6
หัวหิน
วิพารันต์ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของนิธิศ ตกใจจนต้องรีบถอยตัวเองออกมา ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอมานอนเบียดกับเจ้าของห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง...หกโมงครึ่ง...ได้เวลาที่จะต้องตื่นพอดี
“เดี๋ยว...”
ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ลุกไปไหนเสียงของคนที่นอนอยู่ก็ดังขึ้นเสียก่อน คงจะขยับตัวแรงเกินไป เลยทำให้ตื่น
“ดีขึ้นหรือยัง ยังปวดหัวอยู่ไหม”
วิพารันต์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
ดูเหมือนอาการจะดีขึ้นจนเห็นได้ชัดแต่กระนั้นนิธิศก็ยังไม่วางใจ ลุกขึ้นมานั่งดีๆก่อนจะเอื้อมมือไปแตะตามตัวอีกฝ่ายเพื่อเช็คให้แน่ใจอีกครั้ง...อุณหภูมิปกติ
“ถึงอาการจะดีขึ้นแล้วแต่ก็อย่าเพิ่งอาบน้ำนะเดี๋ยวไข้กลับขึ้นมาอีก”
นิธิศกำชับก่อนจะปล่อยให้เจ้าตัวลุกขึ้นไปจากเตียงเพื่อไปทำธุระส่วนตัว เห็นเดินได้คล่องแบบนี้ก็พอจะเบาใจปล่อยให้อยู่คนเดียวในห้องได้แล้วล่ะ
.....................
....................................
“วันนี้มีประชุมตอนบ่ายสองโมงนะคะ”
หลังจากช่วงที่วิพารันต์หายป่วยได้ไม่นานก็เข้าช่วงปลายปีพอดี เลขาสาวเดินเข้ามากำชับตารางการประชุมผู้บริหารของบริษัทในวันนี้ที่เขาซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการของบริษัทต้องเข้าร่วมประชุมด้วย
นิธิศพยักหน้ารับก่อนเอนหลังลงกับพนักพิงของเก้าอี้นวมตัวใหญ่แล้วยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆ เมื่อเกิดอาการล้ากับการนั่งจ้องเอกสารจำนวนมากเป็นเวลานาน ก่อนจะนั่งหลับตาพักอยู่แบบนั้นจนกระทั่งได้เวลาเข้าประชุม
การประชุมครั้งนี้จึงเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีเพื่อสรุปยอดรวมและผลกำไรสุทธิของบริษัท ซึ่งนั่นก็จบลงด้วยดีเนื่องจากผลกำไรของบริษัทในปีนี้ค่อนข้างเป็นที่พอใจของกลุ่มผู้บริหาร
...การทำงานวันสุดท้ายของปีนี้...สิ้นสุดลงแล้ว
“วันหยุดยาวปีใหม่นี้คุณไนท์จะไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่าคะ หรือจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านเหมือนทุกที”
เลขาสาวเอ่ยปากถามคนเป็นเจ้านายขณะเดินตามออกมาจากห้องประชุม ความพยายามของเธอที่จะทำให้นิธิศหันมาสนใจตัวเองบ้างยังไม่ลดลงเลยตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานจนถึงวันนี้
“อืม ปีนี้อาจจะไปนะ...เพราะคิดว่าคงมีคนอยากให้พาไป”
นิธิศตอบยิ้มๆเมื่อนึกไปถึงคนที่นั่งรออยู่ที่ห้อง ถ้ากลับไปแล้วบอกว่าจะพาไปเที่ยวปีใหม่ด้วยจะแสดงปฎิกิริยาแบบไหนออกมาให้ดูอีกนะ
น้ำเสียงพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนตอนที่กำลังพูดถึงใครอีกคนทำให้พัดชาใจกระตุกวาบ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยสนใจ แต่เธอก็ยังคิดว่าตัวเองมีโอกาสอยู่เสมอ เพราะตั้งแต่มาทำงานที่นี่ก็ยังไม่เคยเห็นนิธิศพาใครไปไหนไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่เคยพาใครมาเปิดตัว อีกทั้งเคยลองถามกับพนักงานคนอื่น ก็ได้คำตอบที่ตรงกัน แต่ตอนนี้...ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอคิดอีกต่อไป...
คนที่พูดถึง คงไม่ใช่แค่เพื่อนหรือคนที่รู้จักกันธรรมดา แล้วใครล่ะ ใครกัน...ที่ทำให้เจ้านายของเธอแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาได้...
........................
..........................................
ยังไม่ทันที่นิธิศจะต้องเสียเวลาคิดว่าจะพาวิพารันต์ไปเที่ยวที่ไหนช่วงวันหยุดยาวนี้ กลุ่มเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาทั้งสามคนก็พร้อมใจกันกระหน่ำโทรมารบเร้าชวนให้เขาไปร่วมทริปสามวันสองคืนที่หัวหินด้วยกัน โดยไม่ลืมที่จะกำชับให้นิธิศพาวิพารันต์ไปแนะนำตัวให้รู้จักด้วยเพราะหลังจากฟังเรื่องราวที่นิธิศเล่าให้ฟังในวันนั้นแล้วก็ยังไม่มีเพื่อนคนไหนๆได้เห็นหน้าเห็นตัววิพารันต์จริงๆเสียที
“เอาแต่เสื้อผ้าตัวใหม่ไปนะรัน ตัวเก่าไม่ต้องเอาไป”
ร่างสูงตะโกนบอกวิพารันต์ที่กำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กของตัวเอง หันไปมองเสื้อผ้าตัวใหม่ที่นิธิศซื้อให้ ยังไม่เคยใส่เลยสักครั้ง ก็ไม่ใช่ไม่อยากใส่ แต่ปกติอยู่แต่ในห้อง เลยไม่รู้จะใส่เสื้อผ้าดีๆไปทำไม
พรุ่งนี้นิธิศบอกว่ารถตู้ของเพื่อนจะมารับแต่เช้า ต้องรีบจัดของแล้วเข้านอน แต่ดูเหมือนว่าจะนอนไม่หลับ รู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวไกลๆแบบนี้
“นอนไม่หลับเหรอ”
นิธิศหันมาถามคนที่นอนอยู่ข้างๆ เพราะตั้งแต่คราวนั้น หลังจากวันที่วิพารันต์ต้องมานอนห้องเดียวกับเขาเพราะไม่สบาย เจ้าตัวก็ย้ายกลับไปนอนห้องของตัวเองได้แค่สองวัน คอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศในห้องนั้นก็เกิดเสียขึ้นมาเสียอย่างนั้น นิธิศที่ยังไม่ได้เรียกช่างมาซ่อมก็เลยให้วิพารันต์ย้ายกลับเข้าไปนอนในห้องเขาก่อนเพราะจะให้อีกฝ่ายทนนอนในห้องร้อนๆแบบนั้นก็คงจะไม่ได้
“ถ้าไม่หลับพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหวนะ”
เห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดนักเพราะปิดไฟไปแล้ว แต่ก็รู้สึกได้ว่าพลิกไปพลิกมาอยู่ตลอด คงจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เห็นแบบนั้นเลยเอื้อมมือไปลูบศีรษะเป็นการช่วยกล่อมจนวิพารันต์เคลิ้มหลับไป
...จากที่รู้สึกแปลกในช่วงแรกก็กลายเป็นความเคยชิน ชินกับการที่จะต้องดูแล ชินกับการ...ที่จะต้องมีอีกคนนอนอยู่ข้างๆ...
เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นวิพารันต์ที่ตื่นก่อนเหมือนอย่างเคย ตื่นเช้ากว่าทุกวัน เพราะนอนไม่หลับแล้ว
หันไปเขย่าปลุกคนที่นอนอยู่ข้างๆให้ตื่น เดี๋ยวนี้นิธิศเลิกใช้นาฬิกาปลุกแล้ว เพราะตอนนี้เปลี่ยนเป็นคนปลุกแทน ถึงจะไม่มีเสียงอย่างนาฬิกา แต่ระบบสัมผัสก็ทำให้ตื่นได้เหมือนกัน
“อือ พี่ขออีกสิบนาทีนะ รันไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเลย อย่าลืมใส่เสื้อตัวใหม่ด้วยล่ะ”
นิธิศบอกเสียงงัวเงียก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ถ้าเป็นปกติเขาก็คงจะตื่น แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้เพราะวิพารันต์ตื่นเช้ากว่าปกติมาก มาก มากจริงๆ
ได้ยินแบบนั้นร่างบางก็เดินออกไปจัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเองจนเสร็จสรรพ นั่งรอนิธิศอีกพักใหญ่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะออกมา จึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูในห้องอีกรอบซึ่งภาพที่เห็นคืออีกฝ่ายยังไม่ยอมลุกไปไหนเดินเข้าไปเขย่าตัวปลุกอีกรอบก็ยังยังไม่ยอมลุก
และเมื่อความพยายามที่จะปลุกนิธิศด้วยวิธีเดิมดูเหมือนจะไม่ได้ผลวิพารันต์จึงเดินออกไปนอกห้องแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับอุปกรณ์ใหม่...นกหวีด ของที่บังเอิญเจออยู่ในกล่องที่ถูกเก็บไว้ตอนรื้อออกมาทำความสะอาด
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!และเมื่อเจอการปลุกที่ไม่คาดคิดมาก่อนแบบนี้ นิธิศก็เลยถึงกับสะดุ้งเฮือกตาสว่างขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวนี้ชักจะพัฒนาใหญ่แล้วนะเราน่ะ กลัวไปไม่ทันเที่ยวหรือไงหืม รีบซะขนาดนี้”
ขยันทำตัวให้เขายิ้มได้ทุกวันเลยสินะ ร่างสูงลุกขึ้นมายืนก่อนจะดึงตัววิพารันต์เข้ามาขยี้ผมนิ่มๆด้วยความหมันเขี้ยว...น่ารัก...ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นิธิศเริ่มรู้สึกแบบนี้ อาทิตย์ที่แล้ว วันก่อน เมื่อวาน หรือเพิ่งจะวันนี้ แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ดูท่าแล้วว่าตัววิพารันต์เองก็คงยังจะไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าการกระทำของตัวเองนั้น...มันเรียกว่า ‘ทำตัวน่ารัก’
...........................
...........................................
หลังจากที่เก็บของและหาอะไรกินเป็นอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว นิธิศก็พาวิพารันต์ลงมารอรถที่เพื่อนของเขาบอกว่าจะมารับที่หน้าคอนโดตอนเจ็ดโมงเช้า
ก็เพิ่งจะลองสังเกตชุดที่วิพารันต์ใส่วันนี้ ชุดที่เขาเป็นคนเลือกให้ เสื้อยืดสีขาวลายมิคกี้เม้าส์ที่มีเสื้อกั๊กตัวเล็กใส่ทับอยู่ข้างนอกอีกที กับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน ตอนเลือกก็คิดว่าเหมาะกับรูปร่างลักษณะของเจ้าตัวแล้ว ยิ่งพอใส่ให้ได้เห็นจริงๆแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเสื้อผ้าแบบนี้เหมาะกับอีกฝ่ายมากจริงๆ
“วันนี้แต่งตัวน่ารักเชียวนะคะน้องรัน คุณไนท์จะพาไปเที่ยวล่ะสิ”
พิณยดา พนักงานประชาสัมพันธ์สาววัยกลางคนที่ทำงานอยู่ที่คอนโดนมานานและคุ้นเคยกับนิธิศเป็นอย่างดีเดินเข้ามาทักทายทั้งสองคน เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องของวิพารันต์จากการที่ได้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้นบวกกับการบอกเล่าคร่าวๆของนิธิศถึงสาเหตุที่วิพารันต์ต้องมาอาศัยอยู่กับเขา ซึ่งหลังจากที่ฟังเรื่องราวแล้วพิณยดาเองก็อดที่จะรู้สึกสงสารและเอ็นดูวิพารันต์ไม่ได้เหมือนกับคนอื่นๆ
“ครับพี่พิณ พี่เองก็หยุดพักบ้างนะ ทำงานทุกวันแบบนี้เหนื่อยแย่”
“โอ๊ย ไม่หรอกค่ะคุณไนท์ พี่ทำงานจนชินแล้ว ถ้าไม่ได้ทำสิกลับรู้สึกแปลกๆ” พิณยดาตอบกลั้วหัวเราะ “เอาล่ะๆ พี่ไม่กวนแล้วยังไงก็เที่ยวกันให้สนุกนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงเมื่อรถตู้โดยสารที่เพื่อนของนิธิศบอกไว้มาจอดรอรับที่ด้านหน้า และทันทีที่ทั้งสองคนเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ เสียงทักทายและพูดคุยของเพื่อนๆก็ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น แต่ที่ดูจะเด่นชัดกว่าคนอื่นก็คงจะเป็นเสียงแหลมๆของมาริสาซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในทริปและคนเดียวในกลุ่มเพื่อนสนิทของเขาที่แหกปากโวยวายใส่นิธิศไม่หยุดหลังจากเห็นหน้าวิพารันต์
...น่ารัก...ก็ถ้าจะน่ารักขนาดนี้...ทำไมไอ้คุณเพื่อนมันไม่รีบพามาให้รู้จัก...
ร่างบางรู้สึกไม่ค่อยดีนักเมื่อรถเคลื่อนออกมาได้สักระยะหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่รู้สึกเวียนหัวและคลื่นไส้เล็กน้อย นิธิศที่สังเกตเห็นสีหน้าและท่าทางที่ไม่สบายตัวของวิพารันต์ได้ก็พอจะรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงจะเมารถจึงหันไปถามนัทนทีเพื่อนของเขาที่เป็นเภสัชกรและตอนนี้ก็กำลังเปิดกิจการร้านขายยาของตัวเองอยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นการถามที่ถูกคนเพราะนัทนทีเตรียมพร้อมเรื่องนี้อยู่เสมอ
ศีรษะเล็กของวิพารันต์เอนมาซบอยู่ที่ไหล่ของนิธิศหลังจากที่เขาให้เจ้าตัวกินยาแก้เมารถไปได้แล้วสักพักหลับไปแล้ว...คนตัวโตกว่าหันไปมองหน้าอีกฝ่ายแล้วส่ายหน้าเบาๆอย่างนึกขำ ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือการที่เจ้าตัวตื่นเช้าเกินไปกันแน่ถึงได้ดูหลับสนิทขนาดนี้ แต่สงสัย...ก็คงจะทั้งสองอย่างนั่นแหละนะ
.....................
.......................................
สถานที่พักที่ถูกจองไว้เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลซึ่งคนที่จองจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก วีรนนท์ เพื่อนสนิทอีกคนของนิธิศที่ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับด้านกฎหมายอยู่
วีรนนท์จองห้องพักไว้ทั้งหมดสามห้องต่อห้าคน ซึ่งจากการแบ่งที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เป็น มาริสาซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเลยได้สิทธิพิเศษอยู่ห้องคนเดียว วีรนนท์อยู่กับนัทนที และนิธิศอยู่กับวิพารันต์
นิธิศเดินนำวิพารันต์มาที่ห้องพักของตัวเองซึ่งจัดเป็นเหมือนบ้านหลังเล็กๆที่มีสระน้ำโอบล้อมรอบไว้ ส่วนภายในนั้นก็ถูกจัดแบ่งไว้เป็นสัดส่วนตามประโยชน์การใช้สอย
วิพารันต์เดินเอากระเป๋าเป้ของตัวเองไปวางไว้บนเตียงก่อนจะเดินไปเปิดประตูกระจกเพื่อออกไปที่ระเบียงเห็นทะเลได้อย่างชัดเจน เพิ่งจะเคยมีโอกาสได้เห็น ตบหน้าตัวเองเบาๆ ยังรู้สึก แสดงว่าไม่ได้ฝันไป
เหม่อมองออกไปข้างนอกสูดกลิ่นไอเค็มๆของน้ำทะเล ไม่ได้สนใจว่ามีใครอีกคนยืนมองตัวเองอยู่ นิธิศหยิบกล้องถ่ายรูปที่เตรียมมาด้วยออกมาจากกระเป๋า ถึงจะไม่ได้ยิ้ม แต่สีหน้าแบบนั้นของวิพารันต์ก็บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวกำลังมีความสุข กดถ่ายเอาไว้สองสามรูป
ยังรออยู่...รอวันที่จะเห็นวิพารันต์ยิ้ม...
เก็บของเสร็จเรียบร้อยก็พากันออกไปข้างนอกตามที่นัดกับเพื่อนอีกสามคนเอาไว้ คนค่อนข้างจะเยอะ อาจเป็นเพราะช่วงปีใหม่ หลายคนจึงอยากมาเปลี่ยนบรรยากาศเคาท์ดาวน์กันที่นี่
“น้องรัน...น้องรัน น้องรัน น้องรันไปเดินเที่ยวกับพี่นะ วันนี้พี่สาจะพาน้องรันเที่ยว อยากได้อะไรบอกพี่เลย วันนี้พี่จ่ายเอง...ไอ้ไนท์วันนี้ฉันยืมน้องรันของแกวันนึงนะ ไม่ให้ก็ต้องให้เพราะฉันจะเอา ไปและ บ่ายสามจะพามาส่งคืน”
มาริสาเดินเข้ามาพูดรัวๆเร็วๆชนิดที่ว่าไม่คิดจะเปิดโอกาสให้นิธิศได้แสดงความเห็นเลย ก่อนจะจูงมือวิพารันต์เดินหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ทั้งสามหนุ่มได้แต่ยืนอ้าปากค้างในความสามารถของเพื่อนผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่นับวันยิ่งไม่ทำตัวไม่เหมือนผู้หญิงเข้าไปทุกวัน
คงจะไม่เป็นไร...หลังจากที่วิพารันต์โดนมาริสาฉกตัวไปแล้วนิธิศก็เลยถือโอกาสออกไปเดินเล่นตามภาษาผู้ชายกับเพื่อนอีกสองคน เป็นห่วงอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าวิพารันต์จะตกใจหรือเปล่าที่โดนคนที่เพิ่งรู้จักพาไปด้วยแบบนั้น แต่คิดว่าไปกับมาริสาคงไม่เป็นไร เนื่องจากถึงบางครั้งเจ้าตัวจะดูบ้าบอและขี้โวยวายไปบ้างแต่ก็เป็นคนใจดี และที่สำคัญไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะเห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้แต่เบื้องหลังก็พ่วงท้ายด้วยแชมป์ยูโดระดับประเทศที่ขนาดตัวเขาเองยังไม่อยากจะมีเรื่องด้วย
บ่ายสามโมงตรง มาริสาก็พาวิพารันต์กลับมาส่งให้นิธิศที่ห้องตามสัญญา ไม่รู้ไปกันถึงไหน แต่ก็ดูท่าว่าจะสนุก ไม่อย่างนั้นคงไม่พากันหอบของกลับมาเยอะแยะขนาดนี้
“เหนื่อยมากเลยสิท่า”
นิธิศพูดอย่างนึกขำเมื่อนึกไปถึงว่าอีกฝ่ายจะโดนมาริสาลากไปไหนมาไหนบ้างตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“เป็นไงบ้างไปเที่ยวกับมาริสา สนุกไหม”
ใบหน้าที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของวิพารันต์พยักขึ้นลงช้าๆ นิธิศใจดี คนที่อยู่รอบตัวนิธิศก็มีแต่คนใจดี
“ถ้าชอบ ถ้ารู้สึกสนุก หรือมีความสุขก็ต้องหัดยิ้มบ้างนะ ทำได้ไหมหือ”
ไม่เคยยิ้มเลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แค่ฉีกปากออกไปกว้างๆให้เห็นฟันหรือเปล่านะ จะทำได้อย่างนั้นเหรอ...คนอย่างเขา...จะยิ้ม จะหัวเราะเหมือนคนอื่นได้เหรอ ลองฉีกริมฝีปากออกไป ยิงฟัน พยายามทำอย่างที่เคยเห็นคนอื่นทำแต่ก็ยังไม่ใช่
คงต้องค่อยๆสอน ค่อยๆให้เรียนรู้ นิธิศยิ้มบางๆให้กับความพยายามนั้นของวิพารันต์เพราะอย่างน้อยการที่เห็นอีกฝ่ายทำแบบนี้ก็แสดงว่าเจ้าตัวก็ยังอยากที่จะลองยิ้ม
มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆ แม้จะยังทำไม่ได้ในตอนนี้ แต่นิธิศก็เชื่อว่าอีกหน่อยวิพารันต์จะทำได้ ยิ้มที่ไม่ต้องฝืน ยิ้มที่ไม่ต้องบังคับ แต่เป็นยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ หัวใจที่เป็นสุข ยิ้มเหมือนคนทั่วไป ยิ้มที่ออกมา...เพราะอยากที่จะยิ้ม...
TBC.
Rewrite
ตอนนี้รู้สึกเขียนยากแบบแปลกๆ ไม่รู้มันเป็นไง นั่งมองแล้วมองอีก ลบแล้วก็ลบอีก กว่าจะออกมา เฮ้ออ ตอนหน้าเที่ยวอยู่ที่หัวหินกันต่อละกันเน๊อะ กลับไปก็ไม่รู้จะทำอะไร 5555
ป.ล.พรุ่งนี้ไปโรงเรียนอีกแล้ว ไม่อยากไปเล๊ย 555 งานเยอะ ไม่มีเวลาแต่ง TT