♕♕♕ ดีสุดขั้ว & ชั่วสุดขีด ♛♛♛ [Up. Special 1 P.102 13/5/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♕♕♕ ดีสุดขั้ว & ชั่วสุดขีด ♛♛♛ [Up. Special 1 P.102 13/5/58]  (อ่าน 1088858 ครั้ง)

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
หวาาา มาไงเนี่ย

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ทำไมพี่เฮดีสไม่ยอมรับว่าเคยรู้จักรัญมาก่อนนะ หรือเพราะว่ากำลังกลัว?

พี่ไนซ์ผ่าตัดสำเร็จดีใจด้วย แต่ก็พ่วงมาด้วยปัญหาอย่างย่าของเด็กแฝด

ถ้าพี่ไม่คิดลึกจนเกินไปนะน้องปอย พี่คิดว่าแม่ของไนซ์คงรักลูกชายเกินไป

จนทำให้เกิดความรู้สึกที่ผิดๆแบบอยากได้มาเป็นของตัวเอง อาการประมาณว่าหลงรักลูกตัวเองอะไรงี้อ่ะ

 ไม่อยากให้มีคนอื่น  เพราะกลัวจะไม่รักตัวเอง แล้วยิ่งไนซ์ไปมีภรรยาแถมมีลูกด้วยก็คงยิ่งเกลียดคนที่มา

แย่งความรักของไนซ์ไปจากตัวเอง ซึ่งนั่นก็คือเด็กแฝดและแม่ แต่ตอนนี้แม่ของเด็กไม่อยู่แล้วใช่ไหม

ก็เลยเหลือแค่แฝดเป็นเป้าแทน

ไม่รู้ว่าน้องรัญเจอแบบนี้เข้าจะทำไงนะ แต่ยังไงก็อย่ายอมให้เขาเอาเด็กไปได้นะ สู้ๆ บอกไนซ์เลยก็ดีเรื่องเด็กๆ


ปล.เฮดีสมานิดเดียวเองอ่ะ คิดถึงงงงงงงงง รวมน้องปอยด้วยนะ   :mew1: :กอด1:

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อย่าขยับ  นี่คือการจี้ให้มาต่อตอนต่อไป  ฮือ... มาต่อไวๆน้าาา  อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะ

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พึ่งมาอ่านจ้า สนุกมากๆเลย :katai2-1:
ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้ความลับของเฮดีส
ทำไมเป็นคนดูลึกลับขนาดนี้นะ 5555
จะติดตามนะจ๊ะ :กอด1:

ออฟไลน์ zoe131313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งิ ค้างอ่ะ มาต่อไวนะ

ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ชอบเฮดีสจริงๆ

ออฟไลน์ fulres

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โว่ว ไม่ได้มาอ่าน เดือนนึง ขยับไปไกลเรย  อิอิ   

ออฟไลน์ minminmin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แสดงว่าเฮียเฮดีสต้องรู้จักรัญมาก่อนแน่ๆเลย แต่มันต้องมีเรื่องอะไรซักอย่างที่ทำให้เฮียแกบอกไม่ได้ ชัวร์!!!!

รู้สึกเกลียดแม่พี่ไนซ์ขึ้นมานิ๊ดนึง 555+

แต่ฝาแฝดยังคงความน่ารักได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย  :-[

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
เอ...มันน่าสงสัยมากกก เป็นย่าน่าจะรักหลานนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
สาวๆในเทพนิยายกรีก มักจะเป็นแนวตัวร้ายซะส่วนใหญ่ซะด้วย

ออฟไลน์ vassalord4822

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ lie-boy

  • การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ การประสบความสำเร็จให้มากกว่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
    • poypoy & lieboy
สุดขีด 16

แม่ของพี่ไนซ์มองผมไล่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สแกนอย่างละเอียดยิบ ผมรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับตาที่กรีดอายไลเนอร์ซะเฉียว เธอค่อยๆ เงยมาจ้องหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มพิมพ์นิยมออกมา

“อุ้ยตาย หนูเป็นใครกันจ๊ะ?”

“เอ่อ...ผมเป็นเพื่อนของพี่ไนซ์น่ะครับ”

“อ้อ” เธอเหลือบมองเด็กๆ ที่อยู่ขนาบทั้งสองข้างของผมส่งเสียงสูงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเม้มริมฝีปากปั้นยิ้ม “จ้ะ คนที่ไนซ์ฝากเด็กๆ ไว้น่ะเอง บังเอิญจังเลยนะจ้ะ ฉันเป็นแม่ของไนซ์เองจ้ะ ชื่อแก้วตา ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เธอแนะนำตัวแล้วยื่นมือออกมาหาผม มือเรียวขาวทาเล็บสีแดงแปล๊ดทำให้ผมลังเลที่จะยื่นมือไปจับ กลั้นใจยื่นมือออกแต่ไม่ทันใจคุณแม่แก้วตายขยับตัวเข้ามาจับมือผมเอาไว้แน่น ผมสะดุ้งตัวโหยง หน้ายิ้มแต่มือดันบีบซะแรง!

“คุณน้ามาเยี่ยมพี่ไนซ์เหรอครับ?”

“อ๊ะ ฉันเข้าไปเยี่ยมมาแล้วจ้ะ แต่รู้สึกสังหรณ์ใจนิดหน่อยก็เลยย้อนกลับมาที่นี้ แหม ไม่เห็นพวกเธอเดินสวนทางกับฉันเลยนะ หึๆ” คุณแม่ของพี่ไนซ์พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นกันเอง ใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรแต่คำพูดที่ออกมากลับสวนทางกับสิ่งที่แสดง ผมดึงมือของตัวเองกลับแล้วยิ้มไม่เอ่ยตอบอะไรใดๆ สังหรณ์ใจงั้นเหรอ? คนๆ นี้มีเซ้นต์ดีเป็นบ้าเลยแถมฉลาดมากจับข้อสงสัยได้เร็วสุดๆ

“ผมมาเยี่ยมนานแล้วล่ะครับ ต้องขอตัวกลับก่อน โชคดีครับ” ผมที่ไม่เคยจะเสียมารยาทเอ่ยตัดบทสนทนาอย่างรวบรัดแล้วจูงมือเด็กๆ รีบจ้ำอ้าวหนีผู้หญิงคนนี้ อะไรกันเนี่ย!? ความรู้สึกของผมมันรุนแรงมาก ผู้หญิงคนนี้อันตรายสุดๆ ไปเลย! ท่าทางผิดกับตอนที่อยู่กับพี่ไนซ์ลิบลับ หรือว่าสิ่งที่เด็กๆ พูดมันจะเป็นความจริง!?

