ในห้องกว้างจึงเหลือเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ ผมกวาดสายตามองทุกคนในห้องอย่างรวดเร็ว มีพี่ซูส พี่เฮดีส พี่อะพอลโล พี่โพม มอตโต อัญดา อัษฎา ผม สาวผมบ๊อบเทสีแดง และชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เป็นหมี พวกเรามองหน้ากันไปมาเหมือนจะสำรวจว่าใครเป็นใครบ้าง ผมยืนเหลอหลาทำตัวไม่ถูก จะว่าไปคงมีแต่ผมล่ะมั้งที่เป็นคนนอก เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นไส้ติ่งที่ไม่ได้รับเชิญ สาวผมแดงมองผมด้วยสายตาแปลกใจวูบหนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับพี่ซูส
“เรื่องนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องในครอบครัวของคุณแล้วล่ะซูส ถ้าเกี่ยวกับ ‘ลูซิฟ’ แบบนี้มันต้องเป็นปัญหาใหญ่มาก ก่อนอื่นฉันคิดว่าเราควรบอกเรื่องนี้ให้กับทางตระกูลใหญ่ซะก่อน”
“ถึงฉันจะไม่อยากให้ทางตระกูลใหญ่มาเกี่ยวข้อง แต่ถ้ามันเกี่ยวกับลูซิฟจริงก็ต้องแจ้งทางตระกูลใหญ่อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ นี่มันซวยจริงๆ พับผ่า” พี่ซูสพยักหน้ายอมรับ ถอนหายใจพรู สีหน้าจนใจเด่นชัด
ระหว่างนั้นคนที่ไม่ใส่ใจบรรยากาศรอบตัวก็กวักมือเรียกให้ผมเดินไปหา ผมส่งใบ้ทางสายตาให้กับเขาว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา แต่เขาก็กวักมือแรงๆ ทำสายตาแข็งใส่ เรียกร้องให้ผมไปหาอย่างเอาแต่ใจเป็นที่สุด ผมส่ายหน้าแล้วขยับปากอย่างไร้เสียงว่าไปไม่ได้ พี่เฮดีสขมวดคิ้วทำหน้าบึ้ง ลุกขึ้นพรวด ทำเอากลุ่มคนที่กำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียดตกใจหันมามองเขาเป็นตาเดียว
“มีอะไรเหรอ?” พี่ชายคนโตของครอบครัวเอ่ยถาม พี่เฮดีสเหลือบมองพี่ชายตัวเอง
“ถ้าเกี่ยวกับลูซิฟจริง ก็แค่เรียกพี่โพซกลับมาก็เท่านั้น นอกจากเขาแล้วไม่มีใครรับมือกับลูซิฟได้” เขาเอ่ยห้วนๆ ไม่สนใจเรื่องที่คนอื่นเขาปรึกษาหารือกันหน้าดำคร่ำเครียดเลยสักนิด พูดจบก็เดินฉับๆ มาหาผมแล้วดึงแขนเดินออกไปจากห้องโถงนั้น ไม่สนใจปฏิกิริยาของคนอื่นๆ บ้างว่าจะรู้สึกยังไงกับท่าทางของเขา
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนเธอช่วยแจ้งไปทางตระกูลใหญ่ให้ทีนะอธีน่า”
“โอเค แล้วใครจะเป็นคนเรียกเจ้าจอมอู้กลับมาล่ะ?”
“เฮราคลีส นายพอจะรู้ไหมว่าเจ้างี่เง่านั่นมันหนีไปเที่ยวที่ไหน?”
หลังจากเดินมาผมได้ยินเสียงของพี่ซูสปรึกษากับสาวผมแดงและพ่อหมีเบอร์สองคนนั้น ผู้หญิงผมบ๊อบเทสีแดงชื่อ ‘อธีน่า’ ส่วนพ่อหมีเบอร์สองที่ยืนกอดอกทำหน้าเคร่งขรึมหันหลังให้กับพวกเราอยู่ตลอดคนนั้นคือ ‘เฮราคลีส’ ถ้าจำไม่ผิดทั้งสองชื่อเป็นชื่อเทพกรีกนี่น่า หรือว่าพวกเขาจะเป็นญาติฝ่ายพ่อของพี่เฮดีส จะว่าไปแล้วพวกพี่โพมก็เป็นญาติฝ่ายแม่นี่นะ งั้นมีแต่ผมหรือไงวะที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ผมหันกลับไปมองแล้วแปลกใจเมื่อเห็นพี่ชายของอัญดาคนนั้นมองตามมาด้วยสายตาที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ พอเห็นผมมองตอบกลับเขาก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองน้องสาวตัวเองที่นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างๆ ยังไม่ทันได้มองว่าเขาจะพูดอะไร ผมก็ถูกใครบางคนลากถูขึ้นบันไดไปซะก่อน อะไรเนี่ย!? พี่เฮดีสแกไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ กระชากเอาๆ นี่พี่ยังเป็นคนเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือไงครับ!? พอมาถึงก็รีบยัดผมเข้าห้อง ทำท่าว่าเหมือนจะเก็บไม่ให้ใครมาเห็น ผมมองพี่เฮดีสอย่างงุนงง
“เป็นอะไรของพี่เนี่ย?”
“ง่วง” เขาตอบสั้นๆ ทำเดียว เอ่อ แล้วง่วงเนี่ยจำเป็นต้องล็อคประตูห้องด้วยเหรอ ง่วงก็นอนสิครับ พี่เฮดีสล็อคประตูห้องแล้วก็ตามด้วยหน้าต่าง ทุกซอกทุกตอกที่มีให้ล็อคพี่แกจัดการปิดมันให้หมด ห้องธรรมดาๆ ก็กลายเป็นห้องขังที่มืดสลัว พี่เฮดีสเดินโซเซๆ ไปเตียงนอนแล้วชะงัก หันขวับมาจ้องผมเขม็ง ผมที่โดนจ้องขนลุกซู่
อะ...อะไร...ครับ? จะนอนก็นอนไปสิ จะหันมาทางนี้ทำไมกัน ตกใจหมด พี่เฮดีสตาปรือง่วงเต็มที่แต่ก็ไม่ยอมนอน เขากวักมือเรียกผมไปหา สีหน้าทะมึนตึงเอามากๆ ผมเนี่ยกลัวจนไม่กล้าเดินเข้าใกล้ ตอนง่วงนอนพี่เฮดีสดูเหี้ยมเกรียมกว่าตอนปกติหลายเท่าตัว พอถูกขัดใจคนง่วงก็เกิดโมโหขึ้นมาทันที พึมพำอะไรกับตัวเองเล็กน้อยแล้วเดินมาลากผมขึ้นเตียงไปด้วยกัน
“พี่จะนอนก็นอนไปสิ ผมยังไม่ง่วงสักหน่อย”
“ไม่เอา นอนด้วยกัน” เขาเอ่ยแล้วกอดรัดผมไว้แน่น เอาขาก่ายตัวไว้ อย่างกับว่ากลัวผมจะหนีไป ผมเหลือบมองใบหน้าเปื้อนฝุ่นดินและเขม่นระเบิดแล้วถอนหายใจ ให้นอนสภาพแบบนี้เนี่ยนะ จะหลับลงได้ยังไง ทั้งเหงื่อทั้งเลือด กลิ่นสุดจะทนจริงๆ ผมเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“นอนก็ได้ แต่อย่ากอดแน่นแบบนี้สิครับ มันเจ็บ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวมีคนขโมยไป”
“พูดอะไรอย่างนั้น ใครจะมาขโมยผมกันเล่า”
“แล้วก่อนหน้านั้นใครเกือบโดนเขาลักพาตัวไปกันล่ะ?”
พี่เฮดีสหาวหวอดๆ ตาปรือต่ำลงแทบจะปิดแต่ก็ยังโต้ตอบกลับมาเสียจนผมสะอึก ก่อนที่ผมจะพูดอะไรก็มีเสียงประตูเคาะก๊อกๆ ดังขึ้น ผมสะกิดให้พี่เฮดีสตื่น เขาทำหน้าหงุดหงิดหนักกว่าเดิม จับผ้าห่มกระชากเดินปึงปังไปเปิดประตู ท่าทางจะล็อคเยอะไปหน่อยตอนเปิดจึงลำบาก คนง่วงนอนเริ่มทำหน้าหงิกเป็นม้า ผมเห็นแล้วอยากจะหัวเราะ สมน้ำหน้า ตัวเองทำตัวเองเอง อยากล็อคเยอะดีนัก เป็นไงล่ะ พี่เฮดีสกระชากเปิดประตู เห็นเป็นพ่อบ้านก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ คุณพ่อบ้านเอ่ยรับด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่มีท่าจะเกรงกลัวจ้าวนรกที่กำลังหิวนอน
“คุณผู้หญิงบอกให้ผมนำยามาให้ครับ”
“ไม่จำเป็น”
“แต่ท่านไม่สบายใจนะครับ ตอนนี้ก็ยังเป็นห่วงคุณอยู่เลย ไม่ยอมพักผ่อนสักที”
“ตอนนี้แม่ทำอะไรอยู่ล่ะ?” พี่เฮดีสหน้าคลายตัวลงนิดหน่อยเมื่อได้ยินเป็นเรื่องของแม่ของเขา แต่เสียงก็ยังห้วนเหมือนเดิม
“ท่านกำลังทำอาหารให้พวกคุณซูสอยู่ในครัวครับ เห็นว่าไม่อยากรบกวนคนอื่นๆ ที่กำลังพักผ่อน”
พี่เฮดีสได้ยินก็ทำหน้าไม่พอใจ คุณพ่อบ้านก็เอ่ยต่อเสียงเรียบ
“คุณผู้หญิงกังวลมากไปจนนอนไม่หลับก็เลยหาอะไรทำเพื่อคลายกังวล แล้วถ้าคุณช่วยกรุณาทานยาเหล่านี้ก็จะดีต่อท่านมาก คุณผู้หญิงจะได้สบายใจพักผ่อนได้ตามปกติ อีกอย่างตัวคุณเองก็ได้รับบาดเจ็บภายในมาไม่น้อยเลยนี่ครับ”
พี่เฮดีสทำเสียงจิ๊เบาๆ ก่อนจะกำยาบนถาดขึ้นมาโยนใส่ปากตามด้วยดื่มน้ำอึกใหญ่ล้วนเดียวหมด เขาโบกมือไล่คุณพ่อบ้านทันที คุณพ่อบ้านยิ้มแล้วโค้งตัวเดินจากไป พี่เฮดีสปิดประตูดังต้าม! เดินวนกลับที่เตียง ไม่ลืมจับผมไปนอนกอดฟัดเป็นหมอนข้างเหมือนเดิม ผมที่กำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกเขาชิงตัดหน้า
“เงียบ ฉันจะนอน” เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาดเสียจนผมไม่กล้าจะพูดอะไรต่อ จึงปล่อยให้เขานอนหลับไป ไม่นานลมหายใจเข้าออกของพี่เฮดีสก็สม่ำเสมอ เข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว สงสัยจะเหนื่อยมากจริงๆ ครับ แขนของเขาคลายลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมปล่อยตัวผม ผมลองขยับตัวก็ถูกอีกฝ่ายตีแขนดังเพี้ยะ ผมตกใจหันไปมองนึกว่าเขาตื่นแต่กลับเห็นนอนหลับตานิ่ง
อะไรเนี่ย เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ? ละเมอเหรอ? ผมทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยให้เขากอดนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น ผ่านไปสักพักก็รู้สึกง่วงๆ ตาเคลิ้มจะหลับ สุดท้ายก็ฝืนเปลือกตาที่ย่นปิดลงทุกทีไม่ไหว ก็ผล็อยหลับไปในที่สุด รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกอะไรก็ไม่รู้เย็นๆ หยดลงบนหน้า ผมขมวดคิ้วยกมือเช็ดสิ่งนั้นออกจากหน้า สุดท้ายผมก็ลืมตา ภาพตรงหน้ามัวๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ ชัดเจน ผมกะพริบตามองคนตรงหน้าด้วยความงุนงงสับสน
“พี่ทำอะไรน่ะ มันเย็นนะ” ผมขยับตัวลุกขึ้น ปัดกระป๋องน้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบที่พิงหน้าผมออกไปแล้วเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงโมโห ตอนไม่อยากนอนก็ชวนนอน พอตอนนอนหลับสนิทแล้วก็มากวนคนอื่นให้ตื่น เขามองหน้าผมนิ่งๆ คล้ายกับไม่เคยเห็นผมทำหน้าบึ้งโมโหแบบนี้ เขาเอียงหน้าพิจารณาอยู่นานจนผมตามองตาขวางกลับ เขาก็หัวเราะขำออกมา
“กล้าทำหน้าแบบนี้กับเฮดีสด้วยสินะ”
“!!!?” ร่างกายของผมพลันชาวาบ ดีดตัวถอยห่างจากคนตรงหน้าทันที ผมตกใจจนแทบจะหัวใจวาย สำรวจคนตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน ชุดของเขาเป็นสีขาวสะอาด นั่นทำให้ผมงุนงงสับสนมาก ยิ่งมองไปรอบตัวก็ยิ่งงงหนักกว่าเดิม ที่นี้มันไม่ใช่ห้องนอนที่ผมนอนหลับไปกับพี่เฮดีสนี่น่า แล้วมันที่ไหนกันล่ะเนี่ยยยย ผมมาที่นี้ได้ยังไงงงง!? สมองของผมแตกจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ มองดูสถานที่แห่งนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่าคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ยังไงก็คิดอะไรไม่ออกในสถานการณ์ที่กะทันหันแบบนี้
“ที่นี้คือโรงพยาบาล เป็นช่วงเวลาที่ๆ ฉันชอบมากช่วงหนึ่ง” เฮเคตลุกขึ้นยืนเอ่ยเสียงเนิบนาบแล้วโยนกระป๋องน้ำอัดลมมาที่ผม ผมไม่ยอมรับของจากเขาแน่นอน กระป๋องนั้นจึงตกลงพื้นอย่างไม่ถูกแยแส เฮเคตยิ้มที่มุมปากเขาผิวปากเบาๆ ไอ้กระป๋องนั้นก็ดีดถูกหน้าผากของผมเข้าอย่างจัง ไอ้บ้าเอ๊ย! เขาหัวเราะชอบใจที่เห็นผมสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“นาย! พาฉันมาที่นี้ทำไม!? พาฉันกลับไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“จะกลับเลยเหรอ เอาน่า อยู่กับฉันอีกหน่อยจะเป็นไรไป”
“ใครจะอยากอยู่กับนายล่ะโว้ย!? จริงสิ นาย...คงไม่ได้ทำอะไรพี่เฮดีสหรอกใช่ไหม!?” ผมตะโกนถามด้วยสีหน้าโมโหมาก เล่นลิ้นอยู่นั่นแหละ กวนโมโหคนอื่นได้ดีจริงๆ ถ้าผมมาที่กับหมอนี้ได้ งั้นก็แสดงว่าเขาเข้าไปในห้องนอนของพี่เฮดีสแล้วอาสาช่วงที่พวกเรากำลังหลับพาผมมางั้นเหรอ ทุเรศเอ๊ย! ฉวยโอกาสตอนที่ชะล่าใจลงมือจริงๆ ด้วย พวกเจ้าเล่ห์!
“จะบอกอะไรให้นะ ฉันทำอะไรแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะฉันกำลังจะตาย” เฮเคตเอ่ยเสียงราบเรียบ ผมชะงักหันไปมองเขานิ่ง แล้วเขาก็ยิ้มออกมากว้างเหมือนล้อเลียนผม ผมแทบอยากจะเข้าไปตบเขาสักที อะไรของเจ้านี้วะ เอาความเป็นความตายมาล้อเล่นคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน แต่พอคิดอีกทีก็เป็นไปได้เพราะพี่เฮดีสก็พูดไว้แบบนั้นว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงพรุ่งนี้
“ไม่ได้ล้อเล่นสักหน่อย ฉันกำลังจะตายจากร่างนี้แล้วจริงๆ สภาพร่างกายนี้มันเสียหายหนัก แฟนของเธอยิงมาแบบไม่ให้ฉันอยู่หายใจต่อได้แม้ครึ่งวันเลยนี่น่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันอุตส่าห์ถ่อสังขารมาหาเธอหรอกนะ จริงๆ แล้วฉันมีเรื่องจะขอร้องน่ะ” เขาทำหน้าจริงจัง น้ำเสียงก็ฟังแล้วเหมือนไม่ได้โกหก แต่ผมก็ยังระวังตัวอยู่ดี ผมเอ่ยถามเรื่องที่เขาอุตส่าห์หอบสังขารไม่เที่ยงของตัวเองมาขอร้องผม เฮเคตยิ้มกว้างแล้วตอบกลับเสียงใสว่า
“ขอนอนตักหน่อย”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” ผมจับกระป๋องน้ำอัดลมได้ก็ขวางใส่เจ้านั้นเต็มแรง เสียดายที่เขาหลบมันได้ หึ ไอ้เรารึก็จริงจังด้วย เห็นว่าเป็นคำขอร้องก่อนตายจะยอมเสียเวลาฟังสักหน่อย กลับพูดนอกเรื่องออกมาอีก เฮเคตหัวเราะขำ มันมีอะไรน่าขำฟะ!? ผมทำหน้าบึ้งหนักกว่าเดิม เฮเคตเอ่ยเสียงราบเรียบ
“กำลังจะบอกว่าถ้าให้นอนตักจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเลย ไม่ยอมก็ไม่เล่า”
ทำไมผมรู้สึกว่าฝาแฝดคู่นี้มันนิสัยเหมือนกันเลยวะ!? ผมกัดฟันกรอดแล้วเปลี่ยนท่านั่ง เฮเคตหัวเราะรีบล้มตัวนอนลงวางหัวลงบนตักที่แข็งทื่อของผม ผมกัดฟันอดทนแล้วเอ่ยเร่งให้เขาเข้าเรื่องสักที เฮเคตพยักหน้าแล้วค่อยๆ พูด
“ฉันจะพูดจนกว่าจะหมดลมหายใจเลยล่ะ ไม่ต้องห่วงกว่าจะกั๊ก อืม งั้นเริ่มจากเรื่องที่ฉันเจอพ่อ...” เฮเคตหลับตาลงแล้วเขาก็ค่อยๆ เล่าเรื่องราวของตัวเอง ตั้งแต่ได้เจอพ่อของเขาเมื่อสี่ปีก่อน เขาเปลี่ยนชื่อ เรื่องราวเหมือนกับที่พี่เฮดีสเล่าให้ผมฟัง แต่ต่างนิดหน่อยตรงที่จริงๆ แล้วนิสัยของเขาก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เรื่องที่เขากับอัญดาที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ตลอดจนถึงเรื่องที่เขาทำชั่วช้าอะไรมาบ้าง ความลับที่น่าตกใจทั้งหลายพรูพรายจากปากของเฮเคต ผมฟังไปตัวสั่นไป ทั้งโมโหทั้งหวาดกลัว หมอนี้มันเล่าเรื่องเลวร้ายพวกนั้นได้หน้าตาเฉยมาก มันทำให้ผมกลัว
“...ตระกูลภฤตย์ปรเมษฐ์มีวิชาย้ายวิญญาณคนเป็น แต่มันเป็นวิชาที่ยุ่งยากมาก คนที่จะย้ายวิญญาณกันได้จะต้องเป็นคนที่มีความใกล้เคียงทางกายภาพ และจะต้องมีความใกล้ชิดกันทางสายเลือดด้วย...”
“นาย! หรือว่า...” เจ้าหมอนี้มันกำลังจะ... ผมตกใจลุกขึ้นพรวด เฮเคตกลิ้งตัวลุกขึ้นยืน เขาถอนหายใจแล้วส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ครั้งนี้ฉันกำลังพูดถึงเธอกับ...แค่กๆ” เฮเคตไออย่างรุนแรงออกมา เขาโก่งคอสำลักเลือดออกมาเป็นกอง โซเซล้มคุกเข่าลง เขาเงยหน้ามองผมแล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่อ่อนล้ามาก สายตาที่มองผมนั้นมันช่างเป็นสายตาที่ผมคุ้นเคย ผมขมวดคิ้วพยายามจะครุ่นคิดแล้วก็ตกใจเมื่อรู้ว่าสายตานั้นเหมือนใคร มันเหมือนของพี่เฮดีสนี่เอง!
สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและห่วงใย...
“เธอจะต้อง...มีชีวิตรอดให้ได้ ฉัน...อยากอยู่กับเธอ...และ...เด็กๆ มากกว่า...ถึง...พวกเขา...ไม่ใช่...ของฉัน...” เฮเคตเอ่ยเบาๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง เสียงของเขาขาดๆ หายๆ จนฟังไม่รู้เรื่อง เฮเคตไอแค่กๆ อีกครั้งแล้วเขาก็หลับตาอย่างอ่อนแรง กวักมือเรียกผมเข้าไปหา ผมลังเลใจอยู่สักพัก เห็นเขาแล้วเจ็บปวดใจเหมือนกำลังยืนมองพี่เฮดีสกำลังจะตายต่อหน้า โธ่เอ๊ย หน้าเหมือนพี่เฮดีสจริงๆ!
ผมเดินเข้าไปหาเขาถูกบอกให้นั่งลง ผมก็ยอมนั่งลงตามที่เขาขอ เฮเคตยิ้ม พลิกตัวนอนลงบนตักของผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาหลับตานิ่ง ผมแทบจะร้องไห้ วินาทีจะมองหน้าซีดไร้สีเลือดฝาดเหมือนผมกำลังเห็นพี่เฮดีสหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา ผมไม่ชอบความรู้สึกตอนนี้เอาซะเลย ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะบอกกับพี่เฮดีสว่าขอให้ผมตายก่อนเขา อย่าให้ผมเห็นเขาตายเด็ดขาด ผมกลัวว่าผมจะรับความรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ไม่ไหว ลมหายใจของเฮเคตค่อยๆ แผ่วเบาลงจนกระทั่งหน้าอกของเขาหยุดนิ่ง
....และแล้วเฮเคตก็จากไป TBC.
ไหน! ใครที่ไหนบอกว่าจะให้คิวพระเอกยะ!?
....กราบขอโทษหลายๆ เด้อค่า///ผัวะ โดนเฮดีสเตะเสยตูด
เอาน่า ไม่มีใครแย่งซีนอีกต่อไปแล้ว มันตายห่าไปแล้ว
ตอนต่อไปเป็นด่านลาสต์บอส เฮดีสโชว์เมพไปแล้ว เนรัญก็ขอโชว์บ้าง(?)
เนรัญจะผ่านด่านลาสต์บอสไปได้หรือไม่ ติดตามตอนต่อไปแจ้~