือ...และมือคนถือ แล้วยิ้มแก้มปริ ทั้งดีใจที่ได้มือถือคืน..และดีใจที่หาโอกาสจับมือนุ่มๆของกรได้

“ปล่อย...”ถึงน้ำเสียงของกรจะดูราบเรียบแต่ตรฤณคาดว่ามันคงคล้ายกับคลื่นสึนามิที่ก่อนเกิดลมมันจะสงบแล้วเตรียมโถมคลื่นยักษ์ได้ทุกเมื่อหลังจากนี้    เพราะฉะนั้นตรฤณจึงจำต้องปล่อยมือเสียตอนนี้ ก่อนที่จะโดนมืออีกข้างของกรที่ยังว่างอยู่ตะปบหูเข้าให้

“นี่กร....นายไม่คิด สนใจใครจริงๆเหรอ?”ในเมื่อลมสงบชวนหวาดเสียวเมื่อครู่กลายเป็นลมสงบจริงๆไม่ได้มีคลื่นยักษ์เตรียมถล่มแต่อย่างใด ทั้งตรฤณและกรก็พากันเดินเพื่อที่จะกลับไปที่รถของตรฤณ แต่เมื่อลมเย็นบรรยากาศสบายๆ จู่ๆตรฤณก็อยากนึกโรแมนติคสวีทหวานแหว๋วเหมือนสองกับภูเบศธ์บ้าง เลยกลั้นใจถามออกมา โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำตอบนั้นจะออกมาในรูปแบบไหน จะเป็นการเตะก้านคอ ตบหัว หรือเหยียบเท้า..ก็คงต้องทำใจรับล่ะนะ..

ทำไงได้ ก็ตกหลุมรักคนโหดไปแล้วหมดใจ ดึงขึ้นก็ไม่ไหวแล้วล่ะตอนนี้~

“ถามทำไม..จะจีบเหรอ?”ตรฤณรีบหันไปมองใบหน้าหวานที่เดินอยู่ข้างๆด้วยความตกตะลึง

ตะลึงแรก กรไม่มีอาการที่เรียกว่า “พายุใต้ฝุ่น” เข้า

ตะลึงที่สอง ดันมาถามกลับว่าตรฤณจะ “จะจีบเหรอ?”

นี่กูส่งสายตาหวานๆให้ขนาดนี้.. นี่ยังไม่รู้ว่ากูจีบอีก?

“คงงั้น....มั้ง”ในที่สุดก็กล้าที่จะตอบตามความจริงถึงจะแอบสั่นบ้างเล็กน้อยถึงปานกลาง

“อือ”

“หือ?...ที่ตอบ ‘อือ’ เนี่ยหมายความว่ายังไง?”

“ก็หมายความว่า...อือ...ยังไงล่ะ”กรตอบคำถามอีกครั้งก่อนจะรีบเดินนำหน้าตรฤณไปทั้งที่แอบอมยิ้มเอาไว้แต่แค่ไม่อยากให้ตรฤณเห็นก็เท่านั้นเอง~

______________


“นี่ตรฤณ..ไปคณะยัง?...อ่อ..โอเค...กูมีอะไรเซอร์ไพร์ส”

พูดเพียงสองถึงสามประโยคสองก็ตัดสายไป  หลังจากที่ติดต่อตรฤณได้อีกทีในช่วงเช้าของอีกวัน หลังจากที่ตรฤณปิดมือถือไปทั้งคืน

“นี่กะไม่บอกตรฤณมันจริงๆเหรอ?” วินเดินเข้ามาถามหลังจากที่เห็นสองออกไปโทรศัพท์อยู่นอกระเบียงห้อง

“อือ...กะทำให้มันหัวใจวายตายไปเลย ฮ่าฮ่า มึงไปเข้าคณะกับกูนะ~”สองพูดยิ้มๆก่อนจะพูดแกมอ้อนเพื่อให้วินยอมตามตัวเองไป ทั้งที่ความจริงแล้ว...ก็ไม่ได้กะเซอร์ไพร์สเพื่อนเท่าไหร่ แต่กะควงไปโชว์ไปใครบางคนมากกว่า

ฮ่าฮ่า มึงตายห่าแน่ๆคราวนี้ไอ้เด็กปากเสียเอ้ย!

สองคิดไปก็ยกยิ้มอย่างมีความสุขจนเกินเหตุทำให้วินเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนักว่าการพาเค้าไปเซอไพร์สตรฤณที่คณะมันน่าสนุกตรงไหนกัน?

“ว่าแต่เมื่อคืนมึงนอนไหน?” วินถามเรื่องที่สงสัยหลังจากที่ตื่นมาแล้วก็พบสองเดินวนไปวนมารอบห้องและดูจะไม่มีหลักฐานใดๆหลงเหลือเอาไว้เลยว่าเมื่อคืนสองใช้มุมไหนเป็นที่ซุกหัวนอน เพราะเตียงเดี่ยวของสองคงไม่พอกับการที่จะยัดผู้ชายสองคนลงไปแล้วทำให้นอนสบายๆได้

“ก็นอนทับมึงทั้งคืน ถามจริงไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ?”สองพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่ถึงอย่างนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปทางฟูกที่พับกองเอาไว้ข้างๆหัวเตียงที่วินไม่ทันได้สังเกตเห็น

“อ่อ...”

“ความจริงกูกะถีบมึงลงไปนอนข้างล่างแทนแล้วล่ะ...แต่ทำไงได้วะ ตัวก็หนักเยี่ยงควาย แค่จะพลิกมึงกูยังไม่มีแรงเลย” สองพูดออกไปตามความจริงแต่นั่นก็เรียกเสียงหัวเราะในยามเช้าของวันที่อากาศสดใสอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี

______________________


ทันที่ที่ขาสองคู่ย่างก้าวเข้าผ่านทางหน้าคณะ ก็กลายเป็นที่จับตามองของคนในคณะอีกครั้งเมื่อสองเปลี่ยนคนควงแถมเด็กที่ควงมาใหม่วันนี้ก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดูจากท่าทางและการแต่งตัวเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ แต่รัศมีเด็กนอกกลับเปล่งประกายแปลกๆจนสองเองยังนึกแปลกใจไอ้เพื่อนใหญ่สูงที่เดินข้างๆเหมือนกัน

แล้วพอทั้งคู่เดินเข้าไปสู่ใต้ลานของคณะ...เสียงนกเสียงกา ก็ออกหากินทันทีที่เห็นว่าสองควงคนใหม่

“ควงหญ้าอ่อนเข้าคณะแต่เช้าเลยนะครับ พี่สอง”พอเดินเข้ามาปุ๊บเสียงสววรค์ก็ลอยมาปั๊บราวกับรออยู่ก่อนหน้า   สองเพียงแค่ชายตามองภูเบศธ์ก่อนจะควงวินเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของแล้วคำพูดของภูเบศธ์และการกระทำของสองนั้นเองที่ทำให้วินพอจะรู้ๆขึ้นมาลางๆว่าไอ้เด็กหน้าหล่อตรงหน้า  คือคนที่สองออกปากว่าเกลียดนักหนา

“สอง..ไปเหอะ..หมามันก็แค่เห่า...รู้มั๊ยว่าถ้าหมามันเห่า...มันไม่กัดหรอก”   วินมองหนุ่มน้อยตรงหน้า ก่อนจะพูดขึ้นมาทำเอาสองยกยิ้มอย่างพอใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าฝีปากของชวินไม่เคยเป็นรองใคร...ที่ควงมานี่ก็เอามาเป็นไม้กันหมา

อ๊ะๆ! เป็นไงล่ะ โดนลูกในปากไอ้ชวินกัดเข้าไป....ลูกในปากของไอ้เด็กปากหมาตายห่ายกคอกเลย ฮ่าฮ่า!

สองมองภูเบศธ์ก่อนจะยิ้มเยาะแล้วเดินควงหนุ่มผิวเข้มเข้าคณะเพื่อเดินไปยังโต๊ะไม้หินอ่อนที่นั่งประจำกับตรฤณ เพราะคิดว่าตรฤณคงจะนั่งรออยู่ที่นั่น

“แต่โทษทีว่าหมาตัวนี้...มันทั้งเห่าทั้งกัด..หรือว่าอยากจะลองกัดกันดูสักหน่อย”
ภูเบศธ์รีบเดินตามพร้อมด้วยสายตาที่จ้องอย่างไม่เป็นมิตรไปยังร่างสูงโปร่งที่สองเดินควง

คราวนี้คนที่ตายห่าคือสองสิครับ..
เพราะภูเบศธ์ดันไม่ยอมง่ายๆซะด้วยสิงานนี้

จะเกิดศึกกลางลานอีกมั๊ยวะ? กูจะได้รีบถอย

“เด็กนี่แรงใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย”วินกระซิบบอกสองก่อนจะหันกลับไปยิ้มร้ายให้ภูเบศธ์

“พอดีผมไม่ใช่หมา....เลยไม่คิดอยากลองน่ะครับ” วินยังคงตอบตามสไตล์เสียงเรียบๆแต่เชือดเฉือนไปถึงขั้วปอด ถึงสองจะนึกอยากตบมือดังฉาดที่เจอคนที่พอจะมากำราบเด็กปากหมา แต่พอเอาเข้าจริงสองกลับหวั่นเสียเอง

“เอ่อ....วิน...ไปหาไอ้ตรฤณเหอะ..อย่าสนใจเลย” สองกระตุกแขนเพื่อนเบาๆเพื่อเรียกสติ เพราะดูจากท่าทางแล้วทั้งชวินและภูเบศธ์คงอยากจะเปิดศึกกันกลางโรงอาหารเสียเต็มประดา

สุดท้ายแล้ว...สองก็ต้องลากวินเพื่อเดินไปหาตรฤณ โดยไม่ลืมหันกลับไปมองภูเบศธ์ด้วยแววตารู้สึกผิด..แต่แค่ภูเบศธ์ไม่เห็นมันก็เท่านั้นเองเพราะคงจะโกรธที่เถียงไม่ขึ้นแล้วเดินเตะลมเตะฝุ่นจากไปซะแล้ว

“มึงนี่ปากหมาจริงเลย..”