ผมเดินมาหยุดกดเรียกลิฟต์ มองกลับไปหาแม่ของพี่ไนซ์อย่างหวั่นใจ เธอมองตามพวกเรามาแต่ไม่ได้เดินตามมาทำเพียงยืนส่งยิ้มอยู่ที่เดิม ทำไมรอยยิ้มนั้นถึงทำให้ผมกังวลขนาดนี้กัน! ผมมองลิฟต์อย่างกระวนกระวาย เมื่อไรจะมาสักที! เสียงรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดดังกึกๆ เข้ามาใกล้ ผมใจหายแวบ

เธอกำลังเดินมาทางนี้!

ผมจับมือของเด็กๆ ไว้แน่น พวกเด็กๆ ก็เบียดผมแทบจะไม่มีที่ว่างให้เล็ดลอดผ่าน เหงื่อของผมหลั่งไหลพราก ยอมรับเลยว่าผมกลัวสุดๆ ไม่ได้กลัวเกี่ยวกับตัวผมหรอกนะแต่ผมกลัวเด็กๆ จะเป็นอะไรไปต่างหากล่ะ เสียงรองเท้าดังเข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้หัวใจของผมเต้นรัวเร็ว ภาวนาให้ลิฟต์มาทันเวลาที!

กึก!

“เดี๋ยวสิจ้ะหนู น้ายังไม่รู้จักชื่อของหนูเลย ชื่ออะไรงั้นเหรอจ๊ะ?” คุณแม่ของพี่ไนซ์หยุดยืนไม่ไกลจากพวกผมนัก เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าอ่อนโยนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทำไมภายในใจของผมถึงได้ต่อต้าน ความรู้สึกระวังภัยพรั่งพรูแตกพลั่กไปอาบทั้งร่างของผมไว้ คำถามธรรมดาๆ ไม่มีอะไรแปลกแต่บางอย่างห้ามผมไม่ให้ตอบ ห้ามตอบเด็ดขาด!

“ต้าย ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอกจ้ะ สบายๆ เป็นกันเองได้ เพื่อนของไนซ์ก็เหมือนเพื่อนของฉันนั้นแหละ” เธอหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี มองตรงมาที่ผมแสดงความเป็นกันเองอย่างที่พูด แต่ผมกลับรู้สึกว่าเธอกำลังคาดคั้นเอาคำตอบ

“อ้อ ครับ เอ่อ...ผม...ชื่อ...เนเน่ครับ”

“ชื่อน่ารักจังเลยนะจ้ะ”

“ขะ...ขอบคุณครับ” ผมยิ้มรับพร้อมกับกลืนน้ำลาย โอเค รอดไปที ไม่รู้ทำไมชื่อนี้ถึงได้ผุดขึ้นมาในหัวของผมในเวลาแบบนี้ ผมก็ไม่ได้โกหกแหละ ผมชื่อ ‘เน’ ถึงจะเติม ‘เน่’ ต่อท้ายแทน ‘รัญ’ ก็เถอะ พระพุทธเจ้า เหงื่อของผมไหลอย่างกับเขื่อนแตกแน่ะ ลิฟต์ปิ๊งดีดตัวเปิดประตูแยกออกห่างจากกัน ผมรีบเดินเข้าไปและแน่นอนว่าเธอก็เข้ามาด้วย!

“แหม อยู่คุยเล่นกับฉันก่อนสิจ้ะ ฉันเองก็ไม่มีโอกาสเจอกับเพื่อนของไนซ์บ่อยนัก”

“เอ่อ...”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ ฉันก็ไม่ค่อยได้ดูแลไนซ์เท่าไร ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยก็เอาแต่ยุ่งกับธุรกิจส่วนตัว ฉันอยากจะรู้ว่าหนูไปมารู้จักสนิทกับไนซ์เขาตอนไหนน่ะ?”

ไม่ได้เกรงใจแต่ผมไม่อยากคุยด้วยต่างหาก! ทำไมลิฟต์ถึงได้เคลื่อนตัวช้าขนาดนี้กันนะ ผมอยากจะออกจากที่แคบๆ น่าอึดอัดตรงนี้เร็วๆ ผมยิ้มแบบไม่เต็มใจนัก มองคนที่ปั้นหน้าส่งยิ้มเต็มที่มาให้แล้วหนาวจับใจ ทำไมจู่ๆ ผมถึงรู้สึกเย็นวูบแบบนี้กันนะ!?

เมื่อลงมาข้างล่างคุณน้าแก้วตาคว้าข้อมือของผมไว้แน่น ไม่อยากปล่อย จากนั้นก็ลากมานั่งคุยด้วย พวกเด็กๆ นั่งหน้าบูดอยู่ข้างๆ ผม ตั้งแต่เห็นคนๆ นี้ไม่ส่งเสียงส่งแอะ หลานกับย่าคู่นี้แปลกดีแท้ต่างฝ่ายต่างทำเหมือนไม่เห็นกันซะงั้น

พอมาถึงเธอก็เปิดประเด็นตรงเป้าทันที

“รู้จักกับไนซ์ตั้งแต่เมื่อไร?”

“เอ่อ...ผมมาเยี่ยมพี่ที่โรงพยาบาลนี้แล้วเจอกับพี่ไนซ์ เราคุยกันถูกคอจากนั้นก็เริ่มสนิทกันครับ”

“หือ? เธอเข้าไปคุยกับไนซ์เขาก่อนเหรอ?”

“เปล่าครับ พี่ไนซ์เข้ามาคุยกับผมก่อน”

“แล้วเธอก็มาหาไนซ์เขาบ่อยๆ เหรอ?”

“ไม่บ่อยครับ”

“แล้วจะเรียกว่าสนิทกันได้ยังไงล่ะ?”

ท่าทางและการกระทำของคนๆ นี้ชักจะเริ่มห่างไกลจากคำว่า ‘แม่’ เข้าไปทุกทีจนผมรู้สึกติดใจสงสัย หรี่ตาจับผิดผมแถมยังทำเสียงเหมือนเหยียดหยามกันแบบนี้มันเหมือน... เหมือนกับเจ๊คนนี้แกหึงผมที่เข้ามาสนิทกับพี่ไนซ์อย่างนั้นแหละ

ผมถอนหายใจไม่ตอบแล้วทำท่าจะลุกขึ้น แต่เท่านั้นแหละเหมือนมีใครบางคนกดตัวผมให้นั่งลงที่เดิมด้วยพละกำลังมหาศาล ผมมองซ้ายขวาอย่างตื่นตระหนก ไม่มีใครอยู่ด้านหลังของผมแล้วอะไรที่กำลังบีบไหล่บังคับให้ผมนั่งอยู่นี่ล่ะ? ผมพยายามขัดขืนแต่แรงบีบบังคับนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปวดเหมือนกระดูกจะร้าว ผมพยายามจะเปล่งเสียงออกมาก็ติดอยู่ที่ลำคอ ร่างกายของผมสั่นสะท้านเย็นวูบไปด้วยความหวาดกลัว นี่มันอะไรกันนะ เกิดอะไรขึ้นกับผม!?

