(เรื่องสั้น) อิฐเก่าเล่าตำนาน ตอนอวสาน (๑๔ มีนาคม จุลศักราช ๑๓๗๔)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น) อิฐเก่าเล่าตำนาน ตอนอวสาน (๑๔ มีนาคม จุลศักราช ๑๓๗๔)  (อ่าน 39568 ครั้ง)

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
_________________________________________________________

สวัสดีครับ

วันนี้ นายหนิงหน่องมาฝากนิยายเรื่องใหม่อีกแล้ว
(ได้ข่าวว่าของเก่าก็ยังเดินเรื่องเอื่อยเฉื่อยอยู่เลย)

 :laugh:

แต่เรื่องนี้เป็นพลอตที่อยากเขียนมาก เพราะหลังจากที่เขียนนิยายมาได้สักพัก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายระดับต้นๆ ที่อยากเขียน
อีกทั้งเวลาที่เหลือนิดหน่อย กับพล๊อตที่ไม่ยาวมากของเรื่องนี้ น่าจะเข็ญให้จบทันหนึ่งเดือน
ดังนั้น เลยเขียนควบสองเรื่องเลย  :laugh:

เอาเป็นว่า ขอฝากนิยาย(ขนาดสั้น) เรื่องนี้ด้วยแล้วกันนะครับ
 :กอด1:
สารบัญนิยาย by Glorious
1. หรือจะเก็บรักไว้ในสายลม

2. อย่าติสท์ให้มากนัก ถ้าพี่รักแล้วน้องจะหนาว

3. กรุ่นกลิ่นรวงข้าว

รวมเรื่องสั้นคั่นเวลา by Glorious
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2012 12:13:08 โดย ลำนำบุหลันครวญ »

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1

ตอนที่ ๑

ยาวนานเหลือเกิน.....
สองร้อยกว่าปีแล้วกระมัง ที่ข้ายังอยู่ที่แห่งนี้
สองร้อยกว่าปีสำหรับมนุษย์นั้นคงเทียบไม่ได้กับตัวข้า ช่วงเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่คงจะนานนับอสงไขย มันช่างเนิ่นนานเหลือเกินกับเรื่องราวต่างๆที่ข้าได้สดับรับรู้....
หากแต่เพลานี้ ข้ารู้สึกได้ ว่าอสงไขยกาลแห่งข้าคงจะมาถึงการสิ้นสุด
ข้าได้พบเจ้าแล้ว หลังจากที่ข้าล่องลอยในสายธารแห่งกาลเวลามาเนิ่นนาน
ทองด้วง....ยอดดวงใจของข้า
.
.
.
แดดยามบ่ายสาดแสงจ้าจนผมต้องหรี่ตาหลบความสว่างจ้าของดวงตะวัน  ชุดข้าราชกาสีกากีในสังกัดกรมศิลปากรที่ผมสวมอยู่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อไคลจนผมแทบอยากจะถอดทิ้ง แต่ผมก็ทำเช่นนั้นไม่ได้
“เป็นอย่างไรบ้าง ทำงานวันแรก” เสียงพี่ยง ยอดธง รุ่นพี่นักโบราณคดีทักผมจากด้านหลัง
“ก็...ดีครับ ได้ทำงานอย่างที่อยากทำ”
“เข้าร่มก่อนไหม ดูสภาพเราอย่างกับไปตกน้ำมา”
ผมฉีกยิ้มและรับคำอย่างว่าง่าย ถึงความเป็นนักโบราณคดีรุ่นใหม่ไฟแรงของผมจะยังคุกรุ่นอยู่ภายใน แต่ความร้อนรุ่นของเปลวแดดยามนี้ก็พาลจะทำให้หน้ามืดลงได้ง่ายๆเหมือนกัน
“เห็นเขาบอกว่า เราจบเอกประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยามางั้นหรือ ด้วง”พี่ยงถามขึ้น
“ใช่ครับ”
“แล้วทำไมถึงเลือกเอกนี้ล่ะ”
“ก็.... ผมเกิดที่นี่ จะใช้คำว่าสำนึกรักบ้านเกิดก็ได้นะครับ ผมคิดว่าประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยานั้นยิ่งใหญ่และน่าหดหู่ บางทีหากในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ถ้าเราสามัคคีกัน พวกพม่าอาจจะไม่สามารถตีเอาเป็นเมืองขึ้นได้ง่ายดายเหมือนในประวัติศาสตร์” ผมทอดมองไปยังปรางค์ประธานวัดราชบูรณะด้วยความรู้สึกหดหู่ “ครั้งหนึ่ง มหานครแห่งนี้งดงามเหลืองอร่ามไปด้วยสีทองดั่งเมืองสวรรค์ ผมอยากให้คนรุ่นหลังได้เห็น เหมือนที่ผมเองก็อยากเห็นภาพเหล่านั้น”
“ปณิธานของเราแน่วแน่ดี พี่ดีใจนะที่ได้ด้วงมาทำงานร่วมกัน” รุ่นพี่ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยวนี้ใครๆต่างก็พากันมองไปข้างหน้า คิดถึงแต่อนาคต จนลืมไปว่าหากหลงลืมว่าอดีตของตนเองเป็นเช่นไร ก็ไม่อาจจะมีวันต่อไปเช่นกัน”
“ผมเห็นด้วยครับพี่ ผมสัญญาจะทำงานนี้ให้เต็มที่ให้สมกับที่พี่ยงเลือกผมเข้ามาเลยครับ”
เราต่างยิ้มให้กัน ก่อนที่พี่ยงจะขอตัวไปยังชั้นหนังสือสูงเลยหัวในห้องทำงาน

ผมใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆว่าอยากจะเป็นนักโบราณคดี ผมยังจำได้ว่าผมชื่นชมในความห้าวหาญและความเท่ของอินเดียน่าโจนส์ ที่โลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม อีกทั้ง....ด้วยเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในห้วงความคิด เหตุผลที่ผมไม่เคยบอกใคร ...นั่นคือ ภาพในความฝัน
ความฝันที่เหมือนกับภาพยนตร์ย้อนยุคที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก
ภาพบ้านเมืองและพระราชวังสีทองอร่าม กำแพงเมืองที่แสนงดงาม ในความฝันนั้น ผมเดินอยู่เคียงข้างใครคนหนึ่ง ผมเดาได้ว่าเป็นผู้ชายและผมเองก็รู้สึกได้ถึงความผูกพันที่แสนจะประหลาดเหมือนกับรู้จักมักคุ้นกันมานาน แม้ในความฝันนั้นผมจะไม่เคยเห็นใบหน้าของชายคนนั้นก็ตาม
และจากฝันที่ซ้ำไปซ้ำมานั้น ทำให้ผมอยากให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของกรุงศรีอยุธยา เช่นเดียวกับที่ผมได้พบเห็นในความฝัน
.
.
.
งานของผมเป็นงานที่ต้องจมอยู่กับกองหนังสือเสียส่วนใหญ่ ผมต้องค้นคว้าถึงความเป็นไปในประวัติศาสตร์และในบางครั้งผมก็ต้องศึกษาข้อมูลเพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาเผยแพร่แก่สาธารณชนรวมถึงต้องเป็นวิทยากรในบางครั้งด้วย
ผมดีใจนะ ที่ได้มาทำงานตรงนี้ ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณบรรพบุรุษแห่งกรุงศรีที่ได้ให้โอกาสผมมายืนอยู่ตรงนี้

ลานกว้างที่วัดราชบูรณะถูกเซตเวทีและแสงสีสำหรับจัดการแสดงในคืนนี้ ผมนั่งมองเงียบๆอย่างมีความสุข และผมดีใจที่ยังมีคนที่ยังรำลึกถึงประวัติศาสตร์ชาติไทยเช่นเดียวกับผม
“เหม่ออะไรอยู่หรือด้วง” พี่ยงทักผมด้วยรอยยิ้ม
“เปล่าหรอกครับ”
“คืนนี้มางานด้วยกันกับพี่มั้ย”
“ถึงพี่ไม่มาผมก็มาอยู่แล้วครับ” 
“โอเค ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกันนะ “
.
.
.
นักท่องเที่ยวมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเริ่มนั่งประจำที่บนอัฒจรรย์ที่เตรียมไว้ เบื้องหน้าเวทีที่เนรมิตรอย่างวิจิตรรอคอยเหล่านักแสดงที่จะขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวการสมัยกรุงศรีอยุธยา ผมนั่งฟังเสียงดนตรีไทยคลอโหมโรงด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มาชมการแสดงนี้ แต่ครั้งนั้นก็เนิ่นนานมาแล้วตั้งแต่สมัยผมยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กชาย
“มานานแล้วหรอ” พี่ยงนั่งข้างๆผม เขามาในชุดโปโลสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ง่ายๆพร้อมด้วยรอยยิ้มเรียบๆเช่นเคย และรอยยิ้มนี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพี่ยงเป็นคนมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง นอกจากใบหน้าเคร่งขรึมหน้ากองหนังสือประวัติศาสตร์
“สักพักแล้วครับ”
“จะว่าไป พี่เองก็ไม่ได้มางานนี้นานแล้วเหมือนกัน .... มาดูคนเดียวมันไม่น่าสนุกเท่าไหร่น่ะ”
“แล้วแฟนพี่ล่ะครับ”
“พี่ยังไม่มีใคร”พี่ยงหันมาตอบ “อาชีพนักโบราณคดีบางครั้งก็เหมือนเป็นเงาของสังคม บางคนก็ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่ามีเราอยู่เป็นข้ารับใช้พระยุคลบาท”
“ไม่เห็นเกี่ยวสักหน่อย” ผมยิ้มให้กับคำตอบที่ดูจริงจังของพี่ยง “ที่พี่ไม่มีใครน่าจะยังเพราะพี่ยังไม่เจอใครที่ถูกใจพี่มากกว่า”
“ก็อาจจะเป็นแบบนั้น หรือไม่พี่ก็คงจืดชืดจนไม่มีใครสนใจล่ะมั้ง” พี่ยงหัวเราะแบบแกนๆ
“ไม่หรอกครับ ผมว่าพี่ออกจะหน้าตาดีนะ”
“มาชมกันแบบนี้ อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานสินะ”
“ฮ่าๆๆ พี่ก็พูดไป” ผมหัวเราะ “แต่ถ้าได้ก้ดีครับ”

เสียงเพลงโหมโรงค่อยๆเบาลง ก่อนที่พิธีกรจะเริ่มกล่าวแนะนำการแสดงวันนี้ ผมหยุดบทสนทนาระหว่างพี่ยงลงก่อนจะหันไปสนใจการแสดงเบื้องหน้า ไม่นานนัก พิธีกรก็กล่าวจบลง เสียงมโหรีปี่พาทย์ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับนักแสดงคนแรกออกมาในชุดเครื่องแต่งกายสมัยเก่าและเริ่มขับเสภาที่เหมือนจะเป็นท่อนหนึ่งของบทเพลง

กรุงเอย...กรุงศรีอยุธยา....
ทัศนาปูชนียสถาน....
อิฐเก่าเก่าเหล่านี้มีตำนาน
วาดวิมานบนดินถิ่นราชัน....

คนกรุงเก่าเล่าให้ฟัง วัดเวียงวังดั่งสวรรค์
น้ำรอบมีขอบขัณฑ์ กำแพงกั้นชั้นนอกใน
ล้นเกล้าเจ้าอู่ทอง ครองนครสุขสดใส
ชื่อเสียง ธ เกรียงไกร แผ่ขยายพระบารมี

ทรงธรรม์สวรรคต โศกสลดทั้งกรุงศรี
ความรักสามัคคี เสนาบดีเสื่อมทรามลง
ข้าศึกจึงฮึกหาญ มารุกรานเพื่อประสงค์
มิให้ไทยมั่นคง ซ้ำยังส่งไส้ศึกมา

ยุคใดไทยสามัคคี ไพรีหวาดผวา
ยุคไหนในพารา ริษยาแตกแยกกัน
เครือญาติหวาดระแวง เนื่องจากแย่งครองเขตขัณฑ์
ดุจช้างที่ชนกัน หญ้าแพรกนั้นย่อมล้มตาย

คนดีมีฝีมือ คนซื่อก็สูญหาย
ถูกฆ่าน่าเสียดาย บ้างแยกย้ายหนีซานซม
ราชการงานเมือง มีแต่เรื่องที่ขื่นขม
สมบัติผลัดกันชม เป็นสังคมเฉพาะกาล

ศัตรูอยู่นอกรั้ว ขุนนางมัวสนุกสนาน
ไส้ศึกส่งสัญญาณ ข้าศึกผ่านเข้าสบาย
ทัพโจรปล้นธานินทร์ เผาทรัพย์สินจนเสียหาย
ต้อนคนไปมากมาย ถูกร้อยหวายเป็นเชลย

อดีตปัจจุบัน คล้ายคลึงกันพี่น้องเอ๋ย
จะเทียบหรือเปรียบเปรย ตามที่เคยรู้เห็นมา
คนซื่อฝีมือดี มักจะมีคนอิจฉา
ย้ายไปให้ไกลตา เพราะเหตุว่าชอบขัดใจ
ความรักสามัคคี เป็นสิ่งดีทุกสมัย
แบ่งสรรปันน้ำใจ เป็นผู้ใหญ่เอื้ออาทร
อิฐเก่าที่เราเห็น ดูไว้เป็นอนุสรณ์
มองไปใจสะท้อน ภาพมาหลอนถึงปัจจุบัน

(อิฐเก่าเล่าตำนาน ชินกร ไกรลาส)

บทเพลงอิฐเก่าเล่าตำนานดังขึ้น พร้อมกับการแสดงจินตลีลาประกอบเพลง ก่อนที่เรื่องราวประวัติศาสตร์การเสียกรุงจะเริ่มร้อยเรียงถ่ายทอดให้ผู้ชมได้รับชมรับฟัง ถึงความรุ่งเรืองและความอัปยศของกรุงศรีอยุธยาในอดีต

เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อการแสดงจบลง เหล่าบรรดานักแสดงออกมาจากด้านหลังพร้อมกับโค้งคำนับผู้ชมโดยพร้อมเพรียง ผู้ชมทั้งไทยและเทศเริ่มทยอยเดินลงจากอัฒจรรย์ในขณะที่ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“ยังไม่กลับหรอด้วง”
“เอ่อ .... พี่ยงกลับก่อนก็ได้ครับ ผมขอนั่งอยู่อีกสักครู่”
“เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่ยงถามขึ้นด้วยแววตากังวล
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่อยากอยู่ต่ออีกหน่อย พี่กลับไปก่อนเถอะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ ...ตามใจด้วงเถอะ” พี่ยงเดินจากไป หากแต่ยังคงมองคล้อยหลังมาทางผมอย่างเป็นห่วง ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนเริ่มบางตาลง ในขณะที่ผมค่อยๆปล่อยให้อารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ระบายออกมาผ่านทางหยาดน้ำตาที่ค่อยๆเอ่อออกมาทางหางตา บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้าเหมือนกันที่มันจะอินไปกับละครสมัยเก่าๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับภาพการเสียกรุงในยุคนั้น
ผมลูบหน้าตัวเองช้าๆเพื่อขจัดคราบน้ำตาของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเดินลุกจากอัฒจรรย์ลงไปยังข้างล่างและทอดน่องไปตามทางเดินในวัดราชบูรณะ สายลมเย็นพัดมาเบาๆทำให้ผมต้องกอดอกเพิ่มความอบอุ่นให้ตัวเอง ผมมองไปยังซากโบราณสถานในวัดด้วยความรู้สึกหดหู่เมื่อเปรียบเทียบกับความงดงามของราชวังในความฝัน ที่โอ่อ่าและสง่างาม หลายครั้งผมนึกสงสัยตัวเองว่าทำไมกันนะ ผมถึงได้ผูกพันกับที่แห่งนี้อย่างประหลาด ราวกับว่าชาติที่แล้ว ผมเคยเป็นไพร่ฟ้าหน้าใสที่อาศัยอยู่ที่นี่เลยทีเดียว
ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงที่หน้าลานปรางค์ประธาน ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านใน แสงไฟที่ส่องขึ้นมาจากสปอตไลท์เผยให้เห็นความวิจิตรขององค์พระประธานที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานนั้น ผมเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ของพระพุทธรูปเบื้องหน้าพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเสตามองสูงขึ้นไป คืนนี้ไม่มีดาวให้เห็นเลยหากแต่ดวงจันทร์นั้นกลับส่องสว่างเต็มดวงทำให้ผมเดาเอาว่าวันนี้คงเป็นวันขึ้น15ค่ำแน่ๆ
“ทองด้วง...ทองด้วงเอ๊ย”
เสียงดังแว่วมา อาจจะไม่ดังนักแต่ผมรู้สึกได้ว่าเป็นเสียงของใครบางคน ผมหันซ้ายแลขวาก็พบกับความว่างเปล่า และความว่างเปล่านั้นก็ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังไม่น้อย
“ทองด้วยน้องพี่....”
ผมหันหลังขวับเมื่อเสียงนั้นอยู่ใกล้ราวกับคนพูดนั้นอยู่ข้างหลัง และสิ่งที่ผมเห็นกำทำให้ผมต้องอุทานลั่น
“เฮ้ยยยยย!!!”
ผมล้มก้นจ้ำเบ้า เมื่อพบเห็นกับชายหนุ่มท่าทางน่าเกรงขามในชุดเหมือนกับนักแสดงบนเวทีเมื่อครู่และผมเลือกจะเดาว่าเขาเป็นคนเนื่องจากไม่เชื่อในเรื่องผีสางสักเท่าไหร่ ชายคนนั้นยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตรพร้อมกับส่งมือให้ผมคว้าไว้เพื่อพยุงตัวลุกขึ้น
“อะไรของคุณกันเนี่ย แอบย่องมาข้างหลังไม่ให้สุ้มให้เสียง”
“ข้าขอโทษ ทองด้วง อย่าได้ถือสาข้าเลย” ชายคนนั้นตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
“คุณทำให้ผมตกใจนึกว่าผีนะเนี่ย โผล่มาข้างหลังไม่ให้สุ้มให้เสียง”
“ข้าขอโทษ ข้ามิได้ตั้งใจให้เจ้าตกใจแทบสิ้นสมประดีเช่นนั้นดอก ข้าก็แค่....ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีกครั้ง”
“แหม...คุณนี่พูดจาภาษาโบราณได้คล่องจัง ผมได้ดูการแสดงของพวกคุณแล้วผมชอบมากนะ มันทำให้ผมนึกถึงสมัยอยุธยาจริงๆเลยล่ะ” ผมชมเชยจากใจ “ว่าแต่เมื่อกี๊คุณเรียกผมว่ายังไงนะครับ ทองด้วง...หมายถึงผมหรอ”
“ไม่ผิดดอก ข้าหมายถึงเจ้านั่นแหละ”
“ทองด้วงงั้นหรอ” ผมนึกตาม “จริงๆผมชื่อด้วงนะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงรู้จักผม แล้วที่บอกว่าได้เจอกันอีกครั้งมันหมายความว่ายังไง เราเคยเจอกันมาก่อนหรอครับ”
“ไม่แปลกดอกที่เจ้าจะจำข้าไม่ได้ นานอักโขทีเดียวที่ข้ากับเจ้าไม่ได้พบกัน”
“จริงหรอครับ ว่าแต่เราเคยเจอกันตอนไหนหรอครับ”
นักแสดงคนนั้นยิ้มเย็นๆ ก่อนจะตอบผมว่า “ วันอังคาร เดือน 5 ขึ้น 9 ค่ำ ปีกุน จุลศักราช 1129 ”
“แล้วจุลศักราช 1129 ของคุณเนี่ยมันพศ.ไหนกัน ทำไมคุณพูดจาฟังยากจัง”
ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลางยิ้มเศร้าๆ และตอบคำถามโดยไม่ได้สบตาผม
“สองร้อยสี่สิบสี่ปี ... ตั้งแต่ที่อโยธยาศรีรามเทพนครเสียเอกราชให้แก่พวกพม่ารามัญ สองร้อยกว่าปีแล้ว ทองด้วงน้องพี่ที่ข้ารอคอยเจ้าอยู่ที่นี่”
“คุณว่าไงนะ!!!”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2012 23:02:04 โดย Glorious »

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ฮ่า ฮ่า พี่ท่านเล่นมาแบบนี้น้องด้วงเราต้องคิดว่าเป็นคนบ้าแน่นอน
เรื่องใหม่ไฉไลน่าติดตามจริง ๆ ประวัติศาสตร์อยุธยาด้วย บ้านเกิดเราเหมือนกัน

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
กรี๊ดดดดด

อ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ  สองร้อยกว่าปีแล้ว  โฮกกกกก

รอติดตามว่าทองด้วงกับพี่ชายที่รอคอยนั้นจะบรรจบกันยังไง

แต่ดูแววแล้วน่าจะเศร้าเนอะ

บวกเป็ด

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 o13ชอบเเนวนี้สุดๆเลยค่ะ  แต่อย่ามาม่านะ

ออฟไลน์ ohuii

  • Why I cannot upload profile picture?
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-4
  แวะมาเปิดเรื่องใหม่ในแนวที่ชื่นชอบค่ะ
เรื่องแบบนี้หาคนแต่งยาก แต่ชอบค่ะ นิยายกลิ่นอายไทยเต็มๆ  :L2:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
รับเรื่องใหม่ :mc4:
ชอบแนวนี้เช่นกัน
+1

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
สโลแกนของคนแต่ง
ถ้าเรื่องไหนไม่มีหยากไย่ใยแมงมุม ไม่ใช่ของแท้

แซวเล่นนะคะ  เพราะเรื่องภูเก็ตว่าย้อนอดีตแล้ว
เรื่องนี้ย้อนไปไกลยิ่งกว่า

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
เศร้าๆ หวานๆ ปนน่ากลัวหน่อยๆ
ทองด้วงเอ๋ย ใจแข็งไว้นะ อย่าเป็นลมไปก่อนหล่ะ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ชอบนะนิยายแนวนี้

รออ่านต่อจ้า   :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
ต้อนรับเรื่องใหม่  :L2:

ออฟไลน์ เกริด้า(๐-*-๐)v

  • ไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้นแหละ
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +349/-29
เรื่องนี้น่าสนใจจริงๆ นักโบราณคดีงั้นเหรอ ฝันแบบนั้น... น่าอิจฉาจัง ไอก็เป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นอะไรแบบนั้นนะ

คือ..ไอก็คิดว่าอยุธยาเป็นเมืองที่น่าสนใจและน่าเสียดายจริงๆน่ะ

เป็นกำลังใจให้นะ (o^^o)

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เจ๋งสุดๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
ตอนที่ ๒

“ด้วง ด้วง ทำไมถึงมานอนตรงนี้”
ผมค่อยๆงัวเงียตื่นขึ้นมาจากเสียงเรียกของพี่ยง ก่อนจะปรือตาขึ้นช้าๆและสำรวจๆรอบตัว ผมอยู่ที่ในห้องทำงานของตัวเอง และเหมือนเมื่อคืนจะเกิดเรื่องบางอย่างที่ทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย
“ทำไมไม่กลับบ้านฮึด้วง?” พี่ยงซักด้วยท่าทีกังวล ผมก้มลงมองเครื่องแต่งกายของตัวเองก็พบว่า เป็นชุดเดิมที่ใส่มาดูการแสดงเมื่อคืน ... และเหนือสิ่งอื่นใด ผมคิดว่าผมอาจจะ....
“คือ...ผมลืมกุญแจห้องไว้ในห้องน่ะครับ” ผมเลือกที่จะโกหกคำโตต่อพี่ยง เมื่อผมไม่สามารถที่จะอธิบายเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้
“งั้นหรอ?” พี่ยงขมวดคิ้ว “แล้วทำไมไม่ไปนอนบ้านพี่ก่อน เห็นเป็นคนอื่นคนไกลไปได้”
“ผมเกรงใจน่ะครับ เอาเป็นว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้ผมจะนึกถึงพี่เป็นคนแรกเลยแล้วกัน”
“อย่าให้มีอีกจะดีกว่านะพี่ว่า”
“แหะๆ ครับ ผมขอลาป่วยได้มั้ยครับพี่ เหมือนจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จะไปให้ช่างเค้างัดประตูให้ด้วย”
“เอาเถอะ แต่อย่าบ่อยนักแล้วกันเรื่องแบบนี้ มันไม่ดีต่ออนาคตการงาน....ครั้งนี้พี่จะแกล้งไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน”
“ขอบคุณมากครับพี่ยง”
ผมเดินออกมาจากที่ทำงานที่ไม่ไกลจากวัดราชบูรณะมากนัก ผมหันหลังกลับไปมองยังเจดีย์ด้านในอีกครั้งด้วยความรู้สึกพิศวง หากผมไม่ฟั่นเฟือนจนเกินไป ผมคิดว่าเมื่อคืนนี้ ที่คุยกับผมนั้นไม่ใช่คน และผมเองก็คงไม่ได้หลอนไปเองที่คุยคนเดียวเป็นตุเป็นตะ
.
.
.
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนอนง่ายๆ ผมเลือกที่จะจมอยู่กับกองหนังสือประวัติศาสตร์เพื่อที่จะลืมเรื่องที่เหมือนจะไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่ ก่อนนี้ผมซัดยาลดไข้ไปสองเม็ดและกำลังรอให้มันออกฤทธิ์ ต่อให้ผมคิดว่ามันชัดเจนแค่ไหน แต่ผมก็ยังไม่อยากให้เรื่องเมื่อคืนเป็นความจริงอยู่ดี
.
.
ไพร่ฟ้าหน้าใสรอบกำแพงเมืองอโยธยาเดินกันขวักไขว่บ้างร้องเรียกเชื้อชวนให้ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมร้านของตนเอง ชายหนุ่มก้าวช้าๆบนถนนในตลาด ก่อนจะไปหยุดที่ท่าเรือริมคูเมือง
“ไปเรือนพระยาไชยสุริเยนทร์จ๊ะพ่อ”

คนพายเรือจ้างค่อยๆใช้ไม้พายวาดกระแสน้ำเคลื่อนไปข้างหน้าฝ่าคลื่นน้ำและเปลวแดด ไม่นานนักเรือก็เทียบท่าน้ำที่ก่อสร้างเป็นศาลายื่นออกมาริมตลิ่ง ทั่วบริเวณรกครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่นานาพรรณ
“ขอบคุณขอรับท่าน” ชายพายเรือจ้างเอ่ยขอบคุณหลังจากรับเงินค่าจ้าง ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวขึ้นไปบนศาลา และเดินเข้าไปในบริเวณเรือนไทยภายในบริเวณ

“กลับมาแล้วรึ เจ้าทองด้วง” สุรเสียงน่าเกรงขามดังขึ้นจากตั่งไม้สักกลางเรือน ชายคนนั้นอยู่ในเสื้อคอกลมสีเหลืองดอกพะยอม นุ่งโจงกระเบนอยู่ท่ามกลางบ่าวที่ร้อยมาลัยและโบกพัดคลายความร้อนในยามบ่าย ชายผู้อ่อนกว่าวางชะลอมในมือลง ก่อนจะยกมือท่วมหัวแสดงความเคารพ
“ขอรับ ท่านพระยา .... กระผมซื้อลูกจันทร์จากตลาดท้ายวังมาฝากท่านพระยาด้วย” ชายหนุ่มพูดพลางวางชะลอมไว้เบื้องหน้า
“ขอบใจเจ้ามาก ทองด้วง คราหลังไม่ต้องวุ่นวายหาส้มสูกลูกไม้มาฝากพี่ดอก “
“มิได้ดอก กระผมซื้อของเหล่านี้มาฝากก็ด้วยความเสน่หาแลเลื่อมใส อย่างไรเสียกระผมก็เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงในเรือนนี้ พอได้ดิบได้ดีจะลืมบุญคุณได้เยี่ยงไร”
“ข้าขอสรรเสริญในอัธยาศัยเจ้า ขอให้เจ้าเป็นที่เอ็นดูของพ่ออยู่หัวยิ่งๆขึ้นเถิด” พระยาไชยยิ้มให้แขก “ไปอยู่ในวังสุขสบายดีฤาพ่อ ข้าได้ข่าวว่าพระเจ้าเอกทัศน์ท่านโปรดปรานเจ้าอยู่มิน้อย”
“หามิได้ขอรับ แท้จริงนั้นพ่ออยู่หัวท่านก็เอาใจใส่กวีหลวงเท่าเทียมกันทุกคนนั่นแลขอรับ ท่านพระยา”
“ช่างถ่อมตัวนักนะพ่อ นิสัยเจ้ามิได้เปลี่ยนไปจากที่เราทั้งคู่ยังเป็นศิษย์หลวงปู่ขาวเลยเทียว”
.
.
.
ทองด้วงนั่งชันเข่ามองดวงจันทร์ที่เปล่งแสงนวลเด่นอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีด้วยแววตาว่างเปล่า เขาคิดถึงเรื่องราวต่างๆของตัวเองรวมถึงสถานภาพของตนที่น่าอดสูนัก ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มร่ายฉันทกวีลงบนกระดานชนวน

“นวลเอ๋ยนวลบุหลัน   หวลรำพันเฝ้าฝันหา
เหลืองเด่นเพ็ญพรายตา   แต่ใจข้าร้าวอาลัย
พระพายชายโชยผิว   โบกพัดพลิ้วจนกายไหว
หนาวเหน็บเจ็บหทัย   ด้วยฝันใฝ่ในกามเวร
ดั่งโน้มกิ่งสาละ   ต้องอสุภะให้หมองเหม็น
อกเอ๋ยช่างลำเค็ญ   ไม่ใคร่เห็นนรกภูมิ”

“ทองด้วงเอย พี่เห็นใจเจ้านัก แต่พี่ก็ยังปรารถนาให้เจ้าเอ็นดูดวงใจพี่เหมือนเช่นในอดีต” เสียงพระยาไชยดังมาจากข้างหลัง ทองด้วงหันไปตามเสียงก่อนจะเบนหน้ากลับไปมองริมฝั่งน้ำดังเดิม
“ข้าสงสารทุกคน ทั้งตัวข้าเอง พี่ทองไชย แลคุณหญิงด้วย เธอไม่รู้เรื่องอันใดเลย”
“ความรักความเสน่หาเป็นสิ่งที่ยากแก่การเข้าใจ หากพบพานคนที่ใช่แล้วดวงใจจักตอบได้เอง เหมือนที่พี่รู้สึกกับเจ้าตั้งแต่ที่พี่แตกเนื้อหนุ่มนั่นแล”
“แต่มันผิดจารีต พี่ทองไชยก็น่าจะรู้ดี”
“ใครเล่าเป็นผู้สร้างขนบเหล่านั้นขึ้นมา ทองด้วงของพี่ “พระยาไชยลูบพวงแก้มของทองด้วงอย่างทนุถนอม “เจ้ารู้หรือไม่ หากพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่จักไม่ขอรับยศแลศักดินาใดๆเลยเพื่อแลกกับการได้ใช้ชีวิตกับเจ้าอย่างสุขสันโดษ”
ทองด้วงหลับตาลงช้าๆก่อนที่หยาดน้ำตาจะค่อยไหลรินลงที่หางตา แสงไฟจากตะเกียงเจ้าพายุขับผิวนวลของเขาให้เด่นขึ้นมาหากแต่คราบน้ำตาทำให้หน้าขาวของเขาดูเศร้าหมองลง พระยาไชยถอนหายใจอย่างอาดูรกับภาพตรงหน้าก่อนจะโน้มศีรษะของกวีหลวงให้ซุกลงบนแผงอกของตนใต้แสงเหลืองนวลของดวงบุหลัน
.
.
.
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นปลุกให้ผมตื่นจากความฝัน ความฝันที่ช่างชัดเจน ผมคว้าโทรศัพท์ได้ก่อนจะรับสายนั้น
“เป็นยังไงบ้าง ด้วง”
“ก็ ดีขึ้นครับ ได้กินยาแล้วก็นอนพักไปหน่อย”
“อ้าวหรอ พี่รบกวนเราหรือเปล่า”
ผมมองไปยังนาฬิกาแขวนผนังห้อง สี่โมงกว่าแล้ว.... หลายชั่วโมงทีเดียวที่ผมหลับไป
“ไม่หรอกครับพี่ยง ผมกำลังจะตื่นพอดีนั่นแหละ ถ้านอนยาวกว่านี้คงไม่ดีแล้วล่ะ”
“อืม...พี่เป็นห่วงนะ เอาเป็นว่าพักผ่อนต่อเถอะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
“ครับพี่”
ผมวางสายลงก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาของผมนั้นเจ็บแปลบเหมือนเกรอะกรังไปด้วยคราบน้ำตา ในความฝันเมื่อครู่ ทำไมนะ อะไรๆมันช่างดูเหมือนจริงไปเสียหมดทั้งภาพและความรู้สึก โดยเฉพาะ....
ใบหน้าของพระยาไชยสุริเยนทร์
ทำไมถึงช่าง...เหมือนกับวิญญาณตนนั้นนัก?!
.
.
.
ผมนั่งครุ่นคิดหลังจากที่รับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ ก่อนจะนั่งมองมอเตอร์ไซค์คู่ใจจอดที่อยู่หน้าบ้าน ความรู้สึกมากมายปะปนระคนกันไปหมด จนผมรู้สึกสับสน ว่าผมควรจะทำอย่างที่ลึกๆแล้ว ผมอยากจะทำหรือเปล่านะ?
....และเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่จิตใต้สำนึกชนะ เมื่อสายลมพัดพาเอากลิ่นหอมของดอกแก้วมาปะทะจมูก ผมตัดสินใจคว้ากุญแจรถและสตาร์ทเครื่องออกจากบ้านไป
.
.
.
ผมใช้สิทธิ์ของพนักงานกรมศิลปากรแอบเข้ามาในวัดราชบูรณะตอนค่ำ ก่อนจะเดินลัดเลาะไปบนทางเดินอย่างชั่งใจอีกครั้ง แน่นอน.... ผมรู้ดีผมกำลังทำอะไรที่เหมือนคนเสียสติ คนสติดีๆคงไม่ทำแบบนี้แน่
ซุ้มประตูของวัดราชบูรณะสามารถมองทะลุไปถึงปรางค์ประธานขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านใน ไฟสปอตไลท์ส่องสว่างเพิ่มความงามเมื่อมองจากไกลๆ หากแต่ในความรู้สึกของผมตอนนี้ ผมกลับรู้สึกวังเวงเสียมากกว่า ระคนกับความรู้สึกค้างคาใจในความฝันที่ต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลาหลายปีก็ช่วยเพิ่มความกล้าให้ผม ความรู้สึกผูกพันเกี่ยวโยงกับชายคนนั้น คนที่ผมได้พูดด้วยเมื่อคืน และมาอยู่ในความฝัน
“ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ...แต่ถ้าคุณมีอยู่จริงๆ ช่วยออกมาให้ผมเห็นอีกทีได้มั้ย” ผมพูดไม่ดังมากหากแต่ความต้องการของผมแน่วแน่ และเมื่อผมพูดจบ ผมก็หลับตากลั้นใจอยู่นานเพื่อตั้งสติ หากผมใจไม่แข็งพอ บางทีถ้าอะไรๆเป็นอย่างทีผมคิดล่ะก็ ผมอาจจะเป็นลมล้มตึงไปเลยก็ได้
“ลืมตาขึ้นสิ ทองด้วงน้องพี่”
เสียงเรียกที่คุ้นหูดังมาจากเบื้องหน้า ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมาช้าๆด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ
“ไม่ต้องหวาดกลัวไปดอก น้องพี่ เจ้าก็เห็นแล้วนี่ว่าพี่ไม่คิดปรารถนาให้เจ้าต้องหวาดกลัวในตัวพี่เลย”
ชายในชุดเจ้าพระยายิ้มให้ผม ในขณะที่ผมยืนแข็งทื่อราวกับต้องมนต์
“คุณคือ....พระยาไชยสุริเยนทร์หรอครับ” ผมถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ถูกแล้ว เจ้าทองด้วง พี่คือพระยาไชยสุริเยนทร์ หรือทองไชยที่เจ้าเคยรู้จักนั่นแล”
“ผม....ผมคิดว่าเราไม่เคย...”
“สองร้อยกว่าปีแล้วน้องพี่ที่เราพลัดพรากกัน หากแต่ความรักของพี่นั้นยังคงฝังรอยจำหลักไว้ชัดเจนประหนึ่งลายลงรักในเครื่องราชกกุธภัณฑ์” พระยาไชยยิ้มให้ผมพลางยื่นมือมาแตะไหล่ผมเบาๆ “นั่นเป็นหนึ่งในสองเรื่องที่ผูกมัดดดวงวิญญาณของพี่ไว้ ณ อารามหลวงแห่งนี้ และเจ้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่เฝ้ารอคอยให้บังเกิดขึ้นตลอดอสงไขยกาลที่ผ่านมา”
คำบอกเล่าของดวงวิญญาณดวงนี้ทำให้ผมนิ่งงันต่อไป ทว่าความสงสัยและคำถามในหัวมากมายก็สั่งให้ผมแข็งใจโต้ตอบกับวิญญาณตนนั้น
“แล้ว ... ที่ผมฝันถึงนั่น...”
“นั่นอาจจะเป็นโชคชะตาแลสายใยความผูกพันระหว่างข้ากับเจ้าที่ร้อยรัดให้เจ้าฝันถึงแลลิขิตให้เจ้ากำเนิดและได้มายืนอยู่ที่ตรงนี้ ส่วนความฝันเมื่อคืนนั้น....เป็นฝีมือของพี่เอง”
ผมเริ่มตั้งสติขึ้นมาได้บ้าง หลังจากที่แข็งใจสนทนากับผีอยู่นานสองนาน ในฐานะที่เป็นนักโบราณคดี ทำให้ผมเลือกที่จะซักไซ้ต่อไป
“คุณเอ่อ... ท่านพระยาไชยสุริเยนทร์ ท่านจะบอกอะไรผมงั้นหรือครับ”
ชายตรงหน้าหัวเราะเบาๆหากแต่ทำให้ผมรู้สึกขนลุก เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบด้วยแววตาและท่าทีที่อ่อนโยน “เรียกพี่ว่าพี่ทองไชยเหมือนก่อนเถิด ทองด้วงเอย พี่ใคร่ได้ยินเช่นนั้น”
“อ่า...ก็ได้ครับ พี่ทองไชย”
“หลับตาลงสิ ทองด้วงน้องพี่ ... พี่จะเล่าให้เจ้าฟังทั้งหมด”
ผมเลือกที่จะทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อหลับตาลง ผมรู้สึกได้ว่ามือเย็นของพี่ทองไชยลูบแก้มผมเบาๆ ก่อนที่เขาจะออกคำสั่งให้ผมลืมตาขึ้น
“ลืมตาได้แล้ว น้องพี่”


พี่ yeyong แซวซะผมอายเลย
หามิได้ดอก บางทีมันอาจจะเป็นด้วยเรื่องของอารมณ์กระมัง
แต่ผมอยากเขียนเรื่องนี้ด้วยปณิธานตั้งมั่นจริงๆ ไม่ได้เป็นแนวทางเอกลักษณ์แต่อย่างใด

(แกจะพูดเข้าใจยากทำไม  :laugh: :beat:)

ขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ เป็นนิยายอีกเรื่องที่กว่าจะคลอดแต่ละตอนนั้นยากมาก เพราะต้องค้นข้อมูลกันหัวฟู
แต่เขียนแล้วสนุกดีกับการใส่คำโบราณ
หวังว่าจะชอบกันนะครับ  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2012 00:36:16 โดย Glorious »

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
สนุกมาก แต่สั้นไปนิด
น่าสงสารทั้งสองคน
รอกันมานานนนน

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ชาติก่อนไม่สมหวัง แล้วครั้งนี้จะสมหวังไหมน้อ  :เฮ้อ:

- คราส -

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องนี้จะจบเศร้าไหม

 :pig4:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
จบเศร้าแน่ๆเลย พระยาไชยสุริเยนทร์เป็นผีทองด้วงเป็นคน
หรือจะให้ด้วงตายตามไปดี ๕๕๕๕๕

มาต่อไวๆเน้อ เป็ำนกำลังใจให้ ^^

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
แนวย้อนยุคไทยๆซะด้วย ><

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
จะสมหวังกันไหมเนี่ย เหอๆ

ติดตามๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
รักที่มิอาจสมหวังแต่กาลก่อน หากแต่ยังคงเฝ้ารอด้วยใจภักดิ์ ข้ามผ่านห้วงเวลานับศตวรรษ เพื่อมาพบกันอีกครา...
แต่พี่ทองไชยยังเป็นวิญญาณอยู่เลยนะค่ะ การที่พี่ท่านจำต้องรอคอยอยู่แถวนี้คงมีเหตุผลสินะ ( ดราม่าแน่ ๆ )
พล็อตเรื่องเลอเลิศมากมายนะค่ะ ชอบการเลือกใช้คำจัง ดูละเมียดละไม สมยุค สมสมัย
อย่างคำว่า "อสงไขย" โดนใจอย่างแรง  :m1: 

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
 o13

สุดยอดเลยค่ะ  ภาษาสวยดีชอบ  และรอลุ้นว่าพี่ทองไชยต้องการให้ทองด้วงรับรู้

เรื่องอะไร  และคู่ของด้วงน่าจะเป็นพี่ยงมั้ยคะ  ^^

+1และเป็ด

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
+1 ให้คนแต่งค่ะ

พี่ทองไชยกับน้องทองด้วง รอกันมานาน :sad11:

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
พี่ทองไชยจะพาน้องทองด้วง กลับไปดูอดีตใช่มั้ยจ๊ะ

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เขียนย้อนยุค และมีเรื่องประวัติศาสตร์ ต้องอ่านหนังสืออ้างอิงเยอะ
แต่มันก็จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนดี o13

คิดว่าชาตินี้ทั้งคู่ไม่น่าจะสมหวังนะ  :sad11:

tanuki

  • บุคคลทั่วไป
ชอบมากเลยครับ แยงย้อนยุคเนี่ย  o13

แล้วคุณก็เขียนดีมากๆด้วย ชื่นชมมากครับ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะครับผม!!

ออฟไลน์ Mai.IcySakura

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ว้าววว สมัยอยุธยาหรือนี่ ชอบมากค่า

ต่อไปจะเป็นเรื่องในอดีตจนจบเรื่องเลยรึเปล่านะ งี้ก็ดราม่าสินะ TT

แต่ว่าทองด้วงใจแข็งน่าดูเลย...เป็นเราคงเป็นลมตั้งแต่ครั้งแรกละ -*-

a-mee-ra

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วชอบๆๆๆ  o13

รอตอนต่อไปนะคะ พอด้วงลืมตาแล้วจะเป็นเยี่ยงไร แอร๊ยยยย อยากรู้แล้วคร่าาาาา!!!


ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
กลัวเศร้าจัง  :sad2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
น่าสงสารพระยาท่านนะ ท่านรอมานานมากเลย แล้วจะสมหวังหรือเปล่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด