สุดขีด 7ถึงจะบอกไปว่าง่วงแต่เอาเข้าจริงผมก็กลับหลับไม่ลงเลย จะให้หลับลงได้ยังไงล่ะครับ เฮ้อ ตั้งแต่กลับมาจากตลาดพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมรู้สึกกลัวที่จะเผชิญหน้ากับเขา เราแยกย้ายกันอาบน้ำและนอนอย่างเงียบๆ ผมยึดที่มั่นเป็นโซฟายาวตัวเก่าตัวเดิม หลังจากมานอนทอดร่างบนโซฟาผมเอาแต่พลิกตัวไปพลิกตัวมา เฮ้อ นี่ผมถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ววะ รู้สึกว่าช่วงนี้มันเยอะผิดปกติ จะอายุสั้นก็คราวนี้แหละว่ะ
ผมพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ไม่หลับสักที ทำได้แต่เพียงหลับตาเฉยๆ ทำแบบนี้อีกเดี๋ยวมันก็หลับไปเอง เหมือนผมจะคิดผิดเพราะหลับตายังไงก็ไม่ทำให้ผมหลับเลยสักนิด ในหัวมันกังวลตีกันวุ่นวายไปหมด ไม่สงบนิ่งเหมือนเคย ผมลืมตาโพลงในความมืดจ้องมองอากาศว่างเปล่าตรงหน้า ในหัวมันมีแต่เรื่องของอีกคนในห้อง
พ่อเคยพูดไว้เสมอว่าทุกการกระทำของมนุษย์มีสาเหตุเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่เสมอ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะถูกตัดสินว่าถูกต้องหรือผิดก็ตาม สาเหตุที่ทำให้ผมนอนไม่หลับก็คงเพราะคิดไม่ออกว่าสาเหตุที่พี่เฮดีสทำไปนั้นคืออะไร อาจจะเป็นเพราะผมยังไม่รู้จักเขาดี อย่าว่าแต่ไม่รู้จักดีเลย ขนาดบางคนที่เราคิดว่ารู้จักดีก็อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้อยู่ก็ได้ ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย นิ้วเคาะเป็นจังหวะตาม
แต่ว่าแบบนี้มันไม่ดีแน่ ถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ใช่แค่ตัวคนอื่นแม้แต่ตัวของเขาเองก็เถอะ ถ้าหากมันไม่ใช่แค่การทะเลาะธรรมดาๆ ล่ะ ถ้าเกิดมันลุกลามใหญ่โตอาจจะไม่จบแค่ข้าวของพังและเจ็บนิดๆ หน่อยๆ แต่อาจจะถึงขั้นบาดเจ็บหนัก ร้ายแรงที่สุดก็คือถึงขั้นชีวิตเลยก็ได้ ผมทำหน้าเครียดเม้มปากเล็กน้อยกับความคิดนี้
ไม่ได้การล่ะ!
ถ้าปล่อยเอาไว้มีหวังเป็นแบบนั้นแน่ๆ ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้น ยังไงก็ตามผมต้องพยายามขัดขวางและยับยั้งไม่ให้มันเกิดเหตุขึ้น ก็... อุตส่าห์ได้รู้จักกันนี่นะ อีกอย่างผมก็รู้สึกว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างมันอาจจะแย่ขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ คนที่ทำอาหารอร่อยขนาดนั้น แถมยังทำให้ผมกินอีกด้วย คงจะไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกมั้ง! บางทีเขาอาจจะแสดงออกไม่ค่อยเก่ง?
อันดับแรกผมต้องทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น!
พี่ยูพูดไว้ว่าอะไรนะ?
‘… จะต้องทำความเข้าใจทำความคุ้นเคยสนิทสนมแนบชิดแบบเนื้อแนบเนื้อ…’
… อืม
ยากจังเลยแฮะ
ผมถอนหายใจแล้วพลิกตัวกลับมาอีกด้านก่อนจะชะงัก สายตาที่เริ่มคุ้นเคยกับความมืดมองเห็นประตูห้องนอนค่อยๆ เปิดออกอย่างเงียบงัน แสงสว่างจากข้างในลอดผ่านเงาสีดำทะมึนสายหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องนั้น สงสัยเขาจะปวดชิ้งฉ่องล่ะมั้ง
ผมมองตามเขาที่เดินเข้าห้องน้ำอย่างเงียบกริบ แทบจะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดิน ทักษะการเดินแบบนี้ในหนังจีนเขาเรียกว่าฝีเท้านักฆ่าเลยนะเนี่ย! ถ้าผมหลับรับรองไม่รู้สึกตัวแน่นอน ไม่นานนักผมก็เห็นเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ
หือ?
ทำไมรู้สึกว่าเงามันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แถมเข้ามาใกล้ขนาดนี้นะ?
ผมกะพริบตาปริบๆ เพื่อปรับทัศนียภาพ แต่ก็เหมือนเดิมแถมยังชัดกว่าเมื่อครู่อีก พี่เฮดีสเดินมาหยุดตรงโซฟาที่ผมนอน อะไร!? จะมาดูอะไรกันครับ!? เพราะความมืดทำให้ผมมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เพื่อความปลอดภัยผมจึงรีบหลับตาแกล้งเป็นนอนหลับแต่ไม่วายแอบส่อง
เงาทะมึนก้มลงมาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมเกร็งตัวทันที อะไร? จะทำอะไรครับพี่!? คงไม่ใช่จะมาลอบบีบคอตอนผมหลับอยู่หรอกนะ!? ผมพยายามหดคอของตัวเองแล้วเขยิบชิดโซฟาถ้าซุกเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้ผมก็จะทำ! ผมรู้สึกถึงมือขนาดใหญ่สอดเข้ามาใต้ตัวชั่วอึดใจตัวผมก็ถูกยกลอยขึ้นจากโซฟาอย่างนุ่นนวล ผมตกใจลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจปนสงสัย
พี่เฮดีสอุ้มผมเดินมาที่ห้องนอนอย่างง่ายดาย เพราะแสงจากห้องทำให้ผมเห็นหน้าของอีกฝ่ายซึ่งยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เขาจะทำอะไรน่ะ!? จู่ๆ มาอุ้มกันเข้าห้องแบบนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่!? อย่างกับอุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอ แอ๊กกก! ผมเบิกตากว้าง ถ้าทำมิดีมิร้ายผมสู้ตายนะเออ!
พี่เฮดีสวางผมไว้บนเตียงแทบจะไม่รู้สึกถึงแรงกระแทกเลย เพราะมันนิ่มนวลแผ่วเบาเอามากๆ ผมกะพริบตาถี่ๆ อีกฝ่ายจัดผ้าห่มปกตัวของผมแล้วชะงักตัวเมื่อเราสบตากัน อ๊ะ! แย่แล้วสิ ลืมแกล้งหลับตาไปเลย! ผมกะพริบตาปริบๆ แล้วค่อยๆ คลี่ยิ้มแห้งๆ ออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่กระอักกระอ่วน
พี่เฮดีสไม่ได้พูดอะไร เขายกมือตบศีรษะของผมเบาๆ แล้วหันตัวเดินอ้อมไปนอนอีกฝั่งของเตียง เพราะเตียงมันกว้างมากขนาดผู้ชายสามสี่คนนอนได้สบาย แค่สองคนนอนทำให้มีพื้นที่เว้นห่างมากพอ โคมไฟถูกปิดลงทำให้ห้องมืดสนิท ผมเหลือบตาไปมองอีกคนบนเตียงที่นอนหันหลังให้ เห็นเพียงแค่แผ่นหลังกว้าง ผมยกมือแตะศีรษะของตัวเอง ขบริมฝีปากเอาไว้แต่มันก็ห้ามไม่อยู่ทำให้คลี่รอยยิ้มออกมา
ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมนอนหลับไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่
-----
ผมนั่งปิดปากหาวอยู่หน้าทีวี สงสัยเมื่อคืนนอนช้าไปหน่อยทำให้รู้สึกนอนไม่อิ่ม ผมขยี้ตาเบาๆ ปลุกตัวเองให้ตื่นจากอาการง่วง มีเสียงกึกดังอยู่ตรงหน้าทำให้ผมที่กำลังจะหลับไปอีกรอบ ลืมตาขึ้นมาเห็นถ้วยเล็กๆ วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ผมหันไปมองทันเห็นแผ่นหลังไวๆ ของอีกฝ่ายที่เดินหายลับไปในห้องครัว
งืม อะไรหว่า?
ผมยกขึ้นมาจิบนิดๆ รสเปรี้ยวๆ หวานๆ แบบนี้ต้องเป็นน้ำมะนาวแน่ๆ แถมยังอุ่นๆ อยู่เลย ทั้งกลิ่นหอมของมะนาวและน้ำผึ้งนิดๆ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการง่วงไปมากโข แหม ดีจริงๆ เลยว่ะ อย่างกับมีพ่อบ้านส่วนตัวแน่ะ
ผมเปิดทีวีนั่งจิบละเอียดไปกับน้ำมะนาวอุ่นๆ ส่วนเจ้าของห้องน่ะเหรอ? อยู่ในครัวครับกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ ใช่ว่าผมจะงอมืองอเท้าไม่ไปช่วยนะ แต่ผมถูกไล่ออกมาต่างหากล่ะ เชอะ บอกว่าผมอยู่ไปก็เกะกะไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น (มันก็ถูกของเขาละนะ) ทำให้ผมมานั่งสบายอุราอยู่หน้าทีวีนี่ไงล่ะครับ
จิบน้ำมะนาวหมดก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเดิมตั้งเยอะ ไม่มีอะไรทำผมจึงตัดสินใจอาบน้ำ ผมเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวค้นเสื้อผ้าและผ้าขนหนูมาใช้แบบเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด ไม่เกรงอกเกรงใจเจ้าของห้อง เขาอนุญาตแล้วนี่น่า ขนาดเสื้อที่ใส่อยู่นี่ก็ของเขาไม่ใช่ของผมสักชิ้น เดี๋ยวค่อยขอไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านหน่อยดีกว่า
ผมอาบน้ำเสร็จพร้อมกับที่พี่เฮดีสทำมื้อเช้าเรียบร้อย พวกเราจัดการอาหารบนโต๊ะอย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรเลยสักคำ ทำไมบรรยากาศมันชักจะอึดอัดชอบกล? ผมเงยหน้ามองอีกฝั่งที่ทำหน้านิ่งไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย ไม่นานเขาก็อิ่มแล้วลุกเดินออกไป ผมได้แต่มองตามอย่างแปลกใจ ตั้งแต่ตื่นมานี่พี่เฮดีสยังไม่พูดอะไรสักแอะ จะบอกว่าปกติมันก็ใช่ละนะแต่มันรู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล
ผมรีบจัดการอาหารเช้าอย่างรวดเร็วแล้วทำหน้าที่เป็นแผนกล้างจาน เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วเดินย่ำเท้าตามหาเจ้าของห้องที่หายตัวไป ไปไหนวะ? หาจนทั่วแล้วไม่เจอแม้แต่ห้องทำงานก็ยังไม่เห็น เหลือแต่ห้องน้ำสงสัยจะอาบน้ำอยู่ล่ะมั้ง ผมเดินเข้าในห้องแต่งตัวแล้วเงี่ยหูฟังเสียงน้ำ อืม แช่น้ำหรือเปล่านะ? ไม่ได้ยินเสียงน้ำเลย ผมถอยทัพมานั่งรอที่โซฟาเปิดทีวีดูการ์ตูนจบไปสองสามเรื่องก็แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววเจ้าของห้องจะโผล่ออกมาจากห้องน้ำสักที
อยู่ห้องน้ำจริงๆ หรือเปล่าวะ? นานขนาดนี้มันต้องอาบน้ำเสร็จแล้วนี่น่า ผมลุกขึ้นแล้วเดินมาเคาะประตูห้องน้ำ เงียบ ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับ ไม่ได้อยู่ห้องน้ำงั้นเหรอ? ผมผลักประตูเข้าไป โอ๊ะ มันไม่ได้ล็อกแฮะ พอผลักเข้าไปผมก็ชะโงกหน้าเข้าไปเอี่ยมๆ มองๆ ข้างในแล้วแทบผงะหงายหลัง
ขอโทษคร้าบบบ! ผมไม่ใช่โรคจิตแอบดูนะครับ! อย่าเข้าใจผิด!!
“มีอะไร?”
“เปล่าครับ นึกว่าไม่มีใครอยู่ ขอตัวนะครับ”
ผมพยายามทำตัวนิ่งสุดชีวิตโบกมือปฏิเสธแบบไม่มีพิรุธใดๆ แล้วรีบพาตัวเองออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วแทบจะทำลายสถิติโลก
..... อ๊ากกก!!! เต็มๆ ตาเลย!!!
ภาพติดตาติดคาอยู่ในสมองแบบที่สลัดยังไงก็สลัดไม่ออก ฮือออ! แทนที่คนถูกเห็นจะเป็นฝ่ายเขินอายแต่กลับกลายเป็นฝ่ายเห็นอย่างผมอายแทนซะนี่ ผู้ชายคนนี้อันตรายจริงๆ!!! จับอกซ้ายที่เต้นรัวตุ้บๆ จับหน้าที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่าปกติ อ๊ากกกกก! นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงล่ะก็คงกระโจนเข้าไปปล้ำซะให้มันรู้แล้วรู้รอด อ่า! สภาวะแบบนี้เสี่ยงมากๆ ผมต้องหาอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจ!
ผมพยายามใช้สปองบ๊อบปลอบใจ...
... แม่ม !
เคยได้ยินจากใครสักคน สปองบ๊อบแม่งเกย์
เกย์--? เกย์----?? เกย์-----??? เกย์----------!!!?
ปิ๊บ!
ปิดมันแล้วพยายามคิดหาเหตุผล ใจเต้นกับผู้ชายไม่ใช่จะเป็นเกย์สักหน่อย..... ผมทอดสายตามองไปไกลแล้วหัวเราะนิ่งๆ ก็แค่ตกใจก็เลยใจเต้นแรงไง! พอคิดได้ผมก็สงบขึ้นมาและใจเย็นมากขึ้น เห็นพี่เฮดีสเดินผ่านด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็ยิ้มรับอย่างเยือกเย็น เฮ้อ นั่นไง ไม่รู้สึกอะไรเลย สงสัยผมจะเพี้ยนไปชั่ววูบ ผมหัวเราะในลำคอแล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายไปอย่างอยู่เหนือกว่าเล็กน้อย
“อาบน้ำสนุกไหมครับ?”
“...เพี้ยนหรือไงวะ?”
พี่เฮดีสมองผมอย่างกับผมเป็นบ้าไปแล้ว ผมส่ายหน้าแล้วยิ้ม พี่ไม่เข้าใจหรอกครับ ตอนนี้น่ะผมปกติดีเมื่อกี้น่ะสิถึงจะเพี้ยน! พี่เฮดีสขมวดคิ้วหน่อยๆ แล้วเดินเข้าห้องครัวไป และเดินกลับมาพร้อมกับถือกระป๋องน้ำอัดลมซดโฮกด้วยมาดสุดเท่แบบที่พรีเซ็นเตอร์โฆษณามาเห็นยังต้องอาย พี่เฮดีสเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้ง ไม่นานนักก็เดินออกมาในสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์แบบ เสื้อเชิ้ตดำ กางเกงเดฟสีดำแบบเดียวกับเมื่อวานและวันที่ผ่านๆ มาเป๊ะ! ผมขมวดคิ้ว
“พี่ไม่มีเสื้อผ้าสีอื่นบ้างเหรอครับ?”
“ไม่มี”
ชอบขนาดนี้เลยเรอะ? ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ กลัวจะไปสะกิดต่อมโมโหของเขา ส่วนอีกฝ่ายก็ยืนมองผมนิ่งไม่ยอมเอ่ยอะไรสักแอะ เอาเถอะ คงต้องเป็นผมอีกนั่นแหละ
“แล้ววันนี้พี่จะทำอะไรบ้าง?”
“ไปเดตกัน”
หะ!!!?
ผมอ้าปากเหวอตกใจเสียจนลืมไปเลยว่าจะพูดอะไรต่อ และก็ถูกอีกฝ่ายลากถูไปอีกจนได้ ผมทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งมานั่งเงียบอยู่บนรถแล้วล่ะครับถึงได้สติกลับคืนมา
ไปเดต?
พูดซะให้เข้าใจผิดเลยนะครับ ไปเที่ยวเล่นก็บอกมาตรงๆ เถอะ ทำไมต้องไปดงไปเดตด้วย ผมนั่งเงียบไปตลอดทางใช้เวลานานพอสมควรรถก็มาจอดที่ลานจอดรถในชั้นใต้ดินห้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
“ทำไมมาไกลขนาดนี้ล่ะครับ ใกล้ๆ ก็มีห้างให้เที่ยว” ผมปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วถามขึ้นด้วยความแปลกใจ มาตั้งไกลแน่ะ อยู่ใกล้ๆ แถวนั้นก็มีห้างใหญ่เหมือนกันทำไมไม่ไปกันล่ะ ได้ข่าวว่ามันก็เหมือนๆ กัน
“ไกลจากมอ” พี่เฮดีสตอบสั้นๆ ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถไป
ผมหันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ไกลจากมองั้นเหรอ? ผมก้าวลงมาจากรถแล้วปิดประตูเดินตามหลังเขาไปติดๆ คราวนี้พี่เฮดีสไม่สวมหมวกเหมือนตอนไปตลาด มันเกี่ยวกับการที่เขาเลือกมาที่นี้หรือเปล่านะ? เอาล่ะ ผมจะพยายามทำความเข้าใจการกระทำของพี่เฮดีสเพื่อความสนิทสนม! (วิธีของพี่ยูผมขอผ่านครับ)
ผมกับพี่เฮดีสเดินตะลอนๆ ตั้งแต่ชั้นแรกขึ้นไปทีละชั้น ระหว่างทางแต่ละคนมองตามพี่เฮดีสกันใหญ่ผมเข้าใจครับ การที่จะได้เจอคนหน้าตาและหุ่นขนาดนี้นั้นมันยากจึงต้องเก็บเกี่ยวให้มันได้มากที่สุดในช่วงเวลาอันจำกัดแบบนี้ บางคนส่งยิ้มมาให้ผมก็ส่งยิ้มกลับไปอย่างปกติ แต่เวลาที่ทำแบบนี้ทีไรคนที่เดินอยู่ข้างหน้าก็มักจะหันมาจ้องผมเสียเขม็งทุกครั้งไป ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ผมทำแบบนี้มันไม่ดีตรงไหนกัน? คนเราต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะครับ!
พี่เฮดีสเดินเข้าไปดูของในร้านส่วนผมก็เดินเล่นใกล้ๆ รอ เดินไปเดินมาผมก็ถลาจับกบกลางห้าง
“เป็นอะไร?” พี่เฮดีสเดินมาถาม ผมที่พลาดจากการจับกบก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
อายโคตร!
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่นี้สบายมาก”
ผมโบกมือปฏิเสธ รีบดันอีกฝ่ายให้เดินเข้าร้านไปเหมือนเดิมส่วนตัวผมก็เดินเล่นรอ จากนั้นผมก็เริ่มพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ชนนั้นชนนี้ไปเรื่อย ตอนไปเข้าห้องน้ำเกือบถึงฆาตเพราะป้ายไฟตกเฉียดผมไปนิดเดียวเอง! ขนาดขึ้นบันไดเลื่อนผมยังก้าวพลาดหกล้มกลิ้ง ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก ผมหอบสังขารมาหาพี่เฮดีสที่มองผมด้วยสายตาต่างจากปกติเหมือนงงๆ ปนกังวลใจ ผมหัวเราะกลบเกลื่อนสถานการณ์ไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไร! สบายดี! ว่าแต่พี่มาซื้ออะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“เปล่า”
ผมขมวดคิ้วทำหน้าบึ้ง อะไรของเขาวะ ให้เดินไปเรื่อยเปื่อยในห้างใหญ่ขนาดนี้น่ะเหรอ!? ด้วยสภาพที่ซวยเกือบหาชีวิตไม่มาแล้วผมก็เลยระวังทุกฝีก้าวแต่น่าแปลกที่ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย เดินตามจนขาลากในที่สุดพี่เฮดีสก็แวะเข้าร้านตุ๊กตา
หา ตุ๊กตา!!?
ผมมองไปรอบๆ ร้าน นี่มันมีแต่ของน่ารักๆ ทั้งนั้นเลยนี่หว่า! พี่เฮดีสเข้ามายืนอยู่กลางร้านโดดเด่นไม่เข้ากันเลยสักนิด
“ขอบคุณที่อุดหนุนค่ะ”
อะไร? ผมเดินเข้ามาดูอย่างสนองสนใจ พี่เฮดีสซื้ออะไรมาวะ? ผมมองกล่องนั้นแล้วอ้าปากเหวอ ถ้าจำไม่ผิดนี่มันตุ๊กตา danbo นี่หว่า! คนอย่างพี่เฮดีสซื้ออะไรที่น่ารักแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ!? ผมขมวดคิ้วเจอเรื่องประหลาดใจเข้าอีกแล้ว พี่เฮดีสหิ้วของออกมาจากร้านเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยกับร้าน ผมเดินตามและมองเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากจะถามสุดๆ พี่เฮดีสเดินแวบไปร้านนั้นแวบไปร้านนี้ จนกระทั่งพาผมเข้าร้านไอศกรีมเพื่อพักชั่วคราว
พอมานั่งในร้านพี่เฮดีสก็ทำสเต๊ปเดิมสั่งไอศกรีมผ่านทางผม พนักงานผู้หญิงมองผมกับพี่เฮดีสด้วยสายตาแปลกๆ แล้วยิ้มๆ ให้ ทำไมผมรู้สึกขนลุกลุกพองกับรอยยิ้มของเธอกันนะ? พี่เฮดีสไม่พูดไม่จาเริ่มแกะกล่อง danbo ผมได้แต่นั่งมองไม่สามารถเอ่ยใดๆ แทรกบรรยากาศนี้ได้เลย พอแกะออกมาก็เจอกับเจ้า danbo น้อย ระหว่างนั้นพนักงานสาวคนเดิมก็ยกไอศกรีมมาเสิร์ฟ
ผมยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณ เธอคนนั้นก็ยิ้มรับแล้วเดินกลับไป แต่ไม่วายจะหันกลับมามองผมด้วยสายตาแปลกๆ ที่ระยิบระยับของเธอ อะไรวะ? รู้สึกแปลกๆ หนาวๆ ร้อนๆ ยังไงไม่รู้ รีบกินรีบไปดีกว่า ผมที่กำลังสนใจพนักงานประหลาดคนนั้นเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ จากสายตาลูกค้าในร้านซึ่งมองมาที่โต๊ะของผมแล้วแอบยิ้มกันถ้วนหน้า(โดยเฉพาะสาวๆ) ผมหันกลับมาที่โต๊ะของตัวเองแล้วถลนตาตาเป็นไข่ห่าน
พี่เฮดีสสส!?
สมองของผมเกือบจะถูกทำลายเพราะความตกใจสุดขีด พี่เฮดีสจัดแจงน้อง danbo ทำท่ากินไอติมแล้วควักมือถือมาถ่ายแชะๆ ถ้าไม่บอกว่าเป็นพี่เฮดีสผมจะคิดว่าไอ้คนๆ นี้มันกำลังบ้าเห่อ! บ้าเห่อของเล่นใหม่แน่ๆ!! แต่นี่มันคือพี่เฮดีสน่ะสิ ใบหน้านิ่งเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งถือสมาร์ทโฟนถ่ายรูป danbo กินไอศกรีม ดูยังไงมันก็ขัดแย้งกันเป็นบ้า! ผมตักไอศกรีมขึ้นมากินพยายามมองข้ามภาพตรงหน้าให้มากที่สุด
“พี่ชอบ danbo เหรอครับ?”
แต่สุดท้ายผมก็ยอมแพ้ต่อแรงขับภายใน ผมตักไอศกรีมไปได้สักพักก็รวบรวมความกล้าถามขึ้นด้วยความสงสัยที่ตกตะกอนมาตั้งแต่แรกเห็น พี่เฮดีสตักไอศกรีมกินแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
“อืม ชอบสิ ตัวเล็กๆ หน้าเอ๋อๆ ดี”
“ระ เหรอครับ?” ผมพยักหน้ารับเสียไม่ได้จากนั้นก็ก้มหน้ากินไอศกรีมตรงหน้า
เวรเอ๊ย! พูดตะกุกตะกักเกือบไปไม่ถูกเลย ไอ้คำพูดมันก็กวนตามปกติของเขาล่ะนะแต่ทำไมผมถึงต้องหน้าร้อนวูบด้วย!? หรือว่าวันนี้ผมจะไม่สบายวะ? ผมลูบหน้าตัวเองแล้วเงยหน้าตักไอศกรีมกินต่อ มองพี่เฮดีสแล้วมองน้อง danbo อดคิดถึงไอ้ตุ๊กตาอีกตัวไม่ได้ เจ้า domo น่ะครับ แหม มันช่างเหมือนกับพี่เฮดีสจริงๆ
“เนเน่ชอบกินช็อกโกแลตเหรอ?”
หา? ผมเลิกคิ้วขึ้น ถามผมหรือเปล่าวะ? แต่ทำไมก้มหน้าก้มตามองน้อง danbo ไม่ได้มองหน้าผมสักนิด เอาเถอะ ตอบๆ ไปล่ะกัน อีกอย่างไอศกรีมที่ผมกินอยู่ก็เป็นช็อกโกแลตพาเฟ่ต์ด้วย คงจะถามผมนั่นแหละ
“ก็ชอบนะครับ แต่ชอบเรนโบว์มากกว่า”
พี่เฮดีสเงยหน้าขึ้นมามองผมเล็กน้อยแล้วชี้ไปที่ตุ๊กตา danbo ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถ้วยไอศกรีมของตัวเอง
“กูไม่ได้ถามมึง กูถามเนเน่”
ผมคิ้วกระตุกกับไอ้หน้านิ่งน้ำเสียงกวนทีน
ไอ้พ่อ domo เอ๊ย!!!
“รีบกินเถอะ จะแวะไปดูไอ้ยูสักหน่อย”
ผมพยักหน้าแล้วตั้งใจจ้วงต่อทันที 

น้องเนเน่ 555

น้อง danbo กับ domo