“ถ้าฉันยังไม่ได้คำตอบที่พอใจอย่าหวังจะได้ลุกไปจากตรงนี้” แก้วตาพูดด้วยน้ำเสียงต่ำแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด ผมมองไปรอบๆ ไม่มีใครสนใจมองมาเลย แม้แต่สองฝาแฝดที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ปกติเหมือนไม่เห็นผมดิ้นทุนรนทุราย คนพวกนี้ไม่เห็นผมขัดขืนหรือพยายามต่อสู้กับคนพวกนี้อยู่หรือไง? ผมหน้าซีดเผือก กลัวสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนี้ และเหนือสิ่งอื่นใดกลัวผู้หญิงตรงหน้าคนนี้!

ใครก็ได้มาช่วยผมไปจากที่นี้ที!

พี่...พี่เฮดีส!


ผมกำลังแตกตื่นกับสิ่งที่กำลังเผชิญหน้า ชื่อที่ผุดขึ้นมากลับเป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะนึกถึงเป็นคนแรก ผมคิดถึงเขาเอามากๆ คิดถึงความนิ่งสงบราวกับไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดๆ บนโลกใบนี้ ถ้าเป็นเขาล่ะก็... ผมรู้ว่าพี่เฮดีสต้องช่วยผมได้อย่างแน่นอน! ผมเริ่มหายใจติดขัด ร่างกายเริ่มปั่นป่วน ท้องไส้หมุนบิดเป็นเกลียวด้วยความกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้ ผู้หญิงตรงหน้ามองหน้าผมแสยะยิ้มสะใจประดับใบหน้าสวยๆ นั้น มันช่างเหมือนนางแม่มดร้ายในนิทาน!

“โอ้ ตายล่ะ เป็นลมตอนนี้ไม่ได้นะฉันยังถามไม่จบเลย”

“ฮึ!” ผมทำเสียงในลำคอแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ คนๆ นี้ไม่ควรเป็นแม่ของพี่ไนซ์เลย ไม่เหมาะกับย่าของฝาแฝดที่น่ารักขนาดนี้เลย! ยัยแม่มดเอ๊ย!! ผมเบิกตากว้างนิ่วหน้า สำลักไอแค่กๆ เมื่อมีมือที่มองไม่เห็นบีบคอผมอย่างแรง สีหน้าของค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเขียวเกือบม่วง คอแสบร้อนเหมือนกำลังไหม้ ตัวชักกระตุก อากาศหายใจเริ่มขาดช่วง   

“ทุกสิ่งจงหยุด!”

เสียงตะโกนดังก้องที่แทรกเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดของสติที่กำลังดับวูบของผม แรงบีบหยุดชะงักลง

“ไปให้พ้นไอ้ผีโสโครก!”


จากนั้นไม่กี่วินาทีแรงกดหนักบนร่างของผมก็อันธพาลหายไป ทุกอย่างพร่ามัว ร่างอ่อนปวกเปียกของผมทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง ผมไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะพยุงตัว ผมหลับตาปล่อยให้ร่างค่อยๆ ร่วงลงไปกับพื้น ยอมรับชะตากรรม ผมชนเข้ากับวัตถุแข็งโป๊กที่เกือบทำให้หัวของผมปูดโน แต่ไม่ยักกะเจ็บเท่าไร

ผมหายใจเข้าอย่างช้าๆ เอาออกซิเจนเข้าปอดทดแทนเมื่อครู่ที่เกือบจะขาดใจตาย ในหัวของผมยังมึนงงไม่หาย ประสบการณ์เฉียดตายเมื่อกี้ไม่น่าพิสมัยเท่าไรนัก ระหว่างที่ผมยังไม่ได้สติมีใครบางคนโอบร่างของผมไว้อย่างอบอุ่น เจ้าสิ่งที่ผมชนเข้ามีจังหวะเต้นดังตุบๆ ฟังแล้วชวนใจสงบนิ่ง ผมเอนตัวซบสิ่งนั้นอย่างผ่อนคลาย

“เฮดีส! โอ๊ย! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในที่สุดฉันก็ได้เจอกับเธอ! พระเจ้า โชคดีจริงๆ ฉันอยากจะเจอเธอมานานแล้ว แหม ดูสิ เธอเหมือนไนซ์มากจริงๆ โอ๊ะ ไม่สิ ฉันควรจะพูดว่าเธอเหมือนพ่ออย่างกับเป็นคนๆ เดียวกันแน่ะ อ่า! เฮดีส ยอดเยี่ยมเลย”

เสียงของแก้วตาอะไรนั้นกรีดร้องเสียงแหลม ตื่นเต้นตกใจและยินดีปรีดาสุดชีวิต เธอพูดพร่ำอย่างน้ำไหลไฟดับอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ เริ่มขยับตัวเมื่อได้ยินชื่อของใครบางคนที่ผมกำลังคิดถึง

เขามาจริงๆ น่ะเหรอ?

พี่เฮดีส...


ผมลืมตาขึ้น กะพริบปรับแสงที่จ้าเกินไป ผมกำมือแน่นมองสิ่งที่ผมเกาะไว้ สิ่งที่ผมเห็นเป็นอย่างแรกคือสีดำ อ่า ชุดสีดำ ผมหัวใจเต้นรัว ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นความยินดีและเบื่อหน่ายสุดๆ กับแฟชั่นสีดำทั้งตัวของเขา เฮ้อ วันหน้าผมจะพาเขาไปซื้อชุดสีอื่นมาใส่บ้างแล้ว เล่นใส่แต่สีดำไว้อาลัยให้ใครทุกวันแบบนี้กัน ผมยิ้มนิดๆ ซุกตัวกอดรัดรอบลำตัวแข็งแกร่งของเขาอย่างอุ่นใจ ผมรู้ว่าถ้ามีเขาอยู่ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

พี่เฮดีสขยับตัวก้มลงมามองผมเล็กน้อย ดวงตาของเขาประกายวูบ ก่อนจะเงยหน้าไปมองผู้หญิงที่จ้องเขม็งมาด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังจะบ้า

“ฉันไม่ได้เจอเธอมากี่ปีแล้วนะเด็กน้อยของฉัน”

“ผมไม่เคยเป็นของคุณ”

“ฉันเป็นแม่ของเธอนะ!”