“อ้าว..ที่มึงพากูมาเนี่ยก็เพื่อจะให้มากัดกับลูกในปากไอ้เด็กนั่นไม่ใช่เหรอ? กูทำตามความประสงค์มึงเลยนะเนี่ย”วินหัวเราะในลำคอก่อนจะนั่งลงตามสอง

“หือ?...มึงรู้ได้ไงว่ากูกะพามึงมากัดกับไอ้เด็กนั่น”สองมองวินด้วยความทึ่ง

โห...มึง! ฉลาดสุดยอดเลย~


 “ฮ่าฮ่า...ตอนแรกก็ไม่รู้หรอก..แต่พอโดนไอ้เด็กนั่นทักกูก็รู้เลยว่ามึงคงเอากูมาเป็นไม้กันหมา” สองเองก็รู้สึกเขินเล็กน้อยที่โดนเพื่อนจับผิดได้ แต่ก็ไม่ได้โวยวายหรือหาข้อแก้ตัวอะไร ก่อนจะชะเง้อมองหาตรฤณที่คิดว่าจะมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาถึงที่จริงๆกลับไม่เห็นแม้แต่เงาหัว

“จะว่าไป ไอ้ตรฤณมันไปไหนของมันวะ?”สองชะเง้อคอแล้วชะเง้อคออีกเพื่อมองหา แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบจึงต้องคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอีกรอบเพื่อโทรตามหาตัวอีกครั้ง

“มึงอยู่ไหนเนี่ย~” เพียงแค่อีกฝ่ายรับสายสองก็กรอกเสียงใส่อย่างเซ็งๆที่ต้องมารอเพื่อนอยู่นานสองนาน

“เออมึงเดี๋ยวกูไป...แค่นี้ก่อนนะ”เสียงตรฤณเหมือนคนรีบร้อนอะไรสักอย่าง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยก่อนจะมองโทรศัพท์มือถือ ที่จอดับสนับไปแล้วเนื่องจากอีกฝ่ายวางหูใส่

“อะไรเหรอ?”

“ไม่รู้สิดูไอ้ตรฤณแปลกๆ...”สองว่าก่อนจะนั่งทอดอารมณ์อยู่ใต้คณะกันสองคนกับวินเพื่อรอตรฤณ

---------


ความจริงตั้งแต่ที่สองเดินเข้าคณะมาตรฤณก็รู้แต่ทว่าโดนกรเรียกไปเสียก่อน เลยนั่งคุยสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยอย่างคนไม่มีอะไรจะทำ กะให้หลานรหัสของกรจัดการก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนมือ แต่พอตอนจะเปลี่ยนมือกลับกลายเป็นเห็นท่าทางของภูเบศธ์ที่กำมือแน่นมาแต่ไกล แต่ใบหน้ากับนิ่งเฉยเหมือนคนไม่มีความรู้สึก ตรฤณเองก็พอจะเดาได้คร่าวๆว่าทั้งกรและภูเบศธ์คงจะเหมือนกันตรงที่

ลมสงบเมื่อไหร่...เตรียมเจอคลื่นใหญ่สึนามิไว้ได้เลยครับ กูขอบอก!

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า...ภูเบศธ์”ตรฤณถามด้วยความเป็นห่วง แต่ทว่าภูเบศธ์กลับเดินเลยคนที่คอยเป็นห่วงแล้วไปทิ่มตูดลงกับเก้าอี้ข้างๆกรโดยไม่สนใจคนที่อุตส่าห์อ้าปากถามเลยแม้แต่สักนิด

“พี่ตรฤณ...ใครคือวิน?”เพียงแค่คำถามหลุดออกจากปากของภูเบศธ์ก็ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับตาโต

“นายว่าอะไรนะ?”กรกับตรฤณถามขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายกันไว้ล่วงหน้า ภูเบศธ์มองหน้ากรสลับกับตรฤณก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง

“รู้จักด้วยเหรอ?”

ตรฤณน่ะรู้จัก “วิน” ดีซะยิ่งกว่าใคร ส่วนกรรู้เพราะตรฤณเคยเล่าให้ฟัง...แต่พอดีลืมเล่าให้ภูเบศธ์ฟังก็เท่านั้นเอง

“เอ่อ....มีอะไรหรือเปล่าภูเบศธ์....วินมาที่นี่เหรอ?”ตรฤณพยายามถามอย่างที่คิด ทั้งที่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างที่คิดสักเท่าไหร่
“เดินควงกันมาตั้งแต่หน้าคณะเลยล่ะ เด็กใหม่พี่สองเหรอ?”ถามด้วยความอยากรู้ แต่ยังคงทำหน้าบอกบุญไม่รับเช่นเคย

“ฮึฮึฮึ” ทำไมภูเบศธ์ถึงได้รู้สึกว่าเสียงหัวเราะของกรที่ดังขึ้นมาพร้อมกันกับตรฤณมันถึงได้ดูฝืดเหมือนแกล้งหัวเราะ

“คือ...อย่างนี้....วินน่ะไม่ใช่เด็กใหม่หรอก...”กรพูดขึ้น

“แต่เป็นเด็กเก่า...ที่พ่วงตำแหน่ง “ตัวจริง” มาตั้งแต่ต้น ก็เท่านั้นเอ๊งงงงง!”

แล้วต่อด้วยตรฤณ

“ทำไมพี่ตรฤณไม่เคยบอกผม!”ภูเบศธ์ขึ้นเสียงเหมือนคนหมดความอดทนตรฤณทำได้แค่มองหน้ากรเหมือนเป็นการถามกลายๆว่าจะเอายังไงต่อ และสุดท้ายเข้าที่เข้ามาชาร์ตตัวภูเบศธ์ก็คงต้องเป็นกรอยู่ดี

“ใจเย็นๆ ภู..ทุกอย่างมีทางแก้...เข้าใจมั๊ย...อีกอย่างวินน่ะเป็นรักข้างเดียว...เชื่อเถอะไม่สำเร็จหรอก”กรพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ถึงแม้จะรู้ว่าภูเบศธ์จะเป็นพวกควบคุมอารมณ์ได้เก่ง แต่ก็รู้ดีเหมือนกันว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ภูเบศธ์จะเอาจริงใครหน้าไหนก็มาห้ามไม่ได้

“อะไรกันเนี่ย...ทุกคนรู้จักคนที่ชื่อวินกันหมด...แต่ฉันไม่รู้อยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ?”ภูเบศธ์หันไปถามกรที่ตอนนี้ดูเหมือนจะง้อภูเบศธ์ยิ่งกว่าอะไร ซึ่งตรฤณเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นว่าคนอย่างกร...ง้อใครสักคนและอาการที่บ่งบอกว่ายอมทำได้ทุกเรื่องถ้าหากภูเบศธ์สั่งออกมา ในขณะนั้นเองที่สองก็โทรมาตามตรฤณ แต่ตรฤณก็รีบพูดแล้วหันมาดูสถานการณ์ตรงหน้าต่อไป..แล้วประเมินว่าจะเอายังไงต่อดี

“กร...ยังไงฉันฝากเล่าเรื่องที่ฉันเล่าให้นายฟังเกี่ยวกับวินด้วยนะ  ฉันต้องไปหาไอ้สองก่อน” ตรฤณเอ่ยขึ้นโดยที่กรก็พยักหน้ารับเบาๆเป็นเชิงรับรู้แล้วตรฤณเดินหายไปจนลับสายตา ก็ถึงคราวที่กรต้องสู้รบตบมือกับภูเบศธ์คนเดียวซะแล้ว

_____________


“นี่เหรอเรื่องที่มึงอยากทำเซอร์ไพรส์กู?” พอเดินมาถึงปุ๊บตรฤณก็เอ่ยถามสองทั้งที่เดินเข้าไปกอดวินแล้วตบหลังดังตั้บๆด้วยความคิดถึง

แต่กูดูจากท่าทางไอ้เด็กปากหมาของมึง กูรู้ซึ้งเลยล่ะวามึงคงไม่ได้กะมาเซอร์ไพร์สกู ไอ้สอง!

“ไงล่ะ...สะใจมึงเลยล่ะสิ...เด็กนั่นร้องไห้วิ่งโร่ไปฟ้องแม่เขาแล้ว” ทั้งที่วินเพิ่งมาใหม่แทนที่จะพูดจากันให้หายคิดถึง แต่ตรฤณกลับเลือกที่จะประชดสองที่นั่งอย่างสบายอกสบายใจ ไม่ได้รู้เลยว่าภูเบศธ์จะน้อยใจแค่ไหน

“ก็เรื่องของมัน..ใช่ว่ากูอยากจะสน”สองพูดอย่างไม่ยี่หระ แต่ทว่าแววตากับดูวูบไหวไปเล็กน้อยเมื่อตรฤณบอกว่าภูเบศธ์เป็นอย่างไรหลังจากที่ต้องปะทะริมฝีปากกันกับวิน

“ให้แน่เหอะมึง...ไม่ใช่ว่าให้กูมากัดเขาให้ แล้วมึงมานั่งเสียใจทีหลังนะ”แล้ววินก็ช่วยออกโรงเสริมทัพช่วยอีกหนึ่ง โดยที่ตรฤณไม่ต้องร้องขอความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่วินมองสองที่ดูแปลกไป..และตรฤณที่ดูเหมือนอยากจะพูดให้สองได้คิด วินก็เข้าใจว่าระหว่างสอง ตรฤณ และไอ้เด็กที่ชื่อภูเบศธ์นั่น ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ

“ใครเสียใจ?!...กูออกจะดีใจที่หมาในปากไอ้เด็กนั่นตายห่าทั้งบาง...”

ถึงน้ำเสียงจะดูสะใจ แต่แววตาของสองกลับไม่ได้แสดงออกมาอย่างนั้น...

“ให้มันแน่...”ตรฤณพูดเบาๆจนทำให้สองไม่ได้ยิน แล้วทั้งสามคนก็พร้อมใจที่จะหยุดพูดเรื่องบุคคลอื่น แล้วหันมาสนใจเพื่อนที่เพิ่งกลับมาจากต่างแดนแทน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2012 19:45:33 โดย ryoko_chan »

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
_____________


หลังจากวันนั้น สองก็ทำตัวติดกับเด็กจบนอกตลอดเวลาโดยไม่เว้นช่องว่างให้ใครคนอื่นเข้ามาแทรก ถึงเวลาเดินจะเดินมาพร้อมกันสามคน แต่คนภายนอกดูก็รู้เลยว่าใครคู่ใคร...แล้วใครเป็นส่วนเกิน

แล้วทำไมกูต้องอยู่เป็นส่วนเกินด้วยวะ?

ตรฤณมองเพื่อนสองคนที่เดินมาด้วยกันกระหนุงหระหนิงกันตลอดเวลา ตรฤณรู้ดีว่าความรู้สึกของวินนั้นไม่มีทางให้สองเกินกว่าคำว่า “เพื่อน”แต่สำหรับสอง มันจะเกินกว่าคำว่าเพื่อนยังไงนั้น...ก็ไม่ค่อยแน่ใจเพาะปกติสองชอบอ้อนชวินอยู่แล้ว ในกลุ่มนี้เมื่อแต่ก่อนที่เคยอยู่ร่วมกันสามคน คนที่คอยตามใจสองจะมีแต่วินคนเดียวเพราะทนลูกอ้อนของสองไม่ได้ถึงปากจะด่าจะว่าไปบ้างสุดท้ายก็ยอมตามใจ  ส่วนตัวเขานั้นก็ใช่ว่าจะทนลูกอ้อนของสองได้ดีกว่าวิน..แต่แค่ว่าเคยทำใจแข็งแล้วพอสองรู้ว่าอ้อนไม่ได้เลยเลิกอ้อนไป แล้วไปเกาะวินเหมือนกับปลิง อย่างที่เห็นๆอยู่

กูล่ะสงสารไอ้เด็กปากหมานั่นลงตับ!
ตรฤณแอบเห็นภูเบศธ์มองดูคู่วินกับสองอยู่ห่างๆทุกวัน แล้วเหมือนจะได้ข่าวมาแว่วๆจากกรว่า...ไอ้เด็กปากหมาของสองกินไม่ได้ นอนไม่หลับเลยล่ะ

แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ? ตรฤณพยายามคิดหาหนทางแยกวัวแก่กลายพันธุ์เป็นลูกลิงเกาะแม่(ชวิน)เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ สุดท้าย..ก็เลยต้องยอมอยู่ด้วยให้มันเป็นคู่ 3P แทน เพราะยิ่งถ้าปล่อยให้วินอยู่กับสองแบบสองต่อสอง รับรองวินได้เสียตัวให้สองแน่ๆ

“นี่กูถามจริงสอง มึงไม่สงสารวินบ้างเหรอวะ?”เมื่อวินอาสาที่จะเดินไปซื้ออะไรมาให้สองนั่งทานเล่น ตรฤณก็ได้โอกาสถามเพื่อนรักอย่างอยากรู้

“ทำไม?”

“ก็มึงเล่นเกาะไอ้วินอย่างกับปลิงอย่างนั้น แล้วสาวหน้าไหนจะกล้าเข้ามาหามันวะ?”

“แล้วไง? ตอนนี้ไอ้วินมีกู...มันไม่สนใจใครหรอก”สองพูดหน้าตายทำเอาตรฤณตบหน้าผากตัวเองเบาๆด้วยความเอือมระอา

“มึงแน่ใจ...มันเคยบอกหรือไงว่ามันชอบมึง”ตรฤณรีบถามคำถามจี้จุด

“ถึงมันจะไม่เคยพูด..แต่กูก็รู้ว่าครั้งนี้ที่มันกลับมา..มันต้องการจะเริ่มใหม่กับกู”

เห็นไหม กูบอกแล้วว่าการห่างจากกันนาน..มันต้องมีอะไรบ้างให้คิดถึงกัน~

“แล้วมึงไม่สงสารไอ้เด็กนั่น...ไอ้ภูน่ะ”

ปึง!
เสียงสองตบโต๊ะทำเอาตรฤณผงะ

“กูกับเด็กนั่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว แม่งพูดถึงเรื่องนี้ทีไรปวดฉี่ทุกทีเลย”สองพูดอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะเดินกระแทกเท้าไปทางห้องน้ำ แต่ระหว่างทางกลับโดนข้อมือของใครบางคนฉุดให้เดินตามเสียก่อน


“อ๊ะ...ไอ้ภู....นี่ปล่อยนะ”สุดท้ายภูเบศธ์ก็เหวี่ยงสองเข้าไปในห้องน้ำ แล้วล็อคประตูทันที

“นายจะทำอะไร?!”ในเมื่อโดนทั้งขังไว้ในห้องน้ำพร้อมกับภูเบศธ์ แถมยังยืนดักหน้าเอาไว้ สองก็รู้ตัวพอว่าไม่ควรที่จะขัดขืน เดี๋ยวจะโดนกัดเอา สองมองหน้าไอ้เด็กปากหมาตรงหน้าก่อนจะคิดไปว่า.. กี่วันแล้วนะที่ไม่ได้เห็นภูเบศธ์เพียงไม่กี่วันทำไมไอ้เด็กหน้าหล่อปากหมามันถึงได้โทรมเยี่ยงคนติดยา..เช่นนี้

“ไม่คิดถึงกันบ้างหรือไง”


ในที่สุดภูเบศธ์ก็ยอมเป็นฝ่ายปริปากพูด ทั้งที่ไม่ได้มองหน้าสอง

“ทำไมฉันต้องคิดถึงนาย”ถ้าเป็นไปได้สองอยากจะกลับคำพูดทันทีหลังจากที่ภูเบศธ์มองตา...แววตานั้นทำไมดูเศร้าได้ถึงขนาดนั้น..

“เพราะวินนั่นใช่มั๊ย?”น้ำเสียงของภูเบศธ์ยังคงราบเรียบ ฟังดูเหมือนไม่ได้เสริมแทรกอารมณ์ใดๆเอาไว้ แต่ถ้าแค่มองตา..ก็คงจะรู้ความรู้สึกของภูเบศธ์ทันที

เพราะฉะนั้นกูถึงได้พยายามหันไปมองทางอื่น...แค่นี้ก็ใจอ่อนมากเกินพอละ!

ไม่อยากจะยอมรับเลย...ว่ารู้สึกใจมันอ่อนเวลาเห็นสายตาแบบนั้น

“พอวินกลับมา...เลยไม่สนใจผมเลยใช่มั๊ย”

เอาอีกละ! อย่าใจอ่อนให้มันมาก กูชักรำคาญตัวเอง

“ขอโทษที...เพราะฉันไม่ได้สนใจนายมาตั้งแต่ต้น...ภูเบศธ์”สองพูดพร้อมกับรอยยิ้มฝืนๆ เพราะรู้สึกเจ็บคำพูดของตัวเอง

พูดเองเจ็บเอง...เป็นเอามากนะมึง สอง!!!!!

สองรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูกโดยหาสาเหตุไม่ได้

“งั้น...ผมก็คงต้องขอโทษนะครับ..ที่สำคัญตัวเองผิดไป” ภูเบศธ์พูดเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำจากไป.. คล้ายจะเป็นสัญญาณว่าเดินไปแล้วจะไม่หันกลับมามองอีก สองเข่าอ่อนเสียดื้อๆ มือเล็กพยายามดันตัวเองกับผนังของห้องน้ำก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลกๆตรงอกข้างซ้าย เพียงเพราะว่าอีกคนเดินจากไป

“ภูเบศธ์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้สองรั้งภูเบศธ์เอาไว้ แต่สุดท้ายภูเบศธ์ก็ไม่หันกลับมาอีกเลย

_______________





“อ๊ะ?”

“ขอโทษนะครับ...เอ่อ...ผมเช็ดให้นะครับ”ใครบางคนเดินมาชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของชวิน เอ่ยอย่างรู้สึกผิดแถมด้วยการเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับรอยเปื้อนที่ตัวเองเป็นคนชนทำให้น้ำผลไม้ในมือของวินหกเปื้อนเสื้อเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรครับ...แค่นิดหน่อยเอง”วินยิ้มให้อย่างใจดีก่อนจะรู้สึกใจกระตุกเพียงแค่ร่างเล็กตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามอง

“ไม่ได้หรอกครับ...ผม...ผม...ขอโทษ”คนพูดดูเหมือนจะทำอะไรไม่ถูก มือเล็กนั้นก็ทำได้แค่เพียงการซับคราบน้ำที่เปื้อนอย่างเบามือ จนวินต้องยิ้มขึ้นมาอีกครั้งกับท่าทางของคนตรงหน้า

“ผมชวินครับ”ในเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อวินก็เป็นคนเอ่ยแนะนำตัวขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำเอาอีกคนต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย

“แล้วคุณล่ะ?”วินยิ้มให้อีกครั้ง อีกฝ่ายดูเหมือนจะครุ่นคิดอยู่สักพัก

“กร...ทิวากรครับ”เจ้าของผ้าเช็ดหน้ายิ้มให้บ้าง ก่อนที่สายตาที่เหลือบมองเห็นใครบางคนที่บังเอิญว่าเดินมาเจอ แล้วรีบหันหลังจากไปทันที

ขอโทษนะ...
ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงจริงๆ นอกจากวิธีนี้~

TBC



ตอนนี้... :เฮ้อ: เห็น ชวิน กับภูเบศธ์ กัดกันแบบนี้แล้ว....อ๊ายยยยยยยย
ช่วยลุ้นกันต่อไปด้วยนะคะ :กอด1:

vi2212

  • บุคคลทั่วไป
 o22..กรทำอย่างนั้นแล้วจะเอาตรฤณไปไว้ไหน

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
กร  ทำงี้ไมอ่ะ  สงสารตรฤณอ่ะ    แล้วชวินอีก  เฮ้อ  มันจะแย่ไปใหญ่แล้วนะ

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
น้องภูของช้านนนนนน  T^T

พี่สองทำแบบนี้ไม่เห็นใจเมะบ้างเลยอ่ะ  ฮือๆๆๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ๊ะ หวังว่าคงไม่เกิดสงครามนะ ไม่นะไม่นะ

แล้วตอนนี้สองใจอ่อนแระหลอ ><~ จะเกิดอารายขึิ้นอีกน้า

ยังไงก้ออย่าลืมมาต่ออีกนะค๊าฟฟ

รอรอต่อเหมือนเดิมน้ออ^^

looksorn

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
เป็นการตกลงปลงใจที่สั้นมากๆ อื้อ คำเดียวจบ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เนื้อเรื่องจะพันกันเป็น เกรียวเชือกแล้ว..

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
 o22 ทิวาก๊รรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร
จะมา ซัมติง กันชวินเรอะ?!
ได้ไง๊!!!!!! ส่งตรฤณมาให้เค้าเลย  :z6:<<<โดนแม่ยกตรฤณเหยียบยอดหน้า

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
กรต้องคู่กับตฤนเด้ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก


ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ตรฤณเอ๊ย!! โดนตีท้ายครัวแล้วไม๊ล่ะ สงสารตรฤณจริงๆอ่ะ  :laugh:  :laugh: ((แล้วหัวเราะทำม๊ายยยย)) 5555+

นายสองเสร็จแน่ เริ่มมีใจแล้วล่ะเซ่ ปากไม่ตรงกับใจเลยน๊าาาาาาา

รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆ นะนายตรฤณ!!!!  :fire:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 11 แกนนำผู้ก่อการร้าย


“ไอ้ภูเบศธ์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

เฮ้ย! จะมากเกินไปแล้วนะที่กล้าขัดคำสั่งคนอย่างสองน่ะ!

 

“นี่! ฉันบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไงไอ้คุณภูเบศธ์”ร่างเล็กแหกปากตะโกนไล่หลังร่างสูงที่เดินจากไปเรื่อยๆราวกลับไม่ได้ยินเสียงเรียก ในเมื่อเรียกแล้วไม่หันก็ถึงคราวที่สอง กมลินทร์ต้องวิ่งตามต้อยๆ

แต่ทำไงได้รูปร่างและสรีระมันต่างกันลิบลับ วิ่งจนลมแทบจับยังตามมันไม่ทันเลยอ่ะคิดดู!

“ไอ้ภูเบศธ์!” วิ่งตามไปเรียกรั้งไปเรื่อยทั้งที่รู้ๆว่าคนที่เรียกไม่มีทางหันกลับมา ว่าแล้วคนที่ขาสั้นกว่าก็รีบติดสปีดเทอร์โบให้แรงและเร็วที่สุดเท่าที่สังขารจะเอื้ออำนวย

ไอ้ขาสั้นน่ะยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องอายุเนี่ยช่วยเห็นใจกูบ้างสักนิดนึง!

กูอยู่ปีสี่แล้วนะเว้ยอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ..แค่เดินขึ้นบันไดไปชั้นสองยังหอบแฮ่กเลย

“ไอ้ภู!!!”ครั้งนี้จะเรียกเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะถ้ายังไม่หันอีกจะเลิกตามแล้ว สองได้เพียงแค่คิดเรื่องนี้อยู่เพียงเศษเสี้ยวนาทีพร้อมกับสปีดในการวิ่งยังคงที่(เพราะเร่งไม่ขึ้น)

อั่ก!!!
เสียงอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างจังกับแผ่นหลังกว้างของภูเบศธ์ด้วยความเร็วประมาณยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

“โอ๊ย~ จะหยุด ทำไมไม่บอกเล่า!”มือเล็กยกขึ้นมาลูบหน้าตัวเองที่อัดเข้าไปเต็มหลังของภูเบศธ์ ที่ดูเหมือนว่าคนที่โดนชนก็ออกอาการเจ็บหลังอยู่ไม่น้อย

“ก็บอกให้หยุดๆ พอหยุดให้ก็มาว่ากัน จะเอายังไงกันแน่ พี่สอง”ภูเบศธ์หันหน้ามาปะทะฝีปากกับสองเช่นเคย ถึงแม้ในสถานการณ์แบบนี้สองไม่ควรอมยิ้ม แต่กลับพยายามหุบยิ้มไม่ได้ที่รู้ว่าไอ้เด็กเวรที่อุตส่าห์วิ่งตามมาจนเหนื่อยยอมหยุดคุยด้วยดีๆ(?)

ดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าตอนนี้ภูเบศธ์ยอมหันหน้ามาคุยด้วยก็แล้วกัน

“เออ! ไม่ว่าก็ได้! เจ็บชิบ”เรียวคิ้มขมวดเข้าหากันพร้อมกับการที่ยังคงลูบหัวตัวเองป้อยๆอย่างน่าสงสาร ทำเอาคนที่โดนชนกะว่าจะต่อว่าอีกสักหน่อย แต่ก็ต้องกลืนคำด่าลงคอแล้วเปลี่ยนเป็นห่วงใยแทน

กับคนคนนี้...ยังไงก็เป็นห่วงได้ทุกครั้ง...

“ไหนขอดูหน่อย..”มือใหญ่เอื้อมไปคว้ามือเล็กๆออกโดยอัตโนมัติเมื่อเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยแววตาคมไล่มองดูหน้าผากมนและปลายจมูกเล็กที่แดงเพราะกระแทกเข้ากับหลังแข็งๆของตนเอง ก่อนจะเผลอใช้มือของตนเองนั้นสัมผัสอย่างแผ่วเบาราวกับว่าสัมผัสนี้จะทำให้ความเจ็บปวดนั้นมลายหายไปได้

ร่างเล็กได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆให้ภูเบศธ์พิจารณาหน้าผากของตนเอง ราวกับว่าทุกสิ่งรอบตัวกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่ จนบางครั้งก็ลืมตัวไปเลยว่า...กำลังโกรธคนตรงหน้าอยู่ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากภูเบศธ์ ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกน้อยอกน้อยใจร่างเล็กตรงหน้าจนอยากจะเดินหนีไปให้พ้น แต่พอรู้ว่าคนตัวเล็กกว่าตรงหน้านั้นเจ็บ ความน้อยอกน้อยใจเมื่อครู่ก็พลันหายไป เหลือแต่เพียงความห่วงใยที่คอยหยิบยื่นให้แทน

“แค่แดงนิดเดียวเอง..ไม่เจ็บมากหรอกน่า~” ถึงน้ำเสียงจะพูดราวกับตำหนิว่าฝ่ายที่เดินชนแผ่นหลังตนเองนั้นโอดครวญเกินเหตุ แต่ทว่าแววตาคมยังคงทอดมองคนตรงหน้าด้วยความห่วงใยและอ่อนโยน จนจังหวะหัวใจของสองเริ่มเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ   

“อะ....เออ!ไม่เจ็บแล้ว..”ที่บอกว่าไม่เจ็บ สองเองก็บอกไม่เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะฝ่ามือใหญ่ที่ลูบเบาๆที่หน้าผากของตนเองหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ยังคงเป็นสอง เมื่อตั้งสติได้ มือเล็กก็ปัดมือใหญ่ๆที่มายุ่มย่ามอยู่กับใบหน้าของตนเองให้พ้นทาง ทำเอาร่างสูงต้องยักไหล่อย่างเสียไม่ได้

“เออ..คนเขาก็อุตส่าห์ดูให้ ยังมาปัดมือออกอีก น่าน้อยใจมั๊ยเนี่ย~”ภูเบศธ์พูดลอยๆแต่แววตานั้นบ่งบอกเต็มที่เลยว่าน้อยใจจนสองนึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ

“ฉันไม่ได้บอกให้นายช่วยดูสักหน่อย”

“โอเค~ ผมผิดเองล่ะที่ดันไปดูให้เองน่ะ”ภูเบศธ์ถอนหายใจทิ้ง...
แค่ความเป็นห่วงเขาก็ยังไม่อยากได้เลย …

“นี่!”
สองเรียกเสียงเข้มเมื่อเห็นภูเบศธ์ทำท่าจะหันหลังให้แต่เสียงเรียกนั้นก็ไม่ได้ทำให้ภูเบศธ์อยากจะหันกลับไปสนใจสักเท่าไหร่

“จะเดินหนีฉันไปถึงไหน!”

“คนที่เขาไม่ต้องการ จะอยู่ให้เขาเหม็นขี้หน้าทำไมล่ะ”น้ำเสียงภูเบศธ์ฟังดูแล้วเหมือนคนไม่อยากใส่ใจกับคำพูดของตัวเองสักเท่าไหร่ แต่สองจะรู้หรือไม่ว่า คนพูดเอง...ก็เจ็บปวดเอง..

“ใครไม่ต้องการนายกัน?”สองยังคงไม่ค่อยเข้าใจที่ภูเบศธ์สื่อความหมาย

“ก็คนที่พูดๆอยู่น่ะ..ไม่รู้จักหรือไง...คนที่ชื่อสองน่ะรู้จักใช่มั๊ย

ภูเบศธ์พูดประชดโดยที่ไม่หันหลังกลับมามอง

“ภูเบศธ์ มันจะมากไปแล้วนะ!”

บางครั้งคำพูดของภูเบศธ์ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร และความเป็นจริงสองไม่ควรจะสนใจมันด้วยซ้ำแต่กลับกลายเป็นว่า ทนไม่ได้เสียเองเมื่อได้ยินสิ่งที่ภูเบศธ์พูดออกมา...

เด็กในฮาเร็มกูก็ไม่ใช่ ยังมีหน้ามาทำงอนใส่กูอีกนะ!
ว่าแต่..แล้วทำไมกูต้องเดินตามมัน อย่างกับคนกำลังง้อเด็กด้วยวะ!


 “ปากก็บอกว่าไม่เคยสนใจ..ถามจริงแล้วเดินตามมาทำไม..ให้ผมต้องเจ็บใจเล่นน่ะ!”
เพียงแค่ภูเบศธ์หันหน้ามาแล้วพูดใส่อารมณ์ มือเล็กที่เตรียมคว้าคอคนตัวใหญ่ก็ชะงักไปชั่วครู่แล้วลดมือลงอย่างรวดเร็ว

“เลิกตามผมสักทีถ้าไม่สนใจอย่างที่ปากว่าไว้”ภูเบศธ์กลั้นใจพูดด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด บางครั้งคนเราก็อยากเจ็บครั้งเดียวให้มันจบๆไป   ไม่ใช่ต้องมาเจ็บเรื้อรังเกรงว่าหัวใจมันจะไม่พร้อม

“แล้วหมาตัวไหนมันบอกไม่สนใจนายล่ะ!”
สองตะคอกกลับ ถึงเมื่อกี้จะยังรู้สึกกลัวๆภูเบศธ์โหมดโหดอยู่บ้างก็ตามที

หือ?...กูพูดอย่างนี้ก็หมายความว่า...กูสนใจมันเหรอ?
ไม่มั้ง?


“หา? หมาตัวไหนอย่างนั้นเหรอแล้วหมาตัวไหนมันพูดตอนอยู่ในห้องน้ำล่ะ?”ภูเบศธ์มองใบหน้าเล็กอย่างนึกสงสัยเพราะไม่แน่ใจจริงๆว่าสองกำลังจะพยายามสื่ออะไรกับเขา ทั้งที่พยายามจะทำให้เรื่องมันจบด้วยการเดินๆหนีไปซะให้พ้น แต่เจ้าตัวที่บอกว่าไม่อยากสนใจกลับเดินตามมารังควานอยู่ไม่ห่าง

“หมา?...ไม่รู้...แต่ฉันไม่ได้พูด”เหมือนจะกลืนน้ำลายตัวเอง สองเหมือนรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนเด็กตรงหน้าเดินหนี แล้วพอรู้ว่าตัวเองเดินตามจนภูเบศธ์ยอมหันมาสนใจ..ก็กลับวางตัวไม่ถูกอีกเช่นกัน

“แน่ใจ?”ภูเบศธ์หัวเราะอยู่ในลำคอถึงแม้ก่อนหน้านี้จะประชดตัวเองเต็มที่ แถมอยากตะโกนบอกตัวเองว่าสองไม่เคยสนใจตัวเองแต่พอมาเห็นสองในตอนนี้ ภูเบศธ์กลับอยากคิดเข้าข้างตัวเองขึ้นมา
เรื่องที่ว่า....สองก็อาจมีใจให้แต่แค่ไม่เคยรู้ตัว

“เออ! ชัดมะ”

“แล้วเดินตามผมมามีอะไร?” ภูเบศธ์รีบถามกลับ จะถือเสียว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำนั้นไม่ได้เกิดขึ้นก็แล้วกัน ตอนนี้ได้มายืนต่อล้อต่อเถียงกับสองอยู่แบบนี้รู้สึกดีกว่าเยอะ

“เอ่อ......” สองครุ่นคิดทำเอาภูเบศธ์แอบลอบยิ้ม

เออ..นั่นสิวะ กูเดินตามมันหาพระแสงอะไร?

“คือ...”
สองเอียงคอพลางคิดหาข้ออ้าง      แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าจะบอกว่าอะไร

ถ้าว่ากันตามความเป็นจริง กูก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันนี่แหล่ะว่าเดินตามไอ้เด็กเวรนี่มา

“ไม่ใช่เพราะว่าอยากง้อผมหรอกนะถึงได้ตามมาน่ะ ”ภูเบศธ์ยิ้มกริ่ม โดยที่สองเองก็พยักหน้าคล้อยตามหลังจากที่คิดหาข้ออ้างอยู่นาน

“คงงั้นล่ะมั้ง...หา?! เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ...ง้ออย่างนั้นเหรอ?...ไม่นะฉันไม่ได้มาง้อนายสักหน่อย!”

เฮ้ย!กูหลงกลไอ้เดกเวรนี่อีกแล้วเหรอเนี่ย!
ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเชียวนะมึง เมื่อกี้ก็แค่เผลอ(ใจ)บอกแล้วไงว่าเคสแบบนี้กูก็ไม่นับ!


“ก็ได้...ไม่ได้มาง้อก็ไม่ได้มาง้อ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่”ภูเบศธ์ยังคงอมยิ้มจนร่างเล็กรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้ของอีกฝ่ายว่าแล้วมือเล็กๆก็ทุบดังอั่กๆเข้ากลางหลังภูเบศธ์เสียเต็มรัก

“นี่! อย่ามายิ้มเลยนะ บอกแล้วไงว่าไม่ได้มาง้อ...นี่! หยุดยิ้มไปเลยนะเว้ย!”ร่างเล็กทุบไปก็หน้าแดงไปเริ่มทำตัวไม่ถูก จะหาคำมาแก้ตัวก็รู้สึกว่าสมองจะหยุดสั่งการไปชั่วขณะ

“โอ๊ย..เชื่อแล้วๆ...หยุดทุบดิ เจ็บนะ มือคนหรือ..

มือควาย! นายจะพูดอย่างนี้อีกแล้วใช่มะ?”สองพูดเสริมให้โดยไม่ต้องรอให้ภูเบศธ์พูดจนจบประโยคพร้อมกับมือเล็กแต่แรงไม่เล็กฟาดไหล่เป็นการตบท้ายอีกหนึ่งดอก จนภูเบศธ์ต้องยู่หน้าด้วยความเจ็บ

“ไม่ได้จะพูดอย่างนั้นสักหน่อย~”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย! ด่าฉันแป็นวัวเป็นควายตลอดอ่ะ ไม่เคยหนีพ้นสายพันธุ์นี้เลย ให้ตายเหอะ!”

“ผมจะพูดว่า ‘มือคนหรือตีนควาย’ ต่างหาก  เพราะควายน่ะไม่มีมือหรอกนะครับพี่สอง”

“ไอ้ภูเบศธ์!”
สองขึ้นเสียงขู่พร้อมด้วยฝ่ามือฟาดลงไปบนท่อนแขนอีกฝ่ายอย่างไม่ยั้ง

   “พอได้แล้ว..ผมเจ็บนะ!”ในที่สุดความอดทนของภูเบศธ์ก็จบสิ้นลง พร้อมกับที่มือใหญ่รีบคว้ามือเล็กแล้วกระชากเข้ามาหาตัวเอง   ความจริงก็กะกระชากแต่มือ แต่ไหงมาทั้งตัวเลย

“ซาดิสม์หรือไง...นี่เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าพี่สองเป็นวัวแก่ซาดิสม์”ภูเบศธ์ล้อทั้งทางสายตาและคำพูด ทำเอาร่างเล็กในอ้อมกอดถลึงตาใส่เตรียมใช้มือตัวเองฟาดฟันแต่ติดที่ว่ามือเล็กทั้งสองข้างกลับถูกยึดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวของภูเบศธ์

“อย่าอยู่เลย!ไอ้ภูเบศธ์”ในเมื่อมือใช้การไม่ได้แต่เท้ายังว่างอยู่สองก็เตรียมยกเท้าขึ้นกะเหยียบเข้าที่เท้าของอีกฝ่ายเต็มที่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวก่อนเลยเอาเท้าหลบฝ่าเท้าพิฆาตของสองได้ทันแบบเฉียดฉิวเส้นยาแดงผ่าแปด!

“โอ๊ะ? กระแทกเท้าใส่พื้นเล่นไม่เจ็บเหรอครับ?”ใบหน้าคมยังตีหน้ายียวนกวนประสาทสองไม่เลิก คนตัวเล็กในวงแขนก็ทำได้แต่เพียงการกัดฟันด่าแล้วดิ้นขลุกขลักไปมาราวกับลูกนกที่อยู่ในอุ้งเท้าของแมวเหมียวตัวใหญ่

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” สองพยายามรวบรวมกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดของร่างสูง   แต่จนแล้วจนรอดที่ทำไปทั้งหมดมันก็เปล่าประโยชน์เพราะนอกจากภูเบศธ์จะไม่ยอมปล่อยแล้วแถมออปชั่นพิเศษด้วยการรัดตัวรุ่นพี่เอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมจนทำให้ช่องว่างระหว่างคนสองคนหายวับไปทันตา

“นี่~ หน้าผากยังแดงไม่หายเลยรู้ตัวเปล่า?...แล้วดูยังจะดิ้นอีก เดี๋ยวจะดูให้”ในเมื่อความใกล้ชิดทำให้ภูเบศธ์มองเห็นหน้าผากมนใกล้ๆ เลยมองเห็นรอยแดงๆบนหน้าผากได้ชัดเจนภูเบศธ์ก็ทำเป็นพินิจพิจารณาราวกับว่าเป็นนักศึกษาแพทย์ที่กำลังศึกษาเคสอยู่

“นายเป็นหมอหรือไง!”ถึงคำพูดจะฟังคล้ายคนหงุดหงิด แต่สองก็ยอมยืนอยู่นิ่งๆเพื่อให้ภูเบศธ์ได้ดูรอยบนหน้าผากของตัวเองอีกครั้ง มือแกร่งปัดผมที่ลงมาปรกหน้าผากมนเบาๆก่อนจะค่อยๆนำมันไปทัดใบหู สายตาของภูเบศธ์ในตอนนี้ทำเอาอีกคนเคลิ้มไปได้ไม่ยากเลยทีเดียว

จุ๊บ!

   หือ? เมื่อกี้ไอ้เด็กเวรจุ๊บหน้าผากกูเหรอวะ?


“เพี้ยง! หายแล้ว~”ร่างสูงยิ้มกว้างพร้อมกับการเป่าหน้าผากมนเบาๆตบท้าย ทำเอาสองมองอีกฝ่ายอย่างงุนงงกับการกระทำของภูเบศธ์

ขอโทษทีกูไม่ใช่เด็กปอสี่ ที่พอเป่าเพี้ยงทีแล้วจะหายเจ็บนะเว้ย!

“ทำบ้าอะไรของนาย!”มือเล็กรีบยกขึ้นมาปิดหน้าผากตัวเองโดยอัตโนมัติ ทั้งที่เบิกตาโตมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

“แล้วหายเจ็บมั๊ยล่ะ?”
ได้ข่าวกูบอกไปตั้งนานแล้วนะว่ากูหายเจ็บ...หรือว่ามันไม่ได้ยิน..มันถึงทำหน้ามึนหาเรื่องมาจุ๊บหน้าผากกูจนได้!

“ปัญญาอ่อน! แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว”

“ไม่ปล่อย...มีปัญหาหรือไง?”ริมฝีปากยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ทว่าร่างเล็กกลับรู้สึกอยากสนใจอะไรบางอย่างที่มันบังเอิญแว๊บเข้ามาผ่านจุดโฟกัสสายตาก่อน

“ใช่...มีปัญหาแน่ๆ”แต่ดูท่าว่าคงไม่ใช่ปัญหาระหว่างภูเบศธ์และกมลินทร์ หลังจากที่ภูเบศธ์ลองมองตามสายตาของสองที่เหล่ไปทางซ้ายอย่างโกรธเคือง แล้วก็เจอกับต้นตอที่ทำให้สองเกิดอาการสวิซตัวเองเปลี่ยนเป็นอีกโหมดได้ภายในเศษเสี้ยววินาที

ทิวากร แกนนำผู้ก่อการร้าย!
ร้ายแรก...คือการเทียวกรอกหูให้ไอ้ตรฤณจับกูประเคนน้องมัน
ร้ายที่สอง...คือการเดินมาควงไอ้ชวินต่อหน้าต่อตากู

กูทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย!

ไม่รู้ว่าสองไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนหลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจ ก็สลัดอ้อมกอดของภูเบศธ์ได้ภายในครั้งเดียว ก่อนจะเดินอาดๆตรงไปยังคู่ของชวินและทิวากรที่กำลังเดินกระหนุงกระหนิงผ่านหน้าผ่านตาไปแบบไม่แคร์สื่อ

ไอ้ส้นตรฤณมึงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนรีบมาเก็บตัวทิวากรของมึงไปด่วน
ก่อนจะเจอกูเหวี่ยงนะเว้ย!


“เฮ้ย...กร...ทำบ้าอะไรวะนั่น?”
ถึงจะตกใจกับท่าทางของสองที่เดินอาดๆตรงไปยังกร แต่ภูเบศธ์ก็รู้สึกว่าจะแปลกใจกับท่าทางอ่อนหวานของกรเสียมากกว่า

เกิดมาจนโตเท่าควาย คนอย่างภูเบศธ์สาบานได้ว่าไม่เคยเห็นทิวากรโหมดยิ้มหวานแบบเน้!

แต่ก่อนจะคิดอะไรไปได้มากกว่านี้ ภูเบศธ์ก็ต้องทำหน้าที่รีบไปรั้งร่างเล็กเอาไว้ก่อน

แต่ดูท่าว่า....

“ไอ้ชวิน! กร!”

จะสายไปเสียแล้ว...

____________


“เฮ้ย ตรฤณๆ!!”
เสียงใครบ้างคนเรียกให้ตรฤณหลุดจากภวังค์หลังจากที่นั่งรอเพื่อนอยู่นานสองนานจนหนังตาเริ่มคล้อยต่ำจนเกือบปิดสนิท


“ห๊า?...ใครเป็นอะไร ร้องเรียกซะเสียงดัง...ตกใจหมด”ตรฤณหันไปมองต้นเสียงก่อนจะต้องรีบลุกออกจากโต๊ะแบบไม่คิดชีวิทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ

“ไอ้กรกับไอ้สอง...เปิดศึกกันอยู่บนชั้นสอง รีบไปห้ามมวยด่วนเลยมึง!”

______________

“ไอ้วินมึงพูดมาเลยดีกว่า ว่าระหว่างกรกับกูมึงจะเลือกใคร”

“หือ?...อะไรของมึงเนี่ยไอ้สอง...กูแค่เดินมาพร้อมกับกร.. มึงมาหึงอะไรไม่เข้าเรื่อง”ชวินรีบไปดึงสองให้ออกห่างจากกรให้มากที่สุด โดยที่ทางกรเองก็มีภูเบศธ์คอยป้องกันเอาไว้อีกชั้น ซึ่งที่จริงก็คงไม่ใช่วิสัยของกรเท่าไหร่ที่ต้องทำท่ากลัวสองแล้วมาหลบอยู่หลังภูเบศธ์อย่างนี้ แต่ก็ขอแสดงละครตบตาไปตามกระแส ไหนๆก็กะแยกชวินออกจากสองเพื่อจับภูเบศธ์ไปเสียบกลางอยู่แล้ว

   ทำท่าอ่อนแอเรียกคะแนนความน่าสงสารจากชวินสักหน่อยไม่ดีกว่าเรอะ?

   “บอกไว้ก่อนเลยนะกร...คนนี้ของฉันห้ามยุ่ง!”สองประกาศเสียงดังก่อนจะควงแขนหนุ่มผิวเข้มหน้าหล่อแสดงความเป็นเจ้าของ ทำเอาภูเบศธ์ที่ยืนมองอยู่ต้องเบนสายตาไปทางอืนด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา แต่กรกลับรู้ความหมายดีจึงต้องพยายามหาทาง..ทำยังไงก็ได้เพื่อไม่ให้ภูเบศธ์ต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้

“ไม่เห็นติดป้ายบอกเอาไว้นี่...ฉันเลยไม่รู้ว่าของใคร อ่อ...ทีหลังก็หาปลอกคอมาใส่ให้สิ จะได้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว


แต่ในที่สุดความปากร้ายของกรก็หลุดออกมาจนได้ ทำเอาชวินมองกรด้วยความอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าท่าทางน่าสงสารเมื่อสักครู่ จะกลายเป็นลูกเสือดีๆไม่แพ้สองเลย

พูดไปพูดมา...กูชักจะเหมือนหมาตามไอ้เด็กปากหมาของ ไอ้สองเข้าไปทุกที..


“นายว่าอะไรนะ?!”สองขึ้นเสียงทำเอาชวินรีบตะครุบปากสองเอาไว้ ก่อนที่จะจะมีคนมามุงมากกว่านี้

“เอ่อคือ...กร..ฉันขอตัวก่อนนะ....สองไปเถอะ” ว่าแล้วก็ลากสองออกจากจุดเกิดเหตุ โดยได้ยินเสียงกรแว่วตามหลังจับใจความได้ว่า

“นายเองก็เหมือนกันชวินถ้าไม่ได้ชอบสองก็อย่าทำตัวเหมือนให้ความหวังสองนักสิ!”







“ไหนๆ...เกิดอะไรขึ้น ไอ้สองอยู่ไหน ทำไมเห็นแต่กร?”ตรฤณที่รีบวิ่งกระหืดกระหอบมายังสถานที่ ‘เคย’ เกิดเหตุ ก็รีบถามทันทีหันซ้ายหันขวา จะเห็นก็แต่กรและภูเบศธ์ยืนอยู่ด้วยกัน โดยที่ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

“จบไปนานแล้วตรฤณ...ไม่มาซะพรุ่งนี้เลยล่ะ”กรแขวะเข้าให้ก่อนจะเดินผ่านหน้าตรฤณไปพร้อมกับภูเบศธ์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โดนแขวะมาเยี่ยงนี้ ชายตรฤณเจ็บปวดมากครับขอบอก

“แล้วไอ้วินกับไอ้สองล่ะ...นายเห็นมันหรือเปล่า?”
ตรฤณรีบเดินตามทั้งคู่พร้อมกับเอ่ยถาม

“ขอโทษทีฉันไม่ได้ตามติดก้นสองคนนั้นเลยไม่รู้ว่าพวกนั้นไปสวีทกันถึงไหน”กรพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินควงภูเบศธ์จากไป ทำเอาตรฤณยืนเกาหัวแกรกๆด้วยความงง เพราะไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้กรไม่พอใจ

ได้ข่าวว่ากูยังงอนที่กรไปเดินเคียงคู่กับไอ้วินอยู่
แต่ไหงทำไมกูเหมือนกำลังกรงอนกลับล่ะครับงานนี้?


________________



“ฮึ้ย~ ปล่อยกู!”สองสะบัดตัวออกจากเพื่อนสนิททันทีหลังจากที่ชวินพามาสงบสติอารมณ์ในห้องเรียนห้องหนึ่งที่ไม่มีคนเรียนในเวลานี้

“มึงจะหึงกูให้ได้อะไร? ในเมื่อมึงไม่ได้เป็นแฟนกู มึงไปทำอย่างนั้นกับกรมันไม่ดีนะเว้ย”ชวินพยายามเตือนสติหลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรทำนองนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง  หากไม่มีตรฤณอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ชวินคาดว่าคู่กรณีของสองคงเละได้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นแน่

แต่จะว่าไปกรณีของสองและกรนี่ท่าทางจะสูสี...
น่าลองให้ตีกันสักทีสองทีเหมือนกันแฮะ!


“เออ! กูไม่มีสิทธิ์หึงมึง..ใช่...กูไม่ได้เป็นแฟนมึง! เพราะมึงไม่ได้รักกูนี่ วิน....กู......ฮึก....กู” ในที่สุดน้ำตาหยดแรกก็ร่วงจากดวงตาดวงเล็กทำเอาชวินใจสั่นรีบเดินเข้าไปคว้าสองเอามากอดไว้ราวกับพี่ชายปลอบน้องชายที่ร้องไห้เพราะเล่นซนจนหกล้ม

“กูรักมึงนะสอง..แต่มันมากกว่าเพื่อนไม่ได้มึงเป็นเพื่อนที่กูรักที่สุดมึงรู้ใช่มั๊ย?”มือใหญ่ลูบหัวคนตัวเล็กอย่างเบามือโดยที่สองก็ยิ่งสะอื้นหนักเมื่อโดนปลอบ

“ มึง..อึก..ฮึก...มึงรักกูมากกว่าไอ้ตรฤณมันด้วยใช่มั๊ย?”
คำถามของสองทำเอาชวินนึกขำบางทีสองก็ชอบเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆอยากได้ความรักจากคนอื่น อยากเป็นที่หนึ่งเสมอ เพราะเหมือนคำถามแนวนี้ชวินจะเคยได้ยินว่าสองก็เคยถามตรฤณเช่นกันสรุปสุดท้ายตรฤณก็ตอบว่ารักสองที่สุดก็คงเหมือนกับที่เขาอยากจะตอบ

“ใช่...กูรักมึงมากกว่าไอ้ตรฤณอีก”

“จริงนะ?” ดวงตาแดงก่ำของสองตวัดขึ้นมาร่างสูงโปร่งของเพื่อนรักอย่างคาดคั้นเอาความจริง แต่ถ้ามองเห็นสายตาของชวินแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าคำตอบที่ออกมานั้น..ตรงตามคำพูดแบบไม่มีผิดเพี้ยน

ความจริงเพื่อนก็รักเท่ากันหมด..แต่ถ้าถามว่าห่วงใครมากกว่ากันชวินก็คงจะตอบว่า “สอง” และคาดว่าตรฤณก็คงจะหมายความเดียวกันเช่นกับชวิน จึงคอยบอกเสมอว่ารักสองมากที่สุดหากสองเอ่ยปากถาม

“เออ...มึงไม่เชื่อที่กูพูดหรือไง? หือ”ชวินถามพร้อมรอยยิ้มก่อนจะคว้าเพื่อนตัวเล็กมากอดอีกครั้งทำให้สองต้องหัวเราะทั้งน้ำตาในเมื่อร้องไห้ยังไม่หยุดแต่กลับโดนชวินกอดแล้วโยกไปมาราวกับแกล้งเลยทำให้มีเสียงหัวเราะของสองดังขึ้นจนเล็ดลอดออกไปนอกห้องให้คนที่กำลังเสาะหาอยู่ได้ยิน แล้วโผล่หัวเข้ามาทันทีตามเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของสอง

“อ่อ! มาสวีทอยู่ในนี้นี่เอง กูตามหาซะจนทั่ว....”
ถึงจะมีเสียงเข้ามาขัดจังหวะ แต่ทว่าคนสองคนยังไม่ยอมแยกออกจากกันบาครั้งสองก็รู้สึกอบอุ่นเวลาที่ชวินกอด
แต่มันช่างต่างกับอ้อมกอดของภูเบศธ์...

ต่างกันจนรู้สึกได้…

“นี่ๆ อย่าทำหวานแถวนี้...นั่นเพื่อนกู..กูหวง!”
ตรฤณรีบเดินไปแยกสองกับชวินออกจากกัน

“มึงหวงใคร? กูหรือสอง หา? มึงพูดมาเลย”ชวินลองแหย่ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าตรฤณหวงสอง....แทนภูเบศธ์

“กูหวงมึงดิวิน...แม่งโดนไอ้สองลวนลามไปเยอะแล้วนะมึงน่ะ เสียหายไปเท่าไหร่แล้ววะ?!” ตรฤณพูดติดตลกและก็ได้รับกำปั้นเล็กทุบเข้าให้ที่แขนจนหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“ปากเสียแล้วมึงพูดอะไรออกมาแม่งไอ้วินก็รู้หมดดิว่ากูแอบลวนลามมัน!”สองว่าก่อนจะมองหน้าตรฤณสลับกับชวิน แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาพร้อมกันสามคนอย่างไร้สาเหตุ

พวกเราสามคนไม่ได้หัวเราะด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ?

___________________



“ถามจริง...เป็นอะไร?”

“.........”

“กร?”

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกพี่ก่อนน่ะ ห๊า!  ”

ไอ้เรารึอุตส่าห์ถามดีๆแต่งานนี้กูเกือบโดนทิวากรกัดหัวเอาแล้วมั๊ยล่ะ!

“โมโหอะไร?...เรื่องสองเหรอ?”

ถามไปงั้นๆเพราะรู้ดีว่ากรคงไม่โกรธสองง่ายๆ เห็นอย่างนี้ก็เถอะ แฟนคลับสองนัมเบอร์วันเลยนะครับ     ไม่งั้นไม่ดันให้กูได้สองอย่างทุกวันนี้หร๊อก!ก็เหมือนจะคุ้นๆว่าหวงสอง ในเมื่อตัวเองจีบไม่ได้ เลยส่งกูไปจีบแทน (บังเอิญว่าภูเบศธ์ก็รักสองหมดใจซะด้วยสิ)

   “ฉันโกรธหมอนั่นไม่ลงหรอก...ขนาดทำท่าทางโมโหยังน่ารักอย่างกับลูกแมว”เหมือนจะเห็นกรยิ้มนิดหน่อย แต่ก็หุบลงไปตามเดิม

“แล้วนอยด์เรื่องอะไร?”

“เปล่า...”

“แน่ใจ?”
ภูเบศธ์เอ่ยถามอีกครั้ง..ก่อนจะระลึกชาติไปถึงคราวที่ตรฤณวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา แล้วเหมือนจะเห็นว่ากรอารมณ์เสียทันทีที่เห็นหน้าตรฤณ

“เออ! ถามมากน่า...น่ารำคาญ”กรพูดปัดๆ เพราะไม่อยากให้ภูเบศธ์ถามไปมากกว่านี้ เดี๋ยวจะจับได้พอดีว่ากรกำลังหงุดหงิดเรื่องอะไร

“เรื่องพี่ตรฤณ?”

นั่นไง! ทำไมตอนกูเดาข้อสอบมันถึงไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ?

“ไม่ใช่!”

“ตอแหล”

“ปากเสีย! มาด่าว่าฉันตอแหลได้ยังไงไอ้เด็กนี่ มาด่าว่าโกหกอะไรก็ว่าไปสิ..คำนี้มันแรงรู้มั๊ย?”กรถลึงตาใส่ภูเบศธ์ทันที

“นั่นไง..ยอมรับแล้วใช่มั๊ยว่าโกหก”

“ไอ้เด็กนี่..หัดฉลาดให้มันน้อยๆหน่อยได้มะ? เรื่องคนอื่นล่ะทำมาเป็นฉลาด แต่พอเรื่องสองล่ะขี้ขลาดขึ้นมาเชียว!”กรว่าเข้าให้ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง

“มันคนละเรื่องกัน...เล่ามาสิว่าพี่ตรฤณทำไม...ทำอะไรให้ทิวากรคนนี้ต้องหงุดหงิดได้ขนาดนี้”

“จะทำอะไรล่ะ?..นั่นสิคนอย่างตรฤณจะทำอะไรได้! แม้แต่หึงยังไม่มี..แล้วดูสิ สองตามมาหึงชวินถึงที่ แต่ตรฤณกลับมองแล้วเดินผ่านไป มันน่าน้อยใจมั๊ยล่ะ?”

“เอ๊?...พี่ตรฤณเพิ่งมาถึงทีหลังนี่..ไม่หึงก็ไม่แปลกนี่นาในเมื่อพี่ตรฤณไม่ได้เห็นกรกับไอ้ชวินอะไรนั่นสักหน่อย”ภูเบศธ์ว่า

“เชื่อมั๊ย?...ตรฤณเห็นฉันกับชวินก่อนที่แกจะพาสองมาเจอฉันซะอีก!”กรว่าก่อนจะก้มลงไปเอาคางเกยโต๊ะ

“แล้วทำไมต้องอยากให้พี่ตรฤณหึงด้วยล่ะ?”ภูเบศธ์ลองเอาคางเกยโต๊ะตามกรบ้างก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“เรื่องของฉัน!”กรกระแทกเสียงก่อนจะหันไปมองภูเบศธ์ด้วยแววตาคาดโทษเนื่องจากถามคำถามไม่ดูกาลเทศะ

“ไม่ใช่ว่า กรชอบก็พี่ตรฤณมานานแล้วหรอกนะ ฮ่าฮ่า”ภูเบศธ์พูดยิ้มๆก่อนจะเด้งตัวออกจากโต๊ะทันทีเพื่อหลบฝ่ามือของกร

“พูดบ้าอะไรของแกภูเบศธ์! ฉันน่ะเหรอจะชอบคนอย่างตรฤณไม่มีวันซะหรอก!
แต่พอพูดจบกรกลับต้องอ้าปากค้างเมื่อภาพตรงหน้าคือ.....ตรฤณ

“ซวยหมาแล้วไง..”
ภูเบศธ์พึมพัมเบาๆก่อนจะค่อยๆปลีกตัวออกมา



ryoko_chan

  • บุคคลทั่วไป
_________________


พอปลีกตัวออกมาเพื่อให้กรได้เคลียร์ ก็กลับต้องมาเจอภาพบาดตาบาดใจอีกตามเคย
เกิดเป็นภูเบศธ์ บุญน้อยจริงๆเลย!
ว่าแล้วก็เลี่ยงเดินไปอีกทาง..เพื่อไม่ให้สองต้องลำบากใจหากจะต้องเห็นเขาเวลาที่อยู่กับชวิน

“นี่...มึง...”เสียงแหบเล็กเอ่ยถามขึ้น

“อะไร?”

“กูขอถามอะไรมึงหน่อยสิ”สองพูดพร้อมกับกระแซะตัวเข้าหาชวินและชวินเองก็พยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาตว่าถามได้

“มึง...ชอบกรเหรอ?”

“ก็น่ารักดี..”

“เฮ้ยๆ!กรน่ะ...ตรฤณมันจองนะเว้ยมึงไม่รู้เหรอ?”สองรีบแถลงไข อย่างน้อยก็เป็นเหตุผลที่จะทำให้ชวินเลิกยุ่งกับกรไปได้ล่ะนะ

“จริงเหรอ?..ไม่เห็นมันเคยพูดอะไรนี่..แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงกรก็ไม่ใช่สเป็คกูหรอก”ชวินพูดลอยๆพร้อมกับหยิบเลคเชอร์สองมาดูเล่นฆ่าเวลา

“ลายมือคนหรือลายไก่เขี่ยวะเนี่ย?”ชวินพึมพำกับสมุดโน้ตตรงหน้า

“เอามานี่อย่ามายุ่ง...ถามจริงอย่างกรไม่ใช่สเป็คมึงจริงเหรอแล้วสเป็คมึงเป็นแบบไหนอ่ะ?...แบบกูใช่ป่ะ?” สองแย่งสมุดโน๊ตของตนเองจากชวินคืนก่อนจะทำตาใสถามคำถามด้วยความอยากรู้

“เพ้อเจ้อว่ะไอ้สอง~   นี่ขนาดมึงลอกเลคเชอร์ไอ้ตรฤณ ลายมือมึงยังไก่เขี่ยได้ขนาดนี้เหรอวะ?”ชวินทำเป็นไม่สนใจคำพูดของสองแล้ววกเข้าเรื่องลายมืออีกจนได้

“มึงรู้ได้ไงว่ากูลอกของมัน”

“กูเดาถูกใช่มั๊ยล่ะ?”ชวินยักคิ้วราวกับมั่นใจในความคิดของตนเองมากซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ชวินว่าเอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

“แหม่..มึงนี่แสนรู้ใช้ได้เลยนะเนี่ย~ ”สองพูดแล้วยิ้มหวานพลางตบไหล่ชวินอย่างถือวิสาสะจนชวินต้องค่อยๆเลื่อนมือไปจับมือเล็กนั้นออก

“ฮ่าฮ่า ขอบคุณที่ชมว่ะสอง”ชวินหัวเราะเฝื่อนๆที่โดนสองเอาคืนเสียบ้าง

“เออวิน..กูมีเรื่องสงสัยอีกเรื่อง” จู่ๆสองก็โพล่งขึ้นมาทำเอาชวินเลิกคิ้วแล้วหันไปมอง

“อะไรอีก?..มึงนี่มีเรื่องสงสัยเยอะจริงๆเลย”ชวินบ่นแต่ก็พร้อมที่จะรับฟังคำถาม และเป็นผู้ตอบคำถามที่ดีสำหรับสอง

“มึงกอดกูอีกครั้งได้มะ?”

“หา?...มึงป่วยป่ะเนี่ย? สอง กอดอะไรอายคนอื่นเขา”ชวินหันซ้ายแลขวาก็พบว่าเห็นว่ามีผู้คนอยู่เยอะแยะ เกรงว่าถ้ามากอดกันหรือทำอะไรประเจิดประเจ้ออยู่แถวนี้ เห็นทีจะไม่เหมาะสมกับเยาวชนและสตรีมีครรภ์เสียเปล่าๆ

“จริงๆกูอยากรู้”พูดจบก็คว้าชวินเข้าไปกอดเอาไว้เสียแน่น โดยที่ชวินเองก็พยายามดันสองออก แต่สุดท้ายสองก็เป็นคนยอมปล่อยมือเสียเอง

“ไม่เหมือนจริงๆด้วย....เอ..หรือเป็นเพราะเมื่อกี้กูกอดมึง..เลยไม่เหมือนกับที่ไอ้เด็กนั่นมันกอดกู”

“หือ?..มึงหมายความว่ายังไง? เด็กนั่น?......อ่อ.....”

“.............”สองยังคงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเพื่อเปรียบเทียบความรู้สึก

“มึงจะบอกว่า..เวลามึงกอดกูหรือเวลาที่กูกอดมึง..มันรู้สึกไม่เหมือนกับเวลาที่โดนไอ้เด็กนั่นกอดใช่มั๊ย?”ได้ยินมาอย่างนี้ก็เหมือนว่าชวินคงจะคาดเดาอะไรได้ลางๆ

“อือ...ตอนมึงกอดกู...กูรู้สึกเฉยๆนะ...แต่เวลาโดนไอ้เด็กนั่นกอดทีไร นึกโมโหทุกที”สองพูดไปเรื่อยตามความรู้สึกของตัวเองแต่ทำเอาชวินนั่งขำ

“สอง...มึงโมโหหรือว่า... ‘เขิน’.... กันแน่?”

“เขินเหรอ?...ไม่มั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า”สองพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับหัวเราะราวกับมันเป็นเรื่องตลก

นั่นน่ะสิ..คนอย่างสองจะเขินเหรอเวลาที่โดนไอ้เด็กนั่นกอด
ก็แค่หน้าแดง...เพราะว่าโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
หายใจติดๆขัดๆเพราะว่าไอ้เด็กนั่นกอดแน่นเกินไปจนรู้สึกว่ามันอึดอัดหัวใจเต้นแรง...เพราะว่า.....เพราะว่า...ช่างมันเถอะคิดไม่ออก

ฮ่าฮ่า....รู้อย่างเดียวว่าไม่ใช่เพราะกูเขินแน่ๆ!


“ให้มันแน่เหอะสอง~”ชวินพูดทิ้งท้ายให้สองได้คิด..ก่อนที่เสียงหัวเราะของสองจะค่อยๆเงียบลงไปเมื่อคิดได้ว่า

“แน่สิ..กูมั่นใจ.....”

มั้ง!


TBC

คราวนี้เฉลยกันเรียบร้อยฮ่าฮ่า...ว่ากรแค่แกล้งที่จะแยกชวินออกจาสองเฉยๆ><
(แฟนคลับของตรฤณและกร ดล่งอกโล่งใจกันไป~~)

แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ เพราะว่า กร กับ ตรฤณ ยังไม่ทันที่จะเคลียร์เรื่อง ชวิน แต่กลับมีเรื่องหลวงเข้ามาแทรกจนได้
มาคอยดูกันต่อไปนะคะว่า ตรฤณ จะทำอย่างไร ที่ได้ยินเต็มสองรูหูขนาดนั้น ว่ากรไม่ได้ชอบตัวเอง อิอิ (ว่าแล้วก็อยากหัวเราะ)


ส่วนเรื่อง ชวินกับสอง... ตอนนี้น่าจะดคลียร์แบบแจ่มแจ้ง...แต่เดี่ยวยังมีเรื่องมากกว่านี้แน่นอน
(มากในทางไหน คอยลุ้นกันนะคะ)

ปล. พระเอกของเรา บทน้อยยยยยยย ก๊ากกกกกก


___________

เนื้อเรื่องจะพันกันเป็น เกรียวเชือกแล้ว..

ฮ่าาาา นั่นสิคะ..คงไม่ใช่ ปีนเกลียว อย่างเดียวแล้วล่ะค่ะ เนื้อเรื่องความรักพันกันจนเป็นเกลียวอีก ฮ่าฮ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2012 22:49:16 โดย ryoko_chan »

ออฟไลน์ Allure-Q

  • Just the way you are
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 267
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

vi2212

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด