10
วันเกิด
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่มาริสารับวิพารันต์ไปขลุกอยู่ด้วยกันที่บ้านเหมือนอย่างเคย ซึ่งในระยะนี้เธอเองก็มักจะพาคนตัวเล็กออกมานั่งเฝ้าร้านด้วยเป็นการเรียกลูกค้าอีกทางหนึ่ง เพราะช่วงก่อนหลังจากที่ลองเอาวิพารันต์ออกมาช่วยนั่งขายขนมแล้วก็ดูเหมือนว่าจะขายได้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีลูกค้าใหม่ๆแวะเวียนเข้ามามากหน้าหลายตาจนทำให้มีขาประจำเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะพวกหนุ่มๆที่ไม่รู้ว่าติดใจรสชาติของขนม หรือติดใจในความน่ารักของวิพารันต์กันแน่
ระหว่างที่นั่งเฝ้าร้านกันอยู่มาริสาก็อดไม่ได้ที่จะลองหลอกถามวิพารันต์ดูถึงเรื่องนิธิศว่าตอนนี้ความสัมพันธ์คืบหน้าไปถึงไหนแล้วแต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้มีอะไรคืบหน้าไปจากเดิม จึงลองเปลี่ยนไปลองถามเรื่องอื่นๆแทน
“น้องรันรู้หรือเปล่าว่าวันเสาร์หน้าเป็นวันเกิดพี่ไนท์อะ”
วิพารันต์ส่ายหน้าเป็นคำตอบทว่านัยน์ตากลมโตฉายแววสนอกสนใจกับสิ่งที่ได้ยินจนเห็นได้ชัด
“อืม...งั้นแล้วน้องรันอยากทำอะไรหรือให้อะไรเป็นของขวัญพี่ไนท์บ้างหรือเปล่า?”
รีบพยักหน้าตอบทันทีที่ได้ยินคำถามโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดให้นานนัก
ที่ผ่านมา ถูกอีกฝ่ายดูแลเอาใจใส่มาตลอด อยากจะตอบแทน อยากจะทำอะไรให้เป็นการขอบคุณ อยากทำให้นิธิศมีความสุขบ้าง แล้วจะทำยังไง ต้องทำยังไงล่ะ คนอย่างเขา จะสามารถทำอะไรให้อีกฝ่ายได้บ้างนะ
“ของขวัญน่ะ บางทีก็ไม่จำเป็นต้องเป็นของแพงหรือของมีค่ามากมายอะไรหรอกนะน้องรัน ยิ่งเป็นของขวัญสำหรับพี่ไนท์แล้ว แค่น้องรันตั้งใจจะทำอะไรให้สักอย่าง พี่ว่าพี่ไนท์ของน้องรันก็ดีใจตายแล้วล่ะ ค่อยๆคิดว่าอยากทำอะไร ไม่ต้องรีบร้อน ยังมีเวลาอีกหลายวันหรืออยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอกได้นะ”
มาริสาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะบ่าเล็กของอีกฝ่ายเหมือนนึกรู้ว่าเจ้าตัวกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่
ของขวัญ...ที่ทำจากใจอย่างนั้นเหรอ
นั่งคิดพลางเหม่อมองไปรอบๆร้าน ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับบรรดาขนมเค้กขนาดต่างๆที่ถูกจัดวางเรียงรายไว้อย่างสวยงามอยู่ในตู้โชว์...หนึ่งความคิดที่แล่นเข้ามาในหัว รีบหันไปกระตุกชายเสื้อของมาริสาที่นั่งอ่านนิตยสารอยู่ข้างๆแล้วยื่นเศษกระดาษให้อีกฝ่ายอ่าน
‘พี่สา รัน...อยากทำเค้ก’............................
..........................................
สองสามวันมานี้วิพารันต์ไม่ยอมให้นิธิศไปรับที่บ้านมาริสาเหมือนอย่างทุกทีแต่กลับให้มาริสาขับรถมาส่งที่คอนโดทุกวันแทนจนนิธิศเองอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนกำลังแอบทำอะไรกันอยู่ แถมพอถามเพื่อนตัวดีที่เขาคิดว่าคงจะชวนวิพารันต์ทำอะไรแปลกๆก็ไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง นอกจากบอกว่าเป็นความลับแล้วก็พาออกนอกประเด็นตลอดจนเขาต้องขอยอมแพ้ไปเอง
“รัน อ่านอะไรอยู่น่ะก้มซะขนาดนั้นเดี๋ยวก็สายตาสั้นหรอก ไปอาบน้ำก่อนปะ วันนี้พี่สาพาไปตกถังแป้งที่ไหนมาล่ะหือถึงได้มอมแมมขนาดนี้”
นิธิศว่าแล้วเดินเข้ามาใกล้ ทำให้วิพารันต์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือสอนทำขนมเค้กที่มาริสาให้ยืมมาอยู่บนโซฟาต้องรีบปิดอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเอาซุกไว้ใต้หมอนอิง
“ทำท่าทางมีพิรุธแบบนี้ซ่อนอะไรพี่ไว้อีกแล้วหรือเปล่าหืม”
ร่างสูงว่าแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้วิพารันต์จนได้กลิ่นหอมของขนมเค้กที่ติดตัวอีกฝ่ายมา
ส่วนวิพารันต์เองพอเจอคำถามกับท่าทางแบบนี้ของนิธิศเข้าไปก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก เลยได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับเม้มริมฝีปากไว้แน่น ไม่อยากให้รู้ ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ตอนนี้ว่าตัวเองกำลังแอบทำอะไรอยู่
แต่ถ้าไม่บอก...
หน้าแดง เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์คราวที่แล้ว ยกมือขึ้นแตะที่ริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว ยังจำได้ถึงสัมผัสอ่อนโยนและอ่อนหวานแม้เวลาจะผ่านไปหลายอาทิตย์แล้ว จูบแรกในชีวิต ไม่เคยรู้ว่ามีวิธีการทำโทษแบบนี้ด้วย แต่ในเมื่อนิธิศบอกว่าเป็นการทำโทษก็คงจะเป็นแบบนั้น เพราะทำผิด เพราะเผลอทำของสำคัญหายทำผิด ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องถูกทำโทษ คิดได้แบบนั้นก็เลยได้แต่อยู่นิ่งๆยอมให้อีกฝ่ายทำโทษจนพอใจ
นิธิศลอบยิ้มกับท่าทางน่ารักที่เห็นก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆวิพารันต์ คราวนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้เพราะแอบเห็นแล้วว่าเจ้าตัวซ่อนหลักฐานชิ้นสำคัญเอาไว้ตรงไหน เดี๋ยวหยิบขึ้นมาดูก็รู้เองล่ะทีนี้
“ถ้าไม่มีอะไรก็รีบไปอาบน้ำสิครับ ไม่ต้องมานั่งมองพี่ตาแป๋วเลย อย่าลืมสระผมด้วยล่ะ”
แอบมองที่ซ่อนหนังสือของตัวเองอย่างนึกชั่งใจก่อนจะยอมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าที่จะใช้เปลี่ยนเข้าไปในห้องน้ำ ในใจได้แต่นึกภาวนาอย่าให้นิธิศเจอหนังสือที่ซ่อนไว้เสียก่อนที่ตัวเองจะอาบน้ำเสร็จ
เมื่ออีกฝ่ายเดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วนิธิศก็จัดการหยิบหนังสือที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้หมอนอิงขึ้นมาดูหนังสือสอนทำขนม หนังสือแบบนี้ของมาริสาไม่ผิดแน่ๆล่ะ เปิดพลิกดูไปมาแล้วก็ต้องสะดุดตากับลายมือคุ้นเคยที่ช็อตโน้ตวิธีการทำขนมเป็นกรอบเล็กๆเอาไว้ที่หน้าหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้คนอ่านอมยิ้มได้มากที่สุดก็คงจะเป็นข้อความที่ว่า
‘เค้กวันเกิดพี่ไนท์ ต้องทำให้ได้ สู้ๆ!’ ให้ตาย นี่ช่วงนี้เขาทำงานเพลินจนลืมวันเกิดของตัวเองไปแล้วเหรอเนี่ย ใกล้จะแก่ขึ้นอีกปีแล้วสินะเรา
ที่ไม่ยอมให้ไปรับ ที่ต้องซ่อนกันขนาดนี้คงไม่อยากให้รู้ว่าแอบไปเรียนทำเค้กอยู่ล่ะสิท่า นึกแล้วก็อยากจะจับคนตัวเล็กที่ตอนนี้หายเข้าไปในห้องน้ำมาฟัดให้หายหมันเขี้ยว คิดจะทำเซอร์ไพรซ์แต่ไม่เนียนเอาเสียเลยนะ แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าตัวยังไม่อยากให้เขารู้เขาก็จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป อืม หรือจะแกล้งทำเป็นลืมวันเกิดตัวเองไปเลยก็น่าจะดี เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวเล็กจะทำอะไรให้เขายิ้มได้อีก
วิพารันต์ออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนพร้อมกับผมที่เปียกหมาดๆ มองซ้ายมองขาเพื่อหาใครอีกคนทว่าก็ไม่พบ นิธิศคงจะเข้าห้องไปแล้ว เดินไปดูหนังสือที่ซ่อนเอาไว้ ยังอยู่ เห็นแบบนั้นก็โล่งใจ รีบเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนจะตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง
“ไม่เช็ดผมให้แห้งเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก มานี่เลยมา”
เห็นวิพารันต์เดินเข้ามาในสภาพผมเปียกๆแบบนั้น นิธิศที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเลยต้องเดินไปหยิบผ้าขนหนูในตู้แล้วจูงมือเล็กมานั่งบนเตียง ตั้งใจจะเช็ดผมให้แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมทำท่าจะแย่งผ้าในมือเขามาเช็ดเองให้ได้
“เด็กดื้อ เดี๋ยวนี้รันหัดดื้อกับพี่แล้วเหรอเนี่ย ใครสอนมา หืม บอกพี่ซิว่าใครสอน พี่สาแน่ๆเลยดื้อแบบนี้”
จับร่างบางให้มานั่งที่ตักของตัวเองเป็นเชิงบังคับอยู่กลายๆทำให้เจ้าตัวหมดสิทธิดื้อ จนในที่สุดก็ต้องยอมให้นิธิศเช็ดผมให้จนแห้ง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็นอนได้แล้ว”
วิพารันต์คลานไปที่อีกฝั่งของเตียงแล้วมุดตัวเองลงในผ้าห่มผืนหนาโดยโผล่แค่หน้าออกมาเท่านั้นชนิดที่ว่าเตรียมหลับได้ทันที
“อะแฮ่ม...ลืมอะไรหรือเปล่าครับรัน”
เสียงเตือนของนิธิศทำให้วิพารันต์ทำหน้ายู่เล็กน้อยก่อนจะยอมพาตัวเองออกมาจากผ้าห่มแล้วค่อยๆคลานมาหานิธิศที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียง ก่อนจะเริ่มทำสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งสอนให้ทำเร็วๆนี้หลังจากเมื่อหลายคืนก่อนที่เขานอนฝันร้ายแล้วตื่นขึ้นมากลางดึกติดต่อกันถึงสามคืน
สิ่งที่นิธิศบอกให้ทำถ้าไม่อยากฝันร้ายอีก...
ยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับแก้มของอีกฝ่ายแล้วกดปลายจมูกลงไปเบาๆก่อนจะรีบผละออกมาอย่างรวดเร็วเพราะถึงแม้ว่าจะเริ่มทำแบบนี้มาได้หลายวันแล้วแต่ก็ยังรู้สึกไม่ชินเสียที
หลังจากวิพารันต์ทำเสร็จแล้วก็ถึงคราวนิธิศที่ต้องทำบ้าง มือข้างหนึ่งเอื้อมไปเกี่ยวเอวบางให้เขยิบมาใกล้กว่าเดิมก่อนจะฝังจมูกลงไปบนแก้มนุ่มนิ่ม กดแช่เอาไว้แบบนั้นพักหนึ่งก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา
“ราตรีสวัสดิ์...ฝันดีนะครับเด็กน้อย”
ประโยคซ้ำๆที่กระซิบก่อนนอนทุกวัน ฟังเหมือนจะเป็นแค่วิธีการหลอกเด็กธรรมดา แต่ก็น่าแปลก แปลกที่วิธีการหลอกหอมแก้มนี้ของเขาทำให้เจ้าตัวเล็กเลิกฝันร้ายได้จริงๆ แล้วก็เพราะเป็นแบบนั้นอีกฝ่ายถึงได้ยอมที่จะทำแบบนี้กับเขาได้ทุกวันโดยที่ไม่รู้สึกสงสัยเลยสักนิด
ก็เพิ่งจะรู้...ว่าลึกๆแล้วตัวเองก็แอบมีนิสัยเจ้าเล่ห์แบบนี้เหมือนกัน...
ร่างสูงที่เพิ่งเดินไปปิดไฟในห้องเดินกลับมานั่งลงบนเตียงใหญ่อีกครั้ง คงจะเหนื่อยมาทั้งวันสินะถึงได้หลับง่ายขนาดนี้ อมยิ้มกับตัวเองเมื่อนึกไปถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังพยายามทำเพื่อเขาอยู่ก่อนจะเขยิบตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่นอนกอดหมอนข้างเอาไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะฉวยโอกาสประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเล็กอีกทีเป็นการส่งท้ายสำหรับคืนนี้
“พยายามเข้าล่ะคนเก่ง...แล้วพี่จะรอชิมเค้กวันเกิดฝีมือรันนะ”
......................
.................................
หนึ่งอาทิตย์สำหรับคอร์สการเรียนทำขนมเค้กของวิพารันต์ดำเนินมาจนถึงวันสุดท้าย พรุ่งนี้แล้วที่จะเป็นวันเกิดของนิธิศ วิพารันต์จัดการทำเค้กด้วยฝีมือของตัวเองทั้งหมดโดยที่ไม่ให้มาริสามาคอยช่วยเหมือนทุกวัน
ถึงจะช้าไปบ้าง แต่เขาก็อยากจะทำทั้งหมดด้วยตัวเอง...
“พี่สาว่านะ ปีนี้พี่ไนท์ของน้องรันมันต้องมัวแต่ทำงานจนลืมวันเกิดตัวเองไปแล้วแน่ๆ เพราะถ้ามันจำได้มันก็คงจะบอกน้องรันเรื่องวันเกิดของตัวเองไปแล้ว แต่นี่มันคงจำไม่ได้ เอ...แต่คิดไปคิดมาบางทีก็ดีเหมือนกันพวกเราจะได้ทำเซอร์ไพรซ์...”
มาริสานั่งบ่นพึมพำคนเดียวไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่นั่งมองวิพารันต์ในชุดผ้ากันเปื้อนเอาขนมเค้กออกจากเตาอบอย่างตั้งอกตั้งใจ ชนิดที่มาริสาเองยังอดนึกขำไม่ได้ว่าถ้าคนเป็นเจ้าของวันเกิดได้มาเห็นภาพแบบนี้เองจะยิ้มจนแก้มปริมากขนาดไหน
“เดี๋ยวทำเสร็จแล้วรันเอาเค้กฝากพี่ไว้ที่ร้านก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้พี่กับเพื่อนๆจะเอาไปให้ที่ห้องตอนเช้าตามที่ตกลงกันไว้จะได้เซอร์ไพรซ์”
วิพารันต์พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่ายหลังจากที่ตัวเองบรรจงตกแต่งครีมบนหน้าเค้กจนเสร็จเรียบร้อย รู้สึกภูมิใจในผลงานของตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ครั้งแรกที่ตั้งใจทำอะไรให้ใครมากขนาดนี้ และอาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้ทำอะไรให้นิธิศเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ
เช้าวันเสาร์ วิพารันต์ตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงเพราะไม่อยากรบกวนคนที่ยังนอนหลับอยู่ข้างๆ...เป็นธรรมดาที่นิธิศมักจะตื่นสายในวันหยุด
เดินออกมาล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำข้างนอกก่อนจะจัดการทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยเพื่อรอต้อนรับการมาของมาริสาและเพื่อนๆ
ติ๊ง ต่องเสียงออดหน้าประตูที่ดังขึ้นให้วิพารันต์ที่ยังอยู่ในชุดนอนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย หันไปมองนาฬิกา แปดโมงครึ่ง คงไม่ใช่มาริสา เดินไปส่องดูที่ตาแมวก็เห็นผู้หญิงที่ไม่คุ้นหน้าคนหนึ่งยืนอยู่...ใครกันนะ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดีเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องแล้วเขย่าตัวปลุกนิธิศให้ตื่น
ร่างสูงงัวเงียตื่นขึ้นมาจากการปลุกของวิพารันต์ แล้วขยี้ตาสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นมานั่งคุยกับคนตัวเล็กที่ยืนรออยู่
“ทำหน้าตาตื่นแบบนั้นมีอะไรหรือเปล่าหือ”
‘มีใครก็ไม่รู้มากดกริ่ง’ชูกระดานไวท์บอร์ดให้ดูพลางดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามตัวเองไปที่หน้าประตู แต่ยังไม่ทันจะถึงดีเสียงออดก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นการกดย้ำ
“พัดชา?”
นิธิศพึมพำกับตัวเองเบาๆ ใครก็ไม่รู้ที่ว่าของวิพารันต์ก็คือเลขาที่บริษัทของเขานั่นเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พัดชาจะรู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหนเนื่องจากทำงานด้วยกันมาก็นานพอสมควร และก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าวันนี้เธอมาเนื่องในโอกาสอะไรเพราะทุกปีที่ผ่านมาเธอก็จะมีของขวัญมาอวยพรวันเกิดให้เขาอยู่แล้ว แต่ที่แปลกใจก็คือเวลาที่วันเกิดของเขาตรงกับวันหยุดเธอก็มักจะให้ก่อนหรือหลังจากวันนั้นไม่เคยต้องบุกมาถึงห้องกันแบบนี้
“ผู้หญิงคนนี้เป็นเลขาที่บริษัทของพี่เอง เดี๋ยวรันเปิดประตูให้เธอเข้ามานั่งรอก่อนนะ พี่ขอไปอาบน้ำแต่งตัวสิบนาที”
นิธิศบอกแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องก่อนที่วิพารันต์จะปลดล็อกเปิดประตูให้คนที่ยืนรออยู่ข้างนอกเข้ามา
“สุขสะ...อะ...เธอเป็นใคร...เอ๊ะ หรือว่าฉันมาผิดห้อง ไม่สิ...ก็ถูกนี่นา”
รอยยิ้มที่ฉีกกว้างมาแต่ไกลของพัดชาหุบลงทันทีเมื่อคนที่เดินมาเปิดประตูไม่ใช่นิธิศอย่างที่คิดเอาไว้แต่กลับเป็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ในความคิดของเธอแทน
‘พี่ไนท์บอกว่าให้เข้ามารอก่อน ขอทำธุระส่วนตัวสิบนาที’เขียนข้อความใส่ไวท์บอร์ดแล้วชูให้พัดชาอ่านตามที่นิธิศสั่ง ถึงเธอจะดูงงๆกับการกระทำของวิพารันต์ไปบ้างแต่ก็ยอมเดินหอบข้าวของที่หิ้วมาด้วยเดินตามวิพารันต์เข้ามานั่งรอนิธิศที่โซฟา
...เด็กคนนี้เป็นใครกันนะ นอกจากจะไม่เคยเห็นหน้าแล้วยังทำตัวประหลาดๆอีก พูดไม่ได้หรือไงถึงต้องเขียนให้อ่านกันแบบนี้...
วิพารันต์เดินเอาแก้วน้ำมาวางให้พัดชาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ซึ่งเลขาสาวเองก็มองตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างนึกสงสัย ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นนิธิศที่จัดการแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องพอดี
“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณไนท์ นี่ค่ะของขวัญ...”
พัดชาส่งกล่องของขวัญที่แนบการ์ดอวยพรใบเล็กเอาไว้ข้างๆให้นิธิศด้วยรอยยิ้ม
ที่ต้องยอมลงทุนมาถึงนี่ ที่ต้องมาถึงห้องกันขนาดนี้ก็เพราะเธอเองเริ่มจะทนไม่ไหวกับการรอคอยและความหวังลมๆแล้งๆที่เธอสร้างขึ้นมาอีกแล้ว ยังไม่อยากถอดใจ ยังอยากจะลองรุกให้มากขึ้นดูสักครั้ง อยากจะทำ โดยที่ไม่สนว่าคนคนนั้นที่เจ้านายของเธอเคยพูดถึงจะมีอยู่จริงหรือไม่ เพราะตอนนี้ขอเพียงแค่มีโอกาสซึ่งถึงแม้ว่าจะน้อยนิด แต่วินาทีนี้เธอก็พร้อมที่จะเสี่ยง
“ขอบคุณครับ แต่จริงๆผมว่าคุณไม่เห็นต้องลำบากมาถึงนี่เลยนะ ค่อยให้วันจันทร์ทีเดียวเหมือนปีอื่นๆก็ได้”
“ไม่ลำบากเลยค่ะคุณไนท์ เป็นพัดอีกต่างหากที่ต้องขอโทษที่มารบกวนแต่เช้า พอดี...”
ติ๊ง ต่องเสียงกดกริ่งที่ดังขึ้นหน้าห้องทำให้บทสนทนาของทั้งสองคนหยุดลงชั่วคราว วิพารันต์วิ่งออกจากห้องครัวไปดูที่ประตูเหมือนกับครั้งแรกก่อนจะเปิดประตูให้มาริสาที่มาพร้อมกับนัทนทีและวีรนนท์
“เซอร์ไพรซ์!!! แฮปปี้เบิร์ดเดย์เว่ยไอ้ไนท์!!!”
เสียงแหลมๆของมาริสาที่ดังมาก่อนตัว ทำเอาเจ้าของบ้านอย่างนิธิศแทบจะยกมือขึ้นมากุมขมับที่มวยคู่เอกทั้งสองคนโคจรมาเจอกันแบบได้จังหวะอย่างนี้
ดูท่าแล้ววันเกิดของเขาปีนี้คงจะสนุกพิลึก...
“เอ้า ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนานนะคะคุณเลขา มาทำอะไรที่บ้านเพื่อนฉันตั้งแต่เช้าล่ะคะเนี่ย ได้ข่าวว่าวันนี้วันหยุดคงไม่ได้จะมาอ่อย เอ้ย มาคุยเรื่องงานใช่มั้ยคะ”
มาริสาเปิดฉากทักทายพัดชาก่อนทันทีที่เห็นหน้า
แน่นอนล่ะว่าเพื่อนทุกคนของนิธิศรู้จักกับเลขาของเขาคนนี้เป็นอย่างดี ยิ่งกับมาริสาแล้วจะเรียกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลยก็ว่าได้เพราะตั้งแต่เห็นหน้ากันครั้งแรกความคิดของทั้งสองคนที่ตรงกันก็คือคำว่า ไม่ถูกชะตา ที่ถึงขั้นเคยปะทะคารมณ์ประกาศตัวเป็นศัตรูกันแล้ว
“แน่นอนค่ะคุณมาริสา พัดจะทำแบบนั้นได้ยังไงกันคะ วันนี้วันเกิดของเจ้านายทั้งที พัดก็แค่แวะของขวัญกับเค้กมาให้ตามภาษาคนทำงานด้วยกันเท่านั้นแหละค่ะ”
พัดชากัดฟันพูดแล้วส่งยิ้มให้แม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดเสียดสีของอีกฝ่าย...เป็นแค่เพื่อนนะไม่ใช่แม่ถึงได้ชอบมาทำตัวกันท่าชาวบ้านแบบนี้น่ะ
“ถ้าคิดแบบเจ้านายกับเลขาได้อย่างนั้นก็ดีสิคะ เพราะถ้าคิดแบบอื่นล่ะก็ ฉันจะได้ช่วยปลอบให้ทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะมันคงเป็นไปไม่ได้”
มาริสาพูดพร้อมกับส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่มีเหรอที่คนอย่างเธอจะไม่รู้ คิดจะจับเพื่อนเขาน่ะคงต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือผู้หญิงคนนี้กล้ารุกขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็ยังไม่กล้าขนาดนี้เลยแท้ๆสงสัยบางที...คงคิดอยากจะเริ่มเอาจริงขึ้นมาแล้วล่ะมั้ง
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะคะแต่คงไม่ต้อง เพราะคุณมาริสาเองก็เป็นแค่เพื่อนคุณไนท์เหมือนกัน”
เลขาสาวโต้ตอบกลับไปอย่างไม่นึกยอมแพ้ ทว่ามาริสากลับทำเพียงแค่ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปากเท่านั้น
“เอาเถอะค่ะ ถ้าพูดกันถึงขนาดนี้แล้วก็ยังคิดไม่ได้ งั้นฉันก็คงต้องขอเชิญคุณเลขาอยู่ร่วมงานวันเกิดเจ้านายด้วยกันก่อนนะคะ เพราะงานนี้ อาจจะทำให้คุณเลิกคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้ไปเลยก็ได้...”
TBC.
Rewrite
กลับมาแล้ว...แต่เผอิญมากับข่าวไม่ค่อยดีเพราะสอบไม่ติด 555 นั่งเศร้าไปซะตั้งหลายวันกว่าสติสตังจะกลับมา รอแอดค่ะ!!
มาตอนนี้แล้วจะหายไปอีกแป๊ปนึงนะคะ เพราะยังเหลือสอบแกทแพทรอบสอง ยังไงถ้าตอนนี้มันออกมาไม่ดียังไงก็อย่าเพิ่งว่ากันล่ะ หายไปนานอารมณ์มันกลับมาไม่ครบเหมือนเดิม อิอิ อาจจะมีรั่วไปบ้างอะไรบ้างก็ขออภัยด้วยนะคะ
มาริสาจะทำอะไร .. ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งคนเขียน(ฮา) ช่วงนี้มาริสาออกบ่อย อ่านะ ก็นางเป็นเสมือนแม่สื่อ แม่ยก เป็นตัวแทนคนเขียนและคนอ่านที่จะเข้าไปช่วยเหลือน้องรันของเราให้พ้นจากปากเหยี่ยวปากกา 555 เพราะฉะนั้นยอมให้นางเด่นหน่อยก็แล้วกันเน๊อะ
ป.ล.แล้วเจอกันหลังสอบแกทแพทค่า