“ฝันอยู่เรอะ?” พี่เฮดีสย้อนกลับด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ท่าทางไม่ยอมรับแถมยังมองด้วยสายตารังเกียจเหมือนเธอคนนั้นเป็นสิ่งไม่ควรค่าแก่การมอง ทำเอาเจ๊แม่มดกรี๊ดดังลั่นอย่างขัดใจ หน้าตาที่ดูสวยงามบิดเบี้ยว พี่เฮดีสไม่สนใจเขาเอ่ยไล่อีกฝ่ายด้วยใบหน้านิ่งสนิท ไม่สะดุ้งสะเทือนกับเสียงที่บาดแก้วหูนั้นเลย

“ผมว่าคุณน่าจะรีบไปจากที่นี้ก่อนที่ผมจะเอาจริง”

“เอาซี! ที่นี้คือโรงพยาบาลที่มีคนป่วยอยู่มากมาย กว่าเธอจะจัดการฉันได้อยากรู้นักว่าจะมีคนตายสักกี่ราย” ยัยแม่มดแก้วตาอะไรนั้นสงบสติอารมณ์เป็นปกติมองพี่เฮดีสแล้วทำเสียงขึ้นจมูก ยักไหล่ไม่แคร์สิ่งที่พี่เฮดีสพูด เธอเชิดหน้าหยิ่งยโสแล้วเอ่ยท้าทายกลับมา

“คิดว่าผมสนแรอะว่าใครจะตายบ้าง?” พี่เฮดีสสวนกลับอย่างรวดเร็ว คำพูดที่เหมือนเยาะเย้ยแสนจะเย็นชาไร้เห็นใจใดๆ นั้นทำให้ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว คนๆ นี้รู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ ไม่ใช่แค่คำขู่เล่นๆ!

และเหมือนคนที่ท้าทายไว้ในตอนแรกจะรับรู้เช่นเดียวกับผม ยัยแม่มดเล็บแดงนิ่วหน้าพูดอะไรไม่ออก ทำได้แต่กระแทกส้นเท้าเดินออกไปอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะเดินออกไปไกล เธอหันกลับมาทิ้งท้ายไว้ด้วยสายตาอาฆาตแค้นรุนแรง แม้แต่ผมยังหวาดกลัวต่อสายตานั้น

“แกมันก็ไร้หัวใจเหมือนกับพ่อของแก!"

"ฉันจะทวงของทุกๆ อย่างที่สมควรเป็นของฉันคืนมาให้ได้!”

ผมมองคนๆ นั้นที่เดินหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับหายตัวได้ ผมกะพริบตาปริบๆ กุมมือที่ลำคอมันปวดแสบปวดร้อน ในสมองกำลังตีกันวุ่นว่าย นี่มันเรื่องอะไรฟะ!? หนังแฟนตาซีเรื่องใหม่เหรอ!? ทั้งสิ่งที่ทำให้ผมขยับตัวไม่ได้ ร้องก็ไม่ออก ไอ้สิ่งลึกลับที่บีบคอผมจนเกือบจะตายตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น มันคืออะไรกัน!? ครอบครัวนี้มันตัวอะไรกันเนี่ย!!?


:L2:อ๊ะๆ ยังไม่หมด ต่อรีล่างจ้า :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-10-2013 22:05:58 โดย lie-boy »

ออฟไลน์ lie-boy

  • การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ การประสบความสำเร็จให้มากกว่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
    • poypoy & lieboy
ยิ่งคิดสมองยิ่งอ่อนล้าหมดแรง เงยหน้ามองอีกคนที่ยืนนิ่งกลายเป็นตอไม้ ผมตัวแข็งทื่อตาเบิกโพล่งจ้องร่างหญิงสาวผมสีขาวในชุดสีขาว ทะ...ทำไมกัน! กลางวันแสกๆ แบบนี้ผมกลับเห็นผีตัวเป็นๆ ลอยอยู่ตรงหน้า สวดแผ่บทเมตตาตอนนี้ยังทันอยู่ไหม!? สมองน้อยๆ หยุดชะงักไปชั่วคราว ผมกลืนๆ น้ำลายแล้วทำเหมือนมองไม่เห็นสิ่งนั้น ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองดูคนรอบข้าง ทะเลาะกันขนาดนี้น่าจะกลายเป็นแหล่งไทมุงชั้นดีแน่ๆ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้ผมอยากเช็กสายตาหรือไม่ก็สมองมันซะตอนนี้เลย!

ผมสายตาไม่ดีหรือเพี้ยนไปแล้ววะ!?

ปากของผมค่อยๆ อ้าจนเหวอค้างไปหลายวินาที รอบข้างตัวของผมนอกจากพี่เฮดีสแล้วทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งเหมือนถูกกดปุ่มสต็อปค้างไว้ สรรพเสียงเงียบงันเหมือนเมืองร้างทั้งๆ ที่มีคนอยู่เต็มโรงพยาบาล เจ้าฝาแฝดสองตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ ของผมก็นั่งหน้าบึ้งไม่ขยับไหวติ่ง กระทั่งตาก็ยังไม่กะพริบเลย สังเกตดีๆ เข็มของนาฬิกาเรือนยักษ์นั้นก็ไม่กระติกสักนิด! ผมกวาดสายตามองไปทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง หรือว่า...ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่เฮดีส? คำถามที่เคลือบแคลงผุดขึ้นมามากมาย ผมคิดอะไรไม่ออกสมองมันตันไปหมด

นี่มันอะไรกันเนี่ยยยย!?

“กลับ!” พี่เฮดีสผลักตัวผมเกือบจะหงายหลังล้มไปกับโต๊ะ เขาหมุนตัวหันกลับหลังตวาดเสียงดังสะบัดแขนพรึบ! อย่างกับจอมยุทธ์ของหนังจีนแน่ะ ผมสะดุ้งตกใจ เหมือนมีใครบางคนกดปุ่มเพลย์อีกครั้ง ทุกสิ่งทุกเสียงระเบิดตูมในครั้งเดียว ผมยกมือปิดหูหลับตาปี๊ด

“มัมเป็นอะไรน่ะ?”

“เอ๋?” ผมค่อยๆ ลืมตา เห็นสองฝาแฝดนั่งมองผมด้วยสายตาแปลกๆ

ผมยิ้มเก้อๆ รู้สึกอายยังไงไม่รู้ ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงมาจากโต๊ะอย่างช้าๆ มองไปรอบๆ มีคนมองมาที่ผมอย่างสงสัย สายตาของพวกเขาที่มองมาเหมือนกับคู่แฝดนี่เปี๊ยบ ผมก้มหน้ากุด อับอายขายขี้หน้าเพิ่มเป็นสองเท่า ให้ตายเถอะ ไปนอนแผ่หลาบนโต๊ะแบบนั้นคนเขาจะมองผมว่าไม่บ้าก็ไม่เต็มนั้นแหละ!

“เฮ้ย!”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมาพี่เฮดีสกระดิกนิ้วเรียก เสียงที่ใช้ฟังเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไร ผมถอนหายใจ สงสัยเขาจะเคืองยัยแม่มดนั้น เอ๊ย แม่ของตัวเองอยู่ล่ะมั้ง ว่าแต่เมื่อกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้น?

ผมรู้สึกงุนงงสับสนเมื่อกี้นี้มันความจริงหรือจินตนาการเพ้อเจ้อของผมกันนะ? ผมมองพี่เฮดีสอยากจะถามเหลือใจแต่สภาพอากาศมันไม่เป็นใจเอาซะเลย ดูสิครับ หน้านิ่งก็จริงแต่อารมณ์ยังคุกรุ่นเป็นภูเขาไฟรอเวลาระเบิดตัว ผมสัมผัสถึงรังสีการทำลายล้างรอบๆ ตัวของเขาได้เลย!

สองฝาแฝดพอเห็นพี่เฮดีสก็เฮโลเข้ามามะรุมมะตุม ส่งเสียงร้องแย่งชิงความสนใจของคนที่จ้องเขม็งมาที่ผม

“ป่อ!”

“แด๊ด!”

ไอ้สองตัวนี้มันยังแยกพ่อกับอาของตัวเองไม่ออกอีกเหรอ!? ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็เพิ่งเข้าไปเยี่ยมพ่อที่นอนหน้าซีดบนเตียงอยู่เลย ไหงคราวนี้ยังเรียกพี่เฮดีสว่าพ่ออยู่อีก ไม่เอะใจบ้างหรือไงว่าทำไมเดี๋ยวพ่อก็ยิ้มทำตัวบ้าบอเดี๋ยวก็เงียบกริบอย่างกับป่าช้า! ผมถอนหายใจกับความซื่อบื้ออย่างไม่น่าเชื่อของไมนอสกับแมนทีส ทีเรื่องอื่นฉลาดรู้เยอะกันจัง!

ผมรีบก้าวเท้าเดินไปหาพี่เฮดีสแต่ไม่กล้าเข้าใกล้มาก เกรงใจลินเช่ย์ที่ล่องลอยหมุนเวียนรอบๆ ตัวพี่เฮดีส!

“ว่าแต่คนๆ นั้นหายไปไหนแล้ว?” ไมนอสมองหาใครบางคนด้วยสีหน้าระแวงนิดๆ ผมคิดว่าเขาต้องมองหาคุณย่าของตัวเองอยู่แน่ๆ ผมเหลือบมองพี่เฮดีส เขาไม่พูดอะไรสักคำเดินนำหน้าไปเหมือนอย่างเคย ผมเองก็คิดว่าไม่พูดจะดีกว่า ไอ้ประสบการณ์เสี่ยงตายสุดพิลึกพิลั่นแบบนั้นพูดไปใครมันจะมาเชื่อผมกัน! โชคดีที่ไมนอสยังเด็กนัก พอไม่เห็นคุณย่าใจร้ายคนนั้นก็สบายใจหันมายิ้มและจับมือผมดึงให้ออกเดิน

“รีบๆ เดินเถอะฮะมัม ป่อไปไกลแย้วนะ!”

“เร็วๆ สิฮะ!” แมนทีสก็ช่วยพี่ชายดึงมืออีกข้างของผมให้ออกเดินเร็วๆ เพื่อจะให้ทันคนที่เดินนำลิ่วไปไกลนู้น! ผมยิ้มนิดๆ ดึงเด็กน้อยเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงใจเย็น

“รีบๆ มากเดี๋ยวหกล้มนะครับ ค่อยๆ เดินไปนี่แหละ”

อันที่จริงผมไม่อยากบอกเลยว่า...เดินอยู่ไกลๆ แบบนี้น่ะดีแล้ว! ขืนไปเดินอยู่ใกล้ๆ สาวซีดจางบอบบางจนแทบมองทะลุตนนั้นมีหวังผมต้องกลัวจนหัวโกร๋นจับไข้น่ะสิ! แค่พูดถึงก็พาลทำให้ขนลุกแล้ว บรื๋อ! ผมพยายามยิ้มให้เด็กๆ คล้อยตาม ไมนอสเบ้ปากอย่างไม่ยินดีแต่เลิกดึงแขนของผมแล้ว ส่วนแมนทีสจ้องผมเขม็งด้วยสายตาแปลกๆ ผมก้มมองเขากลับแล้วถามขึ้น

“มีอะไรครับ?”

“เมื่อกี้ทำไมมัมต้องโกหกด้วย?” เด็กน้อยถามด้วยสีหน้าจริงจังจนผมยังแปลกใจ ไมนอสหันมามองผมกับน้องชายที่เล่นจ้องตาวัดใจกัน โกหกงั้นเหรอ? ทำไมผมต้องมาถูกเด็กสองขวบตราหน้าว่าโกหกด้วยเนี่ย!? ผมค่อยๆ ตอบกลับพร้อมกับยิ้มนิดๆ

“ไม่ได้โกหกครับ กลัวจะล้มจริงๆ”

“โกหก!” แมนทีสตะโกนเสียงดังทำหน้าโมโหใส่ผมที่ได้แต่ยืนงุนงงอยู่กับที่ เจ้าหัวทองสะบัดหน้าหนีแล้ววิ่งบึ่งหน้างอไปหาพี่เฮดีส ผมมองตามร่างเล็กๆ นั้นอย่างไม่เข้าใจอาการโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไมนอสมองผมสลับกับน้องชายไปมาแล้วถอนหายใจ ผมก้มมองฝาแฝดคนพี่แล้วเลิกคิ้ว ไมนอสยื่นปากน้อยๆ ของตัวเองบอกเล่าด้วยความเสียงไม่พอใจปนอิจฉา

“ถ้าป๋มโกหกเจ้านั้นจะจับได้ทุกครั้งเลยฮะ ป่อบอกว่าแมนเป็นเครื่องจับโกหกที่ดีที่สุด”

หะ? พี่ไนซ์ให้ลูกกินเครื่องจับเท็จตั้งแต่เกิดเลยหรือไง!? ผมพยักหน้ารับแต่ไม่ใส่ใจกับคำพูดของเด็กๆ สงสัยอยากจะไปหาพี่เฮดีสเร็วๆ แล้วทำเป็นงอนผมวิ่งออกไปก่อน ผมจับมือไมนอสแล้วเดินทอดน่องเนือยๆ ไปหาสองคนนั้น พยายามจะรักษาระยะความปลอดภัยเอาไว้ แต่ไม่วายสบตาเข้ากับลินเช่ย์อย่างจัง

เหวอ!!!

ผมผงะถอยหลัง อยากจะวิ่งหนีใจจะขาด ผมทำเนียนเฉตาไปมองทางอื่นแต่ทางนั้นไม่ยอมปล่อยเลยไป เล่นลอยพุ่งตรงมาที่ผมซะนี่! ผมหยุดเท้ากึกตัวแข็งทื่อ เหงื่อเริ่มผุด ไมนอสเงยหน้ามองผมส่งสายตาเป็นคำถาม ผมไม่สนใจจะตอบแล้วล่ะ เพราะตอนนี้สติของผมมันแตกโพละไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าหล่อนเล่นมายิ้มใส่หน้าในระยะประชิดแทบจะเข้ามาสิงร่างผมอยู่แล้ว! ผมทำหน้าอยากร้องไห้ส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากใครบางคนที่ทำหน้าทะมึนอยู่ไกลๆ หัวใจของผมแทบจะหยุดเต้นเมื่อร่างขาวซีดเข้ามากอดคอคลอเคลียแบบชิดใกล้ ผมอยากจะเป็นลมมันซะตอนนี้เลย!

“พอได้แล้ว มานี่!” พี่เฮดีสเดินฉับๆ ย้อนกลับมาคว้าคอของผมแทบจะลากให้เดินออกไป จ้องตาเขม็งกัดฟันไล่ลินเช่ย์ให้ออกห่างไป สายตาแลน่าสะพรึงยิ่งกว่าตอนปะทะกับยัยแม่มดแก้วตาอีก ผมรีบคว้าตัวของพี่เฮดีสไว้เป็นไม้กันผี มองลินเช่ย์ที่ทำหน้าหง่อยๆ อย่างหวาดหวั่น อย่า! อย่ามองอย่างกับว่าผมเป็นคนใจร้ายแบบนั้นได้ไหม!? โอ๊ย ผีตัดพ้อคนก็เป็นด้วย!

“มัมขี้โกง! กอดป่อคนเดียวแล้วไมล่ะ!?” ไมนอสร้องโวยวายไม่พอใจกระโดดดึ๋งๆ กระทืบเท้าปึงๆ

ผมชะงักมองตัวเองที่กอดตัวพี่เฮดีสไว้ซะแน่น วะ...โว้ย! ไม่ใช่นะ! แค่เอามากันผีไว้เฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามหรือคิดอะไรอกุศลแบบนั้นเลย พี่เฮดีสพ่นลมหายใจแรงๆ ออกมาครั้งหนึ่งเหมือนไม่เต็มใจแต่ทำไม่ได้อะไรทำนองนั้น ผมรีบสะบัดตัวออกจากเขาทันที เฮอะ! ถ้ารังเกียจกันนักทำไมไม่บอกให้ปล่อยเล่า ทางนี้ก็ไม่ได้อยากกอดขนาดนั้นสักหน่อย!

“รีบเดินได้แล้ว เสียเวลา” พี่เฮดีสหันมาสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนเดิม

พวกเราจึงยกพลเข้ามาอยู่ในรถคันสวยของพี่เฮดีส ผมจำได้ว่าเป็นคนละคันกับตอนเช้า สงสัยจะเปลี่ยนรถตอนไปทำธุระ (เปลี่ยนรถเป็นว่าเล่น อะไรจะรวยขนาดนั้น!) ส่วนเจ้าเวฟป้าเพื่อนยากของผม พี่เฮดีสบอกว่าให้คนจัดการส่งไปที่บ้านของพี่ยูเรียบร้อยแล้วแต่ผมก็ยังอดกังวลใจไม่ได้ ผมมีแค่มันคันเดียวนี่ครับ ไม่ได้มีสำรองไว้แบบพี่เฮดีสที่อยากเปลี่ยนอารมณ์ขับคันไหนก็เปลี่ยนได้ทุกเมื่ออย่างนั้น

รถแล่นไปเรื่อยๆ ผมกับคู่แฝดหลับๆ ตื่นๆ ไปหลายยก พวกเราสะดุ้งตื่นเมื่อรถเหวี่ยงตัวเลี้ยวเข้าประตูรั้วเหล็กสีขาว ผมยืดตัวตรงมองไปที่พี่เฮดีสอย่างสงสัย เมื่อกี้ตั้งใจหรือเปล่าวะ? เล่นหักเลี้ยวยิ่งกว่าแข่งดริฟรถ!

ผมหันไปมองนอกรถเมื่อเด็กน้อยสองตัวออกอาการตื่นเต้นร้องอุทานเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว ผมมองสวนที่ตกแต่งด้วยพรรณไม้ต่างๆ ดูร่มรื่นน่าอยู่แถมยังตกแต่งซะสวยงาม รถแล่นผ่านสวนวนอ้อมสระน้ำพุขนาดใหญ่ที่มีรูปปั้นดอกไม้ที่พ่นน้ำเป็นสายเล็กๆ ผมเอนตัวเงยมองคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านข้างหน้า ตกตะลึงอึ้งทึ่งกับความใหญ่โตมโหฬารและความงดงามอลังการตามแบบโบราณของมัน ผมอ้าปาก เบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปมองคนขับรถ ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

ที่นี้คือที่ไหน? แล้วทำไมเขาถึงพาพวกเรามาที่นี้?

พี่เฮดีสหยุดรถที่หน้าประตูทางเข้าของคฤหาสน์ เขาหันมามองผมก่อนจะเปิดประตูรถออกไป พวกเด็กๆ ก็รีบลงรถกันท่าทางกระตือรือร้นกันสุดๆ ผมรีบเปิดประตูออกไปยืนมองคฤหาสน์หลังยักษ์ ยิ่งเข้ามาใกล้ก็ยิ่งเห็นความสวยงามของมันชัดเจน นี่บ้านคนหรือพระราชวังกันแน่! แล้วอย่าบอกนะว่าบริเวณบ้านหลังนี้มันตั้งแต่เลี้ยวเข้ามาประตูแรกนู้นแน่ะ โอ แม่เจ้า พื้นที่มันกว้างขนาดนี้ได้ยังไงกัน!? นี่ผมยังยืนอยู่ในเมืองหลวงของประเทศไทยอยู่หรือเปล่า!? ผมตะลึงงันอยู่กับที่ พี่เฮดีสเดินผ่านหน้าผมจึงได้สติรีบเดินตามไปกระซิบถามอย่างกังวล

“พี่พาพวกเรามาที่นี้กันทำไมครับ? แล้วที่นี้มันที่ไหน?”

พี่เฮดีสเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วหันกลับมามองผมที่ทำหน้าแตกตื่น เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“นายอยากรู้เรื่องของตระกูลฉันไม่ใช่เรอะ?”

“เอ๊ะ แต่พี่บอกว่ามัน...” ผมพยักหน้ารู้สึกตื่นเต้นที่เขาจะเล่าให้ผมฟัง แต่เดี๋ยวก่อนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการมาที่นี้ อีกอย่างไหนเคยบอกว่ามันเป็นเรื่องของตระกูลบอกอะไรไม่ได้ยังไงล่ะ ผมกำลังเอ่ยแย้ง เขาก็ตัดบทซะเรียบเตียน

“ฉันมีวิธี”

“วิธี? วิธีอะไรงั้นเหรอครับ?”

“นายไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ฉันพูดอะไรนายก็แค่เออออตามก็พอ” พี่เฮดีสจ้องกลับด้วยสายตาเย็นชาจนเย็นยะเยือก ผมถึงได้รูดซิปปิดปากอย่างรวดเร็ว

อ่า วิธีอะไรของเขากันนะ? แล้วที่นี้มันที่ไหน? เกี่ยวอะไรกับตระกูลของพี่เฮดีสกัน? เอ๊ะ? ว่าแต่...ผมชะงักตัวแล้วแหงนหน้ามองรอบๆ ตัว เริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง อย่าบอกนะว่า... ที่นี้คือบ้านของพี่เฮดีส!!? ผมทำตาโตตกใจเมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ ไม่จริงน่ะ! ก็รู้อยู่หรอกว่าเขารวยแต่นี่มันยิ่งกว่าอภิมหาเศรษฐีแล้ว!

“เข้าใจที่พูดไหม?”

“เอ๋ อ้อ ครับๆ” ผมพยักหน้ารับอย่างเอ๋อๆ เมื่อพี่เฮดีสถามแทรกเข้ามาระหว่างที่ผมกำลังทึ่งจัดกับที่อยู่อาศัยอันโอ่อ่าหรูหราโอเว่อร์ที่สุดในสามโลก จริงดิ? ที่นี้มันบ้านของพี่เฮดีสจริงๆ งั้นเหรอ!? พี่เฮดีสพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปเดินต่อ พวกเด็กๆ ส่งเสียงเฮวิ่งตามหลังของเขาไป แทบจะวิ่งสำรวจทุกเส้นทางไม่ยอมเหนื่อยกันเลย

พอเข้ามาในบ้าน มีชายวัยกลางคนสูงผอมยืนรอท่าต้อนรับพวกเรา เขาโคงตัวทำความเคารพพี่เฮดีสด้วยใบหน้าจริงจัง ผมสำรวจเครื่องแต่งกายของเขาแล้ววิเคราะห์ได้ว่าคนๆ นี้จะต้องเป็นพ่อบ้านอะไรนั้นแน่ๆ คฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้มันต้องมีแหละน่า พี่เฮดีสพยักหน้ารับพูดอะไรเล็กน้อยแล้วเดินต่อไป ชายใส่สูทดำแบบพ่อบ้านเซบาสเตียนพยักหน้ารับคำสั่ง เมื่อผมเดินผ่านเขาก็ยิ้มแบบคนขรึมโค้งตัวให้ ผมก็รีบโค้งตอบกลับทันที

พวกเรานั่งรวมตัวกันที่ห้องรับแขกซึ่งกว้างกว่าบ้านของผมทั้งหลัง ผมหันซ้ายมองขวาอยู่ไม่นิ่งรู้สึกกระวนกระวาย คนรับใช้ที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบเรียบร้อยเดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาเสิร์ฟขนมเต็มโต๊ะ พวกเขาถอยกลับมาเงียบๆ ไม่ลืมโค้งตัวอย่างมีมารยาท บรรยากาศเหมือนผมหลุดเข้ามาอยู่ในพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น แย่ล่ะสิ ผมชักเกร็งๆ ซะแล้ว!

ผมเหลือบมองพี่เฮดีสกับเด็กๆ ที่เอ็นจอยกับน้ำและขนม ไม่มีวี่แววที่ใครจะรับรู้ความเครียดของผมเลยสักนิด คุณพ่อบ้านเดินเข้ามาพร้อมกับหีบขนาดพอดีวางไว้บนโต๊ะ แล้วเขาก็ถอยออกไปยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเราเหมือนยืนรอรับคำสั่งของเจ้านาย

พี่เฮดีสวางแก้วน้ำชาลงยื่นมือไปเปิดหีบสีทองนั้น เขาเลือกอะไรบางอย่างออกมา มันเป็นตลับสีเงินแวววาวลวดลายสวยงาม ท่าทางจะแพงมากแน่ๆ พี่เฮดีสหันมามองผมแล้วใช้สายตาจิกเรียก ร่างกายของผมขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ โดยอัตโนมัติ ขนาดตัวเองยังงงเลยว่ารู้ได้ยังไงว่าเขาบอกให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ

“เงยคอ”

ผมทำตามอย่างงงๆ แล้วพี่เฮดีสก็เปิดตลับในมือใช้นิ้วแตะครีมสีนวลๆ ขึ้นมาลูบไล้ไปตามลำคอของผม ผมตัวแข็งทื่อ จะกลืนน้ำลายก็ไม่กล้า จะขยับหนีก็ไม่กล้าอีก ได้แต่นั่งทื่อๆ ปล่อยให้เขาดูแลไปเงียบๆ ที่แท้ตลับนั้นคงจะเป็นยาอะไรสักอย่างแหละ ผมตื่นเต้นจนลืมไปว่าตัวเองเพิ่งถูกบีบคอมายังแสบร้อนอยู่เลย ผมหน้าร้อนผ่าวเมื่อเห็นสายตาของเหล่าคนรับใช้ที่ยืนมองมาที่เรา แม้พวกเขาจะทำหน้านิ่งประดุจว่าไม่รับรู้อะไรใดๆ แต่สายตาของพวกเขาส่อแววประหลาดใจกันสุดๆ พี่เฮดีสเงยหน้าไปมองทำให้พวกเขาหันหน้าหนีไปทันที จากนั้นเขาก็กลับมาตั้งอกตั้งใจไล้นิ้วมือไปตามคอที่ถูกประทุษร้ายของผมอย่างช้าๆ อาการแสบร้อนบรรเทาลงไปบ้างแต่ทำไมผมกลับรู้สึกทรมานยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!

“พี่ ผมทาเองก็ได้นะครับ”

“เฉยๆ เถอะ”

ความหวังของผมถูกฟันกระจายด้วยประโยคสั้นๆ เหมือนถูกสั่ง พี่เฮดีสหันตัวของผมให้เอนนอนไปกับพนักอันนุ่มนิ่ม เขาเอนตัวเข้าหา ใบหน้าก้มแทบจะชิดลำคอของผม โอ๊ย! หัวใจของผมเต้นรัวอย่างกับตีกลองเพลงร็อกกระชากวิญญาณ นี่มันทายาประเภทไหนกัน!? มันจะใกล้กันเกินไปแล้ว!!

พอทีเถอะ ผมจะต้านความรู้สึกแปลกๆ นี่ไม่ไหวแล้วนะ! ผมเม้มปากพยายามต่อต้านความหวั่นไหวที่เข้ามาจู่โจมแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ปลายจมูกที่ปัดผ่านเล่นเอาผมขนลุกเกรียว ไอ้แบบนี้มันไม่ใช่ทายาแล้ว! ผมดันไหล่ของเขาไว้ นี่ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองเขากำลังลวนลามผมท่ามกลางคนนับสิบ ทำไมจู่ๆ เกิดกลัดมันกับผมได้ล่ะเนี่ย!? พี่เฮดีสจับข้อมือที่ผมใช้ดันตัวเขาออกไปแล้วเงยหน้าจ้องผมนิ่ง โอย... ใครจะได้ช่วยมาบีบคอผมที ตอนนี้เลยนะ! ผมกำลังพ่ายแพ้ต่อสายตาผู้ชายคนนี้! เราสบตากันนิ่งเงียบ ผมแทบจะกลั้นหายใจเมื่อเขาขยับหน้าเข้ามาใกล้

“อ๊ะ ฝนตก!!!” ไมนอสร้องตะโกนดังลั่นทำลายบรรยากาศคลุมเครือระหว่างผมกับพี่เฮดีสลงในพริบตา

ผมสะดุ้งตกใจผลักพี่เฮดีสออกไปจากตัว พี่เฮดีสเกือบหงายหลังหล่นไปกองพื้น ดีที่คว้าพนักโซฟาไว้ได้ทันก่อน ด้วยความขัดเขินเกินทนไม่รู้จะมองหน้าคนข้างๆ ด้วยสีหน้าท่าทางยังไง ผมก็เลยตัดปัญหาหันไปมองหน้าต่าง ฝนตกจริงๆ ด้วย ข้างนอกมีสายฝนโปรยปราย มีเสียงท้องฟ้าคำรามและแสงวูบวาบจากสายฟ้า ทั้งๆ ที่วันนี้ไม่มีวี่แววเค้าของพายุฝนเลยสักนิด ผมมองสภาพอากาศข้างนอกอย่างแปลกใจ พี่เฮดีสหันไปมองนอกหน้าต่างแล้วพ่นลมหายใจเหมือนไม่พอใจ เขาบ่นน้ำเสียงเอือมระอา

“ฮึ น่ารำคาญ มาพร้อมกันทีไรเป็นแบบนี้ทุกที”





TBC.


เอาล่ะนะ ตอนนี้แฟนตาซีมากเลยล่ะ ตอนหน้าแฟนตาซีกว่า!
ตอนต่อไปสามมหาเทพมาอยู่พร้อมหน้ากันแล้วจ้า
รู้จักพี่ซูสกันไปแล้ว มารู้จักพี่โพไซดอนกันบ้างล่ะ
แน่นอนว่าถึงเวลาเปิดเผยปริศนาของตระกูลนี้แล้ว!

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
น่ากลัวมาก ผู้หญิงคนนี้  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
กรี๊ดดดดด
เนื่อเรื่องมันแฟนตาซีมากค่ะ
ฮ่าๆๆๆ
รอดูเทพทั้งหลายมารวมตัวกันนะคะ
ท่าทางจะมันส์ใช่เล่น อิอิ

ออฟไลน์ loveaaa_somsak

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-3
เริ่มออกแนวแฟนตาซีแล้ว สนุกไปอีกแบบ

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พร็อตเรื่องพลิกแนวไปจากตอนแรกเลย
นึกไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นแฟตาซี

เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะจ๊ะ :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ ~ณิมมานรฎี~

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1070
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-2
ท่านเทพๆๆๆๆๆ กรีดร้องๆๆ

ออฟไลน์ phana_qbz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นี่มันครอบครัวอะไรกันเนี๊ย  :a5: o22

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Palmpalm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
แฟนตาซีจะมาแล้วหน้าหนุกจัง

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อ๊ากกก ตื่นเต้น อยากรู้ๆ ค่า
แต่ก็แอบกลัว  :mew2:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ทำไมมันน่ากลัวขึ้นทุกที เป็นห่วงรัญจัง

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
โอ้ เกือบไปแล้วนะเนี้ย จะได้รู้จักครอบครัวของพี่เฮดีสแว้วววว

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เริ่มเปลี่ยนแนวซะแล้วว แต่สนุกเหมือนเดิมฮับบ
ติดตามฮับบบ :L2:

ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
กางเต้นท์รอตอนต่อไป...


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สรุปตระกูลนี้มันไม่ใช่คน! เป็นพวกเทพจำแลงกายมารึเปล่าเนี่ย 555 ไม่ก็จุติลงมาเกิดทั้งโอลิมปัส
หนูเนรัญคงเป็นมนุษย์ปุถุชนเพียงคนเดียวในเรื่องซะล่ะมั้ง (ไม่นับพวกตัวประกอบทั้งหลายแหล่)

ปล.จากตอนแรกออกแนวสบายคลายเครียด เริ่มเปลี่ยนมาเป็นแนวแฟนตาซีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย แบบว่าพอเปิดอ่านปุ๊บ กลิ่นอายแฟนตาซีแตะจมูกโดยไว

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
เป็นครอบครัวผู้วิเศษกันหรือเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
หลงรักเทพเจ้าแห่งความตายเข้าแล้วสิเรา! :impress2: :impress2: :oni2: :oni2: o15 o15 :impress: :impress:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เรื่องราวกำลังจะเปิดเพยแล้ว รอตอนต่อไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด