♕♕♕ ดีสุดขั้ว & ชั่วสุดขีด ♛♛♛ [Up. Special 1 P.102 13/5/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♕♕♕ ดีสุดขั้ว & ชั่วสุดขีด ♛♛♛ [Up. Special 1 P.102 13/5/58]  (อ่าน 1088945 ครั้ง)

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
อ่านไปตื่นเต้นไป

ice-vanilla

  • บุคคลทั่วไป
ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกๆแล้วรู้สึกเอะใจกับป้าดวงใจมาก

ป้าดวงใจเป็นแม่ของเฮียเฮดีสหรือเปล่า?

คิดเล่นๆว่าคล้องกับแก้วตา-ดวงใจ ฮาาาาาา

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ตามอ่านมานานแต่เพิ่งมาเม้น(แอบเลว)

ง่า ต่อไปนี้สัญญาว่าจะเม้นให้ทุกตอนเลยฮับ แหะๆ

ออฟไลน์ zoe131313

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หล่อ หล่อ หล่อ 3คำสำหรับพี่น้องทั้ง3.  55555

may2013

  • บุคคลทั่วไป
แงงงง ><
มาต่อเร็วๆน๊า อยากอ่านต่อแล้วอ่า

ออฟไลน์ Ningg.Destiny

  • `` เหนียงจื่อ ♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • twitter
ตามอ่านทันจนได้ เนื้อเรื่องกับชื่อตอนเริ่มไกลจากกันเรื่อยหรือเปล่าคะ
แต่จากที่อ่านโดยรวมแล้วชอบค่ะ เรื่องมาแนวแฟนตาซีแล้วลุ้นดี
จะได้ไขปริศนาของครอบครัวนี้สักที รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
สู้สู้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ #^_^

ออฟไลน์ lie-boy

  • การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ การประสบความสำเร็จให้มากกว่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
    • poypoy & lieboy
สุดขีด 17

ตกเย็นหลังจากขี่ม้าทัวร์รอบคฤหาสน์ ดูนั้นดูนี้ไปจนทั่ว พี่ซูสโผล่มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าชายแห่งแสงอันสว่างไสวยังแสบตา แถมยังแต่งองค์ทรงเครื่องจัดเต็มพร้อมจะกระโดดลงสระว่ายน้ำได้ทุกเมื่อ ผมและพวกเด็กๆ ถูกไล่ตอนให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะรอบคอบกันไปไหน เตรียมทุกอย่างให้พร้อมเสร็จสรรพจนผมเหนื่อยที่จะร้องโอ้โหพร้อมทำตาโตตื่นเต้นแล้วล่ะ มันหมดโควตาตั้งแต่ทัวร์รอบคฤหาสน์แล้ว!

ผมนั่งปักหลักอยู่ริมสระน้ำขนาดกว้างใหญ่ตามสัดส่วนคฤหาสน์หลังบิ๊กๆ มองพี่ซูสกับเด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พี่ซูสดูคุ้นเคยกับการเลี้ยงเด็กทีเดียว ก็นั้นสินะ เขาอายุมากแล้วถึงจะดูไม่ค่อยออกก็เถอะ แถมยังมีลูกตั้งสองคนแน่ะ คงจะผ่านการเลี้ยงเด็กมาบ้าง ผมแกว่งขาตีน้ำไปมา ยิ่งมาเห็นภาพนี้ก็ยิ่งอยากจะช่วยพี่ไนซ์มากขึ้นไปอีก ได้อยู่พร้อมหน้ากันมันน่ามีความสุขกว่าสิ? พวกเด็กๆ เองก็เข้ากับที่นี้ได้ขนาดนี้ เพิ่มพี่ไนซ์เข้ามาอีกคนจะต้องสนุกแน่ๆ!

“ไอ้พวกเด็กเหลือขอ หลีกไป! ตัวจริงจ้าวแห่งผืนน้ำมาแล้ว!” เสียงแหบเฮ้วตะโกนดังลั่นทั่วสระว่ายน้ำอย่างร่าเริง ผมหันไปมองเห็นขากางเกงยีนของใครบางคนวิ่งผ่านหน้ากระโจนลงสระดังตูม

ผิวน้ำแตกกระจายเป็นวงกว้าง กระแสน้ำพุ่งสูงเป็นน้ำพุยักษ์สาดกระเซ็นไปทั่ว หน้าของคนในสระรับการโจมตีเปียกกันตั้งแต่หัวจดเท้าถ้วนหน้า ผมถอนหายใจปลงตกกับสภาพหมาตกน้ำของตัวเอง ตั้งใจจะไม่เปียกแต่ก็ไม่รอดจนได้ พี่ซูสตะโกนด่าทันทีที่ตั้งหลักได้ ผมเนี่ยเหวอแดกเมื่อเจออาการน็อตหลุดของพี่ซูส เอาออกอากาศไม่ได้ครับ บอกได้คำเดียวว่า... แรงงงงงงงงส์!

“ก๊ากกกกกกกก!!!” ตัวต้นเหตุยืนหัวเราะลั่นกลางสระกับสภาพดูไม่จืดของพี่ชายคนโต หัวเราะมากไปจนสำลักน้ำลายตัวเองจนหัวเราะหน้าดำหน้าแดง พี่ซูสกัดฟันกรอดยกมือขึ้นเหนือหัวคล้ายจะทำอะไรสักอย่าง แต่โดนพี่โพไซดอนร้องแทรกเตือนขึ้นมาซะก่อน

“เอาเลยครับเฮี้ยยย! แต่อยากบอกไว้ว่าในสระนี้ไม่มีแค่ผมเท่านั้นนะ สายฟ้ามันจะช็อตใครบ้างอันนี้ผมไม่เกี่ยวด้วยนะคร้าบ”

พี่ซูสมองเด็กๆ และผมแล้วลดมือลง สูดลมหายใจลึกๆ พยายามจะไม่มองหน้าคนที่ยิ้มเกรียนอย่างได้ใจตรงหน้า พี่โพไซดอนยักไหล่หัวเราะหึๆ อย่างเป็นต่อ

“ไม่แน่จริงอะ งั้นผมไม่เกรงใจนะเฮี้ย ฮ่าห์!” พี่โพไซดอนยิ้มกว้างจนตาหยีอย่างอารมณ์ดี ยกมือโบกไปด้านข้าง น้ำหมุนตัวเป็นเกรียวคลื่นพุ่งไปกระแทกพี่ซูสจนลอยละลิ่วไปอีกด้านของสระ ร่างของพี่ซูสตกลงสระดังตูม น้ำสาดกระเซ็นเป็นม่านน้ำอีกครั้ง พี่โพไซดอนฮัมเพลงในลำคอ โบกมือไปมาเหมือนกำลังบังคับอะไรบางอย่าง และตอนนั้นฝาแฝดกรีดร้องพร้อมกันเสียงดัง น้ำใต้ตัวดันทั้งสองลอยขึ้น ผมเบิกตากว้างอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า!

ไมนอสและแมนทีสจากตอนแรกยังกล้าๆ กลัวๆ ตอนนี้กรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นไปกับเกรียวน้ำขนาดใหญ่คล้ายงูยักษ์ซึ่งพาพวกเขาลอยฉวัดเฉวียนไปรอบๆ สระ เสียงหัวเราะดังสนุกสนานของเด็กๆ ทำให้ผมหลุดออกอาการอึ้ง ผมสะบัดหน้าไปมา ตบแก้มสองสามทีเพื่อเรียกสติแล้วกลับมามองเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง คุณพระช่วย... ผมไม่ได้เสียสติ! น้ำมันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ! ได้ยังไง? เป็นไปได้ยังไง? สมองของผมมึนตึบมืดแปดด้านกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในครั้งนี้

“ระวังหน่อยโพซ! เดี๋ยวพวกเด็กๆ ก็ตกลงมาเจ็บตัวหรอก” พี่ซูสขึ้นมาจากสระตะโกนเตือนน้องชายด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กๆ ไม่มีท่าทีจะตกอกตกใจอะไรเลย ผมมองพี่ซูสแวบหนึ่งแล้วพุ่งเป้าไปที่พี่โพไซดอน เขากระดิกนิ้วเหมือนกำลังเรียกงูน้ำขนาดยักษ์เข้ามาหา เมื่อมันพุ่งพามาพี่โพไซดอนก็กระโดดขึ้นไปยืนกับพวกฝาแฝดบนหัวของมัน ทั้งสามเริ่มเหินฟ้าด้วยงูน้ำขนาดมหึมา ผมก้มมองน้ำในสระที่เหือดแห้งไปเกือบหมด ก็แน่ล่ะ มันไปรวมตัวเป็นงูน้ำตัวนั้นนี่น่า! มันเรื่องอะไรกัน? ความสงสัยที่ผมพยายามที่จะไม่เก็บมาคิดเมื่อครั้งเกิดเรื่องที่โรงพยาบาลในวันนี้ก็ย้อนกลับมาโจมตีอย่างกะทันหัน เร่งให้ผมคิดขึ้นมาจนได้

หรือว่าทุกคนในครอบครัวนี้จะ... ไม่ใช่คนธรรมดา!?

ผมลุกขึ้นพรวดอย่างตื่นตระหนก มันจะเป็นไปได้เหรอ? ในโลกนี้มีเรื่องพิลึกหลุดโลกแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ!? ผมเม้มปากขมวดคิ้วพยายามหาเหตุผลมาอธิบายแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะไม่ว่าทฤษฏีวิทยาศาสตร์เรื่องไหนก็อธิบายไอ้งูน้ำมีชีวิตตัวนั้นไม่ได้เลย! เรื่องอื่นๆ อาจจะพอปลอบใจไปได้บ้างแต่ไอ้เหตุการณ์ตรงหน้าตอนนี้ทำเอาผมเป็นใบ้จำใจยอมรับแบบที่แย้งอะไรใดๆ ไม่ออก โลกใบนี้ยังมีเรื่องพิลึกพิลั่นที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอยู่สินะ! โอ ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่ามนุษย์ต่างดาวเองก็มีอยู่จริงๆ น่ะ! พระคุณเจ้า เรื่องนี้มันเป็นไปได้อย่างนั้นเหรอครับ!?

“เป็นอะไร?”

“อ๊ะ! ปะ เปล่าครับ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ พี่เฮดีสก็โผล่เข้ามาที่ด้านหลังแบบเงียบกริบ เขาถามขึ้นตอนที่ผมกำลังติดอยู่ในความขัดแย้งระหว่างเชื่อและไม่เชื่อ พี่เฮดีสมองผมที่ทำท่าทางลุกลิกอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ เขาหันไปมองพี่ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก

“แด๊ดดดด! มาขี่งูน้ำด้วยกันไหมฮะ!?” แมนทีสยกมือป้องปากตะโกนถามเสียงดัง ไมนอสหันมาเห็นแด๊ดดี๊ที่ยืนทำหน้านิ่งก็ร้องตะโกนเชิญชวนอีกแรง ไม่ต้องรอถามคำตอบ พี่โพไซดอนจัดการพุ่งเข้ามาในจุดที่ผมกับพี่เฮดีสยืนอยู่อย่างรวดเร็ว แว๊กกก! จะเซอร์วิสกันเกินไปแล้วคร้าบบบ ผมไม่อยากถูกตัวที่ไม่ทราบสปีชี่ย์ชนตายหรอกนะ! ผมทำอะไรไม่ถูกจะวิ่งก็กลัวจะลื่นหกล้มเจ็บตัวอีก

ผมยึกๆ ยักๆ รีรอตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไง ตรงกันข้ามกับพี่เฮดีสที่ยืนสงบนิ่งไม่หวั่นไหวแม้วันมามาก เขาใจเย็นเสียจนผมดูเป็นเจ๊กตื่นไฟ พี่เฮดีสยกมือขึ้นห้าม โอ๊ยยยย ไม่นะ พี่จะไปสู้กับงูน้ำยักษ์ตัวนั้นด้วยมือข้างเดียวนี่นะ!? ผมตกอกตกใจกับความบ้าบิ่นของพี่เฮดีส รีบพุ่งตัวเข้าไปกอดช่วงเอวของเขา กะจะลากตัวให้พ้นจากระยะการพุ่งตัวของงูน้ำ เอาเข้าจริงผมไม่มีแรงลากพี่เฮดีสให้ขยับได้เลย ผมกอดพี่เฮดีสแน่นหลับตาปี๋เมื่องูตัวนั้นเข้ามาใกล้พร้อมพุ่งตัวเข้าใส่แบบจังๆ แว๊กกกกกก!!!

“จงกลายเป็นน้ำแข็ง”

ผมได้ยินเสียงพี่เฮดีสพูดอะไรบางอย่างตามด้วยเสียงกรอบดังต่อๆ กันเหมือนเสียงโดมิโนแก้วล้มต่อกัน เสียงร้องดังตกใจดังจากสองฝาแฝดเหมือนพวกเขาเห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง กะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นก้อนคล้ายน้ำแข็งทอดตัวยาวเป็นสายเหมือนสะพานน้ำแข็งตรงหน้า เอ๊ะ นี่มัน...งูตัวนั้นนี่! ทำไมมันถึงได้แข็งเป็นน้ำแข็งก้อนแบบนี้ไปได้ล่ะ!?

“น่าเบื่อฉิบหาย ไอ้บ้าดีสสส!” พี่โพไซดอนที่ยืนอยู่บนหัวงูน้ำที่แข็งตัวเป็นน้ำแข็งก้มลงมาต่อว่าน้องชายที่ยืนนิ่งอยู่ พ่อหมีเถื่อนทำหน้ามุ่ยเมื่อโดนขัดความสนุก เขาหิ้วตัวเด็กๆ ลื่นไถลลงมาโดยใช้งูน้ำแข็งต่างสไลเดอร์ ลื่นปรืดเดียวถึงพื้นอย่างปลอดภัยหมดจด พี่โพไซดอนส่งตัวเด็กน้อยฝาแฝดมาให้ผมแล้วเดินออกไป ปากบ่นอะไรพึมพำคนเดียว

“เฮ้ย อย่าเอาตัวเปียกๆ เข้าบ้าน เช็ดตัวก่อน!” พี่ซูสตะโกนบอกตามหลังน้องชาย พี่ซูสนี่สมกับเป็นพี่ชายคนโตจริงๆ นั้นแหละ บ่นเรื่องหยุมหยิม ซีเรียสในเรื่องที่เป็นจุดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ

พี่โพไซดอนไม่หยุดเท้าเลยสักนิด เขาแค่ปรบมือหนึ่งครั้ง น้ำในตัวก็พุ่งออกมาจากสาดลงไปในสระพอดิบพอดี ที่ทำให้ผมทึ่งสุดๆ ก็คือตัวของพี่โพไซดอนแห้งสนิท! ขนาดผมที่เปียกลู่จับตัวเป็นก้อนก็กลับมาพลิ้วสลวย! เจ๋งสุดๆ ไม่ต้องเสียเวลาเช็ดตัวเลย! พี่ซูสสาวเท้ามาหยุดยืนข้างพี่เฮดีสตะโกนกำชับน้องชายที่ยังคงสภาพโจรป่าไว้ทุกระเบียบนิ้ว

“ไอ้โพซ! รีบโกนหนวดโกนเคราตัดผมให้เรียบร้อยก่อนกินข้าวด้วยนะโว้ย! ได้ยินหรือเปล่า!?”

“คร้าบบบบบ” พี่โพไซดอนโบกมือตอบกลับเสียไม่ได้ ท่าทางไม่ใส่ใจจะทำตาม พี่ชายผู้เหมือนจะควบตำแหน่งพ่อถอนหายใจกลุ้มแล้วหันมารับเด็กๆ จากผม

“ดีสจัดการให้เรียบร้อยแล้วพาเนรัญไปอาบน้ำเตรียมตัวทานมื้อเย็น” ใบหน้าหล่อมีแววเหนื่อยนิดๆ เอ่ยกับพี่เฮดีสด้วยเสียงราบเรียบแล้วพาเด็กๆ เดินออกไปเช็ดเนื้อเช็ดตัว

พี่เฮดีสพยักหน้ารับนิดๆ แล้วหันมามองน้ำแข็งก้อนใหญ่ตรงหน้า ซึ่งถ้ามองผ่านๆ เหมือนเป็นประติมากรรมน้ำแข็งเลยแฮะ ทิ้งไว้แบบนี้ก็สวยดีแต่สยดสยองยังไงชอบกล ถ้าคนอื่นมาเห็นจะต้องเกิดเรื่องใหญ่แหงๆ ไอ้ที่บอกว่าจัดการให้เรียบร้อยคงจะหมายถึงให้จัดการไอ้ก้อนน้ำแข็งนี่สินะ? มันก้อนใหญ่ขนาดนี้แล้วจะจัดกวาดยังไงให้มันเรียบร้อยได้ล่ะเนี่ย?  ผมจ้องพี่เฮดีสรอดูว่าเขาจะทำยังไงด้วยความสนอกสนใจ พี่เฮดีสเอียงหน้ามองมาที่ผมแล้วหันกลับไปมองงูน้ำแข็งตรงหน้า เขาสะบัดข้อมือพึมพำเบาๆ งูน้ำแข็งตัวนั้นก็แตกโพละค่อยๆ แตกร้าวเปลี่ยนสถานะจากของแข็งไปเป็นของเหลวอย่างมหัศจรรย์สุดๆ แล้วมันก็ค่อยๆ ไหลลงไปในสระ ไม่นานงูน้ำตัวนั้นก็หายตัวไป และน้ำในสระก็กลับมามีปริมาณและระดับความสูงเท่าเดิม!

“ทำหน้าเหมือนผิดหวังอยู่นะ”

“เปล่า...เอ่อ ก็นิดหน่อยครับ” ผมเงยมาปฏิเสธอย่างรวดเร็วแต่ก็ชะงักเปลี่ยนใจตอบเสียงงุบงิบกลับไปตรงๆ แหม ไอ้เราก็นึกว่าจะได้เห็นอะไรอลังการฟูลเพาเวอร์กว่านี้ซะอีก ถึงมันน่ามหัศจรรย์แค่ไหนแต่ถ้าเทียบกับพลังบังคับน้ำสุดอลังการงานสร้างของพี่ไพไซดอนแล้วล่ะก็...พลังของพี่เฮดีสน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย! ใช้คำพูดงั้นเหรอ? แหม อย่างกับจะประชดกันแน่ะ คนพูดน้อยดันมีพลังใช้คำพูดซะนี่! สีหน้าของพี่เฮดีสเริ่มตึง ผมจึงต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“พี่ทำแบบเมื่อกี้ได้ยังไงเหรอครับ?”

“ฮึ” พี่เฮดีสทำเสียงในลำคอเหมือนรู้ทันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาดึงผมให้เดินตาม ระหว่างนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ

“ถ้ามีจิตใจมุ่งมั่นและความพยายามแรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใดก็จะกลายเป็นความจริงได้ทั้งนั้นแหละ”

ไม่จริงอะ! ถึงผมจะมีใจมุ่งมั่นและความพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีทางสั่งให้น้ำแข็งตัวได้หรอกนะครับ! พี่เฮดีสเหลือบมองผมด้วยหางตา ถอนหายใจเบื่อหน่ายเหมือนผมเป็นตัวโง่งม ผมย่นหน้าใส่ตอบกลับ

“คนธรรมดาไม่มีทางทำได้หรอกน่ะครับ”

“งี่เง่า แม้แต่คนธรรมดาถ้ามุ่งมั่นและพยายามมากพอ ไม่ว่าจะได้ลั่นวาจาอะไรไว้ก็ย่อมทำให้คำพูดนั้นเป็นจริงได้ทั้งนั้น”

ผมพยายามครุ่นคิดคำพูดของพี่เฮดีสที่อุตส่าห์อธิบายอะไรยาวๆ ให้ฟัง ซ้ำยังเป็นประโยคที่ลึกซึ้งมากซะด้วย ถึงผมจะบื้อไปนิดแต่ไม่ถึงกับโง่หรอกนะครับ เขาไม่ได้หมายถึงสิ่งที่เขาทำแน่ แต่หมายถึงถ้าเราพูดอะไรไว้ มันจะกลายเป็นความจริง ถ้ามีความมุ่งมั่นและพยายามมากพอ... ผมยิ้มออกมานิดๆ เงยหน้ามองพี่เฮดีสซึ่งเดินทอดน่องอยู่ข้างๆ

“ผมว่าประโยคเมื่อกี้ ไม่พี่ซูสก็พี่โพไซดอนเป็นคนพูดไว้แน่ๆ ใช่ไหมครับ?”

“...” พี่เฮดีสเร่งความเร็วเดินหนีออกไปด้วยความไวอันน่าเหลือเชื่อทันที 

หว่า~ แค่แซวนิดแซวหน่อยไม่เห็นต้องงอนกันเลยนี่น่า ผมยักไหล่แล้วก้าวขายาวๆ เพื่อตามคนข้างหน้าให้ทัน เอาล่ะ พอทานข้าวเสร็จผมก็จะรู้เรื่องราวสุดมหัศจรรย์พันลึกของตระกูลนี้แล้ว มันเกี่ยวอะไรกับเหล่าทวงเทพแห่งโอลิมปัสกันแน่? ทำไมพวกเขาถึงได้ทำสิ่งเหนือธรรมชาติแบบนั้นได้? ตกลงพี่ไนซ์จะเป็นยังไง? อีกเดี๋ยวผมก็จะได้รู้แล้ว ตอนนี้ชักจะเริ่มตื่นเต้นแล้วแฮะ!

ช่วงมื้อเย็นมีคนร่วมโต๊ะมากกว่าที่คิดไว้ทำให้ผมนั่งตัวเกร็งตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม เหงื่อไหลจนกลายเป็นน้ำตกอยู่แล้วครับ ผมจะแนะนำคนที่เพิ่มมาล่ะกันนะครับ ผมนั่งข้างพี่เฮดีสยิ้มนิดๆ ให้กับสาวผมทองคนสวยซึ่งนั่งอยู่ข้างพี่ซูส อ่า ไม่ต้องเดาให้ยากหรอกครับ นั่นแหละภรรยาสุดที่รักของพี่ซูสเขาล่ะ บอกได้คำเดียวว่าสวยโคตรอย่างกับนางฟ้าซีเคร็ตวิคตอเรีย เธอกระตือรือร้นทำความรู้จักกับผมด้วยท่าทางเป็นกันเอง และแนะนำตัวว่าชื่อ ‘เรเนีย’ เป็นคนฝรั่งเศสตั้งแต่เกิด เธอพูดไทยได้ด้วยถึงจะไม่ชัดแต่เดาออกว่าพูดอะไร

คนที่นั่งถัดไปเป็นสาวน้อยผมน้ำตาลแดงมะฮอกกานีซึ่งสวยสุดๆ เช่นกัน มีเค้าหน้าของพี่ซูสและพี่เรเนียชัดเจน จากที่พี่ยูเคยเล่าให้ฟังผมเดาไว้ว่าต้องเป็น ‘เฮเลน’ ลูกสาวของพี่ซูสแน่ๆ ดูจากภายนอกไม่น่าจะอายุเกินสิบห้าปี เธอไม่ค่อยสนใจผมค่อนข้างจะไม่ชอบเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเธอเกลียดผม นี่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ผมรู้สึกอึดอัดไม่น้อยกับการตั้งแง่ของเฮเลนแต่จะโทษเธอไม่ได้หรอกครับ ก็ผมเป็นคนนอกที่จู่ๆ ก็เสนอหน้ามานั่งทานข้าวแบบไม่มีที่มาที่ไป

และคนสุดท้ายคือ ‘อะโฟรไดท์’ น้องสาวคนเล็กของสามพี่น้องมหาเทพที่พี่ยูย้ำนักย้ำหนาว่าสวยยยยยยโคตรรรรรร! และมันก็สวยยยยยยโคตรรรรรร! จริงๆ ครับ! แวบแรกที่เห็นผมอ้าปากค้าง หัวใจเต้นตึกตัก รู้สึกขัดเขิน ทำอะไรไม่ถูก ได้พี่เฮดีสตบยุงที่เกาะบนแก้มเต็มฝ่ามือถึงเรียกสติกลับมาได้ ให้ตายเถอะ ขนาดตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงแก้มอยู่เลย ถ้าไม่บอกว่าตบยุงผมคงคิดว่าเขาหวงน้องสาวอยู่แน่ๆ ตบมาได้แรงฉิบ! อะโฟรไดท์น่าจะอายุไล่เลี่ยกับพี่เฮดีสเพราะเวลาเธอพูดกับพี่เฮดีสเรียกธรรมดาไม่มีพี่นำหน้า และเธอก็จดๆ จ้องๆ ผมพรางยิ้มๆ ไปด้วยมันเป็นท่าทางที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง

ไอ้การที่ถูกสาวสวยระดับมหากาฬทั้งสองมองพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้แบบนี้ มันน่าจะทำให้ผมเจริญอาหารใช่ไหมล่ะครับ แต่ทำไมกันนะผมถึงรู้สึกว่ามันชวนขนลุกยังไงไม่รู้ สายตาที่มองมานั้นห่างไกลคำว่าชื่นชอบหลงใหลแต่มันกลับเต็มไปด้วยความทึ่งปนเห็นใจ อะไรหนอที่ทำให้สองสาวมองผมด้วยสายตาเช่นนี้

ผมก้มหน้าก้มตาทานข้าวซึ่งแน่นอนว่าเป็นอาหารที่หรูกว่าทุกครั้งที่เคยกินมา สมาชิกครอบครัวเหมือนมาไม่ครบเพราะผมยังไม่เห็นพ่อหรือแม่ของพวกพี่เฮดีสเลย จากที่จำได้พี่ยูบอกว่าพี่ซูสมีลูกสาวหนึ่งลูกชายหนึ่งซึ่งผมเห็นแค่ลูกสาว เพอร์ซีอุสหายไปกัน? แล้วยังมีลูกของพี่โพไซดอน เอ๋...จำได้ว่าเป็นลูกชายน่ะ ชื่อ...อืม เฮฟเฟสตัสนี่แหละ เอ๊ะ? หรือเปล่า? แต่พี่ซูสพูดเหมือนพี่โพไซดอนยังไม่แต่งงานนี่? แล้วมีลูกแล้วอย่างนั้นเหรอ? ผมเอียงหน้าครุ่นคิดอย่างงุนงง

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ พี่ซูสเปิดรายการซูสพบประชาถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบของสมาชิกในครอบครัวแล้วจึงปล่อยให้ไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เฮเลนขออนุญาตไปค้างบ้านเพื่อน ตามด้วยอะโฟรไดท์ที่ขอตัวไปเที่ยวกับเพื่อนเช่นกัน ส่วนพี่เรเนียภรรยาของพี่ซูสขอตัวไปพักผ่อนเพราะรู้สึกเพลียๆ สองฝาแฝดไมนอสกับแมนทีสถูกพ่อบ้านหน้าขรึมพาเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ทั้งสองหน่อเล่นน้ำจนเหนื่อยระหว่างรอทานมื้อเย็นเลยเผลอผล็อยหลับไป ดังนั้นคนที่เหลือจึงมีด้วยกันทั้งหมดสี่คน พวกเรานั่งอยู่ในห้องโถงที่เดิมและกำลังรับฟังพี่ซูสบ่นเป็นตาแก่วัยกลางคน

“ฉันบอกให้แกโกนหนวดไม่ใช่เหรอวะไอ้น้องเวร!?”

“โอ๊ย ผมไปไว้หนวดบนหัวเฮี้ยหรือไง บ่นจัง” พี่โพไซดอนย้อนกลับมันซะทุกประโยค พี่ซูสไม่ยอมแพ้ พยายามเกลี่ยกล่อมให้น้องชายละเส้นทางมหาโจร พี่โพไซดอนก็เอาหูไปนานเอาตาไปไร่ ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา พอพี่ซูสเงียบไปเพราะเหนื่อยพี่โพไซดอนก็โต้กลับด้วยการยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่น

“เฮี้ยไม่รู้หรือไง หนวดมันเสน่ห์ของลูกผู้ชายนะโว้ย ไม่โกนหรอก!”

“เออ รู้โว้ยแต่ที่แกไว้เนี่ยมันเป็นฤๅษีแล้ว!”

“ดีเลย จะได้เข้าป่าไปบำเพ็ญศีล” พี่โพไซดอนบอกหน้าตายกลับทำเอาพี่ชายคนโตเริ่มโมโหขึ้นมาจริงๆ สั่งจริงจังด้วยท่าทางเด็ดขาด แข็งไม่ยอมถอย

“ถ้าพรุ่งนี้ยังเห็นอยู่ล่ะก็กูจะเอาไฟเผาให้เรียบเลย มึงรู้ว่ากูพูดจริง!”

“...แม่ง ทีตัวเองไว้ไม่เห็นมีใครว่าอะไร” พี่โพไซดอนบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ พี่ซูสทำเสียงในลำคออย่างดูแคลน

“อย่างน้อยตอนกูไว้ก็ดูดีกว่ามึงตอนนี้ล่ะกัน”

พี่เฮดีสที่นั่งฟังพี่ชายทำศึกน้ำลายอยู่นานก็ขยับตัวส่งเสียงเป็นครั้งแรก อ้าว ไม่ได้แอบหลับอยู่หรอกเหรอ? โอเค! คงรู้ว่าผมแค่ประชดเท่านั้นเอง

“เมื่อไรจะเข้าเรื่องครับ จะได้ไปหลับไปนอนกันสักที”

“แหม อยากส่งตัวเข้าหอเร็วๆ อะดิ” พี่โพไซดอนหัวเราะคึๆ ในลำคอมองพี่เฮดีสแบบรู้ทัน เขาเอ่ยกลั้นเสียงหัวเราะและยิ้มล้อเลียนให้กับคนที่นั่งหน้านิ่งเป็นพื้นปูนซีเมนต์ เมื่อคนถูกแซวไม่มีท่าทีจะเขินหรือเล่นด้วย พี่โพไซดอนก็ต้องเงียบไม่เซ้าซี้และทำหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ดวงตาสีครามซึ่งแตกต่างจากเหล่าพี่น้องเหลือบมองมาที่ผม

“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังล่ะกัน อะแฮ่ม เป็นการเฉลิมฉลองในวันมงคลสำคัญยิ่งของน้องชายที่ร้ากกก ก็อย่างว่าล่ะ ตอนนี้มันหุงข้าวแดงไม่ทันแล้ว เฮ้อ ใครจะไปคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้กันล่ะ ไอ้เรารึก็นึกว่าจะได้เห็นวันนี้ตอนที่มีลูกสามลูกชายบวชนู้นแต่ดันโดยมันชิงตัดหน้าไปซะก่อน แถมยังเจริญรอยตามพี่ชายคนโตสวมวิญญาณเป็นนางงามอมตะ รักเด็กกินตับเด็ก!”

“พอเถอะ! มึงจะแซะกูอีกนานไหม!?” พี่ซูสไม่ไหวจะอดลุกขึ้นตวาดเบรกการจิกกัดนอกกรอบของน้องชาย ชายผู้มีมาดสุภาพชนที่สุดโมโหจนควันออกหู หน้าแดงก่ำซึ่งอันนี้ผมเองไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายหรือโมโหกันแน่ กินดงกินเด็กอะไรของเขาวะ? ผมไม่เห็นจะเข้าใจ พี่โพไซดอนฉีกยิ้มกว้างยักไหล่ไม่มายด์ โบกมือให้พี่ชายนั่งลงเมื่อพี่ซูสนั่งลงก็เริ่มเล่าอีกครั้ง ผมยืดตัวขึ้นเบิกตารอคอยด้วยความตื่นเต้น

“อะแฮ่ม กาลครั้งหนึ่ง...น๊านนานนนน!” พี่โพไซดอนหยุดแล้วถอนหายใจเฮือก ผมเลิกคิ้วกับท่าทางของเขา พี่ซูสเองก็ทำหน้าเอือมระอาเอ่ยออกไป

“เป็นอะไรของมึงอีก?”

“มันนานเกินไปอะเฮี้ย ผมเหนื่อย”

“เหี้ยยยยย” คำด่ามาพร้อมกับฝ่ามือเทพที่โบกศีรษะของคนเหนื่อยเต็มแรงจนหน้าเกือบทิ่มโต๊ะ พอได้ลงไม้ลงมือพี่ซูสเหมือนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง กลับมานั่งรอคอยคนเล่นตลกไม่ดูเวล่ำเวลาเล่าเรื่อง

โชคดีที่พี่ซูสชิงลงมือไปซะก่อนไม่งั้นพี่โพไซดอนเจอของหนักกว่านี้แน่ ผมแอบเห็นพี่เฮดีสคว้าขวดใกล้ๆ มือมาถือไว้น่ะครับ แหม เกือบหัวแตกแล้วไหมล่ะพี่โพไซดอน!

“ถ้ามึงยังเล่นมุกควายอีกล่ะก็ได้กินมื้อดึกแน่” พี่ซูสเอ่ยดักเอาไว้กลัวน้องชายจะเลี้ยวออกนอกทางอีก พี่โพไซดอนหันไปมองพี่ชายทำตาโตสนใจ

“กินอะไรเหรอเฮี้ย?”

“ยำตีน!”

สั้น กระชับ ได้ใจความ พี่โพไซดอนเงียบไปเลย


:L2:อ่านต่อรีล่าง :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2013 23:04:28 โดย lie-boy »

ออฟไลน์ lie-boy

  • การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ การประสบความสำเร็จให้มากกว่า
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +270/-1
    • poypoy & lieboy
“มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลก็อดไลค์เนสที่เวลารับสมาชิกครอบครัวคนใหม่จะต้องเล่าเรื่องราวครั้งเก่าครั้งก่อนของบรรพบุรุษโคตรเหง้าเหล่าตระกูลให้ฟัง อะแฮ่ม ไอ้หนู ตั้งใจฟังนะ” พี่โพไซดอนหันมาบอกผมแล้วเล่าต่อแบบไม่ติดขัด ว่าแต่สมาชิกคนใหม่งั้นเหรอ? หมายถึงใครกันน่ะ? ผมไม่ทันได้คิดพี่โพไซดอนก็เล่าขัดขึ้นมาก่อน

“เมื่อห้าร้อยปีก่อนคริสตกาล ณ นครรัฐแห่งอารยธรรมกรีกโบราณมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ทั้งสองศรัทธาต่อเหล่าเทพเจ้าอย่างมาก พวกเขาได้แต่งงานและสาบานต่อหน้ารูปปั้นเทพีเฮร่าว่าจะรักกันจนฟ้าดินสลาย...โคตรโรแมนติกเลยว่ะ คู่สามีภรรยาใช้ชีวิตทำปศุสัตว์เล็กๆ ที่นอกเมืองอย่างสุขสงบ วันหนึ่งภรรยาได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันหลังจากที่พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาสามปีทำให้ผู้เป็นสามีโศกเศร้าเสียใจ เขากอดศพของภรรยาร้องไห้คร่ำครวญอ้อนวอนต่อเหล่าเทพเจ้าไม่ได้กินไม่ได้นอนอยู่หลายวันแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ศพไม่เน่าเหรอวะ? สามีผู้ใจสลายจากความผิดหวังค่อยๆ อ่อนแอลงและท้ายที่สุด...” พี่โพไซดอนเงียบเว้นวรรคอยู่นาน ผมลุ้นจนตัวโก่ง ผู้ชายคนนั้นตายตามภรรยาไปอย่างนั้นสินะ! หรือว่าเขาฆ่าตัวตาย!?

“เขาก็ลุกขึ้นมาแบกศพของภรรยาเดินออกไปจากบ้าน สามีผู้โศกเศร้าเดินถามผู้คนไปเรื่อยๆ ว่า ‘ข้าพเจ้าอยากพบเทพฮาเดสต้องทำอย่างไร?’ ผู้คนล้วนมองเขาเป็นตัวประหลาดและตอบว่า ‘ก็ไปตายซะสิ!’...ก็ถูกของมันนะ ชายผู้มีศรัทธาไม่ยอมย่อท้อเขาเดินไป และถามคนที่เขาพบเจอ ผ่านไปสิบคน ร้อยคน พันคน แน่นอนว่าคำตอบที่เขาได้รับไม่ต่างกันเลย ไม่มีใครบอกทางไปพบเทพฮาเดสให้แก่เขาได้ สามีผู้เริ่มอ่อนล้าเดินไปพร้อมแบกร่างภรรยาจนกระทั่งเขาเข่าอ่อนสะดุดก้อนหินหกล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง...แบกได้ขนาดนี้ก็ถึกโคตรๆ แล้ว การเดินทางไกลแสนไกลและไม่ได้กินอะไรเป็นเวลานานส่งผลให้ร่างกายของเขาซูบผอมหมดเรี่ยวแรง ชายผู้กำลังสิ้นหวังร้องไห้ตัดพ้อเหล่าปวงเทพ ‘โอ ท่านที่เคารพ ไยท่านต้องไร้เมตตาเช่นนี้! ตอบข้าสิเทพีเฮร่า ไยท่านไม่คุ้มครองชีวิตสมรสของพวกเรา!’ เสียงแหบแห้งของเขาค่อยๆ เบาลงจนกระทั่งร่างของชายผู้น่าสงสารก็นิ่งไป...” คนเล่าเรื่องเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วเอ่ยถามว่า

“ทายสิเขาจะตายไหม?”

“เอ่อ...ไม่น่าจะตายล่ะมั้งครับ”

อาจจะมีเทพโผล่เข้ามาช่วย! ต้องใช่แน่ๆ นิทานแต่ละเรื่องก็เป็นอย่างนั้นแหละ ตัวเอกของเรื่องไม่ตายง่ายๆ หรอก พอผมตอบออกไป พี่โพไซดอนก็ยิ้มจนหนวดกระตุก

“ไม่นานชายคนนั้นสิ้นลมหายใจ เขาตาย...”

เฮ้ย ไหงตายซะงั้น!!? เรื่องมันจบแค่นี้น่ะเหรอ!? ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับการที่พวกพี่มีพลังพิเศษเลยนี่น่า! ผมอ้าปากเหวอจะเอ่ยท้วง แต่พี่โพไซดอนยกมือห้ามและเอ่ยถามขึ้นมาตัดบท

“ยังจำได้หรือเปล่าว่าตอนที่เขาเดินถามคนว่าจะไปพบเทพฮาเดสต้องทำยังไง คำตอบก็คือ จะต้องตายนั่นเอง! ใช่แล้ว ในที่สุดชายผู้โง่ขลาดก็ได้พบกับเทพฮาเดสจ้าวแห่งปรโลก! เขารีบบอกความต้องการของตัวเองพอเทพฮาเดสได้สดับฟังก็เอ่ยตอบชัดเจนว่า ‘เมื่อวิญญาณได้ลงมาสู่ดินแดนของข้าแล้วย่อมไม่อาจหวนกลับไปได้’ สามีผู้มีจิตใจแน่วแน่นพยายามอ้อนวอนขอความเมตตาจากเทพผู้ยุติธรรมและเถรตรงที่สุดในสามโลกกกก แน่นอนแดกแห้วจนอิ่มแปล้กันไป เทพฮาเดสไม่มีทางฝ่าฝืนกฎที่เขาตั้งขึ้นมาได้ เมื่อสิ้นอายุขัยก็ต้องตายเป็นกฎอันเด็ดขาด ส่งไม้!”

หือ? ส่งไม้อะไร? ชายคนนั้นทำอะไรงั้นเหรอ? ผมที่ตั้งอกตั้งใจฟังขมวดคิ้วเมื่อพี่โพไซดอนยื่นมือไปหาพี่ซูส พี่ชายคนโตที่นั่งไขว้ห้างเอนตัวฟังอย่างสบายลุกขึ้นมามองน้องชายด้วยสายตาเย็นชา ผมเอ๋อมองคนนู้นทีคนนั้นที พี่ซูสถอนหายใจแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาเล่าต่อจากพี่โพไซดอนหยุดเอาไว้ อ้อ ส่งไม้ก็คือส่งต่อให้พี่ซูสเล่านั้นเอง ไอ้เราก็นึกว่าชายในเรื่องส่งไม้ให้เทพฮาเดสซะอีก โธ่!

“ระหว่างที่ชายคนนั้นเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังและร่ำไห้เสียใจ เทพีเพอร์ซีโฟเน่ก็ปรากฏพร้อมกับเทพีเฮร่า เมื่อทั้งสองเห็นความวุ่นวายตรงหน้าก็ไถ่ถามเรื่องราวจากเทพฮาเดส เทพีเพอร์ซีโฟเน่ผู้งดงามและจิตใจอ่อนโยนได้ฟังเรื่องของชายผู้บ้าบิ่นคนนี้ถึงกับร้องไห้ด้วยความเห็นใจช่วยอ้อนวอนขอร้องผู้เป็นพระสวามีอีกแรง แต่ก็นั้นแหละ... เทพฮาเดสใจแข็งดั่งภูผาปฏิเสธคำขอร้องไม่มีความลังเลใดๆ”

“หลังจากนั้นฉันว่าเมียไม่ให้เข้าห้องแหง อยากทำทำเท่ไม่ดูหน้าเมียแม่งอดเป็นเดือนแน่ๆ” พี่โพไซดอนเอียงตัวมากระซิบกระซาบกับผมเบาๆ ทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา แหม ช่างหาเรื่องกัดซะเหลือเกิน ผมพยายามตั้งสมาธิฟังพี่ซูสเล่าต่อแต่ไอ้เรื่องที่พี่โพไซดอนพูดมันก็วกมาทำให้ไขว้เขว้ตลอด เออ ตกลงหลังจากนั้นเทพฮาเดสได้เข้าห้องปะวะ? แน่ะ พี่โพไซดอนพานอกเรื่องจนได้!

“เทพีเฮร่าเอ่ยเสนอวิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยให้ชายผู้นี้ไปหาวิญญาณของภรรยาในขุมนรกหากหาเจอก็ให้พามาที่นี้ภายในเวลาที่กำหนด หากหาพบเทพฮาเดสจะต้องทำให้ทั้งสองฟื้นชีพแต่ถ้าหาไม่พบทั้งสองก็ต้องตกนรกไปด้วยกัน เทพฮาเดสชั่งใจก่อนแล้วตอบตกลงข้อเสนอนี้ ชายหนุ่มดีใจเมื่อเห็นทางสว่างเขารีบลงไปตามหาวิญญาณของภรรยาในขุมนรก และเขาก็พบกับความจริงที่ว่าในขุมนรกมีวิญญาณหลายล้านดวงและวิญญาณพวกนั้นมีรูปลักษณ์บิดเบี้ยวน่าเกลียดชวนคลื่นไส้แถมยังมีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง ชายหนุ่มรับรู้ว่าไม่มีทางหาวิญญาณภรรยาเจอในเวลาสั้นๆ ที่กำหนดไว้ได้แน่ เทพฮาเดสเองก็รู้เรื่องนี้ดีถึงได้ตกลงตามข้อเสนอ

เมื่อพบกับความสิ้นหวังอีกครั้งเขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะก้าวเดิน เขาหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักก็ฮึด กัดฟันอดทนต่อภาพสยดสยองและกลิ่นเกินบรรยายของวิญญาณเดินหาวิญญาณของภรรยา เวลาเองก็ดำเนินไปไม่หยุดจนเหลืออีกไม่นานจะหมดเวลาแต่ชายคนนั้นก็ยังไม่พบวิญญาณของภรรยา เขารีบเร่งมองหาและไปสะดุดตาเข้ากับนกยูงตัวสวยบินโฉบไปมา ชายหนุ่มชะงักและวิ่งตามนกยูงตัวนั้นไป ในที่สุดเขาก็ได้พบกับวิญญาณของภรรยา!

ชายหนุ่มดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบวิ่งเข้าไปหาหวังจะพาภรรยากลับไป เมื่อเข้ามาใกล้เขาชะงักกับร่างอันเน่าเปื่อยชวนอาเจียนของภรรยา มันบิดเบี้ยวแทบดูไม่เหมือนตอนเป็นมนุษย์เลย ชายคนนั้นยืนตัวแข็งทื่อ ใช่แล้ว เทพฮาเดสได้คิดเอาไว้แล้วว่าข้อตกลงนี้เขาได้เปรียบเพียงใด ในขุนนรกมีวิญญาณนับล้านดวงแม้จะหาเจอแต่ไม่มีทางที่มนุษย์ซึ่งยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอกจะทนรับสภาพน่าสะอิดสะเอียนของวิญญาณได้ เห็นๆ กันอยู่ว่าข้อตกลงนี้เทพฮาเดสมีโอกาสชนะมากแค่ไหน ชายคนนั้นมองภรรยาของตัวเองนิ่งแล้วเขาก็เริ่มร้องไห้อย่างหนัก คิดว่าเขาร้องไห้เพราะอะไรรู้หรือเปล่าครับเนรัญ?” พี่ซูสหยุดเล่าแล้วหันมาถามผม ระหว่างนั้นก็จิบน้ำชาแก้กระหายเนื่องจากเล่ามายาวเหยียดแบบไม่ได้หยุด พี่โพไซดอนพยักพเยิดหน้ากับพี่เฮดีสแล้วพึมพำ

“เป็นคนทั่วไปน่ะเผ่นหนีตั้งแต่เจอภาพสยองของวิญญาณแล้ว ทนได้ขนาดนี้ก็เชื่อแหละว่าเฮียแกรักเมียจริง”

ผมเห็นด้วยกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของพี่โพไซดอน ไม่ว่ามันจะจบอย่างไร ผมก็เชื่อว่าผู้ชายคนนั้นรักภรรยาของเขาจริงๆ และเขาได้พยายามถึงที่สุดแล้ว ถ้าเป็นผมก็ไม่รู้ว่าจะทำแบบเขาได้หรือเปล่า? ที่เขาร้องไห้คงจะเป็นเพราะเสียใจที่ไม่กล้าแตะต้องวิญญาณของภรรยาและคงจะเจ็บใจที่ทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จล่ะมั้ง

พี่ซูสตบมือบนไหล่ของพี่โพไซดอนเบาๆ แล้วเอนตัวพักผ่อน คนที่ถูกส่งต่อถอนหายใจสั้นๆ แล้วเล่าต่อ

“ชายคนนั้นร้องไห้เพราะสงสารภรรยาที่กลายเป็นเช่นนี้ เขาพุ่งเข้าไปกอดวิญญาณอันเน่าเปื่อยของภรรยาไว้แน่นก็สาบานว่าจะต้องพาเธอกลับไปให้ได้ สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงอย่างแฮปปี้เอนสะดิ้ง เทพฮาเดสแพ้ต้องคืนชีพให้กับคู่สามีภรรยาและถูกเมียห้ามไม่ให้เข้าห้องนอนหนึ่งเดือน...อันนี้คำสันนิฐานส่วนตัวของฉันเอง เทพีเฮร่ากับเทพีเพอร์ซีโฟเน่พาสามีภรรยาคู่นี้มาส่งมาที่โลกมนุษย์ ก่อนกลับสามีหนุ่มก็ทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาเธอเอาไว้~ พนมสองมือขึ้นกราบกรานเธอโปรดอย่าไป~... โอเค เสียงดีไม่ตกจริงๆ นะเรา”

“...” ผมกับอีกสองคนมองคนที่ลุกขึ้นพรวดร้องเพลงใส่อารมณ์เต็มที่ด้วยสายตาว่างเปล่า พี่โพไซดอนนั่งลงกระแอมนิดๆ

“อะแฮ่ม ชายหนุ่มกล่าวขออภัยต่อเทพีเฮร่าและขอบคุณที่ช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ เทพีเฮร่ายิ้มหันไปมองเทพีเพอร์ซีโฟเน่แล้วเอ่ยว่า ‘ขอบคุณเทพีเพอร์ซีโฟเน่ดีกว่าที่มองสวามีได้ทะลุปรุโปร่งและคิดแผนการนี้ขึ้นมา’ จากการวิเคราะห์มาหลายปีของฉัน สรุปได้ว่าเทพีเฮร่ารู้เรื่องชายคนนี้ก่อนแล้วและขอให้เทพีเพอร์ซีโฟเน่ช่วยเหลืออีกแรง จากนั้นก็เสนอการแก้ปัญหาที่ดูเหมือนส่งผลดีต่อเทพฮาเดสจนทำให้หลงกลตอบตกลง เทพีเฮร่าก็ส่งสัตว์เลี้ยงประจำตัวไปช่วยตามหาวิญญาณ นกยูงคือสัตว์ประจำตัวของเทพีเฮร่านะจ้ะเด็กๆ จำให้ดี ตรงนี้ออกข้อสอบน่า~ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้สภาพวิญญาณที่เน่าเปื่อยพิสูจน์รักของผู้ชายคนนี้อีกด้วย แหม่ ผู้หญิงคนนี้ช่างฉลาด วางแผนซะเนียนเล่นเอาสวามีตามไม่ทัน มึงก็ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ” พี่โพไซดอนฉะเป็นข้อๆ ให้ฟังตามการสันนิฐานของตัวเอง และหันไปจับไหล่ของพี่เฮดีสเอ่ยเตือนด้วยความห่วงใยแต่โดนศอกแทงกลับทันที

“เอาล่ะๆ ใกล้จบแล้ว อดทนหน่อย แหมนั่งตาปรือเลยนะตาแก่! เทพีเฮร่ากล่าวกับสองสามีภรรยาว่าเธอซาบซึ้งและชื่นชมทั้งสองที่มีรักแท้หนึ่งเดียวต่อกัน...แน่นอนล่ะเทพีเฮร่าไม่ได้สิ่งนี้จากพระสวามี อะแฮ่ม ดังนั้นก่อนกลับสวรรค์เทพีเฮร่าได้ขอให้ชายหนุ่มและภรรยาช่วยเหลือเธอบ้าง แน่นอนว่าทั้งสองตอบรับคำอย่างยินดี เพื่อเป็นการตอบแทนในการช่วยเหลือครั้งนี้เทพีเฮร่าได้ประทานพรให้แก่พวกเขา นั้นก็คือ...ตระกูลของเขาจะเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยไปด้วยเงินทองและอำนาจไปตราบชั่วนิรันดร์ เงื่อนไขคือทายาทผู้สืบทอดสายเลือดของเขาทุกคนจะต้องตั้งชื่อด้วยชื่อของเทพเจ้าโอลิมปัสซึ่งจะทำให้มีพลังเหมือนเทพองค์นั้น หากทายาทคนใดตั้งชื่อผิดจากนี้ถือว่าผิดพันธะสัญญา ไม่เพียงเท่านั้นเทพีเพอร์ซีโฟเน่ยังประทานเทพธิดาเรียกมหาโชคมหาลาภให้อีกด้วย นับตั้งแต่นั้นมาก็ได้เกิดตระกูลก็อดไลค์เนสขึ้นมาด้วยประการฉะนี้ครับผม! จบแล้ว เย้~ ได้ไปนอนแล้ว!” พี่โพไซดอนปรบมือรัวๆ เมื่อเล่าเรื่องนิทานก่อนนอนจบ พี่ซูสก็เผลอปรบมือตามไปด้วย

“เดี๋ยวนะครับ การตั้งชื่อด้วยชื่อของเทพมันเป็นการช่วยยังไง?”

“เฮ้อ ว่าล่ะจะต้องมีคำถาม การตั้งชื่อทำให้มีพลังเหมือนเทพนั้นช่วยในการระบายพลังที่อัดแน่นจนเกินไปของเทพเจ้าได้น่ะสิ ลองคิดภาพตามนะ เทพเจ้าแต่ละองค์มีพลังมหาศาลอยู่ในตัวถ้าใช้ไปไม่หมดพลังนั้นก็สะสมเพิ่มขึ้นๆ จนกระทั่งถึงจุดอิ่มตัวมันก็จะระเบิดตูม!!...กลายเป็นโกโกครั้นช์”

แม่ง จากภาพเทพเจ้าผู้สง่างามทรงอำนาจกลายเป็นพี่หมีในทุ่งข้าวสาลีเต็มไปด้วยช็อกโกแลตแสนอร่อยเลย!

“อ๊ะ โทษที มันเผลอน่ะ ถ้าพลังของเทพเจ้าระเบิดก็จะเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อาจถึงทำลายระบบนิเวศน์และทำให้โลกระเบิด สิ่งมีชีวิตล้มตาย ดังนั้นเทพีเฮร่าจึงคิดวิธีแก้ คือ...แบ่งพลังให้คนอื่นช่วยใช้ทีละนิดทีละน้อยเป็นการระบายพลังไปเรื่อยๆ ไงล่ะ แหม ทำหน้าสงสัยอีกแล้ว คงจะสงสัยล่ะสิว่าทำไมพวกเทพถึงไม่ใช้พลังเอง...”

“เปล่า ผมกำลังคิดว่า...พี่พูดเหมือนเทพเจ้าเหล่านั้น...มีตัวตนอยู่จริงๆ” ผมส่ายหน้าแล้วโพล่งสิ่งที่ตัวเองคิดสงสัยในใจตั้งแต่เริ่มเล่าเรื่องนี้แล้ว พี่โพไซดอนยิ้มให้กับผม

“ไอ้หนู โลกนี้ยังมีเรื่องราวอีกเยอะแยะมากมายที่น่าเหลือเชื่อและมหัศจรรย์ซึ่งวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับว่าเธอจะไปเจอมันหรือเปล่าต่างหาก อีกอย่างตอนเย็นวันนี้มันไม่ได้ช่วยทำให้เธอยอมรับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...ได้เลยอย่างนั้นเหรอ?” พี่โพไซดอนเอ่ยเป็นคำถามให้ผมคิดตาม เขาเงียบปล่อยให้ผมใช้ความคิดของตัวเอง มันขึ้นอยู่กับว่าจะไปเจอหรือเปล่างั้นเหรอ? และเมื่อตอนเย็น...มันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปทำได้อย่างแน่นอน จะใช้วิทยาศาสตร์อธิบายก็ไม่ได้เหมือนกัน ผมกลืนน้ำลายเงยหน้ามามองพี่โพไซดอน โอเค...แสดงว่าเทพเจ้ามีอยู่จริงสินะ!

“แล้วถ้าไม่ตั้งชื่อเทพจะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ?” ผมกลับมาสู่ประเด็นสำคัญที่อยากรู้

“เรื่องนี้ก็ต้องเริ่มเล่าตั้งแต่สาเหตุล่ะนะ พรจากเทพีเฮร่าดีเยี่ยมเลยล่ะแต่ใช่ว่ามันจะดีเสมอไป ทุกอย่างก็เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ยิ่งตั้งชื่อเทพพาวเวอร์เยอะๆ คนๆ นั้นก็ต้องรับความเสี่ยงที่สูง ถ้าร่างกายรับแรงกดดันจากพลังมหาศาลของเทพไม่ได้ก็จะตาย ความเสี่ยงแค่นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ตายก็คือตาย แต่ปัญหามันเกิดขึ้นกับคนที่ร่างกายรับไหวแต่จิตใจไม่เสถียรมากมากพอจะควบคุมพลังของตัวเอง ถ้าเกิดมีบางอย่างเข้ามากระทบกับอารมณ์ความรู้สึกอย่างรุนแรงจะทำให้คนๆ นั้นขาดสติและจะทำตามสัญชาตญาณซึ่งบางครั้งมันก็รุนแรงมาก เคยได้ยินมาว่าในอดีตซูสรุ่นที่ 35 เกิดคลุ้มคลั่งเพราะพ่อแม่ของเขาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เขาควบคุมพลังไม่ได้...สายฟ้าฝ่าลงมาบริเวณนั้นอย่างหนักทำให้มีคนเสียชีวิตไป 51 คนรวมทั้งตัวเขาด้วย

นั้นแหละทำให้คนเริ่มกลัว ไม่มีใครอยากเสี่ยงตายเลือกชื่อของเทพระดับไฮคลาส พวกเขาแก้ไขปัญหาโดยการใช้ชื่อของเทพเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีบทบาทหรือแทบจะไม่เป็นที่รู้จักเลย และแน่นอนว่ามีพวกที่ไม่ยอมตั้งชื่อตามเหมือนกัน จากที่ฉันได้อ่านบันทึกของตระกูลระบุไว้ว่าคนพวกนี้สุดท้ายก็ตาย บ้างเกิดอุบัติเหตุ บ้างก็ถูกฆาตกรรม บ้างก็เพราะเป็นโรคอย่างฉับพลัน เยอะแยะมากมายแต่ในเหตุการณ์เหล่านี้มีจุดๆ หนึ่งที่เหมือนกันก็คือ...พวกเขาตายตอนอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์

ผมเม้มปากแน่น ฟังเรื่องราวที่พี่โพไซดอนอธิบายเป็นฉากๆ แล้วรู้สึกเห็นใจพวกเขาอยู่เหมือนกัน ทุกคนๆ ใช้ชีวิตอยู่ในจุดเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าคนจะมีชื่อตามเทพเจ้าหรือไม่มีล้วนแล้วแต่จบอนาถไม่แพ้กัน ยิ่งตอนที่เล่าเรื่องซูสในอดีตที่คลุ้มคลั่งนั้นยิ่งทำให้ผมขนลุก แอบมองพวกเขาสามคน ใช่แล้ว ชื่อของพวกเขาทั้งสามตั้งตามชื่อมหาเทพที่มีพลังมากที่สุด! เฮ้ย เดี๋ยวนะ ถ้าผมเกิดเผลอไปทำให้พวกเขาโกรธขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!? ผมนั่งหน้าซีดเงียบกริบ

“ฉันจะโมโหมากเลยล่ะเวลาที่เห็นคนนั่งหน้าซีดตัวสั่นอยู่ตรงหน้าน่ะ” พี่โพไซดอนโพล่งขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังชำเหลืองมองมาทำเอาผมสะดุ้งโหยงเงยมองเขาอย่างเหวอๆ แม่งหน้าโคตรโหดเลยครับ ผมซีดมากกว่าเดิมซะอีกแน่ะ แถมยังน้ำตาคลอเบ้า

“พี่ หยุดแหย่เจ้านี้สักที! เดี๋ยวก็กลัวจนเป็นลมหรอก” พี่เฮดีสยื่นมามือขวางพี่ชายของตัวเองไว้แล้วเอ่ยห้ามปรามด้วยน้ำเสียงเข้ม ผมเกาะแขนของพี่เฮดีสไว้อย่างรวดเร็ว ตัวเลือกมันไม่มีให้เลือกมากนัก ผมขอเลือกคนที่ดูน่ากลัวน้อยกว่าล่ะกัน! พี่โพไซดอนหัวเราะหึๆ ในคอเสียงทุ้ม

“หึๆ กลัวจนตัวสั่นเลยนะไอ้เด็กบ้า แค่นี้ไม่ทำให้พวกเราเสียการควบคุมง่ายๆ หรอกน่า อย่ากลัวไปเลยแค่ขู่เล่นๆ น่ะ”

“ใช่แล้วครับ เธอไม่ต้องกลัวพวกเราหรอก รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน วางใจได้” พี่ซูสยืนยันอย่างหนักแน่นอีกเสียง ผมมองพวกเขายังไม่วางใจดีนัก เขยิบตัวมานั่งชิดเกาะกำบังเอาพี่เฮดีสเป็นที่ลับภัย คนที่ถูกยึดไว้ไม่ได้พูดอะไรหันไปคุยกับพวกพี่ๆ เมื่อทางนั้นถามขึ้นมา จะว่าไปแล้วผมยังไม่รู้เรื่องของครอบครัวพี่เฮดีสเลยนี่น่ารู้แค่เรื่องตระกูลเท่านั้นเอง แต่จะให้ผมขัดจังหวะการคุยของพวกเขาตอนนี้ก็ยังไงอยู่ เพราะทั้งสามคุยกันจริงจังซะเหลือเกิน

“แล้วแกกำหนดวันพิธีหรือยังวะ? ฉันจะได้เตรียมทำตัวว่างได้ถูกเวลา”

“ผมยังไม่ได้คิดไว้”

“งั้นพี่จัดการให้แกเองล่ะกัน อยากได้งานแบบไหนล่ะ? จัดที่คฤหาสน์นี้ไหม? หรือว่าจะจัดที่โรงแรมของเรา รีสอร์ตริมทะเลก็โอเคนะ แล้วจะเชิญแขกมากี่คน?”

ผมมองพวกเขาคุยกันอย่างงงๆ จะจัดงานอะไรงั้นเหรอ? พี่ซูสเนี่ยทำหน้าเคร่งเครียดจริงจังเอามากๆ เลย แถมยังถามไถ่รายละเอียดปลีกย่อยเอาให้ละเอียดยิบ โดยมีพี่โพไซดอนเสริมเติมเต็ม บางครั้งก็หันมาถามผมซึ่งก็ออกความคิดเห็นไปแบบมึนๆ หลังจากคุยกันเรื่องนี้เสร็จพี่ซูสได้รายละเอียดงานไปจนเป็นที่พอใจแล้วพวกเขาก็แยกย้ายกัน พอมาถึงบันไดทางสามแยกซึ่งมีรูปภาพบอกเล่าเรื่องราวของบรรพบุรุษของพวกพี่เฮดีสแขวนไว้ ภาพ ‘เทพีเฮร่าประทานพร’ พี่ซูสเดินแยกไปทางตรงกันข้าม พี่โพไซดอนเดินไปอีกทาง ผมกับพี่เฮดีสก็ไปอีกทาง

“เอ้อ นี่! คงจะไม่ช้าไป ถ้าจะพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับสู่บ้านก็อดไลค์เนส’ นะ...” เสียงของพี่โพไซดอนตะโกนข้ามฝั่งมาดังลั่น ผมเคยได้ยินประโยคนี้มาจากพี่ซูสแล้วล่ะ ผมยิ้มกว้างกำลังก้มผงกศีรษะรับ...










“น้องสะใภ้!!!”

 :o




TBC.

ถามว่านิยายเรื่องนี้มันแนวไหนน่ะเหรอ เรื่องนี้มันเป็นทุกแนว
ฮา ดราม่า แฟนตาซี ดาร์ค ลึกลับ หักมุม โรแมนติก อีโรติก! 555
ขออภัยจริงๆ นิยายเกือบทุกเรื่องของปอย มันไม่ปกติธรรมดาไปซะหมด บ้าพอๆ กับคนแต่งเนี่ยแหละ  :hao7:
เราค่อยๆ เฉลยปริศนาทีละอย่างไปล่ะกัน... ตอนหน้าอย่าตกใจล่ะ ทำใจดีๆ ไว้ มีเซอร์ไพรส์ !  :hao6:

เรียงตามลำดับ 'เรเนีย เฮเลน อะโฟรไดท์'

เอ... ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ >< คือรู้สึกว่าเคยอ่านว่าบรรยายถึงลักษณะ/หน้าตาของรัญในตอนแรกน่ะค่ะ ไม่รู้จำถูกหรือเปล่า เป็นโพตส์ข้างหน้าตอนแรกเลย แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้ว เผลอลบไปหรือเรามึนงงไปเองหว่า แหะๆๆ (คือมาอ่านใหม่แล้วมันไม่มีบอกง่า อยากรู้ว่ารัญหน้าตายังไง แต่ถ้ามีบอกตอนไหนแล้วเราเบลอๆก็ขอโทษด้วยน้า>_<)
ตอบจ้า ขออภัยที่ตอบช้าน่า  :hao5: เกริ่นนำตอนแรกปอยลบออกเองจ้า เนรัญ (ณ ปัจจุบัน) ผมยาวปะบ่าผมสีน้ำเข้ม ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้ะ เป็นคนผิวขาว สูง 175 cm.  ประมาณหน้าขาวปากแดงแลดูจิ้มลิ้ม ตาหวานมีน้ำคลอเสมอเว (ทำให้ดูน่าแกล้ง เอิ๊ก!) แถมยังชอบทำหน้าเอ๋อๆ มันก็เลยดูน่ารักน่าแกล้ง อิๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2013 23:13:54 โดย lie-boy »

ออฟไลน์ phana_qbz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อัพตอนต่อไปเลยได้ไหม~ ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกก หลงรักเทพีเพอซิเฟ่อเน่~



น้องสะใภ้  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
อ๊ายยยย เน่เน่จะเข้าพิธีกับพี่เฮดีส :hao6:

ออฟไลน์ sodamint.11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบมากยิ่งอ่านยิ่งชอบ.มีหลายอารมณ์มาก
ในเรื่องนี้ แปลกไม่เหมือนที่เคยอ่านมา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
หักมุมจริงๆ อยู่กลายเป็นแฟนตาซีเฉยเลย แต่ชอบค่ะ
หนูเนเน่น่าร๊าก

ออฟไลน์ Maxshu

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กรีีดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด น้องสะใภ้ 5555
เนเน่คือเทพีเพอร์ซิโฟเน่กลับชาติมาเกิดแน่ๆเลย ' w')๘

ออฟไลน์ Theodore

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
แต่งงาน แต่งงาน แต่งงาน

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
เปิดตัวมาแรกๆนึกว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักในรั้วมหาลัยซะอีก
อ่านไปเรื่อยๆ นานวันเข้านานวันเข้า ปริศนามาเต็ม
อ่านต่อไปอี๊ก แฟนตาซีมาด้วย ครบทุกรสจริงๆเลย
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
แนวดีไม่เคยอ่านนิยายแนวผสมปนเปเยอะขนาดนี้ 555555555

อร๊ายยยยยยย  :hao7: :hao7:  :impress2: ในที่สุดเนเน่จังก็ได้เป็นสะใภ้บ้านนี้ซะแล้ววววววว
เอาอีกกกกกกกกกกกก อยากอ่านฉากแต่งงาน เข้าเรือนหอไวๆ แต่เอ๊ะ ดูถ้าหนูเนเน่จะท้องก่อนเเต่งรึเปล่า
มีแววว่าจะเป็นยังงั้น 55555  :oo1:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
จะจัดงานแต่งหรอค้าาาา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เนเน่นางไม่รู้อะไรสักอย่าง
โดนล่อลวงมาแบบเนียนๆ
แลัวงี้พี่ไนซ์จะเป็นไงต่ออ่ะ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
5555 เนเน่ กำลังจะโดนจับแต่งงานกะพี่เฮดีสแว้ว

ออฟไลน์ supermyrainbow

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :hao7: :katai5: :katai5: :katai2-1:    ห้าๆ  ชอบจัง สู้ต่อไปนักเขียน  เราก็จะตามต่อไป ^^

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :a5: อ้อ เรื่องมันเป็นเช่นนี้เอง สามพี่น้องวางแผนแต่งงานของดีสกับเนรัณแน่ๆ แต่นายเอกของเราช่าง ไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้ยเคยกันอยู่มันแฝงอะไรบางอย่าง ฮาๆๆๆ
ชอบใจตรงประโยคสุดท้ายนี้แหละ น้องสะใภ้ :katai2-1:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
มาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ ช่วงนี้มาอัพรวดเร็วทันใจมาก :3123: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
แอร๊ยย
พี่เฮดีสหลอกเนเน่มาแต่งงานเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ
ร้ายกาจอะ
รออ่านต่อนะคะ
ลุ้นดีจังง

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
อย่างนี้นี่เองง

พลิกล็อกจากตอนแรกมากๆ ก็ว่าอยู่คนอะไรจะดาร์ดได้ขนาดนั้น


แล้วสองคนนี้เค้าไปตกลงแต่งง่นกันตอนไหนนิ


ออฟไลน์ tong_pub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-5
ตอนนี้...เอิบ...ขอทำความเข้าใจ
ช๊อกไม่แพ้เนรัญประเด็นคือ...ไนซ์...นี่ชื่อของเทพหรือไม่ใช่
เพราะเฮดีสบอกว่าไนซ์จะตายเพราะตัวของไนซ์เองเพราะชื่อ??
ฮืออออออ
แต่ตลกโพซมากนะ...ตอนร้องเพลงคุกเข่า นี่ฮาจริงจัง


 :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
สุดๆอะ   อยากอ่านต่ออ่า

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
อะไรกันเขาพามาเปิดตัวขนาดนี้หนูยังมึนไม่รู้เรื่องอีกนะหนูรัญ

แบบนี้ไม่ต้องรองานแต่งหรอกจับเข้าห้องหอเลยดีกว่า อิอิ


ปล.ขอบใจปอยมากเลยที่มาต่อได้รวดเร็วทันใจ หวังว่าตอนหน้าจะมาเร็วๆนะ

เราอย่างรู้เรื่องเซอร์ไพรส์  :hao7:

ปล.2 นึกว่าตระกูลก็อตไลน์เนสจะเป็นนักล่าแวมไพร์ซะอีก  :mew5:

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ชอบตอนนี่สุดๆ ได้หลายอารมณ์มากยกเว้นมาม่า อิๆ

หน้าเนเน่คงเป็นแบบนี้  o22

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เฮดิส!!!! แกมัดมือชกเนเน่ชัดๆ! :angry2: ปล.พี่โพซแกเกรียนแตกไปนะ!แต่ก็โคตรชอบพี่แกเลยอ่ะ! o13 :m3: :m3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2013 17:13:25 โดย Bovie »

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
เนเน่โดนหลอกมาเข้าพิธีซะเระ  :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
Re
«ตอบ #1498 เมื่อ29-10-2013 14:15:51 »

น้องสะใภ้  โอวววววว  -.-

ออฟไลน์ ไป๋ไป๋

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
 :a5:น้องสะใภ้